บุพเพวายร้าย(สอง)
พิเศษ.จุม-อดีต
“ จะทำอะไร!!” เสียงแข็งกระด้างถาม ผมและพี่สมคิดหันไปที่หน้าประตูทันที
“ คุณจุมท่าทางจะไม่สบายครับ” พี่สมคิดพูดกับพี่วุฒิ พี่เขาหันมามองผม
“ กลับไปได้แล้ว” พี่วุฒิสั่ง ก่อนที่พี่สมคิดจะออกไป
“......................” พี่วุฒิในชุดนิสิต คงกลับจากมหาลัย หมายความว่าไปเรียน
“ อ่อยเหรอ?” พี่วุฒิถาม
“ เปล่าครับ” ผมบอกยังนั่งอยู่ที่เดิม พี่วุฒินั่งชันเข่าข้างหนึ่งตรงหน้า ผมกำมือแน่น
ผมไม่ได้ทำอะไรเลยนะครับ บ้านถึงผมอยากลับก็ไม่กลับตามที่พี่สั่ง
“ รู้ไหมเมื่อเช้ามรึงทำอะไรผิด?” พี่วุฒิถาม
“ ผมไม่ปลุกพี่ครับ”
“ นั่นก็ส่วนหนึ่ง แต่เรื่องที่มรึงทำผิดมากคือเรื่องอะไร?” ผมไม่รู้ เท่าที่ผมคิดออกก็คือเรื่องนี้
“......................”
“เงียบนี้คือ ไม่รู้ หรือไม่อยากพูด”
“ ไม่รู้ครับ” พี่วุฒิคิ้วขมวด จับข้อมือผม ตัวทั้งตัวผมสั่น
“ บอกมา!” สะดุ้ง
“ ไม่รู้ครับ” ผมบอกเอาแขนอีกข้างดันตัวถอยห่าง
“ บอกให้บอกมาไงเล่า!!” “ ไม่รู้ครับ ไม่รู้ครับพี่วุฒิ บอกผมด้วยผมไม่รู้” ผมไม่รู้ อย่าถามผมเลย
“ บอกให้พูดมา!!!” “ พี่ อย่าทำอะไรผมนะครับ ผมไม่รู้” ทั้งบอกทั้งสายหน้า
“ แต่มรึงต้องรู้ เพราะมรึงเป็นคนทำ” แกร๊ก !? ประตูเปิดออกเพราะบางคน
พี่ชนะเปิดประตูเข้ามา และพี่แบงค์ด้วย
“ อ้าวกรูเห็นประตูแง้มอยู่ นึกว่ามีอะไร ที่แท้ก็..” พี่ชนะเดินผ่านผมกับพี่วุฒิเข้ามาในห้อง
พี่สมคิดคงเปิดประตูไม่สนิท
“ จะบอกไม่บอก!!” พี่วุฒิหันมาถามผมอีก
“ ไม่รู้ครับ ไม่รู้” ผมบอก
“ ไรวะวุฒิ มีไรก็ค่อยพูดจาค่อยกันดิ น้องเขากลัวมรึงจนลนลานแล้ว กรูเห็นแล้วรู้สึกว่ามรึงเลว ขอเถอะ” พี่ชนะว่า พี่วุฒิหันไปหาพี่ชนะที่กำลังเปิดถุงที่พี่สมคิดเอาเมื่อกี้
“ ชนะ อย่าเสือก”
“ เจ็บวะไอ้เพื่อนเกลอ” พี่ชนะพูดยักไหล่
“ เร็วๆ บอกมา! ตอนที่กรูยังมีความอดทน” พี่วุฒิพูดกับผม
“ พี่ครับ ผมไม่รู้ว่าผมทำผิดอะไรนอกจากไม่ปลุกพี่”
พี่วุฒิง้างมือขึ้น ผมกำลังจะโดนตบ ผมรีบหลับตาลง ‘กลัว’
“ แบงค์ !?” (เสียงพี่วุฒิ)
“......................” ไม่มีอะไรเกิดขึ้น ผมลืมตาอย่างระแวดระวัง
“ วุฒิ น้องเขาไม่รู้หรอกไม่ได้แกล้งไม่รู้” พี่แบงค์บอก มือยังจับมือพี่วุฒิค้างไว้
“ นั่นดิ” พี่ชนะว่าเดินมาหาพวกผม
“ พวกมรึงเข้าข้างมัน! ” ตวัดสายตามาที่ผม
“ เปล่าครับ คุณวุฒิ แต่กรูคิดว่าจุมไม่กล้าโกหกมรึงเท่านั้นเอง เพราะงั้นน้องเขาพูดความจริงล้านเปอร์เซ็นต์” พี่ชนะว่าแกะมือพี่แบงค์ออกจากมือพี่วุฒิ
“......................”
“ แล้วมันเรื่องอะไร ที่มรึงจะต้องคาดคั้นเอากับจุมให้ได้” พี่ชนะถาม
“...................” พี่วุฒิจ้องหน้าผมก่อนที่จะยืนขึ้น
“ เรื่องของกรู พวกมรึงอย่ารู้เลย”
“ ตามใจมันแบงค์ มากินซูซิกันดีกว่า” พี่ชนะบอก คงจะเป็นอาหารในถุงที่พี่สมคิดเอามา แต่ทั้งพี่วุฒิพี่แบงค์ไม่ขยับ
“ จะไปจ้องจุมให้ตัวทะลุหรือไง” พี่ชนะว่าดึงตัวพี่วุฒิไป
“ ลุกไหวไหม?” พี่แบงค์ถามแต่ก็ก้มลงมาจะช่วยผม
“อยะ...” เสียงผมเบา ผมเอาแขนแนบกับตัวไม่อยากให้พี่แบงค์จับ
“ แบงค์มรึงมานั่ง” พี่วุฒิว่า เดินกลับมาหาผม แล้วจับต้นแขนผมแรงๆ
“ ยืนขึ้น”
“......................” ขาไม่มีแรง
“ กรูสั่งไม่ได้ยินหรือไง ยืนขึ้น!” พี่วุฒิสั่ง ผมค่อยๆยืนขึ้น ก่อนที่จะโดนลากให้ไปนั่งเก้าอี้
“ มันพูดไม่ค่อยรู้เรื่องหรอก ต้องให้ตะคอก ต้องให้ใช้กำลัง” พี่วุฒิว่านั่งลงบนเก้าอี้
พี่ชนะเดินเข้าไปในครัว เอาถ้วยมา 4 ใบ และช้อน วางลงบนโต๊ะ
“ ชามเอามาใส่ซุปที่เหลือก็กินมันทั้งกล่องนั่นแหละ” พี่ชนะว่า ผมรู้สึกว่าพี่แบงค์มองผมอยู่พอหันไปก็จริงๆจริงๆ ผมเลยก้มหน้าลง
“ พวกมรึงมาหากรุมีไรเปล่า?”
“ ถามแบบนี้อีกแล้ว อยากมาพวกกรูก็มา” พี่ชนะพูด พี่แบงค์เทซุปสีขุ่นใส่ถ้วยใบแรกและยกมาวางตรงหน้าผม
“ จุมกินเลยไม่ต้องรอ” พี่แบงค์บอก เอากล่องมากิวางตามถ้วยซุป ผมพยักหน้าขอบคุณ ได้กลิ่นอาหาร ท้องมันก็หิวขึ้นมาทัน ข้าวเช้ายังไม่ได้กิน มองออกไประเบียบท้องฟ้าก็มืดแล้ว ข้าวเที่ยงก็คงยังไม่ได้กินด้วย
“ ตะเกียบ” พี่ชนะยื่นตะเกียบไม้ให้ผม
“ เอาใจกันเข้าไป” พี่วุฒิว่า
“ มรึงมันส่วนเกิน เพิ่งรู้ตัวเหรอ คุณชายวุฒิ” พี่ชนะว่ากินไม่สนใจพี่วุฒิ ผมคีบมากิแต่มันหล่น เพราะมือสั่น แม้แต่พี่ชนะก็หันมามอง
“......................”
เงียบ
“ ตะเกียบโรงแรมมรึงแม่งโหลวะวุฒิ อย่าไปใช้ของโหลๆจุม เอานี้ดีกว่า” พี่ชนะดึงตะเกียบผมไปแล้วเอาช้อนส้อมให้ผมแทน
“......................” พี่แบงค์ยืนขึ้น เดินเข้าไปในครัว แล้วออกมาพร้อมจานใบเล็กๆ จากนั้นก็คีบเทมปุระ นัสเก็ต ซูซิ มาวางข้างถ้วยซุปผม
“ กินในจานนี้แหละ” พี่แบงค์บอก
“ ขอบคุณครับ” ผมว่า
“......................”
!? พี่วุฒิวางตะเกียบ
“ กรูกินไม่หลง” พี่วุฒิลุกขึ้น เดินเข้าไปห้อง
“ ไอ้นี่ ไม่รู้เป็นบ้าอะไร หรือว่าประจำเดือนไม่มา” พี่ชนะพูดแล้ว หัวเราะเบาๆ ผมมองตามหลังพี่วุฒิไป ก่อนที่จะหันกลับมา
พี่วุฒิไม่กินตอนนี้ ตอนกลางคืนอาจจะหิวก็ได้
“......................” ถ้าพี่แบงค์กับพี่ชนะกลับไปแล้ว พี่วุฒิจะลืมเรื่องที่ผมไม่รู้ว่าทำเรื่องผิดหรือเปล่า ผมกลัวว่าพี่วุฒิจะถามผมอีกแล้วผมบอกว่าไม่รู้ พี่วุฒิก็จะโกรธขึ้นมาอีก
“ จุม ไปหาหมอไหม?” พี่แบงค์ถาม
“ ผมไม่เป็นไรครับ”
“ ไปแค่คลินิกใกล้ๆนี้ก็ยังดี” พี่แบงค์บอก
“ ผมไม่เป็นไรจริงๆครับ” ผมว่า ใช้ช้อนตักซุปในถ้วนขึ้นซด แสบปากที่แตก
“ แล้วเราไปทำอะไรให้ไอ้วุฒิมันบ้าแบบนี้ ถึงมันจะบ้าอยู่แล้วก็ตาม” พี่ชนะถามผม
“ เมื่อเช้า พี่วุฒิบอกให้ผมปลุกตอน 7 โมงแต่ผมตื่นไม่ทัน” ผมบอก
“ แล้วทำไมจุมไม่ตั้งนาฬิกาปลุกล่ะ?” (พี่ชนะ)
“ พี่วุฒิไม่ให้ตั้งครับ พี่เขาหนวกหู”
“ โรคจิตได้อีก เพื่อนกรู” พี่ชนะเหมือนพูดกับตัวเอง
“ แล้ว เมื่อกี้ทำไมจุมไม่บอกไอ้วุฒิ” พี่แบงค์ถาม
“ ผมบอกแล้วครับ แต่พี่วุฒิบอกว่ายังมีอีก”
“ เอางี้นะจุม พี่ไม่รู้ว่าเรื่องอะไร แต่พี่มั่นใจว่ามันต้องถามเรื่องนี้อีกแน่ ดูมันจะติดใจเรื่องนี้มาก ตอนนั้นพวกพี่ต้องกลับไปแล้ว ถ้าไอ้วุฒิมันพูดอะไรทางที่ดีคืออย่าขัดใจมัน ตามน้ำไปแล้วจะดีเอง” พี่ชนะบอกและนี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่พี่ชนะบอกแบบนี้
พี่แบงค์คีบมากิใส่จานผมเพิ่มขึ้นอีก จนพูน
“ ชนะ กรูว่าคืนนี้เราค้างที่นี่เถอะ” พี่แบงค์หันไปพูดกับพี่ชนะ ก่อนที่หันมาหาผม
“............ ...... ....” พี่ชนะหันมามองผมตามพี่แบงค์
“ ไอ้วุฒิมันต้องไล่เรา 2 คนกลับแน่” พี่ชนะว่า
“ เดี๋ยวกรูพูดกับมันเอง”
“ ก็ดี เพราะ...” พี่ชนะทำหน้าเหมือนกำลังคิดอะไรบ้างอย่าง
“......................” ขอให้พี่แบงค์ พี่ชนะได้ค้างที่นี่
“ มาหาเสื้อให้กรูดิ!!” พี่วุฒิเดินออกมาพูด (ใส่กางเกงนอนสีเหลืองตัวเดียว ไม่ได้ใส่เสื้อ เมื่อกี้คงไปอาบน้ำ)
“ มรึงบอกใคร?” (พี่ชนะ)
“ บอกมัน!!” พี่วุฒิว่า นั่นหมายถึงผม
“ มันสัมประระง หรือมันแกล้ว” พี่ชนะพูดแล้วหัวเราะ
“ วุฒิรอให้จุมกินอิ่มก่อนแล้วกัน” พี่แบงค์ว่า
“ จะไปไม่ไป!” (พี่วุฒิ) ผมรีบลุกขึ้น แต่พี่แบงค์จับมือผมที่วางอยู่บนโต๊ะ ผมดึงอออกทันที
“ วุฒิ ให้จุมกินข้าวก่อนดิ หรือไม่มรึงก็หาอะไรใส่ไปก่อน” พี่แบงค์พูดอีก
“ กรู จะ ใส่ เสื้อ ชุด นี้ และ เดี๋ยว นี้
!” พี่วุฒิเน้นย้ำคำทุกคำ
“ ไม่เป็นพี่ จะบอกว่า
‘ช่างหัวมรึง!’ ” (พี่ชนะ)
“ โทษนะชนะ มรึงไม่ใช่มัน กินเสร็จก็รีบกลับไปด้วย” เสียงพี่วุฒิพูดเดินตามผมเข้ามาในห้อง
“......................” ในห้องบนพื้นเหมือนเสื้อในตู้ทั้งหมดจะถูกเอามากองไว้
“ หาให้เจอ” พี่วุฒิสั่ง ผมเปิดตู้มีเสื้อไม่กี่ตัว ไม่มีเสื้อชุดนอนตัวสีเหลืองที่ต้องการ ผมมาดูที่กองผ้าอยู่ ขาผมไม่ค่อยมีแรงผมเลยนั่งลง และดูเสื้อ กางเกงทีละตัว
สีเหลือง
เอาสีเหลือง ที่เป็นชุดกับตัวที่วุฒิใส่
“ วุฒิมีเรื่องคุยด้วยออกไปคุยกันหน่อย” พี่แบงค์เดินเข้ามาพูด
“ เรื่องไร คุยตรงนี้ได้ไหม?”
“…………. เดี๋ยวคืนนี้กรูกับไอ้ชนะขอค้างที่นี่” ผมก้มหน้าอยู่เลยไม่รู้ว่าพี่วุฒิทำหน้ายังไง
“ ไม่ได้ และไม่ต้องหาเหตุผลมาอ้าง กรูรู้ว่าทำไมพวกมรึงอยากนอนที่นี่ ยิ่งพวกมรึงทำแบบนี้ กรูก็ยิ่งหงุดหงิดมัน”
ฟลุบ !?
เสื้อโดนหน้า ผมเงยหน้าขึ้น เห็นพี่วุฒิ พี่เขาคงโยนมา
“ มรึงเข้าใจไหมแบงค์ …”
“ วุฒิ ..”
“ อย่าพูดอะไรอีก ถ้าไม่อยากให้กรูทำอะไรมันมากกว่านี้ และกลับไปตอนนี้เลย”
“......................” ผมหันไปมองพี่แบงค์ที่กำลังทำหน้าลำบากใจ ผมยิ้มบอกว่าผมไม่เป็นไร ก่อนที่จะก้มลงหาเสื้อต่อ
ไม่อยากให้พี่วุฒิโกรธพี่แบงค์เพราะผมเลย
“ .....................วุฒิ คิด ดี ๆ” พี่แบงค์พูดจบก็เดินออกไป ผมได้ยินเสียงพี่ชนะ สองสามคำแล้วก็เงียบหายไป
คงกลับกันไปกันแล้ว
“ เมื่อไรจะเจอ?” พี่วุฒิถาม
“ พี่จะใส่ตัวอื่นไหมครับ?”
“ กรูจะใส่ตัวนี้ !” พี่วุฒิบอกเดินออกไปนอกห้อง แล้วเดินกลับเข้ามา
“ กลับกันแล้ว อย่าคิดว่าจะมีใครมาเข้าข้าง หรือมาช่วยมรึงรีบหาให้เจอ” พี่วุฒิพูด ผมไม่กล้าเงยหน้าขึ้น
กลับไปแล้ว
ตาผมที่กำลังมีน้ำตาคลอดมองเห็นเสื้อชุดนอนสีเหลือง รีบดึงมันออกจากกองผ้า
“ พี่ครับ ตัวใช่ไหมครับ?”
เจอแล้ว
“ เออ” พี่วุฒิบอกดึงเสื้อไป แล้วใส่ทันที แต่
“ มาติดกระดุมให้กรูดิ” พี่วุฒิบอก ผมลุกขึ้นเดินไปหา ติดกระดุมสีขาวเม็ดเล็กๆเม็ดที่ 2 จากบนสุด แต่มือมันสั่น เลยติดได้ช้า
“ เร็ว!” “กรูติดเองดีกว่า ช้า!” พี่วุฒิว่าผมถอยห่างออกมา
“......................”
“ ไปกินให้อิ่ม” พี่วุฒิบอก ผมมองพี่เขาแล้วก่อนแล้วค่อยออกมา แต่ไม่ได้หยุดที่โต๊ะกินข้าว ขาผมเดินไปถึงประตู มือยื่นจับลูกบิด
“ จะไปไหน!?!”พี่วุฒิถาม ผมสะดุ้งหันกลับไป
“......................”
“ ถามว่า จะไปไหน!?”
“ ปะเปล่าครับ” ผมบอก วิ่งจะเข้าห้องตัวเอง แต่พี่วุฒิวิ่งไปดักหน้าเพราะอยู่กว่าผม
“ จะไปไหน!!!” “ ไม่ไปไหน”
“ แล้ววิ่งทำไม!!” “ ยะอยากลับบ้าน ผมอยากกลับบ้าน” ผมบอก
“มรึง ว่าไงนะ!?” เสียงดุดัน
“ ผมอยากกลับบ้านไปหาแม่”
“ อยู่ที่นี่แล้วมันทำไม!!” พี่วุฒิจับไหล่ผมเขย่าแรงๆ
“ ฮือๆ อยากกลับบ้าน” กลั้นไว้ไม่ได้แล้ว
“ อย่าฝัน กรูไม่ให้ไปไหน ก็ไปไม่ได้ และลองมรึงกลับบ้านดูดิ เจอมรึงเมื่อไร เจ็บตัวและคนอื่นอย่าคิดว่าจะรอด!” “ ฮือๆ” ทำไมพี่ถึงได้เกลียดผมและทรมานผมได้ขนาดนี้
“ แล้วก็เงียบ หยุดร้องไห้!!” “ ฮือๆ” ผมทำไม่ได้
“ บอกว่าให้เงียบ!!” “ อึก ฮือๆ ”
“ บอกว่าให้เงียบ! พูดภาษาคนไม่รู้เรื่องหรือไง! !?” “ ฮือ ๆ” ผมทำแล้ว แต่น้ำตามันร้องของมันเอง
“ เออดี ร้องเข้าไป กรูจะทำให้มรึงร้องจนไม่มีจะร้องเอง!!!” “......................” จะทำอะไรผม
“ วอนดีนัก!” “ พี่ครับ ขอโทษ” ผมบอก
“ ไม่ต้อง ไม่จำเป็น” พี่วุฒิพูดเสียงปกติจนเหลือเชื่อ
“ พี่ครับ พี่ครับ” ผมยกมือขึ้นไหว้พี่วุฒิ
“ มรึงทำให้กรูบ้าเอง ..” ผมส่ายหน้าบอกว่าไม่ใช่
“......................” (ส่ายหน้า)
“ตัวมรึงมันน่าโมโหรู้ไหม !!” “ มรึงสอนไม่เคยจำว่าต้องทำยังไง วันนี้กรูต้องสอนมรึงจริงจัง” พี่วุฒิปล่อย ผมวิ่ง
โครม!? ผมสะดุ้ดล้ม พี่วุฒิจงใจปล่อยผมและจงใจใช้ขาขัดผมจนล้ม
เจ็บ
“......................” ผมลุกไม่ขึ้น เมื่อกี้เข่าผมกระแทกพื้น ผมหันกลับไป พี่วุฒิเอาเท้าเหยียบขาผม
“ มรึงจะได้รู้ว่า ขัดใจกรูมันเป็นยังไง แต่กรูเคยบอกกรูหลายครั้งแล้วนี่หว่าแต่มรึงไม่จำ”
“ พะพี่ พี่ พี่ สงสารผมด้วยครับ”
“ จะลองคิดดู ...................................................................................................แต่ไม่ดีกว่า”
ผมได้ยินเสียงกรีดร้องตัวเองอีกแล้ว ทำไมเสียงของผมถึงมีแต่ผมที่ได้ยิน
ผีเสื้อมีปีกบางๆแต่ปีกบางๆก็พามันไปที่ไหนก็ได้ตามที่ใจคิด ผมอยากมีปีกบางๆก็ยังดี เพราะขาของผมเดินไม่ได้ หนีไปไหนก็ไม่ได้
ผมอยากมีปีกเล็กๆบางๆก็ดีแล้ว แต่เพราะผมมีขาแล้วเลยไม่สามารถมีปีกได้
ผมเลยหนีไปไหนไม่ได้ เพราะขาผมเดินไม่ได้
หรืออาจจะเป็นเพราะว่า หัวใจของผม
- -
น้องวีคือคนที่พี่ชนะเจอในผับเจ้าค่ะ ชนะจะไปเฟริ์ตเขา แต่สามีเขามา จนจะมีเรื่องกัน ดีที่พี่แบงคค์เข้ามาช่วย บอกว่าชนะเป็นแฟน มีหลายๆท่านยังจำได้เน้อ