Imprison 56: ลวงตา
ระหว่างไม้กวาดทางมะพร้าว..กับมีด..
คิดไปได้ ว่าอันไหนมันจะชนะ..
..เฮ้อ... ถึงไม่ต้องถามก็รู้ดีล่ะ ว่ายังไงมีดมันก็เหนือกว่า ถึงมีดในมือพี่กันย์จะเป็นมีดเล็กๆ แต่ดูจากลักษณะท่าทางของคนถือแล้ว...มันบ่งบอกความมั่นใจและชำนิชำนาญจนผมแอบกลืนน้ำลายเอื้อกส่วนไม้กวาดทางมะพร้าวในมือผม..ถึงมันจะได้เปรียบเรื่องระยะและความยาว แต่...
..แต่ยังไงมันก็สู้มีดไม่ได้เว้ย !!!
..เอ่อ..แต่ถึงเป็นแบบนั้นก็เถอะ ยังไงก็ต้องสู้ให้ได้ เพราะถ้าปล่อยให้พี่กันย์ไปบอกผู้คุมตอนนี้ ตอนที่พวกพี่โตอาจจะตะลุมบอนกันอยู่และหาทางช่วยพรรคพวกออกมาไม่ได้ ถ้าต้องมาเจอคดีกันอีก..รับรองว่าเกิดเรื่องใหญ่แน่..
“..ผมไม่เข้าใจเลย..พี่ทำแบบนี้ไปทำไม?..” ออกปากถามพี่กันย์อย่างหงุดหงิด กับเรื่องวุ่นวายที่ก่อขึ้น เป็นไปได้ก็อยากถ่วงเวลาไว้ก่อน แล้วรอให้ใครสักคนมาบอกว่าเรื่องมันเรียบร้อยแล้ว ตอนนี้พี่กันย์ยังไม่มีท่าทีว่าจะรุกเข้ามาประชิด เพราะงั้นการชวนคุยถ่วงเวลาไปเรื่อยๆอาจจะดีกว่า..
“..ไม่รู้เรื่อง? “ พี่กันย์เลิกคิ้ว ถามผมด้วยท่าทีหน่ายๆ “ ขนาดไม่รู้เรื่องแล้วยังมาทุ่มช่วยเขาจนสุดตัวนี่..จะว่ายังไงดีล่ะ..”
แววตาที่มองมาเหมือนประณามว่าผมโง่ซะเต็มประดา ทำให้ชักจะหงุดหงิด มันก็จริงที่ผมไม่รู้เรื่องอะไร ถึงตลอดช่วงระยะเวลาหนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมานี้ พี่โตกับพี่วิทย์มักจะออกไปปรึกษาหารืออะไรกันด้วยสีหน้าเคร่งเครียดอยู่บ่อยๆ..แต่ผมก็ไม่รู้..และไม่ได้ออกปากถามไปด้วยซ้ำ
“..ก็ช่วยไม่ได้..เพราะยังไงนี่ก็เป็นที่ของผม พี่จะเข้ามาก่อกวนหรือทำลายมัน ผมก็ต้องช่วยสิ..ถึงจะไม่รู้อะไรก็เถอะ..” ผมบอกออกไปทันควัน..ก็ถ้าสิ่งที่พี่กันย์ทำคือการเข้ามาก่อกวนและปั่นป่วนกลุ่มของพี่โต ทำให้เกิดเรื่องเดือดร้อน มันก็เหมือนเข้ามารังควานผมด้วย แล้วเรื่องอะไรเราจะปล่อยให้เขาทำไปตามใจชอบล่ะ..
เพราะที่นั่น ก็เป็นที่อยู่ของผมเหมือนกัน ถึงจะไม่รู้เรื่องอะไร แต่ตอนนี้ที่ต้องทำก็คือช่วยกัน ไม่ใช่มาขัดแข้งขัดขากันเอง..
..ส่วนเรื่องทั้งหมดน่ะ ถึงจะไม่พอใจที่ไม่รู้เรื่อง แต่จบเรื่องแล้วค่อยถามก็ได้(ว่ะ)
“..แล้วถ้าจะบอกว่า..เรื่องนี้มันไม่ใช่”การก่อกวน”หรือ”ทำลาย” แบบที่เนมคิด..มันเป็นแค่การแย่งอำนาจกันในแกงค์..ยังอยากจะยุ่งอยู่อีกเหรอ?..” ผมฟังแล้วเลิกคิ้ว มองหน้าพี่กันย์ที่ลดท่าทีจะต่อสู้ลงไปมาก แต่กระนั้นก็ยังคงถือมีดไว้อยู่ เขามองมาที่ผมด้วยสายตาครุ่นคิด..ไม่ได้มุ่งร้าย หรือเลือดเย็นแบบที่เห็นก่อนหน้า
..แต่คำพุดที่ว่านั่น...การแย่งอำนาจกันในแกงค์..หมายความว่ายังไง?..
พี่โตกับพี่กันย์อยู่คนล่ะแกงค์กันไม่ใช่เหรอ?..
“....พวกป๋าสั่งมาเหรอ?..” ผมถามไปถึงคนที่คาดว่าจะเป็นตัวการใหญ่..เพราะจู่ๆการที่คนๆหนึ่งจะมาอาจหาญทำเรื่องแบบนี้คนเดียวโดยมีแรงผลักดันแค่อยากจะแย่งอำนาจอะไรกัน..มันก็ดูจะไร้เหตุผล ไร้แรงจูงใจไปหน่อย ถึงผมจะไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของเรื่องราวทั้งหมด..แต่..ก็คิดว่าคนทางนั้นน่าจะมีเอี่ยวด้วยไม่น้อย
“..จะว่าอย่างนั้นก็ได้..” คราวนี้พี่กันย์รับคำ ทำให้คิ้วของผมยิ่งขมวดมากขึ้น
“ ทั้งที่อยู่คนละแกงค์เนี่ยน่ะ?..จะเชื่อฟังมากไปรึเปล่า?...” ผมออกปากถามอย่างข้องใจ อย่าว่าอย่างนู้นอย่างนี้ ก็พวกพี่โตน่ะ ถึงจะเป็นลูกน้องแต่ก็ดูออกเลยว่าระวังระแวงพวกป๋ายิ่งกว่าแกงค์อื่นซะอีก..พูดง่ายๆว่าพร้อมจะหักหลังกันอยู่ตลอดเวลาเลยก็ยังได้..
“..นี่ไม่รู้กระทั่ง...เฮ้อ...จะให้มาทำคนที่ไม่รู้เรื่องด้วยนี่แย่เลยน่ะ..เพราะยังไงก็ไม่อยากให้คนนอกมาเกี่ยวด้วยอยู่ดี..” พี่กันย์บ่นพึมพำด้วยสีหน้าลำบากใจ.. แต่ไอ้ที่ว่าผมคนนอกน่ะ..มันยังไงว่ะครับ..นี่ไอ้เนมยังเข้ามาพัวพันกับพวกพี่ไม่พออีกเหรอ!?
“..ผมไม่ใช่คนนอก..” ผมหรี่ตาลง แล้วจ้องมองพี่กันย์ด้วยสีหน้าไม่ชอบใจ
“..แค่เป็นเมียหัวหน้า ไม่ได้หมายความว่าจะรู้ทุกอย่างสิน่ะ..ถ้าเขาไม่พอใจจะเล่าอะไรให้ฟังซะขนาดนั้น..ไม่เรียกว่าคนนอกแล้วจะเป็นอะไร..” พี่กันย์ตอกกลับ ทำเอาผมสะอึกอึ๊ก.. “..ช่างเถอะ ยังไงมันก็ไม่ใช่เรื่องที่พี่จะไปยุ่งเกี่ยวด้วย..แต่ลองถามตัวเองดูแล้วกัน ว่าอยู่ใกล้ไอ้โตขนาดนั้น แล้วมันยังไม่ยอมเล่าอะไรให้ฟัง..ทั้งที่เป็นเรื่องใหญ่..เกี่ยวข้องกับลูกน้องและความเป็นไปของแกงค์แท้ๆ..แบบนี้จะให้เรียกว่าอะไร..”
“............” ผมเงียบ แต่สายตายังจดจ้องมองพี่กันย์ไม่ห่าง..ยอมรับว่าคำถามนั้นแทงใจไม่น้อยเพราระแน่นอนว่าผมตะขิดตะขวงใจมากอยู่ที่ไม่รู้เรื่องอะไร..แต่เพราะช่วงอาทิตย์นี้มีแต่เรื่องวุ่นวาย อารมณ์พี่โตมักจะขึ้นๆลงๆไม่เป็นปกติ ผมเลยไม่อยากจะไปซักไซ้ถามอะไรอีก..เพราะไม่อยากให้อีกฝ่ายไม่สบายใจ.งแต่ก็ไม่รู้เหมือนกัน ว่าพี่โตจะรู้ถึงความคิดของผม หรือนึกสนใจผมบ้างรึเปล่า..
“..แกงค์ของเนมกับแกงค์ของพี่จะรวมกัน..และนี่คือการหาหัวหน้าแกงค์...ถ้าเข้าใจแล้วก็ถอยไปซะ..นี่เป็นการตัดสินระหว่างพี่กับไอ้โต..” คำพูดนั้นทำให้ผมหันมาจ้องหน้าพี่กันย์เขม็ง.. ซัมซับสิ่งที่ได้ยินดข้าไปช้าๆ..รวมแกงค์..? มันก็ไม่ใช่เรื่องสลักสำคัญอะไรหรอกกับชีวิตนักโทษที่ลุ่มๆดอนๆอยู่ตลอดเวลาแบบนี้..แต่...ทำไมผมไม่รู้ ทำไมพี่ๆทกคนไม่รู้..คนที่รู้ มีแต่พี่กันย์กับพี่โตแค่นั้นเหรอ?..ทำไมคนพวกนี้ถึงทำเหมือนคนในแกงค์ไม่มีความสำคัญ..ไม่เคยบอกเรื่องราวอะไรให้รู้เลยล่ะ..
...และที่น่าอดสูที่สุด..กระทั่งผม..ที่อยู่ข้างๆ..พี่โตก็ยังไม่ได้บอกอะไร..กลัวทำให้ผมไม่สบายใจหรือแค่ไม่อยากเปลืองน้ำลายบอกกันแน่..
ผมสูดหายใจลึก เก็บเอาความไม่พอใจไว้ข้างในอย่างเร่งด้วน ถึงตอนนี้จะเคืองแค่ไหนสิ่งที่ต้องทำก็คือต้องช่วยพี่ๆทุกคนไม่ให้ลำบาก..ต่อให้จะมีเรื่องค้างคาใจจนอยากจะเข้าไปหาเรื่องกับตัวการซะเดี๋ยวนี้..ก็ต้องรอ..รอให้ทุกอย่างมันคลี่คลายลงก่อน..ต้องทำให้เรื่องวุ่นวายนี่จบลงโดยดีซะก่อน..
“..ไม่ได้หรอก...” ผมพุดช้าๆ สบตากับพี่กันย์ที่ยืนอยู่ตรงหน้า “..ผมให้พี่ไปบอกผู้คุมไม่ได้ จนกว่าพี่ๆทุกคนจะปลอดภัย..”
“..มันน่าจะเป็นเรื่องที่เราตกลงกันได้ไม่ใช่เหรอ?.” พี่กันย์เอียงคอน้อยๆสีหน้าครุ่นคิด แต่มือที่ถือมีดเริ่มตั้งการ์ดพร้อมโจมตีอีกครั้ง “ นึกว่าจะคุยกันรู้เรื่องซะอีก..พี่ไม่ยังอยากทำร้ายคนที่ไม่เกี่ยวข้องนะ..”
“..สายไปแล้วล่ะครับ..” ผมได้แต่แสยะยิ้ม เหลือบมองข้างหลังที่มีแค่ไม้กวาดทางมะพร้าวและไม้กวาดดอกหญ้าแขวนไว้ ไร้อุปกรณ์มีคมหรือมีพร้าใดๆปรากฏ “..ตั้งแต่พี่บอกเรื่องทั้งหมดกับผม..มันก็เกี่ยวกับผมเต็มๆแล้วล่ะ..”
“.........”
“..แล้วอีกอย่าง..พี่ก็อยากเอาผมมาเกี่ยวตั้งแต่แรกแล้วไม่ใช่รึไง?..พี่ไม่ได้แค่อยากจะเป็นหัวหน้าแกงค์..แต่อยากเอาใครบางคนกลับมาด้วยต่างหาก..ก็แค่ใช้เรื่องนี้เป็นบันใดแค่นั้นเอง..กระทั่งที่เล่าให้ผมฟังก็ตั้งใจจะใช้ผมด้วย..ไม่งั้นจะให้ไอ้นี่กับผมทำไม?..” ผมเอื้อมมือไปในกระเป๋ากางเกง หยิบเอารุปถ่ายในกระเป่าออกมาชูข้างหน้า.. ทำให้พี่กันย์ชะงักไปเล้กน้อย..ไม่ผิดแน่..ถ้าการได้เป็นหัวหน้าแกงค์ ล้มพี่โตกับพี่วิทย์ได้หรือไม่ก็ทำให้สองคนนั้นถูกย้ายไปแดนอื่นได้แล้วล่ะก็..พี่กันย์จะเอาเมฆกลับมาอยู่กับตัวเองอย่างนั้นสิน่ะ
“..ก็ว่าแล้ว..ว่าคนที่มาอยู่ในนี้ ไม่นานก็เปลี่ยนไปทุกคน..” พี่กันย์เอ่ยช้าๆ..แล้วหรี่ตาลง “..จากเดิมที่เคยซื่อๆ..ตอนนี้เปลี่ยนไปแล้วสิน่ะ..ก็อุตส่าห์ใจดีด้วยไม่อยากให้ลำบากแท้ๆเชียว..”
“..ไม่ทันแล้วล่ะครับ..” ผมยิ้มให้อีกฝ่าย หยิบไม้กวาดมาถือไว้ในมือให้มั่น กวาดตาหาองศาหลบและฟาดกลับอย่างระแวดระวัง
“..อืม..” พี่กันย์ยิ้ม..แต่ดวงตาวาววับ..เริ่มขยับตัวและง้างมือขึ้น..
“...ผมเปลี่ยนไปแล้ว...”
เราทั้งสองคนยิ้มให้กันอีกครั้ง ก่อนที่พี่กันย์จะพุ่งพรวดเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว มือข้างที่ถือมีดนั้นพุ่งเข้ามาหา..เร็วจนขยับตัวหนีเกือบไม่ทัน..
ผมรู้สึกว่าหัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่ตาตุ่ม เมื่อเห็นชัดๆว่ามีดที่พุ่งเข้ามาเฉียดพุงตัวเองไปแค่นิดเดียวจนนนึกเสียวไส้ ผมรีบขยับตัวหนี มือก็ง้างไม้กวาดทางมะพร้าวในมือตวัดใส่ท้ายทอยพี่กันย์..เสียแต่เขาก็หลบทันและกระโดดห่างออกไปอีก นั่นล่ะ..ถึงเป็นโอกาสของผม ให้เปลี่ยนความหงุดหงุดจากเรื่องที่รู้เอามาเป็นพลังงานเรื่องนี้ แค่มองหน้าพี่กันย์แล้วเหมือนมีลิ้งค์ไปถึงหน้าของอีกคน..ไอ้พี่โตที่ป่านนี้คงไปซัดกับพวกนั้นนัวเนียหลายตุบแล้วแน่ๆ..แต่มาปิดเรื่องนี้ไม่ให้ผมรู้นี่..มันน่านัก..
ผมง้างไม้กวาดในมือสุดแรงและ...ออกแรงทั้งฟาดทั้งตีแบบไม่ลืมหูลืมตา ทำเอาพี่กันย์หน้าเสีย เพราะมีดของเขาจะจัดการคนได้ก็ต่อเมื่ออยู่ใกล้แต่เล่นโดนไม้กวาดทางมะพร้าวไล่ฟาดอยู่ทุกครั้งที่ขยับตัวจนไปไหนไม่ได้อย่างนี้ จะเข้ามาหาผมได้ยังไง..
“..เฮ้ย...ใจเย็นสิ..” พี่กันย์ร้องบอกผมที่ยืนถือไม้กวาดฟาดงวงฟาดงาใส่เขาฝ่ายเดียวอย่างหวั่นๆ..เพราะตอนนี้ที่ผมถือคือส่วนด้ามไม้กวาด ไอ้ส่วนปลายที่เป็นทางมะพร้าวแหลมๆยาวๆน่ะหันไปทางอีกฝ่าย ไม่อยากจะคิดเหมือนกันว่าถ้าหลบไม่ทัน แล้วมันไปถูกใส่หน้าหรือทิ่มตา..จะเกิดอะไรขึ้น..
“...ก็บอกแล้วไงว่าไม่ให้พี่ไป !!” ผมตะโกนใส่อย่างดุเดือด หมุนตัวประจัญหน้าพี่กันย์ที่พยายามเดินเข้าหาทางด้านหลังที่เป็นจุดอ่อนอยู่ตอนนี้ ผมเริ่มถอยหลังไปยังด้านหน้าที่ไม่มีหลังคากันฝน ทำเอาน้ำฝนเริ่มสาดใส่หน้า
“..แล้วจะให้พวกนั้นซัดกันจนตายรึไง?”..พี่กันย์ยังตะโกนใส่ ท่าทางจะไม่พยายามเข้ามาประชิดตัวผมแล้ว ถามยังต้องคอยหลบไม้กวาดที่จะฟาดใส่ทุกๆสามวิอีก
“..ก็ให้พี่ไปบอก มันก็ตายเหมือนกันนั่นล่ะ..” ร้องตอบไปทันควัน ทำมาบอกว่าไม่กลัวพวกนั้นตายรึไง..ให้พี่กันย์ไปบอกผู้คุมเรื่องก็คงจบไม่ต่างกัน รอให้พี่โตไปเคลียร์ให้ได้ซะยังจะดีกว่า..
พี่กันย์ยืนละล้าละหลัง เมื่อเห็นว่าเข้าใกล้ผมไม่ได้ ก่อนจะกัดฟันกรอด หันหลังวิ่งไปทางประตูใหญ่ที่เป็นที่ประชุมของผู้คุม เฮ้ย !!..
“...พี่กันย์...หยู๊ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด...” ผมร้องลั่น วิ่งพรวดไปกั้นสุดชีวิต ไม่อยากคิดว่าถ้าผู้คุมรู้เรื่อง แล้วออกมาจัดการ พวกพี่โตจะโดนหนักแค่ไหน ยังไงก็ไม่ได้..ยังไงก็ให้ไปไม่ได้ว้อยยยยย..
ผมถลันเข้าไปกั้นจนทัน แต่ยังไม่ได้จะดีใจมือหนากลับคว้าแขนผมไว้หมับ..ใบหน้าที่เปียกด้วยหยาดฝนจ้องมองตรงมาด้วยรอยยิ้ม..แสยะ..
“..ยังไงก็อ่อนไปอยู่ดี..” พี่กันย์ยิ้ม ก่อนจะเอามืออีกข้างง้างขึ้น เผยให้เห็นคมมีดที่วาววับในมือ..
ผมเบิกตากว้าง พยายามสลัดแขนให้หลุดแต่ยังไงก็ทำไม่ได้ มองเห็นฝ่ามือที่เข้ามาใกล้ตัวเรื่อยๆ เป้าหมายคงอยู่ที่ลำคอไม่ก็ใบหน้า..
ผั่วะ !!!
“โอ๊ย!! “ ผมร้องลั่นเมื่อปลายมีดเฉียดเข้าตรงลลำคอจนเป็นทางยาว แต่การที่เอามือ ข้างที่ว่างของตัวเองไปคว้าไม้กวาดจากมือข้างที่ถูกยึดไว้ แล้วพยายามลอบเอามาไว้ข้างหลังโดยไม่ให้พี่กันย์สังเกตเห็นนี่ไม่ใช่ง่ายๆเลย ดีที่เขาจับจ้องอยู่กับลำคอและมืออีกข้างของผม เลยสามารถทำได้ เพราะอย่างนั้น ไอ้เนมเลยเขวี้ยงปลายไม้กวาดใส่หน้าผากพี่กันย์สุดแรง. พร้อมกับออกแรงยันให้ห่างตัว.. จนตอนนี้พี่กันย์นอนหงายเอามือกุมหน้าตัวเองไว้..อูย..เจ็บมั้ยอ่ะ..จะทิ่มเข้าตารึเปล่าก็ไม่รู้..
“..โทษน่ะพี่..” ไอ้เนมบอก ก่อนจะดึงมีดออกมาจากมือพี่กันย์แล้วพาดไม้กวาดใส่ตัวพี่เขาสุดแรง..ยอมรับว่าไม่อยากทำเลย...แต่จะทำไงได้..ถ้าผมไม่ทำ..เขาก็ต้องทำผม
“.......”แต่ยังไงผมก็ใจอ่อนเกินไปอยู่ดี เพราะฟาดไปแค่สามสี่ที เห็นพี่เขากุมหน้าดิ้นกระแด่วไปไม่กี่ครั้งก็ใจอ่อน..ผมไม่อยากทำ..และสงสารคนที่โดนทำเลยลดมือลง เขวี้ยงไม้กวาดไปอีกทางอย่างยอมละมือ..
“..ไม่ทำต่อล่ะ..” พี่กันย์ถามออกมาเบาๆ แต่มือยังไม่ละออกมาจากหน้า เหมือนว่าไม้กวาดทางมะพร้าวจะทิ่มตาเขาจริงๆ เลยไม่อาจจะลืมตามองมาได้อีก..ทำเอาผมใจแป้ว..กลัวทำคนอื่นเขาตาบอด..
“...ไม่เอา..ผมไม่อยากทำคนไม่มีทางสู้..” ผมบอกเบาๆ นั่งยองๆมองหน้าพี่เขาที่กุมหน้าอยู่ รอยเลือดที่หยดไหลมาเป็นทางทำเอาผมกลัวมากกว่าเดิม..ถ้าผม..ทำพี่กันย์ตาบอดจริงๆ..มันจะเกิดอะไรขึ้น..
“..หึ....” รายนั้นได้แต่แค่นหัวเราะแล้วไถลตัวขึ้นมาจากพื้น ขยับไปทางที่ไม่มีฝน มองเห็นท่าทีพี่กันย์ตอนนี้แล้วเหลือแต่ความสงสาร นึกโกรธตัวเองที่ทำอะไรรุนแรงเกิน..ตาบอด..ถ้าทำคนอื่นตาบอด..
โอ้ย..คิดแล้วผมยิ่งฟุ้งซ่าน.. อยากเข้าไปช่วยดูแต่ก็ไม่กล้า เพราะสถานการ์ณตอนนี้ยังไม่น่าไว้ใจ ถ้าพี่กันย์ลุกขึ้นมาบอกผู้คุมเมื่อไหร่ล่ะก็จบกัน แต่ก็กลัวว่าเขาจะเป็นอะไรไปมากกว่านี้..เพราะเลือดที่ไหลอาบหน้านั่นมัน..น่ากลัวสิ้นดี..
“............” จู่ๆพี่กันย์ก็ลุกพรวด แล้วเดินเซๆซัดๆ เข้าไปในอาคารอีกรอบ แม้ว่าประสาทตาจะไม่ปกติ แต่เขาก็เดินไปอย่างเคยชิน เดินไปยังหน้าเรือนนอนของผมที่ตอนนี้มีพรรคพวกของทั้งสองฝ่ายกำลังตะลุมบอนกันอยู่...
ผมได้แต่เดินตามไปช้าๆ คุมเชิงอีกฝ่ายอยู่ในที ไม่รู้ว่าคนที่อยู่ในสภาพแบบนี้ จะเดินไปอีกเพื่ออะไร?..ไปช่วยสู้?.หรือไปตกลงกับพี่โต..? หรือจะไปหาเมฆ..?
ผมเบิกตากว้าง..มองที่ๆเคยเป็นลานต่อสู้ซึ่งตอนนี้มีนักโทษประมาณห้าหกรายถูกผู้คุมบังคับให้นอนหมอบอยู่กับพื้นเอามือพาดศรีษะ และอีกสามสี่รายที่นอนแผ่หลา เพราะถูกเล่นงาน..
สายตาของผมกวาดมองทั่วบริเวณ มองฝ่าสายฝนตามหาร่างของพวกพี่ๆที่อาจจะอยู่แถมนี้ หรือมองหาพี่โต..ที่น่าจะช่วยคนอื่นๆอยู่..
แต่เปล่า..ไม่มี..มองไปทางไหนก็ไม่มีพวกพี่โตอยู่ที่นี่..ผมมองเห็นพรรคพวกของตัวเองสองคนที่นอนหมดสติอยู่..เสี้ยวหน้าที่เห็นคือพี่กิตกับพี่แม้ก..แล้วพี่โตกับพรรคพวก หายไปไหน?...
หมับ!!
แขนผมถูกคว้าโดยใครสักคนแล้วลากออกจากที่นั่น ผมมองเห็นพี่กันย์เดินดุ่มๆตามมาช้าๆ ยิ่งชวนให้งุนงงว่าเกิดอะไรขึ้น?..หันไปมองคนที่คว้าแขน..เป็นพี่ทิน..ที่ตาปูดตาบวมและปากมีรอยเลือดซึม
พี่โตล่ะ?..
ยิ่งคิดไปก็ยิ่งง ที่ผมน่าจะเห็น มันควรเป็นพวกพี่โตกำลังตะลุมบอนกันอย่างเอาเป็นเอาตาย ไม่ใช่นักโทษหลายรายถูกผู้คุมควบคุมตัวไว้ และพี่กันย์ควรจะรีบหนีไป ไม่ใช่เดินตามมาให้โดนตีนพวกผม..ไม่ใช่รึไง?..
“...พี่โตล่ะ?..”ผมออกปากถามเมื่อเดินมาถึงหลังโรงอาหาร ที่มีพรรคพวกรออยู่ประมาณสี่ห้าคน เหมือนว่าหลายคนจะโดนปล่อยออกมาจากห้องขังแล้ว..ผมมองเห็นพี่วิทย์กำลังนั่งเช็ดเลือดที่ไหลอาบคิ้ว มีเมฆนั่งเช็ดข้อศอกตัวเองที่ถลอกเป็นแผลเหวอะอยู่ใกล้ๆ..พี่ทินที่พาผมมาแล้วหันไปนั่งอยู่ที่พื้นซีเมนต์เอามือกุมแก้มแล้วครางซี้ด มีพี่เบิร์ด กับพี่ๆในห้องขังอีกสองสามรายนั่งมองอยู่..
“..โน่น..” พี่เบิร์ดเป็นคนบอก ชี้ไปทางด้านหลังที่มีผ้าตากไว้ ทำให้ผมนึกได้..ว่านี่มันเป็นที่เดียวกับที่พี่โตเคยพาผมมา..ไอ้ที่บอกว่าแถวนี้มีผีแขวนคอตายอะไรนั่น..
ผมหันไปมองพี่โต ที่กำลังยืนคุยกับใครสักคนด้วยสีหน้าเอาเรื่อง ผมเห็นพี่กันยืเดินเข้าไปใกล้อย่างไม่กลัวโดนกระทืบซ้ำ..ทุกคนที่อยู่ตรงนี้มองหน้าไอ้พี่กันย์ด้วยสีหน้าสะใจ มีเพียงเมฆที่อ้าปากหวอ สีหน้าวิตก ตาจ้องมองมือของพี่กันย์ที่ยังปิดตาไว้ตลอดและเลือดที่ไหลอาบหน้าก็ยิ่งมากขึ้นจนผมกลัวแทน..นี่ตกลงว่าไอ้เนมทำเขาตาบอดไปแล้วจริงๆใช่ไหม???
แรงสะกิดเบาๆตรงไหล่ทำให้ผมหันไปมอง พบว่าพี่ทินที่เอามือกุมแก้มอยู่กำลังส่งสายตาถาม บวกกับชี้ไปที่พี่กันย์ว่ามึงทำอะไรมัน..? ประมาณนั้น..
“..เอ่อ...พอดีว่าเอาไม้กวาดทิ่มหน้า..” ตอบไปเบาๆแต่ไอ้พี่เบิร์ดเสือกหัวเราะเสียงดังลั่น โว้ย..จะหัวเราะเพื่อ..เข้าใจครับว่าพี่สะใจ แต่ไอ้ข้อหาทำคนอื่นตาบอดมันกำลังตกมาที่ผม..กล้วน่ะเว้ย..
“..ตามันจะบอกรึเปล่า..เลือดอาบเลยว่ะ..” พี่เบิร์ดหัวเราะหึหึ กระวิบด้วยน้ำเสียงแสดงความสะใจ ขณะที่สายตาก็จับจ้องพี่กันย์ด้วยสีหน้าเยาะเย้ย..
“..มึงนี่ก็ใช่เล่นน่ะ..ไม่เป็น..เห้ย...แผลที่คอมึงอ่ะ..เลือดไหลเยอะเชียวไอ้เนม..” พี่แบงค์..พี่ที่ถูกขังอยู่เมื่อกี้ทักผมเบาๆพร้อมกับชี้ไปที่คอ..อ่า ก็ว่าอยู่ทำไมรู้สึกเจ็บแปลบๆ..ผมเอื้อมมือแตะลงบนรอยแผลที่คอ..ก่อนจะครางซี้ดเพราะแผลที่ได้มันใหญ่เล่น แถมยังมีเลือดไหลเป็นทางยาว..
“..แล้ว..มันเกิดอะไรขึ้น..?..” ผมออกปากถาม เช็ดเสือดไปด้วย สายตาก็จ้องพี่กันย์ที่ยืนคุยกับพี่โตและผู้ชายอีกคนไปด้วย..สีหน้าที่สามคนนั้นคุยกันดุเคร่งเครียด พี่โตตวัดสายตามามองผมพร้อมกับมองพี่กันย์สลับกันเป็นระยะด้วยสีหน้าเหมือนอยากจะหาเรื่องต่อ..
“..พอดีคนของป๋ามาห้ามไว้..” พี่เบิร์ดเกริ่นเบาๆ..พร้อมกับมองไปทางสามคนนั้น “..เห็นว่าผู้คุมที่เอากุญแจให้พวกไอ้กันย์เป็นคนของป๋า..เอาไปให้แล้วไปแจ้งกับพัศดี..เหี้ยเอ๊ย...”
ฟังพี่เบิร์ดสถบพึมพำแล้วผมได้แต่นิ่ง ช็อคค้างไปไม่มากก็น้อย.. ที่สงสัยว่าพี่กันย์เอากุยแจมากจากไหน พี่เขาก็ว่ามีคนของป๋าที่เป็นผู้คัมเอาให้พี่กันย์จัดการ เห็นว่าแดนอื่นๆก็ถูกล็อคอย่างเรียบร้อย มีแต่แดนสิบสองที่พี่กันย์มันรีบร้อนเกินไป เพราะจะหาทางเล่นงานพี่โตเลยไม่ได้ดูให้ดีๆ..ประกอบกับผู้คุมคนนั้นเอาเรื่องไปบอกพัศดี..เลยมีคนไปจัดการ..และเรื่องก็เป็นอย่างที่เห็น..
..แล้วสรุปว่า..ที่ผมเอาไม้กวาดทางมะพร้าวไปจิ้มตาคนอื่นนี่...มันไม่ได้มีผลอะไรเลยใช่ไหม???
“..นี่แผนของป๋า?..” ผมถามออกมาเสียงเครียด อารมณ์คุกรุ่น ชัดอยากจะเอาไม้กวาดไปทิ่มลูกกะตาของพวกคนในคุกพิเศษนั่นซักทีสองที..ไม่ทราบว่าเล่นแบบนี้มีความสุขนักรึไง?
“..อืม..แผนของป๋ากับไอ้ชาติ..ลูกพี่ไอ้กันย์น่ะ..มันจะรวมแกงค์ แต่หาหัวหน้าที่แดนเราไม่ได้ ก็เสือกมีไอ้ตัวเป้งๆมาอยู่ด้วยกัน..” พี่เบิ์รดหัวเราะหึ ราวกับจะเย้ยหยัน “ เลยทำแบบนี้ไง..ใครแกร่งกว่าก็ชนะ ทั้งเรื่องสพที่ไอ้กันยืมันเอามาเล่น..ทั้งเรื่องนี้..หวังว่าจะชนะ..เชี่ยเอ๊ย..ควายไม่รู้เรื่อง ก็เสือกจะเล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับป๋า..ไม่รุ้รึไงว่ามันเป็นไง..”
เสียงหัวเราะของพี่เบิร์ดทำเอาผมได้แต่ยิ้มเหย..สรุปว่าที่ทำไปนี่แค่อยากจะพิสูจน์ว่าใครจะเจ๋งกว่ากัน ส่วนพี่กันย์ก็พลาดนิดเดียวที่ไปเอาคนของป่ามาช่วย..ส่วนพวกป๋า..มันก็ไม่ต่างจากพวกงูเห่าพร้อมจะแว้งฉกใครก็ได้ ไม่ว่าจะเด็กตัวเอง หรือว่าเด็กคนอื่น..
จะว่าไปแล้วที่ป๋าทำมันก็มีเหตุผล..นอกจากจะได้ทดสอบลูกน้องตัวเอง มันหัวปั่นเล่นๆแล้ว ยังจะได้เห็นประสิทธิภาพของหัวหน้าอย่างพี่โต ว่าจะจัดการเรื่องนี้ยังไง และสุดท้ายก็คงไม่อยากให้คนของแกงค์อื่นมาคุมแดนนี้ ถึงจะบอกว่ารวมกันแล้ว มันก็ยังมีสองแกงค์อยู่ดี..
หึหึหึ..สนุกมากกกกกกก เลยสิน่ะ ไอ้คนพวกนี้น่ะ !!!
ผมสถบคำหยาบคายอยู่ในลำคอ นึกเคืองพวกป๋าขึ้นมาอีกแล้ว ทั้งที่รู้ว่ามันก็ทำไปแค่เพื่อความสนุก อย่างเรื่องของผมที่เคยเกิดขึ้น แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ เล่นแบบนี้นี่..ไม่ทราบว่าว่างนักรึไงว่ะ !!
แล้วดูแต่ละคนสิ.. พวกพี่ๆก็เจ็บตัว หัวเสียไปตามๆกัน แล้วยังจะเรื่องวุ่นวายที่เกิดขึ้นอีก และที่สำคัญที่สุด..ถ้าผมทำคนตาบอดเพราะเรื่องี่เง่าแบบนี้ขึ้นมา..มันจะเป็นยังไงหา..?????
“..ไอ้สัด !! “ ในที่สุดก็ต้องด่าขึ้นมาอย่างอดรนทนไม่ไหว เข้าใจแล้ว..ผมเข้าใจอย่างดีเลย ว่าทำไมพวกลูกน้องของป่าทุกคน กระทั่งพี่โตก็ยังทำท่าระแวงระวังพร้อมทรยศป๋าได้ทุกเวลา ก็ไอ้คนเป็นหัวหน้ามันทำตัวซะแบบนี้ ลูกน้องที่ไหนมันจะวางใจได้เนี่ยยยยย...
“..เอาน่า..เดี๋ยวมึงก็ชิน..” พี่เบิร์ดเห็นท่าทีหัวเสียของผมแล้วก็ได้แต่ครางฮึ่มฮั่มปรามในลำคอ แต่ขอบอกว่าหน้าตาพี่แกก็อารมณ์สียไม่แพ้กัน เพราะใครรู้ว่าไอ้เรื่องดิ้นรนใหญ่โตของพวกเรา กลายเป็นแค่โจ้กของพวกข้างบนแล้วเนี่ย..มันก็ควรจะเคืองด้วยกันทั้งนั้น..
“..มันก็ดีเหมือนกัน..เพราะถ้ารวมแกงค์..ยังไงเรื่องแบบนี้ก็ต้องเกิดอยู่แล้ว..” พี่ทินสรุปขึ้นมาด้วยสีหน้าเหนื่อยหน่าย.. “ รวมกันเป็นแกงค์เดียวแต่มีลุกพี่สองคน ใครจะสั่งจะว่าอะไรก็ไม่เด็ดขาด ฟังคนโน้นก็เหลือคนนี้..แบบนี้ก็ดีแล้ว..”
ฟังพี่ทินว่าแล้วผมก็ได้แต่ถอนใจ เหลือบไปมองพี่โตที่ยืนคุยกันไม่เลิก ผมมองหน้าพี่กันย์..มองหน้าเมฆที่มีสีหน้าซีดสลดลง และมองพี่วิทย์ที่ขมวดคิ้วเครียด..ก่อนจะเอื้อมมือสัมผัสรูปถ่ายในกระเป๋ากางเกง..แล้วก็ถอนใจพรืด.. ถึงจะบอกว่าการดิ้นรนของพี่กันย์เป็นเรื่องงี่เง่าในสายตาของใครหลายคน..แต่ว่า..ผมคิดว่าตัวเองรู้ดี ว่าลึกๆแล้วเขาทำไปทำไม..
...ก็แค่อยากได้คนๆนั้นคืนมา..มันก็เท่านั้นเอง..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ถามตามตรงว่าตอนนี้ใครอยากกระทืบพวกป๋าบ้าง ขอบอกตามตรงว่าคนเขียนคนนึงแหละอยากทำ เหอๆ.สาเหตุของเรื่องมีเท่านี้ แต่ที่พี่กันย์ทำไปมันมีเหตุผลมากกว่านั้น สารภาพว่าตอนนี้สงสารพี่กันย์แฮะ..ไม่กล้าทำไรแกรุนแรง โดนไม้กวาดก้านมะพร้าวจิ้มตาไปแล้วนี่..เสียวว่ะ..
สรุปนิดนึง..กันงง..(เป็นแบบTime lineเรียงเหตุการ์ณก่อนหลังและที่มาที่ไปน่ะจ๊ะ )
- ป๋ากับลุงชาติ(ลูกพี่ของกันย์) จะรวมแกงค์ แต่ในแดนสิบสอง มีทั้งพี่โตกับพี่กันย์ที่ใหญ่พอกันทั้งคู่ เลยไม่รุ้ว่าจะให้คนไหนมานำดี..
-พอพี่กันย์รู้เรื่อง เลยจัดการเอาเรื่องที่พี่โตสั่งฆ่านพมาเล่นงานพวกพี่โต
- พี่วิทย์รู้เรื่องแล้ว แต่ฝ่ายพี่โตทำอะไรไม่ได้ ประกอบกับพี่โตเพิ่งโดนป๋าเล่นงานไปเรื่องเนม เลยได้แต่หาทางตั้งรับ ไม่สามารถขุดเรื่องอื่นมาโต้ตอบได้
- พี่วิทย์เข้าไปคุยกับพี่กันย์และเอาเมฆมา ทำให้พี่กันย์ตัดสินใจจัดการขั้นเด็ดขาด จะเล่นงานพี่โตที่โดนคดีอะไรไม่ได้อีกแล้ว(ถ้ามีเรื่องอีกพี่โตจะโดนย้านแดนทันที) เพื่อให้เมฆกลับมาอยู่ฝ่ายตัวเอง(บอกไว้แล้วว่าเมฆเกลียดพี่โต ถ้าพี่โตไปซะเมฆก็ไม่ได้ว่าอะไร)
- วันอาทิตย์หลังบ่ายสามโมงจะมีการประชุมผู้คุม พี่กันย์จะใช้เวลานั้นให้เป็นประโยชน์เลยไปเอากุญแจจากผู้คุมที่เป็นฝ่ายป๋ามาจัดการ(พี่กันย์ใช้อภิสิทธิ์ของตัวเองในเรื่องนี้ได้อยู่แล้วเพราะได้ช่วยงานทางเรือนจำมาหลายอย่าง จึงเอากุญแจมาได้ง่ายๆ)
- พี่กันย์เข้าใจว่าป๋าก็อยากกำจัดโตจึงไม่ได้ระแวงผู้คุมคนนั้น ผู้คุมที่รอท่าอยู่แล้วจึงไปแจ้งพัศดี
- พี่โตไปช่วยพรรคพวกและเนมไปขวางกันย์ไม่ให้ไปบอกผู้คุมจนกว่าฝ่ายโตจะจัดการเสร็จเรียบร้อย
- หลังจากถูกไม้กวาดทิ่มหน้า พี่กันย์เลยกลับมาทางฝ่ายตัวเองและพบว่าโดนผู้คุมจัดการไว้แล้ว ส่วนพวกพี่โตหนีมาได้บางส่วน
- สรุปว่าที่ป๋าช่วยเพราะแค่อยากรู้ว่าพี่โตจะจัดการเรื่องนี้ได้ไหม แต่สุดท้ายก็ไม่อยากให้อำนาจในการขัดการแดนนี้ไปอยู่ในมือของอีกฝ่ายอยู่ดี แม้จะรวมแกงค์กันก็ตาม.
......... เป็นอันจบแผนการ์ณของป๋าด้วยประการละฉะนี้..
ส่วนตอนหน้า พี่กันย์กับพี่โตจะตกลงกันได้ไหม? และตกลงแล้วพี่กันย์แกจะโดนไม้กวาดทิ่มตาบอดจริงๆหรือไม่..ส่วนพี่โตจะโดนฤทธิเดชอะไรของเนมบ้างหลังจากพี่ท่านอุบเงียบจนอาจจะโดนฝ่าตรีน โปรดติดตามตอนต่อไปค่า..
ปล. สรุปว่าเนมชนะ(แบบเกือบฟลุ๊ค) ใครรอรับ :จุ๊บๆ:จากเนมก็เตรียมรอรับของแถมเป็น :z6:จากพี่โตไปด้วยน่ะจ๊ะ หุหุหุ
ปล. อีกนิด อย่าพยายามเข้าใจพวกป๋าเลย..เพราะมันเปล่าประโยชน์จริงๆ