ตอนที่80 บึ่มบรึ๊ย..กร๊าก
แกร๊ก~~
“เฮ้ย”
“จะตกใจทำไม”กูพูดบอกสลิ่มที่มันพึ่งเดินออกมาจากห้องน้ำโดยมีเพียงผ้าขนหนูผืนเดียวนุ่งอยู่ พอมันเห็นกูมันก็ตกใจที่กูเดินเข้าห้องมันแบบว่าง่ายดายขนาดนี้
“มึงเข้ามาได้ไงอ่ะ”มันถามสีหน้างงๆ พร้อมกับหวาดระแวงนิดหน่อย เพราะว่าเมื่อเช้ามันไล่กูกลับบ้านแล้วพอบ่ายกูก็กลับมาหามันนี่แหละ เหอะๆ ไล่ยังไงก็ไม่ไป กูหน้าด้าน
“เปิดเข้ามา”กูพูดหน้าตาย
“...............”มันเงียบจ้องหน้ากูประมาณว่าถ้ากูไม่พูดดีๆ อีกห้าวิจะเจอตีนมัน
“มึงนี่หน้าตาก็ฉล้าดฉลาดเนอะ แต่ก็มีส่วนที่โง่เหมือนกันนะเนี่ย”กูพูดพร้อมกับเอามือผลักหัวมันเบาๆ มันมองหน้ากูอึ้งๆหน้าหงายไปตามแรงผลักจากกู
“ไอ้..”มันหน้าตาเหรอหรามองมาที่กูงงๆ
“มึงคิดว่ากูเข้าห้องมึงนี่กี่รอบละ”กูพูด
“................”มันเงียบเหมือนยังคิดไม่ทันอยู่อีก
“กูจัดการปั้มเรียบร้อยแล้วเหอะ จะได้ไม่ต้องแย่งกันใช้ไง”กูพูดบอกพร้อมกับชูกุญแจให้มันดู
“ไอ้ห่าเมตร”มันกระแทกเสียงอย่างขัดใจเหมือนทำอะไรไม่ถูก
“ครับผม”กูตอบแล้วยักคิ้วให้ก่อนที่จะถอดรองเท้าออก
“จะไม่ให้คนอื่นเค้าวันหลังก็หัดลงกลอนไว้สิ เนี่ยๆ..”กูหันไปปิดตรงกลอนประตู
“เปิดไว้แบบนี้ใครก็เข้ามาได้ เกิดโจรขึ้นมาทำมิดีมิร้ายขึ้นมาทำไง”กูพูดบอก
“มีอะไรจะมิร้ายเท่ามึงอีก”มันย้อน
“เออว่ะ”กูตอบขำๆไม่สนใจที่โดนมันด่า
“เฮ้อ”มันถอนหายใจพร้อมกับส่ายหัว
“ที่รักเนี่ย ถอนหายใจเพราะรักเค้าตลอด”หน้าด้านแถได้อีก
“มึงจะเข้าๆออกๆห้องกูตามใจชอบได้ไง”มันพูดขึ้นแล้วรีบหยิบเสื้อมาใส่อย่างลวกๆ
“ทำไมจะไม่ได้ กูแฟนมึงนี่”กูตอบ
“แต่กูไม่ชอบ”มันพูดด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“................”กูเงียบนั่งมองหน้ามัน น้อยใจนิดหน่อยถึงปานกลาง
“ที่ไอ้เขตยังเข้าได้เลย”กูพูดออกไปด้วยความลืมตัว ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมพูดออกไปแบบนั้น
“ไอ้เขตก็เข้าไม่ได้”มันพูด
“แล้วเกี่ยวเหี้ยไรกับไอ้เขต”มันขมวดคิ้วถาม
“ก็กูเห็นมันเข้าๆออกๆห้องมึงตลอดนี่ มีกุญแจมึงด้วย”กูพูด
“ก็กูเป็นคนให้มันเอากุญแจกูมาเปิดเอาของ มานอน..กูอนุญาตมันเอง ไม่ได้ให้มันมีกุญแจห้องกูสักหน่อย”มันพูดบอก
“..................”กูเงียบ เพราะเหมือนกูจะผิด แต่กูก็ไม่ผิดนะเว้ย ยังไงกูก็มีสิทธิ์อ่ะ กูเป็นแฟนมันนะ
“เป็นไรของมึง”มันถามแล้วหยิบกางเกงในออกจาตู้เสื้อผ้ามา กูเงยหน้ามอง พอมันเห็นว่ากูมอง มันก็ทำหน้าทำตาไม่ถูกอีก
“วันหลังกูแต่งตัวมึงไม่ต้องมองได้ไหมเล่า”มันพูดแล้วเดินหนีเข้าห้องน้ำไป
“เหอะๆ”กูหัวเราะให้กับตัวเอง เพราะรู้ว่าตัวเองกำลังมองมันด้วยสายตาแบบไหน กูนั่งรอมันประมาณห้านาทีมันก็เดินออกมาพร้อมกับใส่บ๊อกเซอร์ลายหมาสีน้ำตาลเสร็จเรียบร้อยแล้ว
“ไร”มันถามเสียงห้วน แต่แก้มเสือกแดง แม่ง ขัดกันจริงๆ ปากกับหน้ามึงเนี้ย
“กางเกงน่ารัก ไม่เหมาะกับคนใส่”กูพูดบอกแล้วเดินไปถอดถุงเท้าออกแล้วเดินเข้าห้องน้ำไปล้างเท้า เพราะเป็นกฎของสลิ่มมัน เข้าห้องมันต้องล้างเท้าก่อน แต่ปกติกูเข้าบ้านไม่ว่ายังไงกูก็ติดล้างเท้า ล้างมือ ล้างหน้าก่อนตลอดแหละ เพราะมันรู้สึกเหมือนตัวสกปรก
ฟ๊อดดดด~
“อาราย”มันปัดหน้ากูออก เพราะว่ากูไปหอมแก้มมันจากด้านหลังที่มันนั่งเขียนอะไรที่โต๊ะเขียนหนังสืออยู่
“คิดถึง~”กูบอกแล้วเอาแขนโอบตัวมันไว้
“อย่า..จะอ่านหนังสือ”มันพูดแล้วดิ้นหน่อยๆไม่ได้แรงอะไรมากมาย แต่กูก็ยังไม่ปล่อยอะนะ
“มึงอ่ะ เอาแต่ไล่กูตั้งแต่เมื่อเช้าแล้วนะ”กูพูด
“ก็มึงมานัวเนียห่าไรนักหนาเล่า”มันพูดบ่น
“นัวเนียไร เค้าเรียกว่าแสดงความรักเหอะ”กูบอก
“พอเลย ไม่เบื่อรึไง”มันพูดแล้วผลักกูหน่อยๆ
“ไมพูดงั้นวะ”กูพูดกลับ
“...............”มันเงียบก้มหน้าไป
“เป็นไร”กูถาม
“เปล่า”มันตอบเสียงเบา
“...............”กูเงียบ ส่วนมันก็เงียบนิ่ง มือที่ถือดินสออยู่ก็ลูบดินสอไปมา กูก็เริ่มนัวเนียอีกรอบ ไม่ได้สะทกสะท้านกับคำที่เค้พูดว่าเลยแม้แต่น้อย สลิ่มเงียบนิ่งให้กูนัวเนีย มันเอียงคอแบบว่าไม่อยากให้กูทำอะไรไปมากกว่านั้น กูเลยหอมลงที่หัวมันก่อนที่จะกอดมันที่นั่งอยู่ตรงเก้าอี้ไว้ทั้งๆที่ตัวกูยืนอยู่นั่นแหละ
“อาทิตย์หน้ากูคงต้องกลับไปภูเก็ตอีก ไปช่วยพ่อดูงาน แล้วก็เอาไอ้พวกแผนงานนี้ไปเสนอใหม่ด้วย”กูพูดบอกแล้วหยิบงานของกูที่อยู่บนเตียงของสลิ่ม กูเอางานพวกนี้มานอนคิดนั่งคิดตั้งแต่เมื่อวานแล้ว และเมื่อเช้าไอ้ที่มันไล่กูกลับบ้านเพราะว่ากูไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยนนี่แหละ กูกลับไปอาบน้ำอาบท่าแล้วก็กลับมาใหม่โดยที่ไม่ได้เอางานกลับมาด้วย เพราะคิดว่ายังไงๆกูก็ต้องกลับมาหามันอยู่แล้ว เอากลับไปกลับมาพะรุงพะรังว่ะ
“ไปด้วยกันเปล่า”กูถามไปงั้น ที่อยากให้ไปก็อยากให้ไปด้วยอยู่หรอกแต่รู้ทั้งรู้อยู่แล้วว่ามันไปไม่ได้ และถึงไปได้ก็ไม่รู้ว่าจะไปด้วยกันรึเปล่า ที่ถามก็เพราะอยากให้รู้ว่ากูให้ความสำคัญเท่านั้นเอง
“ไม่”มันตอบแล้วเขียนอะไรต่อไม่ได้หันมามอง กูขยับตัวถอดกางเกงยีนออกแล้วเหวี่ยงไปข้างเตียงจนไอ้คนที่นั่งอยู่ตรงโต๊ะเขียนหนังสือหันมามองนี่ถ้ามีเสียงเอฟเฟคดัง “เพี้ยว!!” ด้วยคงได้อารมณ์ไม่น้อย
“ต้องให้กูพูดไหม”มันพูดกัดฟันเหมือนกำลังโมโหกับการกระทำของกูเมื่อกี้
“คร้าบ”กูรีบคลานตัวเองลงไปเก็บกางเกงยีนแล้วเอาไปตากที่ราวตากผ้าตรงระเบียง
“กูแค่ขี้เกียจนิดหน่อยเองอ่ะ ไม่เห็นต้องค้อนเลยนี่หว่า”กูพูดบ่นเมื่อกลับเข้าห้องมา ที่จริงกูก็ไม่ใช่คนสถุลอะไรแบบนั้นมากมายหรอกนะ แต่แค่กูชินเพราะว่าเหวี่ยงไปแล้วไอ้มิ้วค์มันจะเก็บให้ตลอดอ่ะดิ แล้วพอมาอยู่บนเตียงแล้วมันก็ขี้เกียจแล้วอ่ะ ไม่คิดว่ามันจะไม่ชอบขนาดนั้น
“กูไม่ชอบ พูดกี่รอบละ”มันบ่นไปเขียนไป
“ค้าบ”กูตอบส่งๆแล้วนอนลงบนเตียงต่อ
“หลิ่ม”กูเรียก
“หืม”มันตอบกลับเสียงสั้นๆนิดหน่อย
“รักกูไหม”กูถามทั้งๆที่นอนจ้องมองไปที่มันที่ไม่ยอมหันมามอง
“..............”มีหรอคนอย่างมันจะพูดง่ายๆน่ะ กูนอนจ้องมันอยู่อย่างนั้นไม่กระดิกตัว จนมันเองก็หยุดเขียนหนังสือต่อ
“รักกูไหม”กูถามย้ำอีก
“...............”มันก็เงียบอีก
“รักกูไหม รักกูไหม รักกูไหม รักกูไหมๆ ๆ ๆ”กูถามเรียงถี่ยิบเหมือนแกล้งมัน
“โอ้ยยย ไอ้บ้า”มันหันมาด่าด้วยสีหน้าที่หงุดหงิด
“หึ”กูยิ้มตอบให้
“เค้าว่าผู้ชายด่าแสดงว่าผู้ชายรัก”กูพูดบอกแล้วยักคิ้วให้
“ประสาท ทำงานไปเลยปะ..เมื่อไหร่จะเสร็จ กูเห็นกลิ้งไปกลิ้งมาๆกี่วันละ”มันเปลี่ยนเรื่องหาเรื่องบ่นกูอีกละ
“ก็จะเสร็จแล้วนี่ไง เดี๋ยวเค้ากลับไปบ้านขึ้นมาจะมาร้องไห้ขี้มูกโป่งไม่ได้นะ”กูพูด
“ขอให้ไปนานๆเหอะ”มันพูดบอกแล้วหันไปอ่านหนังสือไม่สนใจกู กูก็หันมาคิดงานของกูต่อ กว่าจะเสร็จก็หลับไปหนึ่งตื่น ลุกขึ้นมาทำใหม่ยังเห็นสลิ่มมันนั่งอ่านหนังสืออยู่ทีเดิมอยู่เลย แม่ง ไม่ง่วง ไม่เมื่อยบ้างรึไงวะ กูลุกขึ้นไปหาน้ำกินเงียบๆไม่อยากรบกวนมัน เพราะเดี๋ยวจะรบกวนทีหลังรวบยอดเลยทีเดียว สมองหมาอีกละคิดแต่ละเรื่อง
“หลิ่มครับ”กูเรียก
“...............”ไม่ตอบอีก เฮ้อ..พูดบ้างก็ได้ ไม่มีใครว่าหรอก ตอนด่ากูนี่ด่าเอาด่าเอา
“หลิม”กูเรียกอีก
“อืม”มันขานตอบ
“วันเกิดมึงวันที่เท่าไหร่”กูถาม แล้วเดินไปนั่งอยู่หน้าโต๊ะเครื่องแป้งมัน ค้นของมันเล่นดีกว่า
“................”มันเงียบเป็นคำตอบสุดท้าย
“กูถามอ่ะ ตอบดิวะ”กูขึ้นเสียงหน่อยๆ แล้วหยิบนาฬิกาของมันมาลองใส่บ้าง ของแพงทั้งนั้น ทำของมันตกนี่มันคงเอากูฆ่า หั่น ศพแล้วยัดช่องแอร์เลยอ่ะกูว่า
“จะรู้ไปทำไม”มันย้อน
“ก็อยากรู้”กูตอบ
“ของกูวันอาทิตย์ที่ 7 เมษานะครับ..ปีหน้าแน่ะ”กูพูดบอกหน้าด้านๆ
“................”มันเงียบอีก
“กูจำได้ว่ามึงเกิดวันเสาร์ใช่เปล่าวะ แต่ว่า..วันที่เท่าไหร่วะ กูจำไม่ได้”กูจำไม่ได้จริงๆไอ้ที่พูดไปเนี่ย มันก็นานมากละนะ ใครจะไปจำได้วะ แล้วนิสัยคนวันเสาร์เท่าที่รู้มา นิสัยเดียวกับสลิ่มมันเลย กูเคยเรียนลักษณะนิสัยอาจารย์บอกว่าวันเสาร์เป็นคนดวงแข็ง เด็ดเดียวและแน่ พูดจริงทำจริง ประมาณนั้นแต่มันก็คงเป็นแค่สถิติคนส่วนมากแหละมั้ง แล้วเท่าที่กูเจอมาพวกเพื่อนกูก็เป็นแบบนี้ บางทีก็แล้วแต่คน เทียบกันแล้วก็คงเกือบจริงเพื่อนกูสองคนเกิดวันเสาร์นิสัยก็เหมือนสลิ่มมันเลย ยิ่งอากูนะเกิดวันเสาร์ แทงเป็นแทง ยิงเป็นยิงไม่มีพูดพร่ำทำเพลง เหอะๆ เค้ามีเมียน่ากลัวอ่ะ
“อยากรู้ก็ไปขวนขวายเอาเองสิ”แหม พูดอย่างกับความรู้รอบตัว ไอ้ห่า..
“แหม คร้าบ..ไม่บอกก็ไม่บอก”กูตอบเพราะยังไงถามไอ้เขตเดี๋ยวก็รู้ รู้ง่ายกว่ารู้จากมันอีก
“หลิม เรือนเท่าไหร่อ่ะ”กูยื่นข้อมือให้มันดู มันหันมา
“ถ้านาฬิกากูตกนะ มึงเป็นศพแน่ไอ้เมตร”มันพูด กูว่าละ..ซื้อหวยไม่เคยถูกอ่ะ เดาสถานการณ์ล่วงหน้าได้ เทพจริงๆกู
“โด่ ของลองหน่อยก็ไม่ได้”กูพูดแล้วถอดไอ้เรือนนี้ลง แล้วลองเรือนใหม่
“หลิม มึงหมั้นกูแล้วนะ”กูพูดแล้วชูนิ้วมือให้มันดู กูเอาแหวนเงินวงเรียบของมันที่ด้านในสลักว่า “ซ่าหลิ่ม” มาใส่ พอดีนิ้วนางกูเลย
“ดูดิ พอดีเลย”ไม่เคยลดละ กูยิ้มแป้นแล้นให้มันอีก มันได้แต่ส่ายหัวเซ็งๆ
“ขอนะ”กูบอกแล้วเดินกลับไปที่เตียง มันหันสายตามามองหน่อยๆ
“เดี๋ยวกูไปหาซื้อให้บ้าง อันนี้ใส่นิ้วไหนมึง กูว่านิ้วโป้งแหง..พอดีนิ้วนางกูเลยเนี่ย”กูพูดไม่สนใจสายตาที่ประมาณว่า “รำคาญกูสุดตีน” กูขยับตัวให้ไปที่ตรงหัวเตียงตรงที่ติดกับโต๊ะเขียนหนังสือของมัน แล้วจับมือมันมาดู มันก็นั่งนิ่งๆให้กูเล่นมือมันไป กูนี่ก็เหมือนคนบ้าเนอะ เล่นอยู่ได้คนเดียว
“องุ่นสั่งทำให้กู”มันพูดเสียงเรียบ กูเงยมองหน้ามันหน่อยๆ อึ้ง..ไปหยิบของเค้ามาใส่หน้าตาเฉย กร๊าก
“ไม่เอาแล้วก็ได้”กูบอกหน้าเสียนิดหน่อย แล้วจะถอดให้มัน
“ก็ไม่ได้ว่าอะไรสักหน่อย อยากได้ก็เอาไปดิ”มันพูดแล้วหันหน้ากลับ
“มึงพูดเองนะ”กูพูดอย่างดีใจ
“เออ”มันตอบ
“เดี๋ยวกูไปซื้อมาให้มึงบ้าง”กูพูดบอก
“ใครจะไปกล้าใส่”มันพูดย้อน
“ร้านเดียวกับร้านที่ไอ้โมทพามึงไปทำซื้อสร้อย”กูรู้แนวละตอนนี้ เอาของเข้าล่อ
“ก็ได้”มันตอบทันที กูขอย้ำว่าทันที เหอะๆ
“.................”
“มึงจะเลื้อยมาทำไมเล่า”มันพูดไม่พูดเปล่า พยายามผลักหัวกูออกด้วย ก็กูพยายามอย่างสุดความสามารถที่เลื้อยหัวตัวเองจะให้ไปอยู่บนตักสลิ่มมันด้วยความยากลำบาก
“กูเหงาอ่ะ มึงเอาแต่อ่านหนังสืออยู่ได้”กูบอก
“...............”มันนั่งนิ่งเงียบ ไม่ยอมเอาแขนมันมาวางไว้บนตัวกู ได้แต่ค้างแขนของตัวเองไว้ลอยๆแบบนั้น
“หนัก”มันพูด
“มึงก็มานอนที่เตียงกับกูดิ”กูบอก
“เมตร ไปนอนดีๆได้ไหม”มันพูดเสียงเรียบ สงสัยเริ่มเอือมกูละ
“ก็ได้”กูกระแทกเสียงนิดหน่อยพอประมาณ เล่นละครเก่งมาก รางวัลนาฏราชปีนี้ตกเป็นของกูแน่นอน กร๊าก
“................”กูกลับมาที่เตียง แล้วพลิกตัวเอง จับผ้าห่มมากระพือๆแล้วห่ม หันหลังนอนให้มันซะเลย กูแกล้งงอนไปงั้นแหละ พวกมึงก็น่าจะรู้อ่ะนะ แล้วไอ้ที่การแกล้งแบบนี้ พอนอนไปนานๆโดยที่ไม่มีใครง้อ มันก็ง่วงจริงๆขึ้นมาอะสิ กูเลยจัดยาวเลยทีนี้ เฝ้าพระอินทร์เรียบร้อย
............
............