ช่วยด้วย ! ผมได้แฟนเหี้ย ไอ้เด็กช่างยนต์ ตอนที่21...เล่นน้ำจนเหนื่อย
วันนี้วันอังคารเป็นเหมือนวันปกติทั่วไป ทุกคนต่างตื่นแต่เช้า(รวมทั้งตัวผมด้วย) กินข้าวแล้วออกไปทำงาน(ยกเว้นตัวผม) วันนี้ ก็เหมือนปกติทั่วไปผมมานั่งหน้าบ้านสูดก๊าซคาร์บอนไดออกไซต์ให้เต็มปอด(เห็น รถติดยาวเยียด) และวันนี้มีสิ่งที่ผิดปกติคือ ไอ้ปอมาหาผมโดยที่มันใส่ชุดธรรมดา กางเกงขาสั้นและมาตอนจะแปดโมงแล้ว(ปกติ ก็ประมาณ7โมง) ทันทีที่มันดับเครื่อง
“ทำไมมึงไม่ไปเรียน” ผมถาม
“วิดลัยหยุด...วันเอดส์โลก” มันตอบ
“อืมมกูลืมไปว่ามึงก็เป็นผู้ป่วย มึงมีสิทธิหยุด”
“ไอ้บ้า ว่ากู”
“ถ้าวิดลัยมึงจะหยุดวันสำคัญของโลกทุกวันนะ..ปีนึงคงเรียนไม่เกิน10 วันหรอก”
“เออ นั้นดิ”
“เอาจริงๆ ไมไม่ไปเรียน”
“วิดลัยมีแข่งกีฬาสี ไม่ได้เรียน กูขี้เกียจไป ไปก็ไม่ได้อะไร”
“มึงรู้ได้ไงว่ามันไม่ได้...การเรียนเป็นใบเบิกทางให้มึงมีงานทำ แต่กิจกรรมมันจะทำให้มึงทำงานเป็น”(จำเค้ามา)
“หยุดพูดเหอะ พอๆๆๆ ทำตัวไร้สาระกับกูสักวันหน่อย...ขอร้อง...ได้ไหม”มันพูดมองมาที่ผมพร้อมทำตาละห้อย
“ดี ถ้ามึงไม่อยากเรียนรู้ตามหลักสูตรที่วิดลัยจัดให้ มึงมาเรียนรู้หลักสูตรชีวิตกับกูหนิ..เดินตามกูมา”
“มึงจะทำอะไรอ่ะ”
“กูจะพามึงลุยงานสวน” มันเป็นงานประจำของผมครับ นานๆทำที ตัดหญ้า ตัดแต่งกิ่งไม้ รดน้ำต้นไม้ ขุดดิน ผมเดินไปหลังบ้านเอาอุปกรณ์ทั้งหมด กรรไกรตัดหญ้า จอบ เสียม มีด พร้า เข่ง
“หาโอกาสที่กูว่างตลอด” ไอ้ปอทำหน้าเบือนๆ
“เอาน๊า ลงเรือลำเดียวกันแล้ว มึงจะบ่นทำไมว่ะ บ่นรึไม่บ่นมึงก็ได้ทำอยู่ดี”
“กูไม่ได้บ่น กูทำหมดแหละ บ้านมึงก็เหมือนบ้านกู” เริ่มยิ้ม (อิฐก้อนไหนที่มึงบริจาคว่ะ)
“เออ ให้มันได้ยังงี้ รู้สำนึกบุญคุณบ้านกูซะบ้าง เลี้ยงมึงมาจะปีอยู่แล้ว”
“บ้านกูเลี้ยงกูมาตั้งแต่เล็ก ยังไม่ใช้กูเท่ามึงเลย”
“อย่าหาว่ากูใช้เลย เรียกว่าเพื่อนร่วมงานกันดีกว่า”
“55+ ฟังเหมือนจะดูดีเลยว่ะ” เดินมาถึงหน้าบ้าน
“เดี๋ยวกูไปเอาเสื้อแขนยาวก่อน”
“มึงจะกลัวดำทำไมว่ะ จะมีที่ให้ดำอีกเหรอ” (อ้าว...ขาวกว่ากูทำปากดีนะมึง)
“กูไม่ได้กลัวดำ แต่มันร้อน กว่าจะเสร็จ เที่ยงเลยนะมึง”
“มึงอย่าเรื่องมาก ร้อนมันไม่ตายหรอก ถ้าจะตายเดี๋ยวกูผายปอดให้”
“ไอ้เหี้ย เอะอะๆผายปอดอย่างเดียว ทำไรเป็นอีกมั้ง”
“ไม่เป็น กูเรียนมาจำได้แค่นี้แหละ55+” ในที่สุดก็ลงมือในสภาพเสื้อยืดแขนสั้น กางเกงบอล ผมเป็นคนตัดแต่งกิ่งไม้ ไอ้ปอตัดหญ้า ใช้กรรไกรตัดครับ(ไม่มีเครื่องตัด) ทำไปเรื่อยๆ แดดก็เริ่มแรงขึ้น โดยแดดเมืองชลที่ร้อนกว่าที่อื่นๆ(มั้ง)
“กูอยากกินน้ำมะพร้าวว่ะ” พลางสายตาไอ้ปอมองไปที่ลูกมะพร้าวน้ำหอมที่ดกเต็มต้น ผมเคยปลูกไว้เมื่ออดีตกาล
“ไม่ได้ๆ ต้นนี้กูรักมาก กูปลูกมากับมือ ใครจะกินแต่ละลูกต้องขอนุญาติกูก่อน”
“เหรอ งั้นกูขอกินสักลูกดิ” สายตายังไม่ละจากลูกมะพร้าว
“ไม่ได้ๆ ไว้ต้อนรับแขกบ้านแขกเมือง คนใหญ่คนโตเท่านั้น” พูดเวอร์ๆเข้าไว้ มันจะได้ละความอยาก
“อภิสิทธิ์จะมาบ้านมึงเหรอ” ไอ้ปอทำหน้าตาย ตาโต
“ไม่ใหญ่โตขนาดนั้น ใครจะกินก็เป็นบุคคลสำคัญ” หลุดปากพูด มันคงคิดว่ามันไม่สำคัญแน่เลย
“อ้าว กูไม่สำคัญเหรอ” (กูว่าแล้วมันต้องมามุขนี้)
“เออๆ โควตา ลูกเดียวเท่านั้นนะเว้ย” พอได้ยินมันก็มุ่งหน้าไปที่ต้น ต้นไม่สูงครับแต่ยื่นมือตัดไม่ถึง
“หยุดๆๆ ไปเอาบันไดหลังบ้านมา กูเชี่ยวชาญต้นนี้กูขึ้นเอง” ห้ามๆมันไว้ก่อน กลัวมันตัดเอาลงมาทั้งหมดดิครับ
“มึงจะเอาบันไดทำไมว่ะ ต้นแค่นี้ ถ้ามึงจะขึ้นก็รีบมา เหยียบบ่ากูขึ้นก็ได้”
“มึงรู้ไหม กูดูมันมาตั้งแต่มันเป็นดอก กว่าจะติดลูกและกว่าจะโตมาขนาดนี้...กูเสียค่านมไปเท่าไหร่”ผมบ่นขณะเดินไปที่ต้น
“เกี่ยวไรกับนมว่ะ” มันทำหน้างง
“ก็ช่วงมันเป็นดอกกูต้อง เอานมมาพ่นรดมันทุกอาทิตย์ให้มันติดลูกดกๆ” ไม่รู้ว่าเป็นความรู้ที่ถูกรึป่าว.. ผมเดาเอา ผมจะปีนบันได อมนมสด100 เปอร์เซ็นต์ใส่ปาก(ต้อง100 เปอร์เซ็นต์เท่านั้นนะมันถึงจะได้กลิ่นของนมแท้ๆ) ไปพ่นใส่ช่อดอกทุกอาทิตย์จะทำให้มีแมลงได้กลิ่นมาผสมละอองเรณู จะทำให้มีโอกาสติดลูกมากขึ้นแต่ต้องสลับกับการรดน้ำจะได้ล้างตัวเพลี้ย มดที่ไปเจาะด้วย มันเป็นทฤษฎีมั่วของผม จำมาตั้งแต่เรียนชั่วโมงเกษตร สมัยมอปลายเพิ่งจะได้ทดลอง แต่มันก็ดกขึ้นกว่าทุกปีนะ ไม่รู้เหมือนกันว่าดกเพราะนม+น้ำลาย รึว่าดินฟ้าอากาศ...(ใครเรียนเกษตรมาเม้นด่วนๆ อยากรู้เหมือนกัน)
“หมาบ้านมึงตายเหรอ หน้ายังตูดเป็ด บ่นอยู่ได้”
“เดี๋ยวมึงก็ไม่ได้กิน”
“เอา ขึ้นไป” ไอ้ปอนั่งลงใกล้ๆต้นมะพร้าว ผมเหยียบบ่าทั้งสองข้างของมัน มือจับต้นมะพร้าว แล้วมันก็ค่อยๆลุกขึ้น
“ไอ้เหี้ยเห็นตัวบางๆ ไมหนักจังวะ”
“ทนๆหน่อย สงสัยกูหนักสมอง 55+” (โม้ๆ)
“ไม่เหมือนมึงตัวหนาๆ สมองมีแต่ขี้เรื่อย” ผมก้าวขาไปเหยียบทางมะพร้าว อยู่บนต้นเรียบร้อย
“กูหนักK ต่างหากโว้ย” ไอ้ปอพูดซะเสียดัง
“มาคงมาKหน้าบ้านกู เดี๋ยวกูลงไปจะใช้มีดนี่แหละตัดออก จะได้ไม่มีแล้วไม่ต้องพูด” (คนเดินผ่านไปมา ไม่อายเค้าบ้างรึไง)
“จะอึ้ย..โหดฉิบ”มันรีบเอามือกุมน้องชายมัน ผมก็ตัดทางมะพร้าวไปเรื่อย ให้มันลากไปกองรวมกัน
“ที” ไอ้ปอร้องเสียงดัง
“อะไร” ผมทำเสียงตะคอก(มึงจะเรียกเสียงดังทำไมว่ะ)
“ร้องผัวๆๆ หน่อยเร็ว” มันพูดฉีกยิ้มกว้าง
“มึงว่ากูเป็นนกเหรอ”
“ชะนีเว้ย”
“เดี๋ยวปากดีนะมึง ยืนอยู่ข้างล่าง สงบปากไว้กินน้ำมะพร้าวดีกว่าปอ”
“ลีลาว่ะ จะตัดก็ไม่ตัด เดี๋ยวกูเอาไม้มาสอยจะได้ลงมาทั้งหมดแน่มึง”
“มึงลองดูสิ มึง จะได้กินแต่ลูกเดียวตามโควตามึง มะพร้าวที่เหลือกูจะเอาไว้ล้างหน้ามึง” ได้ขึ้นมาทั้งที ก็ตัดแต่งกันหน่อย ผมตัดออกลูกนึงโยนให้มัน
“ปอรับ ห้ามให้มันตกถึงพื้นนะเดี๋ยวมันแตก”
“ถ้ามันจะขนาดนั้น กูต้องไปซื้อผ้าอ้อมมาห่อมันแล้วมั้ง เอาเป็นลูกกูกับมึงเลยดีไหม”
“ไอ้ปอ” ผมมองหน้ามันทำตาขวาง
“เวอร์วะ ต้นแค่นี้พื้นก็พื้นดิน ลูกมะพร้าวนะเว้ย ไม่ใช่เด็กอ่อน”
“เออ ลูกนี้ของมึง มึงจะรับรึไม่รับก็เรื่องของมึง”
“เออๆ รับๆ” (มึงพูดประโยคนี้ตั้งแต่แรกก็สิ้นเรื่อง ชอบต่อปากต่อคำ)
“หวานว่ะที เนื้อพอดีเลย”
“กูบอกแล้วต้นนี้น่ะ ของดี เนื้อพอดีเลยเหรอวะ”
“เออ” ผมเลยเอาลงมา8ลูก พ่อแม่พี่ผม 4 คน พ่อแม่น้องไอ้ปออีก4 เสร็จจากแทะมะพร้าวก็ลงมือทำงานต่อ 11โมงได้ก็เสร็จสิ้นภาระกิจ เอาเครื่องมือไปเก็บ ไอ้ปอกำลังจะเดินขึ้นห้อง
“มึงจะไปไหน” ผมถามอย่างสุภาพ(ตรงไหน)
“ก็ไปอาบน้ำดิ เหงื่อท่วมขนาดนี้”
“มึงคิดว่ามันเสร็จแล้วเหรอ”
“อ้าว มีไรอีกล่ะ”
“มึงจะขึ้นไปแล้วก็เอาตะกร้าผ้าห้องกูกับห้องพี่กู มาด้วย กูจะไปเอาห้องแม่”
“ซักผ้าอีกเหรอ”
“เออ..เจอกันลานหลังบ้าน..มึงมาอยู่ที่นี้ใส่เสื้อผ้ากูตลอด ไม่เคยเตรียมมา ไม่เคยซัก เร็วๆเลย”
“เออๆ บ่นไรหนักหนาว่ะ แค่ซักผ้า” ไอ้ปอเดินขึ้นไปเอาตะกร้า ผมก็เดินไปเอาห้องพ่อแม่ มารวมกันที่จุดรวมพล
“แยกผ้าสีกะผ้าขาว” ผมบอกไอ้ปอในขณะที่ผมแยกชุดข้างนอกกะชุดข้างใน
“มึงซัก...(สายตามองมาที่ชุดเครื่องในของพ่อ แม่ พี่ผม)...ด้วยเหรอ” ทำหน้าเหมือนไม่อยากจะเชื่อ
“อืมม..ทำไมว่ะ”
“ป่าว” ไอ้ปอใช้เสียงสูง
“มึง อย่าว่าแต่ของครอบครัวกูเลย น้ำเลือด น้ำหนองของผู้ป่วยเอดส์กูก็เคยจับมาแล้ว นับภาษาอะไรกับของแค่นี้...ในโลกนี้ ไม่มีอะไรน่าขยะแขยงสำหรับกู” ไอ้ปอทำหน้าหยี เหมือนเป็นคำถามว่าจริงเหรอ ผมเลยพูดต่อ
“มึง เชื่อไหม กูเคยเจอเคสนึงเป็นแผลเบาหวานลึกมากมองเห็นกระดูกหน้าแข้งเลยนะ แล้วแกก็ไม่มาล้างแผลทุกวัน วันนั้นแกไม่ได้มาล้างอาทิตย์นึงแผลโดนน้ำอีกต่างหาก อย่าให้กูพูด..เนื้อตายทั้งเน่า ทั้งน้ำเหลือง ทั้งน้ำหนอง เละตุ้มเปะและที่สำคัญมีหนอนอีกต่างหาก เคสนั้นกูทำเองด้วยเปิดแผลออกมากูแทบสลบ กลิ่นเหม็นมากขนาดกูใส่แมสสองชั้นแล้วนะ กูต้องเลาะเนื้อตายออก คีบหนอนออกมานับทีละตัว กูนับได้17ตัวแหนะ หน้ากูแทบจะจมลงไปกับแผล(อันนี้พูดเวอร์) เสร็จเคสนั้นกูยังไปกินข้าวต่อได้เลย ไอ้เหี้ยเม็ดข้าวที่กูกิน ยังเท่ากันกะหนอนเด๊ะเลย 555+” ผมเล่าพลางแยกผ้า
“แหวะ...มึงกินลงด้วยเหรอ” มันทำหน้าเหมือนเดิม
“กูบอกแล้วในโลกนี้ไม่มีอะไรน่าขยะแขยงสำหรับกูอีกแล้ว ...จะมีก็มีมึงนี่แหละ” ผมพูดยิ้มๆมองไปที่มัน
“ปากดี เสื้อผ้ากองท่วมหัว เดี๋ยวกูไม่ช่วยมึงซักเลย”
“ทำยังกะกูบังคับมึง มึงไม่ซักกูก็ไม่ได้ว่า มึงมาก็เตรียมของมึงมา กู ไม่ให้ใส่ของกู” ไอ้ปอนี่อย่าว่าแต่เรื่องเสื้อผ้าข้างนอกเลยครับที่ไม่เตรียม แม้กระทั้งกางเกงในก็ใช้ของผม แปลงสีฟันมันยังใช้ของผมจนผมต้องยกให้แล้วซื้อใหม่ บางวันก็แอบมาใช้ พอถามก็บอกว่า ลืม (เออ ดีเว้ยเป็นโรคอะไรก็จะได้เป็นโรคด้วยกัน)
“ซักไรก่อน” ไอ้ปอถาม
“ผ้าขาวก่อนก็ได้” ผมตอบ ไอ้ปอหอบผ้ากำลังจะเอาลงเครื่อง(เครื่องซักผ้านะ ไม่ใช่เครื่องบิน)
“หยุดๆๆๆ ปอ เสื้อผ้ากูอนุญาตให้ซักเท้า นอกนั้นซักมือ ไม่ มีซักเครื่อง” ผมกางมือห้ามไม่ได้แกล้งนะ ผมก็ซักด้วย นานๆครั้งผมจะหอบเสื้อผ้าทุกคนมาซักมือ เพราะว่าซักเครื่องมันไม่ค่อยสะอาดเอาเสียเลย ซักผ้าสีดำจะเห็นชัด บางทีคราบผงซักฟอกยังติดอยู่เลย แต่ถ้ารีบๆผมก็จะทนๆใส่ไป แต่ช่วงนี้ไม่รีบต้องซักเท้าและมือเท่านั้น
“ห๊า..ซักมือ”
“อืม มึงซักเสื้อผ้ากูแล้วกัน เหยียบให้เต็มที่ สะอาดรึไม่สะอาดกูกับมึงเท่านั้นแหละที่ใส่ ที่เหลือกูซักเอง” ไอ้ปอก็ละเลงเลยซิครับ ยังกะปล่อยเด็กเล่นน้ำ ขึ้นเหยียบกะละมังแทบแตก ซักไปยังไม่ถึง30 นาทีด้วยซ้ำ
“เสร็จแล้ว” ไอ้ปอพูด(ซักไรของมึงว่ะ เออ แล้วแต่มึง ..ก็ยังดีที่รู้จักซัก)
“อืมม เอาไปตากดิ” ผมซักต่อมันก็เอาไปตากอย่างรวดเร็ว ผมมองดูผ้าบางตัวมันพันกันอยู่มันก็ไม่สะบัดออก(ตากยังไงของมึงว่ะ ...สมัยประถม มึงได้เรียน กพอ.รึป่าวว่ะ)..ถูกป่าวครับวิชานี้มั้ง สอนซักผ้าสมัยป.4...(ช่างเหอะ จะตากยังไงก็ช่าง ขอให้มันแห้งใส่ได้ก็แล้วกัน) ตากเสร็จไอ้ปอเดินมาหาผม
“ไปอาบน้ำก่อนกูไป แล้วก็หาไรกินในครัวเอง”
“ไปกินพร้อมกันดิ”
“มึงไปกินก่อน กูซักเสร็จโน้นแหละถึงจะไป” มันเดินมาข้างๆกะละมังแล้วนั่งซักกับผม ผมทำตาโตมองหน้ามัน(เหมือนว่าไม่เชื่อตาตัวเอง ไอ้ปอจริงเหรอนี่)
“กูช่วยมึงซัก จะได้เสร็จเร็วๆ” โอ้พระเจ้าซึ้งในรสพระธรรม (เกินไป)ซึ้งในความมีน้ำใจ ก็ช่วยกันซักกว่าจะเสร็จก็บ่าย2โมงกว่า ผมเอาเสื้อผ้าไปตากเต็มราว จนต้องเพิ่มเชือกขึงรอบบ้าน เล่นน้ำกันจนมือเหี่ยว หิวข้าวก็หิว ในที่สุดวันนั้นก็กินข้าวในสภาพที่เปียกทั้งตัวก่อนที่จะไปอาบน้ำ
ตอนนี้ออกจะไร้สาระซะหน่อย(มีตอนไหน มีสาระบ้างว่ะ) เหมือนเขียนบันทึกประจำวัน ไม่เหมือนเขียนเรื่องประทับใจ(เพราะไม่มีจะเขียนแล้ว) ... ผมรู้จักกับไอ้ปอมาก็8 เดือน เกือบจะปีแล้ว(น่าเหลือเชื่อ) เราเริ่มรู้จักกันด้วยความเลว ต่างฝ่ายต่างไม่ชอบหน้ากัน ก็อย่างที่เคยเล่าให้ฟังตั้งแต่เจอกันครั้งแรกมันไม่ได้พิศวาสหน้าตาผมเลย อยากแกล้งด้วยซ้ำเห็นทำหน้าเอ๋อ ผมก็ไม่ค่อยชอบมันเหมือนกัน โดยเฉพาะมาพูดกวนตีน กิริยา มารยาทไม่มี ทำให้ต่างฝ่ายต่างแสดงออกในสิ่งที่เป็นตัวเอง(ไม่ได้ปิดบังความเลวว่างั้น เหอะ)แต่พอเริ่มอยู่ด้วยกันนานๆมันก็เริ่มเห็นความดีบ้าง (ต่าง กับหลายๆคนที่รู้จักกันเพราะหน้าตา บางคนก็สวมหน้ากากเข้าหากัน แล้วมารู้เรื่องเลวทีหลัง..อันนี้ไม่น่าให้อภัย) อย่างเรื่องที่เล่าตอนนี้ แค่มันมานั่งซักผ้ากับผมจนกว่าจะเสร็จทั้งหมด ถึงมันจะเป็นความดีนิดนึง แต่ มันก็แสดงออกมาให้เห็นเรื่อยๆถึงความมีน้ำใจ และมันไม่เคยเอาเปรียบผมเลย(ผมไม่เคยเอาเปรียบใครและไม่อยากให้ใครเอาเปรียบ ) ส่วนเรื่องเลวร้าย(ที่มีมากกว่า 80 เปอร์เซ็นต์)ผมก็มองมันว่ามันดีขึ้น(แต่ก่อนเลว100 เปอร์เซ็นต์..หาที่เปรียบไม่ได้) และทำให้เรารู้จักกันดีขึ้น ผมจึงคิดว่าตัวผมเองรู้จักมันดีที่สุดแล้วมั้ง ถ้าในอนาคต(เป็นสิ่งที่คาดการณ์ไม่ได้)เราจะเลิกกันไปผมก็จะเป็นเพื่อนเป็นพี่เลี้ยง ให้มันตลอดไป (เอาผู้อ่านเป็นพยาน) และคงจะจำมันตลอดไปเหมือนกัน(มั้ง)55+