......
“เท็ด…เท็ด…พี่เท็ดครับ”
“หืม…ว่าไงจะเอาอะไรเหรอจีนส์?”
“ผมเรียกตั้งนาน…ใจลอยไปถึงไหนครับ หรือว่าห่วงคนไปเที่ยว?” จีนส์ทำเสียงขึ้นจมูกอย่างหงุดหงิด
“จีนส์จะเอาอะไร?”
“ผมอิ่มแล้ว”
“งั้นก็ทานยาหลังอาหารซะ…นอนพักให้มากๆจะได้หายเร็วๆ” ชายหนุ่มส่งยาให้ จีนส์รับยาและยึดปลายนิ้วเขาไว้ พร้อมกับช้อนตาขึ้นมองเขาอย่างมีความหมาย
“ผมชักไม่อยากหายเสียแล้ว”
“ทำไมล่ะ?” ชายหนุ่มถามทั้งๆที่พอจะรู้คำตอบ
“ก็ผมจะได้มีเท็ดอยู่ข้างๆแบบนี้ไงครับ…ผมอบอุ่นมากเวลาที่เท็ดอยู่กับผม” จีนส์โอบรอบเอวแข็งแน่นไม่ยอมปล่อยแม้ว่าชายหนุ่มจะพยายามแกะออก
“จีนส์อย่าทำอย่างนี้…ปล่อยพี่ซะ…จีนส์พี่บอกให้ปล่อย!”
“ไม่เอา!…ทำไมพี่ต้องรังเกียจผมนัก…ทีกับกายพี่ทั้งกอดทั้งจูบ แต่กับผมพี่ทำเหมือนผมเป็นขยะ พี่ใจร้ายกับผมที่สุด!” มือข้างหนึ่งเลื้อยขึ้นโอบรัดรอบคอแต่เท็ดปลดออกอย่างรวดเร็ว
“อย่าทำอย่างนี้เลยจีนส์….ปล่อยสิพี่ไม่อยากใช้กำลังกับเธอ”
ชายหนุ่มแกะมือที่ยึดเอวเขาออกจนได้ จีนส์น้ำตาคลอเม้มปากแน่น ทำท่าจะร้องไห้ เท็ดถอนใจยาวลุกออกไปนอกห้อง
“พี่จะไปไหน?”
“พี่จะอยู่ข้างนอก อยากได้อะไรก็เรียกแล้วกัน” ชายหนุ่มตอบโดยไม่หันกลับมามองหน้า จีนส์น้ำตาร่วงพรูกรีดเสียงด้วยความคับแค้นใจ
“ทำไม…ทำไมถึงใจร้ายกับผมนัก…พี่รังเกียจผมที่ผมเคยถูก…ใช่ไหม?” ชายหนุ่มถอนใจเฮือกหันกลับมาเผชิญหน้า ไม่มีความรังเกียจ ชิงชังหรือรำคาญอย่างที่เด็กหนุ่มคาดกลับเห็นเพียงสายตาที่มองมานิ่งๆ
“พี่บอกแล้วไงว่าพี่ไม่เคยรังเกียจจีนส์ แต่พี่คิดเสมอว่าจีนส์เป็นน้อง”
“แล้วทำไมกับกายพี่ถึงไม่คิดบ้างล่ะว่าเขาเป็นน้อง เขาโตมากับพี่แท้ๆ”
“พี่ก็ไม่รู้…รู้แต่ว่าพี่รักกาย รักมาก” หางเสียงที่ทอดอ่อนราวกับลำลึกถึงคนที่
เอ่ยถึงทำให้จีนส์แทบกรีดร้องด้วยความคับแค้น ในท้องปั่นป่วนด้วยความริษยาและชิงชัง
“แล้วถ้ากายเคยโดนแบบผมล่ะ…ไปติดอยู่ที่เกาะตั้งนานอาจจะเคย…”
“พี่ไม่สนว่ากายจะเคยเป็นยังไง…แต่พี่อยากให้จีนส์รู้ไว้ว่าถ้าใครแตะกายพี่ทำให้มันเสียใจไปตลอดชีวิต” ชายหนุ่มพูดสวนขึ้นก่อนที่จีนส์จะพูดจบ ตาคมเป็นประกายกร้าว แต่น้ำเสียงเย็นชา
“ทำไมพี่จะฆ่าเขาหรือไง?”
“บางครั้งความตายก็ไม่ใช่เรื่องน่ากลัวที่สุดหรอกจีนส์ ยังมีอีกหลายอย่างที่ทำให้คนเราอยากตายให้พ้นมากกว่าต้องเจอกับสภาพนั้น”ชายหนุ่มยิ้มเย็นแต่จีนส์หนาววาบตลอดสันหลัง
“พี่ขู่ผม…พี่คิดว่าผมจะทำร้ายกายเหรอ?”
“พี่รู้ว่าเธอจะไม่มีวันทำร้ายกาย…เพราะพี่จะไม่ยอมให้มันเกิด จำไว้นะจีนส์พี่จะไม่อดทนอีกถ้าเธอทำให้กายเดือดร้อน”
“พี่เท็ด!” เด็กหนุ่มหน้าซีด ผงะถอยจนชนหัวเตียง ชายหนุ่มหมุนตัวออกจากห้องเป็นจังหวะเดียวกับที่หัวหน้าบอร์ดี้การ์ดร่างใหญ่วิ่งขึ้นมาหน้าเครียด
“คุณเท็ดครับ!…คุณเท็ด!”
“มีอะไรเจฟ?”
“คนขับเครื่องบินวิทยุมา บอกว่าคุณกายกับแจ็คมีเรื่องที่เกาะคู่แฝดครับ”
“แล้วกายเป็นอะไรหรือเปล่า?” ชายหนุ่มแทบเขย่าร่างหนาตรงหน้า
“ยังไม่ทราบครับเพราะขาดการติดต่อไป เรากำลังจะไปที่เกาะ”
“ผมไปด้วยเร็วเข้า” เท็ดวิ่งนำลงบันได เจฟฟรี่วิ่งตามมาติดๆ
“แต่เราต้องไปเรือเร็วนะครับ…คนขับเครื่องบินอีกคนลาหยุด”
“ไม่เป็นไรผมขับเอง”ร่างบอบบางถลาออกมาเกาะที่ระเบียงร้องเรียกจนเสียงแห้ง“พี่เท็ดครับ…พี่จะทิ้งผมไว้คนเดียวเหรอ?…พี่เท็ด!”
“นายไปตามพยาบาลมาดูแลคุณจีนส์ด้วย ไปเจฟ”ชายหนุ่มหันไปสั่งพนัก- งานที่ดูแลบ้านพักของจีนส์ก่อนจะวิ่งออกไปขึ้นรถกับเจฟฟรี่เพื่อไปยังลานจอดเครื่องบิน
“พี่เท็ด!…พี่เท็ด!…อย่าทิ้งผมสิ…พี่เท็ด!” เด็กหนุ่มกรีดร้องไล่หลังไปอย่างคับแค้น จีนส์กำมือแน่นในใจภาวนาให้เท็ดไปช่วยกายไม่ทัน
“ขออวยพรให้แกไปนรก!”
ทันทีที่จอดเครื่องบินเสร็จ เท็ดก็วิ่งเข้าไปยังลานกว้างที่ใช้จัดงาน ชาวบ้านยังจับกลุ่มพูดคุยกันเซ็งแซ่ บรรยากาศเคร่งเครียดจนสัมผัสได้ ซันกับแจ็ค นั่งอยู่ในเพิงที่ตกแต่งด้วยดอกไม้ มีคนรายล้อมอยู่รอบๆ
“เกิดอะไรขึ้น?”
“พี่เท็ด!!คุณเท็ด!”
“ฉันถามว่าเกิดอะไรขึ้น…กาย…นี่เลือดนี่…น้องบาดเจ็บที่ไหน?”ชายหนุ่มแตะไปทั่วร่างบางเมื่อเห็นรอยเลือดเป็นหย่อมตามอกและไหล่ มีรอยแตกที่มุมปากและรอยแดงช้ำบริเวณโหนกแก้มข้างขวา
“เปล่าครับ…ไม่ใช่เลือดผม…นี่เลือดแจ็ค”
“แจ็คนายบาดเจ็บเหรอ?”ชายหนุ่มหันกลับมาหา แจ็คนั่งหน้าเซียวบนศรีษะมีผ้าพันไว้มีรอยเลือดซึมออกมาเล็กน้อย ใบหน้าเต็มไปด้วยรอยฟกช้ำ
“นิดหน่อยเท่านั้นครับ”
“ใครทำ!!!” ชายหนุ่มถามเสียงเย็นทั้งที่ในอกร้อนด้วยความโกรธ
“ลูกชายฉันเอง…” เสียง ‘ดัง’ ‘ห้วน’ เอ่ยขึ้นเบื้องหลัง เท็ดหมุนตัวไปเผชิญหน้า บุรุษวัยประมาณ50ปีร่างผอมสูงผิวคล้ำ ยืนเด่นล้ำออกมานอกกลุ่ม แจ็ครีบลุกขึ้นแนะนำ
“คุณเท็ดครับนี่ท่านหัวหน้า…ท่านหัวหน้าครับคุณเท็ดเป็นพี่ชายคุณกาย เป็นเจ้าของคนหนึ่งที่รีสอร์ทแฮมิลตัน” เสียงคนรอบกายพึมพำขึ้นพร้อมกัน ทุกคนมีท่าทางไม่สบายใจ
“ต้องขอโทษด้วย…ขอโทษจริงๆที่เกิดเรื่องขึ้น….ฉันสัญญาไม่เกินเที่ยงพรุ่งนี้เราจะลากตัวมันมาให้ได้ พวกมันต้องได้รับโทษตามกฎของเราแน่นอน” น้ำเสียงนั้นแม้จะห้วนหากแต่หนักแน่น ความจริงใจฉายชัดออกมาทั้งสีหน้าและแววตา
“ผมดีใจที่ได้ยินคำนี้…เพราะไม่อย่างนั้นผมคงต้องจัดการด้วยตัวเอง”
“หรือเธอจะเป็นคนลงโทษมันก็ได้ ฉันจะให้คนส่งมันไปให้เธอ”
“ไม่จำเป็นครับ…ผมเชื่อในความยุติธรรมของคุณ”
“เธอพูดราวกับรู้จักฉันมาก่อน”
“ผมอาจจะไม่เคยพบคุณอย่างเป็นทางการ แต่ผมเคยทราบกิตติศัพท์ของคุณจากริช แฮมิลตันมาแล้ว”
“งั้นฉันคงไม่ต้องพูดอะไรอีก หวังว่าความสัมพันธ์ของเราทั้งสองเกาะจะยังเหมือนเดิม”
“แน่นอนครับ…แต่ตอนนี้ผมขอพาน้องกับคนของผมกลับ”
“เชิญ…ทางเราต้องขอโทษเธอสองคนอีกครั้ง”
“แค่เรื่องเข้าใจผิดกันอย่าให้กลายเป็นเรื่องใหญ่เลยครับ” ซันพูดขึ้นด้วยเสียงอ่อยๆรู้สึกผิด เหมือนเรื่องที่เกิดขึ้นจะมีสาเหตุมาจากเขา
“ไม่ได้หรอก กฎต้องเป็นกฎ ไม่อย่างนั้นเราก็ปกครองกันไม่ได้ พรุ่งนี้ฉันจะลงโทษพวกมันอย่างหนัก”
“ถ้าอย่างนั้นพวกผมขอตัว”
“แล้วเจอกัน”
“กายมากับพี่ แจ็คด้วย เจฟคุณกลับกับนักบิน”
“ครับ” แจ็คกับซันแอบสบตากัน แล้วตามมาขึ้นเฮลิคอปเตอร์ลำที่เท็ดขับ ตลอดทางไม่มีใครพูดอะไรเลยบรรยากาศเครียดจนน่าอึดอัด
“เจ็บมากไหม?” ชายหนุ่มแตะยาลงบนรอยช้ำแผ่วเบา
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ…เอ่อ…”
“เสร็จแล้ว…อย่าลืมกินยาด้วยล่ะ….แจ็คอย่าเพิ่งกลับ” ชายหนุ่มสั่งโดยไม่หันไปมอง
“ครับ” แจ็ครับคำเสียงหนักแน่น
“พี่เท็ดครับอย่าลงโทษแจ็คเลยนะครับ…แจ็คเขาเจ็บมากกว่าทุกคนเพราะเขาคอยมาดูแลผม เขาพยายามปกป้องผมแล้วนะครับแต่พวกมันมีหลายคนผมก็เลยโดนลูกหลงนิดหน่อย…อย่าโกรธแจ็คเลยนะครับ” ซันหน้าเสีย เหลือบมองแต่แจ็คไม่ยอมเงยขึ้นสบตา เท็ดหน้าเครียดแต่น้ำเสียงยังอ่อนโยน
“พี่จะคุยกับแจ็คเอง…กายไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าดีกว่า”
“แต่…ครับ” เด็กหนุ่มถอนใจเบาๆแล้วลุกกลับเข้าห้องนอน เท็ดพยักหน้าให้แจ็คตามลงมาข้างล่าง
“เล่ามาแจ็คมันเกิดอะไรขึ้น”
“เราเอาของขวัญไปให้ท่านหัวหน้ากับเจ้าสาว พวกนั้นจับกลุ่มดื่มเหล้ากันอยู่ในงานพอเราลงมาร่วมงานพวกมันก็เข้ามา พยายามจะดึงคุณกายไปเต้นกับมัน ตอนแรกผมคิดว่ามันเข้าใจผิดว่าคุณกายเป็นผู้หญิง แต่จริงๆแล้วมันรู้ว่าคุณกายเป็นผู้ชาย มันพยายามจะลากคุณกายออกไป พอผมขวางเลยเกิดตะลุมบอนกัน แต่ท่านหัวหน้าให้คนเข้ามาช่วย พวกมันกลัวความผิดเลยหนีเข้าป่า ท่านหัวหน้าก็ให้คนออกตามครับ แต่คนขับฮ.คงตกใจเลยวิทยุมาแจ้งทางนี้”
“แต่กายบาดเจ็บ” ชายหนุ่มกอดอกทอดสายตาออกไปยังสวนดอกไม้ แจ็คหน้าเผือดลงเพราะรู้สึกผิด
“ครับ…ผมดูแลไม่ดี ผมขอรับผิดชอบทุกอย่าง”
“ดี…งั้นไปดูแลจีนส์จนกว่าจะหาย”
“แต่…”
“ทำไม…ไหนว่ายอมรับผิดทุกอย่างไง?” แจ็คมองแผ่นหลังกว้างอย่างอึดอัด
“ครับ”
“งั้นไปคืนนี้เลยนะ”
“แล้วถ้าคุณจีนส์ไม่ยอม”
“บอกเขาว่าถ้าเขาไม่ยอมฉันจะส่งเขาไปนอนที่โรงพยาบาล”
“ครับ” ร่างสูงโปร่งเดินตัดไปยังทางเชื่อมกับบ้านพักของจีนส์ เท็ดมองตาม อมยิ้มนิดๆอย่างนึกขันที่หาวิธีลงโทษได้ชนิดที่แจ็คจะเข็ดไปอีกนาน
เจ้าหน้าที่ที่เฝ้าอยู่หน้าจอมอนิเตอร์บิดตัวอย่างเมื่อยขบ ลุกขึ้นไปชงกาแฟแก้ง่วง ขณะที่ยกกาแฟขึ้นจิบ สายตาก็กวาดไปตามหน้าจอที่เรียงรายกันก่อนจะสะดุดกึกอยู่ที่จอริมสุด ภาพที่ปรากฏคือท้ายเรือ ซึ่งถูกดันไปซ่อนไว้ที่ซอกหิน แต่ขนาดของเรือทำให้ส่วนท้ายโผล่ออกมา จึงรีบคว้าวิทยุขึ้นมาแจ้งให้เจฟฟรี่ทราบ
บอร์ดดี้การ์ดที่เดินกันขวักไขว่ทำให้ชายฉกรรจ์5คนที่แอบซุ่มอยู่ไม่ห่างจากโรงจอดเครื่องบินเหลียวมองหน้ากันอย่างตื่นตระหนก พวกมันเป็นเพียงนักเลงหัวไม้ธรรมดา ที่ตามลูกพี่มาเพราะเงินและเหล้าที่ลูกพี่เอามาล่อให้มาช่วยเผาครื่องบิน แต่เมื่อมาเจอสภาพที่เหมือนกองทัพย่อยๆอย่างนี้ก็ถอดใจกันหมด แม้แต่ซูมานเองก็หนาววาบทั้งตัว มันไม่เคยมาที่นี่ แม้จะรู้ว่าพ่อและชาวเกาะได้อาศัยค้าขายกับที่นี่จนทำให้ชาวบ้านได้มีกินมีใช้แต่มันไม่เคยช่วยพ่อทำมาหากิน นี่ถ้าไม่เพราะเจ็บใจที่โดนไอ้หนุ่มหน้าอ่อนนั้นทำให้ถูกไล่ออกจากเกาะมันคงไม่ดั้นด้นมาแก้แค้นถึงที่นี่
“ไหนแกว่ามียามแค่ไม่กี่คนไงแล้วนี่ทำไมถึงเดินกันเต็มไปหมด”หนึ่งในห้าถามเสียงสั่นๆอย่างหวาดวิตก
“จะไปรู้เรอะ…เอางี้เรากลับไปตั้งหลักกันก่อนดีกว่า”ซูมานตวาดเบาๆก่อนจะเตรียมถอยกลับ แต่กลับมีเงาคนพรวดเข้ามาหา เล่นเอาทั้ง5ผวาพร้อมกัน
“โธ่โว้ย!เกือบยิงดิ้นแล้ว ตามมาทำไมแกมีหน้าที่เฝ้าเรือนะ”
“ลูกพี่มียามมาที่เรือเราเต็มไปหมด” เจ้าคนมาใหม่หอบแฮ่กเพราะเพิ่งเผ่นหน้าตั้งมาเมื่อเห็นยามเกือบสิบคนลงไปยังบริเวณที่จอดเรือ
“บ้าฉิบ…เอาไงกันดี” ซูมานหน้าเสียเหลียวมามองคนอื่นๆอย่างตกใจ
“ไปทางโรงพยาบาลสิลูกพี่ทางนั้นไม่ค่อยมีคน”
“แกรู้ได้ไง?”
“ฉันเคยมาส่งของกับหัวหน้าแล้วก็เคยไปขอรับยาที่นั่นด้วย”
“งั้นแกนำไป”ร่างหนาล่ำแบบมะขามข้อเดียวนำลิ่วอย่างชำนาญทำให้คนเหลือใจชื้นขึ้น
“ยังเจ็บอยู่หรือเปล่าครับ”ซันหมุนถุงยาในมือเล่นขณะที่เดินเคียงกับแจ็คเพื่อกลับบ้านพัก
“ไม่เท่าไหร่หรอกครับ จริงๆแล้วคุณกายไม่ต้องมากับผมก็ได้”
“คุณแจ็คเจ็บตัวก็เพราะช่วยผมจะให้ผมอยู่เฉยๆได้ยังไง” เด็กหนุ่มท้วงเสียงเบา
“แต่มาหาหมอแค่นี้คุณกายไม่ต้องมาด้วยก็ได้ มืดแล้วด้วยเดี๋ยวคุณเท็ดจะเป็นห่วง”
“แค่นี้เอง อีกอย่างผมบอกพี่เท็ดไว้แล้วว่าจะมากับคุณแจ็คไม่เห็นพี่เท็ดว่าอะไรเลย”
“ครับตามใจก็แล้วกัน เอ๊ะ…” แจ็คผงะและเลื่อนขึ้นบังหน้าเด็กหนุ่มเมื่อจู่ๆก็มีชายฉกรรจ์กลุ่มหนึ่งโผล่พรวดออกมาจากพุ่มไม้ข้างหน้า พวกมันส่องปืนมาทางพวกเขาอย่างรวดเร็ว
“หยุดนะอย่าขยับ…ฮะฮ้า..นี่มันไอ้หน้าสวยกับกับไอ้แจ็คนี่หว่า…จุ๊ๆๆเจอโชคจนได้สิน่า”
“อย่ายุ่งกับคุณกายนะ มีอะไรก็มาตกลงกับฉัน” แจ็คใจหายวาบเมื่อเห็นคนที่นำหน้าได้ถนัด
“แกนั่นแหละเลิกยุ่งได้แล้ว…ไงจ๊ะคนสวยมาด้วยกันหน่อยสิ” ตาโปนกลอกกลิ้งไปมาอย่างตื่นเต้น เมื่อเห็นเด็กหนุ่มถอยหนี เพื่อนร่วมแก๊งค์เหลียวมองกันอย่างงุนงง
“แกจะทำอะไรวะซูมาน?”
“ฉันจะเอาไอ้หน้าสวยนี่ไปด้วย”
“แกจะบ้าเหรอ…จะเอามันไปทำไมให้เป็นภาระ”
“ที่ฉันต้องลำบากอย่างนี้ก็เพราะมัน ยังไงฉันก็ไม่ปล่อยมันแน่”
“คุณกายวิ่ง!”แจ็คผลักเด็กหนุ่มให้วิ่งหนีขณะที่เขากระโจนเข้าใส่คนที่อยู่ใกล้สุด ซูมานเดือดโมโหเมื่อเห็นพรรคพวกถูกซัดลงไปกองต่อหน้า
“เฮ้ย!…แส่นักนะมึงฮึ่ม!” เปรี้ยง!!เสียงปืนแผดขึ้นในระยะกระชั้นชิด แจ็ค
ทรุดฮวบลงไปโดยไม่มีเสียงร้อง ซันผวาเข้าไปหาอย่างลืมตัว
“แจ็ค!….โอ๊ย!” ซูมานใช้ด้ามปืนฟาดเข้าที่ท้ายทอย ร่างบางเอนลู่ลงยังไม่ทันถึงพื้นซูมานก็คว้ามาพาดไหล่อย่างรวดเร็ว
“ซูมานจะบ้าเรอะ” เจ้าคนเดิมพยายามห้ามปรามแต่ซูมานตาขุ่น อีกฝ่ายจึงได้แต่เงียบพรรคพวกที่เหลือเมินไปทางอื่นไม่มีใครอยากเสี่ยงให้ซูมานหงุดหงิด
“เอาน่า…รีบไปเถอะ”
“เฮ้ยนั่นเรือขนยานี่หว่า” หนึ่งในหกตาไวเหลือบไปเห็นเรือที่กำลังเข้าเทียบท่าหน้าโรงพยาบาล เจ้าหน้าที่สามคนที่ลงมาช่วยขนถ่ายยาและเวชภัณฑ์เหลียวล่อก- แล่กเพราะตกใจเสียงปืน ต่างพาโดดหนีลงน้ำเมื่อพวกมันสาดกระสุนเข้าใส่ ชายฉกรรจ์ทั้ง 6 รีบโดดลงเรือก่อนจะขับหนีออกไป
“พวกมันไปทางไหน”เท็ดถามอย่างร้อนใจ เจฟฟรี่ยิ้มเหี้ยมเมื่อหน้าจอปรากฏจุดสีแดงแสดงถึงที่ตั้งของเรือ โชคดีที่มันใช้เรือของรีสอร์ทหนีเพราะเรือที่นี่ทุกลำถูกติดตั้งเรดาห์เพื่อป้องกันการถูกขโมยเพียงแค่คลิกเบาๆแผนที่แสดงที่ตั้งของเกาะแก่งต่างๆก็ซ้อนทับบริเวณที่เรือมุ่งไป
“เจอแล้วครับรู้สึกว่าจะเป็นเกาะร้าง”
“ไกลไหม?”
“ไม่ครับห่างจากเราไปไม่มาก แต่น้ำค่อนข้างแรงเมื่อก่อนพวกโจรสลัดชอบเข้าไปหลบเจ้าหน้าที่ที่นั่น เดี๋ยวนี้ไม่มีคนอยู่เพราะไม่มีแหล่งน้ำจืดแล้ว”
“เจฟฟรี่คุณไปกับผม ส่วนพวกที่เหลือให้ใช้เรือเร็วตามไป”
“ครับผม”
“เสียงเฮลิคอปเตอร์จะทำให้พวกมันรู้ตัวนะครับ”เจฟฟรี่ท้วงเบาๆขณะที่เท็ดสั่งให้ร่อนลงบริเวณหน้าหน้าผาโล่ง
“รู้ก็ช่าง ยังไงต้องไปให้ถึงตัวกายเร็วที่สุด” เท็ดตอบเสียงกร้าวก่อนจะโดดลงแล้วก้มตัวต่ำวิ่งนำออกไป เจฟฟรี่ให้สัญญาณลูกน้องสามคนวิ่งตามเขามาอีกสามอยู่เฝ้าเฮลิคอปเตอร์ เสียงคลื่นที่ค่อนข้างดังทำให้การเคลื่อนไหวของผู้ติดตามทำได้ง่าย กล้องอินฟราเรดถูกแจกจ่ายไปยังการ์ดทุกคน การเคลื่อนไหวในความมืดจึงไม่ใช่อุปสรรค ผิดกับกลุ่มผู้ถูกล่าที่หนีกันหัวซุกหัวซุนในความมืด อาศัยเพียงความชำนาญของคนนำเท่านั้น
ซูมานหอบแฮ่กแต่ก็ไม่ยอมวางร่างอ่อนปวกเปียกบนบ่า อาศัยความชำนาญเร่งรุดขึ้นไปบนเขาอย่างรวดเร็ว ลูกน้องที่ติดตามอยู่หลังสุดถูกกระชากลงไป สันมือที่ฟาดเข้าท้ายทอยทำให้มันสลบไปอย่างรวดเร็ว แขนขาถูกมัดไพล่หลังและถูกโยนซุกไว้ในพงหญ้า การ์ดแต่ละคนตามเก็บศัตรูได้อย่างว่องไวและเงียบกริบ แต่ครู่เดียวก็ไม่เห็นวี่แววของซูมานและพรรคพวกที่เหลือ
“เราคลาดกับมันจนได้…เอาไงดีครับหรือจะปลุกไอ้พวกนี้ขึ้นมาถาม” ลูกน้องคนหนึ่งหันมาหา เจฟฟรี่เหลือบมองสีหน้าร้อนรนของเท็ดอย่างเข้าใจ
“พวกถูกทิ้งให้รั้งท้ายมันคงไม่รู้ทางขึ้นเขาเหมือนกัน ลองเสียงตามขึ้นไปแล้วกัน นายสองคนดูทางนี้ไว้ ถ้าพวกที่มาทางเรือตามมาทันให้รีบขึ้นไปฉันจะเปิดสัญญาณไว้”
“ครับผม” เจฟฟรี่หันไปพยักหน้า คนที่ชำนาญการแกะรอยนำขึ้นไปอย่างระมัดระวัง เท็ดก้าวตามไปอย่างร้อนรน ทันทีที่เข้าสู่แนวซอกเขาคนนำก็ชะงักและให้สัญญาณ เจฟฟรี่กับเท็ดหลบเข้าหลังพุ่มไม้อย่างรวดเร็ว
“คุณเท็ดครับ…นั่น…” กล้องจับภาพชายสองคนที่กำลังเดินงุ้มง่ามลงมา เสียงพวกมันบ่นพึมพำอย่างหงุดหงิด
“หายหัวไปไหนกันวะ ตามมาอยู่ดีๆเสือกหายเงียบกันไปหมด หลงทางอีกตามเคย”
“เฮ้ย! หรือว่าถูกไอ้พวกนั้นมันตามเก็บไปแล้ว”
“ไม่มีทางมืดออกอย่างนี้มันจะตามเราทันได้ไงวะ พวกมันไม่ใช่คนแถวนี้ไม่มีทางรู้จักเกาะนี้หรอก”
“แต่พวกมันหายเงียบแบบนี้….” เสียงคุยชะงักค้างเมื่อรู้สึกเย็นวาบ เพราะเงาคนที่รายล้อมขึ้นรอบตัว
“อย่าขยับ!สมองแกกระจายแน่…พวกที่เหลืออยู่ไหน” เจฟฟรี่ถามเสียงเย็นจากด้านหลัง เจ้าคนตัวอ้วนหมุนตัวกลับพร้อมกับปืน แต่เจฟฟรี่จับลูกโม่ไว้ แล้วกระชากจนมันถลาเข้ามา หมัดหนักๆกระแทกบริเวณลำคอได้ยินเสียงอึกก่อนที่ร่างอ้วนจะลงไปนอนชักดิ้นชักงอแล้วแน่นิ่งไป เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นชั่วพริบตาทำให้อีกคนตะลึงมันรีบชูมือขึ้นสูงตัวสั่นพับๆ เจฟฟรี่ปราดเข้ามาดึงแขนมันไพล่หลังแล้วใส่กุญแจมืออย่างรวดเร็ว
“อย่าฆ่าผมเลยครับ ผมแค่ถูกบังคับให้มาช่วย ทั้งหมดเป็นแผนของไอ้ซูมานคนเดียวครับ…อย่าฆ่าผมเลย”
“บอกมาว่ามันเอาเด็กคนนั้นไปไว้ไหน?แล้วฉันจะไม่ฆ่าแก”เท็ดกดปากกระบอกปืนลงบนแก้มที่เหงื่อแตกพลั่ก
“ยะ…อยู่ในกระท่อมบนเขาครับ ซูมานมันเอาไปที่นั่นแล้วไล่ให้พวกผมลงมาตามคนที่เหลือ”
“แล้วมีใครอยู่อีก?” เจฟฟรี่ถามเพื่อความรอบคอบ
“ไม่มีแล้วครับ…ซูมานมันกลัวพวกผมขอแบ่งมันเลยไล่พวกผมออกมา”คำว่า ‘ขอแบ่ง’ ทำให้เท็ดเลือดขึ้นหน้า
“สัตว์นรก! เร็วเจฟ” ชายหนุ่มวิ่งนำอย่างร้อนใจ
“ครับผม…จัดการมันที” เจฟฟรี่รีบรุดตาม ด้ามปืนของการ์ดถูกฟาดเสยเข้าปลายคางร่างผอมทรุดฮวบโดยไม่มีเสียง การ์ดที่เหลือรีบตามนายไปทันที
เท็ดหยุดอยู่ริมกระท่อมอย่างร้อนใจ เขาเกือบพรวดพราดเข้าไปแต่เจฟฟรี่ห้ามไว้เกรงว่าอาจจะมีพวกมันซ่อนอยู่ กองไฟจากหน้ากระท่อมส่องให้เห็นบริเวณรอบๆได้ลางๆ ไม่มีวี่แววของคนที่ควรจะเฝ้ายาม รอบบริเวณเงียบสนิท เงียบจนเกินไป เจฟฟรี่ให้สัญญาณลูกน้องก่อนจะกระจายกันโอบล้อมกระท่อมไว้ แล้วค่อยๆคืบคลานเข้าไป ชายหนุ่มยึดไหล่เท็ดไว้ขณะที่ลูกน้องหันมาพยักหน้าก่อนจะเคลื่อนตัวไปยังด้านข้างกระท่อมด้านที่มืดที่สุด เจฟฟรี่มองไปรอบๆ ไม่มีพวกมันอยู่ในระยะที่กล้องอินฟราเรดจะจับได้ ชายหนุ่มถอดแว่นติดกล้องออกเก็บก่อนจะหันมาพยักหน้ากับเท็ดเมื่อลูกน้องให้สัญญาณแล้วพุ่งเข้าไปที่กระท่อม ประตูกระท่อมเปิดออกอย่างง่ายดายผิดคาด ร่างที่ม้วนไปกับพื้นค่อยๆยันตัวขึ้นหลังที่กำบังจ้องมองดูความเคลื่อนไหวในกระท่อม เป็นจังหวะเดียวกับที่เท็ดกับเจฟฟรี่วิ่งเข้ามาถึง เท็ดใจหายวาบเมื่อเห็นเงาคนนอนอยู่ที่พื้นกลิ่นเลือดคาวคลุ้งทำให้เขาสะท้านทั้งตัว
“กาย…ไม่!”
“เดี๋ยวครับ”
เจฟฟรี่ยึดไหล่เขาไว้แล้วดึงเอาไฟฉายกำลังสูงออกมา ทันทีที่ไฟสว่างทั้งหมดก็ชะงักกึก ร่างที่นอนเหยียดอยู่ที่พื้นนั้นเปลือยเปล่าใบหน้าที่เต็มไปด้วยหนวดเคราพับไปด้านข้าง ลำคอถูกเชือดจนเกือบขาดออกจากร่าง เลือดสดๆไหลนองเต็มพื้น คนของเจฟฟรี่รีบก้มลงสำรวจที่ศพ
“ศพยังอุ่นอยู่เลยครับ เพิ่งตายไม่ถึงชั่วโมงแน่”
“แล้วกายล่ะ..กายหายไปไหน?”
“พวกมันอาจหักหลังกันเองก็ได้ครับ”
“แต่เมื่อครู่คนที่เราจับได้บอกว่าซูมานไล่พวกมันลงมา…ไอ้คนนี้น่าจะเป็น
ซูมานแต่คุณกายจะหายไปไหนหรือว่ามีพวกอื่น…เอ๊ะ!”เจฟฟรี่ก้มลงดูที่พื้นก่อนจะชี้ให้เท็ดดู รอยเลือดหยดเป็นทางไปยังหน้ากระท่อมและหายไปในพงหญ้า ทั้งสามออกตามโดยไม่ต้องบอก เจฟฟรี่ปล่อยให้ลูกน้องแกะรอยนำทาง ส่วนเขาร่นลงไปคุ้มกันให้เท็ดด้านหลัง ทั้งหมดตามรอยเลือดจนมาถึงร่องน้ำแห้งซึ่งเต็มไปด้วยวัชพืชรกเรื้อ คนแกะรอยยังคงนำบุกเข้าไปเรื่อยๆ เท็ดก้าวตามกระชั้นชิดหัวใจร้อนราวกับอยู่กลางกองไฟ ในใจภาวนาเพียงให้กายปลอดภัยเท่านั้น
จู่ๆผู้ที่นำทางก็หยุดชะงัก แล้วให้สัญญาณ เท็ดขยับจะตามแต่เจฟฟรี่ดึงแขนเขาไว้ แล้วลากให้ถอยหลัง คนนำชี้ไปยังพุ่มไม่รกข้างหน้าเจฟฟรี่พยักหน้ารับก่อนจะอ้อมไปด้านข้าง เสียงกรวดพลิกเบาๆทันใดนั้นร่างหนึ่งก็โถมออกมาด้านที่เท็ดยืนอยู่ ชายหนุ่มเบียงตัวหลบกับกระชากร่างที่พุ่งออกมากดลง คมมีดที่กรีดผ่านทำให้เจ็บแปลบที่แขน เขาจับแขนเล็กๆบิดมือจนมีดหล่น จึงเตะมีดออกห่างเป็นจังหวะเดียวกับที่เจฟฟรี่กับลูกน้องวิ่งมาถึง แสงจากไฟฉายกราดเข้าจับร่างที่กำลังดิ้นรนได้ถนัด
“กาย!!” เท็ดเผลอปล่อยมือที่ยึดออกโดยอัตโนมัติ เด็กหนุ่มจึงคว้าก้อนหินฟาดเข้าใส่ ชายหนุ่มทำได้เพียงปัดป้องเท่านั้น
“คุณกาย!! อย่าครับพวกเราเอง”
“กาย…อย่ากาย…พี่เอง…กาย” เจฟฟรี่กับลูกน้องพยายามจะเข้ามาช่วย แต่ยิ่งคนมากเด็กหนุ่มก็ยิ่งบ้าคลั่งมากขึ้น เท็ดแย่งก้อนหินออกได้สำเร็จและรวบแขนทั้งสองข้างไว้ได้ แต่เด็กหนุ่มก็กัดไหล่เขาจนเลือดซึมออกมา เจฟฟรี่พยายามจะดึงกายออกแต่เท็ดห้ามไว้
“อย่าเจฟ…ไม่ต้อง…กาย…กายได้ยินพี่ไหม….กาย…พี่เอง…พี่เท็ดไงล่ะกาย….ได้ยินพี่ไหม?…พี่ตามมาช่วยน้องแล้วไงกาย…กาย…พี่เอง” ชายหนุ่มใช้เสียงปลอบประโลมทั้งที่เจ็บแปลบไปทั้งไหล่ คมเขี้ยวที่ฝังอยู่บนไหล่ดูเหมือนจะชะงักค้าง ไม่กดหนักเหมือนตอนแรกและค่อยๆคลายออกในที่สุด เท็ดคลายมือที่ยึดแขนทั้งสองของเด็กหนุ่มออก เปลี่ยนมากอดร่างบางแนบอก เด็กหนุ่มเงยขึ้นมองเขาช้าๆแสงไฟจับใบหน้าของชายหนุ่มชัดเจน ร่างในอ้อมแขนสั่นเทิ้มก่อนจะหลุดเสียงสะอื้นแผ่วๆแล้วก็พับลู่ลงไป
“กาย!…กาย!…น้องเป็นอะไร…กายตื่นสิกาย!”
“คุณเท็ดครับดูเหมือนคุณกายจะถูกยิงที่ขา”
“ไหน!…โอ….กาย…เร็วเจฟเราต้องพากายไปหาหมอ”
“เดี๋ยวครับ…ขอผมห้ามเลือดก่อน…ใจเย็นๆครับคุณเท็ดคุณกายปลอดภัยแน่…เชื่อผมเถอะครับ”
“กาย…พระเจ้า…ได้โปรดคุ้มครองกายด้วยเถิด…ทำไมเรื่องพวกนี้ถึงเกิดกับน้องไม่หยุด…กายอย่าเป็นอะไรนะกาย” เท็ดถอดเสื้อออกห่อร่างบางไว้เมื่อเห็นท่อนล่างที่เปลือยเปล่า นอกจากเสื้อขาดๆไม่มีอาภรณ์ใดปกปิดอยู่อีกเลย ทั้งหมดพากันย้อนกลับมายังกระท่อมก็พบว่า พวกที่ตามมาทางเรือเร็วมาถึงแล้วเช่นกัน จึงวิทยุเรียกเฮลิคอปเตอร์ขึ้นมารับเพราะลานหินหน้ากระท่อมกว้างพอที่จะจอดเฮลิคอปเตอร์ได้ เท็ดอุ้มเด็กหนุ่มไปขึ้นเครื่องโดยมีการ์ดคนหนึ่งตามไปด้วย ส่วนเจฟฟรี่ยังคงอยู่จัดการเคลียร์พื้นที่
.................
พระเจ้า…ได้โปรดคุ้มครองกายด้วยเถิด

ขอบคุณคะที่ติดตาม
