อีกสองตอนจบครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านนะครับ
Heart Game Chapter 20
เมื่อเดินทางใกล้ถึงตัวอำเภอแม่สะเรียง วรุฒม์ก็ได้รับข่าวดีจากวิษณุว่าพบตัวภีรวัสแล้ว ขณะนี้อยู่ทีสถานีอนามัยตำบลเสาหิน แต่หลังจากข่าวดี วิษณุก็แจ้งข่าวร้ายด้วย
“คุณภีร์ขาหัก แล้วก็แขนซ้น เลยนอนพักอยู่ซอกหินริมลำธาร โชคดีที่...” วิษณุกำลังอธิบายอาการของภีรวัสแต่วรุฒม์ใจร้่อนจึงรีบถามแทรกว่า
“โชคดีอะไร”
ยังไม่ทันที่วิษณุจะตอบ วรุฒม์ก็ได้ยินเสียงของอิศราดังเข้ามาในโทรศัพท์ น้ำเสียงร้อนร้นและกังวลใจของชายหนุ่มยิ่งทำให้เขาตกใจ
“ภีร์ อย่าตายนะเพื่อน แกอย่าเป็นอะไรนะ ทำใจดีๆ เอาไว้”
“คุณอิศรา” วิษณุหันไปปรามคนที่เอะอะโวยวาย
“ทำไมวิษณุ ภีรวัสเป็นอะไร” วรุฒม์รีบถาม
“ก็ไม่เป็นอะไรมาก แค่มีไข้” วิษณุตอบไม่เต็มเสียงเท่าใดนัก
“แล้วทำไมคุณอิศราโวยวายดังลั่น ภีรวัสอาการหนักยังงั้นหรือ เป็นมาลาเรียหรือเปล่า”
“ยังไม่รู้”
“ไม่รู้ยังไง นายเป็นหมอ” วรุฒม์เสียงดังจนคนขับรถรับจ้างสะดุ้ง “ไม่ต้องหันมามอง ตั้งใจขับรถ ไปเสาหินให้เร็วที่สุด” วรุฒม์หันไปสั่งคนขับรถแล้วคาดคั้นวิษณุต่อ เสียงของอิศารายังคงดังแทรกเข้ามาในโทรศัพท์เป็นระยะ สลับกับเสียงของวิษณุที่ตอบคำถามวรุฒม์และปรามอิศรา
“คุณอิศราครับ อย่าไปยุ่ง ถอยออกมาก่อน อะไรนะรุฒม์ นายมาถึงก็รู้เอง พอแค่นี้ก่อนนะ มัวแต่คุยกับนาย คุณภีร์อาการหนักพอดี เราต้องช่วยอนามัยตำบลดูคนเจ็บซะก่อน คุณอิศรามานั่งตรงนี้เถอะครับ” วิษณุรีบวางสาย ปล่อยให้วรุฒม์นึกภาพความโกลาหลเอาเอง
“เร็วกว่านี้หน่อยได้หรือเปล่า ผมกำลังจะรีบไปดูคนเจ็บ” วรุฒม์เร่งคนขับรถอีก
“โธ่ เร็วที่สุดแล้วครับคุณทหาร เดี๋ยวก็ถึง เร็วกว่านี้เดี๋ยวได้ตกข้างทางกันพอดี” คนขับรถเริ่มเสียงเข้ม ทำใจดีสู้เสือเพราะนายทหารหน้าดุทำเหมือนจะขย้ำคอเขาเสียให้ได้
อากาศในตำบลเสาหิน ตำบลเล็กๆ ทางตอนเหนือของอำเภอแม่สะเรียงเย็นลงมากว่าเดิมเพราะดึกแล้ว อิศรานั่งหน้าบึ้งอยู่ที่ม้านั่งหน้าห้องทำแผลของสถานีอนามัยตำบลเพราะฉุนที่วิษณุไล่ให้เขาออกจากห้องพยาบาล เขาต้องการยืนอยู่เคียงข้างภีรวัสเพื่อเป็นกำลังใจให้เพื่อนแต่นายแพทย์ทหารบอกว่า “เกะกะ”
“พูดออกมาได้ ไม่รักษาน้ำใจกันบ้างเลย ทิ้งเราไว้ที่หน่วยวิทยุ นี่ถ้าไม่บังคับให้พลทหารจุ๊ยขับมอเตอร์ไซด์มาส่ง ป่านนี้คงทิ้งเราทั้งคืน ไม่ทันได้ดูใจเพื่อน แล้วยังมาว่าเราเกะกะอีก” อิศราบ่นอยู่คนเดียว แล้วนั่งเงียบ สลับกับการเดินไปเดินมา ไม่นานก็เห็นรถกระบะคั้นหนึ่งเข้ามาด้วยความเร็ว ก่อนจะจอดพรืดหน้าอนามัย ประตูรถเปิดออก วรุฒม์พุ่งออกมาเหมือนธนูพุ่งออกจากแล่ง วิ่งตึงตังเข้ามาในสถานีอนามัย ไม่ได้มองเขาที่นั่งอยู่หน้าประตูทางเข้าห้องพยาบาลด้วยซ้ำ
“ออกไปข้างนอกก่อนรุฒม์ เกะกะ” เสียงของวิษณุดังขึ้นทันที
“ภีรวัสเป็นยังไงบ้าง” น้ำเสียงของวรุฒม์ร้อนรน กังวล และห่วงใย
อิศราพ่นลมหายใจออกมาเฮือกใหญ่ ได้ยินเสียงของวรุฒม์เต็มหู ได้เห็นลักษณะของวรุฒม์เต็มตา ตอนนี้เขาแน่ใจเสียยิ่งกว่าแน่ว่าวรุฒม์นั้้น 'เสร็จ' ภีรวัสเสียแล้ว
...รักภีรวัสเข้าไปเต็มๆ...
...ทีนี้ก็เหลืออยู่คำถามเดียวก็คือว่า ภีรวัสจะทิ้งผู้พันวรุฒม์หรือไม่ เมื่อไหร่ อย่างไร...
“รุฒม์ ออกไป” เสียงของวิษณุดังเฉียบขาด
อิศราลุกขึ้นยืน กอดอก และหันหลังให้ห้องพยาบาล มองฝ่าออกไปในความมืด ไม่นานก็รู้สึกถึงไออุ่นของผู้ชายร่างใหญ่มายืนอยู่ข้างๆ ลมหายใจหนักหน่วง ผสมกับเสียงถอนหายใจหนักๆ ทำให้อิศรารู้ได้ทันทีว่าเป็นใคร
“ทำไมปล่อยให้เพื่อนไปเดินป่าคนเดียว ไม่ห้ามเอาไว้” เสียงห้าวดังขึ้นเบาๆ
...แน่ะ มาหาเรื่องเขาอีก...
“แล้วทำไมผู้พันไม่ดูแลคนของตัวไว้ดีๆ” อิศราพูดโดยไม่หันไปมองอีกฝ่าย
“คุณภีรวัสไม่ใช่คนของผม” วรุฒม์แย้งแล้วเงียบไป ประหนึ่งว่ากำลังพยายามปรับอารมณ์
...มาดนิ่งๆ สุขมลุ่มลึกไม่เหลือเลยหรือเนี่ย ท่าทางแบบนี้อยากให้ภีรวัสมาเห็นนัก...
“คุณอิศราครับ คุณรู้หรือเปล่า แถวนี้คือป่าชายแดนไทย-พม่า เกิดอะไรขึ้นมาไม่ใช่แค่หลงป่า หรือโดนโจรป่าปล้นจี้นะครับ” วรุฒม์ปรับนำ้เสียงให้อ่อนลง
“มีข่มขืนด้วยหรือ” อัศราหันไปทำหน้าตาตกใจ
“คุณอิศรา” วรุฒม์อุทาน ส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อหูตัวเองว่าชายหนุ่มจะยังทำเป็นพูดเล่น
“รู้อย่างนี้ไปหลงป่ากับภัร์ด้วยก็ดี”
“คุณอิศราครับ ที่ผมพูดก็เพราะว่าเป็นห่วง”
“ผมจะบอกภีร์ให้ครับ” อิศราทำเสียงเรียบนิ่ง ใบหน้าเฉยเมย “หรือผู้พันอยากจะบอกเองก็ตามใจ แต่ต้องรีบบอกนะ เพราะว่าทันทีที่ภีร์แข็งแรงพอเดินทางได้ ผมจะพาเพื่อนเข้ากรุงเทพฯ ต่อให้ต้องเช่าเฮลิคอปเตอร์ไปส่งผมก็จะทำ”
“ไม่ต้องหรอกครับ เรื่องนั้นผมจะจัดการให้เอง” วรุฒม์ยิ้มมุมปาก แต่ทว่าเป็นยิ้มค่อนข้างขื่น เขารู้ว่าอิศรากำลังประชด
“แฟนเก่าภีร์เป็นหมอ ชื่อ สินธพ เป็นหมอที่เก่งมากด้วยล่ะ ผู้พันไม่ต้องห่วง แค่โทรไปบอก หมอสินธพก็จะรีบเสกมนต์หายตาแว๊บมารักษาภีร์ทั้งตัวและหัวใจ แถมทำกายภาพเป็นบริการหลังการขายด้วยอีกต่างหาก”
“งั้นหรือครับ” วรุฒม์ถามเสียงต่ำ
...ไม่มีทาง สินธพจะเป็นใครมาจากไหนเขาไม่สน แต่หมอคนเดียวที่เขาไว้ใจให้รักษาภีรวัสคือนายแพทย์พันตรีวิษณุเท่านั้น และคนที่จะทำกายภาพบำบัดให้ภีรวัสก็คือเขาเอง...
...จะบำบัดทั้งกายและใจเลยทีเดียว...
ในความรู้สึกของวรุฒม์เวลาผ่านไปนานเหมือนใช้เวลาทั้งคืน เขาหันไปมองอิศราก็พบว่าชายหนุ่มร่างเล็กนั่งพิงเสาหลับอยู่ ท่าทางไม่ค่อยสบายเท่าใดนัก วรุฒม์จึงเดินไปหยิบหมอนจากห้องปฐมพยาบาลอีกห้องหนึ่งของสถานีอนามัยมาสอดเข้าใต้ศีรษะของชายหนุ่ม
...ใบหน้าของอิศราดูเด็กมาก เด็กกว่าอายุจนเหมือนนักศึกษามหาวิทยาลัย แก้มแดงระเรื่อ จมูกเล็กๆ ค่อนข้างรั้น ปากแดงจัด คางบุ๋ม หน้าตาน่ารัก ต่างจากภีรวัสโดยสิ้นเชิง ใบหน้าคมเข้มของภีรวัสนั้นตรึงตาตรึงใจเขาตั้งแต่ครั้งแรกที่พบ โดยเฉพาะอย่างยิ่งประกายตาลุ่มลึกคู่นั้นที่ท้าทายให้เขาค้นหาสิ่งที่ซ่อนเอาไว้...
...ภีรวัสรักเขาจริงๆ หรือเปล่า หรือเขาจะกลายมาเป็นของเล่นในเกมสนุกๆ ที่ภีรวัสแข่งขันกับเพื่อนเหมือนกับที่พลเคยโดนมาแล้ว แต่ที่แน่ๆ ตอนนี้เขามั่นใจว่าตัวเองรักภีรวัสเข้าไปแล้วจริงๆ ตลอดทางจากกรุงเทพฯ มาแม่สะเรียงเขามีแต่ตัว หัวใจนั้นเล่ามาถึงก่อนตั้งนานแล้ว...
“ทำเป็นเรื่องใหญ่กันไปได้ แค่ขาหักกับแขนหัก แล้วก็เป็นไข้” วิษณุเดินออกมาหยุดยืนอยู่หน้าวรุฒม์ที่ยังคงนั่งเหม่ออยู่หน้าห้องพยาบาลแต่ก็รู้สึกตัวโดยเร็ว จึงลุกขึ้นแล้วเดินเข้าไปในห้องพยาบาลแต่วิษณุขวางเอาไว้โดยให้เหตุผลว่าภีรวัสหลับอยู่เพราะฤทธิ์ยา
“อย่าเพิ่งเข้าไปทานเลยรุฒม์ ให้คุณภีร์พักผ่อนเถอะ นายเข้าไปเดี๋ยวได้ตื่นกันพอดี”
“เราแค่ไปยืนดู” วรุฒม์ตอบแล้วผลักแขนวิษณุออกให้พ้นทาง
...รู้แล้ว ไม่บอกก็รู้ว่าอยากจะเข้าไปยืนดูใจจะขาด เราก็ห้ามไปยังงั้นเอง...
วิษณุอมยิ้ม มองตามเพื่อนแล้วหันไปมองอิศราที่ตอนนี้นอนขดตัวอยู่บนม้านั่งริมระเบียง
“อิศรา คุณนี่ก็ใช่ย่อย” วิษณุก้มหน้าลงไปใกล้ใบหน้าอ่อนเยาว์ของชายหนุ่ม “ผมจะทำยังไงกับคุณดีนะ”
อิศราเหมือนได้ยิน ทำเสียงอืออาแล้วขยับตัวยุกยิกเปลี่ยนท่านอน ก่อนจะพึมพำเบาๆ ว่า “อย่านะผู้พัน อย่านะ”
...ผู้พันไหน มีสองคน อิศราหมายถึงผู้พันวรุฒม์หรือผู้พันวิษณุ แล้วนี่รักเขาจริงหรือเปล่า หรือเขาเป็นเพียงของเล่นในเกมสนุกๆ ที่อิศราแข่งกับภีรวัส และตอนนี้ใกล้จะถึงตอบจบหรือยัง...
...เขาไม่อยากให้จบ เขาอยากให้ชีวิตการเป็นแพทย์ทหารในอำเภอเล็กๆ แห่งนี้มีชีวิตชีวา แต่การมาหลงรักอิศรานี้ก็เสี่ยงพอสมควร...
...เฮ้อ ทำยังไงดี...
ภีรวัสลืมตาขึ้นมาช้าๆ รู้สึกปวดศีรษะแทบจะระเบิด ปากและคอแห้งผาก เจ็บขาและแขนจนอยากจะร้องตะโกนนออกมาดังๆ แต่ไม่มีแรง ต่างจากคืนแรกที่เขาลื่นล้นใกล้กับโขดหินริมลำธารในป่า คืนนั้นเขาร้องด้วยความเจ็บปวดจนคอแห้ง พยายามกระเสือกกระสนกับกระท่อมแต่ไปได้ไม่ถึงครึ่งทาง ต้องทิ้งร่างซุกตัวนอนอยู่ข้างซอกหินขนาดใหญ่ที่ใช้เป็นที่พักเอาแรงชั่วคราว ด้วยตั้งใจว่าจะกัดฟันเดินทางต่อในวันรุ่งขึ้น แต่ทว่า เขาเจ็บขาเกินกว่าจะพาร่างของตัวเองกลับกระท่อมเก่าๆ ที่ใช้เป็นที่พักชั่วคราวได้ จึงนอนรอให้คนมาช่วย ในระหว่างนั้นก็อาศัยดื่มน้ำในลำธารใสๆ ประทังชีวิต
ตอนนั้นเขากลัวความตายเป็นที่สุด และเมื่อตกอยู่ในสถานการณ์เช่นนั้นก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงพล
...พลตายจากเขาไปและเขาก็รู้สึกเสียใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น การอยู่เงียบๆ คนเดียวกลางป่าในสภาพแบบนั้นทั้งวันและคืนทำให้เขาได้คิดไตร่ตรองและตระหนักว่า ในหัวใจของเขามีความรักที่เป็นความรักจริงจังได้ก่อตัวขึ้น...
...แต่จะมีใครเชื่อเขาบ้าง ที่ผ่านมา เขาเล่นกับหัวใจคนอื่นมาหลายราย ตอนนี้หากจะรักใครจริงๆ คนที่เขารักจะเชื่อเขาหรือเปล่า เขามั่นใจแล้วว่าทั้งวิษณุและวรุฒม์รู้ทันเขากับอิศราและช่วงหลังจากที่พลเสียชีวิต วรุฒม์กับวิษณุก็คงเล่นเกมตลบหลัง แต่ทั้งที่รู้ เขาก็ยังรู้สึกสับสน ไม่แน่ใจ...
...วรุฒม์เลือกอิศราไปแล้ว คุณตกลงปลงใจกับผมเสียงเถอะ...
เสียงของวิษณุยังดังก้องอยู่ในโสตประสาท
...โกหก วิษณุโกหก...
“ภีร์ แกยังไม่ตายหรือเนี่ย” เสียงของอิศราดังขึ้นเบาๆ
“ไอ้ก้อนอิฐ แกซิตาย นี่วิญญาณแกมาเยี่ยมฉันใช่ไหมเนี่ย อย่ามาชวนไปอยู่ด้วยนะ ฉันยังไม่อยากไปอยู่กับแก” ภีรวัสพึมพำ ทำตาขวางมองเพื่อนที่ยืนอยู่ข้างเตียง แล้วก้มหน้าลงมาใกล้
“ไอไม่ยอมตายคนเดียวหรอก ถ้าจะตกนรกก็ต้องไปด้วยกัน”
“ใครว่าเราจะตกนรก เราจะไปขึ้นสวรรค์” ภีรวัสยิ้มบางๆ
“คงได้ขึ้นหรอก ที่เราสองคนทำมาเนี่ย เทวดาคงไม่ยอมผ่อนปรนให้ นอกเสียจากเราจะทำอะไรชดใช้” อิศรายักคิ้วแล้วถอยหลังออกห่างพร้อมพูดว่า “เดี๋ยวมานะ”
“จะไปไหนอิศ หิวน้ำ คอแห้ง เอาน้ำมาให้กินก่อน” ภีรวัสเรียกเพื่อนเสียงเบา ทั้งที่จริงอยากจะตะโกนแต่ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรง
วรุฒม์สะดุ้งตื่นทันทีเมื่อโดนสะกิดคางพร้อมๆ กับที่หูได้ยินเสียงของวิษณุดังขึ้นมาข้างๆ
“อิศรา ทำอะไร” วิษณุถาม ยกศีรษะขึ้นมามองอิศราซึ่งนักคุกเข่าอยู่ข้างๆ วรุฒม์และมือแตะอยู่ที่ใต้คางของเพื่อนเขา ทำเหมือนกำลังจะลูบไล้
“ผมกำลังปลุกผู้พัน” อิศราหันมามองตาแป๋ว แล้วก้มหน้าพูดกับวรุฒม์ “ตื่นสิผู้พัน คนป่วยเขาอยากดื่มน้ำ คอแห้งจนจะขาดใจตายอยู่แล้ว”
วรุฒม์เด้งตัวลุกขึ้นนั่งแล้วรีบยันตัวลุกขึ้นเดินออกจาห้องทันที ส่วนวิษณุยันศอกขึ้นมานอนตะแคงมองอิศราที่เปลี่ยนมานั่งขัดสมาธิมองอยู่ด้วยใบหน้ากึ่งยิ้มกึ่งงอน
“ทำไมถามผมแบบนั้น คิดว่าผมจะทำอะไรผู้พันวรุฒม์หรือ ผู้พันคิดอะไรอกุศล แบบนี้ไม่ไว้ใจกันนี่นา ผมยังไว้ใจผู้พันเลย นอนติดกันกับผู้พันวรุฒม์สองต่อสองผมยังไม่ว่าซักคำ”
“โธ่ อิศรา ไม่ใช่แบบนั้นนะครับ แล้วผมนอนกับวรุฒม์จะมาคิดอะไรไม่เข้าท่า ผมกับวรุฒม์เป็นเพื่อนกันนะครับ เหมือนๆ กับที่คุณกับคุณภีรวัสเป็นเพื่อนกัน คิดจะทำอะไรกันได้ยังไง” วิษณุทำหน้าอ้อน
“ไม่รู้สิ ผมยังเคยคิดที่จะเป็นของภีร์เลย ผู้พันก็อาจคิดจะเป็นของผู้พันวรุฒม์” อิศราสะบัดหน้า
“อิศรา” วิษณุอุทาน “แล้วทำไมไม่คิดว่าวรุฒม์จะอยากเป็นของผมล่ะ”
“อ๋อ คุณอยากได้ผู้พันวรุฒม์ยังงั้นหรือ”
“ไม่ใช่ จะบ้าหรือ” วิษณุทำหน้ากึ่งขันกึ่งคาดไม่ถึงว่าจะได้ยินชายหนุ่มกล่าวหาเขาซึ่งๆ หน้า
“ผู้พันหาว่าผมบ้า แสดงว่าไม่รักผมแล้ว” อิศรายังทำหน้างอน
“ใครบอก คุณนี่หาเรื่องผมจริงๆ เลย” วิษณุขยับตัวเข้ามาใกล้ชายหนุ่ม มือแข็งแรงคว้าแขวนของอิศราแต่ฝ่ายนั้นสะบัดค่อยๆ
“คุณต่างหากหาเรื่องผม มาปรักปรำผมว่าจะลักหลับผู้พันวรุฒม์” อิศราทำเสียงขุ่นเครื่อง
“เปล่านะครับ”
“เปล่าที่ไหน คุณพูดว่า อิศรา ทำอะไรน่ะ” อิศราหันมาทำตาเอาเรื่อง “พูดยังกับว่าผมจะเที่ยวได้ไปทำอะไรใครเขาไปทั่ว”
“ผมไม่เคยคิด” วิษณุเสียงอ่อน ขยับตัวเข้ามาใกล้คนขี้งอน คราวนี้โอบกอดร่างของอิศราเอาไว้ แทนที่จะจับแขนเอาไว้ข้างเดียว
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจสิครับ” วิษณุตอบเสียงเบาแล้วซุกไซร้แก้มขาวๆ ของชายหนุ่ม ในใจอดพูดกับอิศราไม่ได้ว่า
...คิดสิ ตอนทิ้งให้อยู่กับพลทหารที่หน่วยวิทยุตอนไปค้นหาภีรวัส ผมกลัวแทบตายว่าคุณจะไปเล่นเกมบ้าๆ แบบนี้กับพลทหารสองคนนั้น เกมหลอกให้รักแล้วทิ้ง ปั่นหัวคนให้หลงแล้วผลักใสไล่ส่ง เกมแบบนี้คิดได้ยังไง...
“ผมมีแฟนน่ารัก ก็ต้องหึงหวงเป็นธรรมดา”
“ไม่ต้องมาระแวงเลยนะ” อิศราทำเสียงกระเง้ากระงอด “ถ้าระแวง ผมจะทำประชด”
“ไม่หรอกครับ ขอเพียงแต่คุณรักผมคนเดียว รักผมจริง และไม่คิดทิ้งผมเมื่อชนะพนันกับเพื่อนแล้ว”
“อะไรนะ” อิศราเสียงสูง เบิกตากว้าง
“เอ่อ...” วิษณุอึกอัก รู้สึกตัวว่าพลาดที่หลุดปากพูดอะไรออกไป
“ผู้พันเจ้าเล่ห์ ฮึ” อิศราหันหน้าหนี พยายามดิ้นให้หลุดจากอ้อมแขนแข็งแรงวิษณุที่กอดรัดแน่นขึ้น
“โธ่ ที่รักครับ ผมก็พูดไปยังงั้นเอง”
“ผู้พันรู้ได้ยังไง”
“ผมเปล่า” วิษณุพยายามคิดหาทางออก แต่ในที่สุดก็ตัดสินใจพูดความจริงบางส่วน “วรุฒม์บอกผมมา ผมไม่รู้ว่าเขาไปรู้มาได้ยังไง แต่ผมรักคุณจริงๆ นะครบ ผมอดกังวลไม่ได้ว่าจะโดนคุณทิ้ง คุณน่ารักมีเสน่ห์แบบนี้ ผมคิดไม่ได้”
“นี่คงคิดว่าผมจะรวบหัวรวบหางพลทหารสองคนนั้นด้วยสิท่า” อิศราผลักอกวิษณุ
“เปล่่านะครับ ไม่เคยคิด จะไปคิดแบบนั้นทำไมครับ คุณคนเดียวจะไปทำอะไรผู้ชายสองคนได้” วิษณุทำเสียงออดอ้อน “อิศราจ๋า รู้ไหม ผมไม่เคยรู้สึกอย่างนี้กับใครมาก่อน ทั้งที่หวั่นใจ ไม่แน่ใจ หวาดระแวง แต่ผมก็พยายามบอกตัวเองว่าความรักครั้งนี้คงเป็นรักที่แท้จริง ผมอายุขนาดนี้แล้ว ไม่ใช่หนุ่มน้อย ผมอยากจะมีรักแท้กับใครซักคน ผมบอกตัวเองเสมอว่ามันเสี่ยงมาก แต่ผมก็พ่ายแพ้ต่อใจตัวเอง ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ขอให้ได้รักคุณ แล้วคุณล่ะ จะรักผมได้หรือเปล่า”
“ฮื่อ” อิศราก้มหน้า ซุกเข้ากับซอกคอของนายทหารหนุ่ม “ไม่รักจะยอมโดนฉีดยามาจนก้นแทบพรุนแบบนี้หรือ”
“งั้นเช้านี้มาฉีดยารักษาก้นพรุนซักเข็มนะ” วิษณุเสียงสั่นพร่า
“อย่านะ เดี๋ยวใครมาเห็น” อิศราห้ามแต่มือเริ่มปลดตะขอกางเกง
“งั้นผมจะไปล๊อคประตู วรุฒม์คงไม่กลับมาอีกแล้วล่ะ อย่างน้อยก็อีกหลายชั่วโมง”
“แล้วอนามัยตำบล” อิศราทักท้วง
“เขามาทำงานกันเก้าโมงเช้า มีเวลาถมเถ จะฉีดยาซักสองสามรอบก็ยังทัน” วิษณุเริ่มหายใจหอบถี่ ตอนนี้อารมณ์กำลังกระเจิดกระเจิงเพราะความปรารถนา “มารักกันเถอะ อิศรา”
“ก็รักแล้วนี่ไงครับ จะมัวแต่พูดอยู่ทำไม” อิศราตอบเสียงอู้อี้ ก่อนจะถูกประกบปากไม่ให้พูดอะไรต่อ วิษณุหัวเราะเบาๆ ในลำคอ แล้วเริ่มบรรเลงเพลงรักอย่างไม่รีรอเพราะอยาก 'ฉีดยา' ให้คนรักเต็มที่
***20***