Imprison 47: พบกันอีกครั้ง
“..ไอ้เนม...เอ็งทำอะไรเฮีย..”
“..ไอ้เนม..มึงมะไรกับเฮียป่าวว่ะ..”
“..ไอ้เนม..เฮียแกเป็นอะไร..”
“..ไอ้เนม...”
“..ไม่รู้เว้ย !! “ ผมหันไปตะคอกใส่คนถามอย่างหงุดหงิด อารมณ์เสียกับไอ้พวกพี่ๆที่วนเวียนเข้ามาถามเป็นรอบที่ร้อยแล้วว่าเกิดอะไรขึ้นกับพี่โต..
ผมจะรู้ไหม?..แล้วทำไมต้องมาถามผมด้วยล่ะ !!
ผมถอนใจเฮือก สถบออกมาอย่างหงุดหงิด ก่อนจะเหล่มองพี่โตที่นั่งอยู่อีกฝั่งของห้องขัง ด้วยใบหน้าที่เรียบเฉยเป็นปกติ...ปกติจนแทบไม่มีคนสังเกตเห็น..
ทว่า...ในสายตาของคนเคยคุ้น ความเป็นปกติของี่โตกลับบอกอะไรบางอย่างที่น่ากลัวเสียจนไม่มีใครอยากเข้าใกล้..
มองแล้วผมก็ได้แต่เม้มปากแน่น..ไม่อาจมองเป็นอย่างอื่นได้ว่าที่เขาเป็นแบบนี้ก็คงเพราะเมื่อวาน..เมื่อวาน.ที่ผมเดินหนีออกมาอย่างนั้น..
แล้วไง?..
ผมอดคิดอย่างพาลๆไม่ได้ ก็ผมไม่ยอม ไม่ตกลง จะทำไม?..
แลกกับการให้ไอ้พี่โตทำหน้าตาเริงรื่นมีความสุขอย่างเดิม..แทนที่กับการที่ผมจะไปนั่งเป็นตุ๊กตาเสียบกบาลอยู่ข้างๆ..นั่งอยู่ใกล้ๆ..ถูกกอดถูกหอมไปตามเรื่อง..จะดีกว่างั้นเหรอ?
ไม่ดีกว่าแน่นอน..แต่...ทำไมเสี้ยวหนึ่งในความคิดของผม..ถึงอยากให้มันเป็นแบบนั้นล่ะ..?
ผมเบือนหน้าหนีภาพที่พี่โตถลึงตาใส่พี่ทินที่ไปเก้อเร้อเก้อติกอยู่ใกล้ๆ อย่างไม่สนใจแต่พลันก็รู้สึกถึงแรงแตะตรงปลายเท้าแรงๆ..
ป๊าบ !!
“โอ๊ย !!! “
“..เดี๋ยวนี้กล้าตวาดใส่กุเหรอมึง? คนเขาอุตส่าห์มาเรียก ไม่สำนึกบุญคุณเลยไอ้ห่า..” ไอ้คุณพี่แม้กพูดพางซักผลั่วเข้ากลางกระหม่อมของผมแรงๆ จนไอ้เนมต้องครางอูย..ก็ใครจะรู้ล่ะฟ่ะก็มีแต่คนมาถามเรื่องพี่โต ไอ้เราก็นึกว่าใช่เลยเผลอว่าไปแบบนั้น..
“...แล้ว...มีอะไรล่ะครับ...” ผมออกปากถามไป.ขณะที่พี่แม้กก็หรี่ตามอง
“..วันนี้วันอาทิตย์ไง..” ครับ?..ผมทำหน้างงใส่คนพูด วันอาทิตย์แล้วไง?..
“..วันนี้วันอาทิตย์ วันเยี่ยมญาติ !! มึงอยู่ในนี้ครบสามเดือนแล้วเลยมีคนมาเยี่ยม เข้าใจรึยัง !! “ รายนี้ท่าจะหงุดหงิดเลยตะคอกใส่ผมดังลั่น “ เป็นอะไรว่ะ ตะกี้ไปบอกเฮียว่าแฟนมาเยี่ยมก็อีหรอบเดียวกัน ปกติพวกเอ็งต้องดีใจกันไม่ใช่เหรอห๊ะ??”
ผมลุกพรวดออกจากเรือนจำอย่างรวดเร็วไม่สนใจคำกล่าวของพี่แม้กอีก มองเห็นผู้คุมยืนอยู่และพยักเพยิดเชิงให้เดินตามมาด้วย จึงได้แต่เดินตามด้วยอาการดีอกดีใจจนออกนอกหน้า..ก็ถ้าคุณมาอยู่ในที่แบบนี้และกำลังเจอปัญหาแบบผม..จะดีใจมั้ยเล่า?..
“..ไอ้โตล่ะ.. “ คำถามของผู้คุมที่เผื่อแผ่ไปยังคนในห้องขังทำให้ผมชะงัก “ เมียมันมาเยี่ยมนี่..นั่งอยู่ตรงนั้นทำไม?..เดี๋ยวก็*ตกรถหรอกมึง..”
“...แปปนึงคร้าบ ~~ “ พี่ทินร้องบอกพลางออกแรงฉุดกระชากลากถูให้พี่โตลุกขึ้น..ขณะที่ผมมองตาม แต่เมื่อคนตัวโตเดินมาทางปากประตูทางออก..ผมกลับหลบตาวูบ แสร้งมองไปทางอื่น..
ผมสูดหายใจลึกพลางจ้องมองกำแพงสีหม่นอย่างเหม่อลอย พยายามบอกตัวเองให้คิดถึงแม่...ผู้กำเนิดที่มาเยี่ยมในวันนี้ วันที่ผมเฝ้ารอคอยว่าจะได้พบ..วันที่ผมวาดหวังไว้ตลอดมา
...แต่ทำไม...ทั้งที่เป็นแบบนั้น ผม...ทำไมถึงกล้าจะลืมมันไปได้..
“...รอตรงนี้..” ผู้คุมบอกเสียงเข้ม นั่นทำให้ผมสะดุ้งและละออกจากภวังค์ พบว่าตัวเองกำลังยืนนิ่งอยู่ตรงประตูเหล็ก..ประตูที่ผมจำได้ดีพอควร ด้านในนั้นเป็นโต๊ะเก้าอี้ ที่จัดไว้อย่างมีระเบียบห้าหกแถวมีโทรศัพท์สาธารณะอยู่สี่ตู้ และผู้คุมที่ยืนประจำโดยรอบ..
..ขอบตาของผมร้อนผ่าว..ใช่..ตรงนี้คือที่เยี่ยม..สำหรับญาตินักโทษที่จะมาเยี่ยมเยียน สถานที่ซึ่งผมอยากมาเหลือเกิน..
...และเป็น...ที่ๆ”คนสำคัญ”ของพี่โตจะมาเจอกันด้วยใช่ไหม?..
ความคิดนี้แว้บผ่านมาในสมองแค่เพียงชั่วแล่น..แต่กลับตกค้างอยู่ในความนึกคิด ผมยังจำได้ว่า..เคยมาที่นี่..เคยเห็นหน้าผู้หญิงคนนั้นและเคยมองเห็นใบหน้าที่เปี่ยมรอยยิ้มแสนสุขของ..พี่โต..
ผมยืนนิ่ง ไม่อยากจะหันหลังไปมองหน้าคนที่ยืนต่อแถวด้านหลัง..ผมรู้ดีว่าตัวเองนั้นไม่มีสิทธิจะมาต่อว่าอะไรพี่โต..ที่...ยังมีใครอีกคนอยู่ในใจ..
...แม้ผมจะเจ็บปวดที่ได้รู้...แต่ในเมื่อคำว่าชอบของเขา..ไม่ได้ทำให้ผมเชื่อมั่น และไม่ได้ทำให้ผมรู้สึกถึงสิ่งนั้นจริงๆแล้วล่ะก็..การที่เขาจะมีคนที่รักมากนักหนาคนนั้นอยู่..ก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร..
..เพราะความรักของพี่โต...ไม่ควรมีเผื่อแผ่มายังผมอยู่แล้ว..
แอ๊ด.....
เสียงเปิดประตูเหล็กทำให้ผมชะงัก..เงยหน้ามามองภาพเบื้องหน้า กวาดสายตาไปทั่ว...ก่อนจะสะดุดกับร่างเงาหนึ่งที่นั่งอยู่ตรงนั้น..
...ขอบตาผ่าวร้อน...นิ้วมือสั่นระริกและหัวใจล้นปรี่ด้วยความรักและคิดถึงจนทนไม่ไหว..
ผมถลาไปหาผู้หญิงคนนั้นทันที ทิ้งความสับสนและเจ็บปวดกับเรื่องราวทั้งหลายไว้เบื้องหลัง โผเข้ากอดผู้หญิงที่ตัวเองรักกว่าใคร..คนที่ผมมั่นใจว่าเธอเองก็รักผมมากที่สุดเหมือนกัน !..
“..แม่......” ลำคอแห้งผาก...ริมฝีปากสั่นระริกไหว..ทันทีที่ผมโผเข้ากอดซุกไซ้ร่างอุ่นๆของแม่น้ำตาแห่งความคิดถึงและตื้นตันก็พลันจะไหลออกมาอย่างกลั้นไม่อยู่..
“...เนม...ลูก.... “ ผมได้ยินเสียงเรียกออกมาเบาๆด้วยน้ำเสียงสั่นไหวของแม่..ผมจึงกอดร่างของแม่แน่นขึ้น..ซบใบหน้าลงกับหัวไหล่และอกอุ่นที่ผมคุ้นเคย..อ้าแขนกอดแม่ให้แน่น...แน่นที่สุดเท่าที่ผมจะทำได้..
“...แม่..แม่ครับ...ผม.... “ ผมพูดเสียงสั่นด้วยความดีใจ น้ำตาไหลพรากลงข้างแก้มด้วยความดีใจจนพูดไม่ออก แต่กระนั้นก็ยังพยายามเค้นเสียงออกมาเบาๆ “...ผมคิดถึงแม่...คิดถึงน้อง.....”
....ผมคิดถึงบ้าน...บ้านหลังน้อยที่ผมอยู่มานับสิบกว่าปี..
...ผมคิดถึงพ่อ...พ่อที่แม้จะจากไปแต่ก็ยังอยู่ในใจผมเสมอ...
....คิดถึงแม่....แม่ที่แสนใจดีและคอยดูแล..
...คิดถึงน้องสาวคนสำคัญ..คิดถึงเพื่อนๆ..คิดถึงสังคมภายนอก...คิดถึงทุกสิ่งทุกอย่าง”ข้างนอก”นั่น...
“...แม่ก็เหมือนกัน.. “ แม่กระซิบบอกกับผมเบาๆ พลางเอื้อมมือมาประคองใบหน้าผมให้สบกับแววตาคู่ที่แสนเคยคุ้นซึ่งชุ่มไปด้วยหยดน้ำตา มือนุ่มๆสีขาวนวลเอื้อมปากน้ำตาบนใบหน้าผมเบาๆและยิ้มออกมาด้วยรอยยิ้มที่สดใส “...แม่คิดถึงลูก...คิดถึงมาก..”
“...ผม....”..วินาทีนั่นผมอยากบอกแม่ว่าอยากลับบ้านเหลือเกิน..อยากให้ทุกอย่างที่เคยผ่านมาเป็นแค่ความฝัน..ฝันร้ายๆที่เราเพิ่งจะลืมตาตื่น..ฝัน...ที่ไม่ใช่ความจริง..หรืออย่างน้อยก็ฌขอเป็นแค่ค่ายหักแรมหรืออะไรก็ได้..ทว่า...ผมก็รู้..รู้ดีเชียวว่าจะไม่สามารถทำอย่างที่อยากทำได้..ดังนั้น การบอกว่าตัวเองมีความทุกข์..ไม่ม่ความสุขและอยากออกไป..มันก็คล้ายการทำร้ายแม่ดีๆนี่เอง..
ผมผละออกจากอ้อมแขนของแม่ แต่ก็ยังงอแงไม่เปลี่ยนด้วยการเอนตัวไปนอนบนตักนุ่มๆของแม่หน้าตาเฉย...ผมนอนกอดเอวแม่ไว้แน่น..พลางอมยิ้มและหลับตาลงซึมซับความอบอุ่นของผู้ให้กำเนิด..
มือนุ่มๆของแม่ลูบเส้นผมบนศีรษะของผมที่สั้นกุด..แต่ขณะที่ผมหลับตากลับรู้สึกถึงปลายนิ้วที่สั่นระริก..
“..เนม...ลำบากไหมลูก...” แม่ถามออกมาเสียงสั่น มือคู่นั้นค่อยๆลูบแก้มผมเบาๆอย่างทะนุถนอม.. “ ผอมไปตั้งเยอะเลย..กินข้าวน้อยไปรึปล่า..แถมยังมอมยังกะแมวคราว..ที่ไหล่ก็มีรอยชำอะไรไม่รู้...ไม่...”..
“.....ไม่เป็นไรครับแม่..ไม่เป็นไร.. “ ผมลุกจากตักนุ่ม โผกอดแม่แน่น..รู้สึกถึงอาการสั่นระริกของคนในอ้อมแขน.. ผมรู้ดีว่าสภาพของตัวเองไม่ดีเท่าไหร่..หากเทียบกับลูกรักที่แม่ดูแลประคบประหงมมาสิบกว่าปี..เด็กหนุ่มที่เคยดูดี..ผิวขาว แก้มนุ่มๆและแววตารื่นเริงเปลี่ยนไปแล้ว..ผมรู้ดี..ตัวผมตอนนี้เป็นเพียงนักโทษตัวคล้ำ..ใบหน้ากระดำกระด่าง ซูบผอมและมีแผลทั่วตัว...
“..อย่าทำหน้าแบบนั้นสิครับ..ผมกำลังโตขึ้นต่างหาก..ผมเป็นหนุ่มแล้วน่ะแม่ ดูสิ กล้ามโตขึ้นเยอะ เห็นไหม?..เห็นไหมๆ..” ผมถลกแขนเสื้อเบ่งกล้มให้แม่ดูอย่างหวังให้คนมองนึกขำ..แม่มองผมแล้วยิ้มออกมาบางๆ..พลางเอื้อมมือลูกแขนผมเบาๆ..
“..ผอมขนาดนี้ยังจะมาโชว์กล้ามอีก..วันนี้แม่ทำกับข้าวมาด้วยน่ะ...”.. แม่ว่าพลางเอื้อมมือหยิบปิ่นโตสีเหลืองเถาใหญ่มาให้ดู...ผมกอดเอวแม่แน่นพลางเอาหน้าซุกไหล่ และชะโงกมองอาหารในปิ่นโตด้วยความตื่นเต้น..
เพราะอาหารของแม่..อร่อยที่สุดในโลก..
ผมหอมแก้มแม่ฟอดใหญ่จนถูกดุ...พร้อมๆกับนั่งทานอาหารและคุยสารทุกข์สุขดิบกับแม่ตลอดเวลา..จนกระทั่งผู้คุมบอกเวลา..ว่าเหลือเวลาเยี่ยมเพียงหนึ่งชั่วโมง..
“.......................” ผมได้เพียงแต่ยิ้มให้ขณะที่ใบหน้าของแม่หมองเศร้าลงอย่างเห็นได้ชัด..เศร้าใจที่ต้องจากกัน..แต่ไม่อยากให้แม่สบายใจ..
“....มีอะไรไม่สบายใจรึเปล่า?...” แม่ถามออกมาเบาๆ..ขณะที่ก้มมองผม ซึ่งตอนนี้กำลังนอนตักแม่อีกรอบ..
“...ผม.....” งักไปด้วยไม่รู้จะพูดยังไงดี..ผมถอนใจเฮือก..”...ไม่มีอะไรหรอกครับ...”
“...อย่ามาปิดแม่สิ..ไม่สำเร็จหรอกน่ะ..” แม่บอก..นั่นทำให้ผมชะงัก..และหันไปมองทางอื่นอย่างไม่ยอมสบตา..
“...แม่เห็นลูกท่าทางเหม่อๆ..เศร้าๆน่ะ...ตาแดงด้วย..ร้องไห้ใช่ไหม?..” แม่ถามออกมา..ยิ้งทำให้ผมต้องพลิกตัวหนีคำถาม..แต่พอพลิกไปมองอีกด้าน..กลับต้องพลิกตัวหนีแทบไม่ทัน..
...ไม่น่าหันไปทางนั้น..
...ไม่น่าหันไปมอง..คนรักเขากำลังกอดกันกลม..
...ไม่น่า...เลย...
“...เนม....บอกแม่มาสิ...ลูก....” แม่ยังตั้งท่าจะถามต่อ..ผมจึงเอื้อมมือไปจับมือแม่ไว้..และเงยหน้าไปสบตา..
“..แม่...สมมุติน่ะ...สมมุติ... “ ผมพูดออกมาอย่างครุ่นคิด “..คือ...เนมอยากรู้...แต่ไม่รู้จะพูดยังไงดี... “
“..อะไรล่ะ..?... “ แม่ถามอย่างไม่เข้าใจ ขณะที่ผมก็ขมวดคิ้ว...
“...จนถึงตอนนี้..ผมก็ยังไม่รู้เลย..ว่า...มันคืออะไร...” ผมถอนใจเบาๆ..พลางเอื้อมมือกอดเอวแม่แน่นขึ้น..
“..มันทำให้ลูกไม่สบายใจรึเปล่า?..” มือของแม่ลูบเบาๆ..นั่นทำให้ผมผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย..
“..แม่...เนมไม่รู้...”
“.......................”
“..เนมก็ไม่รู้..เขาก็ไม่รู้...ไม่มีใครรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น..ไม่มีใครรู้เลยซักอย่าง...” ผมเม้มปากแน่น จ้องมองเสื้อสีเข้มของแม่อย่างหดหู่ “...คือ...เรื่องนี้มัน....”
...มันเริ่มจากไหน...ผมก็ยังไม่รู้..และมันเหมาะจะเล่าให้แม่ฟังเหรอ?...จะโยนความไม่สบายใจให้แม่อีกหรือไง?
“...ไม่รู้...แต่ก็ลองพูดมาสิ..ถ้าบอกมา..แม่อาจจะรู้ก็ได้.. “ แม่พูดออกมาแบบนั้น ทำให้ผมถอนใจเฮือก เงยหน้าขึ้นสบตาหญิงวัยกลางคนที่มีเค้าหน้าและดวงตาคล้ายคลึงกับผม..เห็นแม่เป็นผู้หญิงตัวเล็กๆแบบนี้..แต่ผมรู้ดีว่าแม่เข้มแข็วง อาจจจะเข้มแข็งมาก...จนผมนึกไม่ถึงก็ได้..
เพราะหากแม่ไม่เข้มแข็ง...ทั้งผม..ทั้งน้อง...เราสามคน คงจะล้มลงและไร้ทางเดินต่อนับแต่พ่อเสียไป..
...แต่เพราะแม่..แม่ที่คอยดูแลอยู่...นั่นทำให้ผมกับน้องสามารถยืนหยัดอยู่ได้..
“...คือ...แม่...แม่เคยรักใครใช่ไหม?..แม่รักพ่อ..แม่รัก...เขา...ใช่ไหม?.. “ ผมออกปากถามไปอย่างลังเล..แม่ของผมที่แต่งงานสองครั้ง..กับ..พ่อและ...เขาคนนั้น...
...ปีศาจที่บัดนี้ความเกลียดชังในใจผมเริ่มทุเลาลง..เขา....เขาที่แม้จะไม่ใช่พ่อแท้ๆ..แต่...ก็ถือว่ามีบุญคุณ..
ผมพยายามจะไม่ว่าร้ายเขา..ไม่ด่าทอหรือเคียดแค้นเขา..เพราะไม่อยากทำให้แม่ไม่สบายใจ..
“...รัก...สิ.....” แม่ตอบรับออกมาพร้อมกับถอนใจเบาๆ “ ถึง..มันจะไม่ใช่ความรักแบบเดียวกันก็เถอะ..”
“...ยังไง?... “
“..รัก...ที่แม่รักพ่อ..เรารักกันจริงๆ..รักอย่างที่อยากผูกพันอยากสร้างครอบครัวด้วยกันและอยู่เคียงข้างกันชั่วชีวิต...แต่กับ...เขา.... แม่ยอมรับว่าความรักของแม่มีเงื่อนไขกับเขาอยู่มาก..แม้จะรัก...แต่...ยังไงมันก็ไม่เหมือนกัน...”
“...งั้น...ผมขอถามอะไรซักอย่างน่ะ.. “ ผมลุกขึ้นมาจากตักของแม่..พลางจ้องหน้ามารดาตัวเองเขม็ง..
“...............” แม่พยักหน้าแทนคำตอบ..
“..สมมุติน่ะแม่...ถ้า..ถ้าเกิดมีคนๆนึง..บอกให้เรารอ...รอมให้เขารักเรา..รอให้เขาอยากอยู่ข้างๆ รอให้เขารู้สึกดีด้วย..ให้เราอยู่กับเขาเพื่อรอแบบนั้น..แม่จะทำไหม?..”
“..เอ๋?... “แม่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ..แม่งงใช่ไหมครับ...ผมก็งง และยังไม่รู้จะจัดการยังไงดีเลยเนี่ย..
“...คือ..เรากับคนๆนั้นน่ะ...รู้จักกัน...ทำหลายๆอย่างร่วมกันมานาน...จนวันนึง..เราเริ่มรู้สึกแปลกๆกับเขา..และเขาก้เหมือนกัน...” ผมพูดขณะที่แม่พยักหน้าหงึก...ผมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองหน้าร้อนขึ้น งี่เง่าเป็นบ้าที่เอาเรื่องนี้มาคุยกับแม่...ถ้าแม่ร้ว่าคนที่ผมพูดถึงเป็นผู้ชาย...แม่คง....
แต่จะให้ทำยังไงเล่า..ก็ผมมีใครให้ปรึกษาที่ไหน เก็บอะไรไว้มากๆโดยไม่พูดอะไรกับใคร โจทย์ออกมาเราก็คิดๆด้แต่แบบเดิมๆอะไรเดิมๆ..เพราะคิดอยู่คนเดียวไม่ปรึกษาใคร..
...เพราะอย่างนั้น..ผมถึง...
“...แต่...เขามีคนรักอยู่แล้ว..รักมากด้วย..แถมการกระทำของเขายังคลุมเครือซะเหลือเกิน..จนแทบไม่รู้ว่ารักหรือเกลียดกันแน่..แต่ถึงเป็นแบบนั้น..เขาก็ยังเข้าใกล้และบังคับเราให้อยู่ข้างๆแบบนั้น...ไม่ได้ใส่ใจว่าเราจะรู้สึกยังไงเลย...”
ผมมองหน้าแม่...เม้มปากแน่นเมื่อคิดถึงระยะเวลาเหล่านั้น รู้สึกถึงความแสบร้อนตรงกระบอกตา..บ้าเอ๊ย...
“..แล้วพอถามออกไป...เขาก็ตอบได้แค่ว่า..”..ไม่รู้..” แค่คำๆนี้เท่านั้น..ทั้งที่ทำให้เราสับสนและไม่รู้จะทำยังไง..แต่เขาก็ยังบอกให้เราอยู่ข้างๆ..แล้วยังเอาแต่บอกว่าไม่รู้ๆๆๆๆๆ อยู่แบบนั้น...แม่ว่าเขาเห็นแก่ตัวไหม?..แล้วแม่คิดว่าที่เราไม่ยอม..มันผิดไหม?..มันแย่ไหม?..”
แม่มองหน้าผม...ก่อนจะนิ่งเงียบ..มองอยู่แบบนั้นจนผมชักจะหน้าเสีย..กลัวว่าแม่อาจจะรู้..ไม่สิ...ผมพูดมาขนาดนี้แล้วใครจะไม่รู้..ผมว่าแม่รู้...รู้แน่ว่าหมายถึงผมกับใครสักคน..และ...อาจจะรู้มาก่อนแล้วด้วยซ้ำว่าผม..รู้ว่าไอ้เนม...ชาตินี้อาจจะไร้แฟนสาว...คิดแล้วเศร้าว่ะ..
“...แล้วเนมรู้สึกยังไงกับเขา...” แม่ถาม..แต่กลับทำผมสะดุ้ง..
“..แม่...คือ..ไม่ใช่..ไม่ใช่น่ะ...คือไม่ใช่ผม...ผม..เอ่อ....”
“..ก็ได้ๆ..งั้น..คนๆนั้น...รัก..คนที่เอาแต่บอกว่าไม่รู้นั่นรึเปล่าล่ะ?..”
“..........” เอ๋?....
ผมนิ่ง กระพริบตาปริบๆมองแม่ที่ตั้งคำถามออกมา..
...รัก....รึเปล่า..?....
ผมนิ่ง...คิดถึงใบหน้าของพี่โต...และ...ทุกสิ่งที่ผ่านมา..
กอด...แขนแข็งแรงที่กอดผมไว้แน่น..
ใบหน้าที่โน้มเข้ามาหา...ยามที่จะ..จูบ...
น้ำเสียงที่กระโชกแข็ง..ทว่าบางครั้ง..กลับ...นุ่มนวลอ่อยโยน..
...รัก..รักไหม?...รักคนๆนั้นไหม?...
“....ผม.....ผม....” ผมตะกุกตะกัก รู้สึกว่าตัวเองหน้าแดงจัด...รักไหม?..รัก...ไม่รัก..
“..ว่ายังไงล่ะ...”
“..แต่เขาบอกว่าไม่รู้น่ะแม่..” ผมออกปากท้วง..” ทั้งๆที่เขาบอกว่าไม่รู้..แต่เขาก็ยังให้เราอยู่ด้วย..มันเห็นแก่ตัว..เห้นแก่ตัวน่ะแบบนั้น...”
“...มันก็ใช่...แต่...ลองถามตัวเอง...ไม่สิ..คนๆนั้นน่ะ...ถามเขาดูสิว่ารู้สึกยังไงกับคนเห็นแก่ตัวคนนั้น.. “ แม่มองหน้าผมและออกปากสั่งสอน “ คนเราน่ะลูก..จะรักจะเกลียดกันมันมีร้อยพันสาเหตุ...แต่ไม่คิดบ้างเหรอ..ว่าใครให้อะไรเราแล้ว เราก็ต้องให้เขาตอบแทน...เขาบอกว่าไม่รู้...แล้วตัวเราล่ะ...คนๆนั้น..ล่ะรู้สึกยังไง..รักไหม?..เกลียด..หรือว่า..ไม่รู้...เหมือนกัน...”
“...........”..ผมส่ายหน้า พึมพำคำว่า”ไม่รู้” ออกมาเบาๆ..
“..ถ้าเป็นแบบนั้น..จะว่าเขาเห็นแก่ตัวไม่ได้หรอกน่ะ..”
“..เขาบอกว่าชอบ..” ผมกระซิบบอกเบาๆ..”...แต่..ผะ...เอ๊ย...คนๆนั้น ไม่ยอมเชื่อ..”
“...พอเขาตอบว่าไม่รู้ก็ไม่พอใจ...แต่พอเขาบอกว่าชอบไปก็ไม่เชื่อ..แถมยังไม่รู้ว่าตัวเองคิดยังไงอีก..” ผมพยักหยักหน้าหงึก..นี่ไม่เกินสิบนาที..แม่ผมใจเรื่องทั้งหมดได้ทะลุประโปร่งขนาดนี้เลยเหรอ?..
“...ถ้าอย่างนั้น..ทำไมไม่ลองอยู่ตรงนั้นดูล่ะ...” เอ๋....
“...แต่ถ้าทำแบบนั้น..ก็ต้องเจ็บไม่ใช่รึไงครับ..” ผมหันไปถามอย่างงงๆ..
“..อ้าว...ก็ไหนบอกว่าไม่ได้ชอบ..แล้วทำไมถึงเจ็บ...” แม่ผมอมยิ้ม เอียงคอถามเหมือนกำลังไล่ผมจนมุม..
“...แต่..ความจริงคือไม่รู้.ต่างหาก...” ผมบ่นพึมพำเบาๆ..
“..ถ้าเป็นแบบนั้น..จะว่าเขาเห็นแก่ตัวไม่ได้หรอกน่ะ..ในเมื่อต่างฝ่ายก็พอกัน” แม่ถอนใจแล้วบ่นออกมา “ ความรักไม่ใช่การเอาชนะ อย่ามากลัวเสียฟอร์มหรือกลัวหน้าแตก..อย่าให้ความโกรธความเกลียดระแวงหรือเรื่องในอดีตมาบดบัง..ทุกอย่างมันอยู่ที่ใจน่ะ...เมื่อบอกว่าต่างฝ่ายต่างก็ไม่รู้ว่ารู้สึกยังไงต่อกัน...ถ้าเป็นแม่...แม่จะนั่งอยู่ตรงนั้น..จะอยู่ข้างๆ..จะไม่ไปไหน...ถึงจะไม่ได้อะไรกลับมา..ก็ยังดีกว่าไม่รู้..และเสียใจไปจนตาย..”
“...............ทั้งที่เขา...เคยร้ายกับเราเหรอครับแม่...” ผมกระซิบถามออกไป...และนิ่งด้วยความรู้สึกหลากหลาย..
“.....ให้อภัยสิ..แล้วทุกอย่างจะดีขึ้นเอง..เชื่อแม่..”
“..แต่.... “ ผมบ่นงึมงำ..ยังค้างๆคาๆกับเรื่องที่แม่บอก ถ้าแม่รู้เรื่องทั้งหมด บางที..แม่อาจจะเข้าข้างผมและรู้สึกเหมือนผมก็ได้..
“..อย่ามาดื้อกับแม่น่า...ลองดูน่ะจ๊ะ...แม่เชื่อว่าคนที่ลูกชอบน่ะเป็นคนดี..ถึงจะเสียด่ายนิดหน่อย...แต่ไม่ก็ไม่บังคับลูกหรอก....”
“..อ่ะ...หา...แม่..แม่ครับ..ไม่ใช่ผมน่ะ..ไม่ใช่ผม...” ผมร้องลั่นทันที แต่ไม่ยิ้มไม่พูดอะไรพลางคว้าตัวผมไปกอดไว้แน่น..
“..ไม่ใช่ก็ไม่ใช่จ๊ะ..แต่ฝากบอกเขาคนนั้นของลูกด้วยก็แล้วกัน..ว่าอย่ามัวกลัวและอย่าปิดกั้นใจตัวเอง..ลองให้อภัยกันดุบ้าง..มันไม่ยากเกินไปหรอกจ๊ะ...” แม่กดผมแน่น พลางหอมแก้มผมเบาๆ “..แม่รักลูกน่ะจ๊ะ..แม่จะมาเยี่ยมบ่อยๆน่ะ...”
“...ดูตัวเอง..แล้วก็..ฝากน้องด้วยน่ะครับ...” ผมกำแขนแม่แน่นด้วยสีหน้าเศร้าสร้อย..
“..จ๊ะ...ลูกก็ดูแลเองน่ะจ๊ะ...น้องเนมคนเก่งของแม่...” แม่กระซิบบอกพร้อมกับหันหลังเดินไปกับผู้คุมที่บอกหมดเวลาเยี่ยม..ผมหันไปเหลือบมองด้านหลัง..มองคู่รักที่กำลังร่ำลากันด้วยท่าทีอาลัยอาวรณ์..
...แม่ไม่ได้บอก..ว่าควรจะจัดการกับเรื่องที่เขามีคนอื่นอีกคนยังไง..
...ผมถอนใจเบาๆพลางเดินเข้าแถวเพื่อเดินตรงสู่ห้องขังอีกครั้ง..
...แม่บอกให้ผมเลิกโกรธ..เลิกกลัว..และให้อภัย..
...แม่บอกให้ผม..ให้โอกาสเขา..
แต่ไม่รู้..ว่าเขาจะให้โอกาสผมอีกรึเปล่า...?
ผมแหลือบไปมองมือหนาที่เกาะกุมฝ่ามือบางของหญิงสาวคนนั้นแล้วถอนใจเบาๆ..โอกาส มันอาจจะไม่มีตั้งแต่แรกแล้วก็ได้..
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
* รอรถ - การออกไปรอพบญาติ
ตกรถ - ญาติไม่มาพบตามนัด
เว้นว่างจากภาษาไทยในเรือนจำมานานมาก.....
สวัสดีค่ะทุกท่าน..ไรท์เตอร์หายไปหลายวันเลยเนอะ ไม่ได้ไปทำอะไรหรอกค่ะ แค่อ่านหนังสือสอบ..สอบกลางภาคอีกแล้ว อ้ากกกกกกก

ส่วนตอนนี้..ไม่ได้เครียดอย่างตอนที่แล้วน่ะค่ะ บอกตามตรงว่าเรื่องใกล้จะถึงบทสรุปแล้วล่ะค่ะ ( หมายถึงแค่เรื่อง”ไม่รู้” นี่อ่ะน่ะ ) ถ้ารอให้น้องเนมของเราคิดได้อ่ะเหรอ เหอะๆ ให้พี่โตมาปล้ำเร็วกล่าค่ะ (ห้าๆ) แต่ไรท์เตอร์ไม่ชอบแบบนั้น และยิ้งๆม่ชอบเรื่องมือที่สาม เพราะงั้น แม่น้องเนมก็เลยมาหา ครบสามเดือนแล้วน่ะค่ะน้องเนมได้พบแม่หลังจากส่งของเสร็จน่ะค่ะ ท่านแม่ของเราเลยเป็นสาววายเอ๊ย! ศิราณีปรึกษาเรื่องความรักไปซะเลย..
..ทีนี้ก็เหลือแต่ว่าสองคนนี้มันจะเลิกซึนใส่กันเมื่อไหร่ อย่าซึนสิจ๊ะตัวเธอ ที่มีดราม่านี่เพราะความซึนแท้ๆ (ทำไมมันเหมือนจะคล้ายๆสโลแกนเว็บบางเว็บที่ไรท์เตอร์สิงอยู่เลยอ่ะ เหอๆ)
ยังไงก็ตามพบกันตอนหน้าค่ะ
ปล. เม้นที่ 2533 คือใคร โปรดแสดงตัวด้วย เรารอรีเควสฉากหื่นของท่านอยู่..

ปล. สอง..พรุ่งนี้อัพ Gelati lier ค่ะ