แอ๊ด....
ประตูเหล็กข้างกำแพงหนาที่เป็นที่กั้นของอาคารที่ทำการเจ้าหน้าที่ กับส่วนในของเรือนจำค่อยเปิดออกช้าๆ...ผมเดินเข้ามาด้าในก่อน ผ่านสีหน้าสงสัยจัดของเจ้าหน้าที่ที่มองมายังผู้ชายที่อยู่ข้างหลังผม...แน่นอนว่าก็ยังเป็นพัศดีปรมัตถ์..ผู้ชายที่รุนหลังผมให้เดินเข้ามา....เพื่อจะพบกับ..สายตาของใครบางคน...
" เนม เป็นไง......." ประโยคนี้มาจากพี่โตไม่ผิดแน่ และมันก็เงียบเสียงลงเมื่อมองเห็นคนที่ยืนอยู่ข้างหลังผมชัดถนัดตา...พี่โตกวาดตามองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า เท้าจรดหัวอีกครั้งด้วยสายตาสำรวจตรวจตราอย่างเคร่งเครียดว่ามีส่วนไหนหรือจุดไหนของร่างกายบกพร่อง และเมื่อไม่พบ ก็หันไปจ้องผู้ชายที่ยืนอยุ่ข้างหลังผมแทน..
" พี่โต...เอ้อ...." ผมเดินไปหาพี่โตที่ยืนนิ่งจ้องหน้าพัศดีเขม็ง ผมเอื้อมมือแตะแขนคนตรงหน้าแล้วบีบเบาๆให้ดวงตาและใบหน้าคู่นั้นละออกจากร่างของพัศดีปรมัตถ์ที่ยืนอยู่ตรงทางเชื่อมไปสำนักงานของเจ้าหน้าที่ในเรือนจำ นัยน์ตาคูนั้นละออกจากคู่กรณี ก่อนจะตวัดมาหาผมแบบขวางๆแปลกๆ
"...เป็นอะไรไหม? "ถึงน้ำเสียงนั้นจะยังเข้ม..ออกแนวห้วนๆ แต่ก็ยังแฝงความห่วงใยอย่างเห็นได้ชัด
" ไม่เป็นไรครับ ผมแค่ไปเซ็นเอกสาร " ผมตอบรับคำพี่โตสั้นๆ
"...เอกสาร ? "พี่โตทวนคำ ขมวดคิ้ว..
" ....เซ็นรับรู้....ว่าไม่มีความผิด "พัศดีปรมัตถ์ที่ยังคงยืนอยู่ที่เดิมทนโท่ตอบสั้นๆ ด้วยสีหน้าเรียบเฉยผิดกับอาการยิ้มกริ่มดีใจที่ผ่านมาไม่กี่วินาทีแบบคนละคน
" อ้อ....รู้แล้วสินะว่าจับคนผิด " พี่โต...รายนี้ก็ยังอ้าปากเถียงกับพัศดีแบบไม่รู้ร้อนรู้หนาว ผมล่ะกลัวแทนว่าจะถูกลากไปขังสักคืนจริงๆ..
"....ก็ขอให้ระวังตัวได้ตลอดแล้วกันนะครับ " พัศดีเหยียดยิ้ม หันหลังกลับไปยังสำนักงานเจ้าหน้าที่พร้อมกับเสียงปิดประตูทางเชื่อมดังปังใหญ่...ผมถอนหายใจพรู ไม่ปวดหัวเพราะเรื่องที่รับมาทำก็คงไม่ได้ปวดหัวเพราะท่าทีของพัศดีกับพี่โตแหงเเซะ..
"...มันว่ายังไงบ้าง " พี่โตจับเเขนผมลากออกมาจากทางนั้นและพาเดินดุ่มๆเข้าไปยังบริเวณของเรือนจำที่มีนักโทษหลายคนกำลังทำงานโหวกเหวกอยู่..
" ก็ บอกว่าให้เซนเอกสารแหละ ...ท่าทางจะไม่พอใจ บ่นเรื่องอิทธิพลอะไรพวกนั้น " ผมบอกไปสั้นๆ ทำหน้ารำคาญอย่างที่ควรจะเป็น ปากก็พูดถึงเรื่องที่เป็นและควรจะเป็นปฏิกริยาที่พัศดีจะทำเมื่อเจอเรื่องแบบนี้..ก็คงหงุดหงิดแหงแซะ
"...หึ...ให้มันรู้ซะบ้าง ว่าต้องเจอกับอะไร " พี่โตหัวเราะหึ เอื้อมมือมาลูบหัวผมเบาๆด้วยท่าทีพอใจ...ก่อนจะขมวดคิ้วฉับ ชะงักฝีเท้า หมุนตัวมามองหน้าผมแบบกะทันหันจนคนตามหลังเบรกแทบไม่ทัน!
" เหวอ อะ....." ผมชะงัก อ้าปากร้องบ่น ทว่าก็เป็นฝ่ายต้องเงียบ เมื่อได้สบนัยน์ตาพี่โตที่จ้องมองมา ดสงตาเข้มๆถลึงมองอย่างหงุดหงิด
"...ไม่ต้องมาบ่น...เมื่อกี้มันอะไร ไอ้พัศดีมันคิดจะทำอะไรมึง? " ชะอุ่ย...พี่โตออกปากถามเสียงเข้ม มือหนาวางลงบนหัวผมแล้วโยกเบาๆดวงตาจ้องมองมาอย่างจับผิด..และไม่พอใจ
" ...จะไปรู้เหรอพี่ก็...สนใจทำไมเล่า " ผมออกปากบ่น ไม่เข้าใจจริงๆนั่นแหละว่าท่าทีเมื่อกี้ของพัศดีคืออะไร ต้องการจะวางแผนอะไรหรือแกล้งใครรึเปล่า
" สนสิ...ชิ...มีผัวเป็นตัวเป็นตนแล้วยังคิดจะไปอ่อยชาวบ้านนะมึง "หา?...นี่ความผิดผมเรอะ?ว่าแล้วคนพูดก็ฟาดก้นไอ้เนมเบาๆเชิงหมั่นเขี้ยว ทำเอาอ้าปากหวอ
" ผมไม่เกี่ยวเว้ยยย " ผมร้องว้ากออกมาทันควัน พี่โตหัวเราะออกมาเบาๆมือหนาจัดการกำแขนผมแน่นแล้วลากๆไปยังทางเข้าห้องพยาบาลทันที
" ไม่รู้ไม่สน ออกไปเจอผุ้ชายคนอื่นสองต่อสองมันต้องเช็คสักหน่อย เฮ้ย ! เปิดประตูซิ ! " พี่โตหัวเราะในลำคอเอ่ยปากอย่างเริงร่าปนขบขัน ท่าทีที่ลดความเครียดสะสมในช่วงเวลาอาทิตย์ที่ผ่านมาลดได้นั้นทำให้ผมยิ้มรับในใจอย่างดีใจไม่น้อย แต่ไอ้การลากชาวบ้านมาทำมิดีมิร้ายในห้องพยาบาล ท่ามกลางสายตานักโทษหลายสิบมันหมายความว่าไงเนี่ย!
ปัง
เรียกแล้วไม่ขาน บอกแล้วไม่ยอมทำตาม พี่โตเลยใช้ฝ่าเท้าถีบประตูห้องพยาบาลให้เปิดออกด้วยแรงวัวแรงควายอย่างผู้ที่ชินกับการใช้กำลังแทนมารยาท ไอ้เนมถอนใจอย่างไม่รู้จะฉุนหรือขำดี ผมหันไปมองด้านในห้องพยาบาลด้วยหวังให้มีแต่คนป่วยและคนป่วย เผื่อจะได้ดับอาการกระหายหื่นของพี่โตได้บ้าง...แต่ใบหน้าที่ยิ้มเหวอๆของผมกลับต้องชักงัก...ดวงตาเบิกค้างด้วยความงวยงงกึ่งตกใจกับภาพเบื้องหน้า..
...นี่มัน..!?
...........
มาช้ามากๆ > <

ขออภัยจริงๆคะที่ดองมาสิบกว่าวัน T T ไม่ได้อยากจะดอง แต่ช่วงนี้ไม่สบายหนักมาก ปวดหัวมาสามสี่วันติดๆแล้ว พึ่งจะมาโอเคนั่งเขียนนิยายได้ก็วันนี้ ขอโทษทุกๆคนด้วยนะคะที่ทำให้รอ

ส่วนตอนนี้...อ่า ความต้องการกับเส้นทางของพี่โตกับเนมมันสวนทางกันอีกแล้วสินะ ที่เนมคิดมันก็จริงส่วนหนึ่งที่ว่าทำไป...แทบไม่มีทางสำเร็จ แต่แกก็ดูจะฝันเฟื่องไปที่ว่าพี่โตจะยอมร่วมมือด้วยและพวกจนท.เรือนจำจะไม่เอาผิดเหอๆ...
...เกิดอะไรขึ้นในห้องพยาบาล?...เจอกันตอนหน้าคะ...
