ตอนที่ 5 ไอ้ตองเสียตัว
“เก้านาฬิกา พี่อยู่ในร้าน เข้ามาให้เห็นหน้าหน่อย”
ผมกับไอ้หยองก็เลยเดินเข้าไปหาพี่แบงค์ ตัวผมเดี๋ยวนี้ชักแปลก ๆ เค้าบอกให้ทำอะไรก็ทำ สมองกลวงดีพิลึก ในร้านก็เห็นพี่แบงค์นั่งอยู่กับเพื่อนก่อนแล้ว ผมสองคนไอ้หยองก็เลยยกมือไหว้เพื่อนพี่แบงค์ไป นั่งได้พักหนึ่งผมกับไอ้หยองก็แยกออกมา
น้องคณะผมกำลังเข้าแถวเตรียมตัวไหว้พระธาตุกันแล้ว พอน้องปีหนึ่งเวียนเทียนรอบพระบรมธาตุรุ่นพี่ก็เรียกให้ไปรวมกันตรงระเบียงจุดชมวิว ใกล้ ๆ กับวิหารพระเจ้ากือนา ตรงนั้นจะมีต้นสนอยู่สองต้นที่สูงมาก ๆ อยู่ข้างล่างก็ยังเห็นต้นสนสองต้นนี้ได้ หม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมชให้ชื่อต้นสนสองต้นนี้ว่า “สนะสนตะกายเมฆ”
พอเรียกรวมน้องเสร็จก็ถ่ายรูปหมู่กันซะหน่อย คราวนี้ก็เริ่มตามหาพี่รหัสน้องรหัสกันแล้ว ไอ้ท็อปมันหายไปไหนของมันฟร่ะ แต่ละคนก็ตะโกนโหวกเหวกหาน้องกันใหญ่ ที่คณะอื่นเค้าเปิดสายรหัสกันยังไงผมไม่ทราบ แต่คณะผมนี่จะเปิดสายพี่สายน้องกันก็วันนี้แหละครับ ซักพักผมก็เห็นพี่ทรายพี่รหัสผมเดินมา พี่รหัสผมเป็นแม่ญิงตั๋วน้อย ๆ ครับ น่ารัก
“ตองเซาะหาน้องปะละยัง” แปลว่า ตองหาน้องเจอหรือยัง เป็นคนเมืองเหมือนกันก็ต้องพูดภาษาเมืองใช่ไหมครับ
“ยังเลยปี้ เซาะหาบ่ปะเตื้อ แต่เกยหันหน้ามันแล้วหนา มันจื้อท็อป ตั๋วสูง ๆ แลบ ๆ ” ยังเลยพี่ ยังหาไม่เจอ แต่เคยหน้ามันแล้วนะ มันชื่อท็อป ตัวสูง ๆ ผอม ๆ
“คนนั้นใช่ป่าวตอง”กลับมาโหมดภาษาราชการดีกว่านะครับจะได้ไม่ต้องแปล พี่ทรายชี้ไปที่น้องปีหนึ่งคนนึงที่กำลังละล้า ละลัง มันคงรอให้ผมไปตามหา แต่ผมหามันไม่เจอ สงสารมันจริง ขอโทษอีกทีนะท็อป
“ใช่พี่ ไอ้คนนั้นแหละ ท็อป ท็อป ทางนี้” ผมตะโกนเรียกมันพลางโบกไม้โบกมือเรียกน้องให้เดินมาหา ตอนนี้ไอ้หยองหาน้องมันเจอแล้วสายรหัสมันก็พากันไปถ่ายรูปเรียงพี่เรียงน้องกัน
พักนึงพี่ทรายก็โทรตามพี่ดลสายรหัสปีสี่ของผม ตอนนี้สายรหัสของผมก็ครบแล้ว พี่ดลปี 4 พี่ทรายปี 3 ตองปี 2 ท็อปปี 1 เราสี่คนถ่ายรูปกันได้สักพักก็เรียกน้องรวมอีกครั้ง เพื่อร้องเพลงเห่ของคณะเราตรงหน้าบันไดนาค แล้วก็ร้องเพลงซังฯ เฉลิมฉลองเป็นอันเสร็จพิธีที่เต็มไปด้วยความชื่นมื่น จากนั้นก็พานั่งลงดอยสุเทพมาด้วยรถแดง
ลงดอยมาเสร็จผมก็ขอตัวแยกกลับมาที่ห้อง ขอนอนซักงีบก่อนแล้วเรื่องอื่นค่อยคิดอีกที
“ตืด ตืด ตืดดดด” ฮ้าว ใครโทรมาเนี่ย เบอร์แปลกซะด้วยสิ
“ฮ้าว โหล ตองครับ”พูดไปด้วยหาวไปด้วย ก็มันง่วงนี่นา
“ผมท็อปเองพี่ น้องรหัสพี่อ่ะ”ตายังปิดอยู่ผ้าห่มถูกถีบตกไปไหนแล้วก็ไม่รู้ ตุ๊กตาหมาตัวโตที่เพื่อนรักสมัยมัธยมปลายซื้อให้เป็นของขวัญวันเกิดก็หายไปสงสัยถูกเตะกระเด็นตกเตียง
“อือ มีไรป่าว”ผมตะเกียกตะกายเดินไปเปิดไฟ ดูนาฬิกา 5 ทุ่มแล้ว โหย หลับล่มหลับจมขนาดนี้เลยเหรอเรา
“จะชวนพี่ไปกินข้าวอ่ะ พี่อยู่หอไหน เดี๋ยวผมไปรับ” ผมก็บอกหอมันไปเสร็จสรรพ เข็นตัวเองไปแต่งตัว
ไอ้ท็อปพาผมมากินข้าวที่ร้านข้าวต้มแถว ๆ หอผม ไอ้ท็อปเป็นคนช่างพูด เล่าเรื่องนั้นโผล่เรื่องนี้ไม่หยุด ไอ้ท็อปเป็นเด็กเชียงใหม่จบจากโรงเรียนมัธยมที่ชื่อแปลได้ว่า “เจ้าชาย” ผมก็นั่งฟังมันไปไม่ค่อยได้พูดอะไรซักเท่าไหร่ หิวก็ส่วนหนึ่ง แต่ง่วงมีซะสองส่วน กินเสร็จมันก็กลับมาส่งผมที่หอ
พอลงรถผมก็เห็นเพื่อนพี่แบงค์ 2 คนกำลังแบกพี่แบงค์ขึ้นหอ ท่าทางจะเมาหนัก ผมก็เลยเข้าไปช่วย พอถึงห้องก็หากุญแจห้องไม่เจอ เพื่อนพี่แบงค์ก็เลยฝากพี่แบงค์ไว้ห้องผม ตอนนี้พี่แบงค์นอนแผ่อยู่บนเตียงผมแล้ว เฮ้อ นี่เราเป็นอะไรกันเนี่ย นอนกางซะเต็มเตียงแบบนี้แล้วกูจะนอนยังไงละเนี่ย ออกแรงผลักสุดพลังให้พี่แบงค์นอนเก็บแขนเก็บขาหน่อย แหวะ กลิ่นเหล้าหึ่งเลย อาบน้ำดีกว่าเรา
อาบน้ำแต่งตัวเสร็จผมก็มานอนเอาโทรศัพท์มาดูมีข้อความเข้า ไอ้ท็อปส่งมาบอกฝันดี ก็พิมพ์ส่งมันกลับไป ปิดเครื่องนอนต่อดีกว่า
เอ๋
พี่แบงค์เอาแขนออกไปเซ่ จะกอดทำไมเนี่ย ตัวก็หนักไม่ใช่น้อย ๆ ซะที่ไหน เฮ้อ ออกไป เอาแขนออกไป โฮ่ เหนื่อย หมดทางดิ้นรนก็ต้องปล่อยเลยตามเลย โอ๊ย จั๊กจี้หายใจรดต้นคออยู่ได้
โอย กี่โมงแล้วเนี่ยป่านนี้ ควานหาโทรศัพท์เปิดเครื่องดูเวลาปาไปบ่าย 2 โมง ผมกำลังจะเดินไปเข้าห้องน้ำแต่แล้วก็ต้องตกใจสุดขีดที่ทั้งเนื้อทั้งตัวผมไม่ได้ใส่อะไรเลย มองไปที่คนข้าง ๆ ก็มีเพียงผ้าห่มผืนเดียวติดกาย ปิดบังส่วนที่ควรสงวนแบบจะหลุดแหล่มิหลุดแหล่ ผมรู้สึกเจ็บปวดช่วงล่าง สีแดงฉานเปรอะเปื้อนที่นอนเป็นดวง บ่งบอกถึงกิจกรรมที่รุนแรงเร่าร้อนที่ผ่านมาเมื่อคืน ผมทรุดลงข้างเตียงร้องไห้เสียใจที่ความไว้ใจที่มีให้มันหมดไปแล้ว ตอนนี้คนที่นอนข้าง ๆ ตื่นแล้วเขาเดินมาใกล้ ๆ กอดผมไว้เบา ๆ พลางขอโทษและระดมจูบไปทั่วแผ่นหลัง ผลักหัวผมให้ซบลงกับไหล่หนาของเขา ลูบหัวผมไปมา เราสองคนในสภาพเปลือยเปล่ากำลังนั่งอิงแอบกันอยู่ข้างเตียงภายในห้องผม เขาคนนั้นนั้นก็พร่ำเอ่ยคำขอโทษ บอกว่าทำไปก็ด้วยความรัก อยากได้มาครอบครอง คนที่ตัวโตกว่าผมคนนั้นพลิกตัวผมให้หันหน้ากลับไปหาเขา เขาค่อย ๆ ก้มหน้าลงมาช้า ๆ จนรู้สึกได้ถึงลมหายใจ ดวงหน้านั้นใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ ใกล้เข้ามาจนกระทั่งตอนนี้เห็นเพียงดวงตาแสนดุสองนั่น แต่ในเวลานี้ดวงตาทั้งสองนั้นกลับเป็นดวงตาที่อ่อนโยน เขาค่อย ๆ ใกล้ลงมาแล้ว ใกล้ลงมาจน
จนเสียงโทรศัพท์ของพี่แบงค์ดังขึ้นนั่นแหละ ผมถึงรู้ว่าผมฝันไป โธ่เอ๊ย