Imprison 40: อำพราง
วูบ..
แค่วูบ...
เออสิ ก็แค่วูบไปเท่านั้น...
ผมหน้ามุ่ย แอบเข่นเขี้ยวเคี้ยวฟันค้อนลมค้อนแล้งใส่ไอ้คุณพี่โตที่เดินอยู่ข้างๆ ซึ่งปรกติพี่ท่านคงจะไม่เดินข้างๆผมหรอกถ้าหากว่าจะไม่เกิดอาการ “วูบ” ไปซะเฉยๆเหมือนเมื่อครู่...
หลังจากเอ่ยคำสองคำที่ผมไม่เคยได้ยินให้ฟังแล้ว พี่โตก็ทรุดฮวบไปทำเอาผมใจไม่ดีหมด แต่ที่ไหนได้ความจริงแล้วก็แค่วูบไปครู่เดียวเอง พอผมตกใจแล้วเขย่าแขนเรียกซ้ำอย่างคนตกใจและใจเสียสุดๆ คนตัวโตก็สะลึมสะลือลืมตามาในที่สุด และยังวินิจฉัยอาการตัวเองง่ายๆเรียบๆว่าแค่”วูบ”ไปก็เท่านั้น..
..ดังนั้นก็เลยเป็นเหตุให้เดินช้าลงและยอมมายืนข้างๆผมได้แบบนี้...
ผมเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของไอ้คุณพี่โตอย่างครุ่นคิด คำสองคำที่พี่ท่านพูดออกมายังตกตตะกอนคั่งค้างในหัวแบบล้างยังไงก็ไม่ออก คำว่าขอบคุณนั่นมันสำหรับเหตุการณ์อะไร..และคำว่าขอโทษ มันสำหรับสิ่งทีเขาทำไว้ตอนไหน..
..หรือจะทั้งหมด..?
ผมเหลือกตาขึ้นฟ้าอีกรอบ..ก็ไม่ใช่ว่ามันมากหรือน้อยไปหรอก คำขอโทษและขอบใจ ถ้านั่นเป็นคำพูดที่มาจากใจจริงๆ ได้ฟังแค่ครั้งเดียวนั่นก็พอแล้ว และสำหรับคนอย่างพี่โต ผมคิดว่าเขาไม่ใช่คนที่จะบอกอะไรพล่อยๆออกมาหรอก..
..ถ้านั่นเป็นความจริง..มันก็..
..ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าของพี่โตอีกครั้ง ก่อนจะสะดุ้งเฮือก เพราะสายตาคมๆของคนตัวโตก็มองมาที่ผมก่อนแล้วจนผมตกใจ แต่แปลก เพราะไม่ใช่ครั้งแรกที่เคยมองหน้าหรือจ้องตากัน แต่ทำไมครั้งนี้ พอสบตาแล้วแก้มมันถึงร้อนวูบ จนต้องเบือนหน้าหนีได้ละเฮ้ย !!
ผมหันขวับ กลับมาก้มกน้าก้มตาตั้งหลักควบคุมการเต้นของหัวใจและความร้อนที่พวยพุ่งวูบวาบ..อ่า...ให้ตายสิ จะเขินขึ้นมาทำไมกันน่ะ..ยิ่งเหลือบตามอง เห็นหูพี่โตแดงก่ำแล้วมัน..
หือ.?...
คราวนี้ผมหันกลับไปมองอีกรอบ ไอ้พี่โตยังคงอยู่ในสภาพมือข้างหนึ่งกุมท้อง อีกข้างปล่อยสบายส่วนหน้าก็หันไปอีกทางทำท่าเป็นสนใจผนังฉาบปูนที่มีร่องรอยการขีดเขียนกำแพงเหมือนเด็กมัธยมมากกว่าผม..มันไม่น่าแปลกใจเท่ากับ..เอ่อ...
..เท่ากับใบหูที่ขึ้นสีจัด..ซึ่งผมเป็นผู้ชาย ย่อมรู้อาการของผู้ชายด้วยการดี ซึ่งสิ่งที่เกิดขึ้นนี้ บอกได้อย่างเดียวว่ามันคืออาการ”เขินจนหน้าแดงถึงหู” อาการของลูกผู้ชายอกสามศอกที่บ่งชัดว่าสิ่งที่ทำลงไปมันทำให้เกิดอาการเขินอายเกินกำลัง...
...ไอ้คุณพี่โตกำลังเขิน...?
“...หึ...คึ.คึ..คึ.. ฮ่าๆๆๆๆๆ....” ผมพยายามมากแล้วน่ะที่จะกลั้นหัวเราะ อุดปากหรือทำอะไรก็แล้วแต่ ที่จะทำให้อาการขบขันนี่หยุดลงแต่มันหยุดไม่ได้จริงๆ ยิ่งเห็นพี่โตหันมามอง ใบหน้าที่งวยงงในยามแรงเปลี่ยนเป็นโกระเคืองเสียใจแทบควันออกหู ผมคิดว่าไม่นานก็คงเจอหมักซักสองสามอันประเคนเข้าหา หรือไม่ก็บาทาลูบพักตร์แน่ๆ แต่ทว่าคนโมโหก็ทำได้เพียงฟึดฟัด มองสบดวงตาที่ฉายแววขบขันและเสียงหัวเราะของผม ออกอาการกระฟัดกระฟียดอย่างกับผู้หญิง..แล้วก็หันหน้าหนี..เดินต่อไปก็เท่านั้น..
ผมอมยิ้ม...มองแล้วรู้สึกอารณ์ดีอย่างประหลาด กับคนที่ผมมองว่าใจร้ายและมองไม่เห็นหัวใคร..ก็มีมุมมองแบบนี้..มีมุมมองน่ารักๆจนผมนึกไม่ถึงเสียด้วย..
..เอ๋...?..เมื่อกี้ผมบอกว่าไอ้คุณพี่โตน่ารัก..
..ไม่จริงหรอก ทำลืมๆไปซะน่ะ ห้ามบอกใครด้วย !!!
“..ไม่โกรธผมเหรอ?.. “ ผมหันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตัวโตอีกครั้ง ออกปากถามอย่างสงสัย ถึงผมจะไม่ได้ทำอะไรที่ร้ายแรงแต่ก็ใช่ว่าการทำร้ายร่างกายขาใหญ่แบบพี่แก เขาจะยอมกันได้ง่ายๆ
“..เรื่องอะไร..? “ หันมาถามผมเรียบๆ ด้วยสีหน้าราวกับลืมไปแล้ว นั่นทำให้ผมต้องกระพริบตาปริบๆ..
“..ก็............” ก็เรื่องที่แทงเข้าตรงพุงพี่จนต้องมายืนกุมอยู่เนี่ย !!
“.ช่างมัน...กูลืมไปแล้ว.. “เอ๋...คำพูดนั้นทำให้ผมนึกแปลกใจขึ้นอีกเท่าตัว แต่สุดท้ายก็พยักหน้าช้าๆแล้วยิ้มรับ..
“...ขอบคุณครับ.. “ ผมตอบแล้วยิ้มให้ชายตรงหน้า จะว่านี่เป็นครั้งแรกก็ได้ ที่นับจากเข้ามาในเรือนจำแห่งนี้ที่ผมสามารถมอบรอยยิ้มกว้างๆและเต็มใจแบบนี้ให้กับพี่โตที่ผมนึกเกลียดชัง..
..และนั่นทำให้คนได้รับชะงัก..ใบหน้าเริ่มอิลักอิเหลื่อจนผมไม่แน่ใจว่าตัวเองทำอะไรผิดรึปล่า แต่พี่โตก็หันหน้าหนีไปซะเฉยๆ
โดยที่มีมือเปื้อนเลือดยกลูบหัวผมเบาๆ...
ผมยิ้มค้าง เหลือบตาตัวเองมองฝ่ามือหนาที่ยกมาลูบหัว ทั้งเบามือและเต็มไปด้วยความอบอุ่นซะจนนึกไม่ถึงว่าคนอย่างพี่โตจะทำได้...และผมจะได้รับ
...ผมชะงัก..และยิ้มออกมาน้อยๆ..อย่างคาดไม่ถึง เอื้อมมือแตะลำแขนหนาที่กำลังไล้ฝ่ามือลงตรงศรีษะของตัวเองด้วยรอยยิ้ม..ยิ้มอันแข็งทื่อและชืดชาจนพี่โตนิ่งไป..ก่อนจะดึงมือหนาคู่นั้นให้ไปวางแหมะลงบนแผลตัวเองที่เดิม..พลางตวัดตาค้อนอย่างไม่พอใจ..
..เพราะผมคงดีใจกว่านี้ ถ้าเลือดมันไม่เปื้อนหัวผมไปด้วยน่ะ !!!
ผมเดินข้างๆพี่โตไปจนถึงแดนที่เราทั้งคู่อยู่ พี่โตไม่ตอบอะไรกับคำถามของลูกน้องหรือคนที่พบเห็น ได้แต่เดินลิ่วๆนำผมไปจนถึงห้องขังที่เราสองคนอยู่..
“..พี่ไม่ไปห้องพยาบาลก่อนเหรอ?..” ผมถามอย่างตกใจ เมื่อเห็นว่าเขากำลังเดินเข้าไปในห้องขังไม่สนใจบาดแผลสักนิด
“..เดี๋ยวก็ไป..” คนตัวสูงตอบเรียบๆพลางเอนกายพิงประตูห้อง ผมหน้ามุ่ยออกปากจะทักท้วงอีกรอบ..
หมับ..
ใครสักคนคว้าแขนผมให้หันไป พร้อมกับมือที่ตะปบหน้าผากแรงๆทำเอาผมสะดุ้งเฮือก..พี่แม้กนั่นเองที่ยืนอยู่ข้างหลัง กำลังขมวดคิ้ว มองผมกับพี่โตสลับกันด้วยสีหน้าตื่นเต้น..
“..โห...ข่าวที่ว่าเฮียกับไอ้เนมไปเจอป๋ามาก็จริงดิ..เจ็บทั้งคู่เลยเว้ย..แต่ดูท่าไอ้เนมจะหนักกว่าแฮะ..” ว่าพลางเอามือมาตะปบหน้าผากผมพร้อมกับตีแรงๆเหมือนกลัวชาวบ้านเขาไม่รู้.. แต่ประทานโทษน่ะครับ นั่นมันความหวังดีในความหวังร้ายรึเปล่า เพราะจู่ๆเล่นมาตะปบตีหน้าผากกันแรงๆแบบนี้ ถ้าผมมีแผลที่หน้าผากจริง ป่านนี้ร้องว้ากเกือบตายไปแล้วไม่รู้ !!
“...เออ จริงว่ะ ..พี่เจอที่ท้องเหรอว่ะ..ส่วนไอ้เนมโดนตีกบาลเหรอมึง เป็นไงไปแหยมกับ...”
..พี่ทินหยุดพูดเมื่อพี่โตยกมือขึ้น ทำนองว่าหุบปากได้แล้ว..
“..พาไอ้นพไปลงบ่อ.. “
ผมไม่เข้าใจว่าประโยคนั้นหมายถึงอะไร ไม่เข้าใจว่าจะเกิดอะไรขึ้น แต่พอพี่โตเอ่ยประโยคนั้นออกมา ห้องขังที่เคยเต็มไปด้วยเสียงจ๊อกแจ้กจอแจก็เงียบลง พร้อมกับใบหน้าตื่นตะลึงของนักโทษหลายคนมองตรงมายังชายที่ยืนอย้างๆผม..
..ผมไม่รู้ว่าสิ่งที่พี่โตพูดหมายึงอะไร ไอ้คำว่า “ลงบ่อ “ นั่นมันคือหารกระทำแบบไหน แต่ว่า พอทุกสายตามองไปที่พี่โตแบบนั้นแล้ว ขนาดผมที่ยืนอยู่ข้างๆได้สบมองปววตาของทุกคน ก็ยังต้องแปลบใจวูบ..
..แววตาที่ตื่นตะลึงและฉายแววหวาดกลัวเข้าไว้ด้วยกัน..
ผมไม่รู้ว่าพี่โตจะสั่งมันออกมาด้วยความรู้สึกไหนและสบมองทุกสายตาที่จ้องมาด้วยความรู้สึกอย่างไร..
แต่เมื่อผมลองจ้องมองเข้าไปในแววตาสีนิลคู่นั้นลึกๆ..กลับพบว่ามันสั่นไหวกว่าที่เคย..
“..เอาถึงขนาดนั้นเลยหรอเฮีย..แต่ทำไม่ถูกใจ...” พี่ทินเอ่ยปากออกมาคนแรก..แต่พี่โตส่ายหัวหายใจแรงขึ้นจนพี่ทินจะเอ่ยปากต่อยังต้องเงียบ..
...อาจจะคิดว่าพี่โตคงอารมณ์เสีย แต่ทำไม..ผมถึงมองเห็น..ว่ามันแฝงแววปวดร้าว.สั่นไหว..
และนั่นทำให้ผมตระหนักได้เป็นครั้งแรกว่า..บางคนที่เรามองว่าไร้หัวใจ ความจริงแล้ว เขาอาจจะเจ็บปวดกับส่งทีต้องทำลงไปอย่างเงียบๆก็เป็นได้..
“..ที่ไหน?... “ เสียงถามเรียบๆ ดังขึ้นเบ้องหลังทำอาผมที่กำลังเหม่ออยู่สะดุ้งเฮือก พบว่าพี่กิตยืนอยู่ข้างพี่แม้ก กำลังจ้องหน้าพี่โตและถามออกมาเรียบๆ..
“..หลังห้องพยาบาล..”
..เอ่นแล้วก็ลากแขนผมออกมาอย่างรวดเร็ว..ผมเหลือบไปมองบรรดาพี่ๆที่อยู่ในห้องขังอีกครั้ง สายตาบางคู่ยังมองตรงมา..ด้วยแววตาที่ผมไม่อาจจะเดาได้..และบางคนก็เริ่มดินออกมาจากห้องขังเงียบๆ..
ผมหันกลับไปมองพี่โตที่เดินก้ายาวๆเร็วเสียจนผมต้องวิ่งตาม ถ้าหากใบหน้าคนพูดมันจะไม่แข็งทื่อและน่ากลัวเสียจนต้องเงียบกริบ ผมก็ไม่ลังเลใจหรอก ว่าจะออกปากถามถึงความหมายของคำว่า “ลงบ่อ” ที่ว่า...
ก๊อกๆ..
ปัง !!
และด้วยสเตปการเคลื่อที่ระดับเซียนผู้เชี่ยวชาญทุกพื้นที่ ไม่ถึงห้านาทีผมและพี่โตก็มาถึงหน้าห้องพยาบาล สถานที่ซึ่งอาจจะบอกได้ว่าอโคจรไปเสียแล้ว คนลากผมมายกมือเคาะประตุเพื่อมารยาทสองครั้งรัวๆและยกฝ่าเท้าถีบเข้าทันที..
...คืออยากบอกว่าถ้าเคาะแล้วทำแบบนั้น..เปิดออกไปเลยจะง่ายกว่า..
แต่ภาพต่อมาที่ผมเห็นกลับทำเอาชะงัก อ้าปากพูดไม่ออกขึ้นมาซะอย่างนั้น
บนเตียงนอนผู้ป่วยโครงเหล็กเสริมด้วยผ้าปูที่นอนอย่างดี(ที่สุดในเรือนจำนี้) มีร่างของนที่ผมรู้จักดีทั้งสองคนอยู่ตรงนั้น หนึ่งคือผู้ป่วยที่นอนอยู่ในห้องนี้ตั้งแต่ตอนเช้า นั่นก็คือพี่วิทย์ และอีกรายก็คือพี่ชายใจดีที่ผมเริ่มไม่มั่นใจแล้วว่าดีจริงมั้ย ตำแหน่งผู้ช่วยผู้คุม และกำลังทำหน้าที่”หมอ”โดยสวมเสื้อกาวน์สีขาวทับกับชุดนักโทษสีกากี..ซึ่งก็คือพี่กันย์
มันคงไม่แปลกอะไรมากนัก..หากว่าคนสองคนที่ผมพูดถึงนั้นจะไม่ได้กำลัง...
..มือข้างหนึ่งของพี่กันย์กำแขนพี่วิทย์ไว้แน่น อีกข้างหนึ่งเลิกเสื้อนักโทษสีหม่นบนตัวของผู้ป่วยออกโดยที่ร่างทั้งร่างกำลังเอนทับตัวพี่วิทย์ซึ่งพิงตัวอยู่บนหัวเตียง..
..อัปกริยาทั้งหมดมันอาจจะเหมือนกำลังตรวจคนไข้..แต่ภาพที่มาเห็นนี่มัน..
...พูดตามตรงว่ามันออกแนวจะปล้ำเค้าชัดๆ !!!
“..จะปล่อยไอ้วิทย์ได้รึยัง..หรือจะให้กูเอาเลือดหัวมึงออกก่อน..”พี่โตพูดออกมาห้วนๆ ประหนึ่งไม่สนใจฉากส่อแววอนาจารชวนฟ้าผ่าที่เกิดขึ้นเบื้องหน้า พี่วิทย์ซะอีกที่หน้าขึ้นสีจัดอย่างรวดเร็ว...เร็วพอๆกับฝ่าตีนที่ง้างถีบกลางลำตัวของพี่กันย์โดยแรง..
..เอ้อ...จะว่าไปสองคนนี้ก็เหมือนมวยคู่สูสีเลยแฮะ..
พี่กันย์เซไปชนเข้ากับอีกเตียงหนึ่งที่อยู่ข้างๆ สีหน้าเริ่มมืดทะมึนขึ้นทันควัน พร้อมกับตวัดสายตาจ้องพี่วิทย์..ซึ่งคนป่วยพอเห็นว่าได้เพื่อนก็ยิ้มแสยะอย่างไม่แยแส..แต่พอเลื่อนสายตามาเจอแผลที่พุงกะทิพี่แกและมองหน้าผมแว้บนึงนั่นล่ะ..ถึงได้ชะงัก สีหน้าเครียดขึ้นมาทันที..
ผมปาดเอาเลือดตรงหัวตัวเองออก นี่มันเปื้อนเยอะจนใครต่อใครเข่าเห็นแล้วนึกว่าผมเจออะไรกระแทกหัวจริงๆงั้นเหรอ?..
คิดแล้วก็หันไปมองหน้าพี่โต กะว่าจะทำตาเขียวใส่ แต่ใบหน้าของคนข้างตัวผมกลับซีดลงเร อยๆจนสังเกตได้..
ผมรีบคว้าแขนพี่โตให้ไปนั่งบนเตียงทันควัน หันไปมองหน้าพี่กันย์ที่เป็นหมอ..ซึ่งเขาก็กำลังมองแผลที่ท้องพี่โตพอดี..
“..แผลไม่ลึกน่ะครับ..แต่ลากยาวไปหน่อย เลือดเลยเสียเยอะ..” พี่กันย์บอกพลางหันไปค้นของกุกกัก.. ผมเอือมมือถลกเสื้อที่พี่โตใส่ คนตัวโตกำลังพิงพนักเตียง หายใจถี่ขึ้น..
“...ใช้อะไรบ้าง..บอกมา..กูจะทำเอง..!! “
..หา..?...น้ำเสียงห้วนๆนั่นทำให้ผมชะงัก..เป็นคนป่วยแล้วยังจะเรื่องมากอีก แทนที่จะให้เขารีบทำแผลให้ตั้งแต่แรก
“...เผื่อแผลมึงลึกน่ะโต.. “ พี่วิทยืพูดพลางเดินมามองแผลที่ท้องพี่โต ก่อนจะเอื้อมมือมาที่หน้าผากผม พอแตะไม่เจอแผลก็ร้องอ้าว..
“...แล้วนี่มึงไม่มีแผลเหรอว่ะ?.. “ ถามผมพลางทำหน้านิ่ว ผมส่ายหัว ดังนั้นพี่วิย์จึงก้มมองแผลบนหน้าท้องพี่โตอีกครั้งอย่างสนอกสนใจ..
“ ..ลากยาวเลยว่ะ เหมือนแล่ปลาเลยนะมึง..ฝีมือใครว่ะ?..” คนป่วยก่อนที่พอเห็นมีคนป่วยเป็นเพื่อนก็เริ่มยิ้มร่าดี๊ดาจนผมเริ่มปวดกบาลแทน.. แต่ขณะที่กำลังคิดอะไรอยู่นั้น กล่องพยาบาลก็วางลงบนเตียงข้างๆตัวผม..
“..แผลไม่ลึกมาก คงไม่ได้เย็บอะไร เพราะอย่างนั้น แค่แอลกอล์ฮอล์ น้ำยาล้างแผล..ผ้าก๊อซ ลำสี ก็พอแล้วล่ะครับ..” พี่กันย์อธิบายเสร็จแล้วเดินลิ่วออกไป ดังนั้นบรรยากาศเกร็งๆจึงหายไปโดยอัตโนมัติ..
“..ตกลงใครทำ.. “ คราวนี้พี่วิทย์ถามเสียงแครียด เพราะเรื่องแผลนี่จึงทำให้ใครต่อใครลืมไอ้ภาพชวนกระอักกระอ่วนใจที่เห็นไปได้มากโข..
“........” พี่โตเงียบไปนิดหนึ่ง..นั่นทำให้ผมคิดได้ว่าคำถามที่ว่านั่นหมายถึงอะไร ผมหันไปมองหน้าพี่วิทย์ที่กำลังเครียดขึง..บ่งบอกว่ากำลังคิดจะเล่นงานมือมีดนี่...นั่นก็คือผมเอง...
“...เอ่อ.... “
“..ไอ้เนม...” ผมกำลังจะอ้าปากพูด แต่พี่โตชิงบอกก่อนด้วยน้ำเสียงเรียบๆ..และนั่นทำให้พี่วิทย์ชะงัก..หันมามองหน้าผม..และ..กวาดมองไปทั่วตัว..
“..............” ความเงียบจึงเกิดขึ้นครู่หนึ่ง โดยที่พี่โตกำลังทำความสะอาดแผลตัวเองเงียบๆด้วยแอลกอล์ฮอล์อยู่ใกล้ๆ ใจเด็ดจนผมมองแล้วชักเสียวไส้ชะงัด ถามเลือดก็ยังไหลออกมาจากแผลเรื่อยๆ..อูย...สยอง...
“...เหรอ....” สุดท้ายพี่วิทย์ก็รับคำเบาๆ..และกระโดดไปนั่งเตียงตัวเอง มองผมที่กำลังช่วยพับเสื้อให้พ้นจากรัศมีปฎิบัติการ์ณของพี่โต และกำลังช่วยเอาสำลีชุบน้ำมาทำแผลให้อยู่เงียบๆ..
“..เจ็บมั้ย?..” จู่ๆ..พี่แกก็ถามออกมาเบาๆ..
“...เออสิ... “ พี่โตรับคำ หน้านิ่ว “ มาลองดูบ้างมั้ยล่ะ ของมึงแต่แผลเท่านั้นยังเจ็บแทบตาย ลองเจอแบบกูสักรอบไหมเล่า..?”
“..ไม่เอา..กูไม่มีคนพยาบาล.. “ พี่วิทย์ยักไหล่ มองผมกับพี่โตสลับกันด้วยรอยยิ้มแปลกๆจนผมเริ่มขนลุก..
“..หึ...” พี่โตแสยะยิ้ม ก่อนจะหน้านิ่ว เมื่อสำลีกดผ่านบาดแผลที่ยังเปิดอยู่ มือหนาคู่นั้นคว้าแขนผมข้างที่วางอยู่บนเตียงหมับแล้วบีบแน่น..
“..คร้าบๆ..เจ็บก็บอกสิ.. “ ผมพอจะรู้จึงละมืออกจากส่วนนั้น มองแผลยาวที่กรีดไปจนถึงข้างเอวด้วยความสยองเล็กน้อย เพราะพอทำความสะอาดแล้วจ้องมันดูชัดๆ..ก็สยองใช่น้อยอยู่..
“...จะทำไรก็ทำน่ะ..กูหลับ..” พี่วิทย์ว่าพลางกระโดดขึ้นบนเตียงตัวเองแล้วหลับตาพริ้ม..หันหลังให้ผมกับพี่โตประมาณว่า “อยากทำอะไรก็ทำเถอะ ไม่กวนแล้ว” นั่นทำให้พี่โตหน้านิ่ว ส่วนผมก็ส่ายหัวอย่างนึกขัน..
“..เบาหน่อย.. “ เสียงเข้มๆบอกผมเมื่อผมกำลังเอายาใส่แผลชุบสำลีและปตะลงบนบาดแผลของคนตัวสูง..ผมเงยหน้าไปมองพี่โตที่หน้านิ่ว..ก่อนจะพยักหน้ารับ..
“..ขอโทษครับ.. “ผมออกปากงึมงำด้วยความรู้สึกผิด..แต่..ถ้าถามว่าย้อนเวลาไปได้ผมจะทำมั้ย คำตอบก็ยังคงเป็น “ทำ “อยู่ดีนั่นล่ะ..
“..หุบปากแล้วทำไปให้เสร็จๆ..” ว่าพลางบีบแขนผมแน่น ถ้ามืออีกข้างจะไม่ได้แตะอยู่แถวๆหน้าท้องละก็ เชื่อได้เลยว่าคงปลิวผ่านกบาลผมให้เจ็บแสบเล่นๆไปแล้ว ว่าแตร่ทำไมพี่แกถึงได้ล่ำบึ้กปานนี้น่ะ หน้าท้องผมทำไมไม่มีซิกแพ็คเป็นลอนใหญ่ๆน่าลูบแบบนี้บ้าง..อ้ากกก..
...แต่ไม่ได้หมายความว่าผมมองหน้าท้องพี่โตแล้วอยากจะลูบน่ะเว้ย..
“...ไอ้โต..แล้วพวกป๋าว่าไงมั่งว่ะ...เอ้อ..ลืมไป..นี่กุละเมอน่ะ..” จู่ๆพี่วิทย์ก็ออกปากถามขึ้นมา ทำให้ผมที่กำลังอยู่ในภวังค์(อิจฉา)ชะงักหลุดขำ ก่อนแกจะออกปากว่าละเมอซะงั้น..แถมยังทำเอฟเฟกต์เสียงกรนใส่เพิ่มเติมซะด้วย..
“..สาด..ไม่ต้องมาละเมอแล้ว.. “ พี่โตบ่นใส่คนที่ทำซาวด์แทร็คกวนประสาทไปอีกรอบ ส่วนพี่วิทย์ก็ส่งเสียงหัวราะใต้ผ้าห่มออกมาเบาๆ..
“..ไม่ว่าไง..จัดการเรียบร้อยแล้ว..ส่วนมึง... “ พี่โตบอกเรียบๆ ก่อนที่เสียงหัวเราะจากในผ้าห่มจะเงียบไป “..ป๋าแกบอกว่า..ห้ามพลาดอีก..ส่วน....เรื่องนี้ จะจัดการยังไงก็ตามใจ..”
“..แล้วที่กุบอก...” พี่วิทย์เงยหน้าออกมาจากโปงผ้าห่ม สภาพหัวยุ่งเล็กน้อยดูไม่แปลกตาเท่าใบหน้าเครียดขึ้ง พี่โตกันไปมองตา ขณะที่ผมค่อยเริ่มพันผ้าก๊อซรอบเอวพี่แกช้าๆ..
ก๊อกๆ..
เสียงเคาะเบาๆ ที่หน้าต่างทำให้ต่างคนก็ชะงัก พี่วิทย์หันไปเปิดหน้าต่างห้องพยาบาลที่อยู่ฝั่งสวนผักด้านหลังให้เปิดอ้อาออก พบว่าคนที่ว่าเคาะ คือพี่ทินนั่นเอง..
ใบหน้าของคนเรียกดูเครียดแปลกตา ดวงตาคู่นั้นมองพี่วิทย์ พี่โต และผมสลับกันไปมาช้าๆก่อนจะพยักหน้าพลางเบี่ยงตัวออกจากหน้าต่าง...
..ใบหน้าพี่วิทย์ฉายแววเคร่งเครียดขึ้นทันควัน สายตาจับจ้องไปยังเหตุการ์ณด้านนอกผ่านบานหน้าต่างอย่างเคร่งเครียด ผมชะงักพอดีกับที่ลุกขึ้นจะเอื้อมพันผ้าพันแผลบรอเวณด้านหลังของพี่โต แขนหน้าล็อคเอวผมำว้ ให้ค้างอยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งยืนในอ้อมแขนพี่โต..พร้อมๆกับสายตาของทุกคนที่มองไปยังเบื้องนอก..
...ซึ่งมีร่างของเหล่าบรรดาพี่ๆในกลุ่มยืนอยู่ประจิบริเวณนั้นเป็นบางจุด สายตาเหลียวซ้ายขวาอย่างบ่งบอกว่ากำลังดูลาดเลาไม่ให้ใครเข้ามายุ่ง และบริเวณแปลงผักหลังห้องพยาบาลนั้น จะมีบ่อน้ำที่ขุดๆไว้สำหรับใช้ดผีกอยู่ ปกติแล้วจะมีท่อพีวีซีต่ออกจากข้างบ่อน้ำ เพราะใช้ระบบแรงปั้มมอเตอร์แถมแผ่นซีเมนต์กลมขนาดใหญ่ที่ปิดบ่นน้ำนั้นไว้ก็หนักจนยกแทบไม่ขึ้น..
...ทว่าตอนนี้ มันกลับถูกยกออกด้วยแรงของชายร่างใหญ่สองสามคน พร้อมกับร่างของผู้ชายอีกคนทีชื่อ”นพ” ได้ถูกต้องให้เดินเข้ามาหาบ่อน้ำนั้นเรื่อยๆ...
ผมหันไปมองพี่วิทย์ ที่กำลังจ้องภาพเบื้องหน้านิ่งๆ ใบหน้าเรียบเฉยและริมฝปาเม้มแน่น..แต่ดวงตาคู่นั้นมันกลับสั่นระริก..
..คนๆนั่น..กับข่าวลืมเมื่อวาน..
และประโยคสุดท้าย ที่พี่วิทย์พูดกับพี่โตก่อนผมจะไปหาป๋า..
..นั่นทำให้สามรถเข้าใจเรื่องทั้งหมดได้อย่างง่ายดาย โดยเฉพาะเมื่อพี่วิทย์พยักหน้าช้าๆยามที่ได้สบมองแววตาของพี่ที่ชื่อนพคนนั้น..
ผมอ้าปากจะพูด..ทว่ามือหนาของใครสักคนกลับเลื่อนมาปิดตาผมไว้ช้าๆ...
...และเมื่อผมได้แสงสว่างตื่นมาอีกครา ร่างของเขา ก็หายไปจากพื้นที่เคยอยู่ ดิ่งลงไปอยู่ใต้บ่อน้ำนั้นแทน..
“..นั่น...คือโทษของคนที่ทรยศ..”
เสียงกระซิบเบาๆทำให้ผมชะงัก หันขวับไปมองหน้าคนพูด...
ผมเหยียดรอยยิ้ม..ถามออกมาช้าๆ..
“..แล้วผมล่ะ..จะต้องเป็นแบบนั้นรึเปล่า..?..”
.......Oh bad Guy!! รักร้ายๆของผู้ชายในคุก.......
นี่ก็หวานน่ะตอนนี้น่ะ (วิ่งหลบตรีน)
จะเอาเวลาไหนไปสวีตกันล่ะค้า ลืมไปรึเปล่าว่าพี่วิทย์ก็อยู่ที่ห้องพยาบาลด้วย เหอๆ..ไม่รู้ทำอะไรกับพี่กันย์น่ะเนี่ย..? (ทำหน้าไม่รู้ไม่ชี้)เอาเป็นว่าสองคนนี้ก็แอบสวีตกันเอาเถอะ..ฮ่าๆ แต่ในความรู้สึกของอิชั้น ตอนนี้ถือว่าพี่โตใจดีมากกกกก มากเกินปกติล่ะน่ะทั้งเนมทั้งโตเหมือนคนกำลังจีบกันใหม่ๆ เลยไม่รู้จะทำตัวยังไง ถึงเหตุการ์ณมันจะไม่ใช่ แต่อิไรท์เตอร์คิดแบบนั้นจริงๆน่ะ ฮ่า.. ส่วนพี่วิทย์ น่าฮ้ากกกกกก น่าฮัก..ฮี่ๆๆ(เนม:ตูล่ะเฟ้ยยยยย)
แอบตกใจนิดหน่อยที่ลัทธิบูชาลุงมาแรงเกินคาด ฮ่าๆ
![บายๆ :bye2:](https://thaiboyslove.com/webboard/Smileys/Smilies/bye2.gif)