“...มานี่....” มือหนากำแขนผมแน่น แล้วออกแรงลากทำให้ต้องผละจากสามคนนั้นไป ทั้งที่ผมยังอยากรู้อีกซักหน่อย ว่าเกิดอะไรขึ้นกันแน่.. แต่เพราะคนที่ลากนั่นแหละเป็นเรื่องที่ผมต้องจัดการก่อนคนแรก..ทำให้ต้องละจากทางนี้ไปอย่างน่าเสียดาย..
“..ทำไมไม่คุยกันต่อหน้าทุกคน..? “ ผมออกปากถามด้วยสีหน้าไม่รู้สึกรู้สา ถึงความโกรธเคืองของคนที่ลากตัวเองออกมาอยู่..
“............” พี่โตไม่พูดอะไรนอกจากเดินจ้ำพาผมมายังด้านหลังของเรือนนอน..ที่เป็นเรือนเพาะชำ..สำหรับเพาะกล้าผักหรือกล้าไม้ก่อนลงปลูก..เสาปูนห้าหกเสามีเพียงโครงเหล็กที่วางไว้ และหลังคาที่ควรมีก็ถูกแทนที่ด้วยตาข่ายสีเขียวเข้มที่วางทับหลายๆชั้นเพื่อกันไม่ให้ฝนที่ตกลงมาเม็ดใหญ่ๆทำให้พืชผักที่เพาะไว้เสียหาย ส่วนด้านข้างก็ถูกตาข่ายสีเขียวล้อมไว้โดยรอบเช่นกัน
“..นี่...พามาทำไมที่นี่..” ผมออกปากถามห้วนๆ แม้จะรู้ว่ายังคงไร้คำตอบพี่โตเปิดประตูเรือนเพาะชำที่ทำด้วยสังกะสีแล้วปิดเสียโครมใหญ่..ขณะที่ผมสอดส่ายสายตามองไปรอบๆผ่านสายผนที่ยังคงลงเม็ดไม่เลิก ไม่เห็นมีอุปกรณ์อันตรายอย่างมีดพร้าหรือจอบสำหรับสับกบาลคนเล่น ทำให้วางใจได้ระดับหนึ่งว่าคงไม่ถูกพามาฆ่าหั่นศพ..
“...อูย....” ผมครางอุ้เพราะน้ำผนที่ตกลงมาไม่ขาดสายหยดใส่ใหล่ที่เป็นแผล จนเจ็บจี๊ด..ผมหันไปมองคนที่กำลังยืนทำอะไรไม่ทราบอยู่ตรงหน้านึกเคืองที่ลากมาที่แบบนี้ แทนที่จะพาไปที่ดีๆไม่ต้องมาเปียกฝน
“...ร้ายนักนะมึงน่ะ...” หือ?..เสียงพุดของพี่โตทำให้ผมชะงัก หันไปมองพี่โตที่นั่งอยู่บนตั่งเล็กๆที่แต่เดิมคงเอาไว้สำหรับเพาะต้นกล้าผัก แต่ตอนนี้มันเหลือเพียงแกลบสีดำผสมดินจนร่วนซุยเท่านั้น..
“..อะไร?..” ผมเลิกคิ้วถาม ไม่ได้เดินไปหาพี่โตที่นั่งอยู่ค่อนข้างไกล..
“...มานี่ซิ.....โดนไอ้กันย์มันเป่าหูมาว่าไงน่ะ..” ว่าพลางกวักมือถี่ๆให้เดินเข้าไปหา ผมสืบเท้าเข้าไปแต่ไม่ใกล้มาก ยังเว้นระยะห่างพอให้หลบฉากออกมาทัน..
“..บอกว่าไม่ใช่..” ผมค้าน ยกมือลูบแผลตัวเองอย่างหงุดหงิด..เพราะมันแสบขึ้นมาเรื่อยๆเมื่อโดนน้ำฝนหยดใส่ไม่ขาดสาย..
“...ไม่เชื่อ...” อ้อ...หมายความว่าคิดว่าตัวเองเลี้ยงผมเชื่องจนไม่คิดจะออกมาแย้งตัวเองได้เลยว่างั้น..
“..ก็ตามใจ..” ผมบอกห้วนๆ..ตอนเช้าที่เล่นรไพ่แล้วไม่เห็นหัวกันก็ยังเคืองอยุ่..กินข้าวกับแฟนแล้วกลับมาคุยหน้าระรื่นนั่นก็เคืองอยู่..แล้วใช้ผมให้เอาไม้กวาดทางมะพร้าวไปจิ้มตาคนโดยที่ไม่รุ้เรื่องอะไรเลยก็เคือง พอถามก็ไม่ตอบอะไรเลยก็ยิ่งเคือง..สรุปคือตอนนี้ผมไม่พอใจ..มากๆ..
“..นี่...” ผมหันไปจ้องหน้าพี่โต..แล้วเลิกคิ้วขึ้นช้าๆ “..ว่าจะถามหลายครั้งแล้ว..จำได้ไหมที่บอกผม..ไอ้ที่บอกว่าขอให้อยู่ข้างๆในความหมายของพี่มันคืออะไร?..”
“....หือ?...” หน้าตาคนฟังมันคงออกแนว..มึงจะมาฟื้นฝอยหาตะเข็บอะไรตอนนี้..ล่ะมั้ง..
“..บอกตามตรงน่ะ..จากการกระทำของพี่ที่ผ่านมา..” ผมหรี่ตาลงช้าๆ..อย่างครุ่นคิด.. “ ทำให้ผมคิดว่าไอ้การอยู่ข้างๆ..ที่พี่ทำ..มันก็แค่อยากได้ใครสักคนมานอนกก..ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากกว่านั้น...”
“..........”
“...แต่ที่ผมต้องการ..ไม่ใช่แบบนี้...ถึงปากพี่จะบอกว่าไม่ใช่ แต่การกระทำมันก็เป็นไปแล้ว..ไม่เห็นจะแตกต่างจากก่อนหน้านี้...ก็แค่มีสิทธิมาทำอะไรๆกับตัวผม..ตามใจชอบ...มันก็แค่นั้น...”
“..หมายความว่าจะเลิก...” พี่โตพรี่ตาลงช้าๆ มองหน้าผมด้วยดวงตาที่เข้มขึ้น..
“...จะเลิกได้ยังไง..” ผมฟังแล้วอยากหัวเราะ แต่ก็ขำไม่ออก “ ผมกับพี่ยังไม่ได้เป็นอะไรกันด้วยซ้ำ..พี่ก็ยังมีแฟนของตัวเอง...” ผมยิ้มออกมาอย่างเยาะหยันตัวเอง “...และไม่ได้ทำให้ผมรู้สึก ว่าตัวเองสำคัญอะไรกับพี่เลย ........ถึงปากคุณจะบอกว่าผมสำคัญกับคุณ..แม้จะไม่รู้ว่าฐานะไหน แต่การกระทำของคุณน่ะ..ทำให้ผมคิดได้แต่...แค่ว่าผมไม่มีความสำคัญอะไรกับคุณเลย..”
“..........” พี่โตนิ่วหน้ากับสรรพนามที่เริ่มห่างเหินซึ่งผมหยิบยกมาใช้..นั่นทำให้ผมยิ้มออกมา..เมื่อรู้สึกว่าทำให้คนฟังได้รุ้สึก...อะไรกับสิ่งที่ผมพูดเสียบ้าง..
“..มันก็ไม่ใช่เรื่องอะไรที่ผมจะหยิบมาเรียกร้องความสนใจหรือเอามาอ้างได้ใช่มั้ยล่ะ...แต่รุ้ไหม? ที่คุณทำวันนี้น่ะ..มันทำให้ผมรู้สึกแย่ว่ะ..คนอื่นเขามองเห็นว่าเราอยู่ใกล้กันแค่นี้ แต่ไม่ได้รุ้เรื่องรู้ราวอะไรเลย..ไม่รู้หรอกน่ะว่าในคุกที่ผมเพิ่งจะได้เข้ามาเนี่ย..มันมีกฏเกณฑ์หรือข้อห้ามอะไรที่วางไว้ไม้ให้ลูกพี่อย่างคุณ..ทำอะไรกับลูกน้องได้บ้าง..”
“...แต่ผมแค่อยากจะถามให้คุณได้ลองคิด...ว่าการที่คุณให้คนที่ไม่รู้อิดโหน่อิเหน่ ไม่รู้เรื่องอะไรเลยไปต่อสู้เพื่อคุณ หรือไปทำอะไรตามที่คุณสั่งจนบาดเจ็บ..หรืออาจจะตายเนี่ย..ค่าตอบแทนของพวกเขามีแค่การได้ใช้ชีวิตอยู่อย่างสงบสุขท่ามกลางการอยู่ใต้เงาของคณแค่นั้นเหรอ?..ไม่คิดว่าเขาจะอยากรู้หรืออยากมีส่วนร่วมอะไรบ้างรึไง?..ผมที่เพิ่งมาอยู่ก็ไม่ได้อยู่ในฐานะจะพูดอะไรได้มากหรอกน่ะ..แต่แค่อยากจะบอกว่า การที่คุณปิดไม่ให้เรารู้ แล้วให้เราไปรู้จากคนอื่นน่ะ ไม่ใช่เรื่องฉลาดเลย มันทำลายความเชื่อใจ..มันเหยียบลงไปบนความไว้ใจที่เรามอบให้..”
“..มันไม่ได้ทำให้อะไรดีขึ้นเลย....นอกจาก...รู้สึกแย่..และ..ไม่ไว้ใจคุณอีกต่อไป..”
“..ถ้านั่นเป็นความรู้สึกของ”เรา” ที่มึงว่า..แล้วตัวมึงล่ะ..รู้สึกยังไง...” พี่โตออกปากถามผมหลังจากเงียบไปนาน...ผมหรี่ตาลง..ฟังคำถาม ก่อนจะถอนายใจเฮือก
“..ก็รู้สึกว่าพี่ไม่ให้ความสำคัญกับผม และไม่สนใจจะบอกเล่าอะไรให้ผมเลย เป็นแค่ปลิงที่เกาะอยู่บนตัวควายโดยที่ไม่รู้เลยว่าควายตัวนั้นคิดยังไง..และสักวันก็อาจจะถูกสลัดลงไปโดยที่ไม่รู้อะไรเลยเหมือนกัน..”
“........... “ ไม่รู้ว่าพี่โตจะเข้าใจไอ้เรื่องที่ผมเปรียบเทียบรึเปล่า แต่รู้แน่ว่าไม่ได้ดีใจที่ถูกเปรียบเทียบว่าตัวเองเป็นควาย..
“..นั่นทำให้ผมคิด...ว่าผม...ไม่ได้มีความสำคัญอะไร...และไม่ต้องอยู่ข้างๆก็ได้...ไม่ใช่รึไง?..”
“...นั่นก็จริง...” พี่โตรับคำด้วยรอยยิ้ม.. ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมาและกระชากแขนผมให้ถลามาแนบอกตัวเองแรงๆ..
“..แต่ช่วยไม่ได้...ที่ควายอย่างกูไม่คิดจะสลัดปลิงอย่างมึงไปไหน...”
“..นี่....ที่ผมพุดมันไม่ได้ซึมเข้าสมองเลยรึไง !!” ผมตะโกนกรอกหูพี่โต ดิ้นกระแด่วๆอยู่ในอ้อมแขนที่รัดตัวเองแน่นๆ..
“..ไม่รุ้สิ ..ยอมรับว่ามึงนี่ท่าจะไปฝึกพุดสุนทรพจน์มา..พูดจาสุภาพแต่บาดใจชิบหาย..” พี่โตหัวเราะ แล้วออกแรงรัดผมแน่นขึ้นอีกจนกระดุกแทบหัก..”..แต่ว่า..โทษน่ะเว้ย....นักโทษอย่างกูน่ะ ฟังภาษาแบบนั้นแล้วไม่ได้เข้าใจมากขึ้นไปกว่าคำพูดที่มึงบอกกูว่าเป็นปลิงติดอยู่บนตัวควายหรอก..”
“...นี่....ก็หัดคิดบ้างสิ..ผมไม่พอใจน่ะ ทุกคนก็ด้วย ทำไมทำเหมือนระ.... !!” ผมพยายามบิดตัวออกจากอ้อมแขนแข็งแกร่ง แต่ก็ทำได้แค่พยายามเพราะยังไงมันก็หลุดออกมาไม่ได้ซักนิด..
“...เหอะ...ก็แค่พุดว่างอนกูที่ไม่ยอมบอกอะไรเลย แค่นั้นก็จบแล้ว..” พี่โตหัวเราะ แล้วคลายอ้อมแขนที่เขย่าตัวผมไปๆมาๆได้ในที่สุด ก่อนจะผลักผมจนเซถลา
ตุ๊บ !!..
ผมครางโอดโอย..มือกุมหลังตัวเองที่อาจจะหักได้เพราะทิ้งตัวลงบนพื้นอย่างแรง ดีที่ไม่ใช่พื้นปูนแต่เป็นพื้นดินผสมกับแกลบดำและปูนขาว...มันเลยนุ่มกว่าที่คิด..
“...หึหึ..ไอ้ดอกเตอร์..นอนอยู่ตรงนั้นแหละ..เดี๋ยวนักโทษอย่างกูจะแถลงทุกความสงสัยของมึงให้กระจ่างเลย..” เอ่อ...ถ้อยคำแบบนั้นมันไม่ได้ช่วยให้ผมเข้าใจอะไรมากขึ้นเลยซักนิด เพราะตอนนี้...ร่างทั้งร่างของไอ้พี่โตก็กระโจนขึ้นมาคร่อม เอาเข่าทั้งสองข้างกักไว้ไม่ให้ผมขยับไปไหน..
“..เฮ้ย...นี่มันไม่ใช่...อื้อ...” ผมอ้าปากจะท้วง แต่พี่โตก็เอามือปิดปากผมไว้ และแสยะยิ้มทีทำเอาขนลุกวาบ..
“..เหอะๆ...ทำกูหงุดหงิดตั้งแต่ไอ้คุณๆผมๆนั่นแล้ว..แสลงหูจริงๆ...”เสียงกระซิบนั้นทำเอาเสียวสันหลังวาบ ผมหันไปมองซ้ายมองขวา พยายามมองหาคนหรืออะไรก้ได้ที่น่าจะอยู่แถวนี้..แต่เปล่าเลย..ไม่มีใครอยู่ซักคนเพราะตอนนี้ฝนตกหนักแบบนี้ จะมีก็แต่ไอ้บ้าเท่านั้นแหละที่จะโผล่ออกมาเดินท่อมๆอยู่...
“..อ๊ากกกก..อย่าน่ะเว้ยยยย เดี๋ยวก็ฟ้าผ่าหรอก พี่โต..หยู๊ดดดดดดดดดดดดด..” ผมร้องลั่นเสียงแต่พี่โตไม่ได้สนใจจะฟัง คนตัวโตเอามือปิดปาดผมไว้อีกรอบ และเริ่มสาธยายความหงุดหงิดออกมาท่ามกลางสายฝนที่ตกลงมากระทบใบหน้าผมและร่างกายที่ทาบทับอยู่..
“..อีกอย่างน่ะ...ตกปากรับคำว่าจะอยู่ข้างๆก็แล้ว...รอแค่ความตายมาพรากเท่านั้นล่ะ..มึงถึงจะหนีไปจากกูได้...ไอ้เนม...”
ถ้อยคำที่รู้เอาก็ตอนสายไปแล้วยิ่งชวนให้ผมช็อคมากกว่าเดิม สายตาที่เลือนรางเพราะหยดน้ำฝนที่ตกลงมาใส่หน้ามองเห็นพี่โตยิ้ม...และ...เริ่มปฏิบัติการล่อฟ้าผ่าทั้งกลางวันแสกๆอย่างรวดเร็ว...
อ้ากกกกกกกกกกกก ผมจะไม่สงสัยอะไรอีกแล้วววววววววววววววววววววววว...
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
ตอนหน้าจะเป็นบทสรุปของสามผี..และ..โปรดเตรียมเลือดสำรองมาด้วยน่ะค่ะทุกท่าน..หุหุ
ส่วนตอนนี้...
พี่กันย์กลายมาเป็นลุกน้องของพี่โตตามคำสั่งของป่าและลุงชาติ เจ้านายของทั้งสองคนค่ะ พี่โตเป็นหัวหน้าแกงค์ พี่กันย์เป็นรอง ทุกคนต้องฟังคำสั่งพี่โตเป็นหลักแต่ยังไงในแกงคืก็แตกเป็นสองกลุ่มหลักๆอยุ่ดีค่ะ..
ส่วนที่เนมเอารุปไปให้พี่วิทย์ ก็เพราะ พี่วิทย์เป็นเป้าหมายโดยตรงของรูปที่พี่กันย์ฝากมาให้ เพราะถ้าเอาให้เมฆ เมฆก็อาจจะหวั่นไหวคิดถึงความสัมพันธ์ครั้งก่อนๆและกลับมาหาพี่กันย์ซึ่งจะเป็นไปตามที่พี่กันย์คาด และวิทย์ก็คงไม่พอใจแน่..ส่วนถ้าเอาให้พี่กันย์ ผลก็คงไม่ต่างกัน ดังนั้นถ้าเอาให้วิทย์ วิทย์จะเป็นคนตัดสินใจได้ค่ะ ว่าจะทำไงต่อไปดี..
ส่วนเรื่องเนมกับพี่โต...ง่ายๆก็คือเนมมันไม่พอใจที่ไม่รู้อะไรเลย ก็พาลไปคิดรวมๆทบตั้นทบดอกกับสิ่งที่พี่โตมันว่าและทำมาในตอนก่อนๆ เลยหงุดเงี้ยวเช่นนี้..นานๆทีน้องเนมจะพุดจาอะไรแบบผู้ใหญ่ ประชดแดกดันกันอย่างน่ารักซะบ้างแบบนี้.. ก็แปลกไปอีกแบบเนอะ..แต่ก็ไม่เป็นไรหรอก พี่โตแกจะจัดการให้