ตอบคำถามเจ้าค่ะ
1.ตอนที่แล้วตอน 9.เจ้าค่ะ ผิดที่เจ้าหญิงเอง
2.จากบอร์ดเดิมเรื่องมีการเพิ่มจากเดิมเจ้าค่ะ ถูกต้องแล้ว แต่แค่นิดเดียว ครุๆๆ
ปล. บอกแล้วให้อ่านอีกรอบ (ฮา)บุพเพวายร้าย
10.
พี่ชนะมาส่งผมกลับมาถึงบ้านตอนสายๆ พอเข้าบ้าน แม่ก็เข้ามากอดผมไว้ทันที
“คุณแพร เขาโทรบอกแม่.....แล้ว”
“ แม่ครับ ฮือๆ” ผมสงสารพี่วุฒิ ถึงแม้ว่าเขาจะทำร้ายผม..แต่
ร่างกายคนเราก็เจ็บปวดไม่ต่างกัน
ทรมานไม่ต่างกัน............ .......
“ ไม่เป็นไรจุม หมอเขาก็บอกว่าพี่เขาพ้นขีดอันตรายแล้ว”
“ ฮือๆ” ผมกอดแม่แน่น แม่ก็คงรู้สึกอึดอัดแต่ก็ไม่ว่าผม
“ เดี๋ยวตอนเย็น คุณแพรเขาจะมารับเราไปเยี่ยมพี่วุฒิกัน” แม่บอกผม
“ .........................?............”
.
.
...
.
ห้า โมงเย็นแม่พี่วุฒิมารับพวกผมถึงบ้าน ทั้งที่พวกเรา 2 คนไม่ได้มีความสำคัญถึงขนาดนั้น
คุณแพรเป็นผู้หญิงที่สวยมากยิ่งดูก็ยิ่งสวย ไม่แน่แปลกเลยที่วุฒิจะหล่อได้เพียงนี้เพราะพี่วุฒิเหมือนคุณแพรมาก
“ ซึมไปเลยหนูจุม ตาวุฒิไม่เป็นไรแล้ว นี่ดีกว่าครั้งที่แล้วเป็นกอง” คุณแพรพูดขณะอยู่ในรถ มีแม่นั่งกลางส่วนผมนั่งติดประตูอีกด้าน
“ ครั้งที่แล้วหนักมากเลยหรือค่ะ?” แม่ถาม มือแม่กุมมือผมอยู่ตลอดเวลา
“หนักมากค่ะ อยู่ICU สองคืน ร่วมๆแล้วนอนโรง-บาล 2 อาทิตย์”
“ ..................................” แม่เงียบให้คุณแพรเล่าต่อ
“ ตาวุฒิแพ้กุ้งอย่างรุนแรงเลยค่ะ อาจจะเป็นเพราะว่าเขาเป็นภูมิอยู่ก่อนแล้ว” คุณแพรอธิบายหันมายิ้มให้ผมกับแม่ แต่เหมือนกำลังคิดในใจ ที่ไม่ได้พูดออกมา
“ ผิดกับจุมเลยค่ะ แข็งแรงมาตั้งแต่เด็ก...” แม่พูดอวดๆลูบหัวผมไปมา
“ ดีแล้วล่ะค่ะ...แต่พักนี้ผอมๆไปนะ”คุณแพรว่าหันมาทางผม
“ ค่ะ 2 เดือนมานี้ที่จะไม่สบายบ่อยๆ” แม่บอกเสียงเหมือนไม่สบายใจ ผมเลยหลบสายตาคุณแพรโดยไม่ตั้งใจ เพราะสายตาคุณแพรเหมือนจะมองหาคำตอบกับผม.....
“ ......... .. .......”
“ ถึงแล้ว...นั่นคุณวชิระ” คุณแพรว่าประจวบกับรถจอดหน้าโรง-บาล และคุณวชิระก็คงเห็นรถพวกเราเลยยืนรอ
“สวัสดีครับ” ผมไหว้คุณวชิระ เขาหันมารับไหว้และทักทายทายแม่ และพวกเราตรงไปที่ลิฟเลยเพราะรู้ห้องอยู่แล้ว
พวกผมไปถึงพวกเพื่อนพี่วุฒิก็ออกมาพอดี และบอกพวกผมว่าพี่วุฒิเพิ่งตื่นเมื่อครึ่งชั่วโมงที่แล้วนี่เอง และอาการไม่น่าเป็นห่วงอย่างที่คิด
“ ......................................”
ในห้องหมอกับพยาบาลกำลังวัดไข้พี่วุฒิที่นอนบนเตียง
“ วุฒิลูก” คุณแพรว่าเข้าไปหาพี่วุฒิ สีหน้าพี่เขาดูดีกว่าครั้งล่าสุดที่ผมเห็น แต่คอเหมือนใหญ่กว่าเดิมผมมาทราบภายหลังว่าพี่วุฒิคอบวม
ไม่ถึง 10 นาทีมือถือพ่อพี่วุฒิก็ดังขึ้น และดูเหมือนว่าคุณวชิระต้องกลับไปทำงานแล้ว เพราะที่โรงแรมมีปัญหา และท่านก็ออกไปพร้อมคุณแพร แต่คุณแพรไปสิงคโปร์ติดต่อธุรกิจสิ่งทอที่บุ๊คไว้ก่อนที่พี่วุฒิจะเข้าโรง-บาล
สุดท้ายกลายเป็นว่าเหลือแค่ผมกับพี่วุฒิ 2 คน ครั้นผมจะกลับกลับแม่ แม่ก็บอกให้อยู่เป็นเพื่อนพี่วุฒิทั้งที่พยาบาลพิเศษจ้างไว้ดูแลก็มี
“ ..............................” หมอและพยาบาลมาวัดไข้พี่วุฒิอีกครั้งตอนทุ่มครึ่ง และพี่วุฒิยังมีไข้อยู่แต่ไม่มาก
ทุกคนโล่งอกไปตามๆกัน....รวมถึงผมด้วย
พี่วุฒิไม่ค่อยพูดอะไรคงเพราะคอบวมมั้งครับ ในห้องเลยไม่มีเสียงคุยกันเท่าไรนอกจากเสียงผมกับพี่พยาบาลชื่อ ศิ พี่ศิก็ถามเรื่องทั่วไปแหละครับประมาณว่าไม่ให้เงียบเกินไป
“ คุณวุฒิค่ะ 2 ทุ่มแล้วค่ะ” พี่ศิว่าเดินไปหาพี่วุฒิที่กำลังดูโทรทัศน์ แต่พี่วุฒิไม่ขยับไม่มองทำเหมือนไม่ได้ยินเสียงพี่ศิ
“ คุณวุฒิค่ะได้เวลานอนแล้วค่ะ” พี่ศิว่ายิ้มหวานให้พี่วุฒิ
“ ................” แต่พี่วุฒชี้ไปยังแก้วน้ำให้พี่ศิเอาให้ คงหิวน้ำ แต่
ควับ!!“ ว้าย!!” พี่วุฒิสาดน้ำในแก้วใส่พี่ศิ และเหมือนผมได้ยินเสียงหัวเราะในลำคอพี่วุฒิด้วย
“ .....นี่...” พี่ศิมองหน้าที่วุฒิตาแดง ก่อนที่หันมามองผมที่วิ่งไปหา
พี่ศิเขาร้องไห้ครับ
“ พี่วุฒิ....?” ผมพูดว่าจะถามพี่วุฒิว่าทำแบบนี้ทำไม แต่
เพล้ง!! แก้วในมือพี่วุฒิถูกฟาดลงพื้นเต็มแรงที่พี่วุฒิจะมี แก้วแตกกระจายกับพื้นตามด้วยเสียงร้องด้วยความตกใจของพี่ศิ และก็มีพยาบาลวิ่งเข้ามาในห้อง 2 คน ตามติดๆด้วยแพทย์เวร
“ เกิดอะไรขึ้นครับ?” คุณหมอถาม พี่ศิไม่ได้ตอบเอาแต่ร้องไห้พี่เขาคงตกใจ ผมเองยังตกใจเลย
“ ..................พี่วุฒิ...เขา?” คำพูดผมจุกอยู่ในคอพูดไม่ออก ทั้งยังไม่เข้าใจสาเหตุว่าพี่วุฒิทำไมทำแบบนี้ ถ้ายังไม่ง่วงบอกพี่ศิดีๆก็ได้
“
ดิฉันบอกเขาว่าถึงเวลานอนแล้ว แต่เขาสาดน้ำใส่ดิฉัน และขว้างแก้วลงพื้นค่ะ..” พี่ศิบอกปนสะอื้น
“ ทำแบบนี้ทำไมครับ ที่พยาบาลทำเพราะหวังดีกับคุณ..”
“ จะทำไม!” พี่วุฒิพูดจ้องหน้าคุณหมอ
พี่วุฒิ.......................
“.........................”
..
.
ไม่ถึง 1 ชั่วโมงพี่วุฒิก็ได้กลับบ้าน ตามที่คุณวชิระจัดการและน่าจะตามที่พี่วุฒิต้องการด้วยโดยไม่พยาบาลตามมาด้วย แต่มีผมกลับไปด้วยตามที่คุณวชิระขอ
.
.
********************
ผมออกจากห้องน้ำพี่วุฒิยังไม่หลับเลยครับ ทั้งที่ก่อนผมจะเข้าพี่เขาดูเหมือนจะเตรียมตัวนอนแล้ว
“ พี่ครับ 4 ทุ่มแล้วนะครับ” พี่วุฒิหันมามองผมทันที ทำให้ผมนึกถึงพี่ศิขึ้นมาทันที
“..................................มรึง กำลัง สมน้ำหน้ากรู กรูรู้” พี่วุฒิว่าเสียงแหบแต่ก็แข็งกระด้างเช่นทุกที
“ ไม่ใช่นะครับ!” ผมรีบบอก
“ ตอ แหล่” พี่วุฒิว่าคว้างหมอนใส่ผม แต่ผมหลบได้เป็นครั้งแรกคงเป็นเพราะมันไม่แรงอย่างทุกที
“ พี่วุฒิโมโหและหงุดหงิดผมใช่ไหมครับถึงได้ทำกับพี่ศิแบบนั้น....”
“ ........................” พี่วุฒิไม่ตอบแต่นั่นแหละคือคำตอบ ผมพูดถูก
“ งั้นผมกลับก็ได้ จะได้ไม่เกะกะสายตาพี่” ผมบอกเหมือนน้ำตามันจะไหล นี่ผมผิดมากเลยใช่ไหมที่แค่อยากดูแลพี่
“ .................................................. เดี๋ยว....”
ผมหันกลับไปมองพี่วุฒิ มือยังคงกำลูกบิดประตู
“ มานอน”
“ ...................” ผมไม่แน่ใจที่พี่วุฒิพูด หมายถึงให้ผมไปนอน?
“ กรู บอก ให้ มรึง มา นอน” พี่วุฒิสั่ง เอามือแตะที่นอนข้างตัวบอกให้ผมไปนอนตรงนั้นเหรอ?
“ ..............................ให้ผมไปนอน ตรงนั้นเหรอครับ......?” ถึงแม้เตียงนี้จะใหญ่พอที่ผมจะนอนได้สบายโดยที่ผมไม่โดนตัวพี่วุฒิให้รำคาญ แต่ตอนนี้พี่วุฒิไม่ปกติ....
“
เร็ว” พี่วุฒิสั่งเหมือนหมดความอดทน ผมรีบไปยืนข้างเตียงทันที
หมับ!! มืออุ่นๆเพราะมีไข้ของพี่วุฒิดึงผมให้นั่งลง ผมรู้ได้ว่าพี่เขาแปลกกว่าทุกที....
“ ...................................”
“ ......................................” พอผมมองพี่วุฒิ พี่เขาก็ปล่อยมือผมแล้วนอนลงไปเฉยเลย
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถาม
“ .........................................” พี่วุฒิไม่เพียงไม่ตอบ แต่ยังนอนหันหลังให้ผมอีก ผมมองแผ่นหลังที่ห่างเพียงแค่เอื้อมก็แตะตัวพี่วุฒิแล้ว แต่ดูเหมือนห่างไกลและเงียบเหงา
ที่หันหลังให้หมายความว่ายังไงครับ?
พี่อยากให้ผมทำอะไรทำไมพี่ไม่บอกผมล่ะ?
“ .................................” ผมนอนลงมองแผ่นหลังพี่วุฒิ อยู่ๆก็นึกอยากไปกอด แต่ผมก็ไม่ทำพราะไม่กล้าจนกระทั่งหลับไป.....
....
.
.
.
“ เอ๊!!” ผมตื่นขึ้นมาก็ตกใจเลยครับ คนเต็มห้องไปหมด อีกด้านของเตียงพี่วุฒินอนให้หมอตรวจอยู่ และยังมีนมขมิ้น และสาวใช้ที่เสริฟ์น้ำให้ผมวันที่ผมมาที่นี่ครั้งแรก พี่เขาชื่อ งาม(ขำ)กำลังจัดโต๊ะไม้สี่เหลี่ยมที่จะน่าจะเพิ่งเอาเข้ามาเป็นโต๊ะอาหาร
ผมรีบลุกขึ้นจากเตียงยืนเก้ๆกังๆ ทำตัวไม่ถูก ทำไมไม่มีใครปลุกผมเลย
“ ตื่นแล้วเหรอ?”
ควับ?!“ คะครับ” ผมว่าหันหลังตอบเสียงที่ถาม
คุณวชิระในชุดพร้อมไปทำงานก็อยู่ในห้องนี้ด้วย ผมยิ่งทำตัวไม่ถูก ไม่รู้ว่าท่านจะคิดยังไงที่ผมแย่งที่นอนพี่วุฒิลูกชายท่านแบบนี้
“ ตื่นมาแล้วก็ไปล้างหน้าล้างตาเถอะเถอะ..จะได้มากินข้าว” คุณวชิระบอก ผมพยักหน้าพร้อมกับคำว่า ‘ครับ’ สายตามองไปหาพี่วุฒิทีทำหน้านิ่ง รอยแดงป้านๆบนใบหน้าหายไปหมดแล้ว
“ นี่ค่ะ” พี่งามเอาเสื้อกับกางเกงให้ผม ซึ่งไม่ใช่เสื้อผ้าของผมอย่างแน่นอน
“ขอบคุณครับ” ผมรับมาแล้วเข้าล้างหน้า อาบน้ำด้วยเลย ก็ให้ชุดมาแล้วก็คงหมายความว่าแบบนี้...
ห้องน้ำอลังการมากเลยครับเข้าใจเลยว่ารวยจริงๆมันเป็นยังไง ห้องน้ำยังแบ่งเป็นห้องเป็นสัดส่วนได้อีก พอเข้าไปก็เป็นจะมองเห็นอ่างสีอาบน้ำสีขาวที่ตั้งเด่นเป็นสง่า ต่อจากนั้น 2 เมตรเป็นกระจกบานใหญ่มากกว้าง 3 เมตรได้ ตรงข้ามกันเป็นตู้แบบบ็อกอิน ผมเปิดดูแค่บานเดียว ข้างในเป็นเสื้อผ้า ทั้งที่ในห้องก็มีตู้เสื้อผ้าอยู่แล้ว เดินไปอีกถึงเป็นอ่างล้างหน้าใกล้อ่างอาบน้ำ และมีฉากกันกระจกทำให้เป็นสัดส่วน ข้างบนเป็นฝักบัวขนาดใหญ่ คงทำไว้อาบที่ละหลายๆคน ผมอึ้งไปนิดหนึ่งเพราะต่างจากบ้านผมลิบลับตรงฝักบัวนี้ก็กว้างกว่าห้องน้ำบ้านผม และถ้ารวมทั้งห้องน้ำแล้วกว้างกว่าห้องผมอีก ...
...ผมอาบน้ำเสร็จก็ใส่เสื้อในห้องน้ำเลย ออกมาก็ไม่เจอใครแล้วนอกจากพี่วุฒิที่นั่งอยู่เตียงท่าเดียวก่อนที่ผมจะไปอาบน้ำ
“ กว่าจะอาบเสร็จ..” พี่วุฒิหันมาอมงผมที่ใส่เสื้อเซิ้ตแขนสั้นสีแดง กางเกงขายาวสีขาว “ดูดีนี่” พี่วุฒิว่าน้ำเสียงไม่ตรงกับพูด ผมก็ไม่รู้เป็นไรจับโน่นจับนี่ไปเรื่อยก็มันไม่ชินและยังเป็นเสื้อพี่วุฒิอีก ถึงอย่างนั้นก็พอดีตัวผมถึงจะหลวมและยาวไปนิดหน่อยก็ตาม แต่ไม่น่าเกลียด
“ ..........................”
“ เร็ว หิวข้าว..............” พี่วุฒิว่าเสียงเข้ม
“ครับ???” ผมมองโต๊ะมีตระกร้าสีขาวขนาดกลางบรรจุผลไม้ที่จัดไว้อย่างสวยงามแต่ที่สะดุดตาคงเป็นแอปเปิ้ลสีเขียว
“ เอาข้าวต้มมาป้อนกรู เร็วๆ”
ให้ผมป้อนข้าวต้มพี่วุฒิ? แล้วทำไมพี่เขาไม่กินเอง มือก็ปกติและท่าจะไม่เป็นไรมากแล้ว
“ เร็วสิว่ะ!!” พี่วุฒิพูดเสียงดังหน้าเริ่มแดงขึ้นมาอีกเพราะตะโกน ผมไม่รอรอช้าเอาจานข้าวต้มหมูสับมาหาพี่วุฒิทันที
“ ...............” จะให้ผมป้อนพี่จริงๆหรือครับ
“ ยืนบื้ออยู่ได้ นี่กรูกินเสร็จต้องกินยาอีกนะ!!” พูดจบพี่วุฒิก็อ้าปากรอ
“ .......................” ผมตักข้าวต้มป้อนพี่วุฒิมือสั่นเล็กน้อยเพราะเกร็ง พี่วุฒิมองผมขณะที่ผมป้อน...
“ นั่งลง”
“ เออ ครับ” ผมตอบหันหน้ามองเก้าอี้ที่อยู่ข้างโต๊ะว่าจะไปยกมานั่งแต่พี่วุฒิดึงแขนผมไว้และดึงให้นั่งลงบนเตียงตรงหน้าพี่วุฒิ
“ ป้อนเร็วๆกินเสร็จ...กรูจะได้กินยา”
“ คะ ครับ” ผมว่าป้อนพี่วุฒิอีกคำ และเหมือนเดิมพี่วุฒิมองหน้าผม หรือว่าหน้าผมมีอะไรติดอยู่ มันทำให้ผมรู้สึกเลิ่กลั่กร้อนๆหนาวๆ
“ หน้าผม? มีอะไรหรือเปล่าครับ?” ผมถามป้อนพี่วุฒิไปด้วย เมื่อพี่วุฒิจ้องหน้าผมมันทำให้ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นนอกจากตอนป้อนข้าวต้มเท่านั้น
“
ไม่มี แต่กรูจะมองมรึงจะทำไม!!”“ ......................................” ไม่มีครับแต่ผมแค่สงสัยเท่านั้นเอง ได้แต่คิดแต่ไม่กล้าพูดออกไป
หลังจากนั้นผมก็ป้อนข้าวต้มพี่วุฒิในความเงียบจนหมดชาม กินข้าวหมดแบบนี้ท่าจะหายเร็ววัน
“ กรูยังไม่ได้อาบน้ำ หมอบอกว่ากรูมีไข้ให้เช็ดตัวก็พอ....มรึงกินข้าวเสร็จ เอายาให้กรูกินและมาเช็ดตัวให้กรูด้วย”
“ .......................................คะครับ” ผมรับครับกลับมานั่งกินข้าวต้มอีกชามบนโต๊ะ แต่ก็เหมือนมีสายตาพี่วุฒิจับจ้องอยู่ตลอดเวลา
!!!?? และพอผมหันไปพี่วุฒิก็กำลังมองอยู่จริงๆ ....
พี่วุฒิจ้องผมตลอดเวลาแบบนี้เพราะอะไรกันแน่ หรือว่าเสื้อที่ผมใส่มันประหลาด...
“ ...........................” ผมก้มหน้าก้มกินข้าวต้มพยายามไม่คิดอะไรมาก...แต่พอรู้ว่าพี่วุฒิกำลังมองผมอยู่ ใบหน้าก็ร้อนผ่าว...
“ เดี๋ยวผมจะเอาจานไปเก็บ และจะเอาผ้ามาเช็ดตัวให้พี่ด้วย” ผมบอกเก็บจานชามหลังจากกินข้าวต้มหมดชามเหมือนกันกับพี่วุฒิก็เพราะมันอร่อยมากเลยครับและตามด้วยเอายาหลังอาหาร ในแก้วใบเล็กๆให้พี่วุฒิกิน
“ ไม่ต้อง เดี๋ยวโทรลงไปให้คนมาเก็บ”
“ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลงไปเอง” ผมบอก เพราะอยากไปสูดอากาศข้างนอกบ้างอยู่ในนี้มีพี่วุฒิจ้องอยู่ตลอดเวลามันหายใจไม่สะดวก และอึดอัด
“ ..........................” พี่วุฒิขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมเลยรีบยกถาดออกมา
บังเอิญเจอพี่งามกำลังขึ้นบันไดมาพอดีด้วย
“ ไม่ต้องยกมาเองหรอกค่ะ โทรกด 0 ค่ะ” พี่งามบอกจะรับถาดจากผมแต่ผมบอกว่าผมยกลงไปเองได้
“ โอ้โห้!กินกันหมดเลยเหรออค่ะ?” พี่งามถามเธอเป็นผู้หญิงผิวคล้ำตัวเล็กๆดูทะมัดทะแม่งครับ
“ ครับ..” ผมเดินลงมา ตามพี่งามเข้าครัว และบอกพี่เขาว่าจะเช็ดตัวให้พี่วุฒิ และไม่มีกะละมังเล็กๆหรือชามใหญ่เพื่อใส่น้ำ
“ นี่ค่ะ” พี่งามออกไปนอกห้องครัวแล้วกลับมาพร้อมชามแก้วใบใหญ่ “ เมื่อคืนหลับสบายไหมค่ะ?” พี่งามอยู่ๆก็ถามขึ้นมา
“ อ ครับ” ผมเขินเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า
“ ไม่มีใครปลุกผมเลย ผมตื่นขึ้นมาไม่รู้จะทำตัวยังไง” ผมว่าไม่ได้ต่อว่าใคร แค่พูดให้ฟัง
พี่งามหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบ
“ ก็คุณวุฒินะสิค่ะ บอกว่าห้ามปลุก ใครจะกล้าขัดใจ” พี่งามตอบสีหน้าจริง
พี่วุฒิ?
“ แต่ขณะที่หมอตรวจแล้วมีคนนอนอยู่บนเตียงอีกคน แล้วยังนอนหลับอีก ผมกลัวจะไปเกะกะคุณหมอ....”
“ ไม่เกะกะหรอกค่ะ คุณหมอเรื่องเล็ก คุณวุฒิน่ะเรื่องใหญ่ ถ้าไม่อยากให้บ้านแตกคุณวุฒิว่านกต้องเป็นนก ไม้ต้องเป็นไม้ค่ะ....”
“ ไม่เป็นไรครับ เดี๋ยวผมลงไปเอง” ผมบอก เพราะอยากไปสูดอากาศข้างนอกบ้างอยู่ในนี้มีพี่วุฒิจ้องอยู่ตลอดเวลามันหายใจไม่สะดวก และอึดอัด
“ ..........................” พี่วุฒิขมวดคิ้วไม่พอใจ แต่ไม่ได้พูดอะไร ผมเลยรีบยกถาดออกมา
บังเอิญเจอพี่งามกำลังขึ้นบันไดมาพอดีด้วย
“ ไม่ต้องยกมาเองหรอกค่ะ โทรกด 0 ค่ะ” พี่งามบอกจะรับถาดจากผมแต่ผมบอกว่าผมยกลงไปเองได้
“ โอ้โห้!กินกันหมดเลยเหรออค่ะ?” พี่งามถามเธอเป็นผู้หญิงผิวคล้ำตัวเล็กๆดูทะมัดทะแม่งครับ
“ ครับ..” ผมเดินลงมา ตามพี่งามเข้าครัว และบอกพี่เขาว่าจะเช็ดตัวให้พี่วุฒิ และไม่มีกะละมังเล็กๆหรือชามใหญ่เพื่อใส่น้ำ
“ นี่ค่ะ” พี่งามออกไปนอกห้องครัวแล้วกลับมาพร้อมชามแก้วใบใหญ่ “ เมื่อคืนหลับสบายไหมค่ะ?” พี่งามอยู่ๆก็ถามขึ้นมา
“ อ ครับ” ผมเขินเมื่อนึกถึงเรื่องเมื่อเช้า
“ ไม่มีใครปลุกผมเลย ผมตื่นขึ้นมาไม่รู้จะทำตัวยังไง” ผมว่าไม่ได้ต่อว่าใคร แค่พูดให้ฟัง
พี่งามหัวเราะคิกคักก่อนจะตอบ
“ ก็คุณวุฒินะสิค่ะ บอกว่าห้ามปลุก ใครจะกล้าขัดใจ” พี่งามตอบสีหน้าจริง
พี่วุฒิ?
“ แต่ขณะที่หมอตรวจแล้วมีคนนอนอยู่บนเตียงอีกคน แล้วยังนอนหลับอีก ผมกลัวจะไปเกะกะคุณหมอ....”
“ ไม่เกะกะหรอกค่ะ คุณหมอเรื่องเล็ก คุณวุฒิน่ะเรื่องใหญ่ ถ้าไม่อยากให้บ้านแตกคุณวุฒิว่านกต้องเป็นนก ไม้ต้องเป็นไม้ค่ะ....”
“ งาม-ขำ!” นมขมิ้นที่เพิ่งเข้ามาเรียกพี่งามเสียงแข็งน่ากลัว จนพี่งามหน้าเสียรีบไปล้างผักอย่างขะมักขะเม้น
ผมเลยปลีกตัวออกมา
* * * *
ตอนนี้เอาน้องจุมไปเจ้าค่ะ ปล.แตกต่างจากบอร์ดเก่าเพราะรูปนั้นหน้าน้องจุมไม่ชัดรูปนี้ชัดดี คริๆ
***************************
ไม่รักไม่ว่าแต่อย่าขัดขืน^T^
~