Improbable 25 : แผนซ้อนแผน
"นั่นสินะ"... ปิดแฟ้มเอกสารสีเข้มเขียนรายงานประจำวันลง แล้วจ้องมองร่างของชายหนุ่มคนหนึ่งที่มายืนอยู่ต่อหน้า กันย์หรี่ตาลงช้าๆจ้องมองชายหนุ่มเบื้องหน้าด้วยแววตาครุ่นคิด สมองไพล่คิดถึงเหตุการณ์เมื่อาทิตย์ที่แล้ว และคำตอบรับ อันไม่รู้จะระบุความต้องการของตนว่าเป็นเช่นใด
วางปากกาลงบนที่เสียบ ถอนหายใจอย่างนึกหน่ายระอา บาดแผลที่ศรีษะค่อยทุเลาลงเหลือเพียงอาการตกสะเก็ดเล็กน้อย ทว่ากลับรู้สึกไม่ต่างกับมันเจ็บขึ้นมาอีกครั้ง ปวดแปลบราวกับเลือดไหลออกมาจากร่าง..
....นับอาทิตย์แล้วที่เรื่องราวทั้งหลายไม่ได้สานต่อ น้องชายที่เขารักนั้นหายหน้า จากไปราวกับไม่มีตัวตน แม้จะเห็นและรับรู้อยู่ให้ชื่นใจว่าเมฆไม่เป็นอะไร ยังคงอยุ่ดี...และ...ยังคงมีความสุขโดยที่ไม่หันหน้ามามองสบตากันสักนิด คำประกาศเกลียดชังนั้นเหมือนดั่งคำประกาษิตที่บอกว่าเจ้าตัวจะไม่มีวันหันหลังกลับมามอง ภาพน้องชายที่รักยังคงเคียงข้าง"มัน"ที่ทำตัวไม่ต่างจากเขาชวนให้เลือดในกายเดือดเร่าอย่างนึกอดสูนัก
กันย์มองหน้าเจ้าเด็กใหม่ที่มาไม่เท่าไหร่ก็เริ่มป่วนแดนนี้ด้วยอิทธิพลของคนที่คุ้มครองตนอยู่ เขาจ้องมองมันพร้อมกับคิดประเมินถึงแผนการและสิ่งที่มันพูดถึง
คำตอบรับของตนเพียงเท่านั้นมันไม่เพียงพอจะให้ไอ้เป้เชื่อหรือรู้ได้ว่าจะร่วมมือด้วย..
แผนอะไร?
กันย์อยากจะหัวเราะขำให้ลั่น...กับแผนการณ์ที่มันพ่นออกมา
อ่อนแอ ไร้สาระ โง่เง่า เป็นแค่แผนหลอกพวกสิ้นหวังกับชีวิตจนไม่มีสิ่งใดแล้วให้ทำตาม แผนการที่รังแต่จะสร้างความวิบัติและฉิบหายให้ชีวิตตัวเองมากขึ้นเท่านั้น
แต่ก็สมกับพวกป๋าดี แผนที่ล่อให้คนออกมาวิวาทกันเอง มันคงนึกว่าเขาจะเป็นเช่นเดิม คนที่คอยฟังคำสั่งและทำตามที่ต้องการทุกครั้ง
ไม่นึกเสียบ้างว่าการกระทำของตัวเองเป้นแบบไหน ทียอมรับฟังคำสั่ง ที่ยอมทำเหมือนจงรักภักดีอยู่ได้ เป็นเพราะ"อิทธิพล"เท่านั้น
บอกให้เขาร่วมมือในแผนสำรองหากพวกมันทำพลาด แผนสำรอง...หรือแผนสำหรับ"เก็บ"พวกเดียวกัน อยากจะรู้นัก...
....แต่ตอนนี้....ตัวเขามันเหมือนคนมีสิ่งใดยึดเหนี่ยวนักหรือ?
ลอบถอนหายใจช้าๆ นิ่งฟังคำพูดของไอ้เป้ที่บอกออกมาคร่าวๆ และลองสังเกตอัปกริยามันไปพลางๆ กันย์ลอบขมวดคิ้วและนิ่วหน้ากับช่องโหว่ที่โผล่ออกมามากมายในแผนนั้น ยิ่งคิดตามและมองเท่าไหร่ ก็ยิ่งเจอแต่หนทางไม่สำเร็จมากขึ้นทุกที
" เอาความแน่ใจมาจากไหน ว่าผมจะร่วมมือ ? " ที่สุดก็ฟังจบ...กันย์เหยียดยิ้ม สีหน้าขบขัน..
" หา? " คนฟังชะงัก เหวอไปกับคำตอบนั้น กันย์คิดว่าไอ้เป้มันคงจะทำหน้าตกใจแล้วเงียบนิ่ง หากแต่มันกลับหัวเราะออกมาด้วยท่าทีขบขันราวกับจะล้อเลียนสีหน้าของตน
" คิดว่าตอนนี้พี่มีทางอื่นด้วยรึไง ?"
" ทางอื่น...." กันย์ทวนคำ มองหน้าเจ้าคนพูด "ลืมไปแล้วรึไงว่าผมก็เป็นคนระดับหัวหน้าแกงค์ "
" ใช่...มีคนของตัวเอง มีลูกน้อง มีทางเลือก...แต่ไม่มีปัญญารั้งตัวคนที่รักไว้ ....."
ครืด....
" อย่ายุ่งเรื่องชาวบ้าน " ฝ่ามือของกันย์กำคอเสื้อเจ้าคนปากดีไว้มั่น กระชากแล้วจ้องหน้ามันเขม็งด้วยความไม่พอใจ เขาผุดลุกขึ้นตอบรับคำหาเรื่องของไอ้เป้นับแต่ที่มันพ่นคำๆนั้นออกมาให้แสลงหู กริยาของมันชวนให้นึกโกรธเคืองและคลั่งแค้นด้วยความไม่พอใจนัก
" คร้าบๆ....พี่นี่รู้สึกจะจุดเดืดดต่ำนะ " เป้ยกมือยอมแพ้ ขยับตัวออกจากรัศมีปฏิบัติการของชายหนุ่มตรงหน้า น้องใหม่หรี่ตาลงแล้วมองดูท่าทีของชายผ้ได้ชื่อว่าเป็นคนสุภาพและรู้จักเก็บอารมณ์ที่สุด แต่วันนี้มันเริ่มต่างออกไป
"............"
" กลายเป็นคนโมโหง่ายตั้งแต่เมื่อไหร่? "
" ..คุณรู้จักผมดีแค่ไหน ถึงมาวิจารณ์ว่าผมเป็นอย่างนั้นอย่างนี้ " กันย์กอดอกจ้องมองคนที่วิจารณ์การกระทำของเขาหน้าตาเฉยทั้งที่ตัวมันก็ไม่ได้ดีมากกว่าเขาสักเท่าไหร่นักอย่างท้าทาย เข้ามาได้ไม่เท่าไหร่ก็รังแต่จะก่อเรื่อง เพราะเห็นว่ามีพวกป๋าเป็นแบ๊คหลังค่อยช่วยเหลือเลยออกมากร่างเต็มกำลังจนน่าหมั่นไส้ มาตอนนี้ยังกล้าจะมาวิจารณ์ว่าคนอื่นเป็นแบบนั้นแบบนี้...คนประเภทนี้มันน่ารังเกียจน้อยไปเสียเมื่อไหร่
" ...คร้าบ...กูไม่เถียงแล้ว ถ้าพี่ยังไม่รับปากจะทำไม่ทำ พี่ก็บอกมาสิ จะได้ไม่เสียเวลาอีก แผนการพี่ก็ฟังจนเปราะแล้ว ไม่น่าจะมีอะไรติดค้าง " เป้ยักไหล่ออกปากเข้าเรื่องอย่างยอมแพ้ ถึงจะปากดีแต่เขาก็รู้ดีว่าตอนไหนควรจะหยุด..
" แผนการโง่ๆ...ร่วมมือด้วยไม่ต่างกับไปตาย " กันย์พ่นลมหายใจช้าๆ พลางส่ายหน้า
" เห็นด้วย..." แทนที่คนพูดมันจะออกปากท้วง ทำหน้าตาขัดเคืองใจเสียหน่อย ไอ้เป้มันยังพยักหน้ารับทำอือออ ชวนให้เส้นกระตุก " แผนง่ายๆนี่ ช่องโหว่เพียบใช่ไหม? แต่ถึงเวลาแล้วมันจัดการได้ง่ายและรวดเร็วที่สุดว่ะ...หรือพี่ไม่คิดงั้น "
"............"
คำพูดนั้นทำให้กันย์นิ่งคิด... ใช่ แผนการง่ายๆโง่ๆเต็มไปด้วยช่องโหว่ก็จริง แต่ก็เป็นอย่างที่ไอ้เป้ว่ามาเหมือนกัน...มันจัดการได้ง่าย เร็ว และมีโอกาสสำเร็จได้มากกว่าแผนการซับซ้อนของไอ้โตและพวกป๋าที่วางไว้ด้วยซ้ำ...
"....ป๋ารู้รึยัง เรื่องแผนนี้ ?" กันย์ขมวดคิ้ว ออกปากถาม ถ้าให้ทำตามแผนนี้ จะบอกว่ามันเป็นแผนที่ใช้ร่วมกับแผนใหญ่ของไอ้โตและพรรคพวกยังจะดีกว่า..
" แผนี้ป๋าเป็นคนคิด " เป้เอ่ยปากตอบสีหน้าระรื่น ทว่าใจความนั้นยิ่งทำให้กันย์ขมวดคิ้วมุ่น...จ้องมองเจ้าคนพูดที่ยังคงมองมาด้วยท่าทีมั่นอกมั่นใจ...แผนการนี้มันโง่และง่ายเกินกว่าที่ป๋าจะเป็นคนคิด...แต่หากคิดอีกแง่ หากมันเป็นแผน ซ้อนแผนเล่า...
ป่ามันวางแผนให้พวกไอ้โตและพวกแดนสิบที่อยู่ใกล้ๆร่วมกันก่อจลาจล สร้างความวุ่นวายย่อมๆ จากนั้นจะลอบหนีไปกับความวุ่นวายนั้น
นักโทษที่หนีไปจากเรือนจำปรกติก็ต้องถูกตามและลงโทษหนักกว่าเดิม แต่การวาง"คน"ของป๋า มันทำให้เรื่องนี้สามารถผ่านไปได้ โดยการใช้อำนาจของเงินและอิทธิพลของตนเอง
ให้พรรคพวกที่รออยู่ข้างนอกคอยดูลาดเลา... ควบคุม ดุแลให้นายใหญ่ออกมาได้ในที่สุด
ส่วนแผนที่ไอ้เป้เสนอมา ก็เป็นแผนที่เขาและมันต้องคอยซุ่มเงียบ จัดการพวกที่แตกแถว จัดการพวกผู้คุมหรือคนที่จะมาขัดขวางป๋าและคนอื่นๆในการหลบหนี และคอย"เก็บ"พวกหัวโจกที่เป็นลูกมือ พวกที่รู้มากเกินไป พวกที่ไม่ได้ออกไปแต่อาจจะเป็นพยานปากสำคัญ...ต้องกำจัดมันให้เรียบร้อยด้วย
ป๋ามันเล่นวิธีเหี้ยม...กันย์รู้ดี
จะเก็บเรื่องกาารหายตัวไปของตนให้เป็นความลับ จะ"ติดคุกแต่ชื่อ"จริงๆก็ต้องปิดปากคนให้หมด ทั้งผู้คุม ทั้งนักโทษ หรือกระทั่งพวกที่ร่วมก่อการกับป๋าก็ตาม..
นั่นหมายถึงเขาอาาจะมีโอกาสจัดการกับ"มัน" ให้ตายๆไปเสีย และพาเมฆหนีออกมาได้... การตายของไอ้วิทย์มันก็ไม่ต่างกับนักโทษคนอื่นๆ มันไม่ได้เป็นรองหัวหน้าหรือเป็นคนช่วยไอ้โตอีกแล้ว ป๋ามันรับปากแต่จะให้พวกสมุนตัวเอ้ออกมาด้วย นั่นก็ไม่ได้หมายถึงไอ้วิทย์...ที่นอกจากจะสร้างปัญหาแล้วยังไม่ทำอะไรเลย..
แต่.....ถ้าหากพวกป๋ามันใช้วิธีช้อนเก็บ มีแผนตามจัดการนักโทษที่เป็นลูกมืออย่างพวกเขาเล่า...จะเป็นเช่นไร?
กันย์ขมวดคิ้ว จ้องมองใบหน้าของไอ้เป้ มองแววตาวาววับของมันอย่างชั่งใจ ครู่หนึ่งสัญชาติญาณและความระวังตัวบอกให้รู้ว่าไม่ควรจะไว้ใจคนเหล่านี้ ทว่าความต้องการและแรงผลักดันจากการกระทำของคนที่เขารักนักรักหนากลับกลายเป็นเหตุผลหลักไปเสียแล้ว
.... ใครจะถูกเก็บก็ช่างมัน ใครจะถูกหักหลัง ไม่สนใจ ก็ช่างมัน
ขอแค่เมฆยังอยู่ ขอแค่เมฆไม่เป็นไร ขอแค่นั้นก็พอ
คนอื่นจะเป็นหรือตายไม่ใช่เรื่องที่จะต้องไปสน..
" ก็สมเป็นป๋า "กันย์พ่นลมหายใจช้าๆ ก่อนจะจ้องมองเจ้าคนรอคำตอบที่ยังคงทำท่าทีเรื่อยเฉื่อยไม่รู้สึกรู้สาด้วยท่าทีใคร่ครวญ
" แล้วจะแน่ใจได้ยังไง ว่าผมจะไม่ถูกเก็บด้วย "
" มันก็อยู่ในมือพี่นี่...ความมั่นใจน่ะ " คำตอบนั้นทำให้กันย์จ้องหน้าคนพูดเขม็ง...
ก็จริงอย่างที่มันว่า ความมั่นใจ อยู่ในมือของเขา ถ้าไม่ยอมร่วม ก็ต้องไปก่อจลาจลกับคนพวกนั้น มีเพียงอาวุธเป็นมีดผ่าตัดอันเล็กเอาไว้ป้องกันตัว จะสู้ได้มากน้อยแค่ไหนก็ไม่อาจจะรู้
ทว่า...หากรวมมือแล้ว นอกจากจะได้กำจัดคนที่เขาเกลียดชัง.."อาวุธ"ที่ได้ยังเป็นสิ่งที่จะนำพาเขาออกไปสุ่โลกภายนอกด้วย
ตราบใดที่มีปืนเหนี่ยวไกคอยเก็บพวกมันได้ ตราบนั้นเขาก็จะไม่ถูกหลอกใช้อย่างแน่นอน...
" ....ป๋าก็ต้องเลือกไว้อยู่แล้ว คนที่จะมีประโยชน์สำหรับการออกไปข้างนอกน่ะ " ไอ้เป้มันหัวเราะรับแล้วบอก นั่นยิ่งทำให้กันย์ต้องไตร่ตรองอย่างหนัก...ในเรือนจำนี้พวกตนเป็นเพียงเครื่องมือสร้างความยิ่งใหญ่ของผู้เป็นนาย แต่หากได้หนีออกไปข้างนอกนั่น มันก็หมายถึงตัวเขาอยู่ในฐานะอาชญากรและต้องอยู่ในมุมมืดของสังคมไปจนตาย..
เขาแลกได้ หากมีเมฆอยู่ข้างๆและได้กำจัดไอ้คนที่เขาเกลียดชังให้ตายๆไปเสีย
ทว่า... พวกตนจะมีประโยชน์กับป๋าจริงไหม? ข้างนอกนั่น จะได้รับตำแหน่งลูกน้องคนสนิทหรือย่างไร?
กันย์ไม่ได้ต้องการตำแหน่งหรืออยากรับใช้ใกล้ชิดคนเหล่านั้น ทว่าหากมันจะทำให้เขาปลอดภัยและมีเงินใช้ ก็จำต้องได้มิใช่หรือ?
ป๋ามันวางหมากไว้เรียบร้อยแล้ว เขา ไอ้โต และบรรดาขาใหญ่ในแดนอื่น ที่เป็นลูกน้อง ต่างก็อยู่ในแผนการแต่แรกแล้ว อยู่ในขบวนการกรุยทางสู่อิสระภาพ ในวันที่พวกมันจะออกไปข้างนอก ใช้พวกตนเพื่อเปิดทางให้สามารถออกไปได้อย่างอิสระ
อย่างที่ไอ้โตว่าไว้ ว่าแผนนี้ไม่ใช่ทางเลือกแต่เป็นการบังคับให้ทำตาม ทำก็เสี่ยง ไม่ทำก็เสี่ยง ไม่ต่างกัน
อย่างน้อยเมื่อมาถึงจุดนี้ พวกเขาต่างก็ทำใจและพยายามทำให้ดีที่สุด หวังจะได้รับรางวัลเป็นอิสระ มีสิทธิเดินออกจากเรือนจำนี้ไปยังด้านนอก..
โอกาสถูกหักหลังมี โอกาสถูกใช้แล้วทิ้ง มีพอๆกัน...
...ต่างกันตรงนี้...ตรงที่เขาจะยอมทำตามแผนนี้ไหม?
ทุดคนเป็นตัวหมากของพวกป๋า ทว่า...หากกันย์รับข้อเสนอของไอ้เป้ อย่างน้อยตนเองก็จะได้ระวังไว จะมีสิทธิ์ในการสอดส่องและดูแลชีวิตของคนที่ตัวเองรัก..
หากการถูกวางไว้ในแผนการของป๋า ตัวเขาเท่ากับหมาก การอยู่ในแผนการชั้นที่สองของป๋าก็เท่ากับเขาเป็นผู้ชี้ชะตาเหล่านักโทษเช่นกัน...
...และยังใช่ต่อรองชีวิตของพวกมันกับสิ่งที่ตนเองต้องการได้ด้วย...
" ว่าไงพี่...อย่านานๆ " เสียงเร่งของไอ้เป้ชวนให้ความหงุดหงิดพุ่งฉิว กันย์ถอนหายใจแรง จ้องมองมันอีกอึดใจหนึ่ง ก่อนเขาจะพยักหน้ารับช้าๆ..
" ได้...ตามแผน " พยักหน้ารับ เอ่ยตอบคำขณะที่ยื่นมือเข้าไปตรงหน้า ไอ้เป้มันเลิกคิ้ว มองหน้า ก่อนจะยื่มมือมาหวังเช็คแฮนด์กันแสดงความร่วมมืออย่างต่างชาติ ทว่าจังหวะนั้นเอง กันย์กระตุกมือ เขากระชากร่างมันที่ลุกขึ้นยืนและยื่นมือมาจับ เหวี่ยงตัวมันนั่งลงบนเก้าอี้เสียจนเกิดเสียง
ปึก!
" หวังว่า....แผนจะสำเร็จอย่างที่คาดไว้ "กันย์จ้องหน้าเจ้าคนที่ถูกเขาเหวี่ยงมาและกลายเป็นหน้าซีดอย่างคนขลาดเขลาด้วยอาการหยามหยัน มองดวงตาของมันที่จ้องมองมีดผ่าตัดขนาดเล็กในมือตนอย่างระแวงแล้วอดจะนึกสะใจไม่ได้..
" เออ....ตามนั้นสิพี่....ตะ....ตามนั้น " เป้ยกมือขึ้นพยายามกันมีดคมๆออกห่างจากลำคอตนอย่างนึกเสียวสยอง กลืนนำลายลงคออย่างหวั่นๆ
"....อย่าให้ผมรู้ ว่ามีคนแจ้นไปบอกผุ้คุม...หรือบอกคนอื่น ทำให้แผนแพร่งพราย ..." กันย์หรี่ตาลงช้าๆ อย่างไม่ยอมผละจากเช่นที่เจ้าคนตรงหน้ามันร้องขอ... " ไม่ว่าแผนนี้ หรือแผนใหญ่..."
" แน่อยู่แล้วพี่..." เป้หัวเราะเสียงสั่น จ้องมองมีดที่ไม่ยอมละจากลำคอตนอย่างนึกสยอง
" ผมไม่ไว้ใจใครทั้งนั้น....อย่าแม่แต่จะคิด.." กันย์แสยะยิ้ม จ้องมองคนตรงหน้าด้วยความสมเพช " ผมไม่ใช่ประเภทใจดี...ผมไม่ชอบให้กำลังหรอก...ผมชอบฆ่าให้มันจบๆเรื่องมากกว่า "
"............."
" วันที่คุณคิดจะหักหลัง...จำไว้ว่ามันจะเป็นวันตายของคุณ...และตายก่อนจะรู้ตัวด้วยซ้ำ " กันย์แสยะยิ้ม พึงใจกับท่าทีและปฏิกริยาตอบรับของไอ้เป้...คนโง่แต่ทำเป็นเจ้าเล่ห์อย่างมันต้องเจอแบบนี้ถึงจะเงียบปากเสียบ้าง ไม่ใช่อยู่ๆนึกจะพูดก็พูดอยากจะพล่ามอะไรก็เอ่ยปากเห่าหอนชวนให้หงุดหงิดออกมามากมาย น่ารำคาญเสียจนต้องจัดการแบบนี้ให้มันรู้สำนึก..
...ให้รู้ ว่าต่อให้มันเป็นคนเสนอแผน คนที่จะเป็นหัวหน้า คนที่จะสั่งการ คือเขา ไม่ใช่มัน...
ก๊อกๆ
ปัง !!
เสียงเคาะประตูอย่างไร้มารยาทเป็นที่สุดทำให้หัวคิ้วกระตุก กันย์ขวดคิ้ว หันกลับไปมองคนที่ทะเลอทะล่าเข้ามาแบบไร้กาละเทศะและผิดที่ผิดทางเป็นที่สุด คนที่กล้าทำตัวแบบนี้มีไม่มากนัก แน่นอนว่าความคิดของกันย์ถูกต้องเมื่อเขามองเห็นร่างของ"ลูกพี่"ที่ตัวเองไม่อยากจะยอมรับโผล่หัวมาพร้อมกับเจ้าคนเดิมที่มักจะถูกห้อยไปไหนมาไหนด้วย สองคนนั้นชะงักกับภาพที่เห็น ไม่ต่างกับเขาที่ชะงักกับคนทั้งสองสักเท่าไหร่
....กันย์ขยับตัวจากท่าทีคร่อมทับร่างของเป้ชวนให้เข้าใจผิด เขาเก็บมีดผ่าตัดไว้ในกระเป๋าเสื้อคลุมอย่างรวดเร็ว สบมองนัยน์ตาสีเข้มที่หรี่ลงอย่างครุ่นคิดของโต กวาดผ่านร่างของเขาและไอ้เป้
"...ไม่มีใครอยู่ จะคร่อมกับไปถึงไหนกูก็ไม่ว่าหรอก แต่อย่ามาเชือดทิ้งแถวนี้แล้วกัน ขี้เกียจเก็บศพ " เสียงทักนั้นทำให้รู้ว่าไอ้โตยังทันเห็นมีดที่เขาถือไว้อยู่ กันย์แอบถอนหายใจ รู้สึกปวดหัวตุบขึ้นมาอย่างกะทันหัน เพราะการทำแบบนี้ คงไม่แคล้วจะถูกสงสัยเข้าให้
"...ขอบคุณที่แนะนำครับ " รับคำสั้นๆราวกับไม่ได้ยินนัยนะส่อเสียดชวนโมโห และเสไปก้มดูแฟ้มเอกสารแทนอย่างไม่คิดจะต่อความ กันย์เห็นมันพ่นลมหายใจแรงอย่างนึกฉิวก่อนจะหันหลังกลับ
" ดูแลคนของมึงให้ดีล่ะ อย่าให้มันมาเสือกไม่เข้าเรื่องอีก " โตตวัดสายตามองไอ้เป้เเว้บหนึ่งอย่างคาดโทษ ก่อนจะหันหลังกลับแล้วรุนหลังคนที่ตามมาให้เดินออกไปจากห้องพยาบาลแต่โดยดี
" พี่โต....จะไปไหนอีกล่ะ? " ผมออกปากถามพี่โตอย่างอยากรู้ หลังจากผ่าเดินพรวดเข้าไปพบเจอช็อตน่าสงสัยของพี่กันย์กับไอ้เป้เข้า ไอ้เนมขมวดคิ้วน้อยๆ คิดถึงลักษณะท่าทางที่ได้พบเห็น ไอ้เป้นั่งตัวตรงอยู่บนเก้าอี้ ตัวแข็งทื่อสีหน้าซีดเจื่อน ยกมือขึ้นพยายามกันๆไอ้วัตถุมีคมขนาดเล็กอาวุธประจำกายของพี่กันย์ไว้ ขณะที่คุณหมอเถื่อนผู้ทำการรักษาเหล่านักโทษก็เอนกายคร่อมเก้าอี้นั้นไว้ ใบหน้าจ้องมองพร้อมกับมือขวากำมีดชี้ไปที่ไอ้เป้ด้วยสีหน้าข่มขู่....ดูรวมๆแล้วก็เป็นฉากแสดงความสนิทสนม(?) ในฐานะนักโทษด้วยกันดีล่ะมั้ง..
ผมถอนหายใจ คิดสงสัยขึ้นมามากกว่าหนึ่งครั้งว่าทำไมพี่กันย์ไม่โดนค้นตัวหรือจับไปสอบสวนฐานพกอาวุธในเรือนจำบ้าง เข้าใจนะว่าของแบบนั้นมันเป็นอุปกรณ์ที่จำเป็นอยู่ในห้องพยาบาล แต่ทำไมถึงได้พกออกไปนอกห้องได้หน้าตาเฉย อภิสิทธิ์พิเศษเรอะ?
แล้วยังนึกสงสัยขึ้นมาอีกวูบถึงท่าทีและเรื่องที่สองคนนั้นคุยกัน ผมพ่นลมหายใจเฮิอก พยายามปัดเรื่องของชาวบ้านออกจากสมอง เพราะเรื่องของตัวเองยังจะเอาไม่รอดอยู่นี้
คิดพลางจ้องมองเสี้ยวหน้าของพี่โตที่เดินจ้ำออกไปจากห้องพยาบาลด้วยอัตราเร็วคงที่ เสี้ยวหน้าคมเข้มด้านข้างยังคงเหมือนเดิมและดูดีชวนให้รักใคร่มากกว่าเดิมด้วยซ้ำ โดยเฉพาะเมื่อได้เอ่ยคำว่า"รัก"ออกมาให้ผมได้ยิน ผมจ้องมองมันและคิดไปถึงเรื่องที่จะเกิดขึ้นด้วยความวิตกไม่น้อย...
....ไม่รู้ว่าหลังจากนี้ เราจะได้มีรอยยิ้มอีกไหม?
...ถ้ามันเกิดขึ้นจริงๆ ถ้าพี่โตกับพรรคพวกจะทำแบบนั้นขึ้นมาจริงๆ ผมจะหยุดไหว จะมีแรงหยุดรึเปล่า? หรือจะทำได้แค่เป็นหนามตำใจให้พี่โตหมดความเชื่อใจกันแน่..
"....น่ารำคาญจริงๆ " เสียบ่นของพี่โตลอยเข้าหูทำให้ต้องละออกจากภวังค์ ไอ้เนมเลิกคิ้ว มองหน้าขาใหญ่แห่งแดนสิบสองที่ทรุดตัวลงนั่งบนโต๊ะม้าหินอ่อนใกล้โรงอาหาร ด้วยสีหน้าแกนๆ
" อะไรล่ะ? " ผมเลิกคิ้ว มองหน้าพี่โตที่ยังคงมีท่าทางอารมณ์บ่จอย
" ไอ้กันย์กับไอ้เป้น่ะสิ ...เสือกมาทำเหี้ยอะไรกันตรงห้องพยาบาล เหอะ " ปากบ่น แต่ใจความนั้นทำเอาผมชักสีหน้าหน่าย อยากจะเถียงนักว่าพี่ก็เข้าไปด้วยจิตอกุศลไม่ใช่เรอะ ไอ้แบบนี้เจตนาจะใช้พื้นที่ราชการเพื่อหาความสุขส่วนตัวชัดๆ
" ธุระมั้ง" ผมออกปากแก้ตัวให้จำเลยทั้งสองลอยๆ ลอบขอบคุณในใจว่าเพราะการมีอยู่ของสองคนนี้ในช่วงเวลาที่เหมาะสม ทำให้ผมรอดจากพี่โตไปได้อีกแล้ว
" ....ธุระ..." พี่โตทวนคำพูดผมแล้วพ่นลมหายใจช้าๆ...ท่าทีกึ่งฉุนกึ่งขำ
" ธุระ...หรือคิดจะทำอะไรกันแน่ " คำพูดนั้นทำให้ผมชะงัก มองหน้าพี่โตที่กำลังตีสีหน้าเคร่ง บ่งบอกว่ากำลังคิดไตร่ตรองอะไรอยุ่ ผมคิดตามข้อสงสัยนั้น และพบว่ามันก็เข้าเค้าไม่น้อย ...ไอ้เด็กใหม่จอมก่อความวุ่นวายที่มีป๋าเป็นแบ๊ค กับพี่กันย์ที่เพิ่งเจอเรื่องคนเอาอิฐทุบหัวมาหมาดๆ...และคนที่ว่าคือน้องชายสุดที่รัก..พอมาอยู่ด้วยกันแบบนั้น น่าสงสัยเช่นกันว่าจะมาไม้ไหน
....แล้วสองคนนี้มันก็ไอ้ตะเภาเดียวกันเสียด้วย
คนนึงเจ้าเล่ห์โหดเหี้ยมไม่แสดงออก ตีหน้าตายิ้มแย้มหลอกล่อให้ตายใจ ส่วนอีกคนก็เจ้าเล่ห์พูดจาเล่นลิ้นกวนตีนหาเรื่องชาวบ้าน ชอบยั่วโมโหเป็นชีวิตจิตใจ
ดูเหมาะสมดี...ถ้าไม่คิดว่าจะฆ่ากันก่อนละก็นะ..
" ...พี่คิดว่าเขาจะทำอะไร " ผมเอ่ยปากถาม มองหน้าพี่โตที่หรี่ตาลงช้าๆ หันขวับมามองหน้าไอ้เนมเพียงชั่วครู่แล้วถอนหายใจ
" ไม่รู้...แต่ต้องระวัง...." พี่โตเอ่ยปากบอกสั้นๆด้วยที่ทีครุ่นคิด "ยิ่งช่วงนี้...ยิ่งต้องระวังใหญ่"
ช่วงนี้? ผมสะกิดใจกับคำพูดของพี่โต แต่จะให้ออกปากถามก็ใช่ที ไอ้เนมจึงทำเงียบ แม้สมองกำลังไตร่ตรองถึงคำที่พี่โตพูดมาอย่างถี่ถ้วนก็ตาม..
"....ไม่ว่าพวกมันจะวางแผนอะไร...อย่ามาขัดขากูก็แล้วกัน " พี่โตพ่นลมหายใจพรู ก่อนจะหันมามองผมด้วยแววตาสดใส ฝ่ามือนั้นวางลงบนกระหม่อมแล้วลูบเล่นอย่างหยอกล้อ จนคนโดนอย่างไอ้เนมต้องร้องโวยออกมาบ้าง
" เล่นหัวคนอื่นได้ไงนี่ย ถือนะ รู้รึเปล่า !" ผมออกปากแหว ทั้งที่จริงก็ไม่ได้ถือสาอะไรกับใครเขา พี่โตฟังแล้วหัวเราะขัน และยังคงพอใจจะวางมือเล่นหัวกันต่อไปอย่างไม่สนคำค้านสักนิด
" ...ฮ่าๆ...มึงถือ แต่กูไม่ถือนี่ "ว่าแล้วก็ยังคงเนียนเล่นต่อไปอย่างอารมณ์ดี ผมมองพี่โตที่สบตาด้วยใบหน้าอ่อนโยนอย่างเผลอไผล.....ยิ้ม....ให้กับรอยยิ้มที่พบเจอท่ามกลางความเครียดและชีวิตที่หนักหนา..
" ...ทำปัญญาอ่อนแบบนี้ลูกน้องไม่ศรัทธากันพอดี " ผมออกปากเเซว คนเป็นหัวหน้าที่มาทำตัวปัญญาอ่อนกันสองคน พี่โตฟังคำพูดผมแล้วเลิกคิ้ว หัวเราะหึหึ
" ไม่เป็นเป็นไร ใครไม่ศรัทธาก็ช่างสิ เดี๋ยวไปตามกระทืบพวกมันก็ยอมเอง " แหม...แนวคิดช่างธรรมดาและเป็นปัจเจกชนจริงๆ ...ซะที่ไหนเล่า!? คนปกติใครเขาคิดแบบนี้ฟ่ะ แนวคิดนี้มันวิสัยนักเลงชัดๆ
"...ใครไม่ศรัทธาไม่เป็นไร มีมึงอยู่ข้างกูก็พอแล้ว " วาจานั้นทำให้ผมชะงัก ใบหน้าที่กำลังตัดสินใจว่าจะโกรธหรือขันกับคำพูดของพี่โตหันขวับ จ้องมองเจ้าของคำพูดที่ยิ้มหวานมาให้ด้วยหัวใจที่กระตุกขึ้นมาวูบหนึ่ง...กับคำพูด ที่แสดงความเชื่อใจและไว้ใจผมอย่างที่สุดของพี่โต..
" อืม...." ทำได้เพียงรับคำแผ่วเบา ปล่อยให้พี่โตเล่นหัวเล่นหูกันอย่างไม่เอ่ยปากโวยวายอะไรอีก ไม่ใช่ยอมนิ่งเพราะคำหวานนั้น แต่เพราะคำนั้นต่างหาก ที่ทำให้ความรู้สึกผิดเล่นชนเข้าที่หัวใจ...
...พี่ไว้ใจผม....ขณะที่ผม....อาจจะหักหลังพี่ก็ได้..
ถ้าพี่คิดจะออกไปจริงๆ...และผมต้องห้ามพี่จริงๆ พอถึงวันนั้น เรื่องราวมันจะเป็นแบบไหนนะ?
เราจะได้ยิ้มให้กันแบบนี้อีกรึเปล่า? หรือว่าผมจะต้องถูกพี่รังเกียจและชิงชังกันแน่...
ผมถอนหายใจเบาๆด้วยความกังวลต่ออนาคตที่ยังมาไม่ถึง และเรื่องราวที่ส่งผลต่อจิตใจ ไอ้เนมเอนตัวไปพิงไหล่พี่โตไว้ จ้องมองแสงจ้าของพระอาทิตย์ที่สาดส่องลงมาอย่างร้อนแรงภายใต้ท้องฟ้าสดใส...มองเห็นนกน้อยสามสี่ตัวโผบินผ่านไป...ไปไหนก็ได้ตามใจตนเช่นเดียวกับอิสระที่เราต่างแสวงหา...
....อิสระภาพที่อยากได้ ทุกคนอยากได้ ทว่าเมื่อทำผิดก็ต้องแลกมาด้วยระยะเวลาและการถูกคุมขังอันยาวนาน..
....มันจะดีกว่าหรือ หากได้ออกไปรวดเร็วดั่งใจ แต่ต้องอยู่ในความมืด ไม่กล้าเงยหน้ามาจ้องมองแสงอาทิตย์อย่างภาคภูมิ...
ทำความผิดอะไรไว้ ตนเองถึงต้องมาอยู่ในนี้ ทำไมถึงจู่ๆถึงมีคนคิดจะดิ้นรนออกไปทั้งที่ยังคงมีบาปติดตัว..เห็นนิสัยของแต่คนบางคนแล้วผมนึกแปลกใจมากมากกว่าหนึ่งครั้งว่าชีวิตในนี้มันทำให้สำนึก หรือกลายเป็นเเหล่งเพราะอาชญากรชั้นดีที่จะออกไปสู่โลกภายนอกกันแน่..
...มองผ่านความผิดของตนเองเพื่อให้ได้สิ่งที่ต้องการ แบบนี้มันถูกต้องจริงหรือ?
ผมรู้ว่าชีวิตบางครั้งก็ต้องยืนอยู่บนความผิดพลาด เพื่อจะก้าวไปสู่หนทางที่ตัวเองต้องการ
ทำผิดเพื่อแลกอิสระภาพ รู้ดีว่าหากมีคนเสนอแบบนั้น จะมีคนตอบรับมันจริง...
กระทั่งคิด...ว่าคนข้างกายผม คนที่ผมรักนักหนา จะออกปากตกลงโดยไม่ลังเลด้วยซ้ำ..
....................
เฉลยว่าพี่กันย์กับเป้ ฮ่าๆขออภัยเหล่าแฟนคลับสามผีมาณ ที่นี้ด้วย อิอิ
แผนของป๋า? อืม...คิดว่าคงไม่งงนะ ป๋ามันจะรักลูกน้องให้ออกไปจนหมดเรอะ? คงไม่ถึงปานนั้น 55 รายนั้นขอแค่คนที่เป็นประโยชน์กับตัวเองพอแล้ว ไอ้ที่เกะกะ เก็บทิ้งไปให้หมด ฮาาาา..ชั่วเสมอต้นเสมอปลายดี สมเป็นลาสต์บอสค่ะ (555+)
ใครหวังคู่พี่กันย์กับเป้อาจจะจิ้น? อืม...ตามสบาย แต่ขอบอกว่าจินตนาการเป้เป็นเคะไม่ออก มันก็เป็นประเภทเดี๋ยวกล้าเดี๋ยวหงอ ปากดีแต่เจอคนจริงก็เงียบ อะไรแบบนี้
ปล. เจ็บแขนนนนน เมื่อวานหกล้มหน้าห้องน้ำ ข้อศอกถลอก แขนเขียวอื๋อเลย สยองขวัญชะมัด

ปล.อีกนิด คราวนี้จะอัพอาทิตย์ละตอน ถ้าเห็นท่ามาช้า ขนเอ็ม76มากระทุ้งทู้ด้วยเน้อ (ขี้เกียจรุ่นนี้ต้องใช้อาวุธสงครามค่ะ ฮ่าๆ)
ขอบคุณสำหรับการติดตามค่า
