OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54  (อ่าน 2191117 ครั้ง)

ออฟไลน์ KURATA

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 893
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +146/-1

kangzen

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ ishiya

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
ขอพูดซักนิด....หวังว่า "น้องปุ้ย" (คนเขียน) จะไม่โกรธกัน

2 เดือนเเล้วที่คนอ่านอย่างเรารออ่านน้องเนม+พี่โต
เเละก็เลยครึ่งเดือนเเล้วเหมือนกัน ที่เรานั่งรอตามที่น้องปุ้ยได้บอกไว้ว่า จะมาต่อน้องเนมตั้งเเต่ต้นเดือน เเละหลังจากนั้นก็จะมาต่อเเบบเต็มสตรีม....
แต่ ณ วันนี้...เรายังไม่เห็นน้องเนมซักตอน...
เราเป็นคนนึง (ในอีกหลาย ๆ คน) ที่ทุก ๆ วันจะเข้ามาที่เล้าเป็ด เเละก็เลื่อนๆๆๆๆ เพื่อหานิยายเรื่องนี้ เเละก็หวังว่า จะได้เข้ามาอ่านตอนใหม่ซักที แต่ก็กลับออกไปอย่างผิดหวังทุกที เพราะเราออกเเนวคลั่งนิยายเรื่องนี้มาก ด้วยเนื้อหาที่เเหวกเเนว พร้อมทั้งความสามารถของคนเขียนที่ผูกเรื่องได้ดีชนิดที่คนอ่านอย่างเราไม่เคยที่จะคาดเดาได้เลยว่า ตอนต่อไปจะเป็นอย่างไร

ถ้าน้องปุ้ยไม่ได้บอกว่า จะมาต่อเรื่องนี้ตอนต้นเดือน เเละสัญญาว่า จะมาต่อเเบบเต็มสตรีม เราคงไม่คาดหวัง เเละมานั่งรอมันทุก ๆ วัน หลาย ๆครั้ง ที่จะมาต่อเมื่อวันนั้น เมื่อวันนี้ เเต่สุดท้ายก็ไม่มาต่อซักที จนทำให้คนอ่านอย่างเรา ๆ (คิดว่าน่าจะหลายคน) เซ็งไปตาม ๆ กันเหมือนกัน

...เสน่ห์ของนิยายไม่ใช่เเค่เนื้อเรื่องดี อ่านเเล้วสนุกเเละน่าติดตามเพียงอย่างเดียว เเต่ความใส่ใจของคนเขียนที่มีต่อคนอ่าน ก็เป็นเสน่ห์สำคัญที่ทำให้คนอ่านติดนิยายเรื่องนั้น ๆ ได้อย่างงอมเเงมเช่นเดียวกัน...

ที่พูดมาทั้งหมด ไม่ได้โกรธ เพราะเราไม่มีสิทธิ์โกรธคนเขียนที่นั่งคิดพล็อตเรื่องในเเต่ละตอนอย่างลำบาก เพียงเพื่อสร้างความบันเทิงให้กับคนอ่านอย่างเรา ๆ เพราะเราคิดอยู่เสมอว่า ถ้าไม่มีคนเขียนอย่างน้องปุ้ย คงไม่มีนิยายเรื่องนี้เกิดขึ้นอย่างเเน่นอน
เเต่อยากให้น้องปุ้ยเก็บเอาไปคิดซักนิด เเม้อาจจะมองดูว่าเป็นเรื่องเล็กน้อย เเต่บางครั้ง เรื่องเล็กก็อาจจะเป็นเรื่องใหญ่ได้

เรายังคงเป็นคนอ่าน (หลาย ๆ คน) ที่จะมานั่งรอน้องเนมเเละพี่โตทุก ๆ วัน....เหมือนเดิม....

REFICUL

  • บุคคลทั่วไป

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12

marnya

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามารอทุกวันเลย UU ติดเรื่องนี้มาก และสมัครสมาชิกเว็บนี้ก็เพราะเรื่องนี้ คนเขียนจ๋า มาต่อเถอะนะ อยากอ่านมากที่สุด จนจะกระอักเลือดแล้ว :jul1:

ออฟไลน์ katte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
Improbable 28 : ทำความเข้าใจ


       ท้องฟายามเย็นนั้นมืดครึ้มด้วยเมฆดำและสายฝนที่ทำท่าว่าจะลงเม็ด อากาศภายในเรือนจำจึงค่อนข้างร้อนอ้าว  เหนอะหนะชวนอึดอัดใจไม่น้อย ผู้คนที่มักจะเข้ามารวมตัวพูดคุยกันจึงมีไม่ค่อยมาก ต่างหันเหไปนั่งพูดคุยหรือทำกิจกรรมต่างๆอยู่ใต้ร่มไม้หรือพวกที่กลัวฝนหน่อยก็ไปนั่งรอทานข้าวเย็นในโรงอาหารมากกว่า

      ภายในห้องขังมีคนเหลืออยู่แค่สองสามคนเท่านั้นและหากนับจากสายตาคาดเดาแล้วล่ะก็ ทั้งเรือนนอนมีคนนั่งอยู่ไม่ถึงยี่สิบคนได้ บางคนกำลังนอนเล่น บางคนกำลังคุยกันไม่ก็ทำกิจกรรมต่างๆประเภทนั่งล้อมวงเล่นไพ่ท้าผู้คุมให้มากลากคอไปขัง หรืออะไรแบบนั้น ขณะที่ผมนอนนิ่งจ้องมองเพดานปูนสีหม่นของเรือนนอนและรอคอยให้เวลาเดินผ่านไปช้าๆ..

       ไม่ใช่เวลาที่ฝนจะตก เวลาที่จะได้กินข้าวเย็นหรือเวลาที่จะได้นอนหลับ แต่เป็นเวลา..ที่พี่โตจะมาหา เดินเข้ามาเพื่อคุยเรื่องที่ผมได้รู้ เพราะหากเมฆมันหลุดปากออกไปและมีสีหน้าแบบนั้นแล้ว ต่อให้เจ้าตัวจะกลัวตีนพี่โตแค่ไหน ยังไงมันก็ต้องบอกให้ขาใหย่แห่งแดนสิบสองรู้ ว่าผมได้ทราบแล้วว่าเขาทำอะไร และมีท่าทีแบบไหน..

        และผมก็กำลังนอนนิ่ง รอคอย..ทั้งสงบสตฺอารมณืและคาดเดาสถานการณ์ต่างๆล่วงหน้า อยากรู้ว่าพี่โตจะพูดยังไง จะบอกแบบไหน หรือจะบ่ายเบี่ยงอ้างทำไม่รู้ไม่ชี้ไปเรื่อยๆ...

        แต่สำนึกรู้ส่วนหนึ่งก็คาดการณ์ รับรู้ถึงความเปลี่ยนแปลงและสิ่งที่ตนเองต้องเผชิญอีกในไม่ช้า...

        ผม...คนโกหกสายลับสองหน้าที่หักหลังพวกพ้องกับพี่โต..คนที่กำลังวางแผนจะออกไป แผนที่ผมตั้งใจจะทำให้มันพัง

        อยากจะไม่สนใจ ไม่รับรู้ หรือทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น แค่ทำเฉยอยู่เงียบๆแล้วไม่ต้องทำอะไร อยู่เงียบๆเพื่อรอจะออกไปจากคุกกับพี่โต..ออกจากที่แห่งนี้ กรงขังสี่เหลี่ยมที่ลิดรอนอิสรภาพไป ผมไม่เคยชอบที่นี่เลย ไม่ชอบ และไม่ว่าอย่างไรก็ทำใจให้ชอบไม่ลง แม้จะเป็นแบบนั้น แม้ผมจะเกลียดที่นี่ แต่ไม่ว่ายังไงผมก็ทำไม่ได้ เมื่อได้รู้ก็ไม่อาจนิ่งเฉย ทำเป็นไม่รู้ไม่เห็นแล้วปล่อยให้เรื่องแบบนี้มันดำเนินต่อไป

        บางครั้งผมเกลียดความคิดงี่เง่าบ้าบอในหัวตัวเอง ทั้งที่รู้ว่านิ่งเฉยจะดีกว่า ทั้งที่ไม่ยุ่งน่าจะปลอดภัยกว่า แต่ก็ยังรนหาที่ หาเรื่องใส่ตัวแบบโง่ๆอย่างนี้ แต่จะให้ทำยังไงได้ พอรู้แล้วมันทำใจให้นิ่งเฉยได้เหรอ? ต่อให้ผมจะอยู่ในคุกมาสามสี่ปีแล้วและแม้ต่อให้ต่อมศีลธรรมผมจะตายด้าน แต่สำนึกชั่วดีพื้นฐานในจิตใจก็ไม่ได้วิปริตผกผันขนาดจะเห็นดีเป็นชั่วหรือชั่วเป็นดี แม้เรื่องนี้จะไม่ได้เกี่ยวกับความดีชั่ว แต่เป็นเรื่องของผู้คนที่ไม่ยอมรับกับผลของกรรมที่ตัวเองก่อไว้ ผมก็ใช่จะไม่รู้สึกรู้สาอะไรกับแผนการณ์แหกคุกครั้งใหญ่ที่จะเกิดขึ้น โดยเฉพาะเมื่อรู้ดีแก่ใจว่ามันไม่มีวันจบลงในแบบที่ทุกคนต้องการ

         สันดานชั่วของพวกป๋ากับผู้พันหรือพวกใหญ่ๆข้างบนนั่นน่ะทำไมผมจะไม่รู้ คนแบบนั้นมีหรือจะสนใจคนอื่นนอกจากตัวเอง คนแบบนี้มีหรือจะรู้สึกเห็นใจคนอื่นเป็น!


  แกร๊ง...


        เสียงประตุลูกกรงถูกเปิดออกทำให้ผมชะงัก ละออกจากภวังค์พลางหันมาสบตาคนที่เดินเข้ามาหา ตอนแรกผมนึกว่าจะเป็นพี่โต แต่พอหันไปมองกลับพบว่าเป็นร่างของพี่กันย์ที่เดินเข้ามาเงียบๆ.. ไอ้เนมขมวดคิ้ว มองหน้าคุณหมอเถื่อนที่เดินเข้ามาอย่างงงๆ พี่กันย์ไม่ได้เข้ามาเหยียบที่นี่นานพอดูแล้ว เพราะนอนอยู่คนละห้องขังอย่างมากก็เดินกรายมามองหาเมฆหรือพี่โต ไม่ได้มีอะไรมากไปกว่านั้น


           "หาใครเหรอครับ?"ผมเอ่ยถามสั้นๆ ถึงจะลอบตอบตัวเองอยู่ในใจว่าพี่แกคงไม่ได้ตาบอดขนาดจะมองไม่เห็นว่ามีใครอยู่ในห้องนอกจากผมซึ่งกำลังนั่งเงียบๆรอพี่โตอยู่

           "เปล่า..แค่หาที่นั่ง"พี่กันย์ตอบสั้นๆพลางทรุดกายลงข้างๆผม นั่งทับลงบนคอนโดของพี่โตและผ้าห่มที่ถูกทับไว้อย่างพอดิบพอดีแบบไม่กลัวตีนขาใหญ่ที่อาจมาเห็นสักนิด กระทั่งผมยังไม่กล้านั่งเลยแล้วนี่พี่ไปเอาความกล้ามาจากไหน หรือพอเมฆกับพี่วิทย์หนีไปลั้นลากันสองคน เลยนึกปลงชีวิตอยากฆ่าตัวตายขึ้นมาหรือไงไม่ทราบ..

           "แล้วนี่ทำอะไรอยู่ ในนี้ออกจะร้อน ทำไมไม่ออกไปข้างนอก"พี่กันย์ถามกลับสั้นๆ พลางกวาดตาไปมองรอบๆที่ยิ่งใกล้ถึงช่วงเย็นผู้คนก็ออกไปออกันแถวๆโรงอาหารมากขึ้นจนแทบไม่มีใครอยู่

           "อ้าว...แล้วพี่ล่ะ?"ถามมาแบบนี้ผมเลยตอบกลับไปบ้าง พลางเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ..แน่นอน ทำเป็นไม่เห็นว่าพี่กันย์กำลังเอื้อมมือคลำหาอะไรสักอย่างจากใต้ผ้าห่มนั่น..ความจริงแล้วนี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมได้เห็น การจะเดินเอาของต่างๆไปส่งกันมือต่อมือมันเป็นเรื่องงี่เง่า ทำไปมีโอกาสที่จะถูกผุ้คุมจับได้อยู่มาก เทียบไม่ได้เลยกับวิธีการซ่อนมันอยู่ในที่ซ่อนที่ไม่มีใครคาดถึง หรือที่ๆใครอื่นไม่อาจเอาไปได้ และ...สำหรับที่นอนของพี่โต ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองก็อยู่ในข้อที่ว่านั้นเช่นกัน เนื่องจากไม่มีนักโทษหน้าไหนกล้ามาค้นของๆพี่แกแน่

          ..หรือ...อีกที่อย่างห้องดนตรีและห้องพยาบาลเป็นต้น..

           ...ผมนิ่งเงียบ เก็บงำความคิด จ้องมองภาพนั้นและคิดไปถึงภาพที่พี่โตเอื้อมเอาของบางอย่างใต้โต๊ะของอาจารย์ธีระเมื่อครู่...เงยหน้าไปสบตาพี่กันย์เงียบๆพลันดวงตาก็เบิกกว้างเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก..

           ข้าวของที่ทางเรือนจำห้ามนำเข้ามา ทั้งยาเสพติด โทรศัพท์ หรือแม้แต่อาวุธปืน..แต่หากคนเอามาเป็นอาจารย์ธีระล่ะ?

           ผมลืมข้อนี้ไปได้ยังไง ในเมื่อผมก็เคยส่งยาให้กับเขา เคยถามเขาถึงเรื่องการตรวจสอบข้าวของในยามจะเข้าหรือออกจากเรือนจำ และอาจารย์ธีระก็บอกออกมาแล้วด้วยซ้ำว่าตามกฏนั้นแม้จะต้องตรวจสอบอย่างเข้มงวด แต่สำหรับเขาที่เข้าออกค่อนข้างบ่อยและเป็นแบบนี้มานานหลายปี ก็ไม่ได้ถูกค้นอะไรมากเพราะความคุ้นเคยระหว่างตัวเองและผู้คุม..

           ...แผนการณ์นี้ไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้น แต่ถูกวางมานานแล้ว พิจารณาจากข่าวที่พัสดีได้มา และการประสานงานของพี่โตกับพี่กันย์ที่เป็นไปอย่างเรียบร้อย และการวางคนที่คอยอำนวยความสะดวก...อาจารย์ธีระเขาเป็นคนของป๋า..เรื่องนี้มันก็แน่อยู่แล้ว และผู้คุมคนอื่นล่ะ? มีใครอีกไหมที่เป็นฝ่ายของพวกป๋า นอกจากนักโทษที่ผมรู้ดีว่าต่างยินดีที่จะร่วมมือเต็มกำลัง...

          นี่ผม...กำลังรบราต่อสู้อยู่กับคนกี่คนกัน?

           หรือมีแค่ผม..เป็นไอ้โง่ที่คิดว่าการดักดานอยู่ในคุกดรกว่าออกไปอย่างผิดกฏหมายข้างนอก หรือมีแค่ผมที่ยอมชดใช้ความผิดตามที่ถูกตัดสินและคิดจะออกไปตามเวลาที่โทษหมดลงไปเพียงคนเดียว..

           "...ร้อน"เสียงบ่นสั้นๆของพี่กันย์ทำให้ผมละออกจากภวังค์ หันกลับมามองนักโทษตรงหน้าผมอีกครา พี่กันย์เหมือนจะเก็บเอาไอ้ของอะไรก็ตามที่พี่โตซุกเอาไว้ให้เรียบร้อยแล้ว คนตรงหน้าจึงหันมาสนทนาด้วยและ..เมินเฉยคำถามเมื่อครู่ของผมไปทันที..

           "พี่กันย์"ไอ้เนมอ้าปากถาม พูดขึ้นเมื่อนึกอะไรบางอย่างได้"อ่า..แผลพี่หายรึยัง?"

          ผมเอ่ยปากถามถึงแผลที่ท้ายทอยของพี่กันย์ซึ่งเคยถูกทำร้ายจนเลือดอาบ ภาพนั้นปรากฏให้ผมได้พบเจอเมื่อสองอาทิตย์ที่แล้ว ทว่าก็ไม่มีท่าทีว่าจะรู้ตัวคนร้ายถึงผู้คุมจะถามและสอบสวนก็ยังจับมือใครดมไม่ได้..ไม่สิ..ความจริงพี่กันย์ก็คงรู้ดีอยู่แก่ใจว่าคนทำคือใคร แต่แกล้งทำไม่รู้ ไม่เห็นเสียล่ะมากกว่า

           "........"คนตรงหน้าไม่ตอบอะไรนอกจากสีหน้าที่เคร่งขึ้นและร่างกายซึ่งเหยียดเกร็งขึ้นทันควัน พี่กันย์หันขวับมาจ้องหน้าผม..เงียบ..นิ่งอยู่อย่างนั้นท่ามกลางอากาศที่ร้อนอ้าวและห้องขังที่แล้งไร้ผู้คน ดูสีหน้าพี่กันย์และพอคิดถึงมีผ่าตัดอันเล็กที่คนตรงหน้าพกพามันไปไหนเสมอก็อดหนาววูบขึ้นมาไม่ได้ นี่ถ้าพี่กันย์คิดจะเชือดผมฐานเสือกถามไม่เข้าเรื่องไอ้เนมจะเอาอะไรมาต่อกรได้ล่ะเนี่ย

          " เอ่อ ผะ..."

          "อยากรู้ว่าใครเป็นคนทำก็บอกมาเถอะ"คำตอบสั้นๆขวานผ่าซากจากคนอารมณ์เย็นอยู่เสมอทำให้ผมชะงัก ปากที่กำลังพยายามพูดให้สถานการณ์ชวนเสียชีวิตเป็นไปในทางที่ดีขึ้นหุบฉับ..พลางจ้องมองสีหน้าของพี่กันย์คล้ายจะสำรวจว่าตอนพูดนี่ท่านกำลังอยู่ในอารมณ์ไหน

          "..ผมว่า..ก็รู้อยู่.."ไอ้เนมตอบงึมงัมเมื่อสบตาคู่นั้นมากเข้า ที่จริงแล้วมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอะไรเลย ต่อให้พี่กันย์จะมีศัตรูมากพอควรทว่าคนที่กล้ามาต่อกรกันซึ่งหน้าก็ถือว่าน้อยกว่าน้อย และแม้การถูกตีที่ท้ายทอยจะเหมือนการลอบโจมตีข้างหลังแต่คนอย่างพี่กันย์น่ะเหรอจะมองไม่เห็นหน้าคนร้าย ในเมื่อถูกหามมายังอยู่ในสภาพลืมตายิ้มโง่ๆอยู่เลย..

          ..ฉะนั้น...คนทำก็คงไม่เว้น..สองคนนั้น. พี่วิทย์กับเมฆที่ตอนนี้ไม่มีท่าทีแยแสหรือกระทั้งทำเป็นรู้จักพี่กันย์เลย..

         "นั่นสินะ..."พี่กันย์รับคำพลางหัวเราะเบาๆในลำคอ"ใครก็รู้..และนึกสมเพชที่ดันมาพลาดท่าแบบโง่ๆ"

            ฝ่ามือของพี่กันย์แตะลงบนหน้าผาก หัวเราะเบาๆพลางสอดนิ้วเข้าไปในเส้นผมสั้นๆของตัวเองแล้วดึงทึ้งมัน นัยน์ตาคู่นั้นสะท้อนอารมณ์หลากหลายพร้อมสีหน้าครุ่นคิด เคร่งเครียดอารมณ์มากมายที่แสดงออกมานั้นมีเพียงสิ่งหนึ่งที่ผมหาไม่เจอในสีหน้าและแววตาของเขา คือความยินดีหรือดีใจ..

          "ถูกตลบหลังเหมือหมาโง่ๆตัวนึง..น่าสมเพชจริงๆ"พี่กันย์คำรามในลำคอพลางจ้องหน้าผม แม้คำพูดของเจ้าตัวจะไม่ได้หมายถึงผม..แค่ทำไม..เมื่อได้ยิน เมื่อมองสบตาคู่นั้นร่างกลับเย็นวูบ เสียวสันหลังวาบกับแววตานั้น ไม่ว่ามันจะหมายถึงสิ่งใด แต่ผมก็มองเห็นเพียงคำกล่าวหา สีหน้ารู้ทันและคำประณามที่เด่นชัด..

          ...แววตา..ที่คล้ายจะบอกว่าผมมันคนทรยศ..คนที่หักหลังทุกคนในนี้ คนโกหก พวกสองหน้า

         ..สีหน้า ท่าทาง และกริยานั้นคล้ายจะบอกให้ผมรู้ว่าหากพี่โตรู้ว่าผมทำอะไรอยู่ มันจะเกิดอะไรขึ้น..

          "พี่..."เสียงของผมอึกอักอยู่ในลำคอ เมื่อพยายามจะเอ่ยปากพูดสานต่อเรื่องที่คุยกันไว้ ผมพยายามจะบอกให้พี่กันย์อย่าคิดมาก ทำใจ และพยายามเข้าใจว่าคนที่ทำแบบนั้นก็มีเหตุผลของเขา ทั้งเมฆและพี่วิทย์ไม่ได้อยากทรยศแต่ไม่มีทางเลือก ไม่รู้จะทำอย่างไรเท่านั้น แต่สุ้มเสียงใดก็ไม่อาจเปล่งออกมาจากลำคอ..

        ..ไม่อาจแก้ตัว ไม่อาจเอ่ยปากลดทอนความผิดของตนเอง..เพราะจะอย่างไร คนทรยศ คนที่หลอกลวง หักหลัง เคยเป็นอย่างไรก็เป็นแบบนั้นอยู่วันยังค่ำ..

          ความจริงไม่มีวันเปลี่ยน ไม่ว่าจะทำมันไปเพราะอะไร และไม่ว่าผมจะออกมาเป็นเช่นใด

          "พี่รู้สึกยังไง.."คำถามที่ผมพูดมันควรจะเป็นคำที่ไม่ควรจะถามมากที่สุด ควรจะเป็นประโยคสุดท้ายที่คิดจะเอ่ยกับคนตรงหน้า ทั้งที่ควรจะเอาเรื่องเสียดแทงใจตัวเองและคนอื่นทิ้งไปเสียเพราะตอนนี้พี่กันย์ก็มีสีหน้าย่ำแย่พอควรแล้ว แต่ด้วยความอยากรู้ ความคิดโง่ๆบางอย่างทำให้ผมเอ่ยปากออกไป..

           ..รู้สึกยังไง ที่ถูกหักหลัง?

           ถามแบบที่คนโง่พอจะถามได้ อยากรู้ เพื่อจะมองเห็นชะตากรรมของตัวเองในวันข้างหน้า..

          "ก็เคยโดนไม่ใช่รึไง?"พี่กันย์เหยียดยิ้มแล้วถามกลับ สีหน้าของเขาแฝงแววเย็นชาหยามหยันอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นไม่ใช่ประเด็น เพราะมันทำให้ผมได้คิด..ได้ตระหนักถึงเรื่องราวในอดีต เหตุการณ์เมื่อผมเข้ามาใหม่ๆที่ยังคงตราตรึงในหัวใจ..
           ...ที่พี่กันย์พูดไม่ผิดเลย..เพราะผมก็เคยเจอ เคยรู้สึกแบบนั้น..

           ความรู้สึก..ความเจ็บปวดเมื่อคนที่เราวางใจ คนที่ไว้ใจและอยากพึ่งพาหักหลัง มองเราเป็นแค่เบี้ย มองเป็นแค่เครื่องมือ เป็นหมาโง่ๆตัวหนึ่ง..เจ็บปวดรวดร้าว แสบร้อนทะรนทุรายจนเกือบจะคลั่งด้วยความคั่งแค้นมากเพียงใดยังคงจารจำมาจนถึงทุกวันนี้..

           ตอนนั้นผมยังมองพี่โตเป็นเพียงนักโทษคนหนึ่งที่เป็นดั่งที่พึ่ง เพียงมองในฐานะคนๆหนึ่งเท่านั้น แล้วในยามนี้..ยามที่เราเป็นคนรัก ในยามที่พี่โตบอกว่ารักผม..และผมได้ทรยศ ทำลายความเชื่อใจนั้น มันจะเป็นเช่นไร..

           ทั้งที่ผมเคยพบเจอความเจ็บปวดจากการทรยศความไว้ใจนั้นมาแล้ว มาตอนนี้กลับเป็นฝ่ายทำมันเสียเอง

           "เจ็บ..เจ็บจนอยากจะร้องออกมาดังๆแต่ทำไม่ได้ "เสียงของพี่กันย์ดังขึ้นแว่วมาในความคิดพร้อมกับภาพใบหน้าที่ปรากฏรอยิ้มหยัน คนที่เคยอารมณ์เย็นและควบคุมสถานการณ์ได้ดีเป็นนิจอยู่เสมอบัดนี้ดูไม่ต่างจากไอ้คนน่าสมเพชคนหนึ่งเท่านั้น  "ทั้งรัก ทั้งแค้น อยากจะฆ่าแต่ก็ทำไม่ลง อยากจะกล่าวโทษแต่ก็ทำไม่ได้..ทำอะไรไม่ได้เลย โดยเฉพาะเมื่อรู้..ว่าไม่ได้รับความรักสักนิด.."

           "ที่ผ่านมาก็แค่การหลอกลวง ทั้งหลอกตัวเอง และหลอกคนอื่นไปวันๆ"พี่กันย์แสะยิ้มหยัน ทั้งดูถูกทั้งด่าว่าด่าทอตัวเองและ...ผมรู้สึกว่าถูกส่งมายังตัวผมด้วยเช่นกัน

           "..รู้แค่ว่าตัวเองเป็นคนโง่ที่น่าสมเพช พร่ำเพ้อบ้าบอ...น่าสมเพชมากจริงๆ"

           “แล้วพี่จะทำยังไงต่อไป..”

           “.............”

            ผมออกปากถาม แต่ไม่มีคำตอบใดออกจากปากของพี่กันย์อีก สีหน้าของคนฟังทำให้ผมนิ่ง ได้แต่มองร่างของพี่กันย์ที่หันขวับ ขยับกายหันหลังแล้วเดินออกไปเงียบๆ สีหน้าของคนที่ระเบิดความอัดอั้นออกมาให้เห็นยังคงตราตรึง และนั่นก็เป็นดั่งคำสาปที่ทำให้ผมนิ่งงันไปอย่างไม่อาจเอ่ยคำใด นัยน์ตาของผมกรอกไปโดยรอบ มองห้องขังที่ร้างไร้ผู้คนและแสงสว่างเพียงสลัวรางที่ทอดลำผ่านลูกกรงมาด้วยหัวใจที่หนักอึ้ง..

          ..เพิ่งรู้ว่าน้ำหนักของคำโกหกมันมากเพียงใด  และได้รู้ว่าสิ่งที่ผมเสนอตัวเข้าไปแบกรับมันไว้นั้นมากมายเพียงไหน ความลับที่เป็นดั่งก้อนหินถ่วงอยู่ในหัวใจบัดนี้เหมือนหนักขึ้นอีกสิบตันโดยไม่ต้องทำอะไรด้วยซ้ำ

           ผมหลับตาลงช้าๆ..หรุบตาลงจากแสงจ้าที่สาดเข้าหา หูแว่วเสียงเปิดประตูห้องขังดังขึ้นอีกครั้ง..พร้อมกับน้ำใสที่ไหลอาบแก้มเงียบๆ..

         ...รู้...ว่าเวลาของความจริง และคำโกหกกำลังเดินทางมาถึง..


..........................



ออฟไลน์ katte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0

            ฝ่าเท้าของร่างสูงกว่าก้าวเข้ามาหา เสียงประตูที่เปิดออกถูกงับปิดลงดังเอี๊ยดอ๊าดเบาๆ แทรกผ่านความเงียบที่มีเพียงเสียงลมหายใจ..


        ปลายนิ้วแตะลงบนผิวแก้มอาบน้ำตา ค่อยสัมผัสราวกับคนตรงหน้าจะหายไป จะไม่ให้ห่วงได้อย่างไรเล่าในเมื่อสภาพของมันตอนนี้ช่างดูอ่อนแอ เปราะบางแล้วกับจะแหลกสลาย เกิดอะไรขึ้นกับมัน? มันมีอะไรในใจ มีความลับอะไรให้คิด..กระตุ้นความอยากรู้ให้เกิดขึ้นอย่างชะงัดนัก

          .หรือ...จะเป็นเพราะตัวเขา..

          ตัวเขาเองที่ดึงดัน ตัวเองที่กำลังทรมารมันช้าๆด้วยการนิ่งเงียบไม่เอ่ยปากบอกสิ่งใดให้มันรู้ ทั้งที่ก็รู้ดีแก่ใจว่ามันกลัวการถูกปกปิด มันไม่ชอบที่จะไม่รู้อะไรอยู่คนเดียว..

        และในวันนี้ เมื่อมันได้รู้เรื่องที่เขาจะทำจากคนอื่น มันจะคิดยังไงกัน หรือนั่นจะเป็นสาเหตุที่ทำให้มันต้องร้องไห้แบบนี้..?

            "พี่...."ผมลืมตาขึ้นมาอีกครั้งเมื่อรู้สึกถึงปลายนิ้วที่บรรจงเช็ดน้ำตาตัวเองช้าๆ ภาพที่เห็นตรงหน้าคือใบหน้าของคนที่เคยคุ้น ผู้ชายที่ผมรักหมดใจกำลังคุกเข้าอยู่ตรงหน้า ก้มหน้าก้มตาเช็ดน้ำตาให้ไอ้เนมเงียบๆโดยไม่มีคำพูดใดออกมาจากริมฝีปาก ใบหน้าคมนั้นก้มต่ำ จ้องมองหยาดน้ำใสจากนัยน์ตาผมด้วยดวงตาสีดำสนิทที่วาววับ ริมฝีปากหนาเม้มเข้าหากันน้อยๆและคิ้วเข้มที่ขมวดมุ่นบ่งบอกว่ากำลังครุ่นคิดบางอย่างอยู่ในใจ

            "พักนี้มึงร้องไห้บ่อยจริงๆ"พี่โตบ่นงึมงัมพลางถอนหายใจเบาๆ ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองเหล่ตามองผ้าห่มที่กองอยู่บนที่นอนองตนซึ่งมีรอยยับย่นบ่งบอกการใช้งานก่อนจะทรุดกายลงนั่งบนนั้นอีกครั้ง"ตอนเช้าก็ร้องที ตอนนี้ก็ร้องอีกทีแล้ว..เฮ้อ...ขี้แยข้าไปนะมึงน่ะ"

            "ไม่ได้อยากจะร้องซะหน่อย!"ผมสวนคำพลางสูดน้ำมูกพรืด ยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองลวกๆแล้วส่ายหน้าหนีปลายนิ้วที่เช็ดผิวแก้มแบบงอนๆ

            "ร้องเพราะมีเรื่อง..."พี่โตเอ่ยถาม..ครั้นก็เงียบไปเหมือนจะรู้สึกอะไรขึ้นมาได้ และนั่นก็ทำให้ผมชะงักด้วยเช่นกันเมื่อจำได้ว่ากำลังรออะไรอยู่ และ...ชายหนุ่มตรงหน้าควรมีสิ่งใดจะบอกผม

             "..........."แต่พอพี่โตยังคงนิ่ง..เงียบไม่เอ่ยคำใดความหงุดหงิดก็ทำให้ผมนิ่งเช่นกัน ทั้งเงียบเพราะความลับที่พี่โตปิดบังผม และความลับ..ที่ผมปิดบังพี่โต

           เราทั้งสองต่างก็มีความลับต่อกัน เราทั้งคู่ต่างก็ปิดบังกันและกัน..และไอ้สิ่งที่เรียกว่าความเชื่อใจที่คนรักกันควรจะมีมันไปอยู่ที่ไหน???

          ..หรือมันไม่มีอยู่แต่แรกแล้ว และความรักที่ตั้งอยู่บนความระแวงมันจะมีความสุขได้อย่างไรเล่า ในเมื่อต่างฝ่ายต่างเอาแต่เงียบและไม่พูดกันอยู่อย่างนี้

             "กูกับมึง..สัญญากันไว้ว่าจะไม่ถาม ไม่สงสัยกับความลับที่เราต่างก็มี"พี่โตเงียบแล้วถอนใจเมื่อเห็นท่าทีของผม"แต่มาตอนนี้ คงสายไปแล้วที่จะปิด ในเมื่อที่สุดมึงก็รู้"

             "หรือผมมันโง่จนไม่ควรจะรู้"นี่..คือสิ่งที่ค้างคาใจผมมาตลอด

             "มึงไม่ได้โง่..แต่..ถ้ามึงรู้..มึงจะมีความสุขเหรอที่ได้เห็นพวกกูทำแบบนี้ ขนาดตอนนี้มึงยังร้องไห้แล้วต่อไปล่ะ..จะเป็นยังไง"

            "ผมไม่ได้ร้องไห้เพราะกลัว แต่ร้องไห้เพราะพี่ปิดผม ปิดบังเรื่องที่ตัวเองทำแล้วให้ผมไปรู้จากคนอื่น ทั้งๆที่ทุกคนก็รู้กันหมด แต่เหลือแค่ผม...แค่ผมที่เป็นไอ้โง่คนนึง พี่คิดไหมว่าผมจะรู้สึกยังไง!!"เพราะความหงุดหงิด อัดอั้นตันใจนับแต่ระเเคะระคายเรื่องทำให้ผมระบายออกไปอย่างสุดกลั้นโดยไม่สำนึกแม้แต่น้อยว่าผมมันก็ไอ้โกหก ตอแหลไม่แพ้กันซ้ำยังจะหนักหนากว่าด้วยซ้ำ

            "ผมเห็น ผมรู้ว่ามันกำลังจะมีอะไรเกิดขึ้น แต่ที่ผมไม่พูดไม่ถามเพราะพี่ขอไว้ ผมจะรออย่างที่พี่บอกแต่พี่กลับผลักไสผมไป ให้ไปอยู่กับพี่วิทย์ ให้ไปที่อื่นไกลๆตาจะได้ไม่รบกวนพี่ แล้วตอนนี้...ผมก็ยังมาได้ฟังจากคนอื่น..ถ้าเมฆมันไม่พูดผมจะรู้ไหม?หรือว่าพี่ไม่ได้ตั้งใจจะให้ผมไปด้วยแต่แรกแล้ว!!!"

            "....นี่มึงคิดอะไรองมึง?"พี่โตขมวดคิ้วฉับเอ่ยถามผมห้วนๆทันทีที่ประโยคสุดท้ายจบ ฝ่ามือของคนตัวสูงกว่าตะปบเข้าที่ไหล่ผมแรงๆด้วยสีหน้าเคืองใจ"คิดไปถึงไหน คิดว่ากูจะทิ้งมึงแค่เพราะไม่บอก คิดว่ากูเห็นว่ามึงโง่แค่เพราะไม่พูด มึงเป็นบ้าอะไรของมึงเนม มึงไม่รู้จักกูเลยเหรอ? หรือมึงไม่ได้ยินคำที่กูบอกว่ารัก ที่กูบอกว่ารักมึงน่ะ คิดว่ามันโกหกเหรอ?ถึงได้หยามกูได้ขนาดนี้!"

             "ก็เพราะผมเชื่อไงถึงได้กลัว เพราะเชื่อไงถึงได้คิดแบบนั้น!"ผมร้องสวนพี่โตไปพร้อมขยับไหล่หนี"พี่บอกว่ารักแต่พี่ไม่พูดอะไรเลย พี่บอกรักผมแต่ให้ผมไปไกลๆมันหมายความว่ายังไง ก็ผมรัก..ผมรักจนกลัว..กลัวไปหมดทุกอย่าง..แล้วเรื่องที่พี่จะทำ..ที่พี่จะออกไป ยิ่งไม่บอกมันยิ่งทำให้ผมคิดว่าพี่ไม่ต้องการให้ผมไปด้วย..."

            "ผมรู้ว่าผมมันงี่เง่า..แต่อย่าทำแบบนี้ได้ไหม..อย่าให้ผมคิด..คิดว่าพี่กำลังจะทิ้งผมไปจริงๆ"

              ผมเม้มปากแน่นพลางกลั้นสะอื้น ความรู้สึกอัดอั้นนับจากวันที่ได้รับรู้เรื่องนี้อัดจุกอกแน่นจนต้องระบายออกมาเป็นน้ำตาอย่างสุดกลั้น ต่อให้พยายามจะเข้มแข็งแค่ไหน ทว่าก็ไม่อาจอดทนมันได้อีกแล้วเพราะนั้นคือความรู้สึกที่อัดอั้นอยู่ในหัวใจจนแทบระเบิด และเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ผมตัดสินใจทำอะไรบ้าๆลงไปมากมาย..

              แม้การตัดสินใจจะเป็นสายให้กับพัสดี จะเป็นไปด้วยความตั้งใจของตัวเอง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ ว่าส่วนหนึ่งก็เพราะอารมณ์ของผม

           ไม่ได้พูดว่าการทำแบบนี้มันเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด แต่ครู่หนึ่งผมได้คิด หากพี่โตบอกผมแต่แรก ให้ผมเข้าร่วมและรับรู้ทุกสิ่งด้วยกัน ผมจะเลือกทางนี้ไหม?

            ต่อให้ผมถูกทำร้าย ถูกบีบบังคับจากพัสดีและผู้คุม แต่ถ้าผมได้รู้ทุกอย่างจากพี่โต ถ้าเราไม่ปิดบังกัน ถ้าผมไม่ระแวง ไม่กลัว แล้วผมจะเลือกเป็นสายให้พัศดีรึเปล่า?

           ความคิดโง่ๆและความเห็นแก่ตัววนเวียนอยู่ในสมองไม่ยอมหยุดเมื่อได้ระบายมันออก ตอนนี้ผมทั้งกลัวทั้งกังวลว่าหากพี่โตรู้ มันจะเป็นยังไง..เขาจะทำอย่างไรกับคนทรยศแบบนี้..และนั่นเหมือนเป็นแรงผลักดันที่ให้ผมตัดสินใจเทความผิดทั้งหมดไปที่พี่โต..

            ทั้งที่รู้ว่าไม่มีใครถูกใครผิด มันก็แค่ทางเลือก..ทางเลือกที่คนๆหนึ่งมีสิทธิเลือกก็เท่านั้น

           "พอๆหยุดร้องได้แล้ว.."อ้อมแขนที่คุ้นเคยกอดรัด มือหนาลูบเส้นผมพลางถอนหายใจแผ่วเบาความอบอุ่นที่แสนเคยคุ้นทำให้ผมสะอื้นฮักซบหน้าลงกับแผ่นอกหนา ความอัดอั้นที่ได้ระบายค่อยทำให้ลมหายใจโล่งโปร่งขึ้นมาก  แว่วเสียงปลอบของพี่โตดังขึ้นเบาๆข้างหู ก่อนที่จะถูกดันกายให้สบตากับแววตาที่แสนเคยคุ้น..

            "หยุดร้องแล้วฟัง"พี่โตบีบไหล่ผมแน่นด้วยสีหน้าหนักแน่น"ตอนนี้มึงรู้เรื่องทุกอย่างแล้วใช่ไหม? มึงรู้ชัดแล้วใช่ไหมว่าเรากำลังจะทำอะไรกัน?"

             "........"ผมพยักหน้ารับเงียบๆ

            "ที่กูไม่อยากให้มึงรู้เพราะกูห่วงมึง..กลัวมึงจะคิดมากหรือจะกังวลเกินเหตุ "พี่โตมองตาผมเอ่ยปากอธิบายช้าๆ"แต่ถ้าการที่กูปิด มันทำให้มึงกังวลมากกว่า กูก็จะไม่ปิดมึงอีก...ใช่..กูจะออกไป ไม่สิ.."เรา" เราจะออกไปด้วยกัน กูจะทำ ทุกคนจะทำเพื่อออกไปจากที่นี่ ออกไปอยู่ที่ไหนก็ได้ที่อยากไป ไม่ต้องมาอยู่ในกรงเหมือนหมา ไม่ต้องถูกกลั่นแกล้งใส่ร้ายหรือถูกเรียกไปซ้อมแบบที่มึงเคยเจอ"

            "ตอนนี้แผนการณ์กำลังเป็นไปด้วยดี และกูไม่อยากให้มึงมากังวลอะไรอีก และกูขออย่างที่เคยขอ ...เป็นเด็กดีเชื่อที่กูพูดและทำตามที่กูบอก อย่ากลัวว่ากูจะทิ้งมึง เพราะกูไม่มีวันทำแบบนั้น กูรักมึงและขอบใจที่มึงก็รักคนเหี้ยๆแบบกู เพราะฉะนั้นเชื่อกู..และอย่าร้องไห้เพราะกูอีก"

             "..แต่...มัน..."ผมเอ่ยท้วงเบาๆด้วยสีหน้ากังวลใจ..

             "เชื่อกู"พี่โตบีบไหล่ผมแน่นพลางจ้องสบตาอย่างหนักแน่น ความรักความห่วงใยและความมั่นคงในแววตานั้นส่งมาเพื่อบอกให้เชื่อ...และไว้ใจโดยไร้ข้อกังขา

            "....."ผมพยักหน้ารับกระพริบตาถี่เพื่อไม่ให้น้ำตารินไหล ความกังวลใจที่มีถูกปัดเป่าไปเพราะคำพูดของพี่โตจนหมดสิ้น ผมสูดน้ำมูกพรืดพลางเม้มปากกลั้นเสียงสะอื้น แต่เหมือนจะทำได้ยากนักหนาจึงได้แต่ซุกหน้าลงกับอกเพื่อจะหยุดเสียงสะอื้นนั้นไว้ไม่ไห้หลุดออกมา..

             ฝ่ามือของพี่โตไล้เส้นผมแผ่วเบาลูบเบาๆด้วยความรัก สัมผัสนั้นทำให้ผมอดจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตาไม่ได้ กระนั้น...ก่อนที่จะได้ยินดี โล่งใจและวางใจกับเรื่องทั้งหมด ความจริงอีกอย่างก็วนเวียนกลับมาในสมอง และกระแทกลงในหัวใจแรงๆจนต้องสะดุ้ง..

            ...ความจริงที่ว่า..ผมได้เดินก้าวข้ามไปแล้ว..

            ความจริง...คือผมทรยศพี่โต ผมเป็นคนที่กำลังเสียบมีดลงบนหลังของพี่โต และแทงมันลงไปซ้ำๆด้วยคำว่ารัก คำว่าเชื่อใจ ทั้งอ้อมแขน ทั้งน้ำตา ทั้งความอบอุ่นและความห่วงหา ทุกอย่างที่ประกอบรวมกันเป็นความรู้สึกที่เราต่างมอบให้กันกำลังจะกลายเป็นดาบสองคมที่คอยเชือดเฉือนใจตนเองช้าๆ..

          ..เพราะ..ผมมันคนโกหก..

          ผมใช้ความรักและความเชื่อใจที่พี่โตมีให้ทำร้ายเขาอยู่เงียบๆ..

          ถ้าหากรู้..ถ้าพี่โตรู้...

           ริมฝีปากของผมสั่นระริก นัยน์ตาสั่นไหวยามคิดถึงเรื่องที่กำลังจะเกิดขึ้นอีกไม่ช้า ภาพสีหน้าและแววตาของพี่กันย์และความรู้สึกของตัวเองยามได้พบเจอการหลอกหลอนวาบไปมาในสมอง ขนาดคนอื่นโดนยังเจ็บปวดรวดร้าว ตัวเองเจอยังทรมารแทบบ้าแล้วพี่โตล่ะ แล้วกับพี่โตล่ะจะเป็นอย่างไรกัน..

            จะเจ็บมากแค่ไหน จะทรมารแค่ไหน จะผิดหวังมาเพียงใด จะแสดงออกเช่นไรก็สุดจะรู้..

           และ...ถ้าผมอ้าปากบอกไปตอนนี้จะทันไหม? จะ...ได้รึเปล่า?

           "แล้วมึง...?"ราวกับรู้ความคิด เสียงของพี่โตจึงเอ่ยถามพร้อมปลายนิ้วแตะลงบนหน้าผากเบาๆแต่สัมผัสนั้นกลับทำให้นึกผวาผมรีบซุกใบหน้าลงบนแผ่นอกหนาแน่นตัวสั่นระริกด้วยความหวาดหวั่นในใจ..

           "............."

           "เนม..มึงสัญญาแล้ว"พี่โตเอ่ยทักท้วง ขยับกายหนีและกำไหล่ทั้งสองข้างของผมไว้ให้เงยหน้าไปสบตา ผมต้องจำเงยหน้าขึ้นอย่างเสียไม่ได้ ความสับสนและหวาดกลัวยังคงกระตุกอยู่ในสมอง แต่เสียงเร่งเร้านั้นยังดังขึ้นไม่ห่าง..

        ในใจผมกำลังครุ่นคิด กำลังพยายามเดาทางออกว่าควรจะทำเช่นไร..

         ควรบอกไหม? หรือจะไม่บอก จะเงียบต่อไปเพื่อรอวันระเบิดเหรอ?

         แต่ถ้าบอกไปแล้ว พี่โตจะโกรธแค่ไหน จะด่าว่าหรือถึงขั้นประณามเช่นไรกันแน่..

         แต่ถ้าไม่บอก..ผมก็คงต้องจมอยู่กับนรกของความทรมารเช่นนี้ต่อไป บอกไม่ได้ ได้แต่เงียบและอัดอั้นตันใจอยู่แบบนี้..

         สำหรับคนรักกันแล้วไม่มีอะไรแย่ไปกว่าการถูกหักหลัง ถ้าผมยังเงียบต่อไป มันก็ยิ่งเลวร้ายมากขึ้นเรื่อยๆ

         "ผะ...."



      'นักโทษแดน 12 ไปรวมตัวกันที่หอประชุมด่วน...นักโทษแดน 12 ไปรวมตัวกันที่หอประชุมด่วน'



           เสียงประกาศตามสายทำให้ผมชะงัก สีหน้าเหรอหรายามได้ฟังคำประกาศที่ขัดคำสารภาพของตัวเองไว้แค่นั้น พี่โตถอนหายใจงึมงัม แม้อยากจะรอฟังทว่าก็ต้องลากผมออกไปแต่โดยดีเมื่อถูกผู้คุมที่เฝ้าอยู่ข้างนอกออกปากไล่

       "เดี๋ยวประชมุเสร็จแล้วคุยกันต่อ"พี่โตว่าพลางดีดหน้าผากผมเบาๆแล้วเอาชายเสื้อเช็ดคราบน้ำตาที่หลงเหลืออยู่บนแก้ม ขณะที่ผมออกปากโวยวายงึมงัมกับผ้าสกปรกๆเช่นเคย กระนั้นความรู้สึกที่ได้ระบายออกก็ทำให้พื้นอารมณ์แจ่มใสขึ้นอย่างเห็นได้ชัด..

        ...ผมคิดว่าตัวเองทำใจแล้ว จะบอก จะพูด จะสารภาพและปล่อยให้มันเป็นไป..อีกครู่เดียว แค่ประชุมเสร็จผมก็จะสารภาพทุกอย่างแล้ว..

        ...แต่ทว่า..ไม่นึกเลยว่าผมจะต้องเสียใจที่คิดได้ช้าเกิน..   
 
...............................

   

ออฟไลน์ katte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
Improbable  29 : บีบบังคับ
   

       ร่างของบรรดาผู้ต้องขังในแดนสิบสองค่อยทยอยกันเข้าไปในห้องประชุมหลังจากถูกประกาศเรียก  ผู้คุมที่ประจำอยู่ตรงทางเข้าเรียกเช็คชื่อแต่ละคนที่มาเข้าแถวออกันอยู่ นักโทษหลายรายมีสีหน้าขัดใจไม่น้อยเมื่อถูกเรียกเพราะตอนนี้เป็นเวลาสี่โมงกว่าแล้วเรียกว่าในเวลาอาหารเย็น อีกทั้งที่ทุกคนรำคาญคือมันมีการเรียกประชุมบ่อยเกินไปจนน่าหงุดหงิด

       แม้ผมจะรู้และเข้าใจดีกว่าเรียกประชุมไปทำไมและเพื่ออะไร แต่ก็ยังแอบหงุดหงิดไม่ได้ นับประสาอะไรกับนักโทษคนอื่นๆเล่า

       ผมเดินมาเข้าแถวพร้อมพี่โตในสภาพหน้ายับเล็กน้อยแต่ก็ไม่ได้ย่ำแย่มากเกินไปนัก มองลอดไปยังในหอประชุมซึ่งเป้นอาคารชั้นเดียวก่ออิฐฉาบปูนเรียบร้อยตรงด้านหน้ามีเวทียกสูงขึ้นและมีปะรัมสำหรับพูดตั้งไว้พร้อมไมโครโฟนและเครื่องกระจายเสียงพร้อม นักโทษที่เข้ามาในห้องประชุมต่างทยอยเข้าไปนั่งตามโต๊ะเก้าอี้ที่ถูกจัดไว้ เสียงพูดคุยปนกับเสียงบ่นพึมพัมแซ่งแซ่ดังขึ้นมาเบาๆ ระหว่างรอให้นักโทษทุกคนทยอยเข้ามาให้ครบ


     ตึกๆๆ


         เสียงเคาะไมค์ดังขึ้นเบาๆทำให้เสียงพูดของทุกคนเงียบลงโดยอัตโนมัติ คนที่ยืนอยู่บนแท่นพิธีคือพัศดีปรมัตถ์คนเดิมนั่นเอง เขาถือกระดาษบางอย่างไว้ในมือ ขณะที่รอให้พวกเราเงียบเสียงลงโดยใช้สายตาแทนคำพูด

       ...คนข้างกายผมก็เงียบ แต่ไม่ใช่อาการเงียบเพื่อเชื่อฟังหรืออยากรับข่าวสารหากแต่เปลี่ยนเป็นจ้องหน้าพัสดีอย่างท้าทาย ไม่ได้สนใจว่าเขาจะเห็นหรือไม่เห็นสักนิด

       ผมเหล่มองแล้วถอนหายใจระอา กับคนที่พี่โตเหม็นหน้าต่อให้วันเวลาผ่านไปแค่ไหนก็เปลี่ยนยาก ดูอย่างพี่กันย์ก็ได้จากเคยเป็นศัตรูจนกลายมาเป็นมิตรอยู่ข้างเดียวกัน ทำงานด้วยกัน พี่โตก็ยังมีท่าทีเหม็นหน้าเช่นเดิม..

        คิดถึงพี่กันย์แล้วผมก็หันขวับ จ้องมองใบหน้าของคุณหมอเถื่อนที่นั่งห่างไปไม่กี่คนแล้วขมวดคิ้วน้อยๆยามนึกถึงคำพูดที่พี่กันย์พูดให้ได้ยิน และสีหน้าของผู้ชายตรงหน้า...

        ..คำพูดที่ไม่บอกว่าจะทำอย่างไรกับการตลบหลังที่ตนเองเจอครั้งนี้ แต่มีเพียงรอยยิ้มเป็นคำตอบ ทว่ามันคือรอยยิ้มแสยะอันน่าหวาดผวา..และยิ่งเมื่อได้เห็นแววตาที่พี่กันย์มองเมฆและพี่วิทย์แล้วผมยิ่งรู้สึกใจไม่ดีมากขึ้นเรื่อยๆ

      ผมไม่รู้ว่าพี่กันย์ให้ความสำคัญกับ"รัก"ของตัวเองมากแค่ไหน ไอ้เนมรู้เพียงว่าจากที่ผ่านมา พี่กันย์รักเมฆ..รักมาก..มากจนยอมทำทุกอย่าง ทำทุกสิ่ง ยอมก่อความวุ่นวาย ยอมเสี่ยงตาย ยอมทำอะไรร้ายๆมากมาย ทำได้กระทั่งใส่ร้ายหรือฆ่าคนเพื่อจะได้เมฆมาอยู่ข้างๆเพื่อให้มันมาเป็นของตัวเอง..

      ..ความรักที่บ้าคลั่งและน่ากลัวจนไม่อาจจะรู้ได้ว่าหากผิดหวังไม่เป็นดั่งใจแล้วจะเกิดอะไรขึ้น..

         ผมหรี่ตาลงช้าๆ ก่อนจะเบือนหน้าหนีคนสามคนนั้นพลางปัดเรื่องวุ่นวายของคนอื่นให้หลุดไปจากสมอง ผมไม่มีเวลาจะมาสนใจเรื่องของใครอื่น เพราะตอนนี้แค่เรื่องของตัวเองก็ยังคงมีปัญหาและยังต้องครุ่นคิดตัดสินใจเช่นนี้..

    คิดพลางหันไปจ้องมองพัศดีปรมัตถ์ จ้องใบหน้าที่ผมชินตา พร้อมทั้งนิ่งคิด..ว่าชายคนนี้กำลังจะทำอะไร..

     ในเมื่อเขาบอกกับผมเองว่าตัวเขาไม่ใช่"สีขาว"แต่เป็น"สีเทา"แล้วคนสีเทาแบบเขาคิดจะจัดการเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นอย่างไร?

           "พี่.."เสียงกระซิบกระซาบดังขึ้นท่ามกลางความเงียบทำให้ผมหันขวับ มองพัศดีปรมัตถ์ที่กำลังอ้าปากพูดเรื่องกำหนดการณ์และกฏเกณฑ์ที่จะเพิ่มขึ้นบางอย่างก่อนจะเบือนหน้าไปมองข้างกาย พบว่าพี่ทินกำลังเดินแทรกผู้คนมานั่งลงข้างพี่โตเพื่อบอกข่าวอะไรบางอย่าง สีหน้าของคนพูดเคร่งขรึม แฝงความหวาดหวั่นไม่น้อย

           "อะไร..."พี่โตถามกลับสั้นๆนัยน์ตายังคงจ้องมองพัศดีปรมัตถ์เขม็ง สีหน้านิ่งราวกับตั้งใจฟังถ้าไม่นับนัยน์ตาวาวๆแฝงความเป็นอริคู่นั้น

           "พวกผู้คุมมันไปค้นของอีกแล้ว รื้อกระจายเลยเมื่อกี้กูเห็น"พี่ทินบอกสั้นๆเสียงนั้นไม่ได้ดังไปมากกว่าถ้อยกระซิบ แต่ผมก็ยังได้ยินอยู่ดี นับรวมถึงพี่คนอื่นๆด้วยเพราะทุกคนในกลุ่มต่างก็หันมาด้วยสีหน้าตกอกตกใจกันทั้งนั้น

           "อีกแล้วเหรอว่ะ...เชี่ย...ลอบกัด "พี่วิทย์คำรามฝนลำคอพลางขบปลายนิ้วเบาๆสีหน้าขัดใจ

           "ทำไม มึงมีอะไรเก็บไว้ไอ้วิทย์"พี่โตถามกลับสั้นๆพลางหันไปมองหน้าคนพูด

           "เปล่า แต่ถึงไม่มี...."ว่าแล้วพี่วิทย์ก็ยักไหล่ ยิ้มประชดประชันไปทางพัสดี"บทอยากจะหาเรื่อง..ไอ้ท่านที่ยืนคุยอยู่บนนั้นมันอยากจะยัดก็ทำได้ไม่ใช่เหรอว่ะ"

           ว่าพลางแสยะยิ้มหยัน สีหน้าหมิ่นแคลนส่งไปหาบรรดาผู้คุมและพัสดีที่ยืนอยู่บนปะรัมพิธีอย่างไม่กลัวเกรง ไม่ต่างกับแววตาของคนอื่นๆที่วาววับ แสดงความเป็นอริเด่นชัด..

          "มันจะค้นก็ปล่อยมันไป ไม่ต้องไปสน"พี่โตตอบสั้นๆพลางแสยะยิ้มหยัน "ก็ลองดูสิ ว่ามันจะหาเรื่องไปได้ถึงเมื่อไหร่ แล้วพวกมึง...มีใครเก็บอะไรไว้อีกไหม?"

          "เฮ้ย...แล้วของพี่...."พี่ทินเอ่ยท้วงกระซิบกระซาบ ขณะที่คนในห้องขังเดียวกันกับผมก็หันไปมองหน้ากัน บ้างก็บ่นงึมงัมบ้างก็ส่ายหัว แต่ไม่มีใครมีท่าทีตกใจมากนัก ก็แสดงว่าคงไม่มีใครซุกอะไรที่เป็นความผิดร้ายแรงให้ถูกเรียก...ถูกสอบเหมือนผม..

         คิดถึงเรื่องนี้แล้วก็ก็ไพล่นึกไปถึงเรื่องของผม..โทรศัพท์มือถือที่ถูกซุกอยู่ใต้ที่นอน ของใคร ใครเอามาใส่ ใครเอามาไว้ใครกลั่นแกล้งผม จนถึงบัดนี้ก็ยังไม่รู้..

          หรือจะเป็นไปตามที่พี่วิทย์ว่า นั่นคือผู้คุมจงใจจะกลั่นแกล้ง เพื่อหาทางบีบให้ผมยอมทำในสิ่งที่เขาต้องการในเมื่อพัศดีปรมัตถ์บอกมาแล้วว่าไม่สนเรื่องวิธีการว่ามันจะดำหรือจะขาวจะสื่อสัตย์เที่ยงตรงเป้นไปตามหลักการหรือหลอกล่อวกวนใช้คนอื่นเพื่อสิ่งที่ตัวเองต้องการ หากเขาทำจริงๆก็ไม่ได้น่าแปลกใจเท่าไหร่เลย..

         "จัดการแล้ว"เสียงพี่กันย์ดังตอบพี่ทินขึ้นมาเบาๆทำให้พี่โตพยักหน้ารับ ออกปากไล่ให้พี่ทินไปนั่งที่เดิมของตัวเองก่อนจะถูกต่อว่า ขณะที่พัศดีปรมัตถ์จ้องมองมาทางพวกเราเขม็ง..

         "และตอนนี้ ผมมีประกาศสำคัญอีกสองเรื่องจะแจ้ง ขอให้ผู้ต้องขังทุกคนฟังและปฎิบัติตามด้วย.."ใบหน้าของพัศดีปรมัตถ์เรียบเฉยขณะเอ่ยปากประกาศสำคัญดวงตากวาดมองกระดาษที่อยู่ในมือครู่หนึ่งจึงกระตุกยิ้มมุมปากบางๆราวกับพึงใจ ชวนให้นึกหวาดหวั่นว่าจะมีสิ่งใดเกิดขึ้น

         "ข้อแรก..เนื่องจากที่ผ่านมา มีการพบสิ่งเสพติดและสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำเป็นจำนวนมาก เพื่อป้องกันอาชญากรรมที่อาจจะเกิดขึ้น ทางเรือนจำจึงมีมาตรการตรวจค้นเรือนนอนของผู้ต้องขังเพิ่มจากเดิมสัปดาห์ละครั้ง เป็นสัปดาห์ละสองครั้ง พร้อมทั้งตรวจร่างกายและตรวจสารเสพติดเดือนละครั้งจากเดิมสามเดือนต่อหนึ่งครั้ง.."ทันทีที่เอ่ยจบเสียงพูดคุยของนักโทษก็ดังแซงแซ่ขึ้นอย่างรวดเร็ว"และหากมีการพบสิ่งเสพติดหรือสิ่งของต้องห้ามในเรือนจำ ทางเรือนจำจะเพิ่มโทษจากการสอบสวนและลดวันลดโทษ เป็นการกักขังเพื่อสอบสวนเพิ่มเติมและลดชั้นเป็นนักโทษชั้นกลางทันที โดยไม่มีข้อยกเว้น"

          คำกล่าวนั้นทำให้เกิดเสียงโวยวายดังประท้วงขึ้นทันทีที่พัศดีปรมัตถ์พูดจบ นักโทษหลายคนมีสีหน้าตกตะลึง ทั้งไม่พอใจกับการประกาศมาตรการที่เป็นดั่งการบีบบังคับ และต่างก็ต้องไม่พอใจ เมื่อรู้ว่าความดีหรือการบำเพ็ญประโยชน์เพื่อเป็นนักโทษชั้นดีซึ่งมีสิทธิ์ได้รับวันลดโทษเดือนละหลายๆวันต้องมาเสียไปเพียงเพราะเรื่องนี้

         ผมหันหน้าไปมองสบตาพี่โตและบรรดาพี่ๆในห้องขังเดียวกัน ทุกคนมีสีหน้าตกตะลึงและเต็มไปด้วยความไม่พอใจอย่างยิ่งกับคำประกาศที่เกิดขึ้น ไม่ต่างกับผม เพราะนี่ไม่ใช่แค่การเข้มงวดกวดขัน แต่มันไม่ต่างอะไรกับการลิดรอนสิทธิ การเป็นนักโทษชั้นดีหรือดีเยี่ยมนั่นไม่ได้เป็นเพียงชื่อเรียกขาน แต่เป็นการสะสมวันเวลาลดโทษและคุณประโยชน์ที่เราทำลงไปเพื่อจะได้ออกไปข้างนอกเร็วขึ้น นี่คือวิถีทางที่ถูกต้อง เป็นทางลัดที่ใครบอกว่าไม่มีในคุกเพื่อที่จะได้ออกจากเรือนจำเร็วขึ้น แม้เพียงปีเดียวหรือครึ่งปีก็ยังดีกว่าไม่มีไม่ใช่หรือ..

        ...แล้วมาตอนนี้ พัศดีกลับคิดจะยึดความหวังนี้ไปจากพวกนักโทษเสียอย่างนั้น

        "ทำแบบนี้ได้ยังไง!!ทำผิดก็ลงโทษไปตามผิดสิ ทำไมต้องลดขั้นกันด้วย!!"นักโทษรายหนึ่งตะโกนขึ้นมาด้วยความไม่พอใจ สีหน้าทุกคนเคร่งขึง และเมื่อมีคนเอ่ยปากนำเช่นนั้นก็มีบรรดาเสียงสนับสนุนดังขึ้นตามทันที นักโทษหลายรายลุกพรวดขึ้นต่อว่าผู้คุม หลายคนกระทืบโต๊ะทุบเก้าอี้ด้วยความไม่พอใจ และมันเริ่มบานปลายเป็นการก่อมอบด่าว่าประท้วงวิธีการของพัศดีคนใหม่

        ผมเหลียวมองคนข้างกายอีกครั้งด้วยความตกใจ ทั้งนึกกลัวว่าพี่โตอาจจะลุกขึ้นประท้วงกับเขาด้วย แต่ก้ต้องแปลกใจที่ขาใหญ่แห่งแดนสิบสองยังคงนิ่ง..พี่โตนั่งจ้องหน้าพัสดีปรมัตถ์พลางกำหมัดแน่นไม่ขยับตัว และเมื่อพี่โตไม่ขยับ คนอื่นก็ไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหวใดๆเช่นกัน บ้างทำราวกับไม่รู้ไม่เห็น ว่ารอบกายกำลังมีเหตุวุ่นวายเป็นจลาจลเล็กๆเกิดขึ้น บ่งชัดว่าเหล่าพรรคพวกของพี่โตในแดนสิบสองทุกคนต่างก็รู้ดีว่าควรจะทำตัวเช่นไร..

        ฝ่ามือของพี่โตวางลงบนบั้นเอวของผมแล้วบีบแน่น นัยน์ตาเลื่อนจากภาพพัศดีมายังดวงตาของผม จ้องมองอย่างปลอบประโลมสีหน้าตกอกตกใจของผม ริมฝีปากของคนตรงหน้าแสยะยิ้ม..

         "แผนโง่ๆ"พี่วิทย์สถบเบาๆในลำคอแล้วหัวเราะหึ สีหน้าขบขันมองไปยังภาพความวุ่นวายรอบตัวด้วยรอยยิ้มแสยะที่บอกว่ารู้เท่าทันและไม่มีวันยอมให้อารมณ์คล้อยตามไปกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น

         "พวกกูไม่จำเป็นต้องใช้วันลดโทษหรือคำว่านักโทษชั้นดีอีกแล้ว"พี่โตเสริมพร้อมกับหัวเราะเบาๆในลำคอ รอยยิ้มแสยะอันคุ้นตาปรากฏขึ้นพร้อมกับนัยน์ตาที่ตวัดมองพัศดีปรมัตถ์ จ้องเขม็งอย่างท้าทายและไม่ยอมแพ้เช่นเดียวกับสีหน้าของบรรดาคนในแกงค์ที่ต่างก็ยิ้มรับ..

           ผมจ้องมองสีหน้าของคนรอบกาย มองภาพเหล่านักโทษในเรือนนอนเดียวกันที่จ้องมองภาพความวุ่นวายเบื้องหน้าอย่างใจเย็นและไม่มีความร้อนรนใดๆปรากฏ เหลือบมองเสี้ยวหน้าของพี่โตยามจ้องมองพัศดีปรมัตถ์พลันรู้สึกถึงความเย็นยะเยือกที่แล่นเข้ามาในหัวอก..

          ....ไม่จำเป็นต้องใช้วันลดโทษ..ไม่จำเป็นต้องเป็นนักโทษชั้นดี หรือดีเยี่ยมไม่จำเป็นต้องสนใจสิ่งเหล่านั้นอีกแล้ว..

           เพราะ...อีกไม่นานก็จะได้ออกไปงั้นหรือ?


          ผมจ้องมองภาพความวุ่นวายเบื้องหน้า มองผู้คนที่โวยวายด่าทอด้วยความไม่พอใจต่อมาตรการของพัศดีปรมัตถ์พลางคิดถึงบรรดาคนที่อยู่ข้างกาย คนที่อาจบอกได้ว่าคือต้นเหตุของการวางกฏอย่างเคร่งครัดในตอนนี้..เพราะรู้เรื่องที่พวกเขากำลังจะก่อพัศดีถึงได้ทำแบบนี้ ต้องการขู่ให้พี่โตกลัว ต้องการจะบอกให้พี่โตและพรรคพวกรู้ว่าเขาก็รู้ทัน และจะขัดขวางในสิ่งที่พี่โตทำอยู่ มันไม่ต่างกับการประกาศตัวเป้นศัตรูหรือวางหมากเตรียมพร้อมรบ ทว่าคนรอบกายผมกลับไม่มีท่าทีหวั่นไหว ในเวลาแบบนี้พวกเขากลับรวมตัวกัน รู้และเท่าทันการบีบคั้นของอีกฝ่าย ไม่ยอมไหลไปตามกระแสไม่ยอมหันไปในทางที่ถูกคาดไว้เพื่อจะต่อกรและบอกว่าจะไม่ยอมแพ้เช่นกัน..

         กลับเป็นผมเสียอีกที่กลัว กลายเป็นผมเสียอีกที่หวาดหวั่น เพราะตอนนี้ถึงได้ประจักษ์ว่าตัวเองกำลังเดินไต่เส้นสวดอยู่กลางขอบเหว..ท่ามกลางคนสองพวกสองฝั่งที่เป็นดั่งศัตรูกันและจะห้ำหั่นกันในไม่ช้า นกสองหัวแบบผมต่อให้อยู่ฝ่ายชนะก็ไม่อาจมีความสุขไม่อาจมีใครยอมรับได้อยู่ดี

          "ไม่ต้องกลัว...บอกแล้วว่ากูจะพามึงไป"เสียงกระซิบข้างหูยิ่งทำให้ร่างของผมสั่นไหว ไม่ใช่เพราะความกลัวอย่างที่พี่โตคิด...ไม่สิ มันคือความกลัว ทว่าเป็นความกลัวที่ต่างกับที่เขาเข้าใจมากมาย..

       ...ผมกลัว...กลัวที่จะทรยศ กลัวความลับซึ่งรอวันถูกเปิดเผย..กลัว...ว่าตัวเองอาจจะไม่เหลือใคร และกลัว ว่าจะถูกทอดทิ้งและเกลียดชังจากผู้ชายที่ผมรัก..

        ผมเอื้อมมือไปขยุ้มเสื้อของพี่โต กำแน่นขณะเงยหน้าขึ้น จ้องมองภาพที่ผู้คุมกำลังเป่านกหวีดและเหวี่ยงกระบองควบคุมไม่ให้นักโทษอาละวาดมากขึ้น หลายรายถูกจับกดแนบลงกับพื้น หลายคนถูกสั่งให้นั่งยองๆและเอามือไว้บนศรีษะโดยมีร่างของผู้คุมยืนล้อมรอบ ป้องกันไม่ให้ลุกขึ้นมาก่อความวุ่นวายขึ้นอีกครา

        เสียงพูดคุยของนักโทษยังดังแซ่เเซ่ง บรรดาหัวโจกที่ลุกมาต่อต้านโวยวายถูกจัดการไปแล้วด้วยฝีมือของผู้คุมทำให้สถานการณ์กลับไปเป็นปกติก็จริงอย่างเคย ก็จริง ทว่ามันกลับเป็นการจุดความไม่พอใจให้แก่นักโทษหลายราย แค่มองดูแววตาของทุกคนต่างก็รู้ มันฟ้องออกมาว่าไม่ได้ชอบใจหรือสงบลงสักนิด

         "ข้อที่สอง"พัศดีปรมัตถ์เอ่ยปากพูดราวกับมองไม่เห็นภาพความวุ่นวายที่เพิ่งสงบลงเมื่อครู่นัยน์ตาของเขากวาดมองบรดานักโทษเบื้องล่างที่ยังคงมีสายตาต่อต้านไม่หยุดหย่อน"วันนี้ เราได้ทำการตรวจค้นเรือนอนของนักโทษในแดนสิบสองทุกคน พบรายชื่อผู้มีสิ่งต้องห้ามไว้ในครอบครองดังนี้......"

          จากนั้นพัศดีก็เอ่ยเรียกชื่อบรรดานักโทษที่มีความผิดและต้องถูกสอบสวน กักขัง และลดชั้นของตน รายชื่อที่ประกาศออกมานั้นมีอยู่มากพอดูและเหมือนจะไม่งดเว้นใดๆทั้งสิ้นแม้แต่ความผิดเล็กน้อยอื่นใด ยิ่งเอ่ยประกาศบอกแจงรายละเอียดและรายชื่อมากเท่าไหร่ ผมก็ยิ่งมองเห็นสีหน้าโกรธแค้นจากบรรดนักโทษมากขึ้นเท่านั้น..

            เขาตั้งใจจะเอาแผนการณ์นี้มาข่มขู่ หรือมาบีบบังคับให้นักโทษทุกคนเป็นไปอย่างที่คิด..หรือกำลังจะฆ่าตัวตายกันแน่?

       

ออฟไลน์ katte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
     ผมมองหน้าของพัศดีปรมัตถ์ด้วยความไม่พอใจ ทำแบบนี้ยังไม่เห็นว่าจะมีอะไรดีสักนิด ธรรมดานักโทษที่ถูกกักขังอยู่ในเรือนจำ ต้องอยู่ในที่แคบๆเป็นเดือนเป็นปีไม่มีโอกาสไปไหนก็ว่าเครียดมากพออยู่แล้ว แต่นี่เขากลับยิ่งวางกฏให้หนาแน่นขึ้น เคร่งขึ้นราวกับจะกลั่นแกล้งนักโทษทุกคนให้อึดอัดใจและรู้สึกว่าถูกกีดกันมากขึ้นกว่าเดิม วิธีการนี้อาจจะทำให้นักโทษในเรือนจำพากันหวาดกลัวและไม่กล้าคิดจะแหกคอกก็จริงอยู่ แต่มันก็เหมือนเป็นการบีบบังคับกรายๆให้พวกนี้เข้าร่วมกับพวกพี่โตด้วย ก็ในเมื่อทางเรือนจำบีบบังคับกันขนาดนี้แล้ว ทำกระทั่งผิดทางเลือกสุดท้ายของพวกเขาไปแล้วใครจะรับได้ ความอดทนของคนเรามันก็มีจำกัดและอาจระเบิดออกมาทำอะไรที่คาดไม่ถึงก็ได้

          แล้วหากคิดจะออกกฏนี้มาข่มขู่หรือตั้งใจจะเอากฏเกณฑ์เช่นนี้มาบีบพวกพี่โตไม่ให้ดำเนินตามแผนของตน ผมก็ไม่เห็นว่าจะเป็นผล มันก็แค่ทำให้ติดขัดบ้างเล็กน้อยเท่านั้น อาจมีปัญหาด้านการติดต่อกันหรือการซ่อนของ แต่นอกจากนั้นก็ไม่มีอะไรแถมยังเป็นแรงผลักดันชั้นดีที่ทำให้ทุกคนกระตือรือล้นในการพร้อมใจกันออกไปข้างนอกอีกด้วย..

           คนที่ไร้ทางออก คนที่ถูกบังคับ คนที่ถูกบีบจนไม่เหลือทางไป พวกที่ถูกบังคับให้สู้แบบหลังชนฝา มักจะทำอะไรบ้าๆและคาดเดาไม่ออกทั้งยังรับมือยากกว่าคนปกติหลายเท่านัก

           ..แบบนี้ไม่ต่างอะไรกับการฆ่าตัวตาย..

       มันเป็นแผนโง่ๆตื้นๆแบบที่พี่วิทย์ว่า มันเป็นการกระทำที่ไร้สาระอย่างพี่โตพูดออกมา วิธีนี้ไม่ใช่แค่จะได้ผล แต่กลับจะสะท้อนผลตรงกันข้ามด้วยซ้ำ ยิ่งเมื่อพัสดีและบรรดาผู้คุมกำลังคุมตัวนักโทษที่ทำผิดไป กำลังรังแกเพื่อนนักโทษด้วยกันให้เห็นต่อหน้า ยิ่งเป็นแรงผลักดันชั้นดีที่จะทำให้การยั่วยุ การก่อจลาจลที่พี่โตกำลังวางแผนเป็นไปโดยง่ายดาย..

         ต่อให้พัสดีปรมัตถ์บอกว่าตัวเองจะต่อกรกับคนชั่วอย่างพวกผมด้วยความชั่วร้ายพอกัน ทว่าตอนนี้..ผมคิดว่าเขากำลังพลาด พลาดเพราะมองว่านี่เป็นเพียงนักโทษ และทุกคนในนี้เป็นเพียงคนเลวที่ไม่มีสมอง อีกทั้งอำนาจที่อยู่ในมือทำให้พัศดีทำอะไรอย่างโจ่งแจ้งและอุกอาจจนเกินไป  แทนที่จะได้ต่อกรกับพวกพี่โตกลับกลายเป็นการต่อกรกับนักโทษทั้งเรือนจำที่ยากเย็นกว่านับสิบเท่าร้อยเท่า!

           "ไปกันเถอะ"เสียงพี่โตเรียกสั้นๆทำให้ผมละออกจากภวังค์ ละสายตาจากภาพนักโทษที่ถูกนำมารวมตัวกันตรงหน้า ลุกขึ้นจากเก้าอี้และเดินแถวออกไปจากหอประชุมขณะที่เสียงพูดของผู้คุมดังอยู่ข้างหลังและชะตากรรมองนักโทษรายอื่นที่จะโดนอะไรก็ยังไม่อาจจะรู้..

            "นช.กันตธร ผมขอคุยอะไรด้วยหน่อย"เสียงของพัศดีปรมัตถ์ทำให้ไอ้เนมที่กำลังเหม่อสะดุ้งเฮือก ผมหันไปมองหน้าคนพูดที่ลงจากเวทีมาอยู่ที่ประตูทางออกด้านข้าง เขากำลังกอดอกพูดคุยรายละเอียดอะไรบางอย่างกับผู้คุมอยู่ เสียงเรียกนั้นทำให้ผมชะงัก หยุดฝีเท้าพร้อมๆกับฝ่ามือของพี่โตที่ตะปบลงบนไหล่

            "รอบนี้มันไม่ได้ซุกอะไรไว้"พี่โตเอ่ยขึ้นมาทันควันอย่างปกป้อง

            "แต่รอบที่แล้วน่ะใช่ ออกมาพบผมก่อนจะโดนลงโทษเพิ่มเติม"พัศดีเอ่ยปากสั้นๆ ใจความนั้นทำให้พี่โตคำรามฮึ่มฮั่มในลำคอทันที

            "ไหนบอกไม่มีอะไรแล้วไง ลงโทษก็ทำไปแล้ว จะเอาอะไรอีก!!"พี่โตกระชากเสียงใส่อย่างไม่พอใจ นั่นเป็นเหมือนคำประกาศให้ทุกคนหันมาสนใจเพราะบัดนี้สายตาทุกคู่ต่างจ้องมองตรงมายังขาใหญ่ของแดนสิบสองกับพัศดีคนใหม่ที่เผชิญหน้ากันอยู่โดยมีผมคั่นกลาง

            "ไม่ใช่หน้าที่ที่ผมต้องมาอธิบายอะไรกับคุณ ถ้าหัดฟังประกาศเสียบ้างคงรู้เรื่องกว่านี้ และคุณ..จะมาหรือไม่มา?"พัสดีตอบพี่โตห้วนๆอย่างไม่ไว้หน้าก่อนจะหันมาทางผม ไอ้เนมมองหน้าพัศดีแล้วพยักหน้ารับช้าๆด้วยสีหน้าหวั่นๆ

            "พี่โต..ปล่อยเถอะ"ผมเอ่ยปากบอกพี่โตสั้นๆ ขณะที่ผู้คุมก็เดินเข้ามาหา รุนหลังผมให้เดินไปหาพัสดีพร้อมกับง้างกระบองในมือใส่พี่โตให้เดินออกไปจากหอประชุม ซึ่งเราทั้งคู่ก็ไม่อาจขัดอะไรได้ ทำได้เพียงปฏิบัติตัวตามคำสั่งเท่านั้น

        ผมค่อยละสายตาจากพี่โตที่เดินหัวเสียจากไปช้าๆ มองแถวตรงไปโรงอาหารซึ่งเคลื่อนที่ไปตามเดิมแล้วถอนหายใจ ก่อนจะหันไปหาพัสดี ซึ่งเดินท่อมๆนำผมไปก่อนแล้วจนต้องรีบสาวเท้าตาม แต่ร่างของพัสดีปรมัตถ์ไม่ได้ไปไหนไกล เพียงแค่ก้าวออกมาจากหอประชุมไม่เท่าไหร่ เดินผ่านโรงอาหารไปยังอาคารฝึกงานที่เงียบสงบด้วยเป็นยามเย็นแล้วชะงักฝีเท้า หยุดลงเงียบๆ..

            "มีข่าวอะไรบอกไหม?"พัศดีเอ่ยถาม

            "มะ..."

            "ก่อนจะพูดว่าไม่ ดูนี่เสียก่อน"ว่าแล้วพัศดีปรมัตถ์ก็ยื่นกระดาษแผ่นหนึ่งมาให้ผม ในนั้นถูกเขียนว่าเป็นรายชื่อของบรรดาหัวโจก แกนนำที่มีความเสี่ยงในการก่อจลาจลที่นี่ รายชื่อนี้นับแต่พี่โตที่ถูกใส่ดอกจันไว้เป็นพิเศษ ตามมาด้วยพี่กันย์ พี่วิทย์ พี่เบิร์ด พี่คม พี่ทิน พี่กิตและอื่นๆอีกหลายคนรวมทั้งเมฆและผมด้วย

            "ผมรู้มาว่าหลายๆคนเป็นพวกที่เคยก่อความวุ่นวายมาครั้งหนึ่งเมื่อสามปีที่แล้ว เรื่องนักโทษที่เคยมีเรืองวิวาทและการเสียชีวิตของนักโทษอีกรายนึง..ซึ่งก็เป็นปีที่คุณเพิ่งเข้ามาพอดี"พัศดีปรมัตถ์เอ่ยช้าๆจ้องมองใบหน้าผมแล้วค่อยหรี่ตาลงอย่างครุ่นคิด ขณะที่ผมยืนนิ่ง..นึกไปถึงเรื่องราวที่ตัวเองพบเจอในปีแรกของการเหยียบเข้ามาในเรือนจำแห่งนี้ เรื่องเกมส์บ้าๆของพวกป๋ากับผู้พัน การเดิมพัน การถูกหักหลังหลอกใช้ราวกับคนโง่ และเรื่องการชิงอำนาจระหว่างพี่โตกับพี่กันย์..

            "ทำไมล่ะครับ"ผมเอ่ยปากถามสั้นๆ ไม่เข้าใจว่าการที่ผมจะเข้ามา มันเกี่ยวอะไรกับการที่จะมีนักโทษพยายามก่อจลาจลด้วยงั้นหรือ

            "ไม่ทำไม  แค่จะบอกว่าให้คุณระวังตัวไว้ด้วย ชื่อที่อยู่ในบัญชีดำและถูกตรวจสอบเป็นพิเศษน่ะหมายถึงหากมีเรื่องอะไรจะถูกสอบสวนอย่างหนักและมีการตั้งข้อสันนิษฐานไว้ก่อนแล้วว่าคุณเป็นคนก่อคดีนั้นๆ"พัศดีปรมัตถ์เอ่ยเรียบๆตวัดสายตามาจ้องตาผม"หรือจะพูดง่ายๆคือถ้าคุณคิดจะทำงานไม่จริงหรือคิดถอนตัว  นั่นก็หมายความว่าคุณต้องเจอโทษหนักอีกคดีในทันที"

           "โทษอะไร!ผมยังไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง"ไอ้เนมร้องถามออกไปอย่างรวดเร็วและเต็มไปด้วยความงวยงง ใช่ ผมไม่ได้ทำอะไรสักอย่าง ไม่ได้ทำอะไรเลยทั้งการก่อจลาจล ฆ่าคนหรือกระทั่ง ทะเลาะวิวาท

           "เรื่องการมีของต้องห้ามไว้ในเรือนจำ และเรื่องการตายของนักโทษคนหนึ่งเมื่อสามปีที่แล้วซึ่งมีส่วนเกี่ยวข้องกับคุณเต็มๆ"พัสดีประมัตถ์เอ่ยเสียงห้วน"พัศดีกรณ์อาจจะทำอะไรไม่ได้ ไม่อาจจะสืบสวนอะไรต่อได้เพราะโดนคำสั่งไว้ก็จริง แต่กับผมไม่ใช่ ผมจะฟื้นคดีนั้นขึ้นมาและทำการสอบสวนกันอย่างจริงจังอีกครั้ง เอาให้รู้ไปเลยว่าใครผิดใครถูก ใครทำอะไรไว้ ซึ่งมันก็มีความเกี่ยวข้องกับคุณอย่างไม่ต้องสงสัยเลยสักนิด"

            "........."คำพูดของพัศดีปรมัตถ์ทำให้ผมยืนนิ่งไม่อาจเอ่ยคำอะไรออกมาได้อีก เรื่องการมีของต้องห้ามไว้ในครอบครองนั้นถือเป็นความผิดร้ายแรงและแม้ผมจะมีมันจริงหรือถูกลั่นแกล้งก็ไม่อาจจะพิสูจน์ได้ ส่วนเรื่องศพของไอ้นพ..ถ้าหากสืบสาวราวเรื่องจริงๆแล้วผมก็ต้องตกเป็นหนึ่งในผู้ต้องหาอยู่ดี..ซึ่งแน่นอน บรรดาพี่โต พี่วิทย์ และทุกๆคนในเรือนนอนผมก็ต้องเจอแบบนี้ด้วย

           ..ที่ผมเจอตอนนี้คือการโดนข่มขู่และบีบบังคับแบบเดียวกับที่นักโทษคนอื่นโดนเมื่อกี้งั้นสินะ..

            "ผมจะถามอีกครั้ง..มีความคลื่อนไหวอะไรอีกรึเปล่า"น้ำเสียงของพัศดีปรมัตถ์เย็นยะเยียบ นัยน์ตาคู่นั้นจ้องมองมาที่ผมเขม็ง ทำให้ต้องเม้มปากแน่น กลืนน้ำลายลงคอช้าๆ..

            "คุณทำตัวไม่ต่างกับเมื่อกี้เลย"ไอ้เนมพูดพลางพ่นลมหายใจเฮือก จ้องหน้าพัศดีปรมัตถ์เขม็ง"กำลังบีบให้ไร้ทางสู้ กำลังข่มขู่และพยายามกดดันให้คนอื่นทำตามที่ต้องการ"

            "ผมบอกแล้ว..ว่าสีดำมันก็ต้องเจอกับสีดำ"พัศดีปรมัตถ์ตอบสั้นๆห้วนๆ แต่ใจความนั้นกลับทำให้ผมลอบขำ จริงที่เขากำลังทำวิธีการที่ไม่ต่างกับพวกนักโทษแต่มันก็ยังคงแตกต่าง เพราะต่อให้เป็นสีดำ เขาก็ยังเป็นสีดำที่ตรงเกินไป ไม่ใช่สีดำที่คดเคี้ยวเจ้าเล่ห์ยากจะหยั่งถึงและยากจะต่อกรแบบพี่โตและบรรดานักโทษในเรือนจำแห่งนี้..

         ผู้ชายตรงหน้าผมไม่ใช่สีดำ ก็แค่คนพยายามจะเป็นแบบนั้นก็เท่านั้น ไม่ว่าจะพยายามทำให้ตัวเองเปื้อนสีดำแค่ไน เขาก็ยังคงเป็นสีเทาที่อ่อนด้อยเกินจะเป็นสีดำอยู่วันยังค่ำ..

          ไม่ต่างกับผมในอดีต ความคิดกบฏ ความคิดต่อต้าน อยากเปลี่ยนแปลง อยากปลดแอก ไม่อยากทำตามคำสั่งใคร ไม่อยากเดินไปตามคำสั่งคนอื่น ยังอยากเป็นคนดีท่ามกลางคนคุก และยังอยากดำเนินตามวิธีการของความถูกต้องทั้งที่กำลังอยู่ในที่ๆไม่มีกฏหมาย

         แล้วสิ่งที่ผมได้รับล่ะเป็นอย่างไร ความพยายามจะเปลี่ยนเเปลงที่ทำเองอยู่คนเดียวมันไร้ค่า ผมทำได้แต่ผมก็ต้องเจอกับเรื่องเลวร้าย เป็นคนดีก็จริงแต่เป็นคนดีที่เลวแล้ว จนต้องไหลไปตามกระแสของสังคมอยู่นี่ไงเล่า

          "คุณไม่ใช่สีดำ"ผมลืมตาขึ้นพลางเอ่ยปากพูด ริมฝีปากที่เม้มแน่นคลายออกและเอ่ยพูดเพียงแผ่วเบา.."ห้องซ้อมดนตรี"

          "อะไร?"พัศดีปรมัตถ์ขมวดคิ้ว

          "ครูสอนดนตรี อาจารย์ธีระ เขาเป็นคนส่งของ"ผมบอกพัสดีปรมัตถ์พลางถอนหายใจเฮือก มีแค่สิ่งนี้เท่านั้นที่ผมจะบอกได้หลังจากถูกคำถามคาดคั้นมากมายดาหน้าเข้าหา ใช่ว่าผมจะเกลียดชังหรือไม่พอใจอาจารย์ธีระ แต่นี่มันคือความจริง ความจริงที่ผมไม่อาจปฏิเสธและเป็นความจริงที่จะส่งผลกระทบให้กับคนที่ผมรักน้อยที่สุดด้วย..

           "ดี..ดีมาก"พัศดีปรมัตถ์พยักหน้ารับช้าๆริมฝีปากเริ่มแปรเป็นรอยยิ้ม"รู้จักพูด รู้จักให้ข่าวแบบนี้สิถึงจะใช้งานได้เหมือนคนอื่นๆ"

            "แล้ว..คนอื่นๆนี่.."คำว่าคนอื่นทำให้ผมฉุกคิด อยากรู้นักหนาว่าใครกันที่เป็นสาย ใครกันที่เป็นคนคอยส่งข่าวเหมือนกับผม อยากรู้ อยากพบเจอและพูดคุยว่าเขารู้สึกยังไงหรือเป็นคนแบบไหน"มีใครบ้างเหรอครับ"

            "จะรู้ไปทำไม?"พัศดีปรมัตถ์เลิกคิ้วพลางส่ายหน้า"เจอก็รู้เอง อย่าถามมาก"

            "ก็แค่อยากรู้"ผมยักไหล่ ทำเฉย

            "ไม่ต้องพยายามเอาข้อมูลอะไรจากฝั่งผมไปป้อนให้พวกมันหรอก ไร้ประโยชน์!"พัศดีปรมัตถ์เอ่ยปากพลางหันหลังเดินกลับไปที่เดิม คำพูดที่เหมือนจะรู้ ว่าผมคิดอย่างไรนั่นชวนให้หงุดหงิดนัก ไอ้เนมเม้มปากแน่น จ้องมองแผ่นหลังที่ห่างไปไม่มากแล้วหรี่ตาลงน้อยๆ

            "งั้นผมก็ขอพูดอะไรบางอย่าง แม้ผมจะเป็นนักโทษแต่ก็คงมีสิทธิใช่ไหมครับ?"ผมเอ่ยปากพูด ความนัยแฝงแววจิกกัดอยู่ไม่น้อยแต่คนฟังไม่มีท่าทีหยี่ระพัศดีปรมัตถ์ชะงักฝีเท้า หันมามองหน้าไอ้เนมที่ยืนนิ่งอยู่เบื้องหลังแล้วพยักหน้าให้

            "เรื่องที่คุณทำวันนี้.."

             "มีอะไร?"พัศดีเลิกคิ้ว กอดอกจ้องมองผมราวกับรอคำตอบ

             "คุณกำลังบีบบังคับ ทำให้เราไม่มีทางเลือก ผมรู้ว่ากฏเกณฑ์ในนี้มันหย่อนยาน ทำให้พวกที่มีอิทธิพลสามารถทำอะไรก็ได้ตามใจชอบ แต่กฏที่คุณตั้งขึ้นมันมากเกินไป"

             "ใครๆก็พูดแบบนี้ แต่หากไม่กำหราบเสียบ้างจะไม่รู้ว่าใครกันแน่ที่เป็นผู้ต้องหา เป็นคนทำผิด..นักโทษพวกนี้ได้อิสระกันมากเกินไปแล้ว และไม่เคยสำเหนียกว่าตัวเองทำเลวถึงได้ติดคุก เอาแต่เรียกร้องอิสระภาพหรือความเห็นใจ ทีตอนพวกมึงทำชั่ว ไม่เห็นจะคิดแบบนี้บ้างไม่เคยเห็นใจคนที่ถูกพวกมันทำลายชีวิตจนย่อยยับ"

              "............"คำพูดของพัศดีปรมัตถ์ทำให้ผมนิ่ง..เงียบไปอย่างจนต่อคำต่อกร ขรณะที่ใบหน้าของคนพูดฉายแววคั่งแค้น ไม่พอใจ

              "มาคร่ำครวญว่าตัวเองกำลังถูกลิดรอนสิทธิที่ควรมี เอาแต่พูดว่าถูกกดขี่ทำร้าย ลองนึกถึงเวลาที่ไปทำคนอื่นแล้วมองกลับมาที่ตัวเองบ้าง ที่เจอแค่นี้มันยังนับว่าน้อยไปด้วยซ้ำ สำหรับพวกเดนคนที่ทำเลวมาจนชินชาอย่างพวกมึง!"

              "...หึ..."ฟังแล้วผมหัวเราะหึ..คล้ายจะขบขัน..หากแต่นึกสมเพชกับภาพพจน์ของคนคุกในสายตาคนภายนอกที่ไม่เคยเเปรเปลี่ยนไปสักนิด แม้ว่าคนๆนั้นจะเป็นพัศดีที่คลุกคลีอยู่กับพวกเลวๆแบบผมก็ตาม

              "ผมรู้ว่าพวกผมมันเลว ฆ่าคน ทำร้ายคนอื่น ทำเลวทำชั่วมามากต่อมากจนต้องมาอยู่ในนี้ เพื่อชดใช้กรรมที่ตัวเองก่อขึ้น แต่นี่มันคือสาเหตุที่เราจะต้องถูกกดขี่หรือถูกทรมารงั้นเหรอ? พวกคุณมีสิทธิอะไรมาตัดสินใจว่าพวกผมแต่ละคนเป็นยังไง ถึงพวกกูจะเป็นนักโทษฆ่าคนตาย แต่ก็ไม่เคยเอาสมองเน่าๆนี่ไปตัดสินคนอื่นว่ามันดีเลวแบบไหนหรือไปมองใครว่ามันไม่ใช่คน มีหน้าที่ชดใช้โทษผมก็ทำ มีหน้าที่ก้มหน้ารับกรรมผมก็ทำ แล้วกับอีแค่แสงสว่างเล็กๆในนี้ก็ยังคิดจะปิดมันลงไปอีก"

             "ที่คุณทำมันไม่ใช่ทางที่ถูกต้อง คุณกำลังทำให้พวกเราไม่มีทางเลือกอะไรนอกจากการก่อจลาจลแบบที่คุณกำลังกลัว"ไอ้เนมกำหมัดแน่นจ้องหน้าพัศดีเขม็ง"แต่เดิมอาจจะมีคนกลัว อาจจะมีคนไม่อยากเข้าร่วม แต่คุณรู้ไหมว่าตอนนี้นักโทษทุกคนกำลังต่อต้านคุณและพร้อมจะหันไปหาฝั่งตรงข้ามทันทีที่มีคนเอ่ยปากขอ คุณอาจจะต่อกรกับคนไม่กี่สิบคนได้ แต่ไม่ใช่กับนักโทษเป็นร้อยๆที่กำลังโกรธแค้นคุณอยู่ตอนนี้ คุณกำลังถูกความเกลียดชังโหมเข้าใส่ และคนที่สู้แบบหลังชนฝามันมักจะเป็นหมาบ้าที่กัดได้ไม่เลือก"

             "...ขอบใจ"

              พัศดีปรมัตถ์ยกมือขึ้นโบกให้ผมอย่างไม่สนใจ เขาหันหลังและเดินออกไปจากที่ๆผมยืนอยู่อย่างรวดเร็ว ไอ้เนมกำหมัดแน่น จ้องมองแผ่นหลังนั้นด้วยความรู้สึกอัดอั้น ไม่รู้ว่าเขาจะเข้าใจ นึกสนใจหรือคล้อยตามคำพูดของผมไหม จากความคิดของพัสดีปรมัตถ์ที่พูดออกมามันก็บอกได้มากพอดูแล้วว่าเขาก็ไม่ได้มองว่านักโทษอย่างเราๆคือคนร่วมสังคมเดียวกัน เขายังคงเหยียดหยามและรังเกียจผมแบบเดียวกับที่คนอื่นๆคิด ผมไม่ได้คาดหวังว่าจะพูดให้เขาเปลี่ยนใจได้ แต่แค่เขารับฟังบ้าง มันก็มากเพียงพอแล้ว

           ท้องฟ้ามืดครึ้มในเวลาย่ำค่ำเหลือเพียงแสงสลัว ผมหรุบตาลงมองพื้นแล้วถอนหายใจเบาๆ อีกไม่ถึงเสี้ยวอึดใจ สายฝนก็ค่อยพร่างพรูลงมาเงียบๆสาดปะทะร่างกายผมที่ยืนนิ่งอยู่ข้างโรงฝึกงาน ไอ้เนมขมวดคิ้วหันหลังจะเดินดิ่งเข้าไปที่โรงอาหารเพื่อจะได้ทานข้าวเย็นกับทุกคนเสียที ทว่าร่างของคนที่ก้าวออกมาปรากฏกายเบื้องหน้าเงียบๆกลับทำให้ผมชะงัก..

           ใบหน้าคมเข้มที่แสนคุ้น ร่างกายสูงใหญ่ยืนตระหง่าน นัยน์ตาดุดันที่จ้องมองมาเงียบๆกลางสายฝนทว่าความนัยน์นั้นกลับทำให้ผมหนาวสันหลังเยือก ตัวสั่นระริกขึ้นมาโดยพลัน..

       เพราะสายตานั้นมันช่างเต็มไปด้วยความผิดหวัง ความโกรธเกรี้ยว ความตกตะลึงและเพลิงโทสะที่โหมกระพือ...

        ฝ่าเท้าสองข้างของผมชาดิกไม่อาจขยับไหว ร่างทั้งร่างนิ่งงันได้แต่ยืนทื่อกลางฝน แน่นิ่งราวกับจะสิ้นลมหายใจ..ริมฝีปากที่สั่นระริกพึมพัมชื่อของคนๆนั้นออกมาแผ่วเบาท่ามกลางหัวอกที่ระทึกไหว..

          "พี่โต"

..................................
           
             
                       

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ katte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0
Improbable : 30 ความเปลี่ยนแปลง
   



    "พี่โต"



        เสียงกระซิบพึมพัมเป็นถ้อยคำเพียงเบาแผ่วจากร่างตรงหน้าเข้าสู่สติรับรู้เพียงน้อยนิด โตก้าวเท้าเข้าประชิดร่างผอมเบื้องหน้า จ้องมองคนรัก..หรือคนที่ได้ชื่อว่าเป็นคนรักที่กำลังยืนตัวสั่นงักงกอยู่กลางสายฝน สายตาของมันหวาดหวั่น สีหน้าของมันซีดเผือด หวาดกลัว ทว่ามันไม่ได้ทำให้หัวใจที่เต้นเร่าด้วยความโกรธเกรี้ยวผสมกับความปวดร้าวทุเลาลงสักนิด หูยังมีเสียงอื้ออึงส่งเสียงวี้ๆด้วยความโกรธที่จุกอก ยิ่งมองเห็นมันค่อยๆถอย ก้าวเท้าไปเบื้องหลัง ขยับห่างร่างกายของเขาที่ประชิดใกล้ แววตาหวาดกลัว ความหวาดผวาหวั่นระแวงที่แสดงออกมาดั่งค่อยๆฉีกเนื้อของสติและความอดทนให้ขาดผึง

       "โอ้ย!!"ฝ่ามือของพี่โตคว้าหมับ บีบท่อนแขนแน่นทำให้ผมสะดุ้งเฮือก ฝ่ามืออุ่นร้อนจัดผิดแผกกันอย่างสิ้นเชิงกับความเย็นของน้ำฝนที่พรมพร่างลงบนผิวกาย ทั้งความปวดร้าวแล่นจี๊ดจากกระดูกแขนที่ถูกบีบทำให้ผมร้องออกไปด้วยความเจ็บปวด และยิ่งสะดุ้งเฮือกมากขึ้นเมื่อสบนัยน์ตาที่วาววับของพี่โต ริมฝีปากเม้มแน่นและออกแรงลากเเขนผมเข้าไปในซอกตึกนั้นอย่างรวดเร็ว

        แผ่นหลังสัมผัสกับผิวปูนซีเมนต์เจ็บแปลบขึ้นมาเมื่อแรงหวี่ยงนั้นไม่ใช่น้อยๆ แต่ตอนนี้ผมกำลังหวาดกลัวเกินกว่าจะออกปากพูดใดๆออกมา ยิ่งเมื่อสบแววตาคุกรุ่นและสีหน้าของพี่โตแล้วยิ่งไม่กล้าเอ่ยคำใด นัยน์ตา...ที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง ไม่เข้าใจ ความปวดร้าว ความเจ็บปวดจากการถูกผมหักหลัง..

       ...ไม่ต้องถามก็รู้ ไม่ต้องบอกก็เข้าใจ และรู้ดีว่าผมเป็นคนทรยศ คนสองหน้าที่คอยบอกความลับของพี่โตและพรรคพวกให้กับพัศดี..

       คนโกหก คนหลอกลวง

       น้ำตาร้อนๆไหลอาบแก้มผมทันทีด้วยความเจ็บปวด ยิ่งสบมองแววตาของผู้ชายที่ยืนนิ่งไม่พูดอะไรอยู่เบื้องหน้ายิ่งทำให้ริมฝีปากของผมสั่นระริก อยากจะออกปากพูด อยากจะบอกอยากจะทำอะไรอีกมากมายแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงจะเอ่ยคำใด รอบตัวเราสองคนมีแต่ความเงียบ ท่ามกลางสายฝนที่สาดซัดมาเบื้องนอก สายลมเย็นลอดผ่านผิวกายขณะที่เบื้องนอกมีแสงจ้าแปลบปลาบจากท้องฟ้าคะนองฝน ผมอยากให้พี่โตตะโกนด่าว่า โกรธผม ทำร้ายผม หรือทำอะไรกับผมก็ได้ไม่ใช่เงียบไม่ใช่ไม่พูดอะไรแล้วยืนมองผมด้วยแววตาเหมือนใจสลายแบบนี้..

        ..เพราะมันยิ่งทำให้ผมรู้สึกผิด และยิ่งทำให้รู้สึก ว่าไอ้คนสองหน้าอย่างผมมันไม่มีค่ากระทั่งจะให้พี่โตพูดคุยด่าทอใส่เสียด้วยซ้ำ..เพราะกระทั่งหน้าผมเขาก็ยังทำเหมือนเจ็บปวดนักเวลาได้มองมัน..

        แต่มันก็สาสมดีไม่ใช่เหรอ ในเมื่อผมมัน..ทรยศ..

      "พี่...พี่โต..."ริมฝีปากของผมสั่นระริกไหว พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่จะออกจากริมฝีปากอย่างยากเย็น พลางเอื้อมมือไปหา ดึงชายเสื้อของพี่โตไว้ด้วยฝ่ามือที่สั่นระริก..

      ...ได้โปรด...ได้โปรดพูดอะไรเสียบ้าง อย่างเงียบ อย่าเงียบแบบนี้ เพราะมันทำให้ผมกลัวว่าพี่จะไม่ยอมยกโทษให้กัน..

      "...พี่โต...."ไอ้เนมสะอื้นฮัก เอื้อมมือทั้งสองข้างแตะลงบนมือหนา พยายามแตะปลายนิ้วแกร่งเพื่อสัมผัส ทว่ามันกลับไม่มีท่าทีจะยอมเคลื่อนไหวใดๆเลย..

      "พะ..."


เพี๊ยะ!

ปึก!




      ฝ่ามือหนาสะบัดออกจากปลายนิ้วของผมที่พยายามถลาเข้าหา พร้อมกันนั้นก็กำหมัดแน่นแล้วพุ่งตรงมายังใบหน้าของผม มันคงจะดีกว่านี้หากหมัดนั้นจะตรงเข้ามาที่หน้าหรือชกผมเสียเพราะความโกรธ ไม่ใช่เหวี่ยงหมัดลงยังข้างกายชกลงกับผนังปูนซีเมนต์อย่างรุนแรงจนเลือดซึมชื้น..และร่างสูงหอบแฮ่ก..ราวกับกำลังกลั้นอารมณ์อย่างสุดกำลัง..

        "พี่โต...พี่..."ผมสะอื้นฮักเอื้อมมือไปหามือหนาที่ยังคงคาอยู่บนผนังซีเมนต์ พยายามจะดึงมือที่เลือดไหลอาบนั้นออกมาจาผนังหากแต่ร่างของพี่โตกลับยังไม่มีท่าทีว่าจะเคลื่อนไหว ดวงตาคู่นั้นไม่ยอมมองสบตา ใบหน้าเบือนไปทางอื่นราวกับไม่อยากมองคนอย่างผมให้เสียสายตา

         "พี่..."

          "หุบปาก!!"เสียงตวาดลั่นสวนมาทำให้ผมสะดุ้งเฮือก น้ำตาพลันรินไหลออกจากผิวแก้มทันทีที่นัยน์ตาคู่นั้นหันมาสบ ดวงตาของพี่โตแดงก่ำราวกับกำลังกลั้นน้ำตาไม่ให้รินไหล ความนัยน์จากแววตานั้นยังคงมีแต่ความผิดหวัง ชอกช้ำ ไม่เข้าใจ ซึ่งยิ่งบาดลึกเข้าไปในหัวใจผมมากขึ้นจนยากจะต้านทาน..

         "กูทำอะไร..."ริมฝีปากของพี่โตพึมพัมเสียงเบาแผ่วใบหน้านั้นก้มต่ำราวกับกำลังพยายามสงบอารมณ์"กูทำอะไรไม่ดีตรงไหน กูทิ้งมึง กูทำให้มึงโกรธเกลียดกูหรือไงมึงถึงได้ทำกับกูแบบนี้!!!"ฝ่ามือของพี่โตคว้าหมับแล้วบีบแขนผมแน่น ใบหน้าแดงก่ำด้วยแรงโทสะผสมกับความคับอกคับใจจ้องมองสบตาผมด้วยดวงตาวาวโรจน์  พลางออกแรงเขย่าตัวผมแรงๆ"กูทำเพื่อมึง กูอยากจะดูแลมึง ทั้งที่กูบอกว่ารักมึง กูรักมึง แล้วมึงกลับทำกับกูแบบนี้! มึงทรยศกู มึงขายความลับของพวกกูให้กับไอ้พัศดีนั่น!เมื่อกี้มึงยังมาทำร้องไห้บอกกูว่ากลัวจะถูกทิ้งแล้วรับไม่ได้ที่รู้ความจริงคนสุดท้าย..."

         "มึงพูดแบบนั้นทั้งที่มึงรู้อยู่แล้ว มึงรู้ดีแก่ใจซ้ำยังเป็นสายให้พวกมัน..."ริมฝีปากขอพี่โตเม้มแน่นก่อนจะตะโกนใส่ผมอย่างสุดกลั้น"กูที่กลัวว่ามึงจะเสียใจเหมือนเป็นไอ้โง่ไม่มีสมอง..เนม...มึงบอกกูมาซิว่าทำไมมึงถึงทำแบบนี้ ทำไมมึงถึงทรยศกู ทั้งๆที่กูไว้ใจมึงและไม่เคยคิดว่ามึงจะทำกับกูแบบนี้!!"

          "....พี่...ผม...ฮึก!..พี่โต.."ผมร้องเสียงสั่นร่ำไห้กลั้นสะอื้นกับความนัยน์ใจที่ถูกส่งมาหาจนร่างสั่นไหว ความรู้สึกผิดและความปวดร้าวกำลังจู่โจมเข้าไปในหัวใจจนแทบไม่มีเรี่ยวแรงจะทำอะไรอื่น ทั้งสีหน้า ทั้งแววตา ทั้งการกระทำที่บ่งบอกว่าผิดหวัง ผิดหวังมาก..และเสียใจเป็นที่สุด

          "ผมขอโทษ..."ริมฝีปากผมสั่นไหว พูดได้แต่เพียงคำโง่ๆที่ตอนนี้พี่โตไม่ได้ต้องการมันก็เท่านั้น

          "ขอโทษ...มึงมาขอโทษอะไรกู ทั้งๆที่มึงทำไปแล้ว!"เสียงตะโกนนั้นยังคงดังลั่นกรอกหู ใบหน้ารวดร้าวของพี่โตแนบชิดพร้อมกับดวงตาแดงก่ำ"ไอ้เนม..กูไม่เคยคิดว่ามึงจะเป็นคนแบบนี้ กูผิดเองที่คิดไว้ใจมึง ผิดเองที่คิดว่ามึงไม่มีวันทรยศ เพราะกูโง่เองใช่ไหม..ตอบกูมาสิ..ตอบกูมา!"

          "........."

          "กูถามตอนนี้แล้วเงียบ ทำได้แค่ร้องไห้สะอึกสะอื้น มึงทำอย่างอื่นไม่เป็นหรือไง ตอบกูมาสิ ตอบกู!"ฝ่ามือของพี่โตบีบคางผมแน่น เชิดขึ้นเพื่อไม่ให้ผมก้มหน้าก้มตาร้องไห้อยู่อย่างนั้น ให้ใบหน้าแหงนเงยมาสบนัยน์ตาที่เคืองโกรธ แววตาวาววับเต็มไปด้วยความรวดร้าวผิดหวัง..ริมฝีปากของพี่โตตะคอกถามไม่หยุด แต่แม้จะถามแค่ไหน คำตอบของผมมีเพียงคำว่าขอโทษ..และขอโทษ...

         ขอโทษ..ที่ต้องทำแบบนี้..ขอโทษ..ขอโทษที่ทำให้พี่ผิดหวัง เสียใจ...

        ขอโทษ.ขอโทษจริงๆ...

         "มึงตอบกูมาสิไอ้เนม!!!"พี่โตตะคอกดังลั่นแล้วละมือออกจากไหล่ของผม ผละออกพลางหอบแฮ่กด้วยความเคืองโกรธ ร่างสูงใหญ่ยืนตระหง่านอยู่ด้านบนร่างของผมที่ทรุดกายลงบนพื้นทำได้เพียงสะอึกสะอื้นร้องไห้ด้วยความรู้สึกผิดที่ทิ่มแทงเข้ามาในใจ..

          "ขอโทษ...ผมขอโทษ..."คำตอบโง่ๆยังคงดังซ้ำซากมาจากปากของผม ไม่รู้จะพูดอะไร ไม่รู้จะตอบยังไง ไม่รู้จะอธิบายแบบไหนกับเรื่องที่ตัวเองได้เจอและได้คิด จะบอกได้อย่างไรว่าเพราะความหวาดระแวง จะตอบได้หรือว่าเพราะความกลัว...กลัวจะถูกทิ้งและไม่อยากให้พี่โตทำอะไรไม่ดีอีก..

         เหตุผมของผมมันเป็นเรื่องของคนโง่ พี่โตจะรับฟังเหรอ? พี่โตจะเข้าใจเหรอในเมื่อรังเกียจกันเสียขนาดนี้..

          "..เอาแต่ขอโทษ..พูดพร่ำเหมือนคนบ้า..ตอนนี้มึงมันเป็นไอ้คนโกหกหน้าตายที่กูเกลียดที่สุด"ริมฝีปากของพี่โตเอ่ยเสียงพร่าและพิงกายลงกับผนังซีเมนต์ ฝ่ามือหนาทิ้งตัวลงข้างกายมีเลือดชโลมทั่วจากบาดแผนสั่นระริก"มึงเป็นคนสุด้ายที่กูคิดว่าจะหักหลัง..ทั้งๆที่มันควรจะเป็นแบบนั้น ทั้งๆที่มีคนเป็นร้อยเป็นพันจะหักหลังกูกูก็ไม่ว่า แต่ทำไมถึงต้องเป็นมึง..."

          "มึงทำไปทำไมเนม..มึงทำเพราะไอ้พัศดีมันขู่ หรือมึงทำเพราะมันเสนออะไรให้ มึงบอกสิว่าไม่ได้เต็มใจ..บอกกูเถอะว่ามึงโดนบังคับ..ต่อให้มึงโกหก กูก็จะเชื่อ..."

          "...ผมขอโทษ..."ริมฝีปากของผมเอ่ยคำเดิมๆพลางจ้องมองพื้นดินด้วยดวงตามัวพร่าด้วยหยดน้ำตา มองไม่เห็นอะไร มองไม่เห็นสิ่งไหนนอกจากสีดำมืดที่วนเวียนอยู่รอบกายเท่านั้น..

     แววตาของพี่โตยังคงแดงก่ำ ยังคงแสดงความผิดหวัง ยังคงเป็นแบบนั้นโดยไม่จางความปวดร้าวลงสักนิด..

 อยากจะเอื้อมมือไปหา อยากจะกอดเอาไว้แล้วถามว่าเป็นอะไรไหม อยากจะปลอบประดลม อยากจะดูแล แต่กลับไม่มีเรี่ยวแรงจะทำ ไม่อาจจะทำอะไรได้เพราะคนที่ทำให้พี่โตมีสภาพแบบนี้คือผมเอง..

   ...คนที่บอกว่าจะเป็นคนรักที่ดี คนที่ไม่อยากให้พี่โตทำเรื่องไม่ดี แต่ถึงอย่างนั้น คนที่ทำให้พี่โตเสียใจที่สุดก็คือผม..

        ขอโทษ..ขอโทษ...และขอโทษ...

     ไม่รู้จะทำอย่างไร ไม่รู้ต้องพูดแบบไหนพี่โตถึงจะหายโกรธ ไม่รู้ว่าจะต้องทำยังไงรอยร้าวเที่แตกออกจึงจะประสาน..

       "กูเกลียดคำขอโทษ"พี่โตสุดหายใจลึกแล้วแสยะยิ้มยันทาบบนริมฝีปากฝ่ามือหนาคว้าแขนผมแล้วบีบแน่น ดึงกระชากให้ลุกออกจากพื้นแรงๆ

        "โดยเฉพาะกับคนสองหน้าอย่างมึง มันไม่มีอะไรจะให้กูเชื่อถืออีกแล้ว"

           สิ้นคำเอ่ยนั้นน้ำตาก็ไหลร่วงพรูออกจากนัยน์ตาของผมอีกครา ผมรีบโผกายเข้าไปหา กอดรัดพี่โตไว้ด้วยความหวาดหวั่นเมื่อร่างสูงจะผละออก ทำท่าจะหันหลังกลับ กลัวว่าพี่โตจะเดินออกไป จากไปและไม่สนว่าจะมีอะไรเกิดขึ้นอีก จะไม่หันกลับมาสนใจผมคนนี้..

        "พี่โต..พี่โต...อย่าไปนะ อย่าไปไหนนะพี่"ริมฝีปากของผมพร่ำเอ่ยรั้งขอให้คนตรงหน้าอยู่ต่อราวกับคนบ้า รั้งร่างสูงไว้ไม่ไห้เดินจากไปจริงๆด้วยความหวาดกลัวอย่างสุดหัวใจ..

        "ให้กูอยู่ตรงนี้เพื่อฟังคำโกหกของมึงหรือยังไง"พี่โตสวนกลับเสียงเย้พลางดึงแขนผมออกจากตัว นัยน์ตาที่จ้องมองมาไม่ได้แฝงความเจ็บปวดอีกแล้ว แต่หากเต็มไปด้วยความเฉยชาจนน่าใจหาย ยิ่งคำพูดที่ออกมาจากริมฝีปากนั้นก็เหมือนจะฉีกหัวใจผมให้กลายเป็นชิ้นๆ..

          "ผมไม่ได้โกหก.."

          "ไม่ได้โกหก..แล้วไอ้ที่มึงตอแหลกูต่างๆนาๆหมายความว่ายังไง.."พี่โตสวนกลับคำพูดของผมแล้วแสยะยิ้มหยัน"...กูสู้อุตส่าห์ตามมาเพราะกลัวว่ามันจะทำอะไรมึง เพราะกูห่วง กูกลัว กูกังวลว่ามึงจะเป็นอะไรไป แต่นี่เหรอสิ่งที่กูได้รู้..ขอบใจมึงมากจริงๆตั้งแต่กูเกิดมา กูไม่เคยรู้สึกว่ากูเป็นไอ้โง่มากเท่าวันนี้เลย"

          "มึงหลอกกู มึงเป็นสายลับหักหลังกู แล้วมึงบอกว่ามึงไม่ได้โกหก งั้นก็บอกมาสิ บอกมาว่ามึงทำไปทำไม มึงหักหลังกูไปเพื่ออะไร!"

          "..ผมไม่อยากให้พี่ทำแบบนี้"ผมยกมือขึ้นปิดหน้า ร้องไห้สะอื้น ที่สุดก็ตัดสินใจบอกความจริงออกมาอย่างหมดเปลือก "ผมไม่อยากให้พี่ทำผิดอีก ทุกวันนี้มันก็แย่มากอยู่แล้ว ที่เรามาอยู่ในคุกมันก็แย่พอแล้ว ทำไมพี่จะต้องทำผิดอีก ทำไมพี่จะต้องทำแบบนี้ ผมไม่อยากให้พี่ทำ ผมถึงได้พยายามขัดขวาง..ผมถึงร่วมมือกับพัสดี เพราะผมห่วงพี่ ผมรักพี่..."

           "...พี่อาจจะคิดว่าความคิดผมมันงี่เง่า แต่ผมก็ยังอยากจะห้าม ทำไมล่ะ ทำไมพี่ถึงอยากจะออกไป ทำไมพี่ถึงอยากทำผิดอีก ทำไมพี่ถึงอยากทำชั่วทั้งๆเราควรจะทำตัวดีๆแล้วได้ออกไป มันควรจะเป็นแบบนั้นไม่ใช่เหรอ แล้วทำไม..ทำไมพี่ถึงทำแบบนี้..."

             "..มึงไม่เข้าใจ.."พี่โตเม้มปากแน่นกับคำพูดของผมและสูดหายใจลึกด้วยความเครียดขึง"กูไม่มีทางเลือก.."

             "ทำไมจะไม่มีทางเลือก!"ผมร้องขัดคำนั้นทันควันด้วยความไม่เข้าใจ ก็ใครจะมาบังคับขาใหญ่อย่างพี่โตได้เล่า

             "พี่เลือกได้แต่พี่ไม่ทำ ทำไมพี่ถึงอยากจะทำเลวให้มากขึ้นๆทุกที ออกไปแล้วจะมีความสุขเหรอ ออกไปแล้วจะเงยหน้าขึ้นมองฟ้าได้รึไง พี่ไม่ละอายแก่ใจบ้างเหรอที่ต้องเป้นคนแบบนี้ เอาแต่ทำเลว เอาแต่ทำชั่ว ทำไมถึงไม่ทำตะ...."


       เพี๊ยะ!


          ผิวแก้มของผมชาวาบ..ริมฝีปากที่เอ่ยปากพูดอธิบายถึงความรู้สึกตัวเองพลันเจ็บแสบ ร่างของผมเซถลาผงะห่างออกด้วยสีหน้าตกตะลึง เมื่อมองเห็นคนที่กำลังลดมือลงพลางหัวเราะด้วยสีหน้าหยามหยันอยู่เบื้องหน้า..

         "อ้อ...."ริมฝีปากของพี่โตขยับยิ้มคล้ายขบขันหากแฝงแววประชดประชันชัดเจน"กูเข้าใจแล้ว ..กูรู้แล้ว..."


       ปึง!


         "ที่แท้มึงก็มองกูเป็นไอ้เหี้ย!ไอ้ชั่ว!ไอ้เลว!ไอ้สัตว์นรกที่ยอมทำเลวทุกอย่างเพื่อจะได้ออกไปข้างนอกนั่น!"พี่โตชกหมัดลงกับผนังซีเมนต์อย่างสุดแรงอีกครั้งนัยน์ตาจ้องมองผมแดงก่ำด้วยความเคืองโกรธ"กูรู้แล้ว..กูรู้แล้วว่ากูมันชั่ว กูมันเป็นนักโทษฆ่าคนตาย กูเป็นขาใหญ่ในแดนนี้ที่คอยกดหัวนักโทษคนอื่นๆกูเลวทำชั่วตั้งมากเพื่อจะดำเนินชีวิตอยู่ในนี้ แต่กูไม่คิด..ไม่คิดเลยว่าคนที่กูรัก..คนที่กูคอยปกป้องมันจะคิดกับกูแบบนี้.."

          "กูไม่ได้บอกว่าอยากให้มึงมองกูว่าเป็นเป็นคนดีประเสิรฐเลิศเลอเหมือนที่มึงมองไอ้พัศดีนั่น! กูยอมรับว่ากูเลว แต่กูไม่คิดว่ามึงจะมองว่ากูมันเลวจนยอมทำได้ทุกอย่าง มึงคิดบ้างไหม ได้คิดสักนิดรึเปล่าว่าที่กูทำไปน่ะเพื่ออะไร เพราะอะไร.....ตอนแรกกูผิดหวังที่มึงทรยศกู แต่พอตอนนี้กูรู้เหตุผลที่มึงทำ มันยิ่งทำให้กูผิดหวังมากขึ้นไปอีก..เพราะคนที่กูรักแม่งมองเห็นแต่ความเลวของกูจนต้องทรยศกูเพื่อจะเอาตัวรอด.."

           "ผมไม่..."

           "เมื่อกี้มึงบอกให้พัศดีมันมองนักโทษคนอื่นเป็นคนบ้าง..แต่มึงรู้ไหม ว่ามึงไม่ต่างกับมันเลย ไม่เคยจะมองนักโทษคนอื่นๆในเรือนจำนี้นอกจากตัวเองเลยด้วยซ้ำ มึงคิดแต่ว่าพวกมันเลว มึงมองแต่ว่าพวกมันชั่ว กระทั่งกูมึงก็คิดแบบนั้น!ไม่ได้สนใจเลยว่าทุกคนเป็นแบบนี้เพราะอะไร...ถ้ามึงไม่รู้..กูจะบอกให้..."

           "ที่กูเลวในสายตามึงเพราะมึงไม่เคยมองพวกกูดีๆ มึงไม่เคยมองเข้าไปเลยว่าทำไม เพราะอะไร มึงมองแต่หน้าตาโฉดๆของมัน มึงมองแต่การกระทำเลวๆของพวกมัน มึงเคยคิดไหม มึงเคยมองไหมว่าที่มันทำน่ะเพื่อใคร มึงไม่เคยคิดแม้แต่จะเข้าใจคนอื่น ไม่เคยคิดจะมองคนอื่นให้ลึกกว่าเปลืกนอกที่พวกมันสวมไว้!กระทั่งกู....มึงก็ไม่เคยคิดจะมองดูสักนิด!"

           "และถ้ามึงไม่รู้.."พี่โตเม้มปากแน่น สูดหายใจลึกแล้วส่งเสียงคำรามลอดออกจากริมฝีปาก"ที่กูทำแบบนี้ไม่ใช่แค่ด้วยความเต็มใจของตัวเอง แต่เป็นเพราะคำสั่งและนอกจากคำสั่งก็เพราะมึง...เพราะมึง จำไว้ให้ดี!"

          "......"เพราะผม...นั่น...มันหมายความว่ายังไง...

           "ที่กูอยากออกไปเพราะกูไม่อยากให้มึงอยู่ในนี้ เพราะกูรักมึงและอยากให้มึงมีความสุข!! ไม่ใช่มาถูกลั่นแกล้งถูกกำร้ายอยู่ในคุก วันคืนที่มึงถูกลากไปสอบสวนแล้วเหลือแค่กูนั่งรอมึงรู้ไหมว่ากูคิดยังไง ต่อให้กูเป็นขาใหญ่กูก็ปกป้องมึงจากพวกผู้คุมไม่ได้ แต่กูนึกไม่ถึงเลยว่าแม้กระทั่งมึงก็ยังไม่เคยคคิดจะเข้าใจ..."

         "ผมไม่ได้ต้องการแบบนั้น!"ผมร้องสวนขึ้นมาทันทีที่พี่โตพูดจบ กับความคิดบ้าๆที่ออกมาจากปากของคนตรงหน้า"ผมไม่ได้อยากออกไปเพราะเรื่องนั้น ผมบอกแล้วไงว่าทนได้ ที่ผมอยากทำคือเดินออกไปอย่างภาคภูมิใจ ไม่ใช่ออกไปแล้วต้องหลบๆซ่อนๆชั่วชีวิตแบบนี้!"

         "เพราะงั้นถึงได้ว่ากูชั่วมากงั้นสินะ.."พี่โตรับคำก่อนจะหัวเราะเบาๆในลำคอ..ด้วยสีหน้าเคืองโกรธก่อนจะหันมามองหน้าผมด้วยแววตาวาววับ..

         "ถ้ามึงบอกว่ากูชั่ว กูก็จะชั่วให้เห็น คอยดูแล้วกัน ว่าคนอย่างกูมันจะเลวได้ถึงขนาดไหน!!!"


         

ibeaver_error

  • บุคคลทั่วไป
โอ๊ยยยยยย อีพัศดีนี่ขอท่าคอมโบ้ซักสามที  :m31: :z6: :beat:

อ่านแล้วรู้สึกหัวใจขาดเลือด :z3:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2011 16:31:00 โดย ibeaver_error »

ออฟไลน์ katte

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 138
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +148/-0


   สิ้นคำพูดนั้นร่างของผมก็ถูกกระชากกระแทกกับผนังอย่างรุนแรง แผ่นหลังสัมผัสผนังซีเมนต์แข็งกระด้างเสียดผิวพลังสะดุ้งเฮือกเมื่อริมฝีปากของพี่โตทาบทับลงมา เบียดชิดอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับรสเค็มๆและกลิ่นคาวของเลือดที่กระจายอวลในโพรงปาก สัมผัสที่ได้ไม่ใช่ความนุ่มนวลหรืออ่อนหวานเช่นเคยเป็น ไม่ใช่แม้กระทั่งจูบเอาแต่ใจแบบออดอ้อนนั้น แต่เป็นจูบที่รุนแรง จูบเพื่อระบายความใคร่และด้วยความเคืองโกรธ ผิดหวังสาดเทลงบนร่างให้ผมสัมผัสมันด้วยหัวใจที่ขื่นขม..

            เสียงฟ้าร้องครืนครางและลมพายุเบื้องนอกยังดังมาไม่ขาดสาย สายฟ้าแลบแปลบเป็นระยะเผยให้เห็นฝ่ามือหนาของพี่โตที่ทาบลงกับร่างของผมแล้วสัมผัสมันอย่างรุนแรง ผมพยายามขยับกายหนีห่างหยายามจะหลีกหนีสัมผัสจาบจ้วงไร้ความรักนั้น ทว่าก็ไม่อาจจะสู้เรี่ยวแรงมหาศาลนั้นได้โดยเฉพาะเมื่อตอนนี้คนทำมีแต่ความโกรธ ยิ่งขัดขืดดิ้นรนร้องห้ามเท่าไหร่มันกลับเป็นการกระตุ้นให้การกระทำรุนแรงมากขึ้นเท่านั้น กางเกงขาสั้นของผมถูกกระชากลงไปกองบนเข่าร่างของผมถูกพลิกให้ไปซบลงกับพื้นซีเมนต์ที่มีแต่เศษฝุ่นหยากไย่แต่เหมือนคนฟังไม่คิดจะสน..

             "พี่โต..อย่า..อย่า..."ผมร้องห้ามเสียงสั่นเมื่อรู้สึกถึงท่อนกายร้อนผ่าวทาบจ่อลงบนสะโพกด้านหลัง พยายามขยับกายด้วยความหวาดหวั่นกับความเจ็บปวดที่อาจจะตามมา ทว่ากลับถูกฝ่ามือหนาตะครุบปาก ปิดเสียงพูดให้เงียบลงเหลือเพียงเสียงลมฝนและถ้อยคำกระซิบบาดหู..

             "หุบปากที่เอาแต่พูดโกหกของมึงไปซะ!" สิ้นคำ ท่อนกายร้อนผ่าวก็เสียดแทรกเข้ามาในกายอย่างรวดเร็ว ร่างของผมะรตุก์อก ความเจ็บแสบและปวดร้าวเข้ารุกเร้าจนขาทั้งสองข้างสั่นสะท้านไหว สัมผัสของเซกส์ที่ไม่มีแม้แต่เศษเสี้ยวของความรักหรือความปราณีทำให้มีแต่ความเจ็บปวดที่แผ่ซ่าน แรงกระแทกรุนแรงสร้างความปวดร้าวทุกครั้งที่ขยับทำให้น้ำตาไหลพรากออกมาโดยไม่รู้ตัว แต่ทว่าพี่โตกลับไม่คิดแม้แต่จะสนใจมัน คนที่กำลังเร่งระบายความต้องการอยู่ด้านหลังทำเพียงหัวเราะเสียงเบาและอุดปากผมแน่นขึ้นเท่านั้น

             "จำไว้ว่ามันเป็นเพราะมึง..เพราะมึง!"ถ้อยคำกระซิบห้วนสั้นอย่างเดียจฉันท์แว่วเข้ามาในหูจนผมต้องร้องครางแล้วหันไปมองหน้า..

            "หันหลังกลับไป!กูไม่อยากมองหน้ามึง"ก่อจะได้สบตาเสียด้วยซ้ำ ถ้อยคำห้วนๆมาพร้อมกับฝ่ามือหนาที่บีบคางผมแน่นให้หันไปซบหน้าลงกับผนังซีเมนต์ ขณะที่แรงกระแทกที่ยิ่งรุนแรงทำให้ความเจ็บแสบยิ่งมากขึ้นตามตัว คลอเคล้ากับเสียฝนที่สาดกระหน่ำและเสียงหัวเราะของคนที่ผมรักซึ่งทำตัวราวกับปีศาจร้ายเบื้องหน้า

            "มึงไม่ต้องกลัวหรอกว่ากูจะไล่มึงไป"ริมฝีปากของพี่โตทาบลงที่ใบหูพร้อมกับปลายฟันขบลงไปจนเจ็บจี๊ด"กูจะล่ามมึงไว้กับกูไม่ให้ไปไหน ให้มึงได้รู้ได้เห็นทุกอย่างที่กูทำแล้วเอาไปรายงานกับไอ้พัศดีนั่นไงล่ะ" น้ำเสียงของคนพูดกร้าวเเข็ง ทั้งห้วนสั้นแฝงความประชดประชันหยามหยันทุกการขยับกาย ทั้งเสียงลมหายใจแรงคลอเคลียอยู่ใกล้ผิวแก้มแสดงถึงอารมณ์ของคนทำที่พุ่งขึ้นสูง กับพี่โตแล้วมันอาจจะมีความสุขหรือใกล้เคียงกับคำนั้น แต่สำหรับผมนั้นไม่ใช่..เพราะมันมีเพียงความเจ็บปวดรวดร้าวและขมขื่นเท่านั้น...

             น้ำตาของผมไหลอาบผิวแก้มอยู่อย่างนั้นเงียบๆขณะที่เสียงสะอื้นสั่นกระตุกเหลืออยู่ในลำคอเพียงแผ่วเบา ได้แค่ซบหน้าลงกับผนังที่เต็มไปด้วยหยากไย่เบื้องหน้าแล้วหลับตาลงช้าๆ..ราวกับยอมรับถึงเรื่องราวที่ต้องเป็นไปด้วยหัวใจที่รวดร้าว บอบช้ำ แต่ก็ไม่อาจทำอะไรได้..

          จะวอนขอให้เห็นใจ จะพูดอะไรให้ยอมรับหรือลดโทษทัณฑ์ของตัวเองก็คงไม่มีทางเป็นผล

                     ....โทษที่สาสมแล้วสำหรับคนทรยศ....


            ผมกลืนก้อนแข็งๆที่จุกอยู่ในลำคออย่างยากย็นขณะที่ร่างสูงเบื้องหลังกระตุกไหว สัมผัสร้อนผ่าวของน้ำรักรินรดเปื้อนในร่างผสานกับหยดเลือดไหลลงมาอาบท่อนขาอย่างง่ายดายเมื่อพี่โตถอนกายออก พร้อมๆกับอ้อมกอดและฝ่ามือที่แตะต้องนั้นด้วย เพราะไม่มีที่พึ่งใดคอยพยุงหรือรั้งกายทำให้ร่างทรุดฮวบ ซวนเซลงกับพื้นอย่างไร้เรี่ยวแรง..

           ใบหน้าของพี่โตไม่หันมามองด้วยซ้ำเมื่อผมค่อยๆพยุงตัวให้ลุกขึ้นจากพื้นอย่างเชื่องช้า แข้งขาที่ยังคงสั่นไหวค่อยพยุงกายขึ้นมาอย่างยากเย็นเพื่อจะใส่กางเกงและจัดการตัวเองให้เรียบร้อย แต่พี่โตกลับก้าวขาออกจากซอกอาคารอย่างรวดเร็ว พร้อมๆกับฝ่ามือที่คว้าแขนแล้วออกแรงลากอย่างไม่ปราณีปราศัย..

          ..ผมยิ้มขื่น..ความรุนแรง..ความชาเฉย คนที่ไม่เคยสนใจหรือคิดถึงกัน คนแบบนั้นที่ผมได้เจอยามมาถึงที่นี่เมื่อสามปีก่อน..ตอนนี้เขากลับมาเป็นแบบเดิมแล้วอย่างนั้นหรือ..

           "ดะเดี่ยว..."ผมร้องเรียกพี่โตเบาๆเมื่อเขาทำท่าจะเดินฝ่าฝนออกไป

            "........"นอกจากไม่มีคำตอบใดกลับมาแล้ว พี่โตยังคงเดินออกไปเช่นเดิม หากแต่คราวนี้ปล่อยแขนผมลงทันควัน..

           "พี่โต..เดี่ยวก่อน..ขาผมมันเปื้อน.."ผมเอยท้วงคนที่ทำท่าจะเดินออกไปเบาๆขณะที่ก้มหน้าก้มตาเช็ดคราบที่ไหลเปื้อนท่อนขาด้วยความอดสู..

            "เดินออกไปเดี๋ยวมันก็หายไปเอง.."ริมฝีปากของพี่โตแสยะยิ้มมองมาคล้ายจะหยัน"แต่กูว่าปล่อยให้มันเปื้อนแบบนั้นก็ดีแล้ว มึงจะได้จำไว้เสียบ้างว่าตัวเองมัน"เปื้อน"อะไรไปแค่ไหน!"

                  คนเอ่ยวาจาเสียดหูหันหลังกลับ เดินก้าวออกไปอย่างไม่แยแส ขณะที่เสียงพูดนั้นซึมซับเข้ามาในสมองของผมอย่างรวดเร็ว และยังคงตกตะกอนทิ้งอยู่อย่างนั้นไม่หายไปไหน ต่อให้มีสายฝนเทลงมารดทั้งตัวไปก็เท่านั้น ล้างไม่หาย เช่นเดียวกับความจริงที่พี่โตพูด..

         แสร้งทำเหมือนตัวเองสูงส่ง พูดเหมือนกับตัวเองดีนักหนา มองคนอื่นว่าเลวชั่วทั้งที่ผมก็ไม่ได้ต่างกันเลย..

          ผมก็เคยฆ่าคน เคยทำร้ายคนอื่น เคยส่งยา เคยเป็นอีกคนหนึ่งที่ได้เห็นนพตายไปต่อหน้า..

            คนอย่างผมมันไม่ใช่คนดี เป็นคนที่เลวแล้วแปดเปื้อนดินโคลนไปแล้วและตราบาปที่ยังอยู่ในใจก็ไม่มีวันล้างออก...

           แข้งขายังคงสั่นไหวยามค่อยพยุงกายจากพื้นเพื่อลุกขึ้นและเดินไปที่โรงอาหาร ท้องร้องโครกครากแต่กลับรู้สึกคลื่นไส้อยากอาเจียนเสียอย่างนั้น สายฝนพร่างพรมลงบนกายขณะที่ก้าวขาออกจากซอกตึกอย่างเชื่องช้า..ผมก้มมองฝ่ามือตัวเองและแตะลงบนรอยช้ำข้างริมฝีปากที่เจ็บแสบ..

            ต่อให้นักโทษในนี้เป็นคนเลว ก็ยังไม่มีใครทรยศ ไม่มีใครหักหลังพวกพ้อง..และ...ไม่เคยมีใครหักหลังคนที่ตัวเองรักลง

            คนที่คิดว่าตัวเองดี ไอ้คนที่คิดว่าตัวเองสูงส่งกว่าคนอื่นแบบผม แท้จริงแล้วเลวกว่าคนที่ผมดูถูกไปนับร้อยเท่าพันเท่า..

            ผมพยายามมองฝ่าความมืดมิดไปหาใครหรือแสงไฟที่ไหนสักที่เพื่อนำทางตัวเองได้ก้าวเดิน ทว่าก็ไม่พบสิ่งใดนอกจากความมืด คนที่ผมรักเดินออกไปแล้ว ห่างออกไปพร้อมกับคำพูดที่บอกว่าความสัมพันธ์ของเราจะไม่มีวันกลับไปเป็นเหมือนเดิมอีก..

            ..ผมกลายเป็นคนโกหก คนสัปปลับ คนทรยศ คนที่สมควรจะถูกทอดทิ้งและดูแคลน..

            ..ทั้งที่ทำใจไว้แล้วแต่ผลของมันก็ยังรุนแรงนักจนไม่อาจรับไหว ผมสะอื้นในลำคอพร้อมกับพ่นหัวเราะออกมาราวกับขบขัน ขำกับตัวเองที่ไม่รู้จะตะเกียดตะกาย จะพยายามทำแบบนี้ไปเพื่ออะไร ผมทำแบบนี้ลงไปทำไมกันแน่ ในเมื่อมันไม่เคยมีอะไรดีขึ้น ต่อให้พยายามจะตะกายออกจากหลุมที่ตัวเองตกลงมามากแค่ไหนก็ไร้ผล..มีแต่จะแย่ลง..แย่ลง ก็เท่านั้น..


             .............................

         Talk เจ้าป้า ( :z6:)

    กลับมาแล้วค่า(โค้งตัวรับฝ่าตีนคนอ่าน)  :z6:

       หายไปนานมากเลย ไม่รู้จะว่าไงดีแฮะเอาเป็นว่าคุยตอนนี้ก่อน..ว่าด้วยระเบิดนิ้วเคลียร์(เอ่อ...?)พี่โตเอสเอ็ม เฮียจัดให้หลังจากเป็นคนดีมานานจนคนอ่านเริ่มลืมบทโหด อ่ะเหอๆ..

    และ...คุยเรื่องที่หายไปนิดหน่อย..

       ก่อนอื่นต้องบอว่าขอโทษที่หายไปนานมาก ตอนแรกบอกไว้ว่าของดอัพเดือนนึงแล้วจะมาอัพแบบเต็มที่ แต่ตอนนี้เกือบสองเดือนแล้วปุ้ยเพิ่งโผล่ จะขอโทษยังไงก็คงไม่พอ ทั้งที่นิยายอีกเรื่องอัพจบแล้วแต่ปุ้ยยังไม่ได้มาต่อแบดกายซักที ขอยอมรับตรงๆแล้วกันว่าเพราะเรา"ต่อไม่ติด"นั่นแหละคะ
         ไม่รู้ใครจะเคยเป็นกันไหม ไอ้ประเภทที่เปิดหน้ากระดาษออกมาแล้วคิดไม่ออก ไม่สิคิดออกแต่พอเขียนออกมาแล้วมันไม่ได้ มันไม่ใช่ มันไม่สนุก ไม่มีอารมณ์เอาเสียเลย เขียนๆแก้ๆไปก็ไม่ถึงไหน ไปๆมาๆพาลนึกเซ็งกับมันและไม่ยอมเขียน พร้อมๆกับความรู้สึกดำดิ่งประเภทย้ำคิดย้ำทำ เฟลและด่าตัวเองอยู่นั่น.อ่า..เยอะแยะแฮะ (ฮ่าๆ)แต่มันก็ความจริงแหละ ที่ปุ้ยหายไปเพราะมันออกแนวอึนๆตันๆจริงๆเปิดดูทีไรก็คิดไม่ออกและพาลจะนอยไปเรื่อย
         ยังไงก็ต้องขอโทษทุกคนจริงๆด้วยคะที่ช้าไปขนาดนี้ แล้วก็ขอบคุณคุณ ISHIYA ที่ออกมาพูดด้วย บอกตามตรงว่าอ่านแล้วไม่ได้โกรธเลยคะ จริงๆอ่านแล้วรู้สึกเห็นด้วยตามที่บอกทกอย่างเลย เพราะไอ้เรามันก็เลทได้น่ากระซวกจริงๆ  คอมเมนต์ครั้งนี้เหมือนเป็นการเตือนสติและกระตุ้นปุ้ยได้อย่างดีเลยคะ ทำให้รู้สึกว่าต้องพยายามมากกว่านี้ เพราะมีคนรออยู่และสัญญาไว้แล้ว เราไม่ชอบคนผิดสัญญาคนอื่นก็เหมือนกัน ขอบคุณคุณ ISHIYAมากเลยนะคะ ที่ทำให้ปุ้ยกลับมามีแรงฮึดอีดครั้ง ขอบคุณมากจริงๆรวมถึงทุกคนที่แวะเข้ามาทวงกันด้วย (เหอๆ)เพราะงั้นเค้ามาสามตอนรวดชาบูกลิ่นธูปแล้วเน้ออออ ฮ่าๆ ยังไงก็จะพยายามอัพให้เต็มที่อย่างที่บอกไปนะคะ แต่เรื่องกำหนดการนี่แอบเสียวสันหลังวาบๆ แต่ก็จะพยายามให้ถึงที่สุดจริงๆค่ะ     
 
ปล.ตอนนี้ข้าพเจ้ายังอยู่บนดอยอยู่เลยยังไม่ได้กลับกทม.เวลาจะใช้เน็ตทีก็ต้องไปที่ร้านเพราะงั้นอาจจะมาอัพได้ไม่บ่อย แต่จะมาทีละหลายตอนคะ :m13:

ปล.บ้านเค้าหนาวมากกกกกกกกกกกกกกกกก o21
                   

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ในที่สุดพี่ก็มาต่อจนได้ ดีใจนะ ที่พี่ยังไม่ลืมแบดกายยังไม่ลืมนักอ่านที่รอคอย ถึงแม้พี่จะไม่ได้มาตามสัญญาก็ตามแต่พี่ก็ยังมา


ฮ้าา...ในที่สุดพี่โตก็รู้ความจริงสักที ดราม่าเข้าไป นี่แหละความจริง

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2011 16:33:43 โดย Pumpkin »

ibeaver_error

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบอีกที  เมื่อกี้ขอโทษที่ปาดนะคะ  :z3: (/ฮาราคีรีตัวเอง)

เราไม่รู้สึกสงสารน้องเนมเท่าไหร่ เพราะสงสารพี่โตมากกว่าคงเสียความรู้สึกไม่น้อย
แล้วไอ้เหตุผลที่เนมพูดออกมา ถ้าเราเป็นพี่โตเราจะกระซวกไส้น้องเนมเอาออกมาล้างน้ำเกลือซะให้เข็ด
เพราะสำหรับเรา(เน้นสำหรับเรา)มันเป็นเหตุผลที่อ่อนไปฟังไม่ค่อยจะขึ้น นึกแล้วของขึ้นลากไส้น้องออกมาล้างน้ำเกลืออีกรอบ555

รออ่านตอนต่อไปขอบคนเขียนมากค่ะ เรานั่งอ่านรวดเดียวจบเลยยอมรับว่าตอนแรกเห็นชื่อแล้วไม่กล้าจะอ่านแต่พออ่านแล้วนอนสต็อปมากๆค่ะ :กอด1: :กอด1:

CnTy

  • บุคคลทั่วไป
ถ้าบอกเป็ดได้ทีละ10ตัวนี่ทำไปแล้ววว 555

พล๊อตแปลกมากเลยอ่ะ แอบกลัวไม่กล้าอ่าน

แต่พออ่านจริงๆบรรยายดีมากเลยอ่ะ สงสารเนมเลย

สู้ๆนะ เราจะตามอ่านให้จบเลยยยย  o13

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
เป็นสามตอนที่ทำให้ใจร้องไห้มากที่สุดเลย  :monkeysad:
บีบคั้นอารมณ์สุดๆ คิดแล้วว่าความลับไม่มีในโลก แต่พี่โตมารู้เองแบบนี้ เจ็บยิ่งกว่าอีก :m15:
เนมเอ๋ย จะทำยังไงต่อไปล่ะลูก เรียนผูกต้องเรียนแก้เอง แต่ว่า...ยังก็เงื่อนตายอย่างนั้นแน่ะ จะแก้ได้มั้ยเนี่ย :z3:

ออฟไลน์ kokikung

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1594
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +133/-3
ดราม่ามากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
แทบจะอ่านต่อไม่ไหว
สงสารพี่โต ไม่สงสารเนมเลย
ออกสมด้วยซ้ำไป มันบีบดีจริงๆๆ
นี้ละไม่ฟังไม่ถามไม่อะไรก่อน เพราะความบ้าฟุ้งซ่านคิดไปเอง
เกิดเรื่องโคตรๆๆๆๆๆๆๆเห่แบบนี้เรยไง
สงสารพี่โตวะ คงสุดจะทนต้องมาเจอคนรักหักหลังแบบนี้แถมโดนด่าอีก ซวยซ้ำซวยซ้อนจริงๆ
ตอนต่อไปมาไวไวอีกได้ไหมแทบจะรอไม่ไหว แต่ตอนนี้จัดหลังมาก3เรปได้ 555++

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
กลับมาพร้อมมาม่าชามโต
และพี่โตบทโหดก็รีเทิร์น  อ๊ากกก  ขอให้ผ่านเรื่องร้ายๆไปโดยเร็ว

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ดีใจที่คนแต่งมาต่อแล้ว  :mc4:
สงสารเนมนะ ไม่รู้สิมันเป็นภาวะกลืนไม่เข้าคายไม่ออก  :เฮ้อ:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ PAnppyJunJii

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 329
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
พูดได้คำเดียวว่า  จุก

cotone

  • บุคคลทั่วไป
ดราม่ามาสถิตย์...

เป็นอีกคนที่เข้าเล้าทุกวันค่ะ แต่ไม่ค่อยนับวันเท่าไหร่ว่าเรื่องไหนจะมาวันไหน เข้ามันทุกวันเจอวันไหนก็อ่านวันนั้นแหละ

แต่เรื่องนี้ เป็นเรื่องที่ไม่ค่อยตกไปจาก2หน้าแรกเท่าไหร่ ทั้งๆที่ยังไม่ได้มาอัพตั้งนาน แปลว่าคนอ่านทวงเยอะจริงนะเนี่ย-w- เข้าใจอารมณ์คนแต่งค่ะ ตัวเองก็เคยแต่งนิยายแล้วไปต่อไปถูกเหมือนกัน แต่ก็ยังดีนะที่พี่กลับมาต่อให้ ดีกว่าเราที่สุดท้ายก็สู้ไม่ไหวต้องขอโทษคนอ่านแล้วลบเรื่องทิ้งไปเลย

สู้ๆค่ะ ยังไงก็รอค่ะเรื่องนี้

ออฟไลน์ เฉาก๊วย

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2233
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +251/-6
สงสารน้องเนม สงสารพี่โต  :เฮ้อ:
ตอนต่อไป คงได้สงสารน้องเนมมากกว่านี้แน่ๆ ไม่รู้ว่าน้องเนมจะผ่านช่วงเวลาแบบนี้ไปได้อย่างไร สู้ๆ น้องเนม   :เฮ้อ:

aungaink

  • บุคคลทั่วไป
สามตอนรวด !!!!!!!
ตอนเปิดหน้าเว็บมาแอบตกใจเบาๆ คิดว่าตาฝาด ฮ่าาาาาาาา

สนุกสมการรอคอยเลยค่ะ สามตอนนี้
ทำให้รู้สึกว่าบทละคร เริ่มแย้มปมชัดๆ กับเริ่มมีกลิ่นดราม่าลอยมาเตะจมูกอย่างแรงเลยค่ะ
แอบอยากบอกว่าตอนก่อนๆมันเอื่อยๆ แบบว่าแย้มแล้วแย้มอีกไม่เห็นซะที แอบเซ็งแทนน้องเนมนิดๆ 555
แต่พอออกสามตอนนี้สุดยอดมากค่ะ เหมือนก้าวเท้าก้าวใหญ่ๆผ่านอะไรซักอย่างไป ฮ่าา

ยังรอคอยตอนต่อไปแบบไร้จุดหมายได้ไหมคะ
ไม่อยากเร่งคนแต่งเพราะกลัวว่าจะเป็นการเค้นออกมามากว่าการเขียนอย่างธรรมชาติ

แต่ว่าก็ยังรอคอยแบบนี้ไปเรื่อย แต่อย่าให้รอเก้อน้าาาาา
จากรอบที่แล้วเดือนครึ่งนี่สุดยอดเลยค้า รอจนไม่กล้ารอ ไม่กล้าเร่ง
แต่พอเห็นคนแต่งกลับมาเขียนต่อก็ดีใจมากๆเลยค่ะ

ยังรอตอนต่อไปอยู่นะคะ
ขอบคุณสำหรับนิยายสนุกๆค่ะ >M<

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
อ่านได้สะใจมากสามตอนรวดอย่างยาว

เฮ้อเนมสมควรโดนแบบนี้แล้วล่ะ  แกมันไอ้คนทรยศ

พยายามเข้าใจเหตุผลและภาวะกดดันตอนที่เนมรับปากเป็นสายนะ

แต่รับไม่ได้อ่ะ  ที่สำคัญเรื่องนี้คงมาม่าอีกนาน

+1ค่ะ

ออฟไลน์ carmel

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 164
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +24/-0
ร้องไห้เลยคะอึดอัดบีบคั้นหัวใจหายใจไม่ออกบอกไม่ถูกคือคนทรยศย่อมได้รับผลของมันแต่
กับกรณีนี้เลือกข้างอยู่ไม่ได้เลยรักเนมสงสารเนมแต่ความรู้สึกของพี่โตก็ทรมาน
จริงๆสาเหตุมาจากที่ไม่เข้าใจกันเนมไม่เคยเข้าใจหรือไว้ใจพี่โตไม่เคยมองพี่โตในทางที่ดีเลย
เหมือนที่พี่โตพูดนั่นแหละ ฮร่ืออออออออออ เจ็บปวดอะ หายใจไม่ออก ฮรื่ออออิออ
สรุปจากใจที่เราได้อ่านความรู้สึกของทั้งสองฝ่าย เราสงสารพี่โต ไม่ได้อยากจะทำแถมต้องมาเจอคนรักหักหลังทั้งๆที่ทำก็เพื่อคนที่ตัวเองรัก
แถมต้องมารับรู้เรื่องการทรยศของคนรักเองกับหู สงสารอะพี่โตตตตตตตอย่าโกรธน้องมันนานนะ อินังพัศดีมันวางแผนไว้ ไม่งั้นมันจะให้พี่โตตามไปแอบฟังได้หรอ ปล.ก็เดาไปทั่ว 555
ขอบคุณนะคะที่มาต่อรอมานานแต่คุ้มค่า
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 27-11-2011 21:47:41 โดย carmel »

ออฟไลน์ afternoon

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 301
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +22/-1
ยิ่งกว่าระเบิดนิวเคลียร์ที่ฮิโรชิมา  :z3:
ส่งผลกระทบรุนแรง ณ ตอนนั้น แถมยังส่งผลระยะยาววววววว

นิยายเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า การโกหกไม่เคยให้ความสุข ให้ผลดีกับใครทั้งสิ้น
ต่อให้คิดว่า โกหกไว้เพื่อคนที่รัก เพราะหวังดีต่างๆ นานา สุดท้ายมันก็โกหกเหมือนกัน
และตอนจบมันก้คือสิ่งที่หนูเนมกำลังเป็นอยู่ตอนนี้
ผลของการโกหก หลอกลวง มันกำลังย้อนกับมาทำร้ายตัวเอง ทำร้ายทุกคน
ทำร้ายแม้กระทั่งคนที่บอกว่ารัก บอกว่าทำเพื่อคนๆ นั้น
แล้วจะโกหกันไปทำไม

อยากกอดหนูเนมแน่น  :กอด1: :กอด1: :กอด1:
อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แต่เดี๋ยวมันก็จะผ่านไปนะเนม
 

ออฟไลน์ AllRiseApril

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 507
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +46/-0
จำไม่ได้ ว่าดราม่ามาตั้งแต่ตอนไหน
ณ นาว ยังคงดราม่ากันต่อไป มีแต่จะหนักขึ้นน
 :เฮ้อ: :เฮ้อ: :เฮ้อ:

 :o12: :o12: วิ่งไปทำใจ

ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
สงสารโต โตคงจะเจ็บปวดมากนะนั่น

donjai11

  • บุคคลทั่วไป

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด