OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54  (อ่าน 2052613 ครั้ง)

HoAo

  • บุคคลทั่วไป
เวลานายเอกจะด่านี่ทำไม่มันไม่ด่าไปเลยวะ จะต้องมีว่าไอ้พี่.....อีก ดูมันไม่แรงเลยว่ะทั้งๆที่มันเป็นเรื่องในคุกนะ
ดูมันขัดๆวะหน่อมแน้มอยู่ได้จะใส่ก็ให้มันสุดๆไปเลยเซ่ รู้สึกยังกะอ่านเรื่องตลกงั้นแหละ :seng2ped:

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
ไปแอบดูเค้าล่วงความลับกัน 555

ออฟไลน์ Pumpkin

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1185
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +163/-8
ระหว่างรอหนังสือภาคสอง เกิดอาการคิดถึงนิยายเรื่องนี้ขึ้นมาซะงั้น
ว่าแล้วก็ลองเข้ามาเยี่ยมเยียน พร้อมกับอ่านตอนจบอีกสักสองรอบแล้วก็หน่วงไปสองรอบ
ใจจริงอยากอ่านตอนพิเศษมากกว่า เพราะตอนพิเศษที่พี่ปุ้ยมายั่วเอาไว้มาช่างน่าอ่านเหลือเกิ๊นน.

เรื่องใหม่เมื่อไรเจ้จะไปอัพน้า คิดถึงนิยายฝีมือเจ้จัง.

ออฟไลน์ FFS_Yaoi

  • นู๋ยังว่างมาจีบนู๋บ้างก็ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1

ออฟไลน์ เด็กหญิง

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 204
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-0
พึ่งเข้ามาอ่าน เขียนได้ดีมากค่ะ
สนุกมากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก
ชอบพี่โตมาก เถื่อนได้ใจ5555555555

ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆค่ะ ^^

ออฟไลน์ FFS_Yaoi

  • นู๋ยังว่างมาจีบนู๋บ้างก็ได้
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 468
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +55/-1
กว่าจะจบอ่านสองรอบบบ

 :pig4: :pig4: :pig4:

ออฟไลน์ Sohso

  • You are my precious thing And I will always love you.
  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1372
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-3
ในที่สุดก็จบลงในทางที่ควรเป็นที่สุดแล้ว

จะออกมาจากคุกแต่แหกคุยออกมายังไงก็ไม่มีทางทีจะมีความสุขได้

ต้องหนีไปจนกว่าอายุความของคดีจะหมด

เงินและอำนาจไม่ได้ซื้อได้ทุดอย่างหรอกนะครับ

เรื่องนี้สอนหลายๆิย่างเลยทีเดียว

อยากอ่านตอนพิเศษจริงๆ T^T

ออฟไลน์ PPdiary92

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-9
ในที่สุดสุดก็อ่านนิยายเรื่องนี้จบ ใช้เวลาอ่านสามวัน
ยอมรับตอนแรกเราไม่ชอบเลย อ่านไม่รู้เรื่อง
ใครพูดอะไรยังไง สับสนกับพี่โต สับสนกับแผนการ
อ่านไปอ่านมา ติดซะงั้น ผุกเรื่องได้เยี่ยมมาด
ทำเอาเราหยุดอ่านไม่ได้ งานการไม่ทำ
อ่านเรื่องนี้ชอบที่สุดคือเมฆ น่าสงสารอ่ะ :o12:
เราว่าเขาเป้นคนที่โดนโชคชะตาทำร้ายอย่างทารุณ
คนอะไรมันจะดชคร้ายขนาดนั้น
ครั้งแรกก็ถูกพี่ชายที่รักหักหลังแทนที่จะปกป้อง
พ่อแม่เลือกที่จะเข้าข้างคนอื่นที่ไม่ใช่ตน
พอมาอยู่ในคุกก็โดนคนที่ไว้ใจ คนที่รักหักหลัง
ให้เขอกับโชคชะตาที่โหดร้าย
พอจะแก้แค้นก้โดนว่าเป็นงูเห่า
เออ เป็นฉันจะเป็นอสรพิษไปเลย เฮ้ออออ
อยากอ่านตอนพิเศษ นะคะ

ออฟไลน์ PPdiary92

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 181
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-9
ขออีกนิด ต้องสองเม้น ฮ่าๆๆๆ
รีปริ้นนะคะ ขอร้อง เรามาตามไม่ทัน อื่อออ

ขอบคุณสำหรับที่แต่งนิยายดีๆให้อานนะคะ
ขอบคุณที่เสียสละเวลามาทำนิยายดีๆ สนุกๆให้คนอ่านได้อ่าน ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


บทส่งท้าย


  “เอากะเพราไก่ไข่ดาวจานนึง”


 ”น้องๆ เอากะเพราะหมูสับ ใส่กล่องนะ”


  “หมูกระเทียมราดข้าวกับโอเลี้ยงสองแก้ว ขอทิชชู่เพิ่มหน่อยค่ะ”


  “เอา#@^$%$”


   เสียงบรรดาลูกค้าดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง หนุ่มสาววัยทำงานหลายรายเดินเข้ามาจับจองที่นั่งในร้านอย่างรวดเร็วพร้อมกับออกปากสั่งอาหารไปด้วย เวลาพักเที่ยงซึ่งถือเป็นเวลาที่เร่งรีบและมีลูกค้ามากที่สุดของวันทำให้โต๊ะอาหารและแก้วน้ำจานชามสำหรับรับรองลูกค้าเริ่มไม่พอเพียง ขณะที่แม่ค้าคนทำกับข้าวก็หัวหมุน ไม่ต่างกับเด็กเสิร์ฟคนเดียวในร้านที่เริ่มจำออเดอร์ไม่ทัน


     ผมหยิบปากกามาจดรายการอาหารบ้างหลังจากมีคำสั่งสารพัดเมนูออกมาจากปากลูกค้าทั้งหลาย ปากก็รับคำงกๆไปตามประสาผู้ให้บริการที่ดี เสียงหม้อกระทะกระทบกันกับเสียงฉู่ฉ่าและกลิ่นหอมของอาหาร เป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้สำหรับร้านอาหารแบบนี้ เช่นเดียวกับเสียงบ่นเดี๋ยวร้อนบ้างช้าบ้างไปตามอารมณ์ของคนที่ย่างกรายเข้ามา


       เวลาเที่ยงซึ่งวุ่นวายและหัวหมุนมากที่สุดทำเอาเหงื่อแตกซิก ไอ้เนมเดินไปปรับช่องทีวีพลางหยิบพัดมาพัดให้ตัวเองแล้วพ่นลมหายใจพรู มองลูกค้าที่ยังคงทยอยกันมาไม่ขาดสายแล้วชักจะตาลายหน่อยๆ ถึงอย่างนั้นเสียงขยับตะหลิวที่ไม่ขาดสายของแม่ก็ยิ่งทำให้ผมยิ้มด้วยความรื่นเริงไม่น้อย ร้านอาหารที่มีคนเข้าเยอะ วิ่งวุ่นหัวหมุนกันทั้งวันต่อให้เหนื่อยยังไง เจ้าของก็ย่อมดีใจกว่าร้านอาหารที่ไม่มีคนได้แต่นั่งตบยุงไปวันๆอยู่แล้ว


        หยิบแก้วน้ำเปิดขวดโค้กไปวางบนโต๊ะของลูกค้าอีกรายซึ่งเดินเตร่เข้ามาจับจองหาที่นั่ง ผู้ชายที่เดินเข้ามาและกลายเป็นที่จับจ้องของสาวๆหลายคน ทั้งด้วยบุคลิกของเขาและหน้าตารวมถึงหลายๆอย่างที่ดึงดูดให้ต้องมองตาม ผมสบตาเขา..มองแววตายิ้มๆและใบหน้าที่แสนเคยคุ้นของ”ขาใหญ่”ที่ตัวเองรู้จักดี แล้วก็มองไปยังข้างกายของเขาอีกครั้ง เมื่อไม่เห็นวี่แววของใครจึงต้องเอ่ยปากถาม


       “หนีมากินข้าวก่อนเหรอพี่ ไม่ดีเลยนะ” เอ่ยปากตำหนิ แต่ใบหน้าผมก็ยังเปื้อนรอยยิ้ม ส่วนคนฟังก็หัวเราะหึหึ


        “ใครว่า..เปลี่ยนเวลาพักต่างหากตอนเที่ยงคนเยอะแยะไม่มีที่กิน ทานข้าวบ่ายโมงแล้วเข้างานบ่ายสองเข้าท่ากว่าเยอะ”


          “ตอนนี้ยังไม่ถึงบ่ายเลย” ฟังแล้วก็ส่ายหน้า รู้สึกว่าพี่โตนี่ต่อให้ไปอยู่ที่ไหน นิสัยชอบอู้ก็ยังเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน


         “อะไร..หัวหน้าจะพักตอนไหนก็ได้เหอะ” พูดแล้วคนเป็นลูกพี่ก็ทำท่าจะหยิบบุหรี่ขึ้นมาจุด ไอ้เนมเลยยกมือรั้งไฟแช็คไว้แทบไม่ทัน


       “สูบบุหรี่อะไรในร้านข้าวน่ะพี่ รบกวนคนอื่นเขา” ทำหน้าดุใส่แล้วก็ส่ายหน้า” เอาล่ะ จะสั่งอะไรก็ว่ามาคร้าบบ คุณลูกค้า ยืนคุยนานเดี๋ยวแม่ค้าจะเขม่นเอา”


         “คุยกันอีกนิดไม่ได้เหรอ?” ว่าแล้วรายนี้ก็ทำหน้าอ้อน หลังจากเอาบุหรี่ไปเก็บไว้ในอกเสื้อแทบไม่ทัน


          “คนเยอะขนาดนี้จะคุยได้ไงล่ะ เร็วๆ คนอื่นเขารออยู่” ว่าแล้วผมก็เร่งยิก


          “งั้นเอาผัดอะไรก็ได้ แต่ใส่ความรักของน้องเนมไปด้วยแล้วกัน”


           “มีแต่น้ำลายน่ะสิ” ค้อนขวักใส่คำพูดน่าไม่อายฟ้าอายดินของพี่โต ซึ่งคนหน้าด้านก็เอาแต่หัวเราะ เสร็จแล้วก็หันไปนั่งจิบโค้กที่ผมเปิดฝาทิ้งไว้ให้แล้วแบบชิลๆ ส่วนผมก็จดออเดอร์ เอาผัดอะไรก็ได้สักอย่างในสารบบอาหารตามสั่งที่มีให้พี่โต แล้วก็เดินไปรับรายการอาหารจากลูกค้ารายอื่นๆต่อไปโดยที่มีสายตาของคนๆนั้นมองตามผมตลอดเวลา


         มันก็เป็นเหมือนกิจวัตรประจำวัน ทุกวัน..ทุกๆวัน ที่มันจะเริ่มต้นแล้วก็จบแบบนี้ ตั้งแต่เราได้พบกันอีกครั้ง..


         อย่างที่รู้กันว่าพี่โตนั้นกำลังทำงานรับเหมาปรับปรุงร้านสะดวกซื้อที่ผมทำงานอยู่ และช่วงที่ต้องหยุดงานชั่วคราวผมก็มีหน้าที่ช่วยแม่ขายของ ตั้งแต่การไปตลาด ซื้อของมาทำกับข้าว ตอนเช้าเปิดขายข้าวราดแกงจนถึงช่วงสายๆและต่อด้วยเปิดขายอาหารตามสั่งในยามเที่ยงไปจนถึงสามทุ่ม


          แม้ร้านของพวกเราจะอยู่ในซอยซ้ำยังมีร้านอื่นขายอยู่ริมถนนก่อนเข้ามาถึง แต่ทว่าด้วยรสมือของแม่ผมที่ไม่ด้อยกว่าใครทำให้มีลูกค้าขาประจำมากมาย ประกอบกับแถวนี้นั้นมีสถานที่ราชการและโรงเรียนมัธยมตั้งอยู่ ที่ร้านจึงมีผู้คนคอยอุดหนุนไม่ได้ขาด และนั่นก็รวมไปถึงบรรดานายช่างที่มาทำงานรับเหมาและลูกจ้างบางรายของอาเสี่ยเจ้าของกิจการด้วย


           “ อาเสี่ย” ที่ไม่ได้แก่ดังสรรพนามตามความเข้าใจของคนทั่วไปสักเท่าไหร่มักจะมาทำงานตอนแปดโมงเช้า วนๆดูงานและสั่งการลูกน้องสักครึ่งชั่วโมงก็จะมานั่งทานข้าวเช้าที่นี่ รวมไปถึงมื้อเที่ยงและมื้อเย็นที่พี่โตจะวนเวียนมาเป็นประจำ จนเป็นที่สนิทสนมและคุ้นเคยกับแม่ผมเป็นอย่างดี ยิ่งผมบอกกับแม่ว่าพี่โตเป็นคนที่คอยช่วยเหลือหลายอย่างตอนผมอยู่ในคุก แม่เข้ามาขอบอกขอบใจ พร้อมทั้งต้อนรับขับสู้ดีเป็นพิเศษ แม้แรกๆจะมีท่าทีปนระแวงเล็กๆด้วยคงกลัวว่าพี่โตแกจะมาลากผมไปทำเรื่องไม่ดีไม่งามแบที่ชาวคุกเค้าทำกัน ก็อย่างประเภทชักชวนไปเส้นทางอาชญากรรมนั่นแหละครับ ผมก็รู้ว่าแม่ก็กลัวอยู่ ผมเลยกำชับกับพี่โตว่าให้ทำตัวดีๆอย่าพูดเรื่องอะไรในนั้นให้คุณนายนิตยาแม่ผมฟังเป็นการดี หลังๆมานี่แม่ผมคงจะวางใจบ้างแล้ว ก็เลยไม่ได้มีท่าทีระแวงเท่าที่ควร เลยทำให้อาเสี่ยนี่เริ่มแสดงนิสัยเอาแต่ใจมากขึ้นเรื่อยๆ


       ถามว่าอะไรน่ะเหรอ มันก็ประเภทมาถึงก็นั่งแช่ ทำเป็นเก็กหล่อแล้วเรียกผมไปคุยนานๆ ถามนั้นถามนี่จุ๊กจิ๊กบางทีก็มาคุยกับแม่ของผม ประจบเอาใจบ้าง หาเรื่องนินทาไอ้เนมบ้างอะไรบ้าง บางทีเงินมากหรือเกิดใจดีขึ้นมา ก็เดินมาสั่งข้าวกล่องทีละสิบยี่สิบกล่องให้ลูกน้องตัวเอง แล้วยังมีตอนเย็นของหลายๆวัน ที่จะมาช่วยเก็บข้าวเก็บของ รวมทั้งฝากท้องนั่งกินพร้อมผมและครอบครัวอยู่บ่อยๆ


        ..ก็ดูออกหรอก ว่าพี่โตกำลังพยายาม..ทั้งพยายามปรับตัวกับครอบครัวผม และพยายามจะเข้ามามีส่วนร่วมในชีวิตของผม หลังจากกลับมายึดพื้นที่ในใจของผมอย่างเต็มรูปแบบอีกครั้ง


         เรื่องมันไม่ได้จบลงตรงที่ผมได้เจอกับพี่โต หรือหลังจากเราพูดคุยกัน แล้วกอดซบกันด้วยความคิดถึงเสียเมื่อไหร่ เราทั้งสองคนยังตระหนักอยู่ในใจเสมอ ว่าที่นี่ไม่ใช่ในคุก..ไม่ใช่ภายในเรือนจำที่สามารถจะประกาศเรื่องความสัมพันธ์ของผู้ชายสองคนได้อย่าง่ายดาย ไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไม่แคร์สายตาใครแบบที่เคยเป็น


       สังคมแตกต่าง สถานะแตกต่าง การปฏิบัติตัวก็ย่อมแตกต่างเช่นกัน


        ตอนนั้นผมยังนึกขอบคุณที่ไม่มีใครผ่านมาเห็นฉากกอดของผมกับพี่โตหน้าเซเว่น ซึ่งถือเป็นโคตรของโคตรปาฏิหาริย์เลยจริงๆ  ไอ้ตอนนั้นน่ะความดีใจมันถมกลบความอายหรือแม้กระทั่งสติคิดพิจารณาไปซะหมดแล้วเลยลืมตัวกันไปวูบใหญ่ๆ แต่ความจริงก็คือผมและพี่โต ไม่สามารถจะเดินจูงมือกันเข้าไปในซอย แล้วหันไปยิ้มกับแม่พร้อมกับบอกว่านี่คือ”คนรัก” ของตัวเอง หรือพูดว่าเราสองคนปรารถนาจะใช้ชีวิตร่วมกัน


          จริงๆแล้ว พี่โตน่ะไม่มีปัญหาอะไรกับการทำแบบนี้หรอก ปัญหามันคือผมต่างหาก ..ไอ้เนมแค่ฆ่าคนตาย ติดคุก แค่นี้ก็ทำให้แม่เสียใจและลำบากมากพอแล้ว บอกตามตรง ตอนนี้ผมยังไม่กล้า..ยังไม่มีความกล้ามากพอที่จะเดินไปบอกความจริงอีกอย่างกับแม่ ผมกลัวความผิดหวังของแม่ กลัว..ว่าตัวเองจะทำลายกระทั่งความหวังที่จะได้อุ้มหลานตัวเล็กๆของผู้หญิงที่ตัวเองรักสุดชีวิต


         ที่สุดแล้วผมกับพี่โตก็ตกลงกันว่าเราจะยังไม่เปิดเผยเรื่องนี้ จะรอก่อน...รอไปก่อน ให้ได้คุ้นเคยกันมากกว่านี้ รู้จักกันมากกว่านี้ ได้สัมผัสนิสัยใจคอ ตลอดจนได้ผูกพันกันก่อนที่จะได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมด..รู้ ว่าผมและพี่โตแท้จริงแล้วเราสองคนเป็นอะไรกัน


           แน่นอนว่าผมรู้สึกไม่ดีที่ต้องปิดแม่ แต่มันเป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ ผมเสียใจที่ตัวเองขี้ขลาด ไม่กล้าเสี่ยง  และรู้ดีว่าตัวเองทำให้พี่โตรู้สึกหนักใจไม่แพ้กัน


          แต่...แต่ถึงอย่างนั้น...


        “ป้านิดครับ ผมว่าต้นไม้นี่กิ่งมันแผ่ออกไปเยอะเกินไปรึเปล่า ตัดออกสักหน่อยดีมั้ย” เสียงพูดคุยของพี่โตที่เริ่มชวนแม่ผมคุย ทำให้ไอ้เนมละออกจากภวังค์ ตอนนี้นาฬิกาไปที่เวลาบ่ายโมงกว่าๆแล้ว คนเริ่มน้อย ในร้านก็มีลูกน้องพี่โตสองสามคนนั่งกินอยู่ ส่วนคนที่ไม่ได้สั่งข้าวรึเอากับข้าวห่อมาจากบ้านก็นั่งล้อมวงอยู่ใต้ต้นฉำฉาหรือจามจุรีที่แผ่กิ่งก้านสาขาให้ร่มเงา อันเป็นอานิสงค์จากความเมตตาของแม่ผมที่เอื้อเฟื้อให้เหล่าคนงานไม่ต้องไปหาที่นั่งกินที่อื่นให้เมื่อยตุ้ม


          “นั่นสินะ..ป้าก็กลัวว่าเวลาฝนตก ลมแรง กิ่งไม้มันจะหักมาตกใส่หลังคาเหมือนกัน” แม่ผมเออออห่อหมก ”แล้วยิ่งกิ่งต้นฉำฉานี่หักง่ายๆอยู่ด้วย”


          “งั้นเดี๋ยวเย็นนี้ผมให้คนมาช่วยตัดกิ่งออกให้” พี่โตเอ่ยปากเสนอตัว พลางมองไปยังลำต้นสูงใหญ่ของต้นฉำฉาที่อยู่ไม่ไกลตานัก ต้นไม้ต้นนี้แม่บอกว่าปลูกมานานนับแต่เริ่มซื้อบ้านที่นี่จนบัดนี้มันกลายเป็นไม้ใหญ่ให้ร่มเงาและเป็นประโยชน์กับพวกเราเหลือเชื่อ


            ร้านอาหารตามสั่งของแม่นั้นก็เปิดขึ้นโดยอาศัยความได้เปรียบจากมันเช่นกัน ปกติแล้ว ร้านอาหารทุนต่ำ การจะสร้างร้านหรือกระทั่งเพิงหมาแหงนก็ต้องใช้เงิน ส่วนใหญ่ที่นิยมนำมาเป็นหลังคา ก็คือสังกะสีหรือกระเบื้องธรรมดาที่ไม่ทนความร้อน แดดเปรี้ยงๆของเมืองไทยนี่มันเป็นอะไรที่รู้กันดีอยู่แล้ว ตอนกลางวันก็ร้อนชนิดที่ว่าเปิดพัดลมไปกี่ตัวๆก็กลายเป็นลมร้อนไปเสียหมด


           โชคยังดีที่เรามีเจ้าต้นฉำฉาขึ้นอยู่หน้าบ้าน พอทำร้าน แม่เลยจัดการให้ช่างรื้อรั้วไม้ออกไปส่วนหนึ่ง แล้วสร้างให้ร้านอยู่ใกล้ร่มเงาของต้นไม้มากที่สุด และหลังจากผมออกมาได้ไม่นาน ไอ้เนมก็ออกความเห็นให้เปลี่ยนจากหลังคากระเบื้องเฉยๆไปใช้หลังคามุงจากแบบพื้นบ้าน  ทั้งร่มเงาต้นไม้กับวัสดุธรรมชาติ เลยเป็นผลให้ร้านของเราเย็นน่านั่งขึ้นมาทันตา นั่งแล้วเย็นสบายจนลูกค้าติดใจกันเป็นแถว เรียกว่านอกจากหลงรสมือแม่แล้ว ยังติดใจบรรยากาศร่มรื่นเย็นสบายของที่นี่ด้วย เรียกว่าได้ประโยชน์สองเด้งเลยทีเดียว


           “โอ้ยย ไม่ต้องหรอกพ่อคุณ ป้าเกรงใจ” แม่ผมเอ่ยปฏิเสธพลางส่ายหน้า “พ่อโตทำงานทำการมาเหนื่อยๆ ตอนเย็นก็มาช่วยเก็บร้าน แค่นี้ก็เกรงใจจะแย่แล้ว”


            “ไม่เป็นไรจริงๆครับ ผมเต็มใจ คนกันเองน่า” พี่โตทำหน้ายิ้มปะเหลาะเอาใจสาวแก่ “คนงานผมก็เยอะแยะ มานั่งอาศัยทานข้าวทุกวัน ให้พวกมันทำอะไรตอบแทนหน่อยจะเป็นไรไป”


             “แหม คนงานเขาก็เหนื่อยๆจะกลับไปหาลูกเมีย อย่าไปกวนเค้าเลย.เดี๋ยวป้าให้เนมเค้าจัดการก็ได้” ฟังแล้วไอ้เนมหันขับมองหน้าแม่ตัวเอง ก่อนจะนึกถึงกิ่งไม้และลำต้นของต้นฉำฉาที่ไม่ใช่เตี้ยๆ..เอ่อ...ชะรอยว่าคราวนี้จะไม่ไหวมั้ง


            “ฮ่าๆ ขอผมทำเถอะคร้าบบ ยังไม่อยากเห็นลูกลิงตกต้นไม้” พี่โตฟังแม่ผมพูดแล้วหัวเราะก๊ากพลางทำหน้าตาล้อเลียนใส่ผมทันควัน “ไอ้เนมตัวกะเปี๊ยกแค่เนี๊ย ขึ้นไปให้มดกัดเอาเปล่าๆ”


             “โหย พูดจาแบบนี้ได้ไง คนเค้ามารตาฐานชายไทยเว้ย พี่แหละ ผิดปกติ!” ว่าแล้วก็โยนกลองใส่อีกผลั่วะ


             “คร้าบบบ มาตรฐานชายไทย กูเห็นมึงบอกมากี่ปีละว่ามาตรฐานชายไทย เมื่อไหร่จะเกินมาตรฐานซะทีว้า” แนะ พอได้ทีก็ล้อกันไม่ยอมหยุด เชอะ ไม่ตัวโตบ้างก็ให้มันรู้ไปโว้ยย


             “ฮิ ฮิ แหม ลูกป้าเค้าเรียกขนาดพกพา” คุณนายนิตยาหัวเราะคิกคักชอบใจไม่พอ ยังไปเล่นล้อเลียชาวบ้านกะเค้าด้วยนะ ชิชะ ใครเป็นลูกใครกันแน่เนี่ย ไอ้เนมทำตาเขียวใส่ทั้งสองคนที่ดูจะเข้าขากันมากขึ้นเรื่อยๆ ก่อนจะเดินมาหาแม่แล้วหน้าหน้าขึงขัง


           “ขนาดพกพาก็มีประสิทธิภาพนะ ไม่ได้ยินเหรอ ว่าคนตัวเล็กๆอ่ะปีนต้นไม้คล่อง ปีนเร็วด้วย ไม่เหมือนพวกตัวโตๆที่เทอะทะ เกะเกะ” ว่าแล้วก็หันไปขว้างค้อนใส่คนทีหัวเราะคิกคัก โดยมีเอฟเฟกต์เป็นเสียงหัวเราะชอบใจของคนงานพี่โตที่นั่งอยู่ใกล้ๆ


               “ต๊ายยย แต่ไม่เห็นเคยรู้เลยนะ ว่าคนเนี๊ยะ..เค้าจะปีนต้นไม้เร็วเหมือนปากว่า จะกลิ้งลงต้นไม้ง่ายกว่าล่ะมั้ง” แม่ว่าพลางหัวเราะคิกคักแล้วหยิกแก้มผมหมับ โหยย คุณนายไม่ให้เครดิตลูกชายตัวเองเล้ยย งอนนะ เชอะ


             “งั้นคุณแม่ให้ผมรับงานนี้ไปนะครับ เดี๋ยวผมจัดการเอง” พี่โตรีบเสนอตัวด้วยความรวดเร็ว แล้วยังเปลี่ยนสรรพนามด้วยนั่น เรียกเป็นคุณแม่ไปแล้ว..รวดเร็วดีจริงๆ “ไม่ได้ใช้คนงานนี่หรอก ผมมีเพื่อนเยอะแยะ รู้จักกับเจ้าเนมด้วย”


           “เอ๋...? “แม่ผมทำหน้างงๆไม่แน่ใจ และเหมือนไม่ได้เอะใจกับสรรพนามที่แปรเปลี่ยน “จะดีเหรอ แบบนี้แม่ว่ามันออกจะ...”


             “ถ้าอยากตอบแทนละก็...ขอกับข้าวอร่อยๆซักเย็นก็พอแล้วล่ะครับ” พี่โตยกมือไหว้แบบอ้อนๆ ดูอย่างกับพระเอกลิเกไหว้แม่ยก โว๊ะ! นี่ไปเอาลีลาแบบนี้มาจากไหนเนี่ย แล้วทำไมไอ้เนมไม่เคยเห็นวะครับ ทีอยู่กับผมล่ะมีแค่สองอย่าง ไม่โหดก็หื่น ไอ้มุมอ้อนๆน่ารักๆแบบนี้ไปไหนหมดฟร้า


            “งั้นเหรอ...ถ้าอย่างนั้น แม่จะขอเลี้ยงข้าวเย็นคนที่มาช่วยทุกคนเลยนะ”แม่ผมพยักหน้ารับ แต่ เดี๋ยวก่อน เดี๋ยวสิเฮ้ย ไอ้สรรพนามนั่นมันอะร้ายยยยย ทำไมถึงไปเอออกับเขาล่ะครับคุณแม่!!


             “ครับผม  ดีเลยไปคุยไว้เยอะว่าฝีมือกับข้าวคุณแม่ อร่อยไม่มีใครเทียบ” พี่โคตรยิ้มร่า ทำตาใสปิ้ง


              “แหม..โตก็เกินไปลูก” วะ...ว้อทททท นี่มันอะไรก๊านนน  “คนทำกับข้าวร่อยกว่าแม่มีเยอะแยะ”


             “แต่สำหรับผม ฝีมือคุณแม่อร่อยที่สุดเลยครับ อยากฝากท้องด้วยทุกมื้อเลย”


              “ฮึ ปากหวานจริงเรา  งั้นเรื่องต้นไม้นี่แม่ฝากเป็นธุระให้ด้วยนะลูก มีลูกชายน่ารักๆแบบนี่ล่ะแม่ก็เบาใจ” ว่าแล้วคุณแม่สุดที่รักของผมก็ลูบไหล่พี่โตปลกๆราวกับจะฝากผีฝากไข้ แต่เดี๋ยวสิ! นี่มันอะไรกัน ..เวลาผ่านไปไม่ถึงสองอาทิตย์ รู้จักกันแค่นี้ก็ถึงกับปลาบปลื้มยินดี ฝากตัวเป็นแม่ลูกกันแล้วเหรอครับ งั้นแผนจะมาเป็นลูกเขยก็คงอยู่ไม่ไกล..ไม่ช่ายยย นี่มันจะง่ายไปมั้ย? อะไรจะเคลิ้มตามเร็วขนาดนี้กันแม่ผม!


              “ด้วยความเต็มใจยิ่งเลยครับ คุณแม่”  พี่โตเงยหน้าหันไปยิ้มหวานแล้วส่งสายตาซาบซึ้งประหนึ่งแม่ลูกที่เข้าใจกันอยู่สองคน ความสัมพันธ์ที่คืบหน้าอย่างรวดเร็วทำเอาลูกในไส้อย่างผมถึงกับขนลุกวาบ เมื่อได้ประจักษ์ถึงอีกหนึ่งพิษสงของพี่โตแบบเต็มๆตา


             ..เฮียเหี้ยๆ ผู้ชายขาโหด ขาใหญ่ประจำแดนสิบสองจอมหื่น อาเสี่ยรับเหมา พี่โตแห่งแดนสิบสองคนนี้..จีบสาวเก่งเหลือเชื่อ!!!


            อดจะกลืนน้ำลายอย่างหวาดผวากับความสามารถขั้นแอดวานซ์ของผู้ชายตรงหน้า ยอมรับเลยว่านึกไม่ถึงว่าลีลาพี่แกจะเด็ดดวงปานนี้ ไอ้ผมน่ะเป็นผู้ชาย เห็นบทจีบผู้ชายที่มีแต่เท้ากับหมัดและฝ่าตีนเสียจนชิน(คนโดนก็ผมเองนั่นล่ะ) นึกไม่ถึงเลยว่าจะได้มีบุญตาเห็นขาใหญ่แห่งแดนสิบสองจีบสาวกับเขาด้วย ..ที่สำคัญ สาวที่ว่านั้นดันเป็นแม่ของตัวเองซะงั้น..


             ไอ้เนมหันไปทำหน้าอึ้งทึ้งเสียวให้แก่พี่โตผู้กำลังดูดโค้กอย่างสบายอุรา พร้อมกับยักคิ้วเป็นเชิงกูเหนือกว่ามาให้ แบบว่ามองแล้วฝ่าเท้ากระตุกยิกๆ


             แค่หน้าหล่อตัวสูงดูดีแค่นี้สาวๆก็มองตามแถมกรูกันมาไม่ขาดสายแล้ว นี่ยังคารมดี ช่างหว่านล้อมจนตกเบ็ดได้คันแล้วคันเล่าอีก ว้อยยยอิจฉา!!


          ไม่ต้องมายิ้มให้เลยนะ ต่อให้จะตีสนิทสำเร็จ แต่ตอนนี้ไอ้เนมกำลัง เคือง!


         มาทำเท่ห์เกินหน้าเกินตาพระเอกของเรื่องได้ยังไง หมั่นไส้เฟ้ย!!


      .............................................


CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

.............................................


               เพื่อนที่รู้จักกับไอ้เนมเยอะแยะ..


    ผมจำได้ว่าพี่โตเคยพูดแบบนี้ไว้ ยามที่เอ่ยปากขอเป็นคนจัดการตัดกิ่งและตัดแต่งให้ต้นฉำฉาหน้าบ้านผมอยู่ในสภาพที่เหมาะสมต่อการเป็นร่มเงาต่อไปโดยไม่มีวันที่กิ่งนี่จะหลุดไปหล่นใส่หัวใคร แต่ว่า...ไอ้บุคคลที่กำลังพูดคุยกับพี่โตด้วยเสียงหัวเราะเริงร่าง พลางใช้แรงงานไปด้วยนี่มัน..


      จะขนกันมาทั้งคุก หรือมาเปิดสาขาเรือนจำพิเศษกันอยู่แถวนี้เหรอเพ่!


     ไอ้เนมมองบรรดาผู้มาเยือนด้วยดวงตาที่เบิ่งโตปานไข่ห่าน ป๊าดด เวลาผ่านไปนานพอควรขนาดนี้ ผมนึกว่าพี่โตซึ่งเอ่ยปากว่าจะไม่ติดต่อผมหรือใครจะไม่ได้มีปฏิสัมพันธ์อะไรกับเหล่าบรรดาคนคุกทั้งหลายอีกแล้ว แต่ทว่า เหมือนผมจะคิดผิดไปสินะ..


     “เฮ้ย! อย่าเกะกะ เดี๋ยวกิ่งไม้หล่นใส่หัว!!” เสียงโวยที่ดังมาก่อนใครคือพี่ทิน พร้อมกับกิ่งไม้แหงๆที่ถูกทิ้งลงมาใกล้ตัวผมดังพรึ่ม ใบหน้าภายใต้แสงตะวันนั้นแปลกตาไปไม่น้อย เมื่อเจ้าตัวไม่ได้หัวเกรียนแบบเดิมทว่ามีเส้นผมแสดงความแนวด้วยการตัดทรงไถข้างแบบวัยรุ่นที่กำลังนิยมโดยไม่คำนึงว่าตัวคนไว้นั้นวัยเกินมาแค่ไหน แถมด้วยสีหน้าลั้นลาขณะที่หยิบขวานฟันกิ่งไม้ปั่กๆไปตามเรื่อง


      “อ้าวๆ บอกให้หลีกไง ถอยหน่อยอย่าขวางทาง” เสียงเรียกข้างตัวนั้นทำให้ผมชะงัก เงยหน้าไปสบตากลมๆของพี่วิทย์ที่มองตามมาแบบงงๆไม่น้อย เพื่อนสนิทของพี่โตผู้อยู่ในชุดหมวกปีกกว้างและเสื้อทำงานลายตารางสีสันแสบไตพ่วงมาด้วยกางเกงยีนส์โกโรโกโสแสดงรสนิยมเอ่ยปากไล่ผมให้ไปพ้นทาง ขณะที่ตัวเองก็ขนเศษไม้ไปกองไว้รวมกัน ด้วยสปีดที่ออกจะช้ากว่าปกติไม่น้อย และมันก็คงเป็นเพราะขานั่น


          “พี่...”ผมจ้องมองขาข้างซ้ายของพี่วิทย์เงียบๆแบบอึ้งๆก่อนจะเอ่ยปาก “ให้ผมทำดีกว่า ขาพี่ยัง..”


          “พอน่า กูชิน..”พี่วิทย์ส่ายหน้า “อยู่ที่บ้าน ก็ทำงานในสวนผลไม้ทุกวันอยู่แล้ว มึงไปช่วยแม่ขายข้าวโน่น ไปๆ”


         “เอ่อ....”


         “พอน่า มันทำเองได้” เสียงทักดังขึ้นเหนือหัวของบุคคลที่คุ้นแบบไม่นึกคุ้นทำให้ผมยิ้มเหย หันไปยิ้มให้เจ้าของคำพูดนั้นแล้วหัวเราะแหะๆเป็นคำตอบ


            พี่คมหันไปลากไม่ท่อนใหญ่พอควรที่ถูกส่งลงมาอย่างชำช่อง ขณะที่ผมได้แต่มองตามแบบอึ้งๆ เอ่อ..คือไม่ได้ตกใจการแต่งกายหรืออะไรของพี่แกเท่าไรหรอกนะ ถึงมันจะแปลกตาไปจากเดิมบ้าง แต่ยังไงก็ถือเป็นการแต่งกายแบบคนปกติเขาทำกันแม้ว่าสีหน้าท่าทางของพี่คมจะยังคงความน่ากลัวไม่แปรเปลี่ยน ที่ตกใจที่สุดน่ะ คือการที่พี่คมโผล่มาที่นี่จนได้มากกว่า


           ไอ้เนมกลืนน้ำลายลงคอแบบมึนๆ ก่อนจะเดินหน้าเคร่งไปใส่คนเจ้าความคิด ซึ่งคนที่ว่านั้นก็กำลังกอดอกมองดูการกระทำของแต่ละคนอยู่ดั่งผู้ควบคุมด้วยสีหน้าพออกพอใจ มีการตะโกนบอกบ้าง ทักบ้างตามประสา


      แต่ที่ผมไม่เข้าใจคือ คนพวกนี้มันอะไรกันคร้าบ บ    บ บ


        “พี่!”ไอ้เนมทำเสียงเคร่งเรียกพี่โตหน้าตื่น “นี่มันอะไรกันเนี่ย คนพวกนี้มันอะไรยังไงกันน่ะ หา?”


        “อ้าว..ไม่เจอกันไม่ถึงปีก็จำไม่ได้แล้วเหรอ?”พี่โตหันมาทำหน้าเหรอหรา “จะให้กูแนะนำให้รึเปล่าว่านี่เป็นใคร อะไรยังไง”


         “โถ่ ไม่ใช่เรื่องนั้น” ผมทำตาเขียวใส่คนพูด “คำถามคือทำไมพวกนี้ถึงมาอยู่นี่ได้ต่างหาก ทั้งพี่วิทย์ พี่ทิน แล้วก็พี่คมด้วย!โดยเฉพาะไอ้คนสุดท้ายน่ะ น่ากลัวชะมัด!”


         “ก็เห็นว่าจะกลัวหนังหน้ามัน เลยบอกให้มาทำตอนเย็นๆกันไง” พี่โตว่าหน้าตาเฉย “ตอนนี้ก็ห้าโมงกว่า คนก็..”


         “ไม่ได้หมายความแบบนั้น” ไอ้เนมทำหน้าเบี้ยวเป็นคำตอบ “ที่พูดเนี่ย..คือไปเอามาได้ยังไง แล้วนี่ยอมมาทำได้ไงเนี่ย โอ้ยยย งงโว้ยย!”


          “โวยวายอะไรกันเล่า ไม่มีไรน่า” พี่โตฟังผมพูดแล้วยักไหล่ “ไม่มีไรหรอก แค่บอกพวกมันมาช่วย พอบอกว่าจะได้ทานของฟรี ไอ้ทินก็รี่มาเลย ส่วนไอ้วิทย์ มันก็..ได้ข่าวว่าพรุ่งนี้จะไปหาไอ้เมฆน่ะ”


       พี่โตเอ่ยถึงธุระปะปังของแต่ละคน คำพูดนั้นให้ผมนึกถึงอีกหนึ่งคนที่นอนหลับอยู่ “เพื่อน”ผู้โชคร้ายคนนั้นของผม..


    ฝ่ามือหนาลูบหัวผมเบาๆเหมือนรู้ว่าผมคิดอะไรอยู่ ไอ้เนมเงยหน้าขึ้นไปสบตา พี่โตจึงพยักหน้าให้ด้วยใบหน้ายิ้มๆ


       “อย่าคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องน่า..ไปทำงานเถอะไป”


 ..................


         เสียงพูดคุยสรวลเสเฮฮาดังมาจากร้านอาหารตามสั่งทั้งที่เป็นเวลาปิดร้านไปแล้ว ร่างของผม พี่โต พี่วิทย์ พี่ทิน และพี่คมนั่งล้มวงพูดคุยกันพลางกินดื่มไปพลาง หลังจากเสร็จงานใช้แรงที่ถูกพี่โตเกณฑ์มาแบบบังคับกรายๆ..หรืออะไรแบบนั้น


      “พี่เนม..กลับมาแล้วค่า” เสียงของน้ำทำให้ผมชะงัก หันไปมองหาเจ้าของเสียงพูดที่เดินเข้าบ้าน ร่างบอบบางของสาวน้อยวันยี่สิบเดินเหนียมอายทำหน้าเขินเมื่อพบว่ามีผู้ชายหันมามองตนมากผิดปกติทำให้ผมหัวเราะหึ อย่างน้อยก็นึกดีใจที่น้ำไม่ได้มีอาการหวาดกลัวเหมือนแต่ก่อนแล้ว ส่วนเรื่องที่น้ำจะมารักหรือชอบคนแบบนี้ ขอบอกว่าเอิ่ม...เป็นไปไม่ได้เหอะ


        “โหยย น้องสาวมึงน่ารักจริง อ่ะ นะ....อุ๊บ!”


      “หยุดเลย!” ผมตะครุบปากพี่ทินไว้ทันทีเมื่อเห็นพี่แกจะออกลายแซวสาว “น้องผมไม่เหมือนคนอื่นนะ อย่าไปตะโกนแบบนั้น เขากลัว”


        “หา...?” พี่ทินครางงๆ ก่อนจะเริ่มทำหน้าเข้าใจขึ้นมา “เออ นั่นสิ...อือ น้องมึงที่เคยบอกว่าเป็นแบบนั้นนี่ แล้วตอนนี้...เป็นปกติแล้วเหรอ?”


        “ก็เกือบ..มีกลัวๆก็ตอนโดนพวกปากไม่อยู่สุขทักนั่นแหละ” ไอ้เนมยกเบียร์เย็นๆขึ้นมาจิบแล้วบอกไปตามตรง เมื่อถูกถามถึงอาการ”กลัวผู้ชาย” ของน้องสาว “ก็ดีแล้วล่ะ..ถึงขนาดกลับดึกเองได้ เดินที่มืดๆได้ นั่งวินมอไซค์ได้แล้ว...ถือว่าดีขึ้นมากๆแล้วล่ะ”


          “ง่า...น้องสาวมึงสวยนะ” พี่ทินว่าแล้วทำท่าน้ำลายหก


        “อย่ามายุ่งเหอะ! ตัวเองมีผัวอยู่แล้วทั้งคน” ผมหันแยกเขี้ยวใส่พี่ทินทันที


        “สัด! พูดจาให้มันดีๆ ผัวเผอที่ไหน ไอ้นี่...” พี่ทินร้องว้ากกลับด้วยสีหน้าไม่พอใจชัดเจน “แค่กูวิ่งวินกับไอ้คมไม่ได้หมายความว่าเป็นไรกันเว้ย!สาด”


           “หือ..ถึงขนาดเช่าห้องอยู่ด้วยกัน ยังมาปฏิเสธ” พิ่วิทย์เอ่ยเยาะด้วยสีหน้าขบขัน ส่วนพี่คม คนถูกพาดพิงเพียงแต่จิบเบียร์เงียบๆด้วยสีหน้าไม่เดือดเนื้อร้อนใจ


             “ไม่ใช่เว้ย! เฮ้ยย!!!ไอ้คม มึงก็พูดบ้างซิ!” พี่ทินหันไปสะกิดพี่คมบ้าง แต่คำตอบก็ยังคงเป็นเสียงหัวเราะแผ่วต่ำในลำคอ “พวกมึงนี่นะ ตัวเองเป็นผัวเมียกัน อย่ามาลากกูเป็นด้วยนะ..ก็แค่ไม่มีตังค์ล่ะวะ เอาตังค์ไปซื้อเสื้อวินซะหมด ตั้งสามหมื่นห้า..แพงชิบหาย”


             “อ้อ...งั้นเลยเอาตังค์ที่เหลือ ไปเช่าห้องอยู่กับไอ้คม” พี่โตว่าพลางสรุปให้ ส่วนคนเป็นลูกน้องก็พยักหน้ารับหงึกๆ “ออกคุกมาก่อนไอ้คมตั้งนาน ไปทำงานทำการเหี้ยอะไรอยู่ถึงได้ไม่มีห้องพัก พอไอ้คมมาถึงได้ไปเสือกเช่าอยู่กับมัน กูก็รู้นะ พวกมึงสองคนน่ะมันไร้พี่น้อง เพราฉะนั้น แค่เรื่องอยู่ด้วยกันนี่มันก็ไม่ใช่เรื่อง..”


             “ไม่ใช่โว้ยยย!” พี่ทินร้องขัดพี่โตหน้ายุ่งกว่าเดิม เจ้าตัวทิ้งช้อนในถ้วยต้มยำกุ้งรสแซ่บรสมือแม่ผม อันเป็นสาเหตุให้พี่แกยอมมาทำงานใช้แรง เพียงเพื่อจะกินข้าวฟรีฝีมือแม่ไอ้เนมที่ตัวเองติดใจตั้งแต่อยู่ในคุก


            “เรื่องกูกับไอ้คมไม่มีญาติก็จริงอยู่ แต่มึงพูดยังกับทางเลือกมันเยอะนัก “ว่าแล้วพี่ทินก็ตวัดเบียร์ลงกระเพาะอึกใหญ่ “เงินเก็บไม่มี งานก็หายาก..ตังค์ก็ไม่มี เลยตองมาอาศัยกะไอ้คมไงล่ะ”


             “อ้อ ให้มันเลี้ยงนี่เอง “พี่วิทย์หัวเราะก๊ากหลังจากสรุปได้ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์จะดังขึ้น เจ้าตัวรีบควักออกมาพอเห็นชื่อคนโทรก็ทำตาโตก่อนจะเอ่ยปากขอตัว


             “พวกมึงนี่..พอ จะคิดไรก็คิดไปเหอะ  ขี้เกียจอธิบายแล้วห่า” พี่ทินบ่น สวนพี่คมก็ยังคงหัวเราะอารมณ์ดีแบบผิดปกติอยู่เช่นเคย ฟังแล้วแอบขนลุกเล็กๆ


              “ทำเป็นงอน ไอ้นี่” พี่โตส่ายหน้า มือข้างหนึ่งคว้าเอวผมไว้ให้ขยับแนบกาย “ไมเห็นเป็นอะไรเลย มึงนี่นะ...”


           “พวกมึง” พี่วิทย์ก้าวเข้ามานในวงอีกครั้ง แต่ไม่ได้นั่งลง เจ้าตัวกำโทรศัพท์แล้วทำหน้าเครียดๆ “กูไปก่อนนะ”


           “ไปไหน?” พี่โตลุกพรวด มองพี่วิทย์ที่ทำท่าจะโกยหน้าตั้ง ซึ่งเจ้าตัวมีสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด


            “ไปโรงพยาบาล...”พี่วิทย์ว่า ก่อนที่ใบหน้าตื่นเต้นนั้นจะเต็มไปด้วยความยินดีที่แผ่ซ่านทั้งแววตาและการกระทำ


             “เมฆ...เมฆฟื้นแล้ว”


      ..............


             ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่แผ่กว้างสร้างร่มเงาในยามกลางวัน มาบัดนี้เมื่อไร้แสงอาทิตย์ใบไม้และกิ่งที่เอนไหว ไกวแกว่งไปตามสายลมกลับดูราวภูตผีกำลังขยับไปมา เงาครึ้มของไม้ฉำฉาที่ถูกลัดกิ่งออกไปไม่น้อยนั้นยังคงทอดตัวอยู่อย่างสงบนิ่ง บดบังแสงหม่นของพระจันทร์ที่ลอยขึ้นครึ่งฟ้า


         ฝ่าเท้าของผมก้าวเข้าไปยังแปลงผักที่ถูกตะแกรงสีขาวล้อมเอาไว้  ก้มตัวลงดึงต้นต้นผักชีและต้นหอมตามคำสั่งของแม่อย่างเชี่ยวชาญ ดวงตาเบิกกว้างพยายามจ้องมองหาผักที่ตัวเองต้องการท่ามกลางแสงสลัว


     “เหม่ออะไร” เสียงทักด้านหลังทำเอาสะดุ้งโหยง ไอ้เนมเกือบจะหน้าคว่ำลงกับแปลงผักแล้วเชียว ถ้าพี่โตจะไม่ขยับมาหาแล้วคว้าเอวผมไว้ด้วยความรวดเร็ว


    “จู่ๆก็เข้ามาทัก ตกอกตกใจหมด” หันไปขว้างค้อนใส่แล้วรีบยันตัวออกมาจากแผ่นอกหนา แต่ทว่ากลับติดที่อ้อมแขนนี้ไม่ยอมปล่อยไปเช่นที่ควรเป็น


     “พี่โต” ผมอุทานแล้วเริ่มสอดสายตาหลุดหลิก “อย่าสิ เดี๋ยวใครมาเห็นเข้า” เงาคนทีเคลื่อนไหวภายในบ้านชวนให้เสียวสันหลัง ไอ้ใครมาเห็นยังพอว่า กลัวแม่หรือน้องผมมาเห็นนี่สิ ความจะได้แตกปะไร


     “คิดถึง” จู่ๆ...เอาแบบไม่ทันตั้งตัวจริงพี่โตก็พุดขึ้น หลังจากนั้นก็ทำหน้าซึ้งใส่ผมอีกรอบ เล่มเอาแทบไม่ทันตั้งตัว


      “พี่..ปล่อยก่อน” จ้องตากันอยู่ครู่หนึ่ง ๆไอ้เนมก็ต้องรีบเอ่ยปากผลักไสไม่ให้พี่โตใกล้ชิดกันเกินกว่าที่ควรจะเป็น ต่อให้ความสัมพันธ์ของเราจะไปถึงจุดที่มากกว่านี้แล้วก็เถอะ แต่นั่นมันหมายถึงในคุก ไม่ใช่ข้างนอกและไม่ใช่ที่บ้านผมซึ่งมีแม่และน้องอยู่ด้วยแบบนี้


      “.........” พี่โตถอนหายใจ แต่ก็ไม่พูดอะไร ทว่าก็ยอมละอ้อมแขนออกและดึงผมให้ก้าวออกมาจากแปลงผัก ไอ้เนมรีบเดินออกมาแล้วรั้งตาข่ายที่ตัวเองก้าวข้ามให้อยู่ที่เดิม ก่อนจะสาวเท้าไปยังก๊อกน้ำนอกบ้านซึ่งเอาไว้สำหรับรดน้ำผักซึ่งอยู่ในบริเวณไม่ไกลจากแปลงผักนัก


      ก้มหน้าล้างเศษดินออกจากรากของผักชีและต้นหอมในมือเงียบๆ รู้ตัวว่ามีร่างของใครอีกคนยืนตระหง่านอยู่เบื้องหลัง ร้านอาหารที่กลายเป็นที่ซ่องสุมชั่วคราว ตอนนี้เหลือเพียงพี่ทินกับพี่คมที่ดวลเบียร์คุยกันอ้อแอ้ ส่วนพี่วิทย์ก็แล่นออกไปแล้วหลังจากได้ข่าวด่วนว่าเมฆมันฟื้นแล้วนั่นล่ะ


        “พรุ่งนี้ไปเยี่ยมเมฆดีไหม?” เงียบไปนาน ผมจึงเอ่ยปากทักขึ้นมา ดีใจไม่น้อยเมื่อรู้ว่าที่สุดมันก็ฟื้นและก็หวัง หวังอย่างมากว่าเรื่องราวความเจ็บปวดที่เมฆมันต้องพบเจอ จะจบลงไปเสียที


         “อย่าไปกวนพวกมันเลย” พี่โตตอบสั้นๆ “ถ้าเรื่องมันโอเคแล้ว ไอ้วิทย์ก็คงจะพามาเองล่ะ”


        “แต่....” ผมอยากเจอมันนะ อยากคุยกับไอ้เมฆหลายๆเรื่องด้วย


         “ลุกขึ้นมา” พี่โตเอามือรั้งไหล่ผมแล้วเอ่ยปากเรียกสั้นๆ  ผมจึงหันไปหา เพื่อจะได้สบตาสีเข้มวาววับคู่นั้น


     พี่โตยืนเงียบอยู่ตรงหน้าผม ใบหน้าคมเข้มสะท้อนแสงไฟและแสงจากดวงจันทร์ที่ลอยอยู่บนฟ้า ทิ้งให้เกิดเงาตกกระทบใบหน้าดูลึกลับไม่น้อย แต่สิ่งหนึ่งที่ยังคงวาววับอยู่ท่ามกลางความมืดสลัวคือดวงตาทั้งคู่ของพี่โตนั่นเอง


     ฝ่ามือนั้นยื่นมาหาโดยไร้คำพูด และ..ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลกลใด ผมก็ยื่นมือไปแตะเช่นกัน จึงรู้สึกได้ถึงฝ่ามืออุ่นร้อนที่กุมแน่น กระชับราวกับว่ากลัวจะหลุดหาย


   แววตาโหยหา สิ่งที่สะท้อนออกมาจากดวงตาคู่นั้น ทำให้หัวใจผมเจ็บแปลบขึ้นมาเงียบๆ


       “ขอโทษ” รู้..รู้ดีเลยล่ะว่าเพราะอะไร “ผม..ทำให้พี่ลำบาก”


        “ไร้สาระ..กูไม่เป็นไร” พี่โตส่ายหน้า ปลายนิ้วไล้หลังมือผมเบาๆราวกับปลอบประโลม “ตอนนี้กูมีความสุข ก็แค่อยากจับมือเท่านั้นแหละ ไม่มีอะไรหรอก”


        “แต่ พี่คงอึดอัด” ผมพูดพลางถอนหายใจเฮือก สายตายังแอบเหล่ไปยังตัวบ้านที่เปิดไฟสว่างจ้า “ขอโทษนะ ที่ผมไมกล้าบอก ผม...”


       “เฮ้อ...ไอ้เราก็นึกว่าคิดมากอะไร “พี่โตฟังคำพูดของผมแล้วหัวเราะ พลางส่ายหน้า


        “นี่..ไอ้หมาน้อย มึงว่าที่ผ่านมาเราเจอเรื่องอะไรด้วยกันมามากแค่ไหนล่ะ ไอ้คำว่าอุปสรรคน่ะ เจอมันมากจนชินแล้วด้วยซ้ำ  กับแค่เรื่องนี้ มันไม่ได้มีอะไรมากมายเลย” พี่โตเปลี่ยนมาเป็นลูบหัวผมเบาๆแล้วส่ายหน้า “มึงเป็นแบบนี้น่ะดีแล้ว  มึงที่คิดถึงคนสำคัญของตัวเองตลอดเวลา แม่ น้อง หรือครอบครัวน่ะ คนเรามันมีได้เพียงครั้งเดียวในชีวิต ดีแล้วที่มึงตัดสินใจจะปกป้องแล้วก็อยู่กับพวกเขา”


         “แต่ผมทำให้พี่อึดอัด “ แม้จะไม่ได้อึดอัดกับการพบเจอครอบครัวผม ทว่าการได้เห็นกันเพียงหน้า ไม่สามารถโอบกอดแสดงความใกล้ชิดหรืออย่างอื่นได้ พี่โตก็คงจะลำบากใจไม่น้อย ขนาดผมเองก็ยังรู้สึก..


   รับรู้ได้ถึงสิ่งที่เรียกว่าความโหยหา..


  แล้วกับคนที่ต้องทนรอผมอย่างเดียวดายนี่ล่ะ จะไม่เจ็บปวดหรือหงอยเหงาบ้างหรือไร


         “งี่เง่า คิดมากไปแล้ว” พี่โตส่ายหน้ากับคำพูดของผม “ฟังนะ..ตอนนี้แค่ได้เจอกันทุกวันก็ดีแล้ว ไอ้เรื่องความคิดที่ว่ากูจะอึดอัดกังวลน่ะเอามาจากไหน กูรักมึงนะ...รักมึงแล้วก็ชอบแม่ ชอบน้องของมึงด้วย ชอบที่เห็นไอ้เนมตัวน้อยๆยังอยู่กับครอบครัว และเพราะชอบนั่นล่ะ กูถึงอยากให้มันเป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ”


          “กูจะพยายามให้เป็นที่ยอมรับ พยายามให้แม่มึงชอบกู พยายาม..เพื่อที่จะได้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของครอบครัวนี้ให้ได้..เพราะฉะนั้นอย่ากังวลไปเลย ว่ากูจะคิดมากอึดอัด หรือไม่พอใจ เพราะความจริงคือตอนนี้กูกำลังมีความสุข ทั้งกับความสุขที่ได้เจอมึง และความสุข..ที่ได้พบกับคนที่มึงรัก”


      “ แม่ง ฟังดูอย่างกับคำตอบนางสาวไทย” ไอ้เนมบ่นงึมงำแต่ริมฝีปากก็เผยเป็นรอยยิ้มกว้างเสียจนแก้มแทบแตก พอได้ยินแบบนั้นพี่โตก็ส่ายหน้า ทำเอาบรรยากาศที่โรแมนติกหรือเกือบๆจะเป็นแบบนั้นพังทลายไปต่อหน้าต่อตา


         “แน่สิ กูเป็นลูกเขยที่ต้องเอาชนะใจแม่สะใภ้นี่”


          “เค้าให้แต่งเข้าเหอะ ไม่ใช่แต่งออก เพราะงั้นพี่ต้องเป็นสะใภ้” ไอ้เนมยักไหล่ ทำหน้าล้อเลียนใส่ลูกสะใภ้ตัวควายๆทันควัน


          “เรื่องแบบนี้เค้าเลือกกันบนเตียงโว้ย ไม่เกี่ยวว่าใครจะแต่งเข้าแต่งออก” พี่โตสวน พร้อมกันนั้นก็รั้งตัวผมเข้าไปแนบชิดอีกครั้ง “แล้วถึงจะได้ชื่อสะใภ้ แต่ใครเป็นผัวใครเป็นเมีย ก็น่าจะรู้ดีแก่ใจนะ หือ..”


          “อะไร คนอย่างผมกะ....อือ...” อ้าปากท้วงได้ไม่เกินสามวิ ใบหน้าของจอมฉวยโอกาสก็แนบชิด ริมฝีปากหนาเบียดลงบนริมฝีปากของผมทันควัน จากนั้นจึงกดย้ำ บดเบียนซ้ำด้วยความปรารถนา


        อ้อมแขนที่รัดแน่นขึ้นและจูบที่ดูดดื่มราวกับจะกลืนกินไปทั้งตัวนั้นทำให้ผมถึงกับสะท้าน รับรู้ได้อย่างชัดเจนถึงความปรารถนาที่ถูกเก็บไว้ในส่วนลึกของผู้ชายตรงหน้า ร่างของพี่โตกอดรัดทาบทับผมไว้ไม่ยอมปล่อย และคงจะมากกว่านี้ไปแล้ว ถ้าไม่ได้มีเสียงเรียกของแม่ผมออกมาจากในครัวแว่วๆ


         “ได้แล้วคร้าบบบ” ผละออกไปแทบไม่ทันเมื่อถูกเรียกหาผักที่จะต้องไปเก็บมาให้ ขานรับทั้งๆที่ลมหายใจยังไม่เป็นปกติ ก่อนจะไอ้เนมจะทำหน้าบูด เมื่อพบว่าผักที่ตัวเองอุตส่าห์ไปเด็ดมา บัดนี้กลายเป็นว่าถูกขยี้กำแน่นเสียจนยับ


         “ตายหอง” รู้เลยว่าถ้าเอาไปให้ล่ะก็ไม่วายโดนบ่นแหงมๆ ผมรีบเดินเข้าไปที่แปลงผักอีกครั้ง ด้วยความรีบร้อน ทั้งๆที่สติยังไม่ค่อยอยู่กับเนื้อกับตัว แล้วยังมึนไม่หายกับจูบของพี่โตที่ห่างหายไปนานซะอีก


        แว่วเสียงหัวเราะตามหลังอย่างเจ้าเล่ห์แล้วหมั่นไส้ชะมัด ไอ้เนมเลยหันไปทำตาเขียวใส่ “ขำมากเลยนะ ชิ”


         “แหม มีงอน” พี่โตหัวเราะรับ


          “งอนสิ ทำไรไม่ดูตาม้าตาเรือ”ว่าแล้วก็แยกเขี้ยวใส่คนพูดเสียที ก่อนจะเปลี่ยนเป็นนิ่งเมื่อนึกได้ว่าตัวเองพูดอะไรไว้ “แล้วพี่...แน่ใจนะ แบบนี้”


           “ฮื่อ...” พี่โตเลิกคิ้ว ครางในลำคอรับกับคำถาม


           “ไม่รู้อีกนานไหม” ผมเปรยออกมาอย่างกังวลหน่อยๆ เม้มปากแน่นกับความกังวลบางอย่างที่เกิดขึ้นในจิตใจ “ถ้าพี่เสร็จงานนี้แล้วคงไม่ได้เจอกันบ่อยๆอีก ผม..ไม่รู้ว่าพี่รอได้แค่ไหน”


          พี่โตมองหน้าผมที่ปีนออกมาจากแปลงผักอีกครั้ง ฝ่ามือนั้นแตะลงบนผิวแก้มเบาๆ..ก่อนจะบีบมันแรงๆ


        “โอ้ยยย อะไรกันวะ เจ็บนะ!!” โวยวายทันควันแล้ร้องซี้ดดด เจ็บแบบไม่ทันได้ตั้งตัวด้วย


         “บีบแก้มคนงี่เง่าไง” พี่โตยักไหล่สีหน้าเฉย “มึงรอกูมากี่ปีแล้ว แค่นี้น่ะ สำหรับกูไม่มีลำบากอะไรเลย”


         “...........”


      “เพราะงั้นเลิกงี่เง่าได้แล้ว เข้าใจไหมอิหนู”


       “ห๊ะ!ใครเป็นอิหนูนะ” โถ่ อยากจะซึ่งสักสองสามวิ แต่พี่โตก็ทำลายบรรยากาศอีกรอบจนได้ ชะ


       “อิหนูของป๋าไง ฮ่าๆ” เฉลยแล้วหัวเราะขำ พลางสาวเท้าคู่กับผมไปในบ้านอย่างคุ้นเคย


        “กะอิแค่เสี่ยรับเหมา ตังค์เยอะพอจะออฟเด็กยังเหอะ กล้ามาเรียกตัวเองว่าป๋า” พอกวนมาผมก็กวนกลับ เอาสิ ว่าใครมันจะกวนได้มันส์กว่ากัน


        “เหอะ ระดับนี้น่ะ ไม่ต้องมีเงินสาวก็มาหา เนอะ” ว่าๆไม่ว่าเปล่า มีการเดินไปโฉบไหล่น้องสาวผมอีก แล้วนั่น..ยัยน้ำมันดันหัวเราะคิกคัก เฮ้ยยย


       “แหม แบบนี้เค้าก็โอเคอยู่นะ” นั่น ยัยน้องสาวผู้รักนวลสงวนตัวมันหายไปไหนเนี่ย ผมเบิ่งตามองยัยน้ำที่หันไปพูดคุยเล่นหัวกับพี่โตอย่างสนิทสนมแล้วแทบจะพ่นไฟออกมาจากปาก นี่พวกเอ็งไปสนิทกันตอนไหนฟ่ะ


        “อ้ากกก หยุดเลยนะ ! น้ำ แกอย่าเข้าใกล้จอมมารนะเว้ยย” ไม่งั้นซวยชั่วชีวิตอย่างพี่แกนะจะบอกให้!


         “ฮ่าๆ จอมมารอะไรกัน ดูหนังมากไปป่ะเนี่ย”


         “นั่นสิ สงสัยเพี้ยนแล้วอ่ะคะ”


          “เนมมมม ทำอะไรอยู่! แม่บอกให้เก็บต้นหอมให้ตั้งนานแล้วนะ ลูกคนนี้นี่ !”


           “หงะ แม่!!!” เสียงโหยหวนของไอ้เนมดังขึ้นทันทีเมื่อถูกฝ่ามืออรหันต์ของคุณนายนิตยาฟัดเข้าที่หู ใบหน้าที่เบ้อยู่แล้วจากความไม่พอใจที่จอมมารมีสมุนเพิ่มขึ้นอีกตัวบิดเบี้ยวด้วยความเจ็บปวดทันควัน  ส่วนพี่โตน่ะเรอะ จอมมารที่ไม่รู้ยึดบ้านผมได้ตอนไหน ก็ยืนหัวเราะกับยัยน้ำ น้องสาวจอมโฉดที่แปรพักตร์จากผมไปหาพี่แกเมื่อไหร่ก็ไม่รู้


    ได้ใจแม่ผม ถูกรับเป็นลูก สนิทกับยัยน้ำถึงขนาดเล่นหัวกันเฮฮา ขนาดนี้แล้วยังต้องปรับตัวอะไรกับคนในครอบครัวผมอีกเรอะ บ้านไอ้เนมโดนจอมมารยึดไปแล้วล่ะไม่ว่า


    โถ่โว้ยยย ไม่น่าหลงไปสงสารเลยเฟ้ย!


………………..

บทส่งท้ายมาแล้ว นานมากกกกกว่าจะมา ขอโทษนะคะ :monkeysad:


ขอโทษด้วยนะคะที่ช้าเหลือเกิน ติดเรียนและอื่นๆอีกมากมายค่ะไม่ค่อยมีเวลาเลย ปีสี่นี่มันลำบากแท้หนอ อ อ อ

ส่วนบทส่งท้ายอันนี้ ก็ถือว่าเป็นการเอ่ยถึงเรื่องราวคร่าวๆหลังจากมาพบกันนั่นเอง และเมฆก็ฟื้นแล้วววหุหุ ใครอยากรู้ว่าฟื้นแล้วสามผีจะเป็นอย่างไร อันนี้ก็ไปรอกันต่อในเล่มเน้อออ (ช่วยกันสนับสนุนค่าเรือนหอพี่โตนุ้งเนมด้วยนะ55+)   

+-+-+-

แจ้งเรื่องนิยาย รู้สึกหลายคนเข้าใจผิดว่าสั่งไม่ได้แล้ว ไม่ใช้น้า สั่งได้ค่าา

   นิยายเรื่อง OH!!badguy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก ได้จัดพิมพ์เป็นหนังสือกับสำนักไร้กรอบ นิยายพ้นช่วงปิดจองแล้วแต่ยังสามารถสั่งได้เรื่อยๆ ใครที่สนใจเชิญที่นี่ได้เลยค่า http://www.raikrobbooks.com/

รายละเอียด นิยาย 2 ภาค 4 เล่มจบ  + ตอนพิเศษในเล่มที่ไม่ได้ลงในเว็บ

ราคาเล่มละ 470 บาท สั่งซื้อแยกเล่มได้ (ไม่นับรวมช่วงจอง)

ใครมีข้อสงสัย มีอะไรอยากจะสอบถาม ส่งข้อความมาสอบถามได้ค่ะ

และหากใครอยากจะสอบถามเกี่ยวกับหนังสือ ให้ส่งเมล์ไปถามที่ Raikrob@จีแมว.คอม นะคะ :mc4: :mc4:

+++

   และสุดท้าย จบบทส่งท้ายแล้วแบดกายก็คงจบลงเพียงเท่านี้ ^ ^  จบกันจริงจังเสียทีสำหรับนิยายที่เขียนมาสามปีกับอีกหกวัน เฮ้อ  อ อ ใจหายจริงจังที่จะไม่ได้เขียนอีก แต่มิเป็นไร เรื่องเก่าจบ แต่เรื่องใหม่ก็มาอีกค่า

โปรโมทๆ (ต่อไปนี้ปุ้ยจะใช้ยูส serinนะคะ ส่วนยูสนี้เป็นของน้อง katte ที่เอานิยายมาลงให้)

อันนี้จบแล้วแต่ยังอยากโปรโมท Stone rose’s line กุหลาบทรายใต้เงาหิน >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=18705.0

ภาคต่อของเรื่องข้างบน Route liebe >> http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=30985.0


เรื่องใหม่ ออกแนวลึกลับ Lost Angel >>  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33406.0


อย่าลืมตามให้กำลังใจกันด้วยนะค้า  :กอด1: :L2: :L2:



ปล. มีแฟนเพจแล้วนะค้าาาา มาคุยกันได้ที่นี่เลย http://www.facebook.com/SilenceSerinStory


« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 30-09-2012 11:32:14 โดย Serin »

ออฟไลน์ Millet

  • `ヅ
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1667
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +663/-5
:z13:

ในที่สุดก็มาาาา

พี่โตตตตตตตตต

เข้ากับแม่กับน้องได้เป็นปี่เป็นขลุ่ยเลยนะพี่โต  :laugh:


เมฆฟื้นแล้ว ดีใจน้ำตาจะไหล  :กอด1:

2Botaku

  • บุคคลทั่วไป
พี่โตกับน้องน้องเนม น่ารักกุ๊กกิ๊กกุ๊กหม่ำ มากกกกกกกกกก :o8: :-[

ออฟไลน์ Scream

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 196
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
ติดตามมาเกือบ 3 ปีเเล้วหรอ
ไวจัง ใจหายเรย เนมพี่โตพี่วิทย์พี่กันย์เมฆ ฮืออออ
ตามมาจากเด็กดีก่อน เเล้วก็มาเจอที่เล้าอีกที
สามผีมันเจ็บปวดจริงๆ
มันคงเเฮปปี้ไม่ได้สินะ ยังไงมันก็คงไม่เป็นอย่างที่เราคิด
พี่โตดูเเลเนมดีๆนะ เเบบคำพูดตอนพี่โตกลับมาตราตรึงใจจริงๆ
รักนิยายเรื่องนี้มาก มันทำให้ได้อะไรกลับไปคิดหลายอย่างเรย
ขอบคุณมากจริงๆค่ะ  :sad4:    o13

ออฟไลน์ NewYearzz

  • เป็ดAres
  • *
  • กระทู้: 2544
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +346/-2
พี่โตน่ารักอ่ะ  :o8: แอบคิดถึงคุณหมอโรคจิตด้วยอ่า  :laugh:

เท่านี้ก็ดีมากๆแล้วเน้อชีวิต คนเราจะต้องการอะไรไปมากกว่าการได้อยู่กับคนที่รักอย่างมีความสุข


ขอบคุณมากๆสำหรับบทส่งท้ายครับ  :pig4:


ออฟไลน์ loverken

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 504
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +34/-0
 :-[

พี่โตน่ารักเกินไปแล้ว...เขิล

ออฟไลน์ lazat.mchub

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 330
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-0
คิดถึง คิดถึงพี่โตไอ้เนมที่สุด คาดว่าจะต้องกลับไปอ่านใหม่ตั้งแต่แรก ชอบบบบบ
อยู่กับนิยายเรื่องนี้มานานมาก คนแต่งเยี่ยม   o13

benzbent

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึงพี่โตกับเนมที่สุดเลย
ขอบคุณสำหรับบทส่งท้ายนะคะ ^^
ดีใจที่อย่างน้อยคุณคนเขียนก็เขียนให้เมฆฟื้น
ขอให้เมฆกับพี่วิทย์มีความสุขด้วยกันซักทีนะคะ :m15:

ออฟไลน์ GF_pp

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 502
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
             ดีใจทีเอามางต่อให้ค่ะ

    พี่โต  กะ  น้องเนมก็ยังรักกันเหมือนเดิม    :impress2:
   
    คู่พี่ทิน  กะ  พี่คม  เฮ้ย ! พี่ทินก็ยังจะปากแข็งอยู่ได้

    ส่วนคู่ของ เมฆ กะ เฮียวิทย์  ก็ดีใจที่เมฆพื้นมาแล้ว (ขอให้คู่นีสมหวังนะคะ)

 

   ป.ล.   เมื่อไหร่หนังสือจะเสร็จคะะะะะะะะะะะะะ  รอที่จะอ่านไม่ไหววววววววววววแล้วววววววว

                                               :monkeysad: :monkeysad:

ออฟไลน์ CoMa

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 187
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
และแล้วบทส่งท้ายก็มา :mc4:
คิดถึงพี่โตกับน้องเนมแทบแย่ น่ารักมาก><
ตอนนี้มันจี๊ดที่หนูเมฆฟื้นแล้วนี่แหละไม่งั้นมันค้างคาสงสารอิตาวิทย์มัน อิอิ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






zerea

  • บุคคลทั่วไป
อืม...ตอนเห็นชื่อเรื่อง อ่านดีมั้ยวะ?? o22
ก็เลยลองเปิดเข้ามาดูก่อนผ่านๆ

ได้ข้อสรุปให้ตัวเองล่ะ จะอ่านต่อให้จบ
เอาให้จบทั้งๆที่ต้องสอบไฟนอลเนี่ยแหละ
มาลงชื่อแปะไว้ก่อน :a5:

ขอบคุณคนแต่งค่ะ :pig4:

ice_painful

  • บุคคลทั่วไป
วู้วู้
จบ
ขอบคุณมาก ลุ้นระทึก จริงๆ
เป็นนิยาย แวก อีกเรื่อง
ขอบคุณคนแต่งมาก

เปิดอีกมุมของสังคม

TaroT

  • บุคคลทั่วไป
อ่านถึงหน้าที่ 100 ละครับ กำเดาไหล เลือดกระฉูด พอเหมาะพอเจาะกะหน้าที่ 100 เจรงๆ อิอิ

 :pighaun: :pighaun: :pighaun:

ออฟไลน์ Poseidon

  • Unconditional love
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 5081
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +260/-12
โอ๊ยยยย โตกะเนมน่าร๊ากกก
ขอบคุณมาๆกเลยนะครับที่มาต่อบทส่งท้ายให้ ตั้งหน้าตั้งตารอมาตลอด

ออฟไลน์ mikuchan

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 7
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-0
เป็นนิยายเรื่องแรกที่เข้ามาเม้นท์หลังจากที่สมัคร อยากบอกว่านิยายเรื่องนี้มันครบมาก!! :กอด1:

กว่าจะอ่านจบเล่นเอาแทบบ้า อาจจะไม่ต้องทุรนทุรายรออ่านเหมือนชาวบ้านเขา

(เพราะเราเลือกอ่านนิยายที่โพสจบแล้วกันอารมณ์ค้าง แฮ่ๆ)

รู้สึกค่อยๆโตขึ้นไปพร้อมกับเนม เป็นพล็อตที่คาดเดาเรื่องไม่ถูก เดาแบบนี้แต่ผ่าไปเป็นอีกแบบที่คิดไม่ถึง

รู้สึกรักทุกตัวละคร(ยกเว้นอีสามป๋า) รู้สึกหลงไหลคู่ไอ้พี่โตกะไอ้น้องเนม รู้สึกปวดหนึบๆหน่วงๆกะสามผี

รู้สึกขอบคุณมากๆที่แต่งเรื่องราวแบบนี้ออกมาให้สครีม

ขอบคุณมากๆค่ะ  :sad4:

ออฟไลน์ kun

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3592
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-10
ตามอ่านจนจบแล้ว
อ่านไปก็ลุ้นไปว่าตอนจบพี่โตกับเนมจะเป็นยังไง
ในที่สุดการรอคอยก็ได้ผลได้กลับมาอยุ่ร่วมกัน
ทุกบทบาทของแต่ล๋ะคนมีมุมที่แตกต่างเด่นกันไป
ขอบคุณที่แต่งนิยายให้อ่าน ^^



ออฟไลน์ Homepage

  • 520 - 我爱你
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
อ๊ากกกกก อยากอ่านอีก ไม่อยากให้จบเลย คิดถึงเรื่องของทั้งสองคนตอนอยู่ในคุก
แอบสงสารพี่กันย์ด้วย ไม่รู้ว่าหลังจากนั้นเป็นยังไงบ้าง ตอนจบเนมยังคงน่ารักเหมือนเดิม อิอิ

donjai11

  • บุคคลทั่วไป
รักพี่โตกับน้องเนมมาก อ่านม่3ปีแล้วเหมือนกัน

ออฟไลน์ aoihimeko

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3132
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +155/-9
พี่โตน้องเนมน่ารัก เมฆฟื้นแล้วดีใจกับวิทย์ด้วย

YAYANORITZ

  • บุคคลทั่วไป
อ่านจบแล้ว แบบว่า มีความสุขมากอะ เยี่ยมมากๆ  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด