ขอโทษที่ให้รอนะ เมื่อคืนว่าจะมาต่อแล้วแต่ไปดูละครเวทีที่มีน้องสุดที่รักเล่น เลิกดึกมากเกือบเที่ยงคืน เลยทำให้มาถึงบ้านก็นอนเลย
เพื่อไม่ให้เป็นการเสียเวลา ตามอ่านได้เลยคะ
ขอบคุณสำหรับทุกคอมเมนท์นะคะ สำหรับทั้งแฟนเก่าหรือแฟนใหม่ของคุณใบปอ............
ขากลับกายเดินตามเท็ดต้อยๆไม่มีเสียงพูดคุย บรรยากาศดูเคร่งเครียดจนสัมผัสได้ เมื่อถึงบ้านก็เห็นพ่อกับแม่ยืนรออยู่หน้าบ้าน แดนนี่หัวเราะก้องเมื่อกายโถมเข้ากอด แขนแข็งแรงยกกายขึ้นชูราวกับเป็นเด็กเล็กๆ ดาน่าอมยิ้มหันมาคล้องแขนเท็ดแล้วพากันเข้าบ้าน เท็ดฝืนยิ้มพยายามพูดคุยกับแดนนี่อย่างปกติส่วนกายเข้าไปช่วยดาน่าทำอาหาร ท่าทางมีความสุขของแดนนี่ทำให้เท็ดพอจะเดาได้ตั้งแต่แรกแล้วว่าการส่งออกม้าทำท่าจะไปได้สวย แล้วก็เป็นจริงเมื่อแดนนี่เล่าถึงการประชุมอย่างตื่นเต้น โดยมีดาน่าคอยเสริมเป็นระยะๆ
“สรุปว่าวันมะรืนนี้พ่อกับแม่ต้องไปประชุมที่นิวยอร์ค2วัน เท็ดคงต้องกลับมาอยู่เป็นเพื่อนน้องหน่อยนะ” เท็ดอึ้งไปนิดหนึ่งแต่ทุกคนก็พอสังเกตเห็น กายหุบยิ้มหน้าสลด
“ถ้าเท็ดไม่ว่างก็ไม่เป็นไรครับผมอยู่คนเดียวได้...บางทีจะขอให้ลุงไมค์มาอยู่เป็นเพื่อน” เท็ดมองหน้าเศร้าๆนั้นอย่างร้อนใจ รีบปฏิเสธ
“ไม่หรอกพี่มาได้อยู่แล้ว...แต่อาจจะต้องมาตอนบ่ายๆเพราะพรุ่งนี้พี่มีเรียนเช้า...พ่อกับแม่ไม่ต้องห่วงนะครับผมดูแลน้องเอง”
“ขอบใจลูก” ดาน่าเหลือบมองกายเห็นหน้านวลแจ่มใสขึ้นมาทันตา ก็ได้แต่แอบถอนใจ
“งั้นเท็ดแวะรับผมที่โรงเรียนด้วยนะ”
“ดีเหมือนกันจะได้แวะไปคุยกับอาจารย์ฮันท์ด้วย ตั้งแต่จบมาพี่แทบไม่ได้ไปหาเลย” เท็ดเรียนจบมัธยมจากโรงเรียนนี้เช่นกัน ส่วนกายเพิ่งย้ายมาจากนิวยอร์คได้ 2 ปี
เท็ดเลี้ยวรถเข้าไปจอดแล้วรีบเดินไปที่ตึกเรียน ป่านนี้กายคงรอเขาแย่แล้วเพราะเขาช้าไปเกือบชั่วโมง โรงเรียนค่อนข้างเงียบเพราะเด็กส่วนใหญ่จะกลับกันหมดแล้ว เท็ดเหลียวซ้ายแลขวาอย่างกระวนกระวายที่ไม่เห็นกายรออยู่หน้าอาคารจึงตัดสินใจชึ้นไปตามที่ห้อง ยังไม่ทันจะถึงหน้าห้องก็ได้ยินเสียงโครมครามของโต๊ะและได้ยินเสียงกายเถียงกับใครอยู่ เท็ดพรวดเข้าไปเห็นกายยืนอยู่หน้าห้องมีเด็กหนุ่มร่างสูงใหญ่ยึดข้อมือเล็กไว้แน่น ท่าทียื้อยุดนั้นทำให้เท็ดเลือดขึ้นหน้าเขาปราดเข้าไปกระชากไหล่ของเด็กหนุ่มออก
“โอ๊ย!อะไรวะ?”หมอนั่นหันขวับมามองอย่างแปลกใจ กายรีบแทรกเข้ามาคั่นกลางเมื่อเห็นเท็ดทำท่าจะกระโจนเข้าใส่หมอนั่น
“เท็ดอย่าครับ!...ริชนายไปได้แล้ว ฉันยืนยันคำเดิม นายเลิกยุ่งกับฉันได้แล้ว” ริชยักไหล่ท่าทางยียวนมองกายอย่างมาดหมายก่อนจะหันมาเลิกคิ้วกวนๆใส่เท็ด
“โฮ่!...มีบอร์ดี้การ์ดมารับซะด้วย เอาเถอะกายแล้วนายก็จะรู้เองแหละว่าฉันจริงจังกับนายแค่ไหน…ฉันกลับล่ะ แล้วเจอกันนะคร้าบ!คุณบอร์ดี้การ์ด!” ประโยคหลังริชหันมาลอยหน้าบอกเท็ด เท็ดกำหมัดแน่นมือข้างหนึ่งยังถูกกายยึดไว้ ดวงตามที่มองริชเกรี้ยวกราด
“เท็ด...กลับเถอะ” กายเรียกขลาดๆ เท็ดพยักหน้าแต่ตายังวาววับ โอบร่างเล็กเดินไปด้วยกัน
“ไอ้หมอนั่นมันจะทำอะไรกาย?” เท็ดถามเสียงขุ่นขณะที่ขับรถกลับบ้าน
“เปล่าหรอกครับ เขาก็แค่..บอกว่าชอบผม แล้วขอเป็นแฟนด้วย” รถเป๋แทบตกถนนเมื่อได้ยินคำตอบของกาย เท็ดรีบจอดรถก่อนที่จะเกิดอุบัติเหตุ หันขวับมามองกายอย่างตกใจ
“อะไรนะ?!ขอเป็นแฟน!! หมายความว่าไอ้หมอนั่นชอบกายแบบ...?” เท็ดอึ้งไปด้วยความโกรธ กายกอดอกหันไปมองนอกรถนิ่ง ก่อนจะหันกลับจ้องหน้าเท็ด
“เท็ด..พี่คิดยังไงที่ริชเขาชอบผม?”
“แล้วกายล่ะคิดยังไง” กายเม้มปากก่อนจะเอ่ยเสียงแผ่ว
“ผมตอบเขาไปแล้วว่าผมไมสนใจเขา แต่เขายืนยันว่าสักวันจะทำให้ผมชอบเขาให้ได้”
“พี่ว่ากายอยู่ให้ห่างจากหมอนั่นดีกว่า” เท็ดขับรถต่อไปอย่างหงุดหงิด
เท็ดหงุดหงิดจนนอนไม่หลับ จึงลุกออกมานั่งระบายอารมณ์ในสวน
“พี่ยังไม่นอนอีกเหรอ?”กายเปิดประตูออกมานั่งข้างๆ อากาศในสวนค่อนข้างเย็น เท็ดเห็นอาการห่อไหล่ของกายจึงรวบร่างเล็กมาโอบไว้กับอก ภาพที่ริชยื้อยุดกายยังติดตาความแหนหวงพลุ่งขึ้นมา ยิ่งคิดก็ยิ่งโมโหจนอยากจะกลับไปตะบันหน้าไอ้หมอนั่น
“เท็ดกลุ้มใจเรื่องอะไร...”กายดันตัวขึ้นมาจ้องหน้าเท็ด
“หรือว่ายังโกรธเรื่องริช?”
“ฮื่อ” เท็ดยอมรับโดยไม่ยอมสบตาด้วย กายทำตาโตก่อนจะหัวเราะคิก ซบหน้ากับอกกว้างเงียบอยู่นานจนเท็ดนึกว่าหลับ จู่ๆกายก็พูดขึ้นมาลอยๆ
“ผมเพิ่งเคยเห็นเวลาเท็ดโกรธ พี่เหมือนพ่อจัง...ไม่รู้จะขี้หึงเหมือนพ่อด้วยหรือเปล่า” แม้ประโยคหลังกายจะบ่นพึมพำเบาๆ แต่คำว่าหึงกระทบใจจนเท็ดนิ่งอึ้ง นี่สินะที่ทำให้เขาทุรนทุรายโกรธจนแทบจะซัดริชให้คว่ำ เพราะเขาหึงกาย!ไม่ใช่หวงน้องแต่เขา‘หึง!’เพราะเขาหลงรักกายต่างหาก
กลิ่นหอมของร่างอุ่นนิ่มที่เบียดชิดทำให้เท็ดแอบกลั้นใจ ความโกรธเลือนหายไป แต่อาการร้อนวูบๆในท้องเริ่มมาเยือน บรรยากาศรอบตัวเงียบสงบ พ่อกับแม่ก็ขึ้นนอนแต่หัวค่ำเพราะต้องเตรียมเดินทางพรุ่งนี้
“กาย...พี่ว่าเราเข้านอนได้แล้วนะ”
“เดี๋ยวก็ได้น่า มานี่เถอะ” กายผุดลุกขึ้นจูงเท็ดเข้าบ้าน เท็ดปิดประตูตรวจดูล็อคจนแน่ใจ เมื่อหันกลับมาก็เห็นกายกำลังเลือกแผ่นซีดีง่วนอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนจะเลือกเพลงหวาน- โรแมนติก แล้วกลับมาลากแขนเท็ดให้เดินตาม
“เต้นรำกันนะ” เท็ดขมวดคิ้วเมื่อกายเปิดประตูห้องนอนเขาเข้าไป
“เต้นในห้องพี่ดีกว่า..” เท็ดดึงประตูปิดแต่ไม่สนิท เพื่อให้เสียงเพลงลอดเข้ามาได้ กายเบียดตัวเข้าหา แขนเล็กโอบรอบเอวหนาซบหน้าลงบนอกกว้าง เท็ดขยับไปตามจังหวะมือทั้ง2ข้างแตะอยู่ที่เอวบาง บรรยากาศหวานๆชวนให้เคลิบเคลิ้ม ร่างนุ่มในอ้อมแขนกับเนื้อตัวที่บดเบียดเสียดสีกัน ทำให้ความร้อนกลับมาเยือนเท็ดอีกครั้ง เท็ดเหงื่อซึมหัวใจเต้นระรัว เขาผละออกห่างกายเมื่อทนไม่ไหว เดินออกไปปิดเพลงแล้วทรุดลงนั่งที่โซฟา มือกำเกร็งอยู่บนต้นขา ใบหน้าแดงกล่ำด้วยแรงอารมณ์ กายเดินตามมานั่งข้างๆภายในห้องนั่งเล่นเงียบกริบ
“เท็ด...พี่เป็นอะไรหรือเปล่า?”กายถามเสียงแผ่ว เท็ดส่ายหน้าไม่กล้าแม้จะสบตากับกาย
“พี่ง่วงแล้ว กายก็ไปนอนได้แล้วนะ” พูดจบเท็ดก็เดินลิ่วเข้าห้องไป
“ผมนอนด้วยนะ” กายวิ่งตามมาแต่เท็ดยืนกั้นไว้ไม่ให้เข้า
“พี่เหนื่อยขอพี่พักเงียบๆนะกาย” หน้านวลงอง้ำ
“ไม่เอาอ่ะ...ผมจะนอนด้วย..นะเท็ดนะ”
“ไม่!” เท็ดดึงประตูปิดกดล็อคทันที
“เท็ด!...เท็ด!...เปิดประตูสิ...เท็ด!...ฮือ...ถ้าพี่ไม่เปิดผมจะนอนหน้าห้องพี่นะ...เท็ด!” เท็ดยืนพิงประตูนิ่ง หลับตาลง เจ็บปวดกับเสียงสะอึกสะอื้นที่ดังอยู่หน้าห้อง แต่เขาทำไม่ได้ ขืนเขาให้กายเข้ามานอนด้วยเขาอาจจะทำสิ่งเลวร้ายลงไปก็ได้
“กาย...พี่ขอโทษ”เท็ดเอ่ยเสียงแผ่ว เสียงเรียกเสียงสะอื้นหน้าห้องค่อยๆเงียบหายไป เท็ดล้มตัวลงนอนหลับตานิ่งๆเนื้อตัวร้อนผ่าว ใบหน้าหวานใสลอยวนเวียนจนนอนไม่หลับ จึงลุกขึ้นหยิบภาพถ่ายที่หัวเตียงมาดู ภาพนี้เขาถ่ายกับกายที่นิวยอร์ค เท็ดล้มตัวลงนอน วางกรอบรูปไว้บนอก ภาพในอดีตหวนกลับมาราวกับดูภาพยนตร์ที่ฉายซ้ำ
ตอนอายุได้5ขวบ พ่อกับแม่ประสบอุบัติเหตุเสียชีวิต เขาไม่มีญาติคนอื่น แดนนี่ซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของพ่อจึงรับอุปการะ เขาพาเท็ดมาที่ฟาร์ม ตอนนั้นยังเป็นแค่ฟาร์มเล็กๆ ดาน่าซึ่งกำลังท้องโย้โอบกอดเท็ดไว้แน่น อ้อมแขนอันหอมกรุ่นและอบอุ่นที่เท็ดไม่เคยลืม
“ต่อไปนี้เท็ดจะมีทั้งพ่อและแม่เหมือนเดิมนะลูก อ้อ!มีน้องด้วย” วันที่กายคลอด เท็ดถูกจูงไปยืนข้างเตียง น้องตัวเล็กนิดเดียว ผิวสีแดงหน้าตายู่ยี่แต่เท็ดก็รักน้องจับใจ ตั้งแต่แม่ออกจากโรงพยาบาลเท็ดก็กลายเป็นผู้ช่วยคนสำคัญในการเลี้ยงน้อง น้องไม่ค่อยแข็งแรงนักพออายุได้6ขวบ พ่อกับแม่ก็พากายไปนิวยอร์คเพราะกายเป็นโรคลิ้นหัวใจรั่ว ส่วนเท็ดต้องไปอยู่กับป้าแมรี่พี่สาวของแดนนี่ชั่วคราว แม้การผ่าตัดจะได้ผลดีแต่เนื่องจากเกรงจะมีโรคแทรกซ้อนหมอจึงให้รอดูอาการอีกระยะ แม่ตัดสินใจอยู่กับกายที่นิวยอร์คส่วนพ่อต้องกลับมาดูแลฟาร์ม
เท็ดกลับมาอยู่กับพ่อและช่วยพ่อทำงานทุกอย่างเพราะรู้ว่าพ่อเหนื่อยมาก เนื่องจากพ่อเอาฟาร์มไปจำนองธนาคารเพื่อรักษากาย เท็ดคิดถึงแม่และกายมากแต่ทำได้เพียงเขียนจด-หมายถึงแม่และกายทุกอาทิตย์
แม้กายจะเข้าโรงเรียนที่นิวยอร์คแต่ก็ยังคงส่งจดหมายหากันตลอด เมื่อฐานะทางบ้านดีขึ้นก็เปลี่ยนเป็นโทรหากันเกือบทุกวัน เท็ดมีโอกาสได้เจอกายอีกครั้งตอนกายอายุ11ปี ตอนนั้นพ่อพาเขาไปงานประกวดม้าและให้เท็ดอยู่ที่นิวยอร์คเกือบเดือน ช่วงเวลานี้เองที่เท็ดรู้สึกว่าเขารู้สึกกับกายไม่เหมือนเดิม กายดูน่ารักน่าทะนุถนอมจนเขาหวั่นไหว แม้ตอนนั้นเท็ดจะอายุ16แล้วแต่เขาไม่ใช่คนเจ้าชู้ เขาเคยคบกับเพื่อนหญิงไม่กี่คนทำให้เขาไม่เข้าใจความรู้สึกที่มีต่อกายนัก ความทรมานที่ต้องจากกายมามันทำให้เขาทุรนทุรายจนนอนไม่หลับอยู่เป็นเดือน
ตอนอายุ17เท็ดสอบเข้ามหาวิทยาลัยด้วยคะแนนสูงสุด และแน่นอนว่าคนแรกที่เขารีบโทรไปบอกคือกาย แม้จะรู้สึกได้ว่าเป็นที่จับตามองบรรดาสาวๆแต่ เท็ดกลับไม่สนใจใคร เขาเลือกที่จะทุ่มเทให้กับการเรียน กีฬา กิจกรรมต่างๆของมหาวิทยาลัย ส่วนวันหยุดก็กลับมาช่วยงานในฟาร์ม ด้วยนิสัยรักม้าเขาจึงศึกษาและลองเพาะม้าพันธุ์ใหม่ๆอยู่เสมอ จนม้าที่เขาเพาะพันธุ์ได้รับรางวัลชนะเลิศ ดูเหมือนแดนนี่จะปลื้มมากกว่าใครๆ เพราะรางวัลนี้ช่วยให้ฟาร์มเล็กๆนี้น่าสนใจขึ้นมาทันที ตอนที่แดนนี่ขอสินเชื่อจากธนาคารก็ได้รับความสะดวกทำให้สามารถขยายฟาร์มได้ดังที่แดนนี่ต้องการ ‘ไว้พ่อจะหาของขวัญให้เท็ดสักชิ้น’ ถึงเท็ดจะปฏิเสธแต่แดนนี่ก็ยังยืนยันว่าจะให้
4เดือนหลังงานกวดม้าเท็ดก็ได้รับโทรศัพท์ให้กลับบ้านด่วน เขารีบแทบตกถนนเพราะคิดว่าอาจเกิดเรื่องร้ายแรง แต่ทันที่รถเลี้ยวเข้าเขตบ้านก็เห็นร่างโป่รงระหงส์ยืนรออยู่ที่ระเบียงหน้าบ้าน เท็ดหัวใจพองฟูด้วยความดีใจ กระโดดลงจากรถวิ่งเข้าไปอุ้มดาน่าลอยละลิ่ว ดาน่าหัวเราะเสียงใสดูไม่แก่ลงสักนิด เท็ดมองหากายแต่ไม่เห็น แม่บอกว่ากายเหนื่อยนอนพักอยู่ข้างบนเขาจึงค่อยๆย่องเข้าไปในห้อง ภาพที่เห็นทำให้เขาแทบลืมหายใจ ร่างเล็กบอบบางนอนหลับปุ๋ยอยู่บนเตียง คิ้วเรียวขมวดนิดๆ เปลือกตาปิดสนิทเห็นขนตายาวงอนเป็นแผง ผิวสีชมพูผ่องไปหมดทั้งตัว เท็ดค่อยๆนั่งลงข้างเตียง กายน้องน้อยที่เคยวิ่งตามเขาต้อยๆกลายเป็นหนุ่มน้อยหน้าสวยราวกับเด็กผู้หญิง เท็ดจับมือเล็กขึ้นมากุมไว้ นิ้วเล็กเรียวตึงขาวผิวเรียบราวกับไม่มีข้อ เท็ดคลี่นิ้วเล็กๆขึ้นจุมพิตทีละนิ้ว ลูบไล้อย่างอ่อนโยนทะนุถนอม
“เท็ด…”เสียงทักแผ่วๆทำให้เท็ดชะงักเงยขึ้นสบตากับดวงตากลมโตหวานระยับ รู้สึกวาบในอกเหมือนหายใจสะดุดจ้องมองกายนิ่งนาน
“เท็ด!”กายเรียกซ้ำแล้วโผเข้าหา เท็ดกอดร่างบางไว้แน่นใจเต้นระรัวด้วยความยินดี เรือนร่างหอมกรุ่นนุ่มนิ่มให้ความรู้สึกดีจนไม่อยากปล่อย
“เท็ด...ผมคิดถึงพี่ทุกวัน คิดถึงมาก ผมอยากกลับมาอยู่กับเท็ดแต่แม่บอกว่าต้องรอจนกว่าผมจะหายถึงจะกลับได้ เท็ดรู้ไหม3เดือนก่อนกลับมาผมต้องเข้าโรงพยาบาลตั้งหลายครั้ง ถูกเจาะเลือดถูกฉีดยาสาระพัดเลย”
เท็ดใจหายเมื่อได้ฟังอย่างนั้นกายตัวเล็กนิดเดียว เด็กอายุ12ที่ต้องเข้าออกโรงพยาบาลเป็นว่าเล่นแทนที่จะได้เล่นสนุกกับเพื่อนๆ เท็ดกระชับอ้อมแขนให้แน่นขึ้นซบใบหน้ากับผมนุ่มหอม
“ต่อไปนี้กายไม่ต้องถูกเจาะเลือด ถูกฉีดยา ไม่ต้องไปหาหมอบ่อยๆแล้วนะ” เท็ดกระชับอ้อมแขนขึ้นอีก
“..เท็ด”
“..หือ..”
“ผมหายใจไม่ออก”
“อ้าว!” เท็ดรีบปล่อยร่างในอ้อมแขนอย่างตกใจ กายหัวเราะคิก โอบแขนรอบคอแข็งแรงดึงให้ก้มลงมาชิดกับหน้านวล
“ผมล้อเล่น พี่นี่ขี้ตกใจจัง” เท็ดหัวเราะหน้าแดงเขินที่ถูกหลอก แก้มนวลตรงหน้าทำให้อดใจไม่ไหวเขาก้มลงหอมฟอดใหญ่ กายอมยิ้มเอียงอีกข้างให้หอม ดวงตาโตกวาดมองเขาทั่วหน้าก่อนจะจ้องเขม็งคาดคั้น
“เท็ด พี่มีแฟนหรือยัง?” เท็ดหัวเราะกับคำพูดแก่แดดนั้น
“ยังหรอก ทำไมเหรอ?”
“อืม...” กายทำท่าครุ่นคิดจนเท็ดนึกขำ
“แล้วเท็ดเคยจูบไหม?” เท็ดเกือบหัวเราะก๊ากถ้าไม่เห็นสายตาจริงจังแน่วแน่ จึงได้แต่กลั้นหัวเราะ ฝืนปั้นหน้าเคร่งขรึมแล้วตอบเสียงจริงจัง
“เคยสิ....ก็จูบกายอยู่นี่ไง”กายยิ้มหวานทำท่าเจ้าเล่ห์มือเล็กเลื่อนมาประคองหน้าเท็ดไว้ดวงตาโตจ้องเท็ดเขม็ง
“งั้นยกเฟริสคิสให้ผมนะ”เท็ดหัวเราะพยักหน้าแล้วสะดุ้งเมื่อกายแนบปากอิ่มบนปากของเขาเนิ่นนานจึงค่อยถอยออก ปากนุ่มก่อให้เกิดความรู้สึกวาบหวาม
“เท็ด...พี่ต้องรักผมคนเดียวนะห้ามรักคนอื่น ไม่งั้นผมจะฟ้องพ่อกับแม่” เท็ดหัวเราะเก้อๆ หัวใจยังเต้นระทึกแปลกๆกับความรู้สึกของตัวเอง แต่คำพูดไร้เดียงสาทำให้ลืมเลือนไป
นับจากวันนั้นเขากับกายก็ยิ่งสนิทกันมากขึ้น หากไม่มีกิจกรรมอะไรที่มหา- วิทยาลัย เท็ดก็จะรีบกลับมาอยู่กับน้อง กายเป็นเด็กขี้อ้อนชอบออเซาะ ชอบกอดรัดพัวพันอยู่กับเท็ดตลอด เวลาที่ไม่ได้ดังใจก็จะทำหน้าเศร้าๆจนเท็ดใจอ่อนต้องยอมกายทุกครั้งไป
เมื่อขึ้นปี 2 เท็ดตัดสินใจลาออกจากชมรมต่างๆที่เคยทำ เหลือแต่การเล่นรักบี้เท่านั้นเพราะเขาต้องการให้เวลากับกายให้มากที่สุด ทุกครั้งที่ได้อยูกับกายเท็ดจะรู้สึกเหมือนเขายังให้เวลากายน้อยไปทุกที มันเป็นความรู้สึกที่เท็ดไม่เข้าใจ เขาไม่ชอบให้กายสนิทสนมกับใคร เพราะนิสัยขี้อ้อนของกาย เวลาดีใจก็จะชอบกอดชอบหอม มันทำให้เท็ดหงุดหงิดทุกครั้งที่เห็นกายทำอย่างนั้นกับคนอื่น แต่เขาก็แสร้งทำเป็นไม่สนใจความรู้สึกนี้ จนกระทั่งตอนงานวันเกิดกาย เท็ดพาเพื่อนหญิงของเขามางานด้วย กายไม่ยอมรับของขวัญแถมยังอาระวาดที่เท็ดมาช้าจนเท็ดเผลอดุเสียงดัง กายเลยวิ่งหนีไปซ่อน เขาต้องตามหาอยู่นานกว่าจะปลอบให้กายกลับมาร่วมงานก็เล่นเอาเหนื่อย ครั้นพอไปมหาวิทยาลัยเพื่อนๆก็ยังมาต่อว่าที่เขาทิ้งให้แฟนกลับบ้านกับคนอื่น
“ถามจริงๆเถอะวะเท็ดทำไมแกต้องแคร์น้องแกนักวะ นี่ถ้าไม่รู้ว่าเป็นน้องฉันคงนึกว่าเป็นแฟนแกนะเนี่ย”
“พูดบ้าอะไรวะมาร์ค!”
“อ้าวก็จริงๆอ่ะ แกน่ะหน้าซีดยังกับไก่ต้มแค่เห็นน้องร้องไห้ บอกตรงๆว่ะว่าฉันนึกไม่ถึงว่าคนแข็งอย่างแกจะอ่อนเป็นขี้ผึ้งเวลาอยู่กับน้อง”
“กายเขาไม่ค่อยแข็งแรง อะไรที่ฉันทำได้ฉันก็อยากทำให้เขาเท่านั้นแหละ” เท็ดไม่อยากพูดกับมาร์คอีกเพราะเขาเริ่มหวั่นไหวกับคำพูดของมาร์ค
แองจี้ไปคบหากับเพื่อนชายคนใหม่ มาร์คเห็นก็รีบมาบอกแต่เท็ดรู้สึกเฉยๆ คนที่เป็นฝ่ายทนไม่ได้คือแองจี้
“เท็ดคุณไม่เคยรักฉันเลยใช่ไหม?คุณรักน้องตัวเอง อย่าเถียงนะว่าไม่จริง ฉันเห็นสายตาที่คุณมองเขา ฉันไม่อยากจะเชื่อเลยเท็ดว่าคุณจะเป็นพวกโฮโม บ้าที่สุดเลย! คุณทำให้ฉันเสียความรู้สึกมากเลยที่ผู้หญิงอย่างฉันแพ้เด็ก แถมยังเป็นเด็กผู้ชายด้วย”
“หยุดนะแองจี้! คุณจะด่าว่าอะไรผมก็ได้ แต่อย่าเอากายมาเกี่ยวด้วย”
“ทำไม? เด็กนั่นน่ะหึงคุณจนออกนอกหน้าอย่างนั้น อย่าบอกนะว่าไม่เคยมีอะไรกัน”
“คุณ!…” เท็ดสูดลมหายใจลึกพยายามระงับความโกรธ
“พอทีเถอะแองจี้ อย่าให้เราต้องเกลียดกันชั่วชีวิตด้วยคำพูดพล่อยๆตอนคุณโมโหเลย”
“ฉันไม่ได้พูดพล่อยๆ คุณแคร์เด็กนั่น คุณทำทุกอย่างเพื่อเด็กคนนั้น ยอมลาออกจากชมรมก็เพื่อเด็กคนนั้น คุณยังจะเถียงอีกเหรอว่าไม่ได้รักเขา คุณมันทุเรศ” แองจี้สะบัดหน้าเดินหนีไป เท็ดยังคงยืนนิ่งความรู้สึกเหมือนถูกตีเข้าที่ศีรษะ บางอย่างที่ค้างคาในหัวใจ ความรู้สึกหวั่นไหวอ่อนหวาน ที่ท่วมท้นในใจทุกครั้งที่เข้าใกล้กายคือความรักอย่างนั้นหรือ?
เท็ดตัดสินใจย้ายออกมาอยู่อพาร์ทเม้นท์ข้างมหาวิทยาลัย โดยให้เหตุผลว่าเขาอยากเรียนจบภายใน3ปีครึ่ง เท็ดเรียนหนักเพื่อให้ลืมกายแต่ยิ่งห่างก็ยิ่งคิดถึง ยิ่งพยายามลืมก็ยิ่งรักและลุ่มหลงกายมากขึ้น 1ปีที่ย้ายออกจากบ้านมาอยู่ข้างนอก เป็นปีที่ทุกข์ทรมานที่สุด คบกับใครเขาก็ลืมกายไม่ได้ ผู้หญิงมากมายที่เขาคบและเลิกราในเวลาอันสั้น เด็กหนุ่มหน้าสวยที่เขาลองคบก็ไร้ความหมายเขาไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ไม่แม้แต่อยากจะแตะต้อง แต่เขาก็ไม่สามารถกลับมาอยู่บ้านได้เพราะกลัวว่าถ้ากายรู้ว่าคิดยังไงกายอาจจะรังเกียจ และคนที่ทนไม่ได้ก็คือเขานี่เอง อีกไม่กี่เดือนเขาก็จะจบแล้ว การเรียนจบเร็วอาจช่วยให้เขาหางานทำได้เร็วขึ้นและคงทำให้เขาห่างจากกายได้มากขึ้นด้วย
เท็ดผุดลุกขึ้นถอนใจยาว นับวันความปราถนาในตัวกายก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นจนเขากลัว ถ้าไม่เพราะระยะนี้พ่อกับแม่ต้องไปประชุมที่นิวยอร์คบ่อยๆเขาก็ไม่ต้องคอยกลับมาอยู่เป็นเพื่อนกาย แม้จะมีความสุขที่ได้ใกล้ชิดได้อยู่ด้วยกัน แต่ก็ทรมานที่ต้องเก็บกดความต้องการไว้ 2-3วันมานี้เขาเผลอใจไปหลายครั้ง ภาพที่กายเปียกจนเห็นเรือนร่างและภาพที่เขาจูบกายในเต้นท์ผุดขึ้นมา เด็กหนุ่มผลุนผลันเข้าไปในห้องน้ำเปิดน้ำเย็นจัดรดศีรษะ อย่างน้อยน้ำก็ช่วยบรรเทาความรุ่มร้อนไปได้บ้าง เท็ดกลับมานอนกระสับกระส่ายจนดึกจึงผลอยหลับไป
..................
เท็ดตื่นขึ้นมาอีกครั้ง ปวดหัวหนึบคงเพราะน้ำเย็นเมื่อคืน เขาดูนาฬิกาเพิ่งจะตี4กว่าๆแต่คอแห้งผากทำให้ตัดสินใจออกไปหาน้ำดื่ม เท็ดเปิดประตูจะก้าวออกไปแต่เท้าสะดุดกับอะไรบางอย่างบนพื้น เท็ดใจหายวูบเมื่อเห็นสิ่งที่เขาสะดุด
“กาย!”เท็ดอุทานอย่างตกใจ ก้มลงช้อนร่างเล็กกลับเข้าไปวางบนเตียง อาการคู้ตัวหนาวสั่นทำให้ต้องรีบดึงผ้ามาห่มให้ แสงไฟจากหัวเตียงจับหน้านวลเห็นคราบน้ำตาเป็นทางบนแก้ม เท็ดใจหาย…หมายความว่าตั้งแต่หัวค่ำจนป่านนี้กายนั่งร้องไห้อยู่หน้าห้องเขาจนหลับ เขาคิดว่ากายกลับไปนอนแล้วจึงไม่ได้สนใจ เท็ดนั่งลงบนเตียงเช็ดน้ำตาให้อย่างแผ่วเบาแก้มนิ่มเย็นเฉียบ เปลือกตากว้างขยับครู่หนึ่งก่อนจะลืมตาขึ้นสบตากับเท็ดแล้วหลับลงไปใหม่ แต่แล้วก็ลืมขึ้นอีกครั้ง
“เท็ด...พี่โกรธอะไรผม?” เสียงแหบแห้งปนสะอื้นของกายทำให้เท็ดเจ็บแปลบ น้ำตาใสๆกลิ้งลงมาจากดวงตาโตเป็นสาย เท็ดช้อนน้องน้อยขึ้นมากอดไว้แน่น กดศีรษะเล็กไว้กับอก เสียงสะอึกสะอื้นของร่างในอ้อมแขนยิ่งทำให้ความรักความสงสารท่วมท้นหัวใจ
“กายพี่ขอโทษ...พี่ไม่ได้โกรธอะไรกายเลย พี่โกรธตัวเองต่างหาก คราวหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะ ถ้าเกิดไม่สบายไปจะทำยังไง” เท็ดกระชับอ้อมแขนแน่นขึ้นอีก
“เท็ดก็อย่าปิดประตูใส่ผมสิ....เท็ดเคยให้ผมนอนด้วยนี่นาแล้วทำไมคราวนี้เท็ดโกรธล่ะ?”
“พี่ไม่ได้โกรธ”
“งั้นผมก็นอนกับเท็ดได้สิ?” เท็ดถอนใจเฮือก ในเมื่อเลี่ยงไม่พ้นก็คงต้องทนทรมานต่อไปแล้วกัน
“ได้สิ...นี่ก็ยังไม่สว่างเลยกายนอนต่อนะ”
“พี่จะไปไหน?”
“พี่จะไปหาน้ำกินหน่อย กายล่ะเอานมไหม?”
“ผมอยากกินโกโก้ร้อน”
“งั้นเดี๋ยวพี่ชงมาให้แล้วกัน” กายพยักหน้าอย่างว่าง่าย แล้วเอนตัวลงนอนต่อไป
...............
ต้องไปก่อนแล้วคะ จะพยายามมาโพสบ่อยๆนะ ขอบคุณมากคะ