บทที่ 7
ถ้าถามว่าทำไมผมถึงเขียนบทนี้ได้ช้านัก ผมคงจะต้องตอบว่ากำลังอยู่ในระหว่างการตัดสินใจว่าจะเรียกตัวเหี้ยว่าเหรี้ยหรือเฮี่ยดี เอ้าจริง ๆ นะ เรื่องนี้เป็นปัญหาที่ค่อนข้างจะสำคัญในระดับชาติและสังคมของเราที่การพูดจาหยาบคายอย่างเปิดเผยและจริงใจเป็นการกระทำที่น่าประณามและทนฟังไม่ได้จนอาจจะต้องหาส้นตีนสักอันมาอุดหู (อาจจะบางทีถ้าคุณเกลียดใครสักคนจนอยากพูดจาหยาบคายด้วยอย่างจริงใจ จะเป็นการดีกว่าถ้าคุณจะหยาบคายใส่เขาโดยอ้อมหรือลับหลังให้เจ้าตัวรู้ได้เองว่ากำลังถูกกระทำชำเราด้วยวาจา และนั่นแหละคือความหยาบคายอย่างปลิ้นปล้อนที่ยอมรับได้สำหรับสังคมไทย)
กลับมาพูดเรื่องเหรี้ยเฮี่ยอีกทีนึง หากจะว่าไปแล้วภาษาไทยก็เหมือนกับหญิงแพศยาร่านสวาทที่สมสู่กับชายชู้มากหน้าหลายตา และบ่อยครั้งมักจะยกย่องคู่ชู้มากกว่าผัวอันซื่อตรงของหล่อน อย่าปรากฏการณ์ที่เกิดขึ้นในสมัยดึกดำบรรพ์ที่ภาษาเขมรได้รับการยกย่องว่าเป็นความสูงส่งราวกับลำลึงค์ที่ผงาดขึ้นไปบนท้องฟ้า และเหมาะแก่ทวยเทพผู้สมสู่ในหมู่ญาติพี่น้องของตนเอง ภาษาสันสกฤตตามเข้ามาพร้อมกับศาสนาและวรรณคดี และเพิ่มความนิยมให้แก่การควบกล้ำด้วยร.เรือให้พุ่งกระฉูด นี่แหละผมกำลังอ้างว่าคำว่าเหรี้ยอาจจะดูไพเราะเพราะพริ้งและสูงส่งกว่าเหี้ยด้วยเหตุฉะนี้
กระนั้นแล้ว ผมจำได้ว่าสมัยยังเด็ก ๆ และได้ไปเข้าค่ายลูกเสือ มีฐานหนึ่งสอนให้ร้อง “เอีย ๆ” ซึ่งว่ากันว่าบีพีพาวเวลล์กล่าวว่าเป็นเสียงร้องของเสือ และพวกเราเป็นลูกเสือจึงต้องร้องเอีย ๆ ตอนนั้นผมกำลังชื่นชมกับการเป็นลูกเสือมากโดยไม่ตระหนักเลยสักนิดว่ากำลังถูกล้างสมองตั้งแต่เด็ก แต่อย่างไรผมก็ยังไม่ยอมร้องเอีย ๆ แต่ผมจะแผลงเป็น เฮี่ย ๆ เหมือนจะด่าพวกครูฝึกหน้าส้นตีนทั้งหลายไปในตัว แต่ก็เป็นไปได้อีกนั่นแหละว่าผมอาจจะกำลังต่อต้าน เพราะว่าลึก ๆ แล้วผมอยากให้เสือร้องว่า โคร่ง ๆ หรือ โฮก ๆ มากกว่า
ยังมีอีกว่าคำว่า เฮี่ย ได้วิวัฒน์จากภาษาอังกฤษว่า Here (ราชbanditสถาน 2009) และนั่นน่าจะเป็นเหตุผลเพียงพอให้มันได้รับ respect ยิ่งกว่าคำอื่น ๆ โอเคป่ะ?
และระหว่างที่ชิตตพัณกำลังชักชวนธีรเดชไปทำเรื่องเฮี่ย ๆ สกฤตก็กำลังทำเรื่องที่เรียกได้ว่าเฮี่ยหรือเปล่ากับเรือนร่างของบรรณบถ กล่าวคือเขากำลังลูบไล้แผงอกเปลือยของเพื่อน ตามมัดกล้ามอกที่พอมีของเด็กม.ปลาย บรรณบถนอนหลับตาอยู่บนเตียงในห้องที่แทบจะไม่มีเครื่องเรือน ห้องนอนของสกฤต แต่ถ้าดูใกล้ ๆ แล้วจะพบว่าบรรณบถไม่ได้หลับไปจริง ๆ เขาเพียงแค่หลับตาและปล่อยให้เพื่อนโลมลูบเนื้อตัวอย่างหื่นกระหายเท่านั้น
สกฤตเกิดอารมณ์ทางเพศรุนแรงมากจนต้องปลดกางเกงของตัวเองและใช้มือขวาจับชักอย่างรวดเร็วและรุนแรง ส่วนมืออีกข้างบดขยี้ไตนมที่เชิดสูงจากยอดของบรรณบถ เจ้าของร่างที่ถูกกระทำเบ้หน้าและปัดมือของอีกฝ่ายออก สกฤตเปลี่ยนไปลูบไล้ตรงหน้าท้องที่มีแนวกล้ามน้อย ๆ พื้นที่ตรงใต้สะดือของบรรณบถเนียนเรียบ ไม่มีริ้วรอยหรือเส้นขนสักเส้น สกฤตลูบลงไปและสอดนิ้วเข้าไปใต้ขอบกางเกงนักเรียนสีดำของเพื่อน สัมผัสกับพงไหมนุ่ม และก้อนเนื้อหยุ่นที่ยังคงหลับไหล
ด้วยจินตนาการว่าบรรณบถกำลังตอบสนองและพร้อมโจนทะยานเข้ามาร่วมรสรักกับเขา สกฤตสำเร็จความใคร่ในวินาทีที่แตะต้องความเป็นชายอันอ่อนล้าของบรรณบถนั่นเอง เขาคุกเข่าปลดปล่อยเมือกลาวาออกมาเป็นจังหวะราวกับกำลังราดรดน้ำมันหอมสู่รูปสลักของเทพเจ้าที่เขากำลังบูชาอยู่ บรรณบถถอนหายใจ และลืมตา
“เช็ดให้กูด้วย” เขาสั่ง
สกฤตซึ่งกำลังมึนเมากับแสงสีขาวถูกดึงกลับมากะทันหัน เขาสบสายตาเย็นชาของเพื่อนที่มีอำนาจเหนือเขาและรีบลุกขึ้นกุลีกุจอไปหาผ้ามาเช็ดให้อย่างหวั่นเกรง เขาตระหนักถึงข้อเท็จจริงอีกอย่างว่าบรรณบถไม่ได้มีอารมณ์ร่วมกับเขาเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าเขาจะพยายามแค่ไหน ความเป็นชายของบรรณบถก็ไม่ได้ชูชันตัวขึ้นสักนิด เขาจะลองวิธีใหม่ในคราวหน้า สกฤตคิดอย่างมาดหมาย
ฝ่ายบรรณบถเขาทั้งสมเพชและชิงชังเพื่อนของเขา แต่สิ่งที่เขารู้แน่คือสกฤตมีประโยชน์ อย่างน้อยก็เป็นผู้หาเครื่องสนองความพึงพอใจให้แก่บรรณศร และความพึงพอใจของพี่ชายก็คือความพึงพอใจของเขา เขานอนเหยียดยาวบนเตียงนอนของสกฤตโดยนึกถึงการเป็นเครื่องบัตรพลีของตน เขาอุทิศร่างนี้ให้แก่บรรณศรผ่านมืออันหยาบช้าของสกฤต
อันที่จริงสกฤตมิใช่คนรูปทราม เขาสูงร้อยแปดสิบห้าเซนติเมตร หุ่นดี ผิวไม่คล้ำไม่ขาว หน้าคม เหนือริมฝีปากมีไรหนวดอ่อน ๆ เป็นลักษณะของเด็กวัยรุ่นที่โตไว และมีเสน่ห์สำหรับเด็กสาว ๆ หลายคน เขายังมีดวงตาหวานเชื่อม และถ้อยคำรื่นหูเสมือนกลั่นจากน้ำผึ้ง ซึ่งแน่นอนว่าเขาใช้สำหรับทำเรื่องเฮี่ย ๆ โดยเฉพาะ
หลังจากที่สกฤตเอาผ้ากลับไปเก็บ บรรณบถก็ชันกายลุกขึ้น เขารู้สึกหนาวเยือก แต่ก็ไม่ได้คว้าเสื้อนักเรียนยับยู่ยี่มาใส่ เขาผ่อนลมหายใจช้า ๆ และมองไปเรื่อยโดยไร้จุดหมาย สกฤตเดินและเห็นหน้าท้องเปลือย ๆ ซึ่งขยับไหวเป็นลอนกล้ามของเพื่อนสนิท ก็รู้สึกร้อนวาบ ๆ ที่ท้องน้อยทั้ง ๆ ที่เพิ่งเสร็จสมไปเมื่อครู่ เขาเดินมาใกล้ และสายตาคมกริบของบรรณบถก็เปลี่ยนมาจับจ้องดวงหน้าของเขากะทะหัน
“มึงรู้มั้ย ไอ้ศรมันชอบผู้ชาย”
สกฤตนั่งลงข้าง ๆ สีหน้าเขางุนงง ถามกลับ “พี่มึงก็เอาทั้งผู้หญิงทั้งตุ๊ดไม่ใช่เหรอวะ”
“ไม่ใช่กะเทยหรือตุ๊ด กูหมายถึงผู้ชายที่แมน ๆ แบบมึงน่ะ ถึงหน้ามันจะใสเหมือนผู้หญิงก็เถอะวะ”
“อันนี้กูก็ไม่รู้ว่ะ มันอาจจะอยากลองของแปลกล่ะมั้ง” สกฤตพูดกลั้วหัวเราะเมื่อนึกว่าของแปลกบางอย่างที่สกฤตลองเขาไม่นึกอยากรู้เลยด้วยซ้ำ แต่แล้วเขาก็หยุดหัวเราะเมื่อเห็นสีหน้าของบรรณบถ
“แต่กูไม่ชอบ กูไม่ชอบให้มันไปชอบผู้ชาย ถ้ามันอยากเอาผู้หญิงสำส่อนหรือตุ๊ดร่าน ๆ ก็เอาไปสิ ทำไมมันต้องอยากเอาผู้ชายด้วย”
สกฤตพูดไม่ออก เขาไม่กล้าพูดอะไรตอนที่บรรณบถโกรธจนหน้าแดงก่ำ และมีสองตาแดงฉานเหมือนเทพเจ้าแห่งการแก้แค้น เขารอพักหนึ่งจึงพูดเสียงอ่อย ๆ ยืนยันความคิดเดิม
“มันอาจจะแค่อยากลองก็ได้นะ”
“ถ้ามันอยากลอง” บรรณบถพูดด้วยเสียงฟ่อ ๆ ในลำคอ “กูจะให้มันลอง” เขาหันมามองหน้าสกฤตด้วยสายตาเย็นเยือกเหมือนน้ำแข็ง “มึงไง กูกะไอ้ศรก็หน้าเหมือน ๆ กัน ถ้ามึงชอบกู มึงก็คงทนไอ้ศรได้”
เป็นอีกครั้ง ที่บรรณบถรู้ว่าอำนาจของเขาอยู่ตรงไหน หัวใจของสกฤตชาวาบเมื่อรู้ว่าถูกอ่านความรู้สึกออก และความหลงใหลในตัวเพื่อนของเขาถูกย้อนกลับมาเป็นเครื่องมือ ความรักในความหมายที่เราตกลงกัน ได้พันธนาการสกฤตไว้อย่างหนาแน่นยิ่งกว่าความเหนียวของเส้นผมสตรี เพราะนี่คือเส้นผมของบุรุษ
สิ่งแรกที่ธีรเดชเห็นเมื่อย่างเท้าเข้าไปในห้องพักของชิตตพัณคือความเป็นระเบียบ หนังสือ เสื้อผ้า ข้าวของเครื่องใช้ทุกอย่างวางไว้อย่างเป็นระเบียบ รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ทั้งหลายในห้องที่สีสันขนาดรูปทรงถูกจัดไว้อย่างกลมกลืน ให้ความรู้สึกชัดเจน เพราะว่าความเป็นระเบียบของชิตตพัณ ไม่ได้หมายถึงการตั้งเส้นที่ไม่อาจผ่อนปรนหรือการพยายามจัดเรียงชื่อสิ่งของตามตัวอักษร แต่มันหมายถึงอำนาจของเขา อำนาจที่ควบคุมทุกสิ่งทุกอย่างได้โดยปราศจากความสับสน
ดังนั้นสิ่งที่ธีรเดชสัมผัสคืออำนาจ เขาถูกพาไปนั่งที่เก้าอี้ไร้พนักข้าง ๆ โต๊ะคอมพิวเตอร์ ความตื่นเต้นทางเพศที่เริ่มมาตั้งแต่ตอนที่อยู่โรงพยาบาลเริ่มถูกแทนที่ด้วยความสับสน เขาไม่ค่อยแน่ใจว่าเขามาทำอะไรกันแน่ ส่วนหนึ่งของมโนทัศน์ที่ถูกปลูกฝังบอกธีรเดชว่าคนที่เขาควรอยู่ด้วยและกำลังจะทำกิจกรรมต่อไปนี้น่าจะเป็นแพรอาภรณ์ซึ่งเป็นเพศตรงกันข้ามมากกว่าชิตตพัณซึ่งเป็นเพศเดียวกัน แต่อำนาจ..อำนาจของเพื่อนเขาที่แผ่ปกคลุมในระยะเวลาสั้น ๆ ได้บีบการตัดสินใจของหนุ่มนักบอลให้จนตรอก
ชิตตพัณวางกระเป๋าลงที่มุมห้อง และเดินมาเปิดคอมพิวเตอร์
“เรากำลังจะทำอะไร”
“โชว์นิด ๆ หน่อย ๆ”
ธีรเดชเริ่มเดาออกก็ร้อง “เฮ้ย” และทำท่าจะลุกขึ้น
แต่ชิตตพัณรีบยกขาข้างขวาที่ใกล้กับเพื่อนมาพาดบนตักของธีรเดช เขาจงใจใช้เท้าในถุงเท้าเนื้อหยาบเหยียบเสียดสีกับก้อนหยุ่น ๆ ในกางเกงบอลของอีกฝ่าย ธีรเดชเหมือนถูกจุดไฟขึ้นมากะทันหัน แค่แตะหรือสัมผัส สมองเขาก็นึกถึงภาพของปลายเท้าเนียนที่ช่วยสำเร็จความใคร่ให้เขาบนรถแท๊กซี่ เขาครางหงิงเหมือนสุนัขเชื่อง ๆ ตัวหนึ่ง
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ทุกคนชอบเป็นนักแสดงทั้งนั้นแหละ”
ไม่มีใครรู้ว่าคำพูดของชิตตพัณกินความลึกแค่ไหน ตอนนี้คอมพิวเตอร์ได้เปิดขึ้นแล้ว ชิตตพัณเปิดโปรแกรมแคมฟรอก และระหว่างที่รอกระบวนการลอกอิน เขาก็ปลุกอารมณ์ของธีรเดชด้วยเท้า
ตอนนี้ธีรเดชอยู่ในอารมณ์คลั่งจนเกือบจะเป็นอาการซึมเซา เขาอยากจะกระทำชำเราอวัยวะที่สวยที่สุดของชิตตพัณเสียเดี๋ยวนี้ แต่คงจริงอย่างที่ชิตพัณบอก มนุษย์ทุกคนชอบเป็นนักแสดง และธีรเดชเองก็กำลังรอให้ผู้ชมพร้อม ถึงแม้ว่าเขาจะไม่รู้ตัวว่ากำลังคิดเช่นนั้น
ในวินาทีที่ชิตตพัณเข้าไปในห้องแคมฟรอก บรรณศรก็ลอกอินเข้ามาพร้อม ๆ กัน บางคนอาจจะเชื่อว่าเป็นเรื่องของโชคชะตา แต่ถ้าถามชิตตพัณเขาจะบอกว่าเป็นเพียงการเขียนบทอันเยี่ยมยอดไร้ที่ติของพระเจ้า และพระเจ้าในความหมายของเขา บางครั้งก็ไม่เหมือนกับเรา แต่ผมคิดว่าเราไม่ควรถกเถียงกันในเรื่องนี้
บรรณศรล็อกห้อง แขวนป้ายห้ามรบกวนไว้ข้างหน้า ตาเขาจ้องมองหาชื่อของชิตตพัณ เมื่อพบเขาก็กดส่อง เขารู้สึกหงุดหงิดใจขึ้นมาเมื่อพบว่าคนที่อยู่ในกล้องไม่ได้มีแต่ชิตตพัณเพียงผู้เดียว แม้ว่ากล้องจะส่องเห็นแค่ตักและหน้าอกของหนุ่มในชุดนักบอล แต่บรรณศรก็สังหรณ์ว่าหมอนี่ต้องรูปร่างหน้าตาดีมากทีเดียว
เขา, บรรณศร ไม่มีอารมณ์อยากจะโชว์ตอนนี้ เขากลายเป็นหนึ่งในผู้ชมที่คอยเฝ้าดูว่าเท้าอันซุกซนของชิตตพัณกำลังจะทำอะไรกับเป้าตุงเต็มและกำลังขยายตัวของอีกหนึ่งหนุ่ม ชิตตพัณปรับกล้องให้เห็นใบหน้าของตนเอง และของเพื่อนใหม่ ซึ่งเบือนหน้าหนีเมื่อรู้สึกว่าถูกสายตานับร้อยจับจ้องอยู่
ข้อความที่แสดงความหยาบคายทางเพศเข้ามาอย่างตรงไปตรงมาจากหลาย ๆ มือที่กำลังรัวบนแป้นพิมพ์ และบางมือยังติดคราบน้ำเมือกหล่อลื่นของตนเองอยู่ด้วยซ้ำ ธีรเดชหล่อเร้าอารมณ์อย่างไม่ต้องสงสัย และหลาย ๆ คนก็กำลังเสนอตัวให้เขาทั้ง ๆ ที่รู้ว่าเขาเป็นของชิตตพัณ
“อยากพิมพ์ตอบมั้ย” ชิตตพัณกระซิบถามเพื่อนซึ่งหน้าแดงก่ำเพราะความอาย ธีรเดชส่ายหน้าไม่ส่งเสียง เขาเริ่มรู้สึกอึดอัดเพราะความแข็งชูชันของตนมันล้นเต็มกางเกงใน และมันเจ็บ
ชิตพัณปรับกล้องให้เห็นส่วนกลางลำตัวของทั้งสองคน เขาลุกขึ้นจากเก้าอี้และถอดเสื้อบอลออกหน้ากล้อง ท่าทางการถอดของเขาช่างเย้ายวนเปี่ยมเสน่ห์ มันล่อลวงราวกับสัญญาของปีศาจที่ล่อมนุษย์ผู้หลงผิดมาเป็นทาสช่วงใช้
ช่วงที่เร้าอารมณ์ของธีรเดชก็คือตอนที่ชิตพัณณถอดกางเกงลงช้า ๆ เขายกขาข้างหนึ่งออกจากขากางเกง และปล่อยให้กองผ้านุ่มลื่นติดอยู่บนปลายเท้าอีกข้างที่เหยียบอยู่บนเก้าอี้ ในกล้องทุกคนได้เห็นอย่างชัดเจนถึงขาอ่อนสีขาวละเอียดเหมือนน้ำนมของวัวศักดิ์สิทธิ์อันราดรดลงมาบนเทวรูปหินอ่อนของเทพีแห่งพรหมจรรย์ ท่อนขาของชิตตพัณทั้งแข็งแกร่งและดูบอบบางจากสีและความเนียนไร้ที่ติของมัน เขาพยักหน้าให้แก่ธีรเดช ซึ่งช่วยปลดกางเกงจากปลายเท้าของชิตตพัณออกอย่างเต็มใจจนเกือบจะกระตือรือล้น
ธีรเดชอดใจแทบไม่ไหวเมื่อเห็นข้อเท้าขาวผ่อง เขาใช้มือสั่นระริกแตะต้องเนื้อเนียนราบเรียบนั้นและดึงร่นถุงเท้าออกไปทีละน้อย เขาคุกเข่าลงกับพื้นประคองเท้าเปลือยของชิตตพัณขึ้นมาจากเก้าอี้ และพรมจูบลงไปอย่างเสน่หา ฝีปากของธีรเดชเหมือนกับโสเภณีผู้คร่ำโลก ดูดดุนหัวแม่เท้าของชิตตพัณราวกับว่ามันคือก้อนแอมโบรเชียอันเป็นทิพย์ เขาเลื่อนมาขบเม้มตรงระหว่างง่ามนิ้วอันยังความเสียวแปลกให้ผู้ได้รับการปรนเปรอสะดุ้งเสียวและทำท่าจะชักเท้าถอย แต่มือของธีรเดชเหมือนคีมเหล็ก มันจับส่วนที่เขากระทำชำเราอยู่ขึงไว้ไม่ให้ขยับเขยื้อน ธีรเดชขบและกัดอย่างพอแรงเหมือนลูกสิงโตฟันขึ้นใหม่กำลังลับเขี้ยว บีบของเขาบีบเค้นหมายสัมผัสให้ลึกไปถึงแก่นวิญญาณผ่านทางเท้าของชิตตพัณ
ในจำนวนศาสตร์ลี้ลับของอินเดีย การกดจุดสะท้อนเท้าถือว่าเป็นที่นิยมมากที่สุดศาสตร์หนึ่ง ความเชื่อของพวกเขาบอกว่าแต่ละจุดบนฝ่าเท้าและนิ้วเท้าต่างก็เชื่อมโยงกับอวัยวะต่าง ๆ ทุกส่วนในร่างกายของเจ้าของเท้า ในเมืองไทยศาสตร์นี้มีผู้เชี่ยวชาญจำนวนมาก โดยเฉพาะตามมาสสาจสปาแฝงบริการต่าง ๆ ซึ่งเด็กนวดระดับดาวประจำร้านมักจะล่วงรู้ว่าการนวดที่จุดใดในเท้าที่สามารถกระตุ้นอารมณ์ทางเพศได้
และ..เราจะพูดคุยถึงเรื่องเฮี่ย ๆ กันต่อไป เร็ว ๆ นี้ ผมสัญญา