ตอนที่ 11
เมื่อห้วงสมองเป็นสีขาวโพลน และโลกทั้งโลกก็กลับกลายเป็นความว่างเปล่า นั่นมิใช่ความตายของสรรพสิ่ง แต่เป็นความตายของผม ผมตายไปแล้ว แต่ว่าผมยังอยู่ เพื่อกิน ดื่มและรื่นเริงสำราญกับความอจีรังและอสาระ ผมอยู่เพื่อเป็นร่างทรงของอะไรบางอย่างที่พูดผ่านปากผม ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านปากกา โดยที่ผมไม่สามารถต่อต้าน ไม่อาจหยุดคิดหรือยับยั้งการบงการเหล่านั้น
ถ้าคุณไม่เข้าใจที่ผมพูด..หรืออันที่จริง..เขียน คุณไม่ได้โง่ แต่คุณเป็นมนุษย์คนละประเภทกับผม คุณไม่หนาวเยือกต่อชีวิต และเหนื่อยหน่ายต่อวงจรที่ย้อนซ้ำไปซ้ำมาอย่างไม่รู้จบ คุณเพียงแค่ไม่ตระหนักถึงพลังที่มีอำนาจเหนือกว่าคุณ และทำให้การดำรงอยู่ของคุณกลายเป็นเรื่องที่หาสาระมิได้ ผมเหนื่อยหน่าย และหนาวเหน็บแทนทุกคนที่อยู่ในเรื่องนี้ และผมอยากจบมันลงไปเสียที แต่ถ้าคุณเชื่อจริง ๆ ว่าผมสามารถจบมันลงได้ นั่นแปลว่าคุณขี้เกียจใช้สมองของคุณอย่างน่าขัน ก็ในเมื่อผมเพิ่งแจ้งให้ทราบว่าผมตายแล้ว แล้วจะมีผมที่ไหนที่จะมาจบเรื่องนี้ลงได้
และถ้าคุณยังคิดไม่ออกอีกว่า ใครจะเป็นผู้ปิดฉากเรื่องทั้งหมด ผมขอหัวเราะเยาะคุณหนึ่งที แน่ล่ะ..เสียงหัวเราะนี้ไม่ใช่ของผม เพราะคนตายย่อมหัวเราะไม่ได้ จริงไหม?
“ฮ่าๆๆๆ”
บรรณศรหัวเราะ เขารู้สึกอารมณ์ดีเป็นพิเศษถึงแม้ว่าการมาของเขาจะไม่ประสบความสำเร็จจนถึงที่สุด แต่อย่างน้อยเขาก็ทราบว่าไอ้หมอนั่น ไอ้คนที่สอยแคมบอยสุดฮอตของเขาไป มันเป็นใคร ถึงแม้ว่าจะยังสาวไม่ถึงเป้าหมาย แต่ก็มีผลพลอยได้บางอย่างที่เกินคาด
บรรณศรคิดถึงไอ้แว่นหน้าเซ่อแต่ปากหมานั่น เขาคลึงมือถือในมือเล่นคล้ายกับลังเลว่าจะโทรไปหาดีหรือเปล่า แต่อีกนัยหนึ่งเด็กหนุ่มก็จินตนาการว่ากำลังคลึงเคล้นท่อนลำของตนเตรียมจ่อเข้าช่องทางอุ่นร้อนในจินตนาการ นึกแล้วก็แข็ง..บรรณศรคิดในใจ ก่อนที่เขาจะไปสอยตูดแคมบอย เอาไอ้แว่นนั่นมาเป็นอาหารว่างก่อนก็ดี
ชิตตพัณก็กำลังนึกถึงบรรณศรอยู่พอดี แต่ไม่ใช่ในด้านอารมณ์ทางเพศ แต่เป็นความครุ่นคิดสงสัย ว่าทำไมจู่ ๆ หมอนั่นถึงมาปรากฏตัวที่นี่ได้ เขาลังเลอยู่ว่าจะถามไปเลยดีไหม แต่นั่นก็คงจะทำให้บรรณศรสงสัยเปล่า ๆ ชิตตพัณคนนี้ คนที่กำลังหมกมุ่นครุ่นคิด ยังมีเรื่องที่จะต้องช่วงใช้ชิตตพัณอีกคน ให้จัดการอะไรบางอย่างกับบรรณศร จัดการให้พ้นทางเขาได้เลยยิ่งดี ชิตตพัณหัวเราะ เมื่อรู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดกำลังสนุกมากขึ้นเรื่อย ๆ ทุกคนเหมือนกับแมลงที่มาไต่อยู่บนใยแมงมุมโดยไม่รู้ตัว พวกเขาจะถูกใยรัดให้ตายช้า ๆ อย่างทรมาน รอให้แมงมุมเจ้าของรัง เสพสุนทรียรสจากการสังหารไปเรื่อย ๆ
และในเวลานั้น ชิตตพัณอีกคนก็ตั้งคำถาม
“นายคิดว่านายเป็นแมงมุมอย่างนั้นหรือ?”
แพรอาภรณ์ค่อย ๆ เงยหน้าจากพื้น เธอรู้สึกว่าใครสักคนกำลังจับจ้องเธออยู่ และจริงอย่างที่คิด ธีรเดชยืนอยู่ข้างนอกท่ามกลางแสงจ้าของตะวันยามบ่าย เขาเบือนสายตาหลบจากเธอไปทางอื่น แต่ประธานชมรมพุทธฯสาวก็รู้อยู่ดีว่าเขาไม่ได้มองใครอื่นนอกจากเธอ
แพรอาภรณ์ไม่ได้ทักเขา เธอเพียงแต่มองนิ่ง ๆ ด้วยสายตานุ่มนวลและรอให้อีกฝ่ายเอื้อนเอ่ยวาจาก่อน
“แพร..”
เขาเรียกชื่อเธอแล้วก็ชะงัก
เธอพยักหน้าน้อย ๆ เป็นการตอบสนอง
“ทำอะไรอยู่หรือครับ”
รอยยิ้มเย็นใจจุดขึ้นบนดวงหน้าหมดจดของหญิงสาว “อ่านหนังสืออยู่จ้ะ”
“หนังสือธรรมะหรือครับ”
“ใช่จ้ะ สะสมมหาบุญ” เธอพูดชื่อหนังสือและยกปกเผยอขึ้นให้อีกฝ่ายพอมองเห็น
หนุ่มหล่อเข้มปรายตามองหนังสือธรรมะแล้วก็รู้สึกอึดอัด เขาไม่สนใจเรื่องพวกนี้สักนิด และนี่ก็เป็นกำแพงที่ทำให้เขาเข้าหาแพรอาภรณ์ได้ไม่ดีเท่าที่ควร ไม่เหมือนชิตตพัณ รายนั้นน่ะนะ... เอาอีกแล้ว ทำไมถึงต้องคิดถึงชิตตพัณด้วย ธีรเดชตั้งคำถามกับตนเอง แต่ก็ลืมเลือนคำถามนั้นไปในเสี้ยววินาที
“ผม..ไม่ค่อยได้อ่าน”
“หรือจ๊ะ”
“คงไม่มองผมเป็นคนบาปหรอกนะครับ” เขาออกตัวกลาย ๆ
“ถ้าเดชไม่เชื่อเรื่องบาปบุญ ถึงพี่บอกว่าเดชเป็นคนบาป มันก็คงไม่สำคัญอะไร”
“ผมเชื่อ แต่ว่า”
แพรอาภรณ์ถอนใจเบา ๆ “ถ้าสวรรค์มีจริง เดชไม่อยากขึ้นสวรรค์เหรอ”
“สวรรค์ของแพรเป็นยังไงล่ะครับ”
“อืม..” สายตาของเธอครุ่นคิด “มีทรัพย์สมบัติ แก้วแหวนเงินทองใช้สอยไม่หมดล่ะมั้ง”
“แล้วผมจะเอาไปซื้ออะไรล่ะ บนสวรรค์มีพารากอนเหรอครับ”
“มีความเพลิดเพลินเจริญใจอยู่ตลอดเวลา”
“เป็นโรคร่าเริงเกินเหตุพอดี”
“แล้วก็มีพระโพธิสัตว์มาโปรดเทศน์ให้ฟังอยู่เรื่อย ๆ”
“เดี๋ยวนี้คลิปธรรมะหาโหลดได้จากไอพอดแล้วครับ”
“เอ..” แพรอาภรณ์ลากเสียงยาวอย่างพินิจ ธีรเดชไม่กล้ามองตา เสหนีนิดหนึ่ง
“ผมไม่อยากไปสวรรค์” เขาบอก “ถ้ามันเป็นความสุขแบบสำเร็จรูป”
“แล้ว”
“ไม่รู้สิครับ”
หญิงสาวนิ่งไปอึดใจ “เดชชอบทรมานตัวเอง ทำไมถึงต้องทำอย่างนั้น”
สายตาที่หลุบตาของเขา ข้อนขึ้นมาสบตาอีกฝ่าย “อาจจะเพราะผมเป็นคนเลว ผมเหมาะที่จะลงนรกมากกว่าขึ้นสวรรค์”
มีบางเวลา ที่เราอยากให้คนอื่นเข้าใจเราครึ่ง ๆ กลาง ๆ เราอาจจะอยากสารภาพบาป แต่ละอายเกินกว่าที่จะพูดมันออกมาตรง ๆ การใช้ภาษาเป็นเครื่องมือ เพื่อบิดเบือนเรื่องราวให้เหลือเพียงครึ่ง ๆ กลาง ๆ อาจจะเป็นวิถีทางที่หลาย ๆ คนเลือก แต่มีไม่น้อยที่ผู้คนเลือกที่จะเดินในทางอันชัดเจน แต่คนที่มีไม่น้อยเหล่านั้น ก็มีน้อยเป็นอย่างยิ่ง
บรรณศรไม่ชอบหลบทางให้ใคร หลาย ๆ คนอาจจะมองว่าเขาเป็นนักเลงหัวไม้จากพฤติกรรมแบบนี้ แต่จริง ๆ แล้วเขาก็เพียงแค่ไม่ต้องการเดินในทางอ้อม ถ้าเขาอยู่ในทางของเขาและกำลังเดิน ผู้อื่นต้องเป็นผู้หลบให้เขา และเนื่องจากการเดินตรง ผู้ที่เดินร่วมทางเขาได้จึงมีแต่เดินนำหน้าหรือเดินตามหลังเท่านั้น
บรรณบถเดินตามหลังบรรณศรตรงแหน๋ว สองพี่น้องกำลังเดินกลับจากร้านก๋วยเตี๋ยวซึ่งทั้งคู่แวะทานด้วยกันก่อนกลับที่พัก บรรณบถไม่ได้คิดถึงเรื่องการเดินตรง แต่การที่เขาอยู่ข้างหลัง มันทำให้เขาได้สังเกตการณ์เคลื่อนไหวของสะบัก กล้ามเนื้อปีกหลังและไหล่ของพี่ชายอย่างชัดเจน แม้ว่าเขาจะถือโอกาสลูบมันอยู่ทุกวัน แต่การได้เห็นมันถูกซ่อนอยู่ภายใต้เสื้อชอปและเสื้อยืดบาง ๆ ก็ทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นได้
บรรณศรเดินใจลอยไปพลางครุ่นคิด เบื้องหน้าเขา ในสายตา มีเงาราง ๆ ของชิตตพัณคนที่เป็นแคมบอยเดินนำอยู่ มันเป็นการไล่ตามทางความคิด เมื่อชิตตพัณปล่อยให้บรรณศรพิศวงว่าเขาหายไปทางไหน ทำไมเขาจึงไม่กลับมายังสถานที่ที่เดียวที่เขาและบรรณศรสามารถมองกันและกันผ่านหน้าจอคอมพิวเตอร์ได้
ถึงแม้ว่าจะดูไร้แก่นสาร และมีชีวิตเล่นไปวัน ๆ แต่บรรณศรก็เป็นคนช่างคิด เขารู้สึกเปล่าเปลี่ยวขึ้นมาเมื่อนึกถึงเทคโนโลยีอันย่อโลกทั้งโลกมาไว้ในกำมือของแต่ละคน ทว่าในอีกทางหนึ่งก็ทอนความสัมพันธ์ของคนแต่ละคนให้เหลือเพียงเส้นด้ายบาง ๆ ซึ่งเมื่อมันขาด ก็จะไม่มีวันตามหาเส้นด้ายนั้นได้อีก รหัสที่เราใช้ติดต่อซึ่งกันและกัน บางครั้งก็เป็นตัวอักษรไม่กี่ตัว และบางครั้งก็เป็นตัวเลขเพียงเก้าหลัก มันเปราะบางเหลือเกิน
“คิดอะไรอยู่วะ”
“เปล่า” บรรณศรปฏิเสธ เขาชอบที่ตนเองจะเป็นคนไม่มีความคิด ใช่แล้ว เขาไม่จำเป็นต้องคิด
“มึงดูเครียด ๆ นะ เจอใครกวนตีนมาหรือเปล่า”
“อย่ายุ่งเรื่องของกู ไอ้บถ”
“กูแค่เป็นห่วง”
บรรณศรหยุดเดินกะทันหัน ผู้ตามชะงักกึก “มึงไม่จำเป็นต้องห่วงกู” เขานิ่งอั้นไปราวกับมีเรื่องหนักอึ้งอยู่ในใจ “กูต่างหาก..” เสียงของเขาแผ่วลง “ที่ต้องห่วงมึง”
บรรณบถก้มหน้า เขาเจ็บ..เจ็บลึกเข้ามาในอก เหมือนถูกเอามีดฉาบเกลือเสียบเข้ามาตรงกลางใจ เขารู้อยู่แล้วในเรื่องนี้ แต่เขาไม่อยากถูกตอกย้ำ กลไกของเขาสั่งให้ตอบโต้ทันที และมันกลายเป็นกำแพงหนาทึบที่ปราศจากความรู้สึก และไม่อยากให้ความรู้สึกใดผ่านเข้าออก..นอกจากอารมณ์..อารมณ์ปรารถนา
บนถนน ใกล้บ้าน ริมฟุตบาท ใต้แสงไฟหมองหม่น บรรณบถอยากจูบพี่ชายของตน และกอดรัดบรรณศรไว้จนกว่าจะตายไปข้างหนึ่ง
----------
เขียนตอนง่วง โพสต์ตอนง่วง ไปนอนล่ะ คร่อก
(ซอมบี้ก็ต้องการวันพักผ่อนนะคุณ)
((สรุปคนเขียนเป็นซอมบี้ไปแล้วใช่มั้ย))
(((อยากดูหนังเรื่อง Zombie Land จังเลย)))