ภาคต่อ ตอนที่ 3
“คุณแจ๊คคะ โทรศัพท์จากเมืองไทยค่ะ” แม่บ้านวัยกลางคนถือโทรศัพท์ไร้สายมาให้ชายหนุ่มที่นั่งจิบไวน์อยู่คนเดียวในห้องนั่งเล่น
“ขอบคุณ” เขาตอบรับแม่บ้านและกรอกเสียงลงไป “ฮัลโหล”
“ฮัลโหล พี่แจ๊คเหรอครับ...” เสียงออดอ้อนจากปลายสาย คงจะเป็นใครไปไม่ได้นอกจากชิกิ หนุ่มน้อยคู่ขาของเขานั้นเอง
“ครับ ว่าไงเบ่บี๊...” เขามักแทนฝ่ายตรงข้ามว่าอย่างนั้น
“ป่าปี๊...ไปฮ่องกงทำไมไม่ชวนเค้าไปด้วย” ปลายสายกระเง้ากระงอด
“อ่อ ไปแค่สองวันเองนะ” เขาพูดเรียบ ๆ เพราะปกติแล้วเขาก็ไม่เคยพาใครเข้าบ้านอยู่แล้ว ไม่ว่าจะสนิทชิดเชื้อหรือถูกใจแค่ไหนก็ตาม
“เหรอ งั้น กลับเมืองไทยเมื่อไหร่อย่าลืมโทรหาเค้านะ”
“อืม จ้ะ”
“แล้วอยู่ฮ่องกงเนี่ยะ เจอใครน่ารัก ๆ มั่งไหม” ปลายสายถามมา
“ก็...” พลกฤษณ์เว้นวรรค แต่ก็พูดออกไปว่า “ไม่มีหรอก เจอแต่คนอ้วน ๆ หน่ะ ท่าทางไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ด้วย” เขาตอบไปด้วยนึกถึงคนที่เพิ่งเจอเมื่อตอนกลางวัน
“เหรอ คนฮ่องกงนี่น่าอิจฉาเนอะ คงจะมีอะไรอร่อย ๆ เลยกินจนอ้วน”
“ฮ่ะ ๆๆๆๆ”
“คิดถึงป่ะปี๊นะ” ปลายสายออดอ้อน
“ค๊าบบ คิดถึงเบ่บี๊เช่นกัน” แล้วเขาก็วางสายไป
ชิกิเป็นหนุ่มน้อยลูกครึ่งญี่ปุ่นที่เขากำลังคบหาอยู่ แต่ก็แน่นอนล่ะ ไม่ได้มีแค่หนุ่มน้อยคนนี้คนเดียว และชิกิเองก็ไม่ได้มีเขาแค่คนเดียวเช่นกัน
เหมือนทั้งสองมองความสัมพันธ์แบบนี้เป็นเหมือนอาหาร ที่แต่ละคนที่คบหาอยู่นั้นเหมือนเป็นอาหารหลากรส แต่ตัวเองนั้น ย่อมมีอาหารที่เป็นจานโปรดก็แน่นอนว่าก็ต้องพึงพอใจมากเป็นพิเศษ
แต่จะให้กินซ้ำ ๆ กันทุกวันก็เบื่อกันพอดี มันก็ต้องเปลี่ยนไปกินอย่างอื่นบ้าง ชีวิตจะได้มีสีสัน
ก็อย่างนี้หล่ะ ชีวิตและความสัมพันธ์ที่ไม่มีพันธะของ “ผู้ชายที่เลือกได้”
เขาขยับแก้วไวน์แล้วกรุ่นคิดถึงศิลา ที่เขาเพิ่งพบว่าเพื่อนเขาคนนี้ก็มีรสนิยมแบบเขาเหมือนกัน เขาไม่เคยนึกมาก่อนว่า ผู้ชายที่ดูจริงจังและเคร่งครัดไปซะทุกเรื่องอย่างศิลา อยู่ดี ๆ จะเปลี่ยนมาชอบผู้ชายไปได้ แถมเป็นเด็กหนุ่มอายุน้อยกว่าอีกด้วย
เขาคิดว่า “ไอ้หยกต้องกับน้องคนนั้นต้องแอบคบกันแน่ ๆ เพราะดูจากแววตาของมันแล้วเหมือนมันจะระแวงเราชอบกล...หรือมันกลัวเราไปยุ่งกับเด็กมันวะ หึหึ”
“แต่น้องคนนี้ก็ดูท่าทางหวงตัวใช่น้อย” เขานึกถึงตอนที่พีร์เชิดใส่เขาอย่างไม่สนใจ เพราะปกติแล้ว ไม่ว่าใครก็แล้วแต่มักจะเล่นหูเล่นตากับเขา หรือไม่ก็มีท่าทีตอบรับ ซึ่งต่างเด็กหนุ่มที่แสดงออกว่าไม่สนใจเขาเลยแม้แต่น้อย
แต่เด็กหนุ่มเองก็ไม่ใช่สเปคเขาเช่นกัน พลกฤษณ์ชอบแบบที่อายุน้อยกว่าก็จริง แต่เขามักจะสนใจแต่พวกผิวขาวใส ร่างบอบบาง และหน้าตาหวานใส แต่กับคนรักของเพื่อนนี้ช่างตรงกันข้ามกันเกือบทุกอย่าง ยกเว้นหน้าตาจิ้มลิ้มและแววตาสดใสคู่นั้น
พลกฤษณ์คิดว่าเรื่องนี้คงไม่มีใครในครอบครัวศิลารู้แน่ และยิ่งเจ้าตัวมีภรรยาเป็นตัวเป็นตนอยู่ที่บ้าน พร้อมลูกอีกสองคน ไหนจะพ่อแม่ที่แสนจะเคร่งครัดของทั้งคู่อีก
เขานึกหัวเราะ เมื่อนึกถึงพ่อแม่ของเขาเอง ที่ตอนนี้ออกไปเล่นกีฬากับเพื่อนฝูงอย่างสนุกสนานข้างนอก เขารับรองได้ว่าพ่อแม่ของศิลาคงไม่มีวันทำอย่างพ่อแม่เขาได้แน่ ๆ เพราะพ่อแม่เขาไม่เคยถือสาและรังเกียจเรื่องรสนิยมของเขาเลยแม้แต่น้อย แถมยังแซวเล่นกันเป็นเรื่องปกติของครอบครัว เขานึกถึงพ่อแม่ของศิลาที่แสนจะเคร่งครัดกับลูกชายคนนี้มาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้ว และศิลาก็เป็นเด็กดีของพ่อแม่มาตลอดเสียด้วย จนกระทั่งวันนี้ เขาแน่ใจว่า สิ่งที่ศิลากำลังทำและเป็นอยู่ คงจะต้องเจออุปสรรคมากมายในวันข้างหน้าอย่างแน่นอน
“โชคดีว่ะ หยก” เขารำพึงออกมาและยกแก้วไวน์กับอากาศ ถ้าเป็นอย่างนี้แล้ว เขาก็ได้แต่เอาใจช่วยเพื่อน กับการเผชิญปัญหาครั้งใหญ่ในชีวิต
“สวัสดีค่า เพื่อนสาว” ปกรณ์กดรับโทรศัพท์เมื่อเห็นว่าเป็นสายของนลพรรณ เพื่อนรักของตน
“หวัดดีจ้ะ นี่ทำอะไรอยู่เนี่ยะ”
“เพิ่งออกจากฟิสเนสค่ะ แค่คุยได้นะคะ เมาท์มามีอะไรยะ”
“ก็...ชั้น ทะเลากับหยกอ่ะ”
“ทะเลาะกันเหรอ...เรื่องอะไร” ปลายสายเริ่มสนใจ “อย่าบอกนะว่าเรื่องเกี่ยวกับนังหนูนั่น”
“จะว่าใช่ก็ใช่นะ”
“มีอะไรกันเหรอยะ เล่ามาสิ สามีเธอเหวี่ยงอะไรมากมายไหมฮะ”
“ก็คือว่า หยกโกรธมากเมื่อรู้ว่าชั้นนัดเจอน้องพี”
“ได้ไงยะ เค้าก็น่าจะรู้ว่าแกเป็นคนดีศรีอยุธยา” เพื่อนสาวเว้นวรรค “อีกอย่าง เค้าก็รู้ไม่ใช่เหรอว่าแกกับน้องพีเคยเจอกันแล้ว”
“คือ ชั้นนัดกับน้องพีอีกครั้งนึงหน่ะ แต่ว่าครั้งนี้ชั้นนัดตาพจมาด้วย”
“ว๊ายยยย น้องพจไปด้วยยย” ปกรณ์สาวแตกอย่างเก็บไม่อยู่ “ทำไมยะ ทำไมเอาสามีของชั้นไปด้วย”
“น้อย ๆ หน่อยนังเป้” นลพรรณส่ายหน้า “ก็ชั้นอยากให้พวกเค้าได้รู้จักกัน” เธอเว้นวรรค “น้องพีแกน่ารักดีนะ ชั้นก็ชอบน้องเค้าเหมือนกัน ชั้นเลยอยากให้พจรู้จักไง เผื่อน้องเค้าจะไว้ใจชั้นมากขึ้น”
“เหรอ...”
“อีกอย่างนะ ชั้นอยากรู้ว่าตาพจชอบผู้ชายหรือเปล่า” เขากล่าวเบา ๆ
“ว๊ายยย ไม่ต้องไปเจอนังหนูตาแป๋วนั่นหรอกค่ะ เจอชั้นก็พอ”
“บ้าเหรอ กระเทยล็อตไวเล่อร์อย่างแกเนี่ยนะ” นลพรรณว่าเค้าให้
“แหมปากร้ายนะคะนังคนนี้” แล้วก็ถามต่อ “ทำไมยะ ถ้าน้องแกเป็นเกย์ก็คือ ก็ต้องชอบนังหนูนั่นมั่งหล่ะ ใช่ไหม”
“ก็คงงั้น”
“ต๊ายยย แผนสูงนะคะ” ปกรณ์สะใจ “ถ้าน้องแกเป็นเกย์และชอบน้องพี แกก็ให้น้องพจแย่งน้องพีออกมาจากคุณหยกขาได้ ใช่มะ”
“บ้าเหรอ ชั้นไม่ได้คิดแบบนั้น”
“ชั้นไม่เชื่อ”
“ไม่เชื่อก็ตามใจแก ชั้นพูดได้แค่นี้จริง ๆ”
“ถ้างั้น ทำไมแกไม่หาวิธีอื่นมาพิสูจน์ล่ะ และอีกอย่างทำไมเพิ่งมาสงสัยอะไรเอาตอนนี้หะ”
“ก็น้องชั้นไม่เคยสนใจใครเลยหนิ วัน ๆ ชั้นไม่เห็นเค้าทำอะไรเลยนอกจากเรียน ไปตลาดหุ้น และก็กลับบ้าน”
“เหรอ เค้าไม่ได้บอกแกหรือเปล่า”
“เหอะ ชั้นกับน้องคุยกันทุกเรื่องนะ จำตอนเราอยู่มหาลัยได้ไหม ที่ชั้นเราเรื่องตาพจอกหักมาบอกแกอ่ะ”
“อืม จำได้ ๆ”
“น้องชั้นเล่าให้ฟังทุกเรื่องจริง ๆ นะแก ตอนนี้ก็เถอะ แต่ไม่เห็นเมาท์เรื่องสนใจใครเลย”
“อืมนะ แล้วนึกคึกยังไงถึงอยากให้เจอกับน้องพีล่ะคะ”
“ไม่รู้สิ น้องเค้าดูน่ารักดีนะ ชั้นก็เลยอยากรู้จักเค้ามากขึ้น อีกอย่างให้พจไปด้วย ก็ให้ชั้นแน่ใจไงว่า เค้าน่ารักจริง ๆ หรือเปล่า”
“เหรอ....ค่ะ เชื่อก็ได้ค่ะ” เขาพูดต่อ “แล้วว่าแต่ “คุณหยกขาของหล่อน ๆ หน่ะ เหวี่ยงอะไรมั่งคะ”
“หยกหาว่าชั้นจะจับคู่ให้ตาพจ”
“ค่ะ เป็นใครใครก็คิด”
“เหรอ ทำไมอ่ะ”
“ก็แหม น้องแก ก็ไม่มีแฟน น้องพี ก็แสนจะเป็นสาวน้อยในโลกสีชมพูซะขนาดนั้น”
“ชั้นไม่รู้”
“อืม คงงั้น เพราะแกเป็นชะนี” ก่อนจะพูดต่อว่า “ต๊ายยย งั้นก็แสดงว่า คุณหยกขาเข้าสู่ความเป็นชาวเราเต็มตัวสิคะ”
“ทำไมอ่ะ”
“ก็หึงซะจนมาทะเลากับแกไงล่ะ”
“อืม ก็ใช่อ่ะ เค้าดูหวงน้องพีมาก..” นลพรรณพูดเบาๆ อย่างน้อยใจเล็ก ๆ
“โถ ก็ต้องเข้าใจค่ะ คนเค้าไม่เคยมีแฟนเป็นของตัวเอง”
“อืม ชั้นก็พยายามคิดอยู่”
“เออ แล้วตอนนี้คุยกันหรือยังคะ”
“ยังเลย หยกไปฮ่องกงหลังจากที่ทะเลาะกับชั้น”
“แรงนะคะ หอบผ้าหอบผ่อนหนีกันเลยเนี่ยะ”
“เค้าไปทำงานพอดีจ้ะ”
“อ่าวเหรอ ค่อยโล่งหน่อย ว่าแต่นังหนูนั่นไปด้วยหรือเปล่า”
“อืม ก็ใช่นะ”
“ต๊ายยย ตายยยย แรงค่ะแรง”
“อืม ชั้นอยากให้หยกเค้าทำอะไรบ้างหน่ะ ดูแล้วเค้าเหมือนไม่สนใจคนอื่นเลยว่าจะคิดยังไง”
“ก็เป็นธรรมดาค่ะ ใครจะไม่หวงเมียตัวเองคะ นี่ดีนะคะ ไม่กันแม้กระทั่งหมาตัวผู้” ปกรณ์กลั้วหัวเราะ
“ขนาดนั้นเลยเหรอ...”
“ค่ะ เป็นธรรมชาติค่ะนังแพรว แต่ตอนนี้ชั้นแนะนำว่าแกควรเคลียร์กับคุณหยกให้เรียบร้อย เพราะเรื่องนี้ เป็นเรื่องของพวกแกสองคนจริง ๆ นะ”
“อืม ก็คงอย่างนั้นหล่ะ แต่หยกเค้าก็คงฟังชั้นบ้างล่ะ”
“ก็ขอให้เป็นอย่างนั้นล่ะค่ะ” ปกรณ์ให้กำลังใจเพื่อน “อุ๊ย ๆๆ มีสายเข้าอ่ะ งั้นแค่นี้ก่อนนะยะ เจอกันค่อยเมาท์อีกที”
“โอเค ขอบใจมากนะเป้ บายจ้ะ”
“จ้ะ” เธอกดวางสายและถอนหายใจหนัก ๆ อย่างคนใช้ความคิด เธอไม่อยากให้ศิลากลายเป็นคนที่ตาบอดเพราะความรักที่เขามีเลย
เธอไม่กังวลในตัวพีร์ ถึงแม้จะรู้จักกันไม่นาน แต่ก็พอเห็นแล้วว่าหนุ่มน้อยใจคอเด็ดเดี่ยวเพียงไหน แต่กับศิลาที่แสดงออกว่าเวลานี้เขาไม่ฟังใครทั้งนั้นหน่ะสิ ที่เธอกังวลว่า เขาจะทำยังไงกับเรื่องของตัวเอง เพราะเท่าที่เห็นอยู่นี้ ศิลาเหมือนจะไม่สนใจใครเหมือนแต่ก่อนอีกต่อไปแล้ว
เธอกลัวใจของศิลาจริง ๆ
เสียงโทรศัพท์ดังไล่ความคิดนั้นออกจากหัว มองที่หน้าจอก็ปรากฏว่าเป็นศิริพจน์ที่โทรมา
“ฮัลโหล พี่แพรว อยู่ไหนครับเนี่ยะ”
“อยู่ที่บ้านคุณพ่อคุณแม่หล่ะ คืนนี้พี่พาหลานมานอนที่บ้านเรา มีอะไรหรือเปล่าพจ”
“อ่อ เปล่าฮะ พจนึกว่าพี่แพรวอยู่บ้านพี่หยก คือ พจอยากเจอพี่อ่ะฮะ”
“งั้นก็รีบกลับบ้านเลย ว่าแต่มีเรื่องสำคัญอะไรหรือเปล่า”
“มีสิฮะ แต่เดี๋ยวรอเจอพี่แพรวดีกว่า พจค่อยบอก”
“ได้จ้ะ ได้ ไว้รีบมาบอกพี่ที่บ้านละกันนะ”