รักนี้…ลิ้นกับฟัน
กระทบกระทั่ง ครั้งที่ 14
By : Dezair
.....................
‘…เป็นแฟนกันจริงๆได้มั้ย’
‘…เป็นแฟนกันจริงๆได้มั้ย’
‘…เป็นแฟนกันจริงๆได้มั้ย’
โว้ยยยยยยยยยยยยยยยยย!!! เลิกคิดซะที!!! เลิกคิดได้แล้ว!!!!
“ถ้วยฟู เป็นอะไรหึ! ทำหน้าตลก รีบๆกินได้แล้วลูก เดี๋ยวธันเขาจะมารับแล้วนะ” วันนี้วันเสาร์ ไม่ต้องไปมหา’ลัย แต่ทั้งอย่างนั้นก็ยังมีใครบางคนมารับผมตั้งแต่เช้า
…มันจะพาผมไปเที่ยวครับ…
ไปใกล้ๆนี่แหละ และ…อ่า ต้องค้างสองคืน
…เอ่อ…บอกก่อนว่าผมไม่ได้อยากจะไปกับมันนะ!
แต่แบบ…ของฟรีอ่ะครับ
(อาจจะสงสัยว่าพี่ชายสุดที่รักของผมยอมให้ไปได้ยังไง แหะแหะ พอดียัยปุยฝ้ายกลายร่างเป็นระเบิดนิวเคลียร์ เลย ‘เคลียร์’ ทุกเรื่องเลย)
ผมรีบยัดขนมปังเข้าปาก ไม่ได้รีบกินแบบที่แม่สั่ง แต่แค่อยากพุ่งสมาธิทั้งหมดไปที่การเคี้ยวแทน
“อ้าว พูดถึงก็มาพอดี ตรงเวลาจริงๆนะธันเนี่ย”
…อ๊อก!!!...ขนมปังติดคอ!!!
“ถ้วยฟู!! ค่อยๆกินสิลูก! อะไรกันเด็กคนนี้ แค่แฟนมารับนี่รีบขนาดนี้เชียว” ก็แล้วเมื่อกี้ใครบอกให้ถ้วยฟูรีบล่ะครับ!!
คุณนายปานดาวไม่ได้มาลูบหลังลูบไหล่ลูกชายสุดที่รัก เพราะมีว่าที่ลูกเขยที่น่าปลื้มมากกว่า แม่ผมเลยรีบถลาไปหาไอ้คนมาใหม่ ที่พอเหยียบเท้าเข้ามาในห้องครัวปุ๊บ มันก็ยกมือไหว้ให้แม่ผมรับไหว้แทบไม่ทัน
“สวัสดีครับ คุณแม่ พี่ตวง” พี่ตวงทำเป็นพยักหน้าไปงั้น ผมกลัวว่าระเบิดจะลงเป็นการฉลองมื้อเช้า เลยรีบลุกจากโต๊ะ แล้วยกมือไหว้ลาแม่ กับพี่ตวง ก่อนจะดึงแขนไอ้พี่ธันออกจากห้อง แต่ไม่ทันไปถึงรถ ยัยปุยฝ้ายก็วิ่งร้องเรียกตามหลังมา
“ฟู พี่ธัน รอก่อน…” ว่าแล้วมันก็ส่งถุงให้พี่ธัน
“รูปตั้งแต่ตอนงานโอเพ่นเฮ้าส์น่ะค่ะ แล้วก็มีตอนไปทะเลกันด้วย ฝ้ายล้างมาให้แล้ว”
“เอ่อ…เท่าไร…” ยัยปุยฝ้ายรีบปฏิเสธ ทำเอาผมตาโต เพราะรูปไม่ใช่น้อยๆ จะมาล้างฟรีได้ไงวะ! ไม่เป็นไร เดี๋ยวผมไปเรียกเก็บทีหลังเองก็ได้
“ฝ้ายสมนาคุณค่ะ…”
หือ!! สมนาคุณที่ไอ้หมอนี่มันทำให้ฝาแฝดแกเป็นเกย์ใช่มั้ย! ถูกใจล่ะสิ!!
“เอามาให้ดูก่อน ไม่รู้มีรูปแย่ๆรึเปล่า” ผมรีบหันไปบอกไอ้คนตัวสูงข้างกาย มันยิ้ม ก่อนจะยกมือขึ้นปัดอะไรบางอย่างบนปากผมเบาๆ
“เศษขนมปัง…”
...เหวอออออ… ก…ก็บอกดิ…เดี๋ยวปัดเอง…
“ไปก่อนนะปุยฝ้าย”
ไอ้พี่ธันไม่ได้สนใจว่าผมจะรู้สึกยังไงกับการเทคแคร์ของมัน ที่เกินเลยถึงขนาดปัดเศษขนมปังจากปาก มันหันไปบอกฝาแฝดของผมเป็นการลา แต่ก่อนที่จะได้ขึ้นรถ เสียงยัยปุยฝ้ายก็ดังขึ้นให้ผมต้องหันมอง
“ไปดูรูปดีๆนะฟู”
…ทำไมต้องดูดีๆ?...
…จะให้เล่น โฟโต้ ฮั้นท์ เรอะ?...
……………….
พัทยาไม่ได้คนเยอะเสมอไปครับ ดูเหมือนไอ้พี่ธันจะรู้จักโรงแรมดีๆ ที่มีชายหาดส่วนตัว และค่อนข้างเงียบสงบ เพราะแขกส่วนใหญ่เป็นพวกต่างชาติที่มากันเป็นกรุ๊ปทัวร์ ฉะนั้น ชายหาดส่วนตัวก็เลยไม่มีคนใช้เท่าไร
“ห้องนี้เห็นทะเลด้วย!!” ผมถลาเข้าไปที่หน้าต่างกระจกบานใหญ่ซึ่งมองเห็นทะเลสุดลูกหูลูกตา ผมชอบทะเลมากกว่าภูเขาหรือน้ำตก ตรงที่มันดูเวิ้งว้าง กว้างใหญ่ และให้ความรู้สึกอิสระดี
“นายอยากเล่นทะเลรึเปล่า ทะเลของที่นี่ลงเล่นไม่ได้ มันมีแต่หิน” ผมหันกลับไปมองไอ้คนที่เดินตามเข้ามาในห้องแล้วยิ้ม พลางส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร เดี๋ยวพรุ่งนี้ค่อยไปเล่นที่อื่น วันนี้ว่าจะเล่นสระ เอากางเกงว่ายน้ำมาด้วย” มากันตั้งสามวันสองคืน ผมจะเล่นน้ำจืดน้ำเค็มเอาให้ตัวเปื่อยไปเลย!
“กางเกงว่ายน้ำ? ไหน?”
“ในกระเป๋าดิ…โห! ลมแรง” ผมไม่ค่อยสนใจคำถามมันเท่าไร เปิดประตูระเบียงได้ ลมก็พัดเย็นสบาย น่านั่งกินเบียร์จริงๆ
“นี่เหรอกางเกงว่ายน้ำนาย”
คำถามดังใกล้ๆ ให้ผมที่กำลังดื่มด่ำกับธรรมชาติต้องหันมอง ไอ้พี่ธันยืนค้ำหัว แล้วชูกางเกงว่ายน้ำสีดำของผมขึ้นมา
“เออดิ…” แล้วมึงมองเห็นเป็นกางเกงยีนส์รึไง
เท่านั้นล่ะ ที่หน้ามันเปลี่ยนเป็นบึ้งขึ้นมาทันที
“ไม่มีกางเกงเล่นเซิร์พเหรอ”
กางเกงเล่นเซิร์พ? กูจะมีทำไมในเมื่อกูเล่นไม่เป็น
“ถ้าใส่ตัวนี้ฉันไม่ให้ลงสระ” ผมเกาหัวกับคำสั่งของมัน คือ…จะว่าไงดี…กางเกงว่ายน้ำเนี่ย ผู้ชายเขาใส่กันทั้งประเทศ แล้วไอ้พี่ธันมันเป็นอะไรครับ! จะไม่ให้ผู้ชายอย่างน้องถ้วยฟูคนนี้ใส่ขึ้นมาซะงั้น!!
“คือ…งี้นะ คุณพี่ธันวา กางเกงว่ายน้ำนะครับพี่ ไม่ใช่จีสตริง ไม่ต้องกลัวชายอื่นเห็นแก้มก้น เข้าใจเปล่า? แล้วถึงจะมีใครเห็น ก็ไม่มีใครปรารถนาหรอกเว้ย! ก้นด่างๆดำๆของน้องถ้วยฟูเนี่ย!” ผมตอบขำๆ กะเอาฮา แตไอ้พี่ธันนิ่งมาก
“อย่าทำเป็นเล่น…” มันว่าตาดุ หน้าดุ จนผมต้องลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้ามาดึงกางเกงว่ายน้ำของตัวเองคืน ก่อนจะใช้นิ้วจิ้มที่คิ้วมัน
“คิ้วขมวดอยู่ได้ รู้ตัวรึเปล่าว่าหน้าโคตรดุ”
“แล้วรู้มั้ยว่าดุเพราะใคร” มันถามเสียงเรียบ ดึงมือผมลง ตาจ้องผมไม่กระพริบ…จะกินกูรึไงคร้าบ! จ้องอยู่ได้!...
“เออ รู้! แต่นายก็ควรรู้เอาไว้ด้วย ว่าฉันไม่เคยไปเที่ยวไหนกับผู้ชายสองต่อสอง นายได้อภิสิทธิ์แค่ไหน รู้ตัวซะบ้าง…แล้วก็เลิกบ้าซะที มาเที่ยวกับนายขนาดนี้แล้วยังจะกังวลอะไรอีก คิดว่าจะมีใครมาอ่อยฉัน แล้วฉันจะตามเขาไปงั้นสิ มาขั้นนี้แล้ว ถึงฉันจะเป็นแบบนี้ แต่…แต่เวลาคบ เอ่อ…คบทีละคนนะเว้ย” ไม่รู้ทำไมแต่ท้ายประโยคผมเบาหวิว แถมใจมันสั่นๆ หรือเพราะห้องพักมันอยู่สูงเกินไป นี่ผมคงจะเป็นโรคกลัวความสูงสินะ
“แล้วอีกอย่าง…ไม่มีใครรสนิยมแย่เท่านายอีกแล้ว ที่มา…เอ่อ…นั่นแหละ ไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้ว! จะว่ายน้ำ!”
วุ้ย! เรื่องแค่นี้ก็ต้องให้บอก!
…………………
...วู้!! สาวตรงนั้น ‘หน่ม น๊ม’ เป็น ‘หน่ม น๊ม’ โคตรๆ!!! แม่เจ้าโว้ย!! ขาวจั๊วะน่าเจี๊ยะจริงๆ!!
“มองอะไร…”
ผมลอยตัวอยู่ในสระ แต่สายตาเลยนอกสระไปที่เก้าอี้ชายหาดที่มีสาวนางหนึ่งในชุดทูพีชสีส้มสดใสกำลังยืนโชว์ส่วนโค้งส่วนเว้าทาครีมกันแดดอยู่ แทบจะอยากขึ้นจากสระไปทาให้จริงๆ
“เปล่า” ปากว่าเปล่า แต่ตายังจับจ้อง โอ้ว!! มีการก้มลงทาครีมที่ขา หน้าอกหน้าใจเลยทะลักทะลายย้อยลงต่ำให้ผมแทบจะกำเดาไหล
…สระว่ายน้ำคือวิมานของผู้ชายจริงๆ ซี้ด!!!...
เฮ้ย!! ใครบังวะ!!
ผมกำลังดื่มด่ำกับ ‘เนินเนื้อโหนกนูน’ ก็ปรากฏว่ามี ‘เนินเนื้อแต่ไม่โหนกนูน’ มาบังเสียมิด ให้ต้องเงยหน้ามองแล้วถึงกับสะดุ้งเล็กๆ เมื่อปรากฏว่าแฟนหนุ่มคนล่าสุดของตัวเองยืนทำหน้าทมึงถึง
…กูคบใครคบทีละคนจริงๆนะ แต่เวลามองน่ะ มองหลายๆคนพร้อมกัน แฮะ แฮะ…
“ให้ตายสินายน่ะ…ชอบแบบนั้นรึไง”
ก็ถ้าโดยปกติแล้ว ผู้ชายก็ต้องชอบแบบนั้นถูกมั้ยล่ะ
ผมถูจมูกตัวเองเขินๆ จะให้บอกได้ไงวะ ว่าชอบผู้หญิงเนื้อนมไม่ใส่ไข่
“เอาแต่มองคนอื่น…รู้ตัวรึเปล่าว่าตัวเองก็ถูกมองเหมือนกัน” ห๊ะ! ใครมอง ไอ้พี่ธันเหลือบสายตาไปที่มุมสระว่ายน้ำด้านหนึ่ง ผมเลยมองตาม สายตาก็เลยไปจ๊ะเอ๋กับหนุ่มหัวทองตัวล่ำ พอมันเห็นผมก็ส่งสายตาแถมยิ้มหวานเยิ้มมาแบบที่ทำเอาขนลุกซู่
…เอ่อ…หรือนี่กูจะเดินเข้าเส้นทางที่อันตรายซะแล้ววะเนี่ย หลังจากมีไอ้พี่ธันมาหลง ก็มีฝรั่งตาน้ำข้าวมาสนใจ ส่งสายตาปิ๊งปั๊งน่าหวั่นไหว
“ก่อนหน้านี้ก็มีไอ้หนุ่มญี่ปุ่นมองที่ล็อบบี้ ไม่รู้ตัวเลยสินะ นายน่ะ”
ผมหันกลับมามองไอ้คนพูด แล้วได้แต่ทำหน้าแหยเพราะไม่รู้จริงๆ ไอ้พี่ธันส่ายหน้าไปมา ส่วนผมน่ะเริ่มอยากจะกลับห้องแล้ว สายตาไอ้ฝรั่งมุมนู้นชวนให้จะเป็นไข้ขึ้นมากะทันหัน
“เอ่อ… ขึ้นห้องเหอะ” ผมเริ่มซีด ถ้าถูกผู้หญิงมองจะภูมิใจกว่านี้ แต่นี่เป็นผู้ชายหุ่นหมีควายก็ชักอยากจะเป็นลมลงไปดำบุ๋งๆใต้น้ำจริงๆ ‘แฟนหนุ่ม’ สุดที่รักเห็นท่าทางผมแล้วเลยได้แต่ตามใจ พากันกลับขึ้นห้องแบบที่ผมแทบจะวิ่งขึ้นลิฟต์ด้วยซ้ำไป
แต่ว่า…
นอกจากไอ้ฝรั่งนั่นแล้ว ผมลืมซะสนิท ว่ามีบางคนที่มองผมมากกว่า มองผมมานานกว่า ยิ่งอยู่ในลิฟต์ที่มีกันแค่สองคน มันก็ยิ่งมอง และมันไม่มองเปล่า แต่มันพูดเรียบๆตามสไตล์มันว่า…
“จะว่าไปแล้ว หุ่นนายก็น่ามองจริงๆ”
ลิฟต์ไม่ค้าง แต่ผมนี่แหละตาค้าง
……………………
สาบานว่าต่อไปนี้ ลงสระว่ายน้ำที่ไหน น้องถ้วยฟูจะใส่ชุดนักประดาน้ำลง!
ถ้ามีไอ้ผู้ชายหมีควายหน้ามืดตามัวหื่นได้อีกล่ะก็…พ่อจะเอาถังอ็อกซิเจนฟาดหัว เอาให้ดับอนาถคาสระ ไม่ได้ผุดได้เกิด ลอยละล่องเป็นเพื่อนคลอรีนในน้ำแม่งซะ!!
“เป็นอะไร ยังไม่หายบูดอีกรึไง”
มื้อเย็น ไอ้พี่ธันพาไปกินที่ร้านอร่อยๆ ขากลับแวะซื้อขนมกับเบียร์เล็กน้อย มานั่งจิบกันริมระเบียง แต่ผมก็ยังเซ็ง อารมณ์ที่ว่าจะดีๆเพราะกับข้าวรสเลิศ ก็ดันล่มเพราะตอนเข้าโรงแรมดันเจอไอ้ฝรั่งซังกะบ๊วยที่มองผมในสระนั่น
“ช่างเหอะ…ดูรูปดีกว่า” ผมตัดใจจากเรื่องเซ็งๆ อุตส่าห์ได้มาด้วยกันทั้งทีก็น่าจะทำให้มันสนุกเข้าไว้
ลุกจากระเบียงไปหยิบถุงรูปที่ยัยปุยฝ้ายให้มา ตอนนั่งในรถก็ไม่ได้ดูเพราะเอาแต่คุยกันติดลม จะว่าไปแล้ว ผมกับมันก็มีเรื่องที่เข้ากันได้เยอะอยู่นะ
รูปที่ปุยฝ้ายถ่ายมาดูจะเน้นไปที่ภาพถ่ายแบบปาปารัสซี่อยู่มากๆ อย่างตอนงานโอเพ่นเฮ้าส์ ซึ่งกลายเป็นประวัติศาสตร์อุบาทว์ติดตรึงในหัวใจผมนั่น ภาพที่ออกมาทั้งหมด ถ่ายตอนที่ผมไม่รู้ตัว
นี่ภาพตอนอยู่บนเวทีในชุดเจ้าหญิง…อืม จะว่าไปผมก็หน้าเหมือนปุยฝ้ายดีว่ะ! ส่วนนี่ก็ตอนลงมาแล้ว และกำลังถูกรุม ส่วนนี่ก็ตอนที่ไอ้พี่ธันมาตามให้ไปเดินโชว์ตัวรอบงาน และนี่…
เฮ้ย!!!...
นี่มันรูปตอนที่กระโปรงผมไปเกี่ยวกับกิ่งไม้ แล้วไอ้พี่ธันมันก้มลงแกะให้นี่หว่า
เอ่อ…ทำไม…ผมถึงรู้สึกว่าภาพมัน ‘หวาน’ จังวะ
ภาพถ่ายจากด้านข้าง เลยเห็นหน้าด้านข้างของมันตอนก้มลงแกะกระโปรงให้ผม มันยิ้มเล็กๆอย่างที่ผมบอกไม่ถูกว่ามันยิ้มทำไม แต่ที่รู้ๆ ผมกลับรู้สึกว่ามันดู ‘อ่อนโยน’ ส่วนผมในภาพนั้นกำลังเอี้ยวตัวก้มลงมองตาม สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้นกินเวลาไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำ แต่ทำไมรูปนี้ ผมถึงรู้สึกว่ามันเป็นช่วงเวลาที่ยาวนาน
อ่า…นี่สินะที่เขาเรียกกันว่ามุมกล้อง
“ดูอะไรน่ะ”
คำถามดังขึ้นให้ผมเงยหน้ามองไอ้คนตรงหน้า มีอะไรอีกเยอะใช่มั้ยที่ผมยังไม่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น ทั้งหมดคือ ‘ภาพ’ ที่ผมเห็นคนเดียว ภาพที่ผมตีความอยู่คนเดียว ผมคิดแต่ว่ามันไม่มีอะไร มันไม่มีอะไร แต่ในขณะเดียวกัน กลับมีใครอีกคนที่คิดมากกว่า และคิดไปไกลกว่า
ผมยื่นรูปให้ดู มันเลิกคิ้วเล็กน้อยเหมือนแปลกใจที่ได้เห็นภาพนี้
“นาย…ตอนนั้นคิดอะไรอยู่เหรอ” มันเหลือบตาขึ้นมองผม ก่อนจะหันกลับไปยังท้องทะเลกว้างนอกระเบียงเหมือนจะไม่ยอมตอบ
“…ฉันไม่รู้อะไรเลย กระทั่งในภาพนี้ ฉันยัง…ธันวา ฉัน…อยากรู้เรื่องทั้งหมด” ในใจผมสั่น มันบีบรัดรุนแรงเมื่อคิดว่าคงมีเรื่องราวอีกมากที่เก็บไว้กับมัน ในขณะที่เรื่องราวเล่านั้นสำหรับผมแล้วกลับเป็นเหตุการณ์ที่หมุนผ่านไปอย่างไม่น่าจดจำ
…เพราะความรู้สึกมันต่างกัน…
ความรู้สึกของผม ณ วันนั้นแค่เล่นสนุก แค่ขำขัน ในขณะที่ความรู้สึกของอีกคนกลับมองว่ามีค่า
…ใครจะคิดว่า ณ เวลานั้นที่กระโปรงของผมติดกับกิ่งไม้ สำหรับผมแล้วมันเป็นเรื่องน่ารำคาญ น่าเบื่อ รู้สึกว่าเซ็งและซวย ในขณะที่ธันวากลับยิ้มอ่อนโยนตอนที่ก้มลงแกะกระโปรงให้อย่างใจเย็นและตั้งใจ
“ไม่ต้องรู้ทุกเรื่องก็ได้ ฉันไม่เคยคิดอยากจะให้นายรู้” มันพูดเสียงเรื่อย แต่สายตาเหม่อมองออกทะเลไปไกล ให้ผมต้องจับแขนเสื้อมันไว้
“มันไม่ใช่ความผิดของนายเพราะฉันตั้งใจเองที่จะไม่บอก…มันคงประหลาด ถ้าอยู่ดีๆรุ่นพี่ผู้ชายจะเดินเข้าไปบอกรุ่นน้องผู้ชายว่ารัก ถูกมั้ย”
มันก็ใช่…ผมได้แต่พยักหน้ารับ เพราะไม่รู้ว่าจะมีอะไรที่ดีไปกว่านี้ มือใหญ่ๆลูบหัวผมเบาๆ
“ส่วนตอนที่นายเป็นลมในงาน ฉันก็แค่ใช้ข่าวลือนั่นให้เป็นประโยชน์ บอกว่าตัวเองเป็นแฟนกับนาย อย่างน้อย ณ ตรงนั้น ทุกคนก็ต้องยกสิทธิ์ในการตัดสินใจให้ฉัน ถ้าฉันจะพานายไปโรง’บาล ก็คงไม่มีใครกล้าค้าน ถึงจะเป็นอาจารย์ก็เถอะ ฉันคิดแค่ว่า นายไม่มีวันสงสัย หรือถึงสงสัย นายก็คงคิดว่ามันเป็นแค่ข่าวลือ เพื่อนของนายก็ไม่พูดอยู่แล้ว แต่ฉันไม่คิดว่าแม่นายจะมาที่คณะ…”
และพอแม่มา แม่ก็คงได้ยินข่าวลือที่อุดไม่อยู่ ก็เลยกลายเป็นเข้าใจว่าผมกับมันเป็นแฟนกันจริงๆ
แล้วถ้าแม่ไม่มา ถ้าแม่ไม่ได้ยินข่าวลือ ถ้าแม่ไม่เข้าใจผิด
“…ถ้า…ถ้าแม่ฉันไม่เข้าใจผิด มันจะเกิดอะไรขึ้น” มันหันมามอง แล้วยิ้มบางส่งกลับมาให้ผมอึ้ง มือมันวางลงบนมือผมที่กุมแขนเสื้อมันไว้ มือร้อนๆนั่นบีบเบาๆ ส่งผ่านความรู้สึกบางอย่างที่ตีรวนในหัวใจ
…ถ้าแม่ไม่เข้าใจผิด ผมกับมันจะไม่กลายมาเป็นแฟนกัน…
…ถ้าแม่ไม่เข้าใจผิด ผมกับมันจะเป็นเพียงรุ่นพี่รุ่นน้องที่ตีกันทั้งปี…
…ถ้าแม่ไม่เข้าใจผิด ผมกับมันจะก็คงไม่มาถึงวันนี้…
…วันที่ผมได้รู้ว่า ‘มัน’ สร้างเกราะขึ้นมาบังหน้า ในขณะที่เบื้องหลังแล้ว กลับเต็มไปด้วยความรู้สึกที่ผมไม่เคยรับรู้…
“ไม่ต้องคิดมากหรอก อดีตก็คืออดีต ที่ฉันต้องการตอนนี้คือปัจจุบันกับอนาคต นาย…ให้ฉันบอกความรู้สึกของตัวเอง ให้นายรู้ได้มั้ย…” คำว่า ‘บอก’ ของมัน ผมรู้ดีว่าไม่ใช่แค่คำพูด สายตามันแน่วแน่ น้ำเสียงมันมุ่งมั่น อย่างที่ทำเอาต้องก้มลงยิ้มกับตัวเอง
…ถ้าแม่ไม่เข้าใจผิด ถ้วยฟูลูกของแม่คนนี้คงไม่มีโอกาสได้รู้เลยว่ากำลังถูกรักด้วยหัวใจที่เข้มแข็งมากขนาดนี้ หัวใจที่บ้าบิ่นถึงขนาดจะไม่บอกความรู้สึกใดๆ ถ้าไม่ขออนุญาตก่อน บ้าจริงๆ…
“ถ้านายสัญญาว่าจะบอกทุกอย่าง ก็โอเค” เป็นครั้งแรก ที่ผมเห็นไอ้พี่ธันมันก้มหน้ายิ้มเขินกับตัวเอง ผมเลยหันกลับไปพลิกรูปดูต่อ
รูปที่ถ่ายในงานโอเพ่นเฮ้าส์ ดูเหมือนจะมีแค่หลังจากภาพนั้นอีกสองสามภาพ เป็นภาพผมกับมันยืนแอ็คงามอยู่หน้าซุ้มต่างๆ กับ…รูปที่มันเดินอยู่ข้างหลังผมและหยิบเศษใบไม้ออกจากหัวของผม
“นายทำแบบนี้ตอนไหน” ผมพลิกรูปให้มันดู ไม่รู้จริงๆว่าถูกดูแลมากขนาดนี้ กระทั่งเศษใบไม้ติดผม มันก็หยิบออกให้ทั้งๆที่ผมไม่รู้ตัวแม้แต่น้อย
“ก็ตอนที่นายเดินอยู่หน้าซุ้มของพวกปีสองนั่นแหละ”
มันตอบกลับมาให้ผมต้องนิ่งคิดกับตัวเอง ตอนนั้นไม่รู้ตัวจริงๆว่ามีใครทำอะไรแบบนี้ให้ อาจจะเพราะว่าทั้งหิว ทั้งเหนื่อย นั่นสิ…พูดถึงเรื่องหิวและเหนื่อยก็นึกขึ้นมาได้ว่าการใช้งานเยี่ยงทาสของมัน ทำเอาผมถึงกับ ‘วูบ’
“ทีอย่างงี้ทำได้ ทีหาข้าวหาน้ำมาให้กินล่ะไม่ทำ” ผมโวยใส่มัน ภาพของงานโอเพ่นเฮ้าส์หมดแค่นั้น สงสัยยัยปุยฝ้ายจะอยู่ไม่ถึงฉากเด็ดที่ไอ้พี่ธันประกาศสถานะ
“ทำไมจะไม่หา…ฉันฝากนมกับแซนวิชไว้กับสต๊าฟ”
ไม่จริงน่า…พูดเป็นเล่น! ไม่เห็นรู้เรื่อง
มันส่ายหน้าไปมา ก่อนจะหันกลับไปหยิบขนมเข้าปาก
“ฉันฝากขนมให้นายเรื่อยแหละ”
…ฝากให้เรื่อย… หมายความว่าไง มันฝากขนมให้ผมตอนไหนอีก
อ๊ะ…หรือว่าตอนที่ซ้อมเต้นกับพี่ปอม ผมจำได้ว่าพี่ปอมมีขนมมาให้ทุกวัน พอขอบคุณก็เอาแต่ยิ้มลูกเดียว ผมหันไปมองไอ้คนที่ทำเป็นสนใจเบียร์กระป๋องและทะเลเวิ้งว้างยามค่ำคืนเบื้องหน้า แล้วได้แต่ก้มหน้ามองรูปในมือซ้ำๆ
ผมไม่รู้ตัวเลยสินะ ไม่รู้ตัวเลยสักนิด ว่ามีใครบางคนพยายามคงสถานะเอาไว้ พยายามทำตัวเป็นรุ่นพี่รุ่นน้อง ทั้งๆที่ใจเขาอยากให้มันไปไกลกว่านั้น
…แต่ทั้งอย่างนั้นก็ยังอดทน…
ผมหันไปมองไอ้ใครบางคนคนนั้น ก่อนจะยืดหน้าเข้าไปหอมแก้มมันเบาๆ แล้วรีบถอยออกมา ก้มหน้าดูรูปต่อ เหมือนไม่ได้ทำอะไร
…มันเขินอยู่นะครับ! เกิดมาเคยหอมแต่แก้มผู้หญิง มาหอมแก้มผู้ชายด้วยกันแล้วมันแบบ…
เสียงหัวเราะดังขึ้นเบาๆ ให้ผมเหลือบตามองเล็กน้อย ไอ้พี่ธันยังไม่ละสายตาจากทะเลตรงหน้า ไม่รู้มันขำอะไรนักหนา ถูกหอมแก้มมึงขำ ลองถูกกดดูมั้ย อยากรู้ว่าจะขำอยู่รึเปล่า
“ไปนอนเถอะ พรุ่งนี้จะตื่นเช้าดูพระอาทิตย์ขึ้นไม่ใช่เหรอ” มันพูดก่อนจะวางกระป๋องเบียร์ลง ผมหันมองเตียงกว้างหนึ่งเดียวในห้องแล้วกลืนน้ำลายเอื้อก!
แต่พอหันกลับมามองมัน ปรากฏว่าไอ้พี่ธันมันลุกขึ้นยืนส่งมือมาให้ผมยึดเพื่อดึงตัวเองขึ้นจากเก้าอี้ ผมยอมวางอัลบั้มรูปที่ยังดูไม่เสร็จลง ก่อนจะส่งมือไปจับกับมือของมัน ยอมถูกดึง ถูกพาไปที่เตียง ยอมทรุดตัวลงนอน ยอมแม้กระทั่งถูกมันลากเข้าไปนอนกอด
“ราตรีสวัสดิ์…ถ้วยฟู”
…อ่า… ‘ถ้วยฟู’ ชื่อนี้จากปากมัน ทำไมทำให้หัวใจผมเต้นแรงขนาดนี้…
………………………
แต่…ของดีมีรอบเดียวครับ
ไม่มีชื่อ ‘ถ้วยฟู’ หลุดออกมาอีก พร้อมๆกับที่มันก็ไม่ได้เร่งรัดอะไรผมเรื่องคบกันเป็นแฟน ผมไม่รู้ว่ามันรู้สึกยังไงที่เหมือนผมจะทำลืมไปแล้วว่ามันเคยพูดแบบนั้น ในขณะที่ผมเอง…จะเห็นแก่ตัวไปมั้ย ถ้าจะบอกว่าผมชอบเวลาแบบนี้ ชอบความสัมพันธ์แบบนี้ แบบที่ไม่ต้องบอกว่าเป็นอะไรกัน ไม่ต้องเดินชิดกัน ไม่ต้องจับมือกัน แต่ทั้งอย่างนั้นก็ไปเที่ยวด้วยกัน ไปกินข้าวด้วยกัน คุยกัน หัวเราะกัน
…แล้วมันล่ะ? ชอบแบบนี้มั้ย? หรืออยากเป็นอะไรที่เกินกว่านี้…
“พรุ่งนี้จะแวะตลาดซื้อของฝากมั้ย”
วันนี้วันสุดท้ายสำหรับการเที่ยวทะเล เลยเล่นน้ำเค็มกันซะตัวซีด กลับมาอาบน้ำสั่งอาหารของโรงแรมขึ้นมาทานเพราะเหนื่อยเกินจะออกไปไหน
เดินเช็ดผมเปียกๆออกมาจากห้องน้ำแล้วได้แต่เออออไปกับมัน ขืนไม่แวะมีหวังคุณนายปานดาวเชือดคอหอยแน่แท้ มาถึงทะเลไม่แวะซื้ออะไรกลับไป แล้วปล่อยให้ที่บ้านกินหมูกินไก่ ผมอาจจะถูกกล่าวหาว่าเป็นลูกเนรคุณได้
“หิวก็กินก่อนเลยนะ” มันว่าอย่างนั้นเพราะว่ายังไม่ได้อาบน้ำ ในขณะที่กับข้าวถูกยกขึ้นมาเสิร์ฟที่ห้องแล้วเรียบร้อย ผมได้แต่พยักหน้าให้มัน เพราะปากไม่ว่างเนื่องจากหยิบปลาหมึกชุบแป้งทอดเข้าปากไปแล้วหนึ่งชิ้น
ไอ้พี่ธันหายหัวหายตัวเข้าไปอาบน้ำต่อ ส่วนผมเริ่มไล่เก็บข้าวของลงกระเป๋าเพราะพรุ่งนี้จะได้ไม่ต้องรีบแหกขี้ตาตื่นแต่เช้า พระอาทิตย์ขึ้นดูครั้งเดียวต่อหนึ่งทริปก็พอมันขึ้นแบบเดิมนั่นแหละครับ พรุ่งนี้เลยกะจะตื่นสาย กินอาหารเช้าเสร็จแล้วก็ค่อยออกจากโรงแรม อืม…แวะซื้อของฝากด้วย
“เวร! อะไรหล่นวะ!”
หยิบนั่นหยิบนี่ยัดกระเป๋า ปรากฏว่าไปกวาดเอาของบนโต๊ะหน้ากระจกตกลงมาด้วย ผมเลยต้องทรุดตัวลงเก็บ
…กระเป๋าสตางค์ของมัน กับกุญแจรถ แล้วก็สร้อย…
…อ๊ะ! สร้อยที่ร้อยแหวนคู่สลักชื่อที่คุณแม่วิมอบให้ผมเป็นของรับขวัญเข้าตระกูล เส้นนี้ไม่ใช่ของผมแน่ล่ะ เพราะผมเก็บไว้ที่บ้าน งั้นแสดงว่า…เส้นนี้ของไอ้พี่ธัน…
…แต่…
ทำไมตัวอักษรที่สลักข้างในมันยาวๆวะ ไม่ได้เขียนชื่ออย่างเดียวเหรอ…
ผมลองเพ่งสายตาดู ก่อนจะตาเหลือกด้วยความตกใจกับสิ่งที่เห็น รีบทิ้งสร้อยลงกับพื้นอย่างกับมันเป็นของร้อน
…ข…ข้างใน…ข้างในนั่น…ข้างในนั่นไม่ใช่เขียนแค่ ‘ปวิน’ อย่างเดียว…
…ต…แต่…แต่มีนามสกุลต่อท้ายด้วยอ่ะ!!...และ…
…ไม่ใช่นามสกุลผม…
เหงื่อแตกซิกเพราะไม่คิดว่าตัวเองจะถูกรักมากขนาดที่อีกฝ่ายยอมให้ใช้นามสกุลร่วมกันแบบนี้ ผมนั่งอึ้งจนเสียงฝักบัวในห้องน้ำหยุดดัง เลยต้องรวบรวมสติหยิบสร้อยมันขึ้นมา ก่อนจะเอื้อมมือไปหยิบกุญแจรถที่กระเด็นเข้าไปใต้โต๊ะ ทำไมเวลาของหล่นแม่งต้องกระเด็นเข้าไปใต้โต๊ะใต้ตู้ตลอดเลยวะ มันหยิบยากนะเว้ย! ได้แต่บ่นหงุงหงิงกับตัวเองจนควาญมือเจอกุญแจถึงได้หยิบออกมา และทันทีที่เห็นกุญแจรถก็เล่นเอานิ่งไปอีก เมื่อเห็นพวงกุญแจที่ร้อยอยู่ด้วยกันคือพวงกุญแจตุ๊กตารูปอุนจิที่ตัวเองเลือกเองกับมือเป็นของขวัญวันเกิดของมันเมื่อตอนปลายปีที่ผ่านมา
แล้วพวงกุญแจอุนจิอันละไม่กี่ร้อย กับกุญแจรถยนต์หรูที่ราคาเหยียบล้านเนี่ยนะ
…มึงมันผู้ชายน้ำเน่าหาตัวจับยากจริงๆ ไอ้คุณพี่ธันวา มึงมันผู้ชายน้ำเน่า เป็นพระเอกแสนดี มึงมัน…อ่า… บอกตัวเองว่ามันเป็นผู้ชายน้ำเน่า แล้วผมใจเต้นไปกับความน้ำเน่าของมันทำไมวะเนี่ย
“ไปทำอะไรที่พื้น…” คำถามดังขึ้นให้ผมหันไปมอง
ไอ้พระเอกอยู่ในชุดกางเกงนอนขายาวตัวเดียวโชว์ซิคแพ็คยั่วน้ำลาย และกำลังเช็ดผมออกมาจากห้องน้ำ มันมองตามมือผม และคงเห็นทั้งสร้อย ทั้งกุญแจรถ มันก็เลยนิ่งไป ภายในห้องเงียบอยู่อึดใจหนึ่ง ก่อนที่ผมจะควานมือไปหยิบกระเป๋าสตางค์ของมันขึ้นมาด้วย แล้วลุกขึ้นยืน
“โคตรไม่เข้ากันเลยว่ะ กุญแจรถกับพวงกุญแจอุนจิเนี่ย” ไอ้พี่ธันไม่ตอบอะไร แต่เดินเข้ามาเก็บรวบรวมของของตัวเองให้เป็นที่เป็นทาง โดยไม่มองหน้าผมแม้แต่น้อย
…มีองมีอาย สรุปมึงจะเป็นพระเอกหรือนางเอกเอาให้เคลียร์ กูงงนะเนี่ย…
“แต่นามสกุลนาย…เข้ากับชื่อฉันดีนะ”
ผมบอกก่อนจะรีบหมุนตัวเดินไปที่โต๊ะที่มีกับข้าววางรออยู่แล้ว แต่ยังไม่มีวี่แววว่าคนข้างหลังจะตามมา เลยต้องหันกลับไปมอง ปรากฏว่าเจ้าของนามสกุลยังยืนนิ่งอยู่กับที่
“มากินข้าวดิ ฉันหิวแล้ว” ไอ้พี่ธันยิ้มบาง แล้วส่ายหน้าไปมา ก่อนจะเดินเข้ามาหา พร้อมกับโอบเอวพาเอาสะดุ้ง
“ก็บอกให้กินก่อน…หรือรอ?”
“ร…รออะไรเล่า! เก็บของอยู่! ไม่งั้นจะเห็นเหรอว่านายเปลี่ยนนามสกุลฉัน…อื้อ…”
แล้วก็…
ถูกมันจูบจนได้ เอะอะจูบ เอะอะจูบจริงๆหมอนี่ ไอ้ผมจะยืนนิ่งเป็นตอไม้ก็เดี๋ยวจะหาว่าเราอินโนเซ้นท์ ไร้ประสบการณ์ เลยต้องหันกลับไปโชว์พาวเล็กน้อย ด้วยการจูบตอบ
และเพราะจูบตอบนั่นแหละครับ…ก็เลย…อ่า…เป็นเรื่อง…
“คิดจะรุกฉันเหรอ”
มันถามเบาๆกับริมฝีปากของผม ตอนที่กำลังเคลิ้มไปกับความรู้สึกหวานๆ ผมเหลือบตามองมัน ทั้งที่ยังหอบเพราะไม่ทันหายใจ ไอ้พี่ธันยิ้ม เลื่อนริมฝีปากไปเคลียอยู่ข้างแก้มให้รู้สึกถึงสัมผัสอุ่นๆ ก่อนจะไล้เรื่อยไปถึงใบหูแล้วจูบเบาๆ
“ให้ฉันเป็นฝ่ายที่ ‘รัก’ ไม่ได้เหรอ…ถ้วยฟู”
โอ้วววววววววววว… ‘ถ้วยฟู’
ชื่อนี้พาระทวย
ทูบีคอนตินิ๊วววววว
…………………….
แหม เรื่องนี้นี่มันหวานรั้งท้ายจริงๆ 
พาร์ทหน้าก็ตอนจบละนะ เดี๋ยวบัวจะลงตอนพิเศษตามที่สัญญาเอาไว้ตั้งแต่แรกนะคะ
ตอนแรกว่าจะมาลงเร็ว ปรากฏว่าญาติมาบ้าน ทั้งกินทั้งเล่นน้ำก็เลยยาวววววว
แหะๆ
อ๊ะ สำหรับคนที่สนใจเรื่องนี้แบบเป็นรูปเล่ม ทางพี่ๆสำนักพิมพ์นาบูเป็นคนจัดทำให้น่ะค่ะ เห็นว่าปกน่าจะเสร็จทันไปโชว์ในงาน Cocoro ในวันที่ 25 เมษานี้ ที่บูธของนาบู แล้วก็จะมีให้ลงชื่อกับอีเมลสำหรับผู้สนใจด้วย เพื่อที่ว่าเวลาเปิดจองจะได้ส่งอีเมลแจ้งได้ ยังไงก็ฝากเรื่องนี้ด้วยนะคะ
ขอบคุณอีกครั้งค่ะ แล้วเจอกันพาร์ทหน้าตอนจบ (เอ๊ะ จบแล้ว???
)