Improbable 9 : หลุมพราง
บรรยากาศในนี้เปลี่ยนไปทุกครั้งที่ย่างเท้าเข้ามา...
เรือนจำพิเศษเคยหนาวเย็นยังไง..ตอนนี้ก็ยังเป็นแบบนั้น...เสียงลากโซ่ตรวนแกรกกรากยังชวนให้ขนลุกเช่นเคย...สายตาของผู้คนในห้องขังที่มองมาเงียบๆก็ชวนหนาวสันหลังได้ทุกครา..
ราวกับไม่มีสิ่งใดเปลี่ยนไป...
แต่แววตาอันเต็มไปด้วยความไม่พอใจที่เปิดเผยออกมาเด่นชัดของนายที่มักจะยิ้มแย้มเก็บอารมณ์อยู่เสมอทำให้หัวคิ้วขมวดมุ่น..โตมองสบตากับ"ป๋า"ชายที่เขาเคยคุ้น เขาพบว่าใบหน้าที่เคยประดับด้วยรอยยิ้มตอนนี้เครียดเคร่งขึ้นไม่น้อย..ใต้ดวงตาคล้ำดำราวกับคนนอนไม่หลับ และแฝงท่าทีกราดเกรี้ยวปนกระวนกระวายอย่างที่ไม่ได้พบเห็นบ่อยนัก..และนั่น จุดความสงสัยให้ปะทุขึ้นมาอย่างเงียบงัน...
เขาสบตาของชายผู้เป็นนาย ซึ่งด้านหลังก็มีร่างของ"ผู้พัน"เจ้าโรคจิตคนเดิมที่เขาจำมันได้ดี...มันไม่ได้ยิ้มหรือมีท่าทีเจ้าเล่ห์เจ้ากลชวนสงสัยเช่นทุกครั้ง..หากใบหน้าเรียบเฉย..ฉายแววบูดบึ้ง ไม่พอใจ..
...กระวนกระวาย ขัดเคืองใจอะไรกันนัก...
ยังไม่นับไอ้ชาติ...คนที่กลายเป็นลูกพี่อีกรายเมื่อสามปีที่แล้ว มันมีท่าทีหงุดหงิดอย่างเปิดเผย..ชวนสงสัย...
ไอ้กันย์ที่ถูกเรียกมาด้วยนั่งเงียบอยู่ข้างๆ มันไม่ได้มีท่าทีอะไรกับอารมณ์ใจร้อนผิดปกติของเจ้าคนพวกนี้เหมือนกันกับกูที่นิ่ง สบตาพวกมันอย่างเฉยชา..แต่หนักแน่นอย่างที่เคยเป็นมา..
"...รู้ไหมที่เรียกมานี่มีอะไร? " ป๋ามันออกปากถามแสยะยิ้มหงุดหงิด..
" เรื่องไอ้เป้..." กูตอบกลับสั้นๆ ด้วยท่าทีไม่หยี่ระ..
"...ไม่ใช่เเค่นั้นหรอก.." ป๋าส่ายหัว สีหน้าหงุดหงิด " แต่ที่ฉันเรียกมา เพราะสงสัย ว่าทำไมมึงถึงชักช้า ไม่ทำตามที่สั่งสักที"
"..หา?....คำสั่ง...สั่งอะไร? " กูขมวดคิ้ว มองหน้าป๋าอย่างเคลือบแคลง
"..แกรู้อยู่แก่ใจทำไมต้องถาม " ป๋ามองหน้ากูถามกลับห้วนๆ
" ...หมายถึงเรื่องแผนการณ์ที่ไอ้เป้มันพล่ามมาน่ะเหรอ? " กูถามกลับ มองหน้าคนพูด " ถามตรงๆนะ..ป๋าคิดว่าแผนที่ว่ามามันจะสำเร็จเหรอ เรื่องละเมอเพ้อพกอะไรกันที่พูดน่ะ ไม่มีใครอยากทำตามแผนที่ไม่รู้ว่าจะสำเร็จรึเปล่าหรอกนะ..."
" อ้อ...หมายความว่ากล้าขัดคำสั่งงั้นเหรอ? " ป๋าแสยะยิ้ม มองหน้ากูอย่างไม่พอใจ
" ....หรือว่าป๋าคิดจะให้ไอ้เป้มันทำแทน..." กูยิ้มแสยะให้มันอย่างเหนือกว่า เพราะแผนที่ป๋าว่ามา มันไม่มีทางสำเร็จได้ด้วยคนๆเดียวอยู่แล้ว และโดยเฉพาะไอ้เป้..มันไม่มีทางทำได้แน่..
"...ชาติ..พาลูกน้องแกไปคุยหน่อยสิ..ผู้พันด้วย ..." ป๋าออกปากไหว้วานสองคนด้านหลังให้ไปจัดการคุยกันเป็นการส่วนตัว.. กูชะงัก สีหน้าเรื่องเคร่งขึ้น เพราะไม่รู้ว่าถ้าแยกกันแล้ว..ไอ้คนพวกนี้จะหากลอุบายอะไรมากหลอกล่ออีก..กูไม่ได้เชื่อใจหรือวางใจไอ้กันย์มากนักก็จริง แต่กับสถานการณ์แบบนี้ ถ้าพวกมันหาอะไรมาล่อให้ไอ้กันย์ติดกับ แล้วมาแว้งกัดกู เรื่องมันคงจบไม่ได้ง่ายๆแน่...
"รู้สึกจะ..มั่นใจมากเลยนะ.." นัยน์ตาของป๋ามองมาด้วยแววตาวาววับ เปรยประโยคที่ส่อถึงความไม่พอใจชัดเจน
".........." กูคิดว่าตอนนี้ การไม่พูดคงเป็นคำตอบที่ดีที่สุด..
"...สองสามปีมานี้...ที่แกใช้ชีวิตสบายๆไม่มีเรื่องเดือดเนื้อร้อนใจอะไร..มันทำให้ความเคารพยำเกรงในตัวฉันน้อยลงเหรอ? ..หรือว่าลืม...ว่าใครที่คอยคุ้มหัวแกอยู่กัน.." นัยน์ตาของป๋าวาววับแสดงความไม่พอใจชัดเจน...กูมองหน้าคนพูด แล้วยักไหล่..
"...แล้วป๋าดูเหมือนคนเดิมมั้ยล่ะ? "กูเลิกคิ้ว ออกปากถาม "...จากคนที่ไม่เคยมีคำสั่งไร้สาระ..ไร้ประโยชน์ แต่คำสั่งนี้น่ะ...มันไม่ใช่...คำสั่งที่ไม่มีความเป็นไปได้และรนหาที่ตายเหมือนคนโง่น่ะ ใครอยากจะทำกัน "
"..หึ...นี่แกขึ้นสนิมไปแล้ว อย่างที่ไอ้เป้บอกแล้วจริงๆงั้นเหรอ โต..? " ชายตรงหน้ายิ้มมุมปาก สบตากูพลางยิ้มน้อยๆ
"..ฉันไม่เคยสั่งอะไรที่ทำไม่ได้..ฉันไม่เคยทำอะไรที่ไร้ประโยชน์.. ทุกสิ่งที่ทำน่ะ มันไม่เคยไร้ค่า ถ้าแกไม่รู้ "
".. กระทั่งเอาไอ้ปากหมาไร้ประโยชน์นั่นมาในแดนสิบสองก็ด้วยเหรอ? " กูถามกลับ มองหน้าป๋าไม่ยอมหลบตา
"..ภายนอกมันอาจจะปากหมา ไร้ประโยชน์ ..แต่นั่นก็แค่ภายนอก...โต...ไอ้คนปากหมา ไร้ประโยชน์นั่น...มันทำอะไรได้มากกว่าที่มึงคิด.."
"..หึ... "กูเสมองออกไปด้านนอก...เอนตัวพิงพนักม้าหินอ่อนที่นั่งอยู่..
"..ลองไปคิดดูแล้วกัน ว่าจะกล้าทำรึเปล่า...เพราะถ้าแกไม่เอา ยังมีคนจะเอาด้วยกับฉันอีกเยอะ.." ป๋าเปรยขึ้นมาด้วยน้ำเสียงเรียบๆอย่างคนที่เริ่มระงับอารมณ์ตัวเองได้..
" จะดิ้นรนทำไปทำไมว่ะป๋า..ไม่เข้าใจว่ะ.." กูหันไปมองหน้าป๋าอย่างขัดข้องใจเป็นที่สุด.. กับลักษณะท่าทางตลอดจนคำสั่งที่ออกมา มันไม่ใช่คนๆเดิมที่เป็นเจ้านายแสนฉลาดเหมาะสมจะร่วมมือด้วยเลยสักนิด แน่นอนว่ากูไม่ได้ไว้ใจหรือฝากชีวิตไว้กับคนอย่างพวกมัน แต่ว่า...ในสถานการณ์นั้น การเลือกนายที่ฉลาก ยังไงก็ดีกว่ามีผู้นำที่โง่ พาให้ตัวเองและคนในกลุ่มต้องตกต่ำอยู่แล้ว..
"...ถ้าแกเป็นฉัน แกก็คงทำไม่ต่างกันหรอก.." ป๋าตอบมาเท่านั้น พร้อมกับจ้องหน้ากูเขม็ง "เรื่องนี้น่ะ ฉันวางแผนมานาน...นานมากกว่าที่แกจะคิด..."
" ฉันรอให้ทุกอย่างพร้อม...รอให้ทุกสิ่งลงตัว..แล้วจะมายอมให้มันจบ เพราะคำพูดสั่วๆของคนๆนึงได้ยังไง"
"....แล้วถ้าไม่เอาด้วย.." กูถามกลับ สบมองแววตาที่วาบขึ้นด้วยความไม่พอใจของป๋าอย่างไตร่ตรอง..
"............" ป๋าเพียงแค่ยิ้มให้ โดยไร้คำตอบ..
"..งานนี้อาจจะมีคนตาย.." กูเปรยเสียงเครียด..
"...งานนี้มันต้องใช้คน..ต้องเสียสละ..และเรื่องแบบนั้น...แกเคยสนด้วยเหรอ? " ป๋ามองหน้ากูแล้วเลิกคิ้ว ถามกลับ " ฉันคิดว่าแกไม่เคยสน ว่าใครจะเป็นจะตาย ตราบใดที่ตัวเองเหลือรอด..นึกว่าแกคิดแบบนั้นเสียอีก..."
"......." สีหน้าแสดงความผิดหวังของป๋าทำให้กูนิ่งขึง ใบหน้าชาวาบ..ไม่ใช่เพราะความอาย แต่เป็นความแสลงใจที่ไร้เหตุผล
"...จะสำเร็จหรือไม่สำเร็จ เรื่องนี้มันอยู่ที่คนทั้งนั้น " ป๋ายิ้มบางๆส่งมาให้กูแล้วออกปากอธิบายอย่างไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ "..มันอาจจะยาก แต่ก็ใช่จะเป็นไปไม่ได้...ฉันรอมาสองปีในการหาพรรคพวกที่แข็งแกร่งและสนใจร่วมอุดมการณ์เดียวกัน..สองปีจะรวมแกงค์กับไอ้ชาติ...และอีกสามปี....ควานหาตัวไอ้คนปากเปราะที่มึงด่านั่นมาอยู่ในแกงค์...แล้วฉันจะต้องล้มเลิก เพราะแกคนเดียวไม่เอาด้วยงั้นเหรอ? "
" คนเดียว? " กูขมวดคิ้วเครียด
" มีหัวหน้าได้ ก็เปลี่ยนหัวหน้าได้ แกไม่กล้าคนเดียว ก็อย่าคิดว่าคนอื่นจะเป็นเหมือนกัน...โต.. "ป๋ากอดอก สบตากูอย่างสงบ " ฉันมีคนสำรองแล้ว...ถ้าแกไม่รู้...ฉันบอกให้แกเลือกตัดสินใจก็เพื่อจะดูว่าแกน่ะใจถึงแค่ไหน...มีความ"กล้า"พอมั้ย..ซึ่งฉันคิดว่าตัวเองได้คำตอบแล้ว.."
"..แค่ไม่อยากทำอะไรที่เสี่ยงเกินเหตุ" กูออกปากแก้ตัว เมื่อรู้ว่าป๋า...มันวางแผนทำอะไรมานานกว่าที่คิด และสิ่งที่มันทำ ไม่ใช่เพราะความคิดชั่ววูบ และไม่ใช่เพราะ..คำตัดสินจำคุกตลอดชีวิตที่พวกมันได้รับมา...
ไม่ฉลาดเลย ถ้าจะยืนขวางลำมันตรงๆ แบบที่กูทำไปแล้ว..
" ..แล้วตอนนี้...ยังคิดแบบนั้นอยู่รึเปล่าล่ะ..? " ป๋าเลิกคิ้ว..ออกปากถามกลับ..
"จะใช้วิธีไหน ? " กูไม่ตอบคำถามนั้น แต่ถามกลับ..
ป๋าแสยะยิ้มบางๆ แล้วมองหน้ากู...
"...จลาจล..."
"........................"
" ความวุ่นวาย..ผู้คนมากมาย ควันไฟ การทะเลาะวิวาท ทำร้ายร่างกาย...มันทำให้มีช่องโหว่..." ป๋าพูดออกมาเรียบๆด้วยสีหน้าปกติ ราวกับว่าสิ่งที่บอกออกไปไม่ต่างกับพูดประโยคธรรมดาสามัญในชีวิตประจำวัน อย่างกินข้าวหรือยัง..รึกำลังทำอะไรอยู่.."..มากมายกว่าที่คิด..."
"ใครจะเป็นผู้นำ " กูถามกลับ เมื่อมองสบตาคู่นั้นแล้วเริ่มมีลางสังหรณ์ร้าย และนึกกังวลใจขึ้นมาทันควัน..
"..แกเป็นผู้นำที่ดีนะโต รู้สึกว่าที่ผ่านมาจะมีแต่คนเชื่อถือ..ใช่ไหม? " คำตอบนั้นทำให้กูเบิกตากว้าง...ขณะที่คนพูดก็ถอนหายใจเบาๆ ด้วยสีหน้าครุ่นคิดอันเสเเสร้งจนเห็นแล้วอยากจะอาเจียน "..แต่ก็นะ..ถ้าแกไม่อยากจะยุ่งขิงด้วยกับเหตุการณ์นี้...ฉันก็ไม่ว่าหรอก เพราะในแดนสิบสอง ยังมีคนมากมาย...หลายคน...."
"....หึ..... "กูมองหน้าป๋าด้วยสีหน้านิ่งไม่สั่นไหว แต่ทว่าในอกกลับคุกรุ่นด้วยความเคืองโกรธและความไม่พอใจ ที่แสดงออกมาทางแววตาอย่างเด่นชัด.
.
"...ฉันให้โอกาสแกเลือก...ไม่ได้จะบังคับ.." ป๋ามันพูดแล้วยิ้มให้อย่างเคย รอยยิ้มบางๆ...ดูราวกับไม่เคืองโกรธ หากแต่กูรู้ดี ว่าผลของการขัดใจมันนั้นถูกวางไว้เรียบร้อยแล้ว...และกูก็จำต้องเป็น"หุ่น"ให้มันเชิด โดยไร้คำโต้แย้ง..
"...เลือกเอา..ว่า
จะยอมทำผิดแล้วมีอิสระ หรือทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ถูกขังไปจนตาย.."
กูมองหน้าป๋า สบแววตาที่ไร้ความร้อนรนหรืออาการหงุดหงิดแอบแฝงเช่นที่เคยพบเมื่อครู่...
กูที่คิดว่าได้เปรียบ กูที่คิดว่าเป็นต่อ ทำให้พวกมันสามารถหงุดหงิด ร้อนรน ไม่พอใจ..กูที่ลำพองใจ และแสดงความต้องการของตัวเองออกมาอย่างโจ่งแจ้ง...พลัดตกหลุมของมันอย่างเต็มเปา..
...ราวกับเสียงเสียดสีของโซ่ตรวนดังขึ้นเบาๆ...สะท้อนเข้ามาในโสตประสาท...สายโซ่ที่หนักอึ้งซึ่งพันอยู่ใต้เท้าและถ่วงน้ำหนักให้ไร้อิสระทุกคราที่ก้าวเดิน...ที่กูรู้สึกว่ามันค่อยคลายออก ..หากเพียงชั่วครู่...มันกลับตวัดรัดรึงสองขาด้วยความหนักหน่วงที่มากยิ่งกว่าเก่า...
ให้เลือก....
มันบอกว่าเปิดโอกาสให้กูเลือกงั้นหรือ?
น่าขัน....
..ให้เลือก...ทั้งที่มันขีดเส้นให้กูเดินตามโดยไร้ทางหนี..
...................................................
กูนั่งอยู่บนม้าหินตัวเดิม ขณะที่ป๋าลุกขึ้น และบอกว่าจะไปตามไอ้กันย์และผู้พันกับไอ้ชาติ กูมองตามแผ่นหลังที่ผอมเกร็งและบางกว่า ชั่ววูบหนึ่งที่ความโกรธเกรี้ยวพุ่งขึ้นจนอยากจะลุกไปคว้าคอมันมากระทืบให้แหลกคาเท้า อยากจะทำร้ายให้มันตายตกไปเสียตั้งแต่ตอนนี้...
แต่กูก็ทำเพียงนั่งนิ่ง มองตามมันไปด้วยนัยน์ตาวาววับสะท้อนความไม่พอใจอันชัดเจน...
หัวสมองไพล่นึกไปถึงเมื่อเกือบเก้าปีก่อน..ในยามที่กูมาเหยียบเรือนจำนี้แห่งแรก...และคำพูด ที่มันบอกกับกู
...ลูกน้องงั้นเหรอ? น่าขำ...
..กูไม่เคยคิดว่ามันเป็นลูกพี่ นับแต่พบว่ามันเอาชีวิตของใครต่อใครมาล้อเล่น ถึงกูจะโหดเหี้ยม ชอบทำร้ายร่างกายใคร แต่ทว่า กูก็ไม่เคยเห็นชีวิตพวกมันเป็นของเล่น ไม่เคยคิดจะล้อเล่นกับความเจ็บปวดสับสนของคนที่ไม่มีทางไป..
กูเลิกไว้ใจพวกมันในวันที่ไอ้วิทย์อยู่ในสภาพปางตาย..
กูมองพวกมันเป็นแค่คนที่คุ้มกะลาหัวให้ปลอดภัย แต่ทว่าอย่าคิดไปฝากชีวิต..
กูคิด...โดยที่ไม่รู้ ว่าตัวเองตกหลุมพรางของพวกมันเข้าเต็มกำลัง...
...ตั้งแต่วันที่ไปเป็นลูกน้องของมัน ตั้งแต่วันที่ทำตามคำสั่งของมัน...นั่น...กูก็เป็นหนึ่งในแผนการณ์ของพวกมันมาตั้งแต่นั้น..
...มันเลือกคนที่แข็งแกร่ง..เลือกกู เลือกไอ้วิทย์ แล้วรวมเเกงค์ เพื่อสร้างอิทธิพลหนึ่งเดียวในแดนสิบสอง ที่อยู่ของนักโทษร้ายแรง ที่ต่างคนก็ร้ายกาจ ทำผิดใหญ่หลวงมาด้วยกัน
เวลาห้าหกปี ใช้สำหรับการทดสอบกู ..สามปี สำหรับการรวมแกงค์ และเพื่อเอาไอ้เป้เข้ามาเสริมในแผนการณ์
ต้องการให้กูแผ่อิทธิพลเต็มที่ ใช้กูเป็นตัวบังหน้า ให้สร้างความปั่นป่วน ใช้ชื่อกูเพื่อสร้างความวุ่นวาย ให้กูก่อเหตุ เพื่อจะให้มัน...ทำตามแผน...โดยที่ตัวกูไม่สามารถจะขัดขืนได้เลย..
....กูเม้มปากแน่น ปลายฟันขบกับริมฝีปากจนเลือดซิบ..ก้มมองฝ่ามือของตัวเองที่เกร็งจนขึ้นข้อขาว..
โกรธเเค้นที่ต้องถูกชักไย..เคืองแค้นที่ถูกหลอกล่อ..ด้วยคำว่าผลประโยชน์ที่แฝงความอันตรายเอาไว้..
..มันไม่เคยสนว่ากี่คนจะต้องตาย เพื่อสังเวยในสิ่งที่ตัวเองต้องการ..
ไม่เคยสนหากกูจะตาย หรือใครหลายคนจะตายไป ตราบใดที่พวกมันจะรอด..
...และกู ก็ต้องยอมเอาคอพาดบนเขียง เพื่อเป็นสะพานให้พวกมันข้ามไป..
"...มาแล้ว " เสียงของผู้พันดังขึ้น ทำให้กูหลุดจากภวังค์ กูเงยหน้ามองพวกมันที่เดินมาเป็นกลุ่ม สายตามองตรงไปยังไอ้กันย์ที่มีสีหน้านิ่งเรียบไม่มีท่าที...ขณะที่"นาย"ทั้งสามคนยืนอยู่ด้านหลัง และมองกูด้วยสีหน้าอันบ่งบอกชัยชนะ..
กูเม้มปาก แค้นจนแทบเจียนกระอัก แต่ก็ต้องบอกตนเองให้ยอมรับ...ใช่..พวกมึงชนะ
ถึงจะไม่พอใจแค่ไหนก็แสดงออกมาไม่ได้..
กูลุกขึ้นยืนและเดินออกไปโดยไม่มีคำลากับพวกมัน ไม่อยากสบมองแววตาที่ยินดีและแฝงแววเยาะหยันของพวกคนเหล่านี้ให้ระคายตาและแสลงใจ.
กูเกลียดความพ่ายแพ้... เกลียดการตกเป็นเบื้องล่าง..
ดังนั้น จึงเกลียดเวลานี้มากที่สุด..
ฝีเท้าของกูเดินก้าวยาวๆมาโดยมีไอ้กันย์เดินตาม กูและมันไม่ได้คุยอะไรกันนอกจากจะเดินดุ่มออกมาเงียบๆ กูมองรั้วเหล็กดัดที่วางเป็นชั้นๆอยู่รอบเรือนจำ และมองลวดหนามที่ขึงเป็นทางกั้นพวกกูในทางเดินระหว่างแดนปกติกับแดนพิเศษด้วยสายตาครุ่นคิด...
....เสี่ยงภัย...อันตราย ไม่ว่า...
แต่...
"..มึงตอบว่ายังไง.. "เสียงของไอ้กันย์ดังขึ้น ทำให้กูชะงักฝีเท้า มองเห็นผู้คุมยืนประจำอยู่ตรงปากทางเข้าสู่อยู่แดนไม่ไกล
"..อะไร.."
" คำสั่ง" ไอ้กันย์ตอบสั้นๆ บอกชัดว่ามันก็เคร่งเครียดและต้องการคำตอบไม่มีอารมณ์จะมาวิวาทหรือเล่นลิ้น..
"......แล้วมึงล่ะ.." กูถามกลับ..ทั้งที่เราสองคนก็รู้ดี ว่าไม่มีสิทธิ์จะปฎิเสธเลย..
".........." พวกกูยื่นกระดาษใบคำร้องขอข้ามแดนให้กับผู้คุมตรวจสอบ ปั้มตราผ่าน และถูกเรียกเก็บเอกสารเหล่านั้นไว้เป็นหลักฐาน ไม่มีใครเอ่ยปากพูดอะไรกันยามที่ผู้คุมยกมือลูบตัวขึ้นลงตรวจร่างกาย กันไม่ให้พกพาอาวุธหรือของมีคมเข้าไปในเรือนนอน..
" พวกมันจะเอามึงเป็นเฮด...มึงเป็นผู้นำตั้งแต่แรก..." ไอ้กันย์พูดขึ้นมาหลังจากเดินคล้อยหลังผู้คุมมามากพอดู..
"..ถ้ากูไม่เอาด้วย..มึงก็เป็นหัวหน้า ไอ้กันย์ " กูตอบกลับ สายตาจับจ้องทางเดินแคบๆที่มีแสงสลัวลอดผ่านมา เเละเบื้องหน้าคือเรือนนอนเดิมที่คุ้นเคยมาเกือบเก้าปี
"...มึงต้องเอาด้วยอยู่แล้ว " ไอ้กันย์มันตอบกลับสั้นๆ
" แล้วมาถามกูทำไม ว่าจะเอาไม่เอา " กูสวนกลับ เพราะมันและกูต่างก็รู้ดี ถึงปากมันบอกจะให้เลือก แต่ทางที่ทำได้คือต้องทำตามเท่านั้น ทำตามคำสั่ง ไม่เช่นนั้น ก็จะพบกับความตายที่ย่างกรายมาหา..
มีสองทางให้เลือกคือยอมทำตามคำสั่งกับยอมตาย แล้วใครจะเลือกความตาย?
..ระหว่างทำผิดแล้วมีชีวิตรอด กับทำถูกแล้วตาย ..ใครที่ไหนมันจะบ้าเลือก...ความตาย..
"....กูอยากได้คำตอบ..ไม่ได้ต้องการทุ่มเถียงอะไรไร้สาระ " ไอ้กันย์มันคงจะหงุดหงิดกับคำตอบของกู มันจึงกระชากเสียงถาม..หมดท่าทีอารมณ์เย็นโดยสิ้นเชิง..
"..แล้วคิดว่ากูจะตอบอะไรมึงได้มากกว่านี้!! " กูหันขวับกลับไปมองหน้ามัน ด้วยสีหน้าเครียดขึ้ง กระซิบเสียงห้วนสั้นใส่มันอย่างหงุดหงิด "มึงก็รู้ว่ากูกับมึงต้องทำ ไม่ทำก็ต้องตาย! ไม่มีสิทธิ์ค้าน! ไม่มีสิทธิ์จะปฏิเสธ! หรือมึงอยากตายถึงคิดจะไม่ทำน่ะหา !!?"
"..........." ไอ้กันย์มันมองหน้ากูที่ตะคอกใส่แล้วเม้มปาก สูดหายใจลึก..
"...มันจะใช้กูเป็นตัวนำ...แต่มึงอย่าวางใจคนของมันมีทุกที่..ดูแลคนของมึงให้ดี...เกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาเสียใจทีหลัง.." กูบอกมันสั้นๆ พลางหมุนตัวกลับ..กูบอกมันในฐานะลูกพี่..บอกมันในฐานะ"มนุษย์"คนหนึ่ง..บอกให้มันเตรียมตัว..เตรียมใจรับสิ่งที่เกิดขึ้น..พูดในฐานะของคน..แม้ว่าหลายคนจะมองพวกกูว่าเป็นสัตว์นรกก็ตาม..
"...คนของมึง...น่าห่วงกว่า.." ไอ้กันย์ตอบกลับสั้นๆ..ทำให้กูเลิกคิ้ว..กับคำว่า"ห่วง"ที่มันพูดมา..
กูยิ้มมุมปาก นึกขันในใจที่มันยังนึกห่วง..ห่วง...ไอ้คนแบบนั้นอยู่อีก..
" แค่มึงเลิกยุ่งกับพวกมันก็พอ.." กูบอกสั้นๆ เพราะเรื่องทุกอย่างจะจบลง..จบลงจริงๆหากมันเลิกยุ่ง..เลิกวุ่นวายอย่างที่ตัวมันกำลังทำอยู่...
ไอ้กันย์ไม่ได้ตอบอะไร และจากนั้นทางแคบยาวจากก้อนอิฐฉาบด้วยปูนก็สิ้นสุดลง เป็นเหมือนการบอกลาและสิ้นสุดบทสนทนาเพียงเท่านี้ กูเดินเลี้ยวมุมเข้าไปที่เรือนนอนซึ่งตอนนี้ยังเป็นตอนเช้า..เหล่านักโทษกำลังทำกิจกรรมต่างๆอยู่ในเรือนนอนของตัวเอง โดยไม่ได้ลุกออกไปตามเสียงกริ่งที่จะดังขึ้นตอนเจ็ดโมงห้าสิบ..
"..อ้าว.." เสียงทักที่แสนคุ้นหูมาพร้อมกับใบหน้าของคนที่กูคุ้นเคย..กูมองเห็นยิ้มบางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าของมัน ขณะที่เจ้าตัวเดินถือขันน้ำและผ้าขนหนูพาดแขนไว้.. " พี่โต อาบน้ำรึยัง? "
"..ยัง " กูตอบสั้นๆ ขณะที่เดินเข้าไปในเรือนจำ ไอ้ทิน ไอ้แม้ก และไอ้กิต รวมทั้งนักโทษหลายคนเหมือนจะรู้ว่ากูไปไหนมา จึงได้หันมามองกูด้วยท่าทีเหมือนอยากจะคุยด้วย แต่กูยกมือขึ้นและปรายตาเป็นเชิงห้ามพวกมันกลายๆ..
" ไปอาบน้ำ...รึยัง?.." ไอ้เนมมันออกปากทักด้วยสีหน้าปกติ ขณะที่มองหน้ากูซึ่งกำลังก้มหยิบผ้าขนหนูและสบู่แชมพู..
"...อือ...." กูรับคำพลางเดินไปหามัน หางตามองเห็นพรรคพวกในเรือนจำที่ต่างก็หันไปทำกิจกรรมต่างๆแล้ว
...กูกวาดตามองลูกน้องในห้องขังที่ใช้ชีวิตด้วยกันมา..มองหน้าลูกน้องคนสนิทและ...ไอ้โง่ข้างๆกาย..อย่างครุ่นคิด..
สะดุดกับแววตาที่บ่งบอกถึงชัยชนะของไอ้เป้ซึ่งชวนให้หงุดหงิดนัก...กูหรี่ตาไม่พอใจแต่ก็เมินมองมันเสีย..
ก้มมองเจ้าคนข้างๆที่เดินถือข้าวของสำหรับอาบน้ำพลางพุดคุยกับลูกน้องในแกงค์ บางจังหวะมันหันมามองหน้ากูแล้วยิ้มให้อย่างรื่นเริง..แม้แววตาจะฉายความกังวล..
....กูรู้...ว่ามันเห็น...มันเข้าใจว่ากูไปไหนมา...แต่ที่มันมีท่าทีสงบ..ไม่ออกปากถาม..ไม่ทำท่าสงสัยเหมือนคนอื่น ทำเหมือนไม่รู้อะไร...เพราะมันกำลังรอ...รอคอยอย่างอดทน..ที่จะทำให้กูบอกทุกสิ่งกับมัน...
กูคิดถึงบทสนทนาของไอ้เป้กับนักโทษที่กูไม่คุ้นหน้าเมื่อวาน...และคำพูดของป๋ากับพรรคพวกเมื่อเช้านี้..
กูมองหน้ามัน...ไม่ต้องถามตัวเองว่าควรจะบอกมันหรือไม่เพียงคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อสามปีก่อน..ในวันที่มันย่างเท้าเข้ามาในนี้...และสิ่งที่มันทำ..หรือสิ่งที่กู..บีบคั้นให้มันทำ..
..สัญชาติญาณกรีดร้อง..บอกออกมาทันทีว่าไม่ควร..
ยกมือวางพาดบนไหล่เล็กๆที่คุ้นมือ ที่ไม่บอก ไม่ใช่เพราะกังวลว่ามันจะกลัว แต่กูกลัว...กลัวเหลือเกิน ว่าเมื่อมันรู้...มันจะยอมเป็นคนโง่..
...กลัว...ว่ามันจะเลือก"โง่แล้วตาย"
กลัว..ว่ามันจะต้องจากไป..เพราะ...ไม่ยอมเลือกเป็นคนเลวอีกครั้ง...
..และครั้งนี้ ต่อให้ต้องปกปิด..ต่อให้ต้องทำร้าย..
...กูก็ต้องทำให้มันเป็นคนเลว..
....................................
รู้สึกดีที่ได้เขียนดราม่าอีกครั้ง

:laugh: (ตีลังกาหลบศอก)
ตอนนี้พี่โตหล่อมากกกกกกกกกก (ฮ่าๆ) หล่อด้วยความแมน หุหุ ยิ่งนานไปพี่โตยิ่งดีเนอะ
ประโยครีวิวโผล่มาอีกประโยคแล้วนะค่ะ..."จะยอมทำผิดแล้วมีอิสระ หรือทำสิ่งที่ถูกต้องแต่ถูกขังไปจนตาย.." คนที่พูดประโยคนี้คือป๋าที่รักนั่นเอง
ตอนนี้ขอแถลงเรื่องปีที่พี่โตคิดกันงงเล็กน้อย... ตอนเนมเข้ามา พี่โตติดคุกไปแล้วห้าปีกับอีกแปดเดือนค่ะ (มีบอกไว้แล้วในโปรไฟล์) และนับจากเนมมา ก็ผ่านไปอีกสามปี รวมแล้วพี่โตถูกคุมขังมา เกือบเก้าปีแล้วค่ะ
เพราะงั้น...แผนการ์ณของป๋าคือ.. เจอพี่โตเมื่อเก้าปีก่อน..ให้พี่โตเป็นลูกน้อง สร้างบารมีฯลฯ(เกือบหกปี) + สามปีที่แล้วรวมแกงค์+หาตัวเป้ = ตอนนี้ เจอเป้ เตรียมการเรียบร้อย
me/จุดธูปคาระวะป๋า

ล้ำลึกจริงๆค่ะท่าน พี่โตก็เถอะ เจอแล้วตามไม่ทันจริงๆ
ปล. อย่าจิ้นป๋าพี่โตเชียวนะเอออออออ
ปล. มาลงช้า ขอโทษจริงๆค่าาาาาาาาาาา
