บทที่ ๒๗
ฝนที่ตกลงมาอย่างหนัก หยุดไปได้พักใหญ่ หมูมองดูนาฬิกาบนโต๊ะ บอกเวลาเกือบ ๓ ทุ่ม แต่ก็ยังไม่มีวี่แววของรูมเมทรุ่นน้องเลยแม้แต่น้อย เขารู้สึกผิดปรกติเพราะเท่าที่เขาเคยเห็น น้ำไม่เคยไปไหนหลัง ๒ ทุ่ม หากว่าติดฝนอยู่ ก็ควรกลับมานานแล้ว
ก๊อกๆๆ
เสียงเคาะประตูดังขึ้น ตามด้วยเสียงบานประตูเลื่อนเปิดออก หมูหันขวับไปมองเกือบจะทันที แต่คนที่เดินเข้ามาในห้องกลับเป็นเพื่อนของคนที่เขารอคอย
“อ้าว ... น้ำไปไหนล่ะ” ชตถามเสียงกระด้าง หลังจากที่กวาดสายตามองไปทั่วห้อง
“ไม่รู้ ไม่ได้อยู่กับพวกเราเหรอไง” หมูตอบแล้วจ้องชตนิ่ง
“อ้าว” ชตอุทานอีก “ก็แยกกันตั้งแต่ก่อนฝนตก ยังย้ำว่าให้รีบกลับหอ ไปไหนของมัน”
... ใต้ต้นชมพูพันทิพย์ต้นใหญ่ ริมบึงน้ำด้านหลังมอ เร็วเข้า ...
เสียงนุ่มทุ้ม แฝงด้วยความอ่อนโยน ดังขึ้นข้างหู ทำให้ชตมองไปรอบๆตัว จำได้ทันทีว่าเป็นเสียงเดียวกับที่เคยห้ามเขา ไม่ให้ทำอะไรที่ผิดพลาดลงไปกับเพื่อน
“หาอะไร” หมูขมวดคิ้ว ส่งเสียงอย่างรำคาญ
“พี่หมู” ชตเดินเข้ามาใกล้ พูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง “พี่รู้มั๊ยว่าถ้าน้ำมันจะไปบึงน้ำหลังมอ ที่มีต้นชมพูพันทิพย์ต้นใหญ่ๆ มันจะไปอยุ่ตรงไหน”
“หมายความว่ายังไง”
... เร็วเข้า ที่ที่หมูเคยพาน้องเขาไป... เสียงเดิมเร่งเร้า
“เอาน่าพี่ อย่าเพิ่งถาม ... ตรงที่พี่เคยมาน้ำมันไปน่ะ” ชตเร่ง น้ำเสียงร้อนรน
“อ๋อ ถ้าที่นั่นละก็ ... รู้” หมูรับคำอย่างงุนงง
“พาผมไปเร็วเลยพี่”
ท่าทางร้อนรนของชตทำให้หมูหยิบพวงกุญแจ แล้วรีบเดินตามชตออกไปจากห้องทันที
เงาตะคุ่มที่อยู่ใต้ต้นชมพูพันทิพย์ เหมือนจะไม่สนใจกับรถจักรยานทั้งสองคันที่เข้ามาจอดอยู่ใกล้ๆ ยังคงนั่งมองละลอกคลื่นบนผิวน้ำอย่างเหม่อลอย
“น้ำ”
“ไอ้น้ำ”
หมูและชตเรียกเกือบจะพร้อมกัน พากันเดินเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ใต้ต้นไม้อย่างรวดเร็ว น้ำหันมามองดูคนทั้งสองที่ทรุดตัวนั่งลงคนละด้านข้าง ชตและหมูเห็นชัดตาว่าน้ำเปียกปอนไปทั้งตัว
“มาแล้วเหรอ” น้ำพูดด้วยเสียงแผ่วเบา หันไปยิ้มให้ชต แล้วหันไปทางหมู “ผมไม่นึกว่าพี่หมูจะมาด้วย”
หมูพูดอะไรไม่ออก เพราะสายตาของน้ำทั้งเสียใจ ทั้งตัดพ้อ แต่ชตกลับรู้สึกสะกิดใจกับคำพูดของน้ำ
“พูดยังกับรู้ว่าเราจะมา” ชตถามออกไป
“อื้อ” น้ำหันหน้ามาตอบ “พี่เค้าบอกว่าจะไปเรียกชตมารับเรา”
“พี่คนไหน” ชตขมวดคิ้ว
“เราก็ไม่รู้จัก เมื่อกี้เราว่าจะกลับหอ พอลุกแล้วเรามึนหัว พอดีพี่เค้ามาประคองเราไว้ ไม่อย่างงั้นเราล้มแน่เลย พี่เค้าบอกว่าจะไปตามนายมารับเรา แล้วพี่เค้าก็เดินไป เรายังไม่ทันขอบคุณเลย”
ชตรู้สึกเหมือนหนาวเยือกขึ้นมาแว่บหนึ่ง เมื่อคิดถึงเสียงที่กระซิบบอกเขา อดถามออกไปอีกไม่ได้
“หน้าตาเป็นยังไงวะ พี่คนนั้นน่ะ”
“ไม่ทันเห็นนะ เพราะพี่เค้ามาเร็ว ... ไปเร็ว เห็นแต่ข้างหลังเค้า” น้าตอบเสียงแผ่วๆ
“ตัวสูงๆ ใหญ่ๆ ใช่เปล่า แบบเหมือนพวกนักกีฬาน่ะ” ชตถามอีก
“ไม่น่ะ ตัวพอๆกับพี่หมูนี่แหละ ดูเหมือนตัวจะบางกว่า แต่เราจำเสียงได้ พี่เขาเป็นเพื่อนพี่หมู มาที่ห้องบ่อยๆ”
“ต้อยน่ะเหรอ” หมูเอ่ยปากถาม
“ไม่ใช่นะพี่” น้ำหันมาทางหมู “ผมก็ไม่รู้เหมือนกันว่าชื่ออะไร”
“เมื่อกี้นายบอกว่ามึนหัว ตอนนี้เป็นยังไงบ้างเนี่ย รีบกลับหอดีกว่า ดูซิเปียกปอนไปหมดทั้งตัวแล้ว”ชตพูดแล้วก็ดึงตัวน้ำให้ลุกขึ้น “เฮ๊ย ... ทำไมตัวเย็นอย่างนี้ล่ะ” ชตอุทานด้วยความตกใจ
“ก็อยู่ตรงนี้ตั้งแต่ตอนฝนตกนี่นา” น้ำตอบพลางขืนตัวไว้ไม่ยอมลุก
“อ้าว ทำไมไม่ลุกล่ะ” ชตเอามือสอดไปใต้แขนทั้งสองข้างของน้ำ พยายามดึงตัวขึ้นมา แต่น้ำยังฝืนตัวไว้
“เรียกชื่อเราดีๆก่อน เราถึงจะลุก” น้ำพูดเสียงเบา
“อ้าว อะไรของนายวะ ไอ้น้ำ จะให้เรียกคุณน้ำเหรอไง” ชตเริ่มมีน้ำเสียงไม่พอใจขึ้นมา
“เรียกชื่อเราเต็มๆก็พอ เราอยากฟัง ไม่มีคนเรียกมานานแล้ว ... เรียกเราน้ำฝนหน่อยสิ”
“น้ำฝน ... น้ำฝนเนี่ยชื่อนายเหรอ” ชตขมวดคิ้ว
“อื้อ ชื่อเราน่ะ ... น้ำฝน ... มีแต่คนเรียกเรา น้ำ ... น้ำ แม่ก็เรียกแต่ฝน ไม่ค่อยมีใครเรียกชื่อเราเต็มๆสักคน”
น้ำพูดแล้วพยุงตัวลุกขึ้น ชตเห็นก็เข้าไปประคอง แล้วพาเดินไปที่รถจักรยาน หมูที่เอาแต่นิ่งเงียบมาตลอด ได้แต่เดินตามไปเงียบๆ