อืม
ขอแก้ไขบทที่ 21 ซึ่งเป็นบทแรกของ Part 3 ครับ
พาร์ท สอง จบลงด้วยธงรบต้องดูใจเพื่อนอธิคมที่อยู่แพร่ และเหตุการณ์ช่วงนั้นก็อยู่ในคดีรักภาคสอง และ พาร์ท สาม ของเรื่องนี้ก็เริ่มขึ้นเมื่อทุกคนกลับมากรุงเทพฯ แล้ว
งงอ่ะ
ยิ่งเขียนยิ่งงง
วันนี้ขอแก้บทที่ 21 ครับ ตกลง อาทิตย์เกิดเปลี่ยนใจไม่ขับรถตามหมอพศวัตแล้วครับ (เพราะขี้เกียจ รถก็ติดด้วย)
โทษทีนะ ช่วงนี้ katawoot เขากำลังสับสนในหัวใจ เพราะรถไฟฟ้ามาหาแล้วไม่ยอมจอดรับ
ธงรบ 21
เดียวดายเหมือนนกไร้รัง
สิ้นหวังร้างโรยแรงเหนื่อยอ่อน
ร่ำให้ดังใจจะขาดรอด
ถอดถอนสอื้นกล้ำกลืนฝืนทน
อ้างว้างดังลมพัดลอยอยู่กลางทะเล
ว้าเหว่ดังโลกไร้ผู้คน
มองฟ้าซ่อนน้ำตาหมองหม่น
อาภัพอับจนสิ้นไร้หนทาง
...
ตะวันเดินเข้ามาให้้ห้องนั่งเล่น เห็นน้องชายคนเล็กนั่งอยู่บนโซฟาหน้าโทรทัศน์ มือกดเปลี่ยนช่องไปเรื่อยซึ่งพักหลังเขาเห็นอาทิตย์ทำแบบนี้บ่อยๆ เสียงเพลงจากสเตอริโอดังแว่วด้วยเสียงร้องและทำนองเศร้าสร้อย พี่ชายคนรองถอนหายใจเบาๆ พลางเดินเข้าไปใกล้น้องชายคนเล็กแล้วแกล้งจ๊ะเอ๋เพื่อทำให้อีกฝ่ายตกใจแต่คนที่นั่งอยู่คนเดียวไม่สะดุ้งและหันหน้ามามองตะวันช้าๆ ทำตาดุเหมือนจะพูดว่าพี่ชายเล่นอะไรไร้สาระ
“เป็นอะไรอาตี๋เล็ก"
“พี่นั่นล่ะ เป็นอะไร" อาทิตย์ส่ายหน้า "เล่นเป็นเด็กๆ"
“ทำไมนั่งเหม่อ เพิ่งกลับมาถึงกรุงเทพฯ มานั่งทำไมตรงนี้"
“ถ้าไม่นั่งตรงนี้จะให้ไปนั่งตรงไหนล่ะครับ นี่บ้านผมนะ นั่งดูทีวีอยู่ที่บ้านมันแปลกตรงไหน"
“ไม่แปลกหรอก ถ้าลื๊อไม่กดเปลี่ยนช่องยี่สิบช่องภายในสิบวินาที" ตะวันทิ้งตัวลงนั่งข้างๆ แล้วปลดกระดุมเสื้อ "ปิดเสียงทีวี แต่เปิดสเตอริโอฟังเพลงรักเศร้ารันทด แบบนี้มันแปลกจนน่าเอาไปลงหนังสือแปลกแต่จริง"
“ผมชอบดูทีวีแบบนี้" อาทิตย์ยังคงกดเปลี่ยนช่องโทรทัศน์ต่อไปเรื่อยๆ แล้วเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นแข่งกับเพลงจากสเตอริโอ
...
ความรัก ความรักอยู่ไหน
อยู่แห่งใดใครรู้บ้าง
ถามหาน้ำตาไหลหลั่ง
อ้างว้างไร้คนเข้าใจ*
...
“เอ๊า เอาเข้าไป" ตะวันส่ายหน้า "แบบนี้ยิ่งกว่าแปลกแต่จริง แบบนี้เขาเรียกว่าเข้าขั้นแปลกพิศดาร"
อาทิตย์เร่งเสียงโทรทัศน์ขึ้นอีกจนดังกลบเสียงเพลงเศร้าสร้อย ตะวันจึงคว้ารีโมทคอนโทรลปิดเครื่องเสียงแล้วหันมาถามน้องชายว่า “ทำไมไม่ไปนอนบ้านแฟน กลับกรุงเทพฯ สามวันก็เห็นนั่งอยู่ที่บ้านทั้งสามวัน"
“แล้วพี่จะมาอยากรู้เรื่องของผมทำไม"
“พี่ไม่ได้อยากรู้เท่าไหร่หรอก แต่มีคนเขาถามมา" ตะวันหัวเราะแล้วลุกขึ้นจากโซฟา เดินไปหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่มแต่อาทิตย์รีบห้ามและบอกว่าเป็นแก้วน้ำของตัวเอง
“อย่ามาหวงหน่อยเลย น้ำแก้วเบ้อเริ่ม แบ่งกันดื่มมั่งสิ" ตะวันยกแก้วน้ำดื่มพรวดเดียวหมดแก้ว "พี่ก็แค่สงสัยว่ามีเรื่องอะไรกันหรือเปล่า ทำไมต่างคนต่างอยู่"
อาทิตย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่แล้วพูดขึ้นเบาๆ ว่า "ก็อยู่ด้วยกันแล้วตั้งเจ็ดวันเจ็ดคืน แยกกันซักสองสามวันบ้างไม่เห็นแปลก"
“คนรักกัน น่าจะอยู่ด้วยกัน" ตะวันพูดเสียงเบาแล้วเดินไปทิ้งตัวลงนอนบนเตียงนอนกลางวันตัวใหญ่ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับประตูที่เปิดออกไปยังระเบียงด้านนอก
อาทิตย์นิ่ง ไม่ตอบโต้พี่ชาย ปิดทีวีแล้วหันไปคว้าหนังสือพิมพ์มาเปิดอ่าน แต่ใจกลับนึกถึงแต่อีกคนที่ป่านนี้คงท่องราตรีอยู่ที่ไหนสักแห่งในกรุงเทพฯ
ความจริงธงรบชวนเขาไปเยี่ยมสารวัตรอธิคมที่โรงพยาบาลและไปรับประทานอาหารเย็นด้วยกันแต่เขาปฏิเสธโดยให้เหตุผลว่าเพลียและอยากพักผ่อนและจะไปเยี่ยมอีกครั้งเดียววันที่อธิคมจะออกจากโรงพยาบาล
ตั้งแต่สารวัตรอธิคมย้ายมารักษาตัวที่กรุงเทพฯ และอนุภาพตามมาปรับความเข้าใจและคืนดีกันเขาก็ไม่อยากจะเข้าไปใกล้ ไม่ใช่เพราะว่าเขาทนไม่ได้ที่จะเห็นสองคนนั้นอยู่ด้วยกัน แต่เขาเริ่มรู้แล้วว่าตัวเองตัดสินใจอะไรบางอย่างได้แล้ว และทางที่ดีก็คือควรจะให้เด็ดขาด เขาคิดว่าวิธีหนึ่งก็คือต้องออกไปห่างๆ จากอนุภาพ ที่สำคัญ เขาอยากมีเวลาเงียบๆ คิดเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ของระหว่างเขากับธงรบเพราะหากไม่เก็บตัวอยู่คนเดียวธงรบก็จะกวนเขาจนคิดอะไรไม่ออก
...อีกไม่นานเขาก็คงลืมได้ ยิ่งมีธงรบเข้ามาในชีวิต เขาก็คงไม่มีเวลาจะคิดถึงอดีต และที่สำคัญ ตอนนี้เขาพร้อมที่จะเดินหน้ามุ่งสู่อนาคตแล้ว...
...วันนี้เขาคิดเกี่ยวกับเรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเขากับสารวัตรธงรบทั้งวัน ยิ่งได้มารู้จักกับสารวัตรอาวุธและได้ฟังเรื่องราวอะไรบางอย่างจากปากเพื่อนของคนที่เขายอมรับว่าเป็นแฟนกัน เขาก็อยากที่จะเริ่มต้นกับธงรบอย่างจริงจัง...
...ธงรบเปลี่ยนไปมากจนผมไม่อยากจะเชื่อ แทบจะนึกภาพธงรบคนเดิมไม่ออก คุณอาทิตย์อาจต้องอดทนและใจเย็นบ้างเพราะธงรบไม่ค่อยเหมือนใคร แต่คุณเลือกไม่ผิดหรอก...
คำพูดของสารวัตรยังดังก้องอยู่ในหู ตอนที่เดินทางแพร่ไปยังเชียงใหม่เพื่อคืนรถเช่าและขึ้นเครื่องบินกลับกรุงเทพฯ รถเช่าเสียและโชคดีคนที่มาช่วยคือสารวัตรอาวุธ อาทิตย์คิดว่าเป็นความบังเอิญอย่างไม่น่าเชื่อ สารวัตรอาวุธคือเพื่อนของสารวัตรอธิคมและสารวัตรธงรบ เขาจึงได้โอกาสคุยกับสารวัตรอาวุธเรื่องที่เขาอยากรู้เกี่ยวกับทั้งสองคนนั้น
สารวัตรอาวุธเป็นคนที่ค่อนข้างซับซ้อน เขายอมรับว่าเพื่อนของ 'คู่หูจอมเจ้าชู้' คู่นั้นเป็นคนที่ฉลาดมากเพราะยอมเล่าเรื่องของเพื่อนให้ฟังแต่เขาแทบจะไม่ได้ข้อมูลอะไรเลย คำพูดของสารวัตรอาวุธเข้าใจยากและแฝงความหมายลึกๆ หลายอย่างซึ่งเขาต้องคิดตามอยู่ตลอดเวลา
แต่อย่างน้อย เขาก็ได้รู้ว่าสารวัตรธงรบในอดีตนั้นค่อนข้างแตกต่างจากปัจจุบัน
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่เขาได้ยินจากสารวัตรอาวุธก็เป็นเพียงแค่ความคิดเห็นส่วนหนึ่งเท่านั้น เขาเองยังต้องการที่จะสังเกตและตัดสินธงรบด้วยตัวเองอยู่ดี
มีคนพยายามพูดกับเขาหลายคน โดยเฉพาะอย่างยิ่งรชานนท์กับพี่ตะวัน ธงรบมีแนวร่วมเยอะมาก แต่ที่สำคัญที่สุดคือความเห็นของตัวเอง เขาสังเกตธงรบมาตลอดและรู้ว่าคนที่เคยเป็นคนเจ้าชู้ระดับแนวหน้า ตอนนี้เปลี่ยนไปในทางที่ดีขึ้นมาก
และเขาคิดว่าน่าจะลองดูสักตั้ง...
อาทิตย์ยืนมองอนุภาพกับอธิคมเงียบๆ แล้วหันไปยิ้มให้คชานนท์ก่อนจะขยับเดินออกจากห้องพักคนป่วยไปหยุดยืนใกล้หน้าต่างบานใหญ่ด้านทิศตะวันตกของห้องพักญาติ เสียงของอนุภาพบอกให้อธิคมลงจากเตียงช้าๆ ดังแว่วออกมาจากในห้อง ตามด้วยเสียงคนป่วยร้องโอดโอยเพราะความเจ็บ ส่วนจะเจ็บจริงหรือแกล้งเจ็บนั้นอาทิตย์ไม่ทราบ แต่ไม่นานก็มีเสียงอนุภาพหัวเราะเบาๆ พร้อมเสียงอธิคมดังตามมา
“ใจร้าย คุณนุใจร้ายที่สุด ผมยังเป็นคนป่วยอยู่นะ" อธิคมโอดครวญ
“เป็นคนป่วยก็อย่าดื้อ" อนุภาพพูดไปหัวเราะไป
“ก็ช่วยจับบ้างสิ"
“ก็อยู่เฉยๆ บ้างสิ"
“ผมเฉยแล้ว"
“เฉยที่ไหน"
“ก็เฉยอยู่นี่ไง"
“ถ้าไม่นิ่งจะไม่ทำให้"
“โจร้าย"
"ถ้าพูดคำนี้อีกครั้งเดียวจะให้ทำเอง"
"ครับๆ จับดีๆ สิครับ"
วันนี้อธิคมออกจากโรงพยาบาลและจะเดินทางไปพักฟื้นที่จังหวัดแพร่ อาทิตย์มาเยี่ยมอธิคมเป็นครั้งสุดท้าย และบอกตัวเองว่า จากนี้ต่อไปเขากับอนุภาพก็คงต้องห่างกัน และเขาก็ตัดสินใจเลือกที่จะไม่พยายามเจออนุภาพจะดีกว่า ชีวิตเขาต้องดำเนินต่อไป และตอนนี้เขาเห็นสิ่งที่เกิดขึ้นระหว่างอธิคมกับอนุภาพแล้ว โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงอาทิตย์กว่าที่แพร่ทำให้เขาได้เห็นว่าความรักของสองคนนั้นยิ่งใหญ่เพียงใด
...เขาต้องปล่อยอนุภาพไป และเขาก็ต้องปลดปล่อยตัวเอง...
...เริ่มต้นใหม่กับธงรบ...
อาทิตย์หยุดความคิดไว้ชั่วครู่เพราะรู้สึกว่ามีคนมายืนอยู่ข้างๆ คชานนท์ยืนเอามือไขว้หลังและมองออกไปนอกหน้าต่างเช่นเดียวกับเขาแล้วพูดขึ้นว่า
“พระอาทิตย์ตกดินสวยจังเลยนะครับ ไม่นึกว่าจะมองเห็นได้จากหน้าต่างโรงพยาบาล ผมแทบจะลืมไปเลยว่าเห็นพระอาทิตย์ตกดินครั้งสุดท้ายเมื่อไหร่"
“เหมือนกันครับ มัวแต่ก้มหน้าทำงานอยู่ในห้องแอร์ เงยหน้าขึ้นมาก็เห็นแต่แสงนีออน" อาทิตย์พยักหน้า
“พอพี่คมกับคุณนุไปอยู่แพร่ ก็คงได้ดูพระอาทิตย์ทั้งขึ้นทั้งตกดินกันทุกวัน น่าอิจฉา" คชานนท์หันไปมองประตูห้องคนป่วยซึ่งตอนนี้คนในห้องสองคนเงียบเสียงไปแล้ว "พี่คมกวนคุณนุทั้งๆ ที่เป็นคนเจ็บ นี่พอหายแล้วคงกวนหนักกว่านี้ เหมือนพี่ธงไม่มีผิด"
“ครับ" อาทิตย์พยักหน้าเห็นด้วย
“คนที่จะเป็นแฟนคนสองคนนี้ได้ต้องมีความอึดเป็นเลิศ" คชานนท์ยิ้มพราว
อาทิตย์หันไปมองและคิดอยู่ในใจว่าพี่น้องคู่นี้มีประกายตาที่เหมือนกันมาก หน้าตาคล้ายกัน แตกต่างกันเพียงนิสัยใจคอซึ่งคชานนท์นั้นดูเป็นผู้ใหญ่และเยือกเย็นกว่า และที่แปลกอีกประการหนึ่งก็การพูดซึ่งต่างจากพี่ชายมาก อธิคมพูดจาโผงผาง ตรงไปตรงมา ส่วนผู้น้องนั้นใช้คำพูดที่ซ่อนความนัยเหมือนๆ กันสารวัตรอาวุธ อาทิตย์อดคิดไม่ได้ว่า หากบอกว่าคชานนท์เป็นน้องชายของสารวัตรอาวุธเขายังจะรู้สึกเช่ืออย่างสนิทใจกว่า
“ผมรู้จักพี่คมมาตลอดชีวิต และรู้จักพี่ธงมาตั้งแต่นุ่งกางเกงขาสั้นสีน้ำเงิน โดนไล่เตะก้นมาตั้งแต่เด็กๆ ตอนนี้ไม่อยากจะเชื่อว่าพี่ชายทั้งสองเปลี่ยนไปมาก" คชานนท์พูดต่อ น้ำเสียงชื่นชม "ความรักนี่ทำให้คนเปลี่ยนไปจริงๆ"
อาทิตย์ไม่ตอบ เอาแต่ยิ้มบางๆ คชานนท์จึงชมธงรบกับอธิคมให้เขาฟังต่อ แล้วขอตัวกลับเข้าไปดูว่าอนุภาพ 'จัดการ' อธิคมเรียบร้อยให้พร้อมสำหรับการออกจากโรงพยาบาลหรือยัง
ไม่นาน อนุภาพเดินออกมาจากห้อง อาทิตย์หันไปยิ้มให้เย็นๆ แล้วถามว่าพร้อมหรือยัง อนุภาพบอกว่าเกือบพร้อมแล้วแต่คงต้องรอธงรบเสียก่อน
“ป่านนี้คงมัวแต่เอ้อระเหยอยู่ที่ไหนก็ไม่รู้" อาทิตย์อดตำหนิไม่ได้
“เดี๋ยวก็มาถึง สารวัตรเขาเป็นคนใจเย็น" อนุภาพยิ้ม "อาทิตย์จะรอพบสารวัตรธงรบหรือเปล่า"
“ผมว่าจะกลับเลยครับ ยังมีงานค้างอยู่อีกเยอะ แต่ว่าถ้าพี่นุมีอะไรให้ผมช่วย...”
“ไม่มีแล้วล่ะ คชานนท์อยู่ทั้งคน นั่นจัดการทุกอย่างได้สบายมาก อีกหน่อยสารวัตรธงรบก็คงมาถึง จะได้ใช้แรงงานเข็นเพื่อนไปขึ้นรถ" อนุภาพหัวเราะเบาๆ แล้วยืนนิ่งมองภาพพระอาทิตย์ตกดินเคียงข้างอาทิตย์เป็นเวลาครู่ใหญ่
“ผมหวังว่าพี่นุคงมีความสุข" อาทิตย์ยิ้มให้อนุภาพอย่างอ่อนโยน "ผมขออวยพรให้พี่นุมีความสุข"
“อาทิตย์ก็เช่นกัน" อนุภาพมองตาอาทิตย์ "พี่อยากให้อาทิตย์มีความสุขกับสารวัตรธงรบ พี่ไม่อยากให้อาทิตย์อยู่คนเดียว ถ้าโอกาสมันมาถึงก็ควรจะคว้าเอาไว้"
“ครับ" อาทิตย์พยักหน้า "แต่พี่นุอย่าลืมที่ผมเคยบอกพี่ไว้ตอนที่อยู่หน้าโรงพยาบาลวันนั้นนะครับ"
“พี่ก็จะบอกอาทิตย์อย่างเดียวกันกับที่อาทิตย์เคยบอกพี่" อนุภาพยื่นมือไปแตะชายหนุ่มรุ่นน้อง "พี่ขอบคุณอาทิตย์สำหรับทุกอย่าง และพี่ก็อยากขอโทษอาทิตย์สำหรับบางอย่างที่พี่ให้ไม่ได้ แต่ขอให้รู้ว่าอาทิตย์จะเป็นคนพิเศษสำหรับพี่และได้ความห่วงใยและความปรารถนาดีจากพี่เสมอ"
“แค่นี้ผมก็พอใจแล้วครับ" อาทิตย์พยักหน้าช้า ทอดสายตามองอนุภาพอย่างอ่อนโยน
“โชคดีนะอาทิตย์" อนุภาพพูดเบาๆ แล้วโอบไหล่ชายหนุ่มเอาไว้
“ขอบคุณครับ" อาทิตย์พยักหน้า เสียงแผ่วเบา รู้สึกสะท้านที่ได้รับการสัมผัสจากคนที่เขาเคยรักมาตลอด และเขาแน่ใจว่าจะรักได้ตลอดไป เพียงแต่ว่านับจากวันนี้ ความรักของเขาต่ออนุภาพจะแปรเปลี่ยนไปบ้างเป็นอีกรูปแบบหนึ่ง
...แบบที่เขาจะเก็บเอาไว้ในส่วนลึกของหัวใจ ในที่พิเศษที่ให้ไว้สำหรับคนๆ เดียว และเขารู้ว่าคงจะไม่ไป 'แตะ' อีกเลย...
...เขาต้องตัดใจ วินาทีนี้เขาบอกตัวเองว่า เขาต้องก้าวไปข้างหน้า หนทางระหว่างเขากับพี่นุนั้นปิดกั้นอย่างสนิทแล้ว...
...แค่รู้ว่าเขาเป็นคนพิเศษและได้จะได้รับความห่วงใยจากพี่นุเสมอเขาก็พอใจแล้ว...
...ส่วนความรักนั้น เขาจะได้รับจากสารวัตรธงรบ ทางแห่งรักเส้นทางใหม่กำลังรอให้ก้าวเท้าลงไปเดินเคียงข้างกับคนที่เป็น 'โอกาสใหม่' ในชีวิต แต่เขาคงต้อง 'อึดเป็นเลิศ' อย่างที่คชานนท์พูด...
...หวังว่าธงรบจะทำให้เส้นทางรักของเขาเป็นเส้นทางที่เลือกไม่ผิด...
เมื่อเดินไปถึงลิฟท์อาทิตย์เกิดเปลี่ยนใจเดินลงบันไดแทนเพราะอยากจะคิดอะไรเงียบๆ อีกครั้ง เขายอมรับว่า 'การอำลา' จากอนุภาพเมื่อครู่ทำให้เขาสัมผัสกับความรู้สึกหลายอย่าง ทั้งใจหายที่คงจะไม่ได้เจออนุภาพอีกเป็นเวลานาน ทั้งอิ่มเอมใจที่รู้ว่าอนุภาพจะเก็บเขาไว้ในใจในฐานะที่เป็นคนพิเศษ ทั้งโล่งใจที่เขาตัดใจและพร้อมที่จะก้าวต่อไปกับความรักครั้งใหม่ และที่สำคัญ การได้รับ 'การกอดอำลา' จากคนที่เป็นรักแรกของเขา แม้จะเป็นเพียงการรักข้างเดียว และแม้จะเป็นการกอดเพียงครั้งเดียวที่อนุภาพมอบให้
ระยะทางจากชั้นเก้าลงมาจนถึงชั้นหนึ่งไม่ได้ทำให้อาทิตย์รู้สึกเหนื่อยเลย เขาเดินตรงไปประตูทางออกของโรงพยาบาลอย่างช้าๆ ในใจรู้สึกสงบอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน แต่ทว่า เมื่อพ้นหัวมุมของห้องหนึ่งเขากลับชะงักเมื่อมองไปข้างหน้าเห็นคนที่ 'ชอบไปไหนมาไหนชักช้า' กำลังคุยกับชายหนุ่มคนหนึ่งอยู่ใกล้กับตู้เอทีเอ็มท่าทางสนิทสนมกันมาก
ชายหนุ่มคนนั่นรูปร่างเพรียว ใบหน้าขาวสะอาด สวมแว่นตากรอบทอง ยืนล้วงกระเป๋าเอียงหน้ายิ้มให้กับธงรบอย่างอารมณ์ดี
อาทิตย์ถอยฉากหลบ อดอยากรู้ไม่ได้ว่าธงรบจะทำอย่างไรต่อไป ความจริงธงรบบอกเขาว่าจะรีบมาโรงพยาบาลให้ทันอธิคมกับอนุภาพ
...แต่พอมาถึงก็ไม่เร่งรีบ มัวแต่คุยกับหนุ่มหน้าขาวคนนี้ ท่าทางเหมือนรู้จักกันมาก่อน...
แม้ดูไม่เหมือนเด็กเก่าๆ ของธงรบ แต่อาทิตย์ก็อดฉุนไม่ได้ อดีตของธงรบแต่ละคนนั้นดูเปรี้ยวและใจกล้า ยกเว้นหนุ่มน้อยนักศึกษาคนนั้นคนเดียว แต่คนนี้ดูเป็นผู้ใหญ่
...ธงรบเปลี่ยนแนวมาชอบคนแบบนี้แล้ว อย่างน้อยเขาก็ดูเรียบๆ นิ่งๆ ไม่เหมือนดารานักน้องนายแบบที่ธงรบเคยคบ...
...อย่าบอกนะว่านี่เป็นอดีตอีกคนหนึ่งของธงรบ...
...หรือปัจจุบัน?...
อาทิตย์เลี่ยงไปอีกทาง เดินเข้าไปในห้องฉุกเฉินและใช้ประตูทางออกของห้องฉุกเฉินที่เปิดออกไปด้านข้างซึ่งเป็นที่เทียบรถพยาบาลแล้วเดินอ้อมไปหน้าตึกเพื่อตรงไปที่รถของเขา เมื่อถึงรถ เขารอประมาณห้านาที กะว่าธงรบคงคุยกับผู้ชายคนนั้นเสร็จแล้วจึงกดหมายเลขโทรศัพท์ของ 'คนช่างพูด'
“พี่กำลังจะขึ้นลิฟท์ อาทิตย์อยู่ไหนแล้ว"
“ผมกำลังจะกลับ" อาทิตย์ตอบเสียงเรียบ รู้สึกฉุนขึ้นมาเล็กน้อยที่รู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังจะขึ้นไปชั้นบนของโรงพยาบาลซึ่งแสดงให้เห็นว่าใช้เวลาคุยกับชายหนุ่มคนนั้นเกินห้านาที
“อ้าว กลับได้ยังไง พี่เพิ่งมาถึง"
“หรือครับ"
“รอพี่ก่อนสิ จับไอ้คมยัดเข้ารถตู้แล้วเราก็ไปหาอะไรกินกัน แล้วไปดูหนัง ฉลองที่เพื่อนพี่ออกจากโรงพยาบาล พ้นหูพ้นตาซะที ไม่ต้องมาสู้รบปรบมือกับมันที่โรงพยาบาลอีกแล้ว"
“นึกว่าผู้กองชอบมาโรงพยาบาล" อาทิตย์พูดเสียงเย็น ไม่เข้าใจว่าทำไมตัวเองรู้สึกหึงหวงธงรบขึ้นมาทันใด
“ใครจะชอบมาโรงพยาบาล"
“ก็ไม่แน่"
“ถ้าอาทิตย์มานอนโรงพยาบาลพี่จะชอบมา" ธงรบหัวเราะ "ลองป่วยซะหน่อยสิ พี่จะได้มานอนเฝ้า จะป้อนยา จะเช็ดตัวให้ทั่วทุกตารางนิ้ว ทุกซอก ทุกมุม และทาโลชั่นให้ด้วย ลูบไล้ให้ทั่วเรือนร่าง"
“พอเถอะผู้กอง" อาทิตย์ติดเครื่องรถ ธงรบคงได้ยินเสียงผ่านทางโทรศัพท์จึงรีบโวยวาย
“อาทิ๊ตย์" ธงรบเรียกชื่อแฟนด้วยเสียงสูง "บอกแล้วไงว่าอย่างเพิ่งไป รอพี่ก่อน"
“ตามไปก็แล้วกัน ผมจะไปทำงาน" อาทิตย์พูดเสียงห้วนแล้ววางสาย ทะยานรถออกจากช่องจอดด้วยความฉุนเฉียวเมื่อเห็นคนที่คุยกับธงรบเมื่อครู่เดินยิ้มออกมาจากประตูด้านหน้าของโรงพยาบาลและมีพยาบาลสองคนที่กำลังเดินสวนทางเข้าไปยกมือขึ้นสวัสดี
...เป็นหมอนี่เอง มิน่า...
ยังไม่ทันจะพ้นจากลานจอดรถด้านหน้าโรงพยาบาลอาทิตย์ก็ต้องชะลอรถจอดเมื่อมีรถคันหนึ่งกำลังถอยรถเข้าช่องจอดรถ คนขับคงไม่ชำนาญเพราะใช้เวลานานมากก็ยังนำรถเข้าจอดไม่ได้ รถเก๋งสีดำคันหนึ่งแล่นเข้ามาจอดต่อจากรถของเขา ครั้นมองผ่านกระจกไปดูก็เห็นว่าเป็นแพทย์หนุ่มคนนั้น
อาทิตย์นึกถึงตอนที่ธงรบคุยกับชายหนุ่มท่าทางสนิทสนมแทบจะยืนติดกันแล้วก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้ง แพทย์หนุ่มหน้าตาดีมาก ดูเหมือนเป็นลูกครึ่งเชื้อสายจีนผสมตะวันตก
ในที่สุด เจ้าของรถฮอนด้าแจ็ซคันเล็กก็สามารถนำรถเข้าจอดได้ อาทิตย์เคลื่อนรถช้าๆ แต่พลันเปลี่ยนใจชิดรถเข้าด้านซ้ายปล่อยให้คันหลังแซงหน้าไป รถ BMW 520d ของนายแพทย์หนุ่มคนนั้นผ่านเขาไปช้าๆ แล้วชะลอเพื่อเลี้ยวออกถนนใหญ่ อาทิตย์มองตามจนลับตา จดจำรายละเอียดทุกอย่างเอาไว้ในหัว และบอกตัวเองว่าเขาต้องรู้ให้ได้ว่าผู้ชายคนนี้เกี่ยวข้อง 'อย่างไร' และ 'เพียงใด' กับสารวัตรธงรบ