มาแล้วครับ
ฮือฮือ ฮึกฮือ คุณนายช่างยั่วจริง บ้านอยู่ไหน จะส่งลูกชายวัยสิบเก้าสุดหล่อไปยั่ว
เดี๋ยว PM ไปบอกแผนที่บ้านอย่างละเอียดเลยครับ
“วรุฒม์หรือครับ” วิษณุเสี่ยงที่จะพูดถึงวรุฒม์เพื่อดูท่าทีของภีรวัส “เรื่องนั้นไม่ต้องห่วง อีกสองสามวันวรุฒม์ก็ต้องย้ายกลับกรุงเทพฯ แล้ว พอไปถึงแม่สะเรียง วรุฒม์ก็คงขนของขึ้นรถกลับกรุงเทพฯ พอดี แต่ผมจะกันไม่ให้วรุฒม์มารบกวนคุณ ผมขอสัญญา”
“แต่ว่า...”
“อย่ามีแต่เลยครับภีร์ อย่าปฏิเสธความหวังดีของผมเลยนะครับ อย่าปฏิเสธตัวเอง” วิษณุยื่นหน้าเข้ามาใกล้หูของภีรวัสแล้วกระซิบเบาๆ
วรุฒม์ยืนขบกรามมองดูชายหนุ่มสองคนที่นั่งอยู่บนแคร่ไม้หน้าบ้านพักหลังเล็ก วิษณุกำลังนวดเท้าให้ภีรวัสซึ่งกำลังอ่านหนังสือ เขารู้มาสามวันแล้วว่าภีรวัสกลับมาพักฟื้นที่แม่สะเรียง โดยมี 'แพทย์ทหาร' เพื่อนของเขาดูแลอย่างใกล้ชิด
...ทำไมอิศราปล่อยให้วิษณุมาทำแบบนี้...
…“ผมไม่สน จะไปทำอะไรกันที่ไหนก็เชิญ คนอย่างอิศราจะหาผู้ชายคนใหม่เมื่อไหร่ก็ได้ เอาให้หล่อให้ล่ำให้ใหญ่กว่าผู้พันก็ได้สบายมาก”...อิศราตอบเสียงสะบัดเมื่อเขาคุยโทรศัพท์ด้วยเมื่อวานนี้
...แปลก วิษณุกับอิศราดูรักกันอยู่ดี จู่ๆ วิษณุก็เปลี่ยนไปเฉยๆ อิศราซึ่งแต่ก่อนดูท่าทางหึงหวงวิษณุ ตอนนี้กลับทำไม่แยแส...
...คิดว่าวรุฒม์โง่หรือไง ก่อนจะทำอะไรกันแบบนี้ไม่ปรึกษาเขาเลยแม้แต่น้อย แผนตื้นๆ คิดว่าจะหลอกเขาได้ยังงั้นหรือ แต่เอาเถอะ วิษณุกับอิศราก็คงอยากช่วยเขากระมัง จะยกโทษให้ซักครั้ง...
...ส่วนภีรวัส เขาจะจัดการเอง...
แต่ทั้งที่รู้ว่าวิษณุแกล้งทำ วรุฒม์ก็อดหึงหวงไม่ได้ ยิ่งเห็นสัมผัสกันอ่อนโยนแบบนั้นยิ่งทำให้วรุฒม์แทบบ้า
“รุฒม์” วิษณุอุทานขึ้นเสียงเบาๆ มือที่กำลังทายาให้ภีรวัสชะงัก ส่วนคนเจ็บก็ลดหนังสือที่อ่านอยู่ลงทันใด เงยหน้ามองวิษณุด้วยสายตารู้ทัน วิษณุบอกเขาว่าวรุฒม์จะย้ายกลับกรุงเทพฯ หนึ่งวันหลังจากเขามาถึงแม่สะเรียง แต่ตอนนี้ วรุฒม์มายืนอยู่ใกล้ๆ ตั้งแต่เมื่อไหร่ก็ไม่รู้ มาอย่างเงียบเชียบ ไม่ได้ยินแม้แต่เสียงรถแล่นเข้ามาจอด
“มีเรื่องฉุกเฉินที่โรงพยาบาล นายไม่รู้เรื่องหรือวิษณุ” วรุฒม์เสียงเข้ม จ้องตาเพื่อน
“เราออกเวรแล้ว” วิษณุยักไหล่แล้วเก็บขวดยา หันไปพูดกับภีรวัสด้วยเสียงอ่อนโยน “เดี๋ยวก็ดีขึ้นแล้วครับ คุณภีร์ต้องเดินบ่อยๆ ยืดเส้นยืดสายบ้าง กล้ามเนื้อจะได้คลายตัว แต่ถ้ายังตึงอยู่ ผมจะมานวดให้อีก”
...หมั่นใส้ อยากจะกระชากคอเสื้อของวิษณุแล้วลากออกไปโยนทิ้งที่ิริมถนน จะเล่นละครเกินบทบาทไปแล้วนะ...
“ปวดต้นคอจังเลยครับ” ภีรวัสยกมือขึ้นบีบต้นคอตัวเอง ทำเป็นไม่สนใจวรุฒม์
“ก็คุณภีร์นั่งอ่านหนังสือนานเกินไป เดี่ยวผมนวดให้” วิษณุลุกขึ้นยืน เดินอ้อมมานั่งลงด้านหลังของภีรวัส แต่วรุฒม์เดินเข้ามานั่งอยู่ใกล้ๆ แล้วทำตาขวางใส่เพื่อน
“นายว่างหรือรุฒม์ เห็นยุ่งมาหลายวัน”
“ว่างแล้ว” วรุฒม์ตอบเสียงห้วน “เราว่านายไปดูที่โรงพยาบาลเถอะ เขากำลังต้องการแพทย์”
“ไม่เห็นมีใครตาม” วิษณุไม่มีท่าทีจะใส่ใจ
“ผู้บัญชาการกองพันกำลังตามนายอยู่นี่ไง ไม่สิ พันโทวรุฒม์กำลังสั่งให้นายกลับไปทำงานที่โรงพยาบาล” วรุฒม์ถลึงตาใส่วิษณุซึ่งยังคงทำหน้ายิ้มๆ แต่ในที่สุดก็ก้มลงพูดกับภีรวัสเบาๆ
“เดี๋ยวผมกลับมานะครับคุณภีร์ ผู้บัญชาการกองพันท่านสั่งมาแล้ว ไม่ไปเดี๋ยวจะโดนขังคุกทหาร”
“แต่นี่ไม่ใช่เวลาทำงาน แล้วก็ใกล้ถึงเวลาท่านอาหารเย็นแล้ว ผู้พันคงหิว” ภีรวัสน้ำเสียงห่วงใย พยายามไม่หันไปมองวรุฒม์ แต่เขารู้ว่าฝ่ายนั้นกำลังทำหน้าบึ้ง
เขาไม่อยากให้วิษณุทิ้งเขาให้อยู่กับวรุฒม์ตามลำพัง
...เพราะอะไร...
...เพราะกลัวโดนวรุฒม์ดุ หรือเพราะกลัวจะแพ้ใจตัวเอง...
ในที่สุดวิษณุก็ต้องไป วรุฒม์นั่งเงียบมองจนรถของวิษณุลับตาก่อนจะหันมาถามภีรวัสด้วยเสียงราบเรียบว่า “เจ็บแผลหรือเปล่าครับ”
ภีรวัสส่ายหน้าแล้วยกหนังสือขึ้นมาอ่าน แสดงให้อีกฝ่ายเห็นว่าไม่ต้องการสนทนาด้วย วรุฒม์ไม่พูดอะไรต่อ นั่งนิ่งเงียบมองธรรมชาติรอบข้างอย่างใจเย็น แต่คนที่อ่านหนังสือกลับอ่านไม่รู้เรื่อง ใจเต้นตึกตัก อยากจะเงยหน้าขึ้นมาแล้วหันไปมองว่านายทหารผู้เคร่งขรึมกำลังทำอะไรอยู่ถึงได้เงียบเช่นนี้
“ผมคิดถึงคุณมาก” จู่ๆ วรุฒม์ก็พูดขึ้นมาเบาๆ “คุณคงโกรธที่เห็นผมเงียบไป”
“นึกว่าคุณย้ายกลับเข้าไปประจำที่กรุงเทพฯ แล้ว” ภีรวัสพูดขึ้นมา
“ผมเข้าใจว่าคุณงอน” วรุฒม์ไม่ตอบคำถามของภีรวัสที่เบี่ยงเบนประเด็นออกไปพูดเรื่องอื่น
“ทำไมผมต้องโกรธ” ภีรวัสยอมกลับมาพูดเรื่องที่วรุฒม์เริ่ม
“เพราะผมไม่ได้มาง้อคุณ” วรุฒม์ตอบ
“ผมไม่ได้งอน ไม่มีเหตุผลที่ผมต้องงอน เพราะฉะนั้นจึงไม่มีเหตุผลอะไรที่คุณต้องมาง้อ” ภีรวัสยักไหล่ ตายังจ้องอยู่ที่หนังสือราวกับสนใจเป็นอย่างยิ่ง แต่สองตามองไม่เห็นตัวหนังสือแม้แต่ตัวเดียว
“มีสิครับ” วรุฒม์ขยับเข้ามาใกล้จนได้ยินเสียงหายใจหนักๆ “เพราะคุณคิดว่าผมไม่ได้รักคุณ ไม่แคร์คุณ ไม่ห่วงคุณ”
“อย่ามาพูดเองเออเองนะผู้พัน”
“งั้นหรือ คุณคิดยังงั้นหรือ ตอบผมทีสิครับว่าคุณไม่รู้สึกทุรนทุรายคิดถึงผม”
“ผมไม่ได้คิดถึงคุณเลย”
“ถ้ายังงั้นกลับมาทำไม”
...วิษณุหลอกเขานะสิ ไหนบอกว่ามาถึงแม่สะเรียงได้วันเดียววรุฒม์ก็จะย้ายกลับกรุงเทพฯ...
...หรือเพราะจะได้มาอยู่ใกล้ๆ วรุฒม์ แม้จะเป็นเวลาช่วงสั้นๆ แค่วันเดียวหรือแม่กระทั้งครึ่งวัน และหวังลึกๆ ว่าวรุฒม์จะมาง้อ...
...เขามาพักฟื้นต่างหาก การได้พักฟื้นกลางธรรมชาติบริสุทธิ์จะช่วยให้อาการบาดเจ็บของเขาดีขึ้น...
“ผู้พันวิษณุชวนผมมา”
“คุณก็เลยมา” วรุฒม์พูดต่อ “เพราะคุณรักวิษณุ”
“ใครบอก” ภีรวัสพึมพำ เผลอตัวปฏิเสธ ในใจเขานั้นยอมรับว่าไม่เป็นตัวของตัวเองเวลาอยู่ใกล้วรุฒม์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งตั้งแต่ที่วรุฒม์บอกรักเขา
“อ้าว คุณไม่ได้รักวิษณุหรอกหรือครับ” วรุฒม์ทำเสียงแปลกใจข
“คุณอยากให้ผมตอบว่ายังไง” ภีรวัสพูดกับวรุฒม์โดยที่ยังก้มหน้ามองหนังสือ
“ตอบตามที่ใจคุณคิดสิครับ” วรุฒม์ยื่นหน้าเข้ามาใกล้มากจนจมูกแทบจะชนแก้มของอีกฝ่าย “ผมอยากรู้ว่าคุณจะคิดเหมือนผมหรือเปล่า”
“คุณจะคิดอะไรผมไม่รู้”
“คุณรู้ว่าผมคิดอะไร”
“ผมไม่ใช่ผู้วิเศษจะได้อ่่านใจคนออก”
“ผมรู้ว่าคุณเข้าใจว่าผมคิดยังไง”
“ดูคุณมั่นใจมากเลยนะ”
“ก็พอสมควร”
“ผมไม่ได้รักใคร ผมไม่อยากคิดเรื่องนี้ให้ปวดหัว” ภีรวัสยักไหล่ แล้วขยับตัวออกห่างวรุฒม์ซึ่งขยับตามทันที
“โกหก”
“ทำไมผมต้องโกหก” ภีรวัสวางหนังสือลง กระเถิบออกห่างวรุฒม์อีก และหันหน้ามาเผชิญหน้ากับนายทหารผู้มั่นใจในตัวเอง
“เพราะคุณหวาดระแวง กลัวว่าจะโดนคนอื่นทำกับตัวอย่างที่ตัวเองเคยทำกับคนอื่น” วรุฒม์เสียงเข้ม
“ทำไมผมต้องระแวง มีเหตุผลเพียงพอและเหมาะสมที่จะทำให้ผมระแวงหรือครับ” ภีรวัสเอียงหน้าถาม เผยรอยย้ิมเยาะๆ
“หยุดเล่นถามคำถามย้อนผมได้แล้วภีรวัส” วรุฒม์ถอนหายใจ “ผมรอมานานแล้ว ผมจะไม่รออีกต่อไป”
“คุณรออะไร ทำไมต้องรอ หมายความว่ายังไง” ภีรวัสยังคงถามคำถามต่อ
“เพราะผมต้องการคำตอบ” วรุฒม์ขยับตามภีรวัสซึ่งขยับตัวหนีทันทีเช่นกัน
“คุณอยากได้คำตอบอะไร”
“คำตอบที่ว่าคุณจะเอายังไงกับผม” วรุฒม์รุกหนัก ขยับชิดตัวชายหนุ่มและจับมือของภีรวัสเอาไว้
ภีรวัสขยับหนีวรุฒม์อีก แต่คราวนี้นั่งอยู่ชิดขอบของแคร่ไม้ที่สูงประมาณเกือบสองฟุต ภีรวัสหันไปมองอย่างระวังเพราะกลัวตก
“แล้วจะให้ผมเอายังไงกับคุณ” ภรีวัสยังคงเล่นลิ้น ตั้งใจว่าจะไม่ยอมจนคำพูดง่ายๆ วิธีการนี้เขาเคยใช้ได้ผลมาตลอด นั่นก็คือการตอบคำถามคนที่ซักไซร้ไล่เลียงเขาด้วยการใช้คำถามวนไปวนมา อีกไม่นาน คนที่ซักเขาก็จะปวดหัวและอ่อนอกอ่อนใจเลิกซักไปเอง
“คุณนี่จริงๆ เลย” วรุฒม์ส่ายหน้า ขยับเข้ามานั่งเบียดภีรวัสจนชิดตัว แต่ครั้นเห็นภีรวัสทำท่าจะขยับตัวก็รีบท้วงขึ้นว่า “ระวังตกนะครับ ตกลงลงไปนั่นน่ะจะเจ็บมากๆ เลยล่ะ คุณกำลังขาหัก กระดูกจะไม่ต่อติดกัน ต้องเข้าเฝือกใหม่ จะอยู่ในสภาพนี้ต่ออีกหลายเดือน”
...รู้จักภีรวัสน้อยไปซะแล้ว...
ภีรวัสไม่ตอบ จู่ๆ ก็ยกขาลงวางกับพื่้นแล้วขยับตัวพยายามยันตัวลุกขึ้น แต่เพราะเจ็บแผลและเรี่ยวแรงมีไม่พอชายหนุ่มจึงเข่าอ่อน เซไปด้านข้าง ก่อนจะล้มลงกับพื้น
...วรุฒม์ไม่คว้าเขาไว้เลย นั่งมองดูเขาล้มต่อหน้าต่อตา ถ้ากอดเขาเอาไว้ก็คงไม่ทรุดฮวบแบบนี้หรอก...
...แต่อย่าหวังว่าจะได้ยินภีรวัสร้องเจ็บซักคำนะ...
ภีรวัสหน้านิ่วคิ้วขมวด เม้มปากแน่น พยายามจะยันตัวลุกขึ้นแต่ก็หมดปัญญา เส้นเอ็นขาขวากระตุก เจ็บจนสะท้านไปทั้งตัว
“เจ็บไหมครับ” วรุฒม์ลุกขึ้นมาช้าๆ แล้วนั่งยองๆ ข้างภีรวัส ถามด้วยน้ำเสียงราบเรียบ มือยื่นมาแตะแขนของชายหนุ่ม แต่ภีรวัสสะบัดแขนแล้วขยับหนีออกห่าง
...อะไรจะดื้อขนาดนี้ เจ็บจนน้ำตาเล็ด นั่งกองอยู่กับพื้น ไม่ร้องแม้แต่คำเดียว แล้วยังทำท่าอวดดีอีก นี่นะหรือคือภีรวัส...
...พยศแบบนี้ล่ะที่เขาชอบ...
วรุฒม์ส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนจะอ้อมมาทางด้านหลังของภีรวัส สอดแขนเข้ารัดรอบอกแล้วดึงตัวคนขาเจ็บให้ลุกขึ้น
“อย่ามายุ่ง” ภีรวัสห้ามเสียงห้วน วรุฒม์ไม่สนใจ อ้อมมาทางด้านหน้าของภีรวัส ย่อตัวแล้วยกคนเจ็บขึ้นพาดบ่า
“ผู้พัน จะทำอะไร” ภีรวัสโวยวาย
“ถ้าดิ้น ผมจะทิ้งคุณลงเดี๋ยวนี้” วรุฒม์เสียงกร้าว ใช้แขนรัดขาข้างที่ไม่เจ็บของภีรวัสเอาไว้แน่นเพราะชายหนุ่มเริ่มดิ้นทันทีที่ถูกเขาห้าม
“แน่จริงก็ทิ้งสิ ไม่ต้องขู่ผมหรอก” ภีรวัสเสียงกร้าวไม่แพ้กัน
วรุฒม์ไม่สนใจ แบกชายหนุ่มเดินขึ้นไปบนบ้านแล้วตรงไปยังห้องนอน
...พอกันที เล่นเกมกันมานานแล้ว คราวนี้เขาจะจัดการภีรวัส 'ขั้นเด็ดขาดจริงๆ' เสียที
“ผู้พันวรุฒม์ คุณจะทำอะไร” ภีรวัสโวยวายเมื่อมองเห็นประตูห้องนอนของตัวเอง
“ลองทายดูซิครับว่าผมจะทำอะไร”
“อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ” ภีรวัสทุบเข้าที่กลางหลังของนายทหารหนุ่มแล้วเริ่มดิ้นมากกว่าเดิม
“โอ๊ย” วรุฒม์ร้องเบาๆ แต่ก็ไม่ยอมหยุด นายทหารร่างใหญ่ใช้เท้าถีบประตูห้องนอนที่เปิดแง้มเอาไว้ แล้วเดินไปหยุดยืนอยู่กลางห้อง ตามองไปยังเตียงขนาดใหญ่ปูด้วยผ้าปูเตียงสีเขียวเข้มลายทางขาว
“คุณคิดว่าผมจะทำอะไรล่ะ”
“จะไปรู้คุณหรือ ปล่อยผมลงไปนะผู้พัน อย่ามาเล่นอะไรแผลงๆ แบบนี้” ภีรวัสสั่งเสียงเข้ม
“ใครว่าผมเล่น” วรุฒม์ตอบ “ผมเอาจริง คุณต่างหากที่ควรจะเลิกเล่นได้แล้ว เลิกเล่นกับหัวใจของคน เลิกเล่นกับหัวใจของตัวเอง เลิกเล่นกับความรักและหัวใจของผม”
“ทำไมคิดว่าผมเล่น” ภีรวัสเสียงอ่อนลง
“บอกมาก่อนสิว่า จริงๆ แล้วคุณคิดยังไงกับผม ถ้าไม่ยังงั้นผมก็จะไม่ปล่อยคุณลงเด็ดขาด” วรุฒม์ยื่นคำขาด
“ไม่หนักก็แบกไป” ภีรวัสท้า
วรุฒม์ยืนนิ่งเงียบ ขยับเปลี่ยนมือที่จับต้นขาของภีรวัส มืออีกข้างกดเอวของชายหนุ่มเอาไว้ให้แนบแน่นกับบ่ากว้างของเขา และเริ่มใช้มือด้านที่จับต้นขาของภีรวัสลูบไล้เบาๆ
“ปล่อยนะ” ภีรวัสเสียงแผ่ว กายสะท้านเพราะสัมผัสของวรุฒม์ แต่ในขณะเดียวกันก็เริ่มหายใจไม่ออกเพราะท้องกดอยู่กับไหล่แข็งแกร่งของนายทหาร
“ว่าไงครับ” วรุฒม์ถามขึ้นมาค่อยๆ
“ว่าไงอะไร” ภีรวัสยังปากดี
“บอกผมมาสิว่าคุณจะยอมผมหรือยัง เลิกเล่นอะไรบ้าๆ ซะเถอะ แล้วเปิดหัวใจที่แท้จริงออกมา ถ้าคุณยังไม่ยอม ผมจะแบกคุณไว้แบบนี้ ถ้าผมหมดแรง เราก็ล้มลงกับพื้นพร้อมๆ กันทั้งสองคน”
“ตามใจ” ภีรวัสพูดเสียงเย็น พาดตัวนิ่ง แต่เม้มริมฝีปากแน่นเพราะเริ่มจุก
...บ้าจริงๆ คนอะไรก็ไม่รู้ เอาพลังมาจากไหนมากมาย ไม่หนักบ้างหรือไงนะ แล้วนี้ ถ้าขึ้นทับบนตัวเขามิขาดใจตายหรือ...
“คุณภีรวัสครับ ไม่มีคู่ไหนที่เหมาะสมกันเท่าเราสองคนหรอก แล้วที่จะเล่นละครจู๋จี๋กับวิษณุเพื่อนยั่วผมนั่นน่ะ ไม่ได้ผลหรอก แผนตื้นๆ แบบนี้ผมมองแวบเดียวก็รู้” วรุฒม์พูดขึ้่นมา
“อ๋อเก่ง”
“ผมรู้ทันคุณมาตั้งนานแล้ว”
“ร้ายกาจ”
“ผมว่าคุณร้ายกว่า” วรุฒม์สวนทันที “คุณคิดหรือว่าจะพนันกับอิศราเรื่องเอาชนะผม จะหลอกให้ผมบอกรักแล้วเขี่ยผมทิ้ง คิดหรือว่าผมจะยอม”
“ไม่ยอมก็อย่ายอมสิ” ภีรวัสเสียเบาหวิว เริ่มจะหายใจอึดอัด
“ผมมีค่าแค่เครื่องวิ่งสายพานเครื่องเดียวเท่านั้นหรือครับ” วรุฒม์เสียงเข้มขึ้น “ไม่คิดหรือว่าผมน่าจะมีราคามากกว่านั้น”
“อิศรา ไอ้เศษก้อนอิฐ” ภีรวัสเค้นเสียง เริ่มดิ้นเพราะใกล้จะหายใจไม่ออก
“คุณภีร์ครับ รักก็บอกว่ารัก ยอมรับเสียเถอะ ลองให้โอกาสหัวใจตัวเองซักครั้ง ผมก็อายุไม่น้อยแล้ว ไม่เคยรักใคร คุณก็ไม่เคยรักใคร อย่าระแวงผมต่อไปอีกแล้ว ไม่ต้องกลัวว่าพอบอกรักผมแล้วจะโดนทิ้ง โดนแก้แค้น โดนดัดหลัง ผมไม่ได้เป็นคนร้ายกาจแบบนั้น”
...แบบนี้นะไม่เรียกว่าร้ายกาจ สังหรณ์ใจตั้่งแต่เรียกแล้วเชียวว่าวรุฒม์ไม่ใช่หมูๆ...
“คุณ ว่า ผม ร้ายกาจ งั้นสิ” ภีรวัสพูดเสียงกระท่อนกระแท่น
“บอกสิว่าคุณรักผม ไม่งั้นได้ยืนอยู่กันแบบนี้จนหมดแรง ล้มลงกับพื้นไม้แข็งๆ” วรุฒม์คาดคั้น “เจ็บนะครับ เจ็บมากๆ ด้วย”
“ผู้พัน ผม หายใจ ไม่ออก” ภีรวัสเริ่มจะไม่ไหว เสียงกำลังขาดห้วง
“งั้นก็รีบพูดสิครับ” วรุฒม์อมยิ้ม รู้ว่าตัวเองใกล้วจะชนะแล้ว
ภีรวัสยังเงียบ
“คุณภีรวัสครับ”
“รัก”
“อะไรนะครับ” วรุฒม์ยิ้มกว้างกว่าเดิม
“โอย” ภีรวัสคราง
วรุฒม์กดร่างของคนที่อยู่บนบ่าให้แนบลงมามากกว่าเดิม คราวนี้ภีรวัสพยายามดิ้น ขย้ำเสื้อของเขาแน่นกว่าเดิม ก่อนจะตะกุยตะกายแผ่นหลังของเขา
“ภีรวัส ผมรักคุณ” วรุฒม์อมยิ้ม เสียงทุ้มต่ำ ตามองไปที่เตียง สมองคิดล่วงหน้าว่าจะวางภีรวัสลงบนเตียงท่าไหนดี “คุณล่ะ รักผมบ้างไหม รักจริงๆ นะครับ ไม่ใช่รักเล่นๆ”
“รัก” ภีรวัสคราง “วางลงซะที”
“ยอมหรือยัง”
“ยอมแล้ว” ภีรวัสจำใจต้องพูดเพราะใกล้จะทนไม่ไหว
...โหดร้ายที่สุด ไม่คิดนิึกว่าคนหน้านิ่งๆ ขรึมๆ บุคลิกสง่า เยือกเย็น เป็นสุภาพบุรุษอย่างวรุฒม์จะทำอะไรร้ายกาจได้ถึงขนาดนี้...
...เกมหัวใจเกมนี้ เขาพ่ายแพ้อย่างยับเยิน...
...คราวนี้ไม่ได้แพ้อิศรา แต่แพ้วรุฒม์...
ภีรวัสสูดอากาศเข้าไปเฮือกใหญ่เมื่อวรุฒม์วางเขาลงบนเตียงอย่างแผ่วเบา แต่ไม่กี่อึดใจ นายทหารหนุ่มร่างแกร่งกำยำก็โถมตัวลงมานอนทับเขาเอาไว้ ภีรวัสยกมือขึ้นผลักอกของวรุฒม์ แต่ร่างบึกบึนของวรุฒม์ไม่ขยับแม้แต่นิด
...โอย จะฆ่ากันให้ตายเลยหรือนี่ เขาผิดมากเลยหรือไง เมื่อกี้แบก ตอนนี้ทับ ต้องลงโทษกันอีกกี่รอบ...
“ผู้พัน อย่านะ”
วรุฒม์หัวเราะเบาๆ ในลำคอแล้วเบี่ยงตัวลงนอนเคียงข้างภีรวัส สอดแขนแข็งแรงกอดรัดชายหนุ่มเอาไว้แน่น
“ผู้พัน ปล่อยนะ” ภีรวัสเสียงดัง
“หยุดสั่งผมเสียที คุณรู้ไหมว่าผมเป็นถึงผู้บัญชาการกองพัน” วรุฒม์ยังคงหัวเราะ รัดแขนแน่นยิ่งกว่าเดิม แล้วซุกหน้าเข้ากับซอกคอของภีรวัส
“ยิ่งบอกให้ผมปล่อย ผมจะยิ่งกอด”
“งั้นก็กอดแน่นๆ เลย” ภีรวัสกระแทกเสียง “ถ้าผมบอกให้กอด ผู้พันจะปล่อยหรือไง”
“ลองสั่งผมอีกทีสิครับ” วรุฒม์เสียงอู้อี้ จมูกโด่งคมซุกไซร้ซอกคอขาวสะอาดของภีรวัส แล้วเปลี่ยนไปเป็นบดปากลงกับผิวเนียนใต้บนหูสลับกับเม้มติ่งหูนุ่มๆ ของชายหนุ่มที่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดของเขา
“ปล่อยผมเดี๋ยวนี้” ภีรวัสสั่งเสียงเบาทั้งที่รู้ว่าไม่มีประโยชน์
“ครับผม” วรุฒม์ตอบรับเสียงพร่า แต่หาได้ทำตามไม่ อารมณ์ปรารถนากำลังโหมกระพือ ร่างกายของเขาสั่นสะท้านพอๆ กับที่ภีรวัสสั่นสะท้านเพราะสัมผัสเสน่หาที่ได้รับจากเขา
...รอต่อไปไม่ไหวแล้ว เขาอยากสัมผัสภีรวัสเหลือเกิน เวลาผ่านมานานเหลือเกิน ปากอิ่มเต็มแดงระเรื่อที่ยิ้มบางๆ ดูลึกลับตรึงตาตรึงใจตั้งแต่แรกพบริมถนนเล็กๆ กลางป่าวันนั้น ลำคอขาวสะอาด ต้นแขนเนียนน่าลูบไล้ รูปร่างที่มีมัดกร้ามพองามที่เขาอยากกอดมาตั้งนานตอนนี้นอนระทวยอยู่ใต้ร่างของเขา อีกไม่นาน เขาก็จะได้สัมผัสร่างเปลือยเปล่าของภีรวัสทุกตารางนิ้ว ต่อให้ฟ้าจะถล่มลงมาเสียเดี๋ยวนี้เขาก็ไม่สนใจ
“ทำไมยังไม่ปล่อยอีก จะไปไหนก็ไปไกลๆ เลยนะ" ภีรวัสทำเสียงดุ คราวนี้วรุฒม์ไม่ยอมปล่อย แขนแข็งแรงยังโอบรัดชายหนุ่มเอาไว้แน่น "ทำไมยังไม่ไปอีก สองครั้งที่แล้วพอบอกให้ไปก็ไปง่ายๆ"
“งอนผมเพราะอย่างนี้เองหรือ" วรุฒม์ยิ้มพราว นัยน์ตาวิบวับ
“ทำไมผมต้องงอน"
“ถ้าไม่งอนแล้วเรียกว่าอะไร"
“ถ้าผมบอกให้ผู้พันอย่างมายุ่งกับผมเลย ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าอีกเลย ไม่ต้อง...”
“พูดไปก็เท่านั้น" วรุฒม์หัวเราะเบาๆ "ไม่มีประโยชน์หรอกครับ เพราะผมเลิกคิดที่จะทรมานคุณแล้ว และอีกอย่าง ผมไม่อยากจะรอต่อไปอีกแล้ว แค่นี้ก็พอ"
“พออะไร" ภีรวัสหรี่ตามองหน้านายทหารที่ทำหน้ายิ้มกรุ้มกริ่มแล้วพยายามยื่นจมูกเข้ามาหอมแก้ม และทันใดก็นึกอะไรออก "ผู้พัน คุณแกล้งใช่ไหม"
“แกล้งอะไรครับ" วรุฒม์เลิกคิ้ว
“เจ้าเล่ห์ที่สุดเลย" ภีรวัสออกแรงผลักอกของวรุฒม์ให้ออกห่าง แต่ร่างกายแกร่งกำยำของผู้บัญชาการกองพันเจ้าเล่ห์ไม่ขยับเขยื้อน แต่ทว่า กลับกอดรัดแน่นยิ่งกว่าเดิม
“โอย หายใจไม่ออก กระดุมเสื้อกับเข็ดขัดทหารมันกดตัวผม ผู้พัน ขยับออกไปนะ" ภีรวัสเริ่มดิ้น
“ถ้ายังงั้นผมจะถอดชุดทหารออก จะได้กอดกันสบายๆ" วรุฒม์ยิ้ม ส่งสายตาวิบวับ ใบหน้าตอนนี้ต่างจากใบหน้าเคร่งขรึมที่เคยเห็นโดยสิ้นเชิง
“ผมจะไม่เชื่ออะไรผู้พันอีกแล้ว"
“ยังกับตัวเองไม่เคยเจ้าเล่ห์ยังงั้นล่ะ ถ้าผมไม่ทำแบบนี้่ แล้วจะรู้ได้ยังไงว่าคุณไม่หลอกผม ผมพิจารณาเห็นว่าคุณทุรนทุรายเพราะคิดถึงผมและได้รับบทเรียนเพียงพอแล้ว ตอนนี้เราก็ไม่ต้องรีรออะไรอีกแล้วล่ะ" วรุฒม์เสียงทุ้มต่ำ นัยน์ตาวาว ยื่นปากเข้ามาจูปแก้มของภีรวัสจนได้ "ผมก็ทรมานเหมือนกันนะครับภีรวัส ผมนั่งนับรอเวลาเป็นชั่วโมงๆ เพื่อจะได้มาเจอคุณอีก ที่ผมหายไปก็เพราะอยากให้เราคิดถึงกันมากๆ จนรู้สึกว่าทนไม่ไหวแล้ว ยังไงๆ ก็ต้องมาเจอกันและรักกันให้ได้"
“ทำแบบนี้ คิดว่าตัวเองเก่งนักนะ" ภีรวัสเมินไม่มองหน้าวรุฒม์
“แล้วได้ผลไหมล่ะ คุณกล้าพูดหรือเปล่าว่าคุณไม่คิดถึงผม ตอนที่อยู่ในหมู่บ้าน คุณหันมามองผมเดินมาขึ้นรถด้วยน้ำตาคลอเบ้าทำไม คุณกัดริมฝีปากอย่างเจ็บปวดและเสียใจที่ผมหันหลังเดินหนีมาเฉยๆ แล้วพอคุณเปิดประตูรั้วบ้านคุณก็นั่งร้องให้อยู่หน้าประตูบ้าน ผมอยากจะเข้าไปปลอบซะตอนนั้นเลยรู้ไหมครับ แต่ว่าผมจ้องใจแข็ง ให้คุณได้ค้นหาหัวใจตัวเอง"
“คุณรู้...” ภีรวัสพึมพำ
“ผมเป็นทหารนะครับ เรื่องดักซุ่มรอโจมตีข้าศึกนั่นน่ะผมถนัด คุณกัดริมฝีปากแล้วก็ขว้างรองเท้าแตะมาประตูรั้วด้วย" วรุฒม์หัวเราะเบาๆ
“คุณเห็น...”
“ผมมีกล้องส่องทางไกลอยู่ในรถ"
“ร้าย ร้ายที่สุด ร้ายกาจ"
“ก็ต้องร้ายอย่างผมนี่ล่ะ ถึงจะเอาคุณอยู่" วรุฒม์ยิ้ม "ตอนนี้เราต่างคนต่างรู้ใจตัวเองและรู้ใจกันแล้ว เพราะฉะนั้น ก็ถึงเวลาที่เราจะรักกันอย่างจริงจังเสียที คุณห้ามคิดที่จะมาเล่นเกมหลอกให้รักแล้วทิ้งเด็ดขาด เพราะถ้าคุณทำกับผมแบบนั้น รับรองว่าจะไม่มีแผ่นดินอยู่"
“อย่ามาร้ายให้มากนักนะผู้พันวรุฒม์" ภีรวัสทำหน้าดุ
“ยังไม่ได้คิดบัญชีเลยนะที่คุณกอดแขน ดร. วสันต์คนนั้นนะ แกล้งทำเป็นหวานกันเพื่อจะทำให้ผมหึงใช่ไหมล่ะ ผมรู้ทันหรอก"
“ไม่อยากพูดด้วยแล้ว" ภีรวัสเบ้ปาก
“ภีร์ครับ เรามาเริ่มต้นกันใหม่นะครับ คราวนี้ไม่มีเกมหัวใจให้เล่นอีกแล้ว มีแต่หัวใจแท้จริงของเราสองคน หัวใจที่ผมมอบให้คุณและคุณก็มอบให้ผม” วรุฒม์เสียงแหบพร่า ไม่รอให้ภีรวัสตอบเพราะเขาทนไม่ไหวต่อไปอีกแล้ว ปากแดงๆ ของชายหนุ่มอยู่ใกล้มากจนเขาต้องรีบประกบปากเอาไว้แล้วบดริมฝีปากเพื่อถ่ายทอดความอบอุ่นให้กันและกัน เสียงภีรวัสครางอืออาเบาๆ ยิ่งกระตุ้นเขาให้ฮึกเหิมมากกว่าเดิม ลิ้นสอดเข้าไปสัมผัสกระหวัดเกี่ยวกับลิ้นของชายหนุ่ม ตวัดดุนดันและดูดดื่มจนหนำใจแล้วจึงยอมให้ตัวเองและภีรวัสสูดลมหายใจเติมอากาศเข้าไปเฮือกใหญก่อนจะโผเข้าหากันอีก ครั้งแล้วครั้งเล่า
...จบเสียที เกมหัวใจที่เล่นกันสนุกๆ จากนี้ไป มีแต่หัวใจของเขากับภีรวัสที่จะถ่ายเทความรักให้กันและกัน...
ห้ามค้างกันอีกนะ ไม่เคยเขียนเรื่องไหนแล้วตอนจบมันชัดเจนสุดๆ อย่างนี้เลยนะเนี่ย
บทส่งท้าย