OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: OH!! Bad Guy รักร้ายๆของผู้ชายในคุก!! [by Silence_Serin] บทส่งท้าย Update 30.09.54  (อ่าน 2063450 ครั้ง)

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8

Improbable 47 : ภายใต้ท้องฟ้าสีคราม



     เรื่องราวชีวิตในเรือนจำหลังจากนั้นไม่มีอะไรพิเศษมากนัก หลังจากผมกับพี่โตตกลงกันวันนั้น เราสองคนก็ตัวติดกันมากกว่าเดิม เหมือนจะพยายามใช้ช่วงเวลาที่อยู่ด้วยกันให้มากที่สุดก่อนจะออกไป..


       ในวันที่สิบสองสิงหาคม วันสุดท้ายที่พี่โตจะอยู่ในเรือนจำนี้ พวกเรานักโทษทุกคนเข้าร่วมกิจกรรมร้องเพลงสรรเสริญพระบารมีเนื่องในวันเฉลิมพระชนมพรรษาตามปกติ ยามที่จุดเทียนชัยให้สว่างไหว ผมลอบมองเสี้ยวหน้าที่ตนเองรักใคร่ด้วยความใจหายแต่ขณะเดียวกัน แสงความมีชีวิตชีวาในแววตาของพี่โตก็ทำให้ผมอดยิ้มไม่ได้


         ผมมองเห็นพี่โตร้องเพลงด้วยสีหน้าเปี่ยมด้วยความสุขกว่าทุกครั้ง เสียงเพลงสรรเสริญพระบารมีออกมาจากปากของคนที่ผมรักดังกว่าทุกครา..และ มันเต็มไปด้วยความปลาบปลื้มภาคภูมิใจ


          ผมจ้องมองเปลวเทียวสว่างไสว ขอบตาร้อนผ่าวยามจ้องมองพระบรมฉายาลักษณ์ นึกถึงคำกล่าวที่ว่าในหลวงและองค์ราชินีจะคอยดูแลทุกคนบนผืนแผ่นดินไทย บัดนี้ผมเชื่อแล้วว่าคำกล่าวนั้นเป็นจริง


          เพราะความกรุณาปราณี เพราะโอกาสที่ถูกหยิบยื่นให้พวกเราด้วยความเมตตาของพระองค์ท่าน.


         โอกาส...ที่พวกเราจะกลับมามีศักดิ์ความเป็นมนุษย์เต็มเปี่ยมอีกครั้ง ไม่ต้องเป็นเพียงพวกขี้คุก พวกเดนคนไปตลอดชีวิต


          คืนนั้นเป็นคืนที่เต็มไปด้วยความอิ่มเอม ยามเดินเข้าห้องขังทุกคนมีแต่รอยยิ้ม ที่จริงเราควรจะฉลองกันยันเช้าเหมือนนักโทษคนอื่นๆ แต่พอสามทุ่มทุกอย่างกลับเงียบกริบ มีเพียงเสียงกระซิบกระซาบแสดงความยินดี และเมื่อพระจันทร์ลอยไปครึ่งฟ้า ก็เหลือเพียงผมและพี่โตนั่งแอบอิงกันเงียบๆ  เพื่อเก็บรักษาคืนสุดท้ายที่จะพบเจอกันให้ดีทีสุด


       แหวนลวดอันงี่เง่านั้นยังอยู่ติดนิ้วผมตลอดเวลา เช่นเดียวกับคำสัญญานั้นของพี่โต ผมบอกกับตัวเองแบบนั้น เมื่อมองเห็นแผ่นหลังของร่างสูงนั้นเดินออกไปจากเรือนอนในเวลาเช้าตรู่ น้ำตาที่ไหลอาบแก้มควรจะเป็นเพียงน้ำตาแสดงความยินดี หากไม่มีเสียงสะอื้นลอดออกมาให้ขายหน้าตัวเอง


           ผมก็ยังเป็นเช่นเดิม ใช้ชีวิตแบเดิม เชื่อมั่น..ทั้งที่ยังหวาดกลัว


        ระยะเวลาหลังจากนั้นยิ่งเลือนรางมากกว่าเดิม ผมจำได้แต่ตัวเองก็ทำตัวปกติไปเรื่อยๆ ใช้ชีวิตแบบฆ่าเวลาเพื่อจะออกไปข้างนอกมากว่าจะสนใจอะไรข้างใน ส่วนพี่โตก็ทำอย่างที่ว่าจริงๆนั่นคือไม่ได้ติดต่อหรือมีจดหมายมีหา หรือมาเยี่ยมอะไรทั้งนั้น ในขณะที่แม่ก็มาหาผมเรื่อยๆ  เเละเฝ้ารอคอยอย่างการได้ออกไปอย่างใจจดใจจ่อ พี่วิทย์กับพำทินซึ่งรับปากพี่โตก็คอยกดูแลผมจนกระทั่งพวกเขาออกไป ดังนั้นจึงเหลือเพียงพี่กันย์กับผมที่ย้ายมานอนเรือนนอนเดียวกัน


      ส่วนเรื่องของเมฆนั้น แม้เวลาผ่านไปเกือบปี เขาก็ยังนอนนิ่งอยู่บนเตียงเช่นเดิม..


      จำได้ว่าในวันที่พี่วิทย์ต้องออกไปจากหอ เขาขออนุญาตผู้คุมไปลาเมฆเป็นครั้งสุดท้าย ผมเองก็ขออนุญาตพัศดีไปดูอาการเช่นกันและถือโอกาสบอกลามันก่อนไปในตัว ฟังค่ำบอกอาการจากหมอด้วยหัวใจปวดหนึบ เมื่อได้มองแววตาร้าวไหวของพี่วิทย์ และสีหน้ารวดร้าวของพี่กันย์พี่มองเมฆนิ่งแล้วผมก็ได้แต่ภาวนา..ทั้งขอร้องและอ้อวนวอนให้มันฟื้นขึ้นมาเสียที


     สำหรับเรื่องของพี่กันย์กับพี่วิทย์ ผมก็ไม่รู้จะพูดยังไง เพราะสองคนนี้ดูจะไม่มีทางสานต่อความสัมพันธ์หรือคุยอะไรกันแบบปกติได้อีกแล้ว พี่วิทย์ยังคงสาดความเกลียดชังเข้าใส่พี่กันย์ไม่ยั้ง ขณะที่พี่กันย์นั้น ทำได้เพียงนิ่งเงียบและมีสีหน้าหมองเศร้า..


       ยังจำได้ดีว่าเมื่อวาน..ก่อนวันที่ผมจะออกจากที่นี่ ผมตัดสินใจอ้าปากถามสิ่งที่ค้างคาใจมานานให้รู้เรื่อง ผมอยากรู้ว่าพี่กันย์ตั้งใจจะทำอะไรกันแน่ในตอนนั้น เขาทำเพื่ออะไรกันแน่


       คำตอบมีเพียงรอยยิ้มขื่น คำพูดของพี่กันย์คือสิ่งนั้น และสุดท้าย ก็บอกผมเบาๆว่า กระสุนนัดนั้นไม่เพียงแต่จะทะลุขาของพี่วิทย์ แต่แท้จริงแล้วมันยังทะลุหัวใจของตัวเขาเองด้วย


      หรือจะพูดโง่ๆ ก็คือทำตัวเอง


       เพราะฉะนั้น ถึงได้ไม่โต้เถียง แต่เอาแต่โทษตัวเองอยู่แบบนี้น่ะหรือ?


       ผมฟังแล้วก็ได้แต่ถอนใจ ตัดสินใจละอดีตไว้เพียงแค่นั้น ในเมื่อพี่กันย์พอใจจะบอกแค่นี้ผมก็คงพูดอะไรมากไม่ได้ เพราะดูเหมือนเจ้าตัวก็ได้รับผลของการกระทำที่เลวร้ายกว่ากระสุนนัดนั้นมากมายนัก


            แกร่ก....


              ประตูห้องเปิดออกทำให้ผมละจกภวังค์ ผู้คุมเดินเข้ามาหาผมด้วยรอยยิ้ม ผมยื่นเอกสารที่ตัวเองกรอกให้ฝ่ายนั้นรับไปดู ขณะที่มือกำประเป๋าเป้และข้าวของสัมภาระของตัวเองไว้แน่น ตอนนี้เป็นเวลาประมาณแปดโมงเช้า ผมทานข้าวแล้วก็ออกมาเดินเรื่องออกจากเรือนจำตามกำหนด  ตอนนี้ผมนั่งอยู่ห้องสำหรับนักโทษเตรียมตัวก่อนจะออกไปข้างนอก ฉะนั้นไอ้เนมเลยอยู่ในชุดปกติ กางเกงยีนส์ เสื้อยืดธรรมดาสิ่งของที่ไม่ได้สัมผัสมานานชวนให้หัวใจหวิวไม่น้อย ข้าวของเครื่องใช้ประดามีที่เอาติดตัวไปด้วยในคุกก็ถูกจับยัดใส่กระเป๋า  เสียงพูดคุยข้างนอกนั่นอาจจะเป็นญาติที่มารับหรืออะไรก็แล้วแต่ ยังไงมันก็ชวนให้ตื่นเต้นมากอยู่ดี


            นั่งสับขารอไม่นานประตูก็เปิดออกอีกครั้ง ร่างของผู้คุมเดินเข้ามาก่อนจะยื่นใบสุทธิเพื่อรองรับว่าผมได้ชดใช้ความผิดจนหมดแล้วให้พร้อมกับตบไหล่เบาๆ


         "โชคดีนะ"


               ผมพยักหน้าไหว้รับคำอวยพรนั้นก่อนจะลุกขึ้น หยิบกระดาษเอกสารนั้นใส่กระเป๋าก่อนจะแตะมือลงบนประตู และผลักออกไป


            ผมกระพริบตาช้าๆ จ้องมองทางเดินออกจากเรือนจำซึ่งเป็นทางทอดยาวไม่มากนักให้เดินออก รถตำรวจสี่ห้าคันจอดประจำอยู่ริมกำแพงทางเข้า ด้านบนกำแพงยังมีรั้วลวดหนามและหอคอยสูงสำหรับสอดส่องตรวจตราดูความผิดปกติ ผมหันหลังไปมองที่ๆตัวเองอยู่มานับห้าปีด้วยสีหน้าหลากหลาย ประตูเรือนจำที่เปิดออกอีกครั้งถูกปิดลงแล้วด้วยฝีมือของผู้คุมที่ยืนประจำอยู่ ขณะที่สมองไพล่นึกไปถึงวันแรกที่เหยียบเข้ามาที่นี่


             อาจจะเป็นเวลานี้เมื่อห้าปีก่อนเหมือนกันรึเปล่า ระยะเวลาที่ผมต้องเข้าไปข้างในเพื่อชดใช้ความผิด พอคิดถึงความงี่เง่าของตัวเองเมื่อก่อนแล้วอดจะหัวเราะไม่ได้ ไอ้เนมเดินทอดน่องไปตามทางเดินโรยกรวดช้าๆ อย่างประสงค์จะคิดทบทวนเรื่องราวมากมายที่เกิดขึ้นกับตัวเอง


        เมื่อห้าปีก่อน ยามที่ผมเดินเข้ามาในเรือนจำนี้ด้วยท่าทีเศร้าซึม ผมยังเป็นเด็กน้อยอ่อนเดียงสา ไม่รู้ถึงความเลวร้ายของโลกใบนี้ และเอาแต่คร่ำครวญหวนไห้ถึงชะตากรรมอันน่ารันทดของตัวเอง


        ผมนึกถึงคนที่ผ่านเข้ามาในชีวิต นับแต่ผุ้คุมคนแรกที่ตัวเองเห็นหน้า คนที่รุมทุบตีผม คนที่ด่าว่าผม พี่ๆที่อยู่เรือนนอนเดียวกัน พี่เบิร์ด พี่ทิน พี่กิต พี่วิทย์ พี่กันย์ อาจารย์ธีระ ป๋า ผู้พัน ลุงชาติ ไอ้เป้ ไอ้เมฆ และ..พี่โต


        เหล่าคนที่อยู่ในความทรงจำซึ่งบัดนี้ต่างก็ออกไปบ้างก็แตกกระซ่านกระเซ็นไปคนละทางชวนให้คะนึงหา โดยเฉพาะคนสุดท้าย ที่ทำให้ผมต้องยิ้มออกมาด้วยความเศร้าหมองที่ตกตะกอนอยู่ในหัวใจ


       ผมกระพริบตามองลูกกรงและลวดหนามที่อยู่เบื้องหน้าบอกตัวเองว่าถึงแม้ที่แห่งนี้จะเป็นเหมือนนรก แต่ก็มีหลากหลายอย่างแฝงอยู่ ทั้งความรัก มิตรภาพ และความเป็นเพื่อน เช่นเดียวกับกลโกง และเรื่องราวที่โหดร้ายและทารุณทั้งหลาย


            ห้าปีที่เข้าไป ห้าปีที่ตัดขาดจากโลกภายนอก ห้าปีที่แปรเปลี่ยนผมจากเด็กเล็กๆเป็นผู้ใหญ่เต็มตัวโดยสมบูรณ์..


          กระดาษเอกสารประทับตราของผมถูกยื่นให้ยามรักษาการณ์ที่ประตูใหญ่อีกครั้ง  เขามองหน้าผมและมองเอกสารสักครู่ก่อนจะเซ็นรับ และเปิดประตูบานใหญ่..หนักนั้นออก


        ผมยิ้ม สูดหายใจลึก..


       ก้าวขาออกไปเพื่อยืดอกรับอิสรภาพที่ได้มาด้วยความดีงาม ความพยายามและความถูกต้องของตัวเอง..



      สรรพเสียงแรกที่ต้อนรับยามก้าวขาออกจากเรือนจำคือเสียงรถราที่วิ่งสวนกันจนอดสะดุ้งไม่ได้ ผมกระพริบตาช้าๆ ยืนมองโลกภายนอกกรงขังด้วยหัวใจที่เต้นระทึก ห้าปีที่อยู่ในคุกได้ทำให้ความคุ้นชินเกี่ยวกับสิ่งเหล่านี้แปรเปลี่ยนไปเสียหมด  โลกภายในห้องขังนั้นไม่ได้อึกทึกวุ่นวายด้วยเสียงรถราและผุ้คน แต่ทว่าโลกใบนั้นก็ไม่มีสิ่งที่เรียกว่าอิสระเหมือนที่ๆผมยืนอยู่ตรงนี้


            "เนม..."


          เสียงเรียกที่แสนคุ้นหูดังขึ้นทำให้ผมชะงัก หันขวับไปมองใบหน้าที่คุ้นแสนคุ้นก่อนจะรู้สึกถึงลมหายใจที่สะดุดกับน้ำตาที่ไหลพรากออกมาอย่างอัตโนมัติ ผมเดินแกมวิ่งไปหาคนๆนั้น ที่ยืนอยู่อีกฝั่งของถนน แววตาห่วงหาอาทรและเปี่ยมด้วยความเมตตานั้นทำให้หัวใจที่ค่อยร้อนรนและสับสนค่อยๆสงบลงอย่างไม่น่าเชื่อ


           ผมเดินเข้าไปหา ดวงตาเบิกว้างจ้องมองรอยยิ้มแสนปรีดาของผุ้หญิงตรงหน้า แขนสองข้างอ้าออก ริมฝีปากขยับโดยไม่มีเสียง เรียกชื่อคนที่รักผม และรอคอยผมมาตลอดห้าปีที่อยุ่ในเรือนจำนั่น


           "แม่"



           ร่างของหญิงวัยกลางคนในอ้อมกอดนี้สั่นไหว ทั้งด้วยแรงสะอื้นร่ำไห้ด้วยความยินดีปนหัวเราะ ร่างเพรียวบางดูเล็กลงและผ่ายผอมกว่าเดิมเสียด้วยซ้ำในความทรงจำ แม้จะพบกันครั้งสุดท้ายไม่นาน แต่มันเทียบไม่ได้เลย กับความรู้สึกที่ได้รับระหว่างการได้เจอกันท่ามกลางอิสระภายใต้ท้องฟ้า กับการพบเจอกันในเรือนจำที่ผมถูกพันธนาการอยู่




            ผมกอดร่างของมารดาไว้แน่น รู้สึกถึงน้ำหูน้ำตาที่เริ่มจะล้นทะลักของตัวเองบ้าง ความคิดถึงโหยหาที่รุนแรงในหัวใจถุก ขับออกมาด้วยอ้อมกอดที่รัดแน่นเช่นนี้ เนื้อตัวบางๆของมารดาสุดที่รักทำให้ผมอดจะสะท้อนใจไม่ได้ ในเวลาไม่กี่ปี ความทุกข์ระทมและความเศร้าหมอง ได้เผาผลาญความสดใสในแววตาของแม่ไปมากเท่าไหร่แล้ว


           ฝ่ามือเล็กๆแต่หยาบกร้านด้วยการทำงานหนักแตะลงบนผิวแก้มผม ฝ่ามือน้อยๆที่คอยโอบอุ้มค่อยลูบไล้และแตะต้องอย่างซ้ำๆพร้อมกับคำทายทักและรอยยิ้มที่หวานที่สุดเท่าทีเคยเห็น ฝ่ามือของแม่สั่นระริกยามที่จับมือผมไว้แน่น และเอ่ยออกมาด้วยน้ำเสียงที่สั่นไหว


            "ยินดีต้อนรับกลับบ้านนะลูก"



                 ผมจ้องมองใบหน้าของแม่ด้วยรอยยิ้ม ก่อนจะรู้สึกถึงความเคลื่อนไหวด้านหลัง ร่างของผู้หญิงอีกคนที่ยืนรอผมแบบเก้กังๆทำให้ผมชะงัก นัยน์ตามองร่างของคนที่ผมคิดถึงมากไม่ต่างกันที่ยืนรอแบบเงอะงะอย่างน่าเอ็นดูอยู่ตรงหน้า คนๆนี้มาหาผมไม่ได้บ่อยนัก อาจจะด้วยธุระของเจ้าตัวและสาเหตุอื่นๆ  แต่กระนั้นความอ่อนโยนห่วงหาในแววตานั้นก็ไม่ได้จางหาย ดวงตาของน้องสาวที่ผมไม่ได้เห็นมานานพอควรวาววับด้วยความยินดี ร่างกายบอบบางของหญิงสาวอายุยี่สิบค่อยเดินมาหา ขณะที่แม่ผละออกจากตัวผมและจ้องมองการพบกันของเราสองพี่น้องเงียบๆ


             ฝ่ามือของน้ำแตะลงที่มือผม สัมผัสนั้นอาจจะเก้ๆกังๆบ้างแต่ก็ชัดเจนว่าเต็มไปด้วยความรักใคร่ ริมฝีปากบางเอ่ยขมุบขมิบอะไรสักอย่างเบาๆ ก่อนเจ้าตัวจะจ้องมองผมเด้วยแววตาที่ชวนให้คะนึงหานัก ดวงตาสดใส แววตาอันใสซื่อและเต็มไปด้วยชีวิตชีวาของน้องรัก ดวงตาที่ผมไม่ได้เห็นมานานแล้วนับแต่เกิดเรื่องในวันนั้น


             "พี่....." ริมฝีปากของน้ำสั้นระริกไหว ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาและเจ้าตัวจะปล่อยโฮออกมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว ผมเบิกตากว้างกับท่าทีนั้น ก่อนที่เอวจะถูกจัดด้วยแขนน้อยๆของน้องสาว ร่างบอบบางนั้นซบลงกับแผ่นอกผมแล้วร้องไห้โฮๆเหมือนเด็กน้อย ริมฝีปากเล็กๆพร่ำขอโทษผมด้วยความอัดอั้นตันใจบ่งชัดด่าที่ผ่านมาเจ้าตัวน่าจะรู้สึกผิดและกดดันอยู่ไม่น้อยและอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นสาเหตุที่ทำให้ผมต้องติดคุก


             ผมยกมือขึ้นลูบหัวเจ้าตัวเล็กของตัวเองอย่างอาดูร แววตาใสๆนั้นทำให้นึกถึงเรื่องราวมากมายที่ผ่านมา ตัวผมที่ต้องพบเจออะไรมากมายระห่างที่อยู่ในน้น และคนที่ได้นับบทเรียนก็ไม่ได้เพียงผม ผู้หญิงที่ผมรักทั้งสองคนนี้ก็คงมีเรื่องราวมากมายที่ต้องพบเจอไม่ต่างกัน


              จากวันที่เราต้องร่ำไห้และหัวใจแตกสลายกับความผิดพลาดนั้น มาวันนี้ ที่ผมกลับมาอีกครั้งด้วยการแก้ไขสิ่งที่ตัวเองทำผิดและสามารถยืนหยัดอยู่ได้อย่างภาคภูมิ นั่นก็ทำให้น้ำตาผมไหลคลอได้ไม่ต่างกัน


             เสียงสะอื้นของน้องสาวยังไม่จางหาย ใบหน้าบิดเบี้ยวเพราะพยายามกลั้นน้ำตาของผมถูกแม่ลูบไล้เบาๆอย่างอ่อนโยน ก่อนที่แขนบางๆนั้นจะกอดผมไว้แน่น ร่างผอมของแม่สั่นไหวเพราะแรงสะอื้น ก่อนที่เราสามคนจะกอดกันกลมเพื่อร้องไห้ราวกับระบายความทุกข์ใจทุกส่วนในชีวิตให้หมด


               หัวใจของผมเต้นบอก ร่ำร้องอย่างแสนสุขกับท้องฟ้าสีครามและผุ้คนที่รักซึ่งกำลังรายล้อมอยู่


               กลับมาแล้ว...



             "กลับมาแล้วครับ...แม่"



      .............................

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8


             ชีวิตหลังจากนั้นเป็นยังไง?



        ถ้าถามว่าเป็นยังไง ผมก็ไม่รู้จะเล่าแบบไหน เอาเข้าจริงแล้วผมพบว่าความลำบากกายในคุก บางครั้งยังดีกว่าความลำบากใจที่พบเจอจากโลกภายนอกที่มีต่อสายตาหวาดระแวงและอคติของคนรอบข้าง ทั้งผมพอจะทำใจมาก่อนหน้าแล้ว ทั้งที่ผมก็รู้แล้วเข้าใจดีว่าตัวเองต้องถูกปฏิบัติด้วยแบบไหน แต่เมื่อเดินเข้าไปในซอยแล้วพบกับสายตาหวาดระแวงของเพื่อนบ้าน คนที่เคยพูดคุยกันกลับเบือนหน้าหนี ท่าทีหวั่นระแวงและระวังตัวแจมองผมราวกับเป็นสัตว์ประหลาด สิ่งเหล่านั้นจะอย่างไรก็ไม่คุ้นชิน


              จะบอกว่าโชคดีได้ไหม ที่อย่างน้อย..น้อยที่สุดผมก็มีคนยอมรับ คนที่เข้าใจและอยู่เคียงข้างผมไม่ว่าเมื่อไหร่ ต่อให้กระแสหวาดระแวงและการตอบรับจากเพื่อนบ้านในละแวกเดียวกันชวนให้หัวใจลีบฝ่อ แต่ผมก็พยายามอดทน ทนทำดีและไม่ก่อปัญหาเพิ่มอย่างที่ได้รับการอบรมมา อดทนต่อสายตาที่เต็มไปด้วยอคติและความหวาดระแวงของผู้คน อดทน..เพื่อที่สักวันพวกเขาจะเข้าใจผมและยอมรับให้ผมกลับเข้ามาในสังคมอีกครั้ง


          สิ่งแรกที่ผมเข้ามาในบ้านคือการจุดธูปบอกกับ”พ่อ”ให้รู้ว่าผมกลับมาแล้ว ทั้งนี้ไม่ใช่แค่พ่อของผม แต่รวมไปถึงชายอีกคนนึ่งนั้น คนที่ผมลงมือฆ่าเขา ทั้งๆที่เขาอยู่ในฐานะพ่อบุญธรรม


         ผมจ้องมองกรอบรูปของคนๆนั้นที่วางอยู่พร้อมกับอัฐิ แม่บอกว่าเขาก็ไร้ญาติขาดมิตรเช่นกันจึงได้แต่เก็บเอาไว้ ตอนแรกแม่ยังคิดว่าผมจะโกรธ แต่ผมไม่ได้รู้สึกอะไรแบบนั้น ผมจ้องมองใบหน้าของเขาและนึกถึงเรื่องที่ตัวเองทำ ก่อนจะเอ่ยปากขอขมาลาโทษต่อดวงวิญญาณของชายที่ล่วงลับ


      ความผิด ยังไงก็คือความผิด ผมฆ่าเขา เรื่องนี้จะไม่มีวันเปลี่ยน ไม่ว่าเขาจะทำอะไรลงไปก็ตาม


       โกรธไปให้ได้อะไรขึ้นมา แค้นไปทำไมในเมื่อเขาตายไปแล้ว ที่ทำได้ตอนนี้มีเพียงการยกโทษให้เขาและขอขมาต่อสิ่งที่ผมทำลงไป โดยหวังว่าเขาจะให้อภัยผมบ้างเช่นกัน


              หลังจากนั้นผมก็พยายามหางานทำ ขณะเดียวกันก็เก็บใบปริญญาจากหารเรียนมหาวิทยาลัยหลักสูตรในเรือนจำไว้แปะฝาบ้าน งานที่พยายามหาเพื่อจะนำรายได้มาช่วยจุนเจือครอบครัวนั้นหาได้ยากยิ่ง เมื่อผมมีประวัตอาชญากรรมติดตัวแบบนี้ แต่ก็ยังดีที่บ้านผมเปิดขายข้าวแกงอยู่หน้าบ้าน อย่างน้อย..ต่อให้ผมไม่ได้งานก็ยังสามารถเอาเวลานั้นมาช่วยแม่ ซึ่งได้บอกผมอย่างอ่อนโยนว่าหางานไม่ได้ไม่เป็นไร มาช่วยแม่ทำกับข้าวขายดีกว่า


             แต่ถึงอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ไม่อยากจะงอมืองอเท้าอยุ่ดี ลำพังแค่เป็นนักโทษคดีร้ายแรงพ้นโทษออกจากคุกก็ถือว่าเป็นเดนสังคม เดนคนอยู่แล้ว ผมไม่อยากจะเพิ่มความไร้ค่าของตัวเองด้วยการงอมืองอเท้าให้คนในบ้านซึ่งมีแต่ผู้หญิงตัวเล็กๆสองคนหาเลี้ยงหรอก


            และที่สุด..ผ่านระยะเวลาที่แสนยกลำบากในสี่เดินแรกมา ผมก็ได้งานจนได้


            มันใช่งานอะไรเลิศหรูแต่ก็ยังดีกวาจะอยู่เฉยๆ ด้วยวุฒิม.6 ที่ผมนำมาสมัครงานนั้นก็ทำให้หางานได้ในประเภทนี้ ต่อให้ผมจะมีปริญญา แต่การไปขอแข่งขันใครคงไม่ไหว โดยเฉพาะหากรู้ประวัติว่าผมเรียนมาจากไหน ผู้คนเขาคงขยาดที่จะให้อดีตนักโทษอย่างผมเข้าไปร่วมงานด้วย แค่ได้งานเป็นพนักงานเซเว่นใกล้บ้าน เท่านี้ก็ถือว่าดีมากแล้ว


               ผมยังถือว่าตัวเองโชคดีมากนักที่มึครอบครัวเข้าใจและคอยเคียงข้าง งานที่ได้มาก็ไม่ได้เลวร้ายนัก ถือเป็นความปราณีอย่างที่สุดที่ได้รับแล้วในฐานะอดีตนักโทของผม ตราบาปที่ติดตัวอยู่ทำให้ไม่สามารถใช้ชีวิตในสังคมได้โดยง่าย โชคดีทีเจ้าของเซเว่นให้โอกาสผมได้ทำงาน


              กิจวัตรประจำวันก็ไม่มีอะไรมาก ผมตื่นเช้าประมาณตีห้าเพื่อช่วยแม่ซื้อของมาทำกับข้าว ก่อนจะเปลี่ยนชุดเพื่อไปทำงานที่เซเว่นหน้าปากซอย ตกเย็นเลิกงาน ก็กลับมาช่วยแม่ขายขอต่ออีกนิดก่อนจะปิดร้านและเก็บของ ชีวิตผมก็วนเวียนอยู่แบนี้ จวบจนครึ่งปีแล้วถือว่ามันก็เป็นไปตามปกติ


            ความหวั่นระแวงที่ชาวบ้านมีให้ผมเริ่มลดลง พฤติกรรมของผมที่ไม่ได้ผิดแผกไปจากเดิมมากนักทำให้หลายคนเริ่มวางใจ ประกอบกับต่างก็รุ้เหตุผลที่ผมทำเรื่องแบบนั้นลงไปดี ผู้คนรอบกายจึงเริ่มเป็นมิตรกับผมมากขึ้น แม้บางคราจะมีอคติบ้าง มีการกล่าวหาเมื่อมีเหตุลักเล็กขโมยน้อยหรือโจรขึ้นบ้านบ้าง แต่ที่สุดเมื่อพิสูจน์ตัวเองได้ผมก็ไม่มีอะไรจะต้องหวาดกลัว น้องสาวสุดที่รักของผมซึ่งตอนนี้เรียนอยู่ในมหาวิทยาลัยของรัฐแห่งหนึ่งในชั้นปีสอง บอกว่ารอยยิ้มซื่อๆของผมทำให้ทุกคนค่อยวางใจและเริ่มมองผมในสายตาดีขึ้น "ความเป็นคน"ที่กลับมาอีกครั้งในสายตาชาวบ้าน ทำให้ชีวิตของผมดีขึ้นและเริ่มมีปฏิสัมพันธ์กันอย่างเมื่อก่อน


           "มันต้องใช้เวลา"คำที่แม่บอกมาก็จริง เวลาจะช่วยพิสูจน์ว่าใครเป็นอย่างไร ผมจะดีขึ้นหรือเลวขึ้น เรื่องแบบนี้ต้องให้เวลาตัดสิน แม่ปลอบผมอยุ่เสมอ ว่าท่าทีรังเกียจหรือเป็นอริของชาวบ้านนั้นเป็นเพราะพวกเขากำลังไม่แน่ใจและกำลังทดสอบอยุ่ว่าเราอดทนได้แค่ไหน คำพูดของแม่ยิ่งทำให้ผมทุ่มเทกับการทำตัวดีให้มากขึ้น เพราะผมอยากได้รับการยอมรับเช่นคนปกติธรรมดาทั่วไป         


          และหากพูดถึงชีวิตของผม ก็มีใครอีกหนึ่งคนที่หายไป...


           ช่องว่างที่กลวงโบ๋ในหัวใจ ความเดียวดายที่รู้สึกในบางคราที่นั่งเงียบในห้องชวนให้คิดถึงคนที่บอกว่าจะทำเพื่อผมคนนั้น เส้นลวดที่เคยถูกใช้เป็นแหวนไร้ราคา ยังถูกผมเก็บไว้จนบัดนี้ บางครั้งผมจะหยิบมันมาดู แล้วพบว่ามันช่างดูกระจอกงอกง่อยและไร้ค่าเสียเหลือเกิน คงไม่ต่างอะไรกับตัวผมและคำสัญญาที่บัดนี้..มันยังไม่ปรากฏ


            หลากหลายสีหน้าของเหล่นักโทษที่มองผมอย่างนึกสงสารในบางครั้งที่มีญาติมาเยี่ยมแต่ไม่มีคนชื่อโตในนั้น หลายคนยังพูดคุย ซุบซิบว่าสัมพันธ์ของผมและพี่โตได้จบลงแล้วเมื่อเขาออกไปข้างนอก ซึ่งเป็นเรื่องปกติ ชีวิตในคุกที่ตัดขาดจากโลกภายนอกทำให้เราทำตัวอย่างไรก็ได้ รสนิยมแบบไหนไม่มีปัญหา แต่ข้างนอกนั้นต่างกัน คนถูกตีค่า เพิ่มราคาด้ววัตถุที่สวมใส่และเม็ดเงินในกระเป๋า กรอบจารีตและวัฒนธรรมตลอดจนสิ่งที่ธรรมชาติสร้างมาให้สอดคล้องกันนั้นก็บ่งชัดแล้ว่าที่สุดผู้ชายคนหนึ่งก็จะกลับไปเป็นปกติตามธรรมชาติของเขา


                บางครั้งที่ผมคิดถึงเขา ผมบอกตัวเองให้ทำใจขณะเดียวกันก็บอกตัวเองให้เฝ้ารออย่างอดทน คำสัญญาของพี่โตยังคงเด่นชัดในความทรงจำ ความจำเป็น..สาเหตุที่ทำให้เงียบหายทำให้ผมต้องนิ่ง แต่ขณะเดียวกัน จิตใจที่ชั่วร้ายก็มักจะกระซิบบอกให้รับรู้และรับฟังเสมอ ว่าเรื่องราวทั้งหมดจบไปแล้ว


              ในหัวใจมีความลังเลและกังวลแฝงอยู่แน่นชัด กังขาและถามตัวเองว่าความอารีย์นั้นเป็นจริงหรือ? พี่โตจะทำเพื่อผม พยายามเพื่อผมจริงไม่ หรือเพียงแต่เอ่ยเป็นข้ออ้าง เป็นคำพูดเห็นแก่ตัวที่ใช้หลอกลวงกันในยามต้องการจากลาเท่านั้น


             แต่จนแล้วจนรอดผมก็ไม่ได้ทำอะไร ที่สุดแล้วผมก็ทำได้เพียงนิ่งเงียบและรอคอยเท่านั้น แม้จะมีผู้หญิงมาข้องแวะพยายามสานสัมพันธ์ แต่หัวใจที่ด้านชาของผมกลับไม่ยินดียินร้าย ปล่อยโอกาสให้ผ่านไปและใช้ชีวิตอยู่กับคำว่ารอแม้จะรู้ว่าความหวังนั้นริบหรี่แค่ไหนก็ตาม


              "ไอ้เนม...เหม่ออะไรเนี่ย" เสียงทักข้างหลังทำให้ผมชะงัก "ไปดูของให้หน่อย


                  คนที่เอยปากใช้งานนั้นคือพนักงานเซเว่นอีกรายหนึ่งที่ทำงานร่วมกันกับผม ไอ้เนมทิ้งจากอาการเหม่อเดินเข้าไปในโกกดังเก็บของเพื่อเช็คสต๊อกตามี่มันบอกไว้ พนักงานเมื่อครู่มีชื่อว่าทิม ไอ้ทิมเป็นคนในละแวกใกล้ๆที่มาทำงานก่อนหน้าผมไม่นาน ด้วยความอนุคราะห์ของเจ้าของเซเว่นนั่นก็คือคุณอาสินธร พ่อของนิ่มที่เคยไปเยี่ยมผมในเรือนจำเมื่อก่อนหน้า


                ผมขนของกุกกักสักพัก ก็เดินกลับมาที่เคาท์เตอร์เมื่อไม่มีใครประจำอยู่ ก้มหน้าก้มคิดเงินทำงานไปเรื่อยๆขณะที่มองเห็นช่างหลายรายเริ่มเข้ามาวนเวียน ขนข้าวของและจัดรังวัดกันให้วุ่น


                "เริ่มงานวันนี้แล้วเหรอ?"


                "เปล่า พรุ่งนี้มั้ง" ไอ้ทิมตอบคำถามผมสั้นๆ งานที่ว่าคืองานปรับปรุงและขยายพื้นที่ของร้านสะดวกซื้อแห่งนี้ให้กว้างขวางยิ่งขึ้น เนื่องจากคนที่เข้ามาใช้บริการมีจำนวนมาก รวมทั้งข้าวของที่เอามาจัดวางได้น้อย ทำให้คุณอาสินธรตัดสินใจปรับปรุงและขยายร้านนี้ตามจำนวนลูกค้าที่เพิ่มขึ้น เป็นผลให้ร้านสะดวกซื้อแห่งนี้จะปิดปรับปรุงเป็นเวลาสามอาทิตย์ และพรุ่งนี้ก็จะเป็นวันเริ่มงานวันแรก


               "ช่วงที่ปิดนี่มึงไปไหนเปล่า?" ไอ้ทิมออกปากถามผม มือก็กดคิดเงินลูกค้าเป็นระวิง


              "ช่วยแม่อยู่บ้านมั้ง แล้วมึง?" ผมเอ่ยถามมันต่อ ก่อนจะเงยหน้าไปหาลูกค้า "ทั้งหมดสองร้อยสิบบาทครับ"


              "ว่าจะไปทำงานเป็นเด็กปั้มชั่วคราว" ไอ้ทิมตอบ ขณะที่ผมหยิบตังค์ทอนยื่นส่งให้ลูกค้าด้ยรอยยิ้ม ตามด้วยสโลแกน "รับขนมจีบซาลาเปาเพิ่มมั้ยครับ?"


                  "ขอโทษครับ ขอมาร์โบโลซองเขียวหน่อย" เสียงคนขอซื้อบุรี่ดังขึ้น แต่คำพูดแสนคุ้นหูนั้นทำให้ผมชะงัก


              ่ร่างสูงในชุดกางเกงยีนส์เสื้อเชิ๊ตสีดำสนิทยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าคมเข้มที่ผมรู้จักดียืนส่งรอยยิ้มอยู่ก่อนแล้วทำให้ผมนิ่งไปอย่างไม่รุ้จะทำอะไร แว่วเสียงบ่นของไอ้ทิมที่เป็นฝ่ายเดินไปเอาบุหรี่มาให้ลูกค้าเองแล้ววางแปะลงบนเคาท์เตอร์ให้ผมคิดเงิน


              ผมหยิบบุหรี่ซองเขียวนั่นขึ้นมาอีกครั้ง เอ่ยถามขณะที่หัวใจเต้นโครามครามเสียจนมือสั่น "ยังสูบอยู่เหรอครับ?"


              "อืม...เป็นบางทีน่ะ "คำตอบนั้นดังขึ้นพร้อมกับแบงค์ร้อยที่ถูกวางไว้บนเคาท์เตอร์ ผมหยิบเงินมาแล้วยื่นซองบุหรี่ให้ไปพร้อมกับเงินทอน หากแต่รู้สึกถึงลำคอที่ตีบตันและร่างที่สั่นไหว


               "เจ้าของร้านอยู่ไหมครับ?" คำถามนั้นดังขึ้นขณะที่ผมเอื้อมมือรับของจากลูกค้าคนต่อไป


               "ไม่ครับ มีธุระติดต่ออะไรเหรอครับ?" ไอ้ทิมถามดังขึ้นแว่วๆ


               "ผมเป็นผู้รับเหมา มาคุยงานเรื่องปรับปรุงซ่อมแซมที่นี่น่ะ" คำตอบนั้นยิ่งทำให้หัวใจเต้นรัวขึ้น และหูเริ่มอื้อ ผมรุ้สึกได้ถึงฝ่ามือที่สั่นระริก


                "งั้นรอสักครู่นะครับ ผมจะโทรบอกผุ้จัดการ" ไอ้ทิมตอบมาขณะที่มันหันไปกดโทรศัพท์ ผู้รับเหมารายนั้นบอกว่าจะไปรอข้างนอก ขณะที่ผมกวาดตามองร้านค้าที่ตอนนี้เหลือคนเพียงไม่กี่คน


             กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอตัวเอง ก่อนจะเอ่ยขึ้นเบาๆ "ออกไปข้างนอกแปปนะ"




                 "อ้าว..เดี๋ยวสิ ไอ้เนม เฮ้ย!" เสียงทักท้วงของไอ้ทิมไม่ได้เป็นผลเมื่อผมเดินออกจาเคาท์เตอร์ และผลักประตูออกไปด้วยฝ่ามือที่สั่นเทา หันซ้ายหันขวาเพื่อดูว่าคนที่ตามหาอยู่ที่ไหน ขณะที่เสียงหัวใจเต้นกระหน่ำอย่างรุนแรงเสียจนสะท้านไปทั้งร่าง


                 "ผู้จัดการมาหรือยังครับ" คำถามแสนนุ่มหูดังขึ้นเบื้องหลัง แต่มันอ่อนโยนเทียบเท่ากับฝ่ามือที่แตะลงบนไหล่ไม่ได้เลย ผมรู้สึกถึงก้อนสะอื้นที่จุกคอหอย ขณะที่เจ้าของฝ่ามือนั้นยกขึ้นบีบจมูกผมเบาๆอย่างล้อเลียน


               ผมหันกายไปปะทะร่างสูงใหญ่ที่ยิ้มอย่างเป็นกันเองมาให้ ใบหน้าคมนั้นอยู่ใกล้เพียงลมหายใจคั่น เส้นผมที่ระใบหน้านั้นทำให้ดูแปลกตาไปบ้างแต่นั่นก็ไม่ใช่ปัญหา เพราะรอยยิ้มนี้ และแววตานี้มันยังคงเหมือนเดิม ยังคงเป็นใบหน้าและดวงตาที่ตราตรึงอยู่ในหัวใจของผมเสมอ


             ฝ่ามือที่บีบจมูกเบาอย่างหยอกล้อนั้นเปลี่ยนมาเป็นลูบหัวผม สัมผัสที่แสนคิดถึงทำให้ร่างสั่นสะท้าน และกว่าจะรู้ตัว น้ำตาที่กลั้นไว้ก็พังทลายอย่างอดรนทนไม่ไหวอีกต่อไป..


              "ขอโทษที่ทำให้รอนาน" เสียงกระซิบแผ่วดังขึ้นริมหู มันสั่นน้อยๆเหมือนกับว่าเจ้าของคำพูดนั้นต้องใช้ความอดทนในการกลั้นอารมณ์เหลือล้น ฝ่ามือนั้นดึงไหล่ผมเข้าหาตัวและจ้องมองใบหน้าของผมด้วยสีหน้าคล้ายจะร้องไห้


             "ยังรออยู่ไหม?" คำถามนั้นดังขึ้นจากปากคนที่มั่นใจตัวเองนักหนา อารมณ์หวั่นไหวไม่แน่ใจในแววตาคู่นั้นทำให้ผมรู้ว่าเขาก็รู้สึกไม่แตกต่างกัน


             การรอคอย ความคาดหวัง ความพยายามและการทุ่มเทอย่างสุดชีวิตเพื่อคนที่รัก


              ทุกอย่างมันปรากฏชัดในแววตาของคนๆนี้


             "พูดอย่างกับไม่รู้ ว่าผมไปไหนไม่รอด แต่ไหนแต่ไรไอ้เนมมันก็เป็นปลิงควายติดตัวพี่ตลอดอยู่แล้วนี่"


                  ผมพูดตอบอู้อี้ ขณะที่เจ้าคนฟังนั้นหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะรั้งตัวผมเข้าสู่อ้อมกอดอันอับอุ่น


           ..หัวใจที่รอคอยมาเนิ่นนานของผมร่ำร้องอย่างยินดี มันกำลังเต้นระรัวด้วยความสุขสมเจียนคลั่ง 


              ริมฝีปากอุ่นที่แนบชิดใบหู กระซิบถ้อยคำที่ทำให้ผมรู้สึก ว่าหัวใจที่ว่างเปล่า แห้งแล้วหลังได้พบอิสระกลับมาเต็มตื้นเป็นครั้งแรก


                 "กลับมาแล้ว"


         ใช่...กลับมาแล้ว


         กลับมา..เพื่อสานต่อคำสัญญาและใช้ชีวิตอยู่ร่วมกันตลอดไป


          มีอิสระเสรี และก้าวเดินไปพร้อมๆกัน ภายใต้ท้องฟ้าสีสันสดใสไร้ลวดหนามปิดกั้นอย่างที่เคยผ่านมา และสามารถเงยหน้าขึ้นมองท้องฟ้า พร้อมกับส่งรอยยิ้มไปให้ดวงอาทิตย์อย่างไม่เกรงกลัวต่อความร้อนใดๆ


            แค่เพียงจับมือกันไว้และผ่านมันไปด้วยกัน


           
..........................  NEVER END .....................



 

ออฟไลน์ Serin

  • หุ่นซากุยังไงก็ไม่มีวันเป็นกันดั้มไปได้หรอก ไอ้พวกสมองถั่ว!
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 576
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +621/-8
ขอตัดทอลค์ยาวๆไว้คุย

..............

มาแล้วววว


สวัสดีค่ะ ฮืออออออออออออออออออออออออ :o12: (ร้องไห้ทำไม?)

ขอร้องทีเถอะ ด้วยความโหวงเหวง...ใจหาย

เค้าคิดถึงตีนพี่โตวววววว //วิ่งหลบ


   ตัดทอล์คมาขอคุยยาวๆกันในตอนจบซะหน่อย ก็นะ..เรามาลงด้วยอารมณ์นี้แหละ ใจหาย+เสร้าๆนอยๆไงก็ไม่รู้ บอกไม่ถูก
ว่าด้วยนิยายเรื่องนี้ แบดกายใช้เวลาเขียนนานมากกกก นับเวลาได้ก็ร่วมสามปี

(จำได้ว่าเริ่มเขียตอนเข้าเรียนใหม่ๆ มาจนบัดนี้ นิยายจบ อิปุ้ยยังเรียนไม่จบ (-*- ไม่ใช่ล่ะ)

    นิยายเรื่องนี้ถือเป็นนิยายเรื่องแรกที่เริ่มเขียน  ถือว่าเป็นเรื่องที่ใช้เวลานานมาก ก  กและผ่านอะไรมามากด้วยกัน
จำได้ดีว่าตอนแรกที่เขียน ภาษาอยู่ในขั้นพิกลพิการ(มาก) 55+ แล้วเราก็ค่อยๆเริ่มพัฒนาขึ้น ค่อยๆปรังปรุงและเขียนแบดกายมาได้จนจบ พอลองมองกลับไปถึงวันแรกที่เริ่มเขียน ไม่นึกเลยว่าเราจะเดินทางมาไกลจนถึงขนาดนี้ ถือว่านิยายเรื่องนี้ให้อะไรปุ้ยมากมายจริงๆ ทั้งความทรงจำ ประสบการณ์ ความรู้ และเรื่องราวต่างๆที่ได้เจอ


    รู้สึกรักทุกตัวละครมากๆและเสียใจ ใจหายเมื่อพบว่าวันนึงทุกอย่างก็ต้องจบ แต่ถึงอย่างนั้นสำหรับปุ้ยแล้วเรื่องราวของพวกเขาไม่มีวันจบ พี่โต น้องเนม  และสามผียังคงจะมีชีวิตอยู่ในความทรงจำ เพราะฉะนั้นจึงเป็น Never ending  เป็นความทรงจำดี เป็นเรื่องราวที่เราจะเก็บไว้ในใจตลอดไป  :กอด1: :กอด1:


แล้วก็..ว่าด้วยเรื่องที่อาจจะมีใครหลายคนสงสัย


    เพราะงั้นเรามากล่าวสรุปเหตุกาณ์โดยย่อกัน


    จากแผนจะแหกคุกของป๋า โดยใช้การจลาจลเป็นการบังหน้าและลอบออกไปจากเรือนจำ แต่พี่โต เนม พี่คม และพี่ทินได้คิดขัดขวาง  โดยแผนในตอนแรก คือให้เนมและพี่ทินเข้าไปหาพัสดี เพื่อตัดกล้องงจรปิดและหาเอกสารที่เกี่ยวกับสายสืบมาเเบล็คเมล์ แต่ว่าเนมก็พลาดถูกพัศดีจับได้ แต่ก็คุยต่อรองกับพัศดีจนพัศดีวางใจให้ไปทำตามแผน โดยที่นำหน่วยตำรวจติดอาวุธไปด้วย ส่วนพี่โตที่คุมตัวผู้คุมอยู่ก็รอดจากการโดนโจมตีมาได้ จึงรีบมาสมทบทางพี่คมกับวิทย์และกันย์ ซึ่งกันย์ได้ทำระเบิดขวดไว้ แต่ถูกเอาไปใช้จนเกิดจลาจลแบบควบคุมไม่ได้ เมฆที่เฝ้าเนมอยู่รีบมาหาทั้งสามคนและเล่าว่าเนมและพี่โตกำลังทำอะไร วิทย์กับพี่กันย์เลยรีบไปหาป๋า โดยไม่รู้ว่าพี่โตมาถึงแล้วและก็มาเพื่อทำตามแผนต่อไป   พอเนมมาถึง ก็คุยกับเมฆและพยายามหว่านล้อมให้เมฆช่วยทำตามแผน ทั้งสองไปร่วมกับพวกป๋าที่กำลังหลบหนี แต่เมื่อโดนต้อนจนมุม ก็จับเมฆ เนม และพี่คมเป็นตัวประกัน ผลคือทั้งสามโดนจัดการ แต่เมฆถูกผู้พันยิง และพี่กันย์ก็ยิงวิทย์ที่เขา

ว่าด้วยความข้องใจ หลายคนคงอยากกรีดร้อง


ว่าทำไมทำกับสามผีชั้นแบบเน้นนนนนน :angry2: :angry2: :angry2:

  อยากบอกว่าคนเขียนก็เฮิร์ตมากมายเหมือนกันนะ  :sad4: อัดอั้นตันใจมากมาย แต่โครงเรื่องที่วางไว้คือยังไงมันก็ต้องเป็นแบบนี้ ผิดจากนี้ไปไม่ได้
 
   สารภาพว่าตอนแรกปักธงมรณะไปที่เมฆแล้วด้วยซ้ำ เพราะเอาจริงๆสามผี จริงอยู่ที่ว่าขาดใครคนใดคนหนึ่งไม่ได้ แต่..ถ้าขาดเมฆ วงจรทุกอย่างจะจบลงโดยพลัน หากเปลี่ยนเป็นวิทย์ หรือพี่กันย์ เรื่องมันคงจบแบบสองคู่ชู้ชื่น จะไม่มีวันเป็นสามผีไปได้เลย

  เอาจริงๆเพราะว่าเมฆเป็นคนที่มีความสำคัญต่อวิทย์และกันย์มากที่สุด รวมทั้งเป็นเริ่มและหยุดเรื่องทั้งหมดด้วย นั่นจึงเป็นสาเหตุที่...เราต้องจบลงแบบนี้ แต่พอคิดจะให้ตายก็ไม่ไหว...เพราะสงสารเลยให้นอนเป็นผักต่อไป (นี่เหรอสงสารรร/คนอ่านตะโกนด่า)


    เอาจริงๆคิดว่าเรื่องที่ทั้งพี่กันย์และวิทย์เจอก็ไม่ได้ดีไปกว่าเมฆเสียเท่าไหร่ เมฆเป็นแบบนี้สองคนใช่จะมีความสุข จริงๆเรียกว่าทรมารกว่าคนที่หลับอยู่ซะด้วยซ้ำ ความสัมพันธ์หรือความรักที่มีให้กันก็ต่อไม่ติดแล้ว พี่วิทย์กลายเป็นพวกคลั่งเสียยิ่งกว่าเมฆ ถูกความเกลียดครอบงำจนไม่อาจเป็นสุข หรือพี่กันย์ ที่สุดท้ายผลของการกระทำทุกอย่างมันกลับมาย้อนใส่ตัวเอง นั่นคือหัวใจของคนสองคนที่อยู่ในมือเขาไม่มีอีกแล้ว ทุกอย่างมันหายไปด้วยฝีมือของเขาเอง ดังนั้นชีวิตของพี่กันย์ขึงกลายเป็นความว่างเปล่าและเขาเป็นฝ่ายถูกประณามและทอดทิ้งโดยสมบูรณ์


       เรื่องสามผี ในเนื้อเรื่องหลักก็คงจบเท่านี้แหลค่ะ ไม่ได้ลงรายละเอียดอะไรเยอะไปกว่านั้นอีกแล้ว วิทย์ออกคุกไป เหลือพี่กันย์อยู่แต่อีกไม่นานก็คงออก และเมฆก็อาจจะฟื้นในสักวัน  เพราะสมการสามผีนั้นไม่มีวันจบ..orz...


        และเรื่องการถวายฏีกาขอพระราชทานอภัยโทษ นี่ก็เป็นคำตอบของการได้ออกมาภายนอก(อยู่คุก15ปี ไม่ไหวอ่ะ55) ในสายตาของปุ้ย คนที่อยากออกมาข้างนอกอย่างพี่กันย์ พี่วิทย์หรือเมฆเนี่ยไม่ผิด แต่วิธีการของพวกเขาต่างหากที่ไม่ถูก การทำแบบนั้นจะหนีก็ต้องหนีไปตลอดชีวิต แต่กลับกัน..คุณจะออกมาจากที่นั่นได้ ไม่ใช่ด้วยการแหกคุกแบบนั้น แต่เป็นการทำความดีที่เป็นทางออกที่แท้จริง โอกาสยังมีเสมอสำหรับคนที่พร้อมจะแก้ตัว  :teach:


        ส่วนเรื่องพี่โต เฮียกลายเป็นอาเสี่ยรับเหมา(5555+) ส่วนเนมก็เป็นพนง.เซเว่น ก็นะ...สำหรับประวัติอาชญกรรมและเรื่องที่ผ่านมา จะให้เป็นพนง.บริษัทหรืออะไรท่าจะเป็นยากถึงจะไม่ได้มีหน้าที่การงานดีเด่มากมายอะไร  แต่จ้าตัวก็มีความสุขดีตามอัตภาพ ^ ^


         และจะมีตอนส่งท้ายมาอีกตอนหนึ่งนะคะ อาจจะหลายวันอยู่กว่าจะมา(ขอไปแต่งเรื่องอื่นบ้าง55)  ที่โพสต์สี่ตอนรวดก็ไม่ใช่จะเกรียนหรอก ขอโทษด้วยเพราะตอนแรกจะมาโพสต์ตั้งแต่วันศุกร์ แต่ดันเริ่มวิบากกรมตั้งแต่ ไม่สบาย -เน็ตเสีย -คอมพ์เสีย กว่าจะได้จับอีกทีวันอังคารแล้ว เพราะงั้นเลยเอามาโพสต์จนจบเลยเพื่อจะได้ไม่ค้างกัน

    และ...โปรโมทนิยายเรื่องใหม่ lost angel เป็นแนวลึกลับผสมโรแม้ง + แฟนตาซี (ตอนแรกเลือดสาดอย่าตกใจ เพราะทั้งเรื่องก็มีเลือดออกแค่นั้นแหละ) >>> ลองเข้าไปอ่านดูน้า  http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=33406.0


 และสอง บอกเล่าเก้าสิบ นิยายเปิดจองแล้วนะเอออ.. ปิดจองวันที่ 15 กรกฏาคมนี้นะคะ มาช่วยกันอุดหนุนค่าเรือนหอพี่โตกับน้องเนมกันเถิดดด  :laugh:  http://writer.dek-d.com/dek-d/story/viewlongc.php?id=524334&chapter=128

และสามมมม


สปอยล์ตอนพิเศษ หลายเรื่องที่คุณค้างคา จะได้พบคำตอบที่นี่..



-  สวัสดีครับ คุณแม่ ^ ^
 ..ว่าด้วยเรื่องพี่โตกับว่าที่แม่ยายที่มักจะเขม่นเขาด้วยสาเหตุอะไรบางอย่าง..


- Girl friend
     เรื่องของกิ้ง...แฟนสาวของพี่โต กับคำถามคาใจทุกคนที่ว่า.. พี่โตจัดการกับเรื่องของเธออย่างไร


-  I Hate...
 สำหรับวิทย์แล้ว ตอนนี้เขาพบว่าความเกลียดชัง มันยืนยงเสียยิ่งกว่าความรัก
  ...เรื่องราวหลังจากนั้นของสามผี บทสรุปของความสัมพันธ์ที่ครุมเครือและไม่มีวันหาทางออกพบของคนสามคน

............


และสุดท้าย ท้ายสุด...โปรโมทเพจ  นิยาย ไปพุดคุยและ ติดตามความเคลื่อนไหวกันได้ที่นี่ค่า  http://www.facebook.com/SilenceSerinStory  :3123: :3123:


    สุดท้ายจริงๆแล้ว ต้องขอขอบคุณทุกคนนะคะที่คอยติดตาม คอยกระตุ้นเราและเป็นกำลังใจกันมาตลอด เรียกว่าถ้าไม่ได้กำลังใจจากทุกคนก็คงไม่มีแบดกายที่จบสมบูรณ์แบบนี้ ไม่มีอะไรมอบให้นอกจากคำว่าขอบคุณ...ขอบคุณจริงๆคะ :กอด1:
 :pig4: :pig4:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-06-2012 00:20:33 โดย Serin »

ออฟไลน์ ishiya

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 365
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-1
กรี๊ดดดดดดดด  :o8: ยังไม่ได้อ่านละเอียดเเต่ชะเเว๊บมาดูตอนจบก่อน ชอบมากกกก

ออฟไลน์ yaoigirl

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 151
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-0
 :กอด1: :กอด1: เย่ กลับมาเจอกันแล้ววว

Supermimt

  • บุคคลทั่วไป
ว๊ายยยยยยยยยยยยยยไม่ไหวแล้ว

มัน กินใจมากอ่า

T^T

แงๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
 :monkeysad:
พี่โต กลับมาหาน้องเนมแล้ว
ฮือออออออออ

เค้ารักเรื่องนี้มาก
ขอตอนพิเศษหน่อยนะ :m15:

อยากรู้ชีวิตน้องเนมอีก

พูดได้แค่ "พี่โตมันรักน้องเนมได้คนเดียว"

ออฟไลน์ Maree

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 140
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +16/-0
จบแล้วววววววววว
ใจหายเหมือนกันจะไม่ได้เจอเนมกับพี่โตอีกแล้ว  :monkeysad:
ตื้นตันเหมือนส่งน้องเนมถึงฝั่ง
อยากพูดอะไรอีกเยอะ แต่ตอนนี้ยังไม่นึกออกอ่ะ


แต่ที่สุดก็คือ
ขอบคุณคนแต่งมากๆ สำหรับนิยายสนุกๆ
หวังว่าจะได้อ่านเรื่องต่อๆไปของคุณอีกนะคะ
เป็นกำลังใจให้นะคะ และขอบคุณมากค่ะ :3123:

ออฟไลน์ 6488

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 105
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +23/-0
 :n1:  ผ่านความกดดัน และบีบหัวใจ มาตลอด แต่ยิ้มทั้งน้ำตา ในตอนสุดท้าย  :n1:

ออฟไลน์ Aimiya

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 211
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-0
มันก็ไม่ได้เศร้านะคะ
แต่ไหงอ่านแล้วน้ำตาซึมตลอดเลย เอิ๊กๆ
ชอบเรื่องนี้มากๆๆๆๆ ><
ชอบพี่โต ฮาๆๆๆ น้องเนมก็่น่ารัก
จบซะแล้ว งืมๆๆ เหงาเลยทีเดียว
ดีใจที่จบไม่เศร้า รู้สึกดีกับตอนจบ(แต่สงสารวิทย์ เมฆ กันย์ จัง)
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆนะคะ
ประทับใจมากๆเลย ^^
(รอเรื่องใหม่นะคะ หรอเอาตอนพิเศษเรื่องนี้อีกก็ดี ฮาๆๆ)

ออฟไลน์ evz

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 275
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
ขอบคุณคนเขียนนะคะ ที่เขียนนิยายดีๆเรื่องนี้ขึ้นมา ไม่ใช่นิยายที่เกี่ยวกับความรักอย่างเดียวแต่ยังให้แง่คิดในหลายๆเรื่อง เขียนถึงผู้คนในสถานที่ๆต่างออกไป พูดถึงความรู้สึกและอารมณ์ของคนที่อยู่ในนั้นได้ดี ทำให้รู้สึกคล้อยตามแล้วก็ทำให้คิดขึ้นได้ว่าคนที่เข้าไปอยู่ในนั้นจริงๆแล้วก็เป็นคนธรรมดาๆแบบเรานี่แหละ แต่วูบหนึ่งของชีวิตเขาอาจจะทำอะไรผิดพลาดไปก็ได้เราไม่ควรดูถูกเหยีดหยามเขา สอนเรื่องแบบนี้ได้ดีจริงๆนะคะ อ่านไปก็คิดตามไปเรื่อยๆ คนเขียนเก่งมากๆที่สามารถเขียนเรื่องที่สอดแทรกอะไรหลายอย่างที่ให้แง่คิด ให้คติ ให้ข้อเตือนใจได้สนุกสนานขนาดนี้ ขอชาบูๆ เลยค่ะ  :pig4:

เขียนอะไรอ่านแล้วก็งงเอง5555 เอาเป็นว่าขอบคุณคนเขียนสำหรับเรื่องราวของพี่โตน้องเนม สามผีและบุคคลในเรื่องทั้งหลายแหล่มากๆเลยค่ะ
เป็นตอนจบที่ประทับใจมากๆสำหรับหนูชอบคำว่า"กลับมาแล้ว"ของพี่โตมากๆ ให้ความรู้สึกว่าพี่โตคงจะไม่จากเนมไปไหนแล้ว และทั้งสองคนนับแต่นี้ไปต้องมีความสุขมากแน่ๆค่ะ

แล้วก็สุดท้ายบทสรุปของสามผีที่ตามลุ้นมานานก็จบแบบหดหู่เหลือเกิน   :sad4:
อยากรู้เหตุผลที่พี่กันย์ยิงขาวิทย์ แต่ก็นะพี่กันย์ไม่ยอมบอก แถมที่บอกกับเนมมาเราก็ไม่ค่อยเข้าใจอีก ตีความแล้วงงเอง 55555

เพิ่งตามอ่านทีหลังก็ขอเม้นท์เยอะนิดนึงนะคะแฮ่ๆ  :กอด1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ indy❣zaka

  • กระซิกๆ เบื่อดราม่า...
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดArtemis
  • *
  • กระทู้: 4582
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +625/-26
อยากได้ตอนพิเศษษษษษษ    :z3:

จบได้น้ำตาไหลพรากๆเลยค่ะ  :m15:
มันซึ้งมากกกก  :impress3:

ออฟไลน์ naja

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 708
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ตามอ่านมาตั้งแต่วันแรกที่เขียน จนวันนี้ สิ่งที่อยากบอกคือ ขอบคุณมาก ขอบคุณในความมีน้ำใจ ในความพยามที่เขียนเรื่องน่าอ่าน ให้เราได้ติดตามกันมาตลอด
ขอบคุณมากๆครับ  o13

ออฟไลน์ goonglovenut

  • เป็ดนักเขียน
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 810
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1188/-10
 :o12:ทุกอารมณ์เลย ตื่นเต้น เสียใจ สุขใจ ตกใจ ซึ้งใจ กับพี่โตและน้องเนม สงสารสามผีด้วย  :เฮ้อ:แต่สุดท้ายก็จบด้วยดี

ออฟไลน์ Homepage

  • 520 - 我爱你
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 243
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +122/-1
ผมร้องไห้เลยครับ ซึ้งจริง ๆ นะครับ รสชาติอันแสนทรมานของการรอคอยกับความสุขของการรอคอย ทำให้ผมอยากเปลี่ยนทัศนคติใหม่ ๆ หลายอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการมองคนหรือยังไง ? ชอบตัวละครทุกตัวในนี้ แอบสงสารสามผีเหมือนกัน แต่นี้คงจะเป็นตอนจบที่สมบูรณ์ที่สุดแล้ว
แอบหวัง NC ของพี่โตกับเนมอีกสักครั้ง แว้กกก 555555 สงสารพี่วิทย์ อยากให้ขาพี่วิทย์หาย อยากให้พี่กันย์เลิกโทษตัวเอง อยากให้เมฆฟื้นขึ้นมา
ขอบคุณนะครับที่มาต่อจนจบ จะรอติดตามตอนพิเศษนะครับ (:

ปล. ขอถามหน่อยครับ ตอนพิเศษทั้งหมดจะลงในเล้ามั้ยครับ หรือว่าเฉพาะคนที่สั่งหนังสือเท่านั้น ? ขอบคุณที่ตอบครับ ^ ^
  :pig4:

ออฟไลน์ done_dirt_cheap

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 226
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +25/-0
คารวะพี่นักเขียนจริงๆ จบแล้วท่ามกลางความโล่งใจอ่ะ
สารภาพว่าช่วงแหกคุกนี่ ขอไม่อ่านอ่ะค่ะ กลัวจริงๆ
กลัวนักเขียนใจร้ายอ่ะ
ขออ่านตอนจบแล้วจะกลับมาอ่านตอนแหกคุกอีกที
ขอบคุณจริงๆค่ะที่เขียนมาให้อ่านกัน
รักนะค่ะ
ต้องรีบออกไม่งั้นจะไปสายมากกว่ารอตอนจบมาตั้งแต่เมื่อคืน
แต่รอไม่ไหวต้องไปนอนก่อน
ขอบคุณค่ะ

ออฟไลน์ MiSS-U

  • {^o^} {^3^}
  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4168
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2800/-11
 :pig4:

รอรับน้องเนมพี่โตมาอยู่ด้วยกันค่ะ

ออฟไลน์ inspirer_bear

  • เป็ดHermes
  • *
  • กระทู้: 2003
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +206/-5
และแล้วเขาก็ได้อยู่ด้วยกัน

55555

เดินไปอ่านเรื่องต่อไป *0*

ออฟไลน์ sirikanda28

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1758
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +117/-3
ดีใจที่คนสำคัญ ๆ ได้ออก
จากคุกสักที  แต่ก็เสียดาย
ที่ 3P จบไม่ค่อยสวยเท่าไหร่
แต่ก็เข้าใจในการตัดบ่วงที่
รัดคอทั้ง 3 คนนี้ออกสักที :z13:

ออฟไลน์ ┠┨ ¡ Þ Þ ☻ ❣ ╰╰

  • นู๋ รัก BoYs' lOvE
  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 721
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +50/-0
ขอบคุณค่ะ......

มันอาจเป็นคำสั้นๆ แต่อยากบอกให้รู้ ว่า ขอบคุณจริงๆ
ขอบคุณที่ทำให้ได้อ่านเรื่องนี้
ขอบคุณทุกเรื่องราว
ขอบคุณทุกตัวละคร
ขอบคุณทุกตัวอักษร
ขอบคุณทุกความตั้งใจ

และสุดท้ายที่ขาดไม่ได้ ขอบคุณ คุณปุ้ย....มากๆ
รัก และจะจดจำ เรื่องราวของ พี่โต และ น้องเนม....จะเก็บทุกความทรงจำไว้ให้นานค่ะ.....


ออฟไลน์ LSK

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 386
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +11/-0
ขอบคุณที่แต่งเรื่องราวที่สะท้อนด้านมืดของสังคมให้เราเห็นในหลายด้าน ไม่ใช่มีสิ่งที่สวยงามเสมอ รักนิยายาเรื่องนี้ รักคนเขียน รักพี่โตเนม สามผีและคนอื่นๆ :L1:  :3123:  :L2:   :กอด1: อยากรู้เรื่องพี่คมกับพี่ทินว่าเป็นยังไงบ้าง รอตอนพิเศษนะ   o13

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ maru

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 3553
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +162/-7
กันย์คิดอะไรอยู่ตอนทำแบบนั้น สับสนอยู่ใช่หรือเปล่า กันย์คงคิดว่าตัวเองไม่ได้รู้สึกอะไรกับวิทย์นอกจากคำว่าไม่ชอบ แต่ที่จริงมีอะไรมากกว่านั้่นหรือเปล่า กันย์ตั้งใจจะยิงวิทย์ใช่หรือเปล่า แต่ก็เปลี่ยนใจใช่ไหมนั่น แต่สิ่งที่ทำไปแล้วก็แก้ไขอะไรไม่ได้ แล้วยังทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างพังทลายไปหมด กันย์กับวิทย์น่าจะเปิดใจคุยกัน ทำแบบนี้ไปไม่มีอะไรดีขึ้น วิทย์เกลียดกันย์จริง ๆ หรือ แล้วกันย์เองแน่ใจหรือไงว่าเกลียดวิทย์จริง ๆ ผู้พันคงร้ายกาจจริง ๆ เมฆถึงทนไม่ไหวขนาดนั้น สงสารเมฆนะ สงสารวิทย์ สงสารกันย์ด้วย ทำไมถึงต้องเป็นแบบนั้นด้วย เนมคงเหงาน่าดูเลยนะนั่น แ่ต่โตก็กลับมาดูแลเนมเหมือนเดิมแล้ว ดีจังเลย แหวนที่ทำจากลวด อาจจะทำจากวัสดุที่เหมือนจะไม่มีค่า แต่แหวนมีค่าต่อเนมเพราะโตเป็นคนทำให้ใช่ไหม

sriphonla

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้วหรอ ใจหาย ฮวบ ๆๆ ขอบคุณคุณปุ้ยมาก ๆ นะคะ ที่เขียนนิยายดี ๆ มีมุมที่แตกต่างอย่างเรื่อง ๆ อื่น อยากจะบอกว่าเรื่องนี้เป็นนิยายแนววายเรื่องแรกที่อ่าน สืบเนื่องจากสนใจเรื่องราวของคนในคุกว่าจะมีชีวิตยังไง พอเจอก็เลยลองอ่านดูเพราะปกติชอบอ่านนิยายอยู่แล้ว และแล้วคุณปุ้ยทำให้ประหลาดใจ ได้ความรู้ที่อยากรู้ ได้เห็นมุมมองด้านอื่น ๆ ที่นึกไม่ถึง ที่สำคัญทำให้มุมมองด้านวายเปลี่ยนไป แต่เสียอยู่อย่างเดียวคุณปุ้ยทำให้ติดนิยายแนวนี้งอมแงมเลยค่ะ#โดนตบสลบตัวเองติดเอง  ... สำคัญอีกข้อ (สำคัญบ่อยไปไหม) ทำให้อยากลองเขียนนิยายเป็นของตัวเองดูบ้าง ตอนนี้ก็กำลังเริ่มหัดเขียนค่ะ ขอบคุณมาก ๆ อีกครั้งนะคะ จะรอตอนส่งท้ายนะคะ <แอบเชียร์ให้มีภาค 3/คุณปุ้ยเป็นลม>  o13

the_pupae

  • บุคคลทั่วไป

topperha

  • บุคคลทั่วไป
จบแล้วในที่สุดก็ได้อยู่ด้วยกัน

     เย้ๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ

            :mc4:

รอตอนพิเศษอยู่นะครับ

tamaki1

  • บุคคลทั่วไป
TTขอบคุณที่จบแบบนี้ ตอนแรกบอกตรงๆว่าหายใจไม่ทั่วท้องเลยภาวนาแล้วภาวนาอีก อิอิ

ขอบคุณที่แต่งนิยายดีๆแบบนี้มาให้อ่านนะคะ

ออฟไลน์ saotome

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 641
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +35/-2
ติดตามเรื่องนี้มานานนม
จริงแล้วก็ไม่อยากให้จบเลย
ยังคิดถึงเนมกับพี่โต
สามพีเอง เราก็ยังตะหงิดๆถึงความรู้ที่กันย์มีต่อวิทย์
ยังไงก็ขอบคุณมากๆ  o13

ออฟไลน์ thanatphon

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 103
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +3/-1

ออฟไลน์ BeeRY

  • ❤。◕‿◕。ยิ้มเข้าไว้นะ。◕‿◕。❤
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 9404
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +897/-8
อ่านไปก็ทำใจไป จุกๆที่คอ จะร้องไห้กับอะไรหลายๆอย่าง :monkeysad:
สงสารเมฆอะ อยากให้ฟื้นจังเลย :sad11:
ส่วนพี่โตกับน้องเนมก็มีความสุขกันซักที ฮือออ (ร้องทำไม?)
อยากได้หนังสือ จะรออุดหนุนนะคะ :กอด1:

ออฟไลน์ naamsomm

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 538
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +47/-2
เมฆทำไมน่าสงสารแบบนี้
เมื่อไหร่จะตื่นมานะ
แต่ที่น่าสงสารสุดคงเป็นพี่กันต์
เหมือนตายทั้งเป็นไปแล้ว

พี่โตกลับมาแล้ว
แถมเป็นเสี่ยผู้รับเหมาด้วย
ถ้าคนแต่งจะกรุณา
ขอตอนพิเศษหวานๆของคู่นี้หน่อย
และก็ชีวิตของคนอื่นๆที่อย๋่ข้างนอกด้วยค่ะ
^^

จบแล้ว
ใจหายยังไม่รู้
จะไม่ได้อ่านพระเอกดิบๆเถื่อนๆแต่ก็อ่อนโยนกับน้องเนม^^แล้ว
ขอบคุณนะคะสำหรับเรื่องราวสนุกๆที่แบ่งปันให้ใด้อ่าน
และก็ขอตามไปอ่านเรื่อชใหมด้วยนะคะ


ออฟไลน์ Bong

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 144
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
ขอคาราวะนักเขียนจริงๆ..ติดตามเรื่องนี้มานานมากๆ.. :pig4: :pig4:
ชื่นชอบตัวละครในเรื่องทุกๆตัวเลย(โดนเฉพาะเฮียโต และ หนูเนม)
มีหลายๆตอนที่เขียนออกมาแล้วมันสะท้อนอะไรได้หลายๆอย่างจริงๆ
ขอบคุณสำหรับนิยายดีๆ ที่ได้มีให้เราได้อ่าน
จบแบบ Happy คนอ่านก็ Happy ^_^  :m3: :mc4:

รอตอนพิเศษ นะคะ  o13

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด