10 : เข้าใจผิด
กลับมาถึงที่อพาร์ทเมนท์ของปริญญาก็เกือบเที่ยงคืน เพื่อนผู้มีญาติผู้ใหญ่เป็นนายทหารชั้นสูงอยู่ในกรุงเทพฯลงมาจ่ายเงินค่าแท็กซี่ให้แล้วกลับขึ้นห้องด้วยกัน ทันใดนั้นเสียงเพลงก็ดังขึ้น เดินมาจนถึงที่หน้าห้องเสียงเพลงก็ยังคงได้ยินอยู่
“มือถือแกดังหรือเปล่า?” ปริญญาทัก
“ฉันไม่ได้มีมือถือเสียหน่อย” วันชนะตอบ ไม่ทันคิด “เอ้ะ...” ฉุกคิดได้ก็รู้สึกกระเป๋ากางเกงด้านหลังสั่นๆ ภาพใบหน้าหล่อเหลาของคนขับรถหรูที่สนามหลวงแวบขึ้นมา
วันชนะให้ปริญญาเข้าห้องไปก่อน ตนยืนคุยที่หน้าห้อง
“สวัสดีครับ” วันชนะกรอกเสียงลงไป ไม่รู้ว่าเป็นใครที่โทรมา
“สวัสดีครับ” ปลายสายตอบมา “ผมเองนะครับ” อืม ต่อให้บอกชื่อมาก็ไม่รู้จักหรอก จริงสิ ตอนนั้นให้นามบัตรมาด้วย
“ครับ” พูดใส่มือถือ มือก็ล้วงหานามบัตร
“ขอโทษนะครับถ้าผมโทรมาดึกไป กลัวว่ารอถึงพรุ่งนี้คุณจะลืมผมไปเสียก่อน” น้ำเสียงชวนเคลิ้มฝันบวกกับจินตนาการที่ดีเกินจริงไปอีกของใบหน้าหล่อเหลานั้น
“คุณ...” เจอนามบัตรพอดี ภัทร อัศวธนนพ พิมพ์ด้วยตัวหนาโดดเด่น
“คุณภัทร” นามสกุลหรูจัง แต่หยุดเรียกแค่ชื่อต้น
“ครับ คุณล่ะครับ” ภัทรถาม
“วันชนะครับ เรียกวินก็ได้” สายตาอ่านรายละเอียดในนามบัตร สะดุดตากับตัวหนังสือยาวๆใต้ชื่อ พิมพ์ว่า ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการ ที่มุมด้านบนขวามือมีสัญลักษณ์ของนิตยสารแฟชั่นชื่อดังตราอยู่
“ครับวิน วันนี้ผมขอโทษนะครับที่เสียมารยาท เข้าใจผิด” ภัทรกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“อืม ไม่เป็นไรครับ ผมคงเหมือนไปนั่งขายจริงๆนั่นแหล่ะ” ขนาดตำรวจยังจับไปถึงโรงพัก
“เพื่อเป็นการไถ่โทษ ขอให้ผมเป็นเจ้ามือเลี้ยงข้าวสักมื้อนะครับ” เกมรุกเริ่มต้นขึ้นแล้ว วันชนะหน้าแดงเรื่อๆ
“ไม่เอาหรอกครับ เกรงใจ ผมยังไม่รู้เลยว่าจะคืนโทรศัพท์คุณยังไง ผมไม่อยากได้หรอกครับ” วันชนะปฏิเสธอย่างนุ่มนวล จะให้ไปทานข้าวกับคนแปลกหน้าได้อย่างไร อันตรายมากมายสมัยนี้ รู้หน้าแต่ไม่รู้ใจ หน้าเทพใจยักษ์มีถมไป
“ผมเข้าใจดีครับ ว่าคุณยังไม่ไว้ใจผม เอาไว้เราคุยกันแบบนี้สักพักก่อนก็ได้ครับ แล้วตอนนั้นคุณค่อยคืนโทรศัพท์ให้ผมก็ได้” ปลายสายผ่อนสายป่าน
“แล้วโทรศัพท์คุณไม่ใช้เหรอ เอามาให้ผมแบบนี้คนอื่นโทรมาจะให้ทำอย่างไร” วันชนะซัก
“ไม่ต้องห่วง เบอร์นี้มีแต่คนในครอบครัวผมที่รู้ ผมบอกทุกคนไปแล้วว่าทำโทรศัพท์หายไป ผมมีเครื่องใหม่แล้วครับ”
ใช้เงินสุรุ่ยสุร่ายจริงๆ คงเที่ยวแจกของแพงให้คนอื่นง่ายๆแบบนี้ประจำ
“อย่าเข้าใจผิดหาว่าผมเที่ยวแจกใครไปทั่วนะครับ” อ้าว รู้อีกตะกี้นึกในใจนะ
“แต่ที่ผมทำไป เพราะ...เอ่อ...ผมชอบคุณจริงๆนะครับ” ท้ายๆข้อความเสียงเบาลง เหมือนกำลังเขินอายที่พูดออกมา คนฟังก็เลือดฝาดแต้มที่แก้มผุดผาด เหมือนจะร้อนไปถึงหู
...เงียบ...
“อ่า...ผมขอตัวก่อนละกันนะครับ ดึกมากแล้ว ถ้ามีโอกาสผมจะคืนของของคุณให้นะ” ชายหนุ่มที่ถูกเข้าใจในตอนแรกว่าเป็นเด็กขายบริการกล่าวทำลายความเงียบ
“ครับ พรุ่งนี้ผมจะโทรหาอีกนะครับ”
วางสายไปนานแล้ว แต่เสียงหัวใจที่ดังออกมานอกตัวยังไม่ยอมหยุด อมยิ้ม มีคนสนใจเขาด้วยหรือนี่
ฉับพลันนั้น ภาพของใครบางคนที่คุ้นเคยก็ผุดขึ้น เหมือนคอยจี้ใจว่ายังมีเขาอยู่อีกคนหนึ่ง อมยิ้มเป็นสุขก็จืดหายไปที่สุด
...