ขอบคุณผู้อ่านทุกท่านนะครับ ขอบคุณที่กดคะแนนให้ ขอบคุณที่โหวตคะแนนเซ็งเป็ดอวอร์ดให้ ขอบคุณที่เข้ามาอ่านและลงคอมเมนท์ มีความสุขทุกครั้งที่ได้อ่านคอมเมนท์ของทุกคนนะครับ
และมีความสุขที่ได้โพสนิยาย โดยเฉพาะตอนที่พระเอกกับนายเอกเริ่มจะงอนกัน
Heart Game Chapter 17
อิศรามาเดินเล่นในตลาดสดยามเช้าคนเดียว วันนี้เขากัดฟันตื่นขึ้นมาแต่เช้ามืดและเดินเท้ามาจากบ้านพักจนถึงตลาดริมแม่น้ำซึ่งผู้คนเดินกันขวักไขว่ด้วยหวังว่าความจอแจของตลาดยามเช้าจะทำให้เขารู้สึกสบายใจขึ้นมาบ้าง
คืนที่ผ่านมา ภาพของชายหนุ่มสี่คนผลัดกันเข้ามารบกวนจิตใจ วรุฒม์กับใบหน้าเคร่งขรึม รอยยิ้มบางๆ อ่านยาก เดาใจไม่ถูก แม้จะพูดว่ารักเขากับภีรวัสออกมาตรงๆ แต่อิศราก็ยังสงสัยอยู่ดีว่า วรุฒม์มีอะไรลึกๆ มากกว่านั้น
ภาพใบหน้าที่สองคือภีรวัสทำหน้าตาดุๆ เหมือนจะกินเลือดกินเนื้อเขา รักเพื่อนก็รัก แต่ความรักแบบคนรักนี่มันก็สำคัญเหมือนกัน
จากนั้นภาพใบหน้าของวิษณุก็เข้ามาแทรก หน้าคมเข้มหล่อเหลา อ่อนโยน อารมณ์ดี แต่ก็ดูหม่นหมองหากจะผิดหวังจากเขา คำบอกรักของวิษณุดูจริงจังและน่าเชื่อมาก แต่เขาก็ยังสองจิตสองใจ ไม่กล้าที่จะเชื่อวิษณุเต็มร้อย
ภาพใบหน้าสุดท้ายคือคนในอดีต ดร. ปริวัต เหยื่อคนหนึ่งที่เคยโดนเขาสลัดรักเมื่อเกือบสองปีก่อน ตอนที่แข่งขันเกม 'หลอกให้รัก หักอกด๊อกเตอร์' แข่งกับภีรวัส ตอนนั้นเขายอมรับว่าตัวเองหวั่นไหวมากพอสมควรกับปริวัต แต่เกมการแข่งขันก็คือเกม กติกาต้องเป็นกติกา ภีรวัสจะบีบคอเขาให้ขาดใจตายอยู่แล้วเมื่อรู้ว่าเขาผิดกฏไม่ยอมทิ้งปริวัตภายในเวลาสองอาทิตย์ตามที่ตกลงกัน เขาจึงห้อง 'โหดร้าย' กับหมอหนุ่มผู้อ่อนโยน ภาพใบหน้าของปริวัตยังติดตาเขาอยู่จนเท่าทุกวันนี้ ตอนนั้นเขาเกือบจะตกลงใจมีความสัมพันธ์จริงจังแบบคู่รักกับปริวัตไปแล้ว
ภาพอดีตเริ่มย้อนกลับมา เขาจำคำพูดของปริวัตได้ทุกคำ
"สนุกมากหรือไงกับเกมไร้สาระของคุณ" ปริวัตกระชากเสียง "สนุกที่ได้ปั่นหัวผมให้หลงรักเพื่อคุณจะได้ขึ้นชื่อว่าเป็นผู้ชนะเพื่อนคุณใช่ไหม" หมอหนุ่มหน้าเข้มบีบแขนอิศราแล้วเขย่าแรงๆ ชายหนุ่มยังนิ่ง อ้ำอึ้ง ไม่ยอมสบตา
"ตอบมาสิ บอกว่าคุณแค่อยากจะเล่นๆ กับหัวใจของผม"
อิสราไม่รู้จะพูดอย่างไรดี ที่ผ่านมาเขารู้สึกสับสนและไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อน เกมสนุกที่เล่นแข่งกันกับเพื่อนคู่หู ตอนนี้กำลังจะกลายเป็นละครชีวิตเศร้า
"อิศรา ถ้าไม่รักผม คุณน่าจะบอกผมตั้งแต่แรก ไม่น่าปล่อยให้มันมาไกลถึงขนาดนี้ ไม่น่าต้องรอให้ผมรักคุณมากจนผมอาจจะลืมคุณไม่ได้" ปรวัตตัดพ้อ เสียงขมขื่น
"หมอ ผมขอโทษ" ในที่สุด อิศราก็เอ่ยขึ้นมาเสียงกระท่อนกระแท่น
"ขอโทษที่เกมการละเล่นกับหัวใจของผมถึงเวลาหยุดแล้วใช่ไหม คุณจะได้ไปหาเกมอื่นเล่นต่อ" ปรวัตปล่อยมือ ก้าวถอยหลัง นัยน์ตาปวดร้าว เขาไม่เคยคิดเลยว่าจะรักอิศรามากขนาดนี้
"ตัวตนจริงๆ ของคุณเป็นยังไงอิศรา ที่ผ่านมาคุณสวมบทบาทไหนอยู่"
...หมอปริวัต ที่ผ่านมานั่นคือตัวตนของผมจริงๆ ตั้งแต่วันที่ผมผิดกฎของการแข่งขัน นั่นล่ะคือตัวตนผมจริงๆ...
อิศราได้แต่ร่ำร้องในใจ
อิศราตื่นจากภวังค์เมื่อมีมือใหญ่แข็งแรงวางลงบนไหล่ ชายหนุ่มตัวแข็ง กลั้นหายใจ พยายามเดาว่าเป็นใครขณะที่หันไปมองช้าๆ
“ผู้พันวิษณุ” อิศราพึมพำเรียกชื่อคนที่เขาเดาเมื่อครู่ซึ่งเขาเดาถูก
“โชคดีที่เช้าวันนี้ผมมาเดินตลาด”
“ผู้พันทำกับข้าวด้วยหรือครับ” อิศราถามด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง
“เปล่าครับ มาซื้อโจ๊กกับกาแฟ”
“ทำไมไม่ชงเอง” อิศราไม่รู้จะพูดอะไรต่อดีจึงถามคำถามไม่เข้าท่า
“เจ้านี้อร่อยครับ อร่อยยิ่งกว่าร้านใหญ่ๆ เสียอีก คุณอิศราไปลองดูสิครับ” วิษณุคว้าข้อมือของชายหนุ่มแล้วดึงให้เดินตามโดยไม่รอฟังคำทักท้วง อิศราเดินตามอย่างว่าง่ายแต่ก็พยายามดึงมือออก
“เดี๋ยวคนเห็น ผู้พันจะเสียชื่อ” อิศราพูดเบาๆ
“เสียอย่างได้อย่าง ผมยอมแลก” วิษณุหันมายิ้มแล้วลดความเร็ว ยอมปล่อยมือของอิศรา ลดความเร็วมาเดินเคียงข้างชายหนุ่มร่างเล็กที่ก้มหน้าอย่างอึดอัด
“จะคุ้มกันหรือครับ” อิศรายังคงพูดพึมพำ
“ก็ลองแลกดูหน่อยสิครับ ไม่ลองจะรู้ได้ยังไง”
“ผู้พันกล้าหรือ คุณก็รู้ว่าผมเป็นยังไง” อิศราเงยหน้าขึ้นมองวิษณุ
“ผมยังไม่รู้ ยังไม่รู้ทั้งหมด ผมถึงต้องการค้นหาไงครับ” วิษณุพูดเสียงจริงจัง “คุณจะให้โอกาสผมเข้าไปค้นหาหรือเปล่าล่ะ”
“แล้วคิดว่าไง ผู้พันไม่เคยเข้ามาหรือไง” อิศราทำเสียงเข้ม ทำหน้างอนแล้วเร่งความเร็วเดินนำหน้านายแพทย์ทหาร
“เคยครับ” วิษณุหัวเราะแล้วเร่งฝีเท้าตาม “ผมอยากจะเข้าอีก เข้าแล้วเข้าอีก”
“ทะลึ่ง” อิศรากระแทกเสียง แต่อมยิ้ม ก้าวเท้ายาวและเร็วขึ้น จนวิษณุเตือนให้เลี้ยวซ้ายเพื่อตรงไปยังร้านกาแฟ ตลอดทาง อิศราได้ยินวิษณุพูดทุกคำแต่ไม่ตอบแม้แต่คำเดียว ในใจพยายามคิดและตัดสินใจว่าจะทำอย่างไรดีกับนายแพทย์ทหารคนนี้
...วันนี้วิษณุว่าง จะพาไปล่องเรือชมธรรมชาติแล้วแวะน้ำตก ทานอาหารอร่อยร้านบรรยากาศโรแมนติกกลางป่า แล้วไปเดินชมตลาดของชาวเขา ตอนเย็นไปนั่งดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกัน...
...จะตอบตกลงดีหรือเปล่า หายไปทั้งวันแบบนี้ภีรวัสต้องสงสัยแน่ๆ...
...ช่างภีรวัส ไหนๆ ก็ผิดกติกาการแข่งขันแล้ว การแข่งขันก็พังไม่เป็นท่า ขอแหกกฏให้กระจุยกระจายไปเลยก็แล้วกัน...
ภีรวัสจดบันทึกข้อมูลแล้วเดินไปนั่งเอนตัวใต้ต้นไม้เพื่อนอนพัก รอเวลาไปตรวจอุปกรณ์รอบต่อไป วรุฒม์เดินมานั่งลงเงียบๆ ข้างเขาเช่นเคย วันนี้ทั้งวัน นายทหารหนุ่มตามติดเขาไม่ยอมห่าง หลังจากเหตุการณ์ 'บีบให้เลือก' หน้าค่ายทหารเมื่อสองวันที่ผ่านมา วรุฒม์ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“งานผมน่าเบื่อนะครับผู้พัน มานั่งอยู่กับผมแบบนี้ทั้งวัน สองชั่วโมงก็ลืมตาขึ้นมาทีแล้วเดินจดบันทึกค่าเครื่องวัด แล้วก็นั่งหลับต่อ” ภีรวัสทนไม่ไหว ทำลายความเงียบขึ้นมา
“อย่าลืมซิครับ ผมเป็นทหาร เรื่องไปนั่งซุ่มอยู่เงียบๆ นานๆ แบบนี้เรื่องเล็กน้อย ผมเป็นทหาร ฝึกมาดี ตอนเรารอเวลาซุ่มโจมตีข้าศึกเราต้องอดทน” วรุฒม์ตอบยิ้มๆ เช่นเคย
“อ๋อ” ภีรวัสทำเสียงเข้าใจ แล้วก้มหน้าอ่านบันทึกของตัวเอง ไม่พูดอะไรต่อ วรุฒม์ก็นั่งเงียบเช่นกัน สองหนุ่มนั่งอยู่เฉยๆ กว่าครึ่งชั่วโมง จนคนที่ทนไม่ได้คือภีรวัส
“ผู้พันครับ คุณยังมายุ่งอะไรกับผมอีก” ภีรวัสอึดอัดเมื่อรู้สึกได้ว่าวรุฒม์มองเขาไม่วางตา “ตกลงคุณจะรวบทั้งสองคนจริงๆ หรือ”
“ผมพูดอย่างนั้นหรือ” วรุฒม์เลิกคิ้วถาม ใบหน้ายังเกลื่อนไปด้วยรอยยิ้มบางๆ
“คุณเป็นคนพูดเองว่ารักทั้งสองคน”
“ผมตอบคำถามของคุณ” วรุฒม์ยักไหล่ “แต่ผมก็ไม่ได้บอกว่าจะรับคุณเป็นแฟนพร้อมกันทั้งสองคน”
“รับเป็นแฟน ฮึ” ภีรวัสทำเสียงไม่พอใจในลำคอ แล้วก้มหน้าลงทำเป็นอ่านหนังสือ พลิกกระดาษไปเรื่อยๆ ก่อนจะพูดขึ้นมาเบาๆ ว่า “คนหลายใจ”
“คุณบังคับให้ผมเลือก ผมเป็นลูกผู้ชายพอ ผมต้องตอบไปตามความเป็นจริง”
“ดีครับ” ภีรวัสปิดหนังสือ เงยหน้าขึ้นมายิ้มให้วรุฒม์ “พูดกันตรงๆ ก็ดีเหมือนกัน ผมกับอิศราจะได้ตัดสินใจง่ายๆ ว่าจะเอายังไงต่อ”
“แต่คุณก็ต้องคิดถึงตัวแปรด้วย”
“เช่นอะไร” ภีรวัสถามทันที
“เช่นใครต่างหาก” วรุฒ์แก้
“ผู้พันวิษณุชอบอิศรามาก อิศราบอกว่าผู้พันวิษณุบอกรักตั้งหลายครั้ง” ภีรวัสเข้าใจว่าตัวแปรคือวิษณุ
“แล้วคุณอิศราเชื่อหรือครับ” วรุฒม์เลิกคิ้วถาม
...ร้ายกาจมาก ผู้ชายหน้านิ่งๆ อย่างผู้พันวรุฒม์ร้ายมากกว่าที่เขาคิด จะมาเล่นเกมสงครามประสาทกับเขาหรือ จะมากไปแล้วนะ...
“นั่นสิ” ภีรวัสพยักหน้าเห็นด้วย “ขอบคุณที่ถาม แล้วผมควรจะเชื่อที่ผู้พันวรุฒม์พูดหรือเปล่า”
“คุณเป็นนักวิจัย คงต้องลองวิเคราะห์ดู” วรุฒม์หัวเราะเบาๆ “เชื่อที่การกระทำมากกว่าคำพูดจะดีกว่าครับ”
“แต่คนบางคนคำพูดกับการกระทำมักจะไม่ตรงกัน คนบางคนพูดอย่างทำอย่าง ปากอย่างใจอย่าง ต่อหน้าแบบหนึ่ง ลับหลังก็เป็นอีกแบบ” ภีรวัสพูดกระทบ แต่ทันทีที่พูดจบก็ไม่ค่อยแน่ใจว่ากระทบวรุฒม์หรือกระทบตัวเองกันแน่
วรุฒม์ไม่ตอบ เอาแต่อมยิ้มแล้วสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ เหมือนกำลังสูดเอาอากาศบริสุทธิ์เข้าไปให้เต็มปอด จากนั้นเอนตัวลงนอนราบ หนุนแขนตัวเอง ทอดสายตามองภีรวัสอย่างครุ่นคิดแล้วหลับตาลง ปิดฉากการสนทนารอบแรกกับชายหนุ่ม
...รอบแรกผมพูด รอบต่อไปคือการกระทำ เดี๋ยวภีรวัสก็รู้ว่าคำพูดและการกระทำของเขาจะเหนือชั้นขนาดไหน...
อิศรากับภีรวัสต่างนั่งเขี่ยอาหารตรงหน้าอย่างเบื่อๆ เย็นวันนี้ทั้งสองชวนกันหลบหน้านายทหารทั้งสองคนมาทานข้าวที่ร้านอาหารบนดอยนอกตัวอำเภอ
“รู้สึกเหมือนเป็นคอมมิวนิสต์กำลังหนีการจับกุมของทางการจริงๆ เลย” อิศราวางช้อนแล้วหยิบแก้วน้ำขึ้นมาดื่ม “พอทหารจับตัวเราได้ จะถูกยิงเป้าหรือเปล่าก็ไม่รู้”
“แกโดนทั้งสองคนยิงมาแล้ว จะกลัวอะไรอีก”
“บอกแล้วไงว่ายัง” อิศราเสียงห้วน “ปรับปรำกันอยู่ได้ ไอ้นี่กัดไม่ยอมปล่อย”
“คิดว่าจะเชื่อหรือไอ้ก้อนอิฐ คนอย่างแกไม่มีทางปล่อยให้ปืนใหญ่สองกระบอกหลุดมือหลุดปากไปได้หรอก ที่ขลุกอยู่ด้วยกันในกรุงเทพฯ โดนยิงไปกี่ประตู”
“ทหารนะ ไม่ใช่นักฟุตบอล” อิศรากระแทกเสียง “พูดกับแกนี่ไม่รู้เรื่องจริงๆ บอกแล้วไงว่าไม่มีอะไรกัน ไม่มีอะไรกัน ไม่มีอะไรกัน ฉันเคยโกหกแกที่ไหน”
“ไม่เคยโกหก แต่ชอบตอแหลเป็นกิจวัตร” ภีรวัสกระแทกช้อนลงบนจาน หยิบน้ำขึ้นมาดื่มเหมือนกัน
“ผู้พันวิษณุกำลังต้อนเราจะจนมุมอยู่แล้วนะภีร์ ตามตื้อทั้งเช้ากลางวันเย็น เมื่อคืนเราเกือบเสียตัว ดีนะที่ใช้ความฉลาดเอาตัวรอดมาได้” อิศราเบี่ยงเบนประเด็น
...เสียไปสองครั้งต่างหาก วิษณุไม่รู้ไปเอาเรี่ยวแรงมาจากไหน เวลามีอะไรกันต้องเบิ้ลทุกครั้ง แล้วก็พร่ำแต่พูดว่ารักว่าหลง...
...อ้อ ไม่หลงได้ยังไง ใครได้อิศราเป็นติดใจทุกราย...
...แต่วรุฒม์ทำไมดูเหมือนจะเอนไปทางภีรวัส...
...นี่เขาจะแพ้ภีรวัสจริงๆ หรือ...
“นายจะทำพังก็เพราะใจอ่อนกับเข็มฉีดยาของแพทย์ทหารนี่ล่ะ เราแทคทีมฮึดสู้กับผู้พันวรุฒม์ในโค้งสุดท้ายนี่จะแพ้ไม่ได้นะอิศ นายอย่าทำให้เสียเรื่อง”
“รู้แล้วๆ” อิศราเบ้ปาก แล้วก้มหน้าลงมองพื้นโต๊ะ หยิบช้อนขึ้นมาเขี่ยอาหารในจานต่ออย่างไม่่รู้จะทำอะไรดี
...สู้กับวรุฒ์ท่าทางจะชนะยาก เกมสำคัญครั้งนี้เจาเริ่มจะถอดใจแล้ว มีแต่ภีรวัสนั่นล่ะที่ยังดันทุรัง...
เสียงรถจอดหน้าบ้านทำให้อิศราชะเง้อมอง แต่ก็ต้องแปลกใจเมื่อเห็นว่าคนที่ลงจากรถคือพันโทวรุฒม์ซึ่งอยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวกับกางเกงยีนส์สีซีด
“ภีรวัสไปทำวิจัยครับ นั่งเฝ้าหุ่นยนต์อวกาศเช่นเคย คงกลับค่ำๆ” อิศรารีบบอก
“ผมไม่ได้มาหาคุณภีรวัส” วรุฒม์ตอบพร้อมกับยิ้มพราว
“งั้นมาหาใครครับ” อิศราทำหน้าเหรอหรา ในใจก็ด่าตัวเองต่อว่า จะมาหาใครวะ ก็มาหาแกนะสิ
“วันนี้หยุด ผมรู้สึกเหงา เลยมาหาเพื่อนคุย” วรุฒม์อมยิ้มในแบบฉบับของตัวเอง แล้วลงนั่งข้างอิศราจนไหล่แทบชนไหล่ “คุณอิศราเหงาไหมครับ”
อิศราส่ายหน้าเร็วๆ กระเถิบตัวออกห่างอีกเล็กน้อยเพราะรู้สึกถึงไออุ่นจากตัวของวรุฒม์ ชายหนุ่มนิ่งไปหลายวินาทีก่อนจะถามว่าวรุฒม์จะมาชวนไปเที่ยวหรือหาอะไรอร่อยๆ ทาน แต่นายทหารหนุ่มปฏิเสธแล้วบอกว่าแค่อยากมานั่งคุยกันสองคนเท่านั้น
“ไปนั่งเล่นริมย้ำหลังบ้านดีกว่าครับ ใต้ต้นไม้ เย็นสบาย บรรยากาศดี” วรุฒม์ชวน
“ตรงนี้ก็สบาย” อิศราอิดออด
“ก็ได้” วรุฒม์พยักหน้า “ถ้าอากาศเย็นลงมากๆ จะได้ไปนั่งคุยกันในบ้าน”
“งั้นไปนั่งคุยที่ริมน้ำก็ได้ครับ ดีเหมือนกัน จะได้รอดูพระอาทิตย์ตกดิน ผมชอบดูพระอาทิตย์ตกดิน มันลูกใหญ่ดี” อิศราลุกขึี้น หันซ้ายหันขวา แล้วก้มลงหยิบเอาหมอนมากอดไว้แนบอกเพราะไม่รู้จะทำอะไรดี
...เดี๋ยวก็ลากผู้พันสุดหล่อเข้าบ้านซะเลย อยู่เฉยๆ ก็หล่อพอแล้ว นี่มาทำหน้าหล่อแบบยิ้มๆ อีก จะมาไม้ไหนละเนี่ย ตามไม่ทัน...
วรุฒม์บอกว่าจะเดินไปหยิบเสื่อกับขวดน้ำดื่มที่รถ แต่ก่อนไป นายทหารหันมาแล้วแกล้งทำหน้าดุแบบยิ้มๆ ใส่อิศราพร้อมกับพูดว่า
“รออยู่ตรงนี้นะครับ อย่าไปไหน ถ้าแอบวิ่งเข้าไปหลบในบ้าน ผมจะพังประตูเข้าไปลากตัวออกมา”
“ผมจะร้องให้คนช่วย” อิศราทำปากยื่น
...ลองได้บุกเข้าไปในบ้านสิ เขาไม่ยอมให้ถูกลากตัวออกมาได้ง่ายๆ หรอก เขาจะไปหลบอยู่บนเตียงในห้องนอน...
“ไม่กลัวคนรู้หรือครับ” วรุฒม์หัวเราะเบาๆ แล้วเดินไปที่รถ ทิ้งให้อิศราถอนหายใจเบาๆ เมื่อนึกถึงคำพูดของนายทหารที่เปลี่ยนท่าทีไม่เว้นแต่ละวันจนเขาตั้งตัวไม่ติด
...ไม่กลัวคนรู้ยังงั้นหรือ 'คน' ที่ผู้พันวรุฒม์พูดถึงนี่คือ 'คน' ไหนนะ 'คน' ภีรวัส หรือ 'คน' วิษณุ....
...แต่ 'คน' ไหนก็ไม่อยากให้รู้ทั้งนั้น แค่นี้ก็ปวดหัวจะแย่อยู่แล้ว...
วิษณุสูดลมหายใจเข้าไปลึกๆ แล้วเดินเข้าไปหาภีรวัสที่ยืนซื้อเครื่องดื่มอยู่หน้าร้านขายของชำในหมู่บ้านบนดอยห่มหมอก นักวิจัยหนุ่มทำหน้าแปลกใจแต่ก็รีบปรับสีหน้าเช่นเคย วิษณุยอมรับว่าภีรวัสควบคุมตัวเองได้เก่งมาก เก่งพอๆ กับวรุฒม์ และอ่านยากพอๆ กัน
“ทหารที่แม่สะเรียงนี้ห่วงใยประชาชนดีจริงๆ นะครับ ไปไหนก็คอยดูแลไม่ห่าง” ภีรวีสเอียงคอมองวิษณุด้วยสีหน้ายิ้มๆ
“ผมอยากดูแล”
“อยากดูแลทั้งสองคน หรือคนใดคนหนึ่งเป็นพิเศษ” ภีรวัสถาม
“คุณภีร์คิดว่าไงครับ” วิษณุถามกลับ
“คิดไม่ออก ผมสับสน” ภีรวัสยักไหล่ “ผู้พันบอกรักอิศรา แต่มารับผมถึงบนดอย อิศรารู้จะคิดยังไง”
“หรือคุณจะให้ผมบอกรักคุณด้วย ถึงจะแวะมารับกลับบ้านได้” วิษณุตอบกลับแบบตรงไปตรงมาด้วยใบหน้ายิ้มๆ ตามที่ได้รับการ 'สอน' มา
“ผู้พันหลายใจ” ภีรวัสตำหนินายแพทย์ทหาร แต่ใบหน้ายังมีรอยยิ้มบางๆ อยู่เช่นเดิม
“ผมกำลังอยู่ในช่วงสับสน อันนี้ผมต้องยอมรับตามตรง” วิษณุยักไหล่ “แล้วคุณภีร์ล่ะครับ ไม่รู้สึกสับสนบ้างหรือ”
“สับสนทำไมครับ ไม่เห็นมีอะไรซับซ้อนให้ต้องคิดมาก” ภีรวัสยักไหล่เหมือนกันแล้วออกเดินไปทางถนนกลางหมู่บ้านอย่างช้าๆ โดยมีวิษณุเดินเคียงข้าง
“แสดงว่าคุณภีร์เลือกแล้ว”
“ต้องเลือกหรือครับ แล้วที่ว่าเลือกนี่ เลือกอะไร” ภีรวัสทำไม่รู้ไม่ชี้
“วรุฒ์ม์เลือกแล้ว ผมก็ต้องเลือกบ้าง คนเราอยู่ท่ามกลางการเลือกอะไรต่างๆ ตลอดเวลา ตื่นเช้ามาก็เลือกว่าจะสวมเสื้อผ้าตัวไหน จะทานอะไร จะทำอะไร” วิษณุพูดเสียงเรียบ ก่อนจะนิ่งไปชั่วครู่แล้วหันมาพูดกับภีรวัสด้วยเสียงจริงจังว่า “จะเลือกรักใคร”
“ความรัก เลือกกันได้ด้วยหรือครับ” ภีรวัสพูดโดยไม่มองหน้าวิษณุ ตามองปลายเท้าตัวเอง
“ได้สิครับ เมื่อมีตัวเลือกมากกว่าหนึ่ง เราก็ต้องเลือก”
ภีรวัสไม่ตอบ ยังคงเดินต่อไปอย่างช้าๆ ในใจคิดว่า
...ตัวเลือกมีแค่คนเดียว คนเดียวเท่านั้น เพียงแต่เขาต้องเลือกว่าจะกระโจนลงไปในเหวรัก หรือตะกายหนีไปให้ไกล ตัดใจแล้วไม่หันกลับไปมองอีก...
...หรือเกมหลอกให้รักแล้วทิ้งจะกลายมาเป็นเกมหัวใจสานใยรัก หรือเกมหนีรัก หรือเกมเอาชนะใจตัวเอง...
“ผมเลือกคุณ ผมตัดสินใจแล้ว” วิษณุยื่นหน้าเข้ามากระซิบเบาๆ ข้างหูภีรวัส แล้วส่งสายตาหวานซึ้งให้ชายหนุ่ม ก่อนจะปล่อยประโยคเด็ด “วรุฒม์เลือกคุณอิศราไปแล้ว ตกลงปลงใจกับผมเถอะนะครับ เราสี่คนจะได้มีความสุขสมหวังกันเสียที...
***17***