บทที่ 8 ครับ ขอโทษทีนะครับที่มาโพสช้า ขอบคุณที่ติดตามอ่านครับ และขอบคุณสำหรับคำแนะนำทุกอย่างครับ
ป.ล. ยศและนามสกุลของ พันตรีพล ในเรื่องเปลี่ยนแล้วนะครับ
ตอนตั้งชื่อตัวละครใช้สมองคิดแต่ซีกเดียวเลยไม่ค่อยเข้าท่าเท่าไหร่ ขอบคุณที่ช่วยชี้แนะ
Chapter 8
ภีรวัสชะงักเมื่อมองลงไปจากสถานีตรวจอากาศแล้วเห็นพันตรีพลกำลังเดินขึ้นเนินมาช้าๆ ชายหนุ่มหันซ้ายหันขวา กำลังหาทางหลบนายทหารหนุ่ม แต่พลมองเห็นเสียก่อน ภีรวัสจึงจำต้องยิ้มให้
“กำลังจะกลับหรือครับ หรือกำลังจะหลบผม”
...โลกกลมอีกแล้ว ดอยมีตั้งหลายดอย ทำไมต้องเจอพลอีกนะ เดินมุ่งมาหาเขาเหมือนรู้ว่าอยู่ที่นี่...
“กำลังจะหลบ” ภีรวัสเมินหน้าออกไปมองด้านข้าง “ถ้าคุณอยากได้ยินผมตอบแบบนี้ ผมก็จะตอบให้ได้ยินสมใจอยาก”
“ภีร์ ผมขอโทษ” พลเสียงอ่อนลง
“ผมเพียงแต่ตกใจที่จู่ๆ ก็เจอคุณอยู่บนดอย เป็นใครก็ต้องแปลกใจ คุณทำเหมือนรู้ว่าผมอยู่ที่นี่ ตามสะกดรอยหรือครับ” ภีรวัสทำหน้างอน
“เปล่า มีคนบอกว่าคุณอยู่ที่นี่ ผมก็เลยมาหา”
“งั้นหรือครับ” ภีรวัสทำหน้าไม่เชื่อ ในใจนึกเข่นเขี้ยวอิศรายิ่งนัก
“ผมมาธุระกับเพื่อน พอดีเจอเพื่อนสนิทคุณยืนอยู่ริมถนน ยังไม่ทันได้ถาม เขาก็บอกว่าคุณอยู่บนนี้”
...ไอ้ก้อนอิฐ แสบนักนะ...
“ภีร์ ผมไม่ได้อยากจะเร่งรัดคุณหรอกนะ แต่ผมยอมรับคุณตรงๆ นะครับว่า เมื่อเห็นหน้าคุณแล้ว ผมก็ร้อนรุ่ม เมื่อคืนแทบนอนไม่หลับ เห็นแต่หน้าคุณลอยไปลอยมา พยายามบอกตัวเองว่าคุณไม่รักผมแล้ว แต่ผมก็ทำใจไม่ได้ เตือนตัวเองว่าให้รอเวลาอีกซักหน่อย แต่ใจผมมันไม่ยอมรอ” พลทำหน้าเศร้า เสียงออดอ้อน “อย่างน้อย ตลอดเวลาที่คุณมาทำงานอยู่ที่นี่ ขอให้ผมได้ใช้เวลาอยู่กับคุณบ้างนะครับ”
...ไม่ได้หรอก เวลายิ่งมีน้อย แล้วนี่วิษณุจะว่าอย่างไร และเขาเองจะทำยังไงดี เขาต้องพิชิตใจวิษณุให้ได้ภายในหนึ่งเดือน หากมีพลมาคอยตื๊อเขาอยู่แบบนี้ อาจไม่สำเร็จ...
ภีรวัสยืนนิ่ง พยายามไตร่ตรองหาวิธีเอาตัวรอดจากสถานการณ์กระอักกระอ่วนใจเช่นนี้ เขาต้องทำงานวิจัยอยู่ที่นี่สองเดือนกว่า ยังไงก็หนีพลไม่พ้น แต่เมื่องานวิจัยภาคสนามเสร็จก็ต้องกลับเข้ากรุงเทพฯ จึงไม่ต้องมาคอยกังวลเรื่องพลอีก แต่ตอนนี้ ต้องให้ผ่านเดือนแรกไปได้เสียก่อน พอรู้ผลแพ้ชนะเกมการแข่งขันระหว่างเขากับอิศราค่อยว่ากันอีกที
"ผู้พันพลครับ" ภีรวัสสูดลมหายใจลึก "ผมรู้ดีว่าตัวเองผิดที่อยู่ดีๆ ก็เกิดประสาทเสียกลัวความสัมพันธ์และเลือกงานมาก่อนความรัก เพราะฉะนั้นผมจะยอมรับคำขอของคุณ แต่ว่าขออะไรผมอย่างได้ไหมครับ"
พลพยักหน้า รอฟังว่าภีรวัสจะเล่นเกมอะไรกับเขาต่อไป
"ผู้พันอย่าเพิ่งเร่งรัดผมมากนัก ยังไงผมก็ขอทำงานวิจัยชิ้นนี้ให้เสร็จก่อน ขอผมซักครั้ง งานวิจัยชิ้นนี้สำคัญกับผมมาก ผมอยากทุ่มเทให้กับมัน เลยอาจให้เวลาคุณมากไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ หนึ่งอาทิตย์ ผมต้องให้เวลาผู้พันบ้าง"
"ขอผมสองวันก็พอ"
...ไม่ได้หรอก สองวันเลยหรือ ไม่ได้นะ...
"อย่าเพิ่งกำหนดแบบนั้นเลยนะครบ" ภีรวัสยื่นมือไปแตะแขนของนายทหารหนุ่ม "ถ้างานมันติดพันก็อาจมีเวลาให้ไม่เต็มวัน แต่ถ้าว่างๆ ก็อาจใช้เวลาด้วยกันเกินสองวันติดต่อกัน" ภีรวัสต่อรอง
"ผมขอแค่เลิกงาน แต่วันเสาร์อาทิตย์ไหนคุณว่างก็..."
"บางทีผมต้องนั่งทดลองอะไรหลายอย่าง ถ้าอุปกรณ์ทำงานผิดพลาดก็ต้องทุ่มเวลาแก้ไข เวลามันไม่แน่นอน" ภีรวัสรีบแทรก พยายามรักษาระดับน้ำเสียงให้เป็นปกติ
"ผมจะคอยอยู่ช่วย"
"ขอบคุณครับ แต่คุณต้องทำงาน" ภีรวัสลูบแขนของพล "อย่างที่ผมบอก อย่าเร่งรัดกันมากนัก ปล่อยให้ทุกอย่างเป็นไปอย่างสบายๆ"
ภีรวัสรู้ดีว่าพลต้านทานสัมผัสเขาไม่ค่อยได้ เขารู้สึกได้เลยว่ากล้ามเนื้อแขนของพลกระตุก หายใจแรงขึ้น และหากเขายื่นปากไปจูบ พลก็จะควบคุมตนเองไม่ได้ ภีรวัสจึงบีบต้นแขนอีกฝ่ายแล้วดึงเข้ามาใกล้
"ผมยอมรับว่าผมก็คิดถึงผู้พัน" ภีรวัสทำเสียงทุ้มต่ำ "แต่ตอนนี้ขอเวลาผมเข็นงานวิจัยนี้ให้เสร็จ แล้วเรามาทบทวนความสัมพันธ์กันใหม่"
พลหายใจหนัก การได้อยู่ใกล้ชิดกับภีรวัสในที่ลับตาคนเช่นนี้ทำให้เขารู้สึกหวั่นไหว ในใจที่เตรียมตัวมาเป็นอย่างดีเริ่มเขว แต่ก็เตือนตัวเองว่าต้องอดทน เกมนี้เขาจะแพ้อีกไม่ได้ ภีรวัสทำกับเขาครั้งนั้นยังจำได้ไม่ลืม หลายเดือนผ่านมาที่ตามหาชายหนุ่ม เขาได้รู้อะไรดีๆ หลายอย่าง
...คราวนี้ภีรวัสต้องได้รับบทเรียนบ้าง...
พลรับปากแล้วชวนภีรวัสกลับลงไปยังหมู่บ้านเพื่อสมทบกับอิศราและนั่งรอวิษณุ
เมื่ออยู่กันตามลำพัง ภีรวัสจึงมีโอกาส "เอาเรื่อง" คนปากมาก
"ไปบอกเขาทำไมว่าไออยู่บนสถานี"
"เขาถาม" อิสรายักไหล่ ตอบเสร็จก็หันหน้าไปมองด้านอื่น
"แน่ใจนะไอ้เตี้ย ดูตาแกก็รู้ว่าโกหก มีใครเคยสอนไหมว่าเวลาตอแหล อย่าขยับลูกตาไปมา" ภีรวัสกระชากเสียง
"ยังไงเขาก็รู้อยู่ดี หนีไม่พ้นหรอก ไม่ว่าเราจะบอกหรือไม่บอก วันนี้ท่านนายพลคนรักแท้ก็ต้องเจอนายจนได้ กรรมตามสนองแล้วพีวีซีเอ๊ย"
"พูดไปเถอะ ถ้าจะว่ากรรมตามสนอง นายก็ไม่ต่างกันหรอก เผลอๆ กรรมนายเยอะกว่าอีก" ภีรวัสถอนหายใจ หันไปมองพลที่กำลังซื้อน้ำดื่ม
"กลับกันหรือยังอิศ เหนียวตัวอยากอาบน้ำเต็มที" ภีรวัสเปลี่ยนเรื่อง
"รอเดี๋ยว หมอวิษณุบอกให้รอ"
"อะไรนะ มาได้ยังไง แล้วตอนนี้อยู่ไหน" ภีรวัสขึ้นเสียงสูงแต่คุมระดับความดังไม่ให้ดังเกินไป
"เหาะมามั๊ง" อิศราพูดกวน แล้วทำสีหน้ายิ้มๆ นัยน์ตาวูบวาบ "มากับท่านนายพล นายคงยังไม่รู้อะไร"
"รู้อะไร" ภีรวัสถาม หากในใจได้คำตอบแล้ว
...อย่าบอกนะว่าพลกับวิษณุเป็นเพื่อนกัน...
...ถ้าอย่างนั้น!...
...โอ๊ย แย่แล้ว...
"คุณอิศรา" ภีรวัสทำเสียงเข้ม "เข้าใจอะไรไหม พันตรีพล เดชาวุธ เป็นเพื่อนกับพันตรีนายแพทย์วิษณุ ชาญยุทธ แล้วทั้งสองคนนี่จะเป็นอะไรกับพันโทวรุฒม์ แสนยานุภาพ"
อิศราขมวดคิ้ว นิ่งไปหลายอึดใจ ภีรวัสนั่งรอเวลาให้อิศรานึกอะไรได้
...เพื่อนเขาเข้าใจอะไรช้าเช่นเคย...
"ตาเถรช่วย" ในที่สุด อิศราก็อุทานเบาๆ
"ตาเถรหรือสมภารก็ช่วยไม่ทันแล้วล่ะอิศราเอ๊ย"
"ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ งานนี้เราจะป๊อกตั้งแต่ยังไม่เด้งไม่ได้นะภีร์" อิศราทำหน้าตื่นตระหนก
"แป๊ก" ภีรวัสแก้ภาษาของอิศราเพราะรู้อยู่ว่าเพื่อนมักจะพูดอะไรผิด โดยเฉพาะอย่างยิ่งเวลาตกใจ "หมายความว่าจอดตั้งแต่ยังไม่ได้แจว ถ้าพลเอาเรื่องวีรกรรมของเราไปบอกผู้พันวรุตม์กับหมอวิษณุ เกมนี้ก็จบ"
"ต้องกำจัดท่านนายพล" อิศราพึมพำ
"กำจัดยังไงไอ้เตี้ย เอาปืนไปจ่อยิงหัวให้ตายแล้วเราลากศพไปทิ้งลงหน้าผาดีไหม" ภีรวัสเสียงเข้ม อยากจะถีบอิศราให้ตกเก้าอี้นัก
"งั้นก็ขอร้องผู้พันพลไปตรงๆ บอกว่าขอเวลาอีกเดือนค่อยลงทัณฑ์แกดีไหม ระหว่างนี้ก็เงียบๆ ไว้ ขออีกเกม เกมสุดท้าย แล้วเราสองคนจะกลับตัวกลับใจเป็นคนรักจริงหวังแต่ง เป็นคนดีของสังคม"
"ยังทำเป็นพูดเล่น" ภีรวัสเบ้ปาก
...กลัวจะมองหน้าวรุฒม์กับวิษณุไม่ติดนะสิ...
...เอ๊ะ ทำไมเขามารู้สึกแคร์ด้วยเล่า แต่ก่อนไม่เคยสนใจ...
...วิษณุไม่เท่าไหร่ แต่วรุฒม์นี่สิ คนเรียบนิ่งเคร่งขรึมแบบนั้นจะมีปฏิกิริยาอย่างไรนะ...
"โอ๊ย ปวดหัวจริงๆ ภีรวัสเอ๊ย เราว่าเกมนี้ปวดหัวยิ่งกว่าครั้งไหนๆ แบบนี้ไอ้คำที่เขาพูดว่าพลิกวิกฤติให้เป็นโอกาสคงใช้ไม่ได้" อิศราถอนหายใจ ทำหน้ามุ่ย หันซ้ายหันขวาอย่างไม่รู้จะทำอย่างไรดี
"คุยอะไรกันอยู่ครับ น่าสนุก" พลเดินกลับมาที่สองหนุ่ม ยื่นน้ำอัดลมให้อิศรากับภีรวัสคนละขวด ภีรวัสหันไปยิ้มมุมปากให้นายทหารที่ยิ้มกว้างดูมีความสุขยิ่งนัก แต่ทว่า ชายหนุ่มรู้สึกว่าตัวเองเห็นประกายตาของพลฉายแววแปลกๆ เพียงชั่วเสี้ยววินาที
...ประกายตาเหมือนคนที่กำลังต้องการแก้แค้นศัตรู...
...ที่พลบอกว่ารู้อะไรดีๆ จากตอนที่ตามหาเขา พลรู้อะไรบ้าง เขาต้องล้วงหาข้อมูลจากพลให้ได้...
"ร้อนจังเลยนะครับ" อิศราพูดโพล่งขึ้นมา "บ้านเมืองเราเข้าขั้นวิกฤติแล้วหรือยังไง โลกก็ร้อน ทำให้คนร้อน" ภีรวัสอมยิ้ม เข้าใจคำพูดแฝงนัยของเพื่อนที่สื่อความกับเขาว่า 'ภีรวัส แกฉลาดกว่า คิดเร็วเข้า ตอนนี้เข้าขั้นวิกฤติ กำลังร้อนใจ'
...พลิกวิกฤติให้เป็นโอกาศ ทำยาก แต่ก็น่าลอง...
"ไหนๆ ก็เจอกันแล้ว ไปทานข้าวเย็นด้วยกันนะครับผู้พัน" ภีรวัสหันไปยิ้มอบอุ่นให้พลที่นั่งลงใกล้ๆ แทบจะไหล่ชนกัน
"เราปวดท้อง สงสัยต้องขอตัว" อิศรารีบพูดขึ้นมา
พลเลิกคิ้วอย่างแปลกใจ แต่พลันก็เปลี่ยนเป็นสีหน้ายิ้มแย้มแล้วบอกตกลง "พอถึงบ้าน ผมจะรีบไปรับ จะพาภีร์ไปทานข้าวเคล้าเสียงดนตรีเพราะๆ ที่ร้านอาหารสวยๆ บรรยากาศดีๆ "
"ขอบคุณครับ คืนนี้ผมให้เวลาคุณเต็มที่" ภีรวัสตอบยิ้มๆ อิศราหันมามองเพื่อนแล้วแอบยกนิ้วให้ สื่อความหมายว่าขอชมเชย
ทั้งสามนั่งเงียบอยู่ชั่วครู่ก็ได้ยินเสียงรถ พลชะเง้อคอมองออกไปนอกร้านขายของจึงเห็นรถของวิษณุตรงมา ทั้งหมดจึงลุกขึ้นแล้วเดินออกไปยืนรออยู่ริมถนน อิศราจึงได้โอกาสแอบกระซิบกับภีรวัสว่า "ทุ่มทั้งตัวเลยหรือวะภีร์ ระวังเชือกจะพันคอนะที่รัก"
"ยูเป็นหนี้บุญคุณไออยู่นะจะบอกให้ จำเอาไว้" ภีรวัสตอบเสียงเข้ม
"จ้า บุญคุณครั้งนี้ใหญ่หลวงนัก ข้าน้อยจะจำใส่ก้นเอาไว้" อิศรายักคิ้ว ทำหน้าทะเล้นก่อนจะหัวเราะร่าเริงตามสไตล์เพราะรู้ว่าตั้งแต่เด็กเรียนมัธยมมาด้วยกันจนจบปริญญาโท ภีรวัสแก้ปัญหาได้เสมอ
อิศราคุยเจื้อยแจ้วกับวิษณะตลอดทางที่กลับเข้าตัวอำเภอ ส่วนพลเอาแต่นั่งมองภีรวัสยิ้มๆ สายตาบ่งบอกความในใจยิ่งนัก
...เกมนี้ไม่ง่ายอย่างที่คิด ตอนแรกที่คุยกับอิศราว่าเป็นทัวร์นาเมนท์ใหญ่นั้นเห็นจะจริง...
...พลคิดจะทำอะไรนะ ถ้าเขาเป็นคนพล เขาจะคิดทำอะไรหากโดนทิ้งแล้วมาเจอกันอีกครั้ง
...แก้แค้นสิ เรื่องอะไรจะปล่อยให้ลอยนวล...
...โอย ทำไมต้องมาเจอกันอีกตอนนี้...
ร่างสูงของชายหนุ่มสองคนเดินทอดน่องไปตามถนนริมอ่างเก็บน้ำบนเขา ลมค่อนข้างแรงทำให้ผมของภีรวัสปลิวยุ่งเหยิง พลแตะแขนให้ชายหนุ่มหยุดเดินแล้วอ้อมมายืนบังลมให้ ภีรวัสเงยหน้าขึ้นมองและไม่ทันจะได้พูดอะไร พลก็ยกมือขึ้นปัดผมที่ตกลงมาปรกหน้า
"ผู้พัน เดี๋ยวใครเห็น" ภีรวัสเอียงหน้าหนี
"ใครจะเห็น มีเราแค่สองคน" พลยิ้มบางๆ
"ใครว่า" ภีรวัสหันซ้ายหันขวา มองเห็นคนอีกสองสามคู่อยู่ใต้ต้นไม้ใกลๆ
"เมื่อไหร่จะตัดผมเสียที ผมยาวแล้ว"
"ชอบไว้ผมทรงนี้" ภีรวัสพึมพำ "ถ้าไม่ชอบก็ไม่ต้องมาจับ"
"ชอบสิครับ" พลแทรก "ถึงจะตัดทรงสกินเฮดผมก็ชอบ อะไรที่เป็นคุณ ผมชอบทั้งนั้น"
"อย่ามาปากหวาน" ภีรวัสทำท่าอาย ในใจเต้นตึกตักเพราะกำลังตัดสินใจว่าจะ "เล่นเกม" ใหม่กับพลดีหรือไม่
...เกมปิดปาก อิศราบอกว่ากำจัดพลทิ้งไป แต่สถานการณ์แบบนี้เขาจะทำอะไรได้ วิธีเดียวที่คิดออกตอนนี้ก็คือ พลต้องไม่พูดอะไรกับวิษณุกับวรุตม์เรื่องวีรกรรมของเขากับอิศรา...
...วีรกรรมการแข่งขัน หลอกให้รักแล้วหักอก...
...ต้องทุ่มทั้งตัวเลยหรือภีร์...เสียงของอิศราดังแทรกขึ้นมาในหัว
...ไม่ต้องขนาดนั้นหรอก แต่อาจต้อง "ยอม" พลบ้าง...
พลแตะแขนภีรวัสให้เดินไปนั่งที่ม้านั่งริมน้ำ ชายหนุ่มเดินตามไปโดยง่าย ห่อไหล่เล็กน้อย จนนายทหารหนุ่มอดใจไม่ได้ ยกมือขึ้นโอบหลวมๆ
"ไม่นะครับ บอกแล้วไงว่ากลัวคนเห็น" ภีรวัสพูดแต่ก็ไม่ได้เบี่ยงตัวหลบ
"ผมก็บอกแล้วไงว่าไม่มีใครเห็นหรอก" พลยิ้มอย่างอารมณ์ดี
"ตามใจ อยากทำอะไรก็ทำ อยากดึงผมเข้าไปกอดไปจูบก็ทำได้เลย ทำมันกลางแจ้งนี่ล่ะ" ภีรวัสพูดเสียงเรียบ
พลอมยิ้ม ยอมลดแขนลง รอให้ภีรวัสนั่งลงบนม้านั่งเสียก่อนแล้วค่อยหย่อนตัวลงนั่งใกล้ๆ ไหล่ชิดไหล่ หันไปมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนที่เคยหลอกให้เขารักแล้วทิ้งเขาไปอย่างไม่ใยดี
ความรู้สึกหลากหลายประดังขึ้นมาในใจ แม้เขาจะบอกตัวเองว่าภีรวัสกำลังแกล้งทำ แต่อีกใจหนึ่งก็บอกว่าชายหนุ่มไม่ได้เสแสร้ง ภีรวัสเองก็อาจจะมีใจกับเขาอยู่บ้าง ทุกอย่างที่เกิดขึ้นในช่วงที่เขาคบกับภีรวัสนั้นช่างเป็นธรรมชาติยิ่งนัก และหากจะพูดว่าเป็นการแสดงละคร ภีรวัสก็เป็นนักแสดงที่เก่งกาจสมควรได้รับรางวัลตุ๊กตาทอง และเขาก็ยินดีที่ได้ร่วมแสดง
"เกลียดผมไหมครับ" ภีรวัสถามขึ้นมา
...ผมเกลียดคุณไม่ลงหรอกภีร์...
"ทำไมคิดว่าผมจะเกลียด" พลย้อนถาม
ภีรวัสหลุบตามองผิวน้ำที่ต้องแสงไฟสีทอง แล้วหันมามองคนที่นั่งอยู่ข้างๆ แล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะหันหน้ากลับไปมองจุดเดิม
"ผมควรจะโดนเกลียด" ภีรวัสพูดสั้นๆ แล้วนั่งเงียบ
...ภีรวัส จะคุณมาไม้ไหนกันอีก ทำไมถึงได้ชอบเล่นกับหัวใจคนอื่นแบบนี้...
...ลืมทุกอย่าง แล้วเริ่มต้นกันใหม่ดีไหม เขาควรจะลองเสี่ยงกับภีรวัสอีกซักครั้งดีหรือไม่...
"ผมเกลียดคุณไม่ลงหรอกภีร์ แม้จะเกิดอะไรขึ้น ผมก็ไม่มีวันเกลียดคุณ ผมรักคุณ คุณก็รู้ก็เห็นแล้ว" พลยื่นหน้าเข้าไปใกล้ชายหนุ่มที่นั่งก้มมองผิวน้ำระยิบระยับของอ่างเก็บน้ำ "ถ้าคุณยังไม่พร้อมผมก็จะยังไม่พูดอะไรอีก สบายใจได้ แต่อย่าตัดผมทิ้งไปนะ ให้ผมได้อยู่ใกล้ๆ บ้าง"
ภีรวัสยื่นมือมาวางบนหลังมือของพล ลูบไล้เบาๆ สัมผัสอ่อนโยนทำให้พลเลือดสูบฉีดขึ้นมาทันใด ในใจพยายามควบคุมตนเองไม่ได้ดึงร่างของชายหนุ่มเข้ามากอดแล้วจูบอย่างเร่าร้อนเหมือนครั้งที่เคยคบกัน
"ที่คุณบอกว่ารู้อะไรดีๆ ตอนที่ตามหาผม หมายความว่ายังไงหรือครับ" ภีรวัสกัดฟัน ตัดสินใจถามพลไปตรงๆ "ผมคงชื่อเสียงแย่มาก คงทำความผิดไว้ คงไม่เหลืออะไรจะให้ชื่นชม"
พลเบือนหน้าออกไปด้านข้าง ลอบหายใจหนักๆ สิ่งที่เขารู้มาทำให้เขาสับสน ใจหนึ่งก็อยากจะบอกว่าไม่จริง อีกใจหนึ่งก็บอกว่าไม่สนกับอดีตร้ายๆ ของชายหนุ่ม ส่วนอีกใจหนึ่งก็ระแวงว่าภีรวัสอาจกำลังพยายามปั่นหัวเขาอยู่ ภีรวัสเป็นคนฉลาด และท่าทางไม่จนมุมใครง่ายๆ
"บอกมาสิครับ พูดมาเลยตรงๆ ถ้าสิ่งไม่ดีเกี่ยวกับผมที่คุณรู้มาเป็นความจริง ทำไมยังจะมายุ่งกับผมอีก คนเลวไม่ควรจะมีใครมารักมาชอบ" ภีรวัสเงยหน้าขึ้นมาพูดกับพลด้วยน้ำเสียงหนักแน่น
นายทหารหนุ่มคาดไม่ถึงว่าภีรวัสจะตรงไปตรงมาถึงขนาดนี้ ภีรวัสดูเคร่งขรึม แตกต่างไปจากที่เคยเห็นทำหน้ายิ้มๆ เกือบตลอดเวลา
"คงมีคนบอกผู้พันว่าผมชอบหักอกคนใช่ไหมครับ" ภีรวัสดับเครื่องชน "ผมกับอิศราพนันกันว่าใครจะชนะในเกมหลอกให้รักแล้วทิ้ง คุณคงเคยได้ยินมาแบบนี้ ใครกันที่พูดถึงผมแบบนี้ ผู้พันคงเชื่อเขาเสียสนิท พฤติกรรมผมคงเห็นได้อย่างชัดเจน แล้วตอนที่เราอยู่ด้วยกัน มีอะไรกัน ก็คงเป็นส่วนหนึ่งของการเล่นเกมสนุกๆ"
...บีบน้ำตาหน่อย ใครจะแสดงได้เก่งเท่าภีรวัสไม่มีอีกแล้ว...
...แย่จังเลย ทำไมรู้สึกเจ็บๆ เวลาพูดความจริง ทำไม่รู้สึกเริ่มจะเกลียดตัวเองเข้าให้แล้ว...
"ภีร์" พลคราง รู้สึกตกใจที่ภีรวัสพูดออกมาเช่นนี้
"เวลาเห็นใครโผล่เข้ามาแสดงท่าทางสนใจผม ผู้พันคงอยากที่จะทำเหมือนคนอื่นๆ ที่เขาบอกผู้พันมา ว่าให้ระวังคนชื่อภีรวัสเอาไว้ หมอนี่ร้ายกาจ ชอบหักอกคนอื่น ผู้ชายคนนี้ไม่มีหัวใจ ไม่มีความรู้สึก ไม่เคยซึ้งถึงความรัก"
...ภีรวัส ไหนๆ จะว่าตัวเองแล้วก็เอาให้สุดๆ ไปเลย นี่ไงล่ะ ที่บอกว่าทุ่มสุดตัวเพื่อเอาชนะอิศรา...
...บ้าจริงๆ ตอนนี้ทำไมเริ่มรู้สึกว่าตัวเองร้ายกาจอย่างนี้...
"อย่าพูดแบบนี้สิครับ ผมไม่ได้คิดจะทำแบบนั้น" พลถอนหายใจอีกครั้ง
...นี่เขาจะแพ้ภีรวัสและแพ้ใจตัวเองตั้งแต่เริ่มต้นเลยหรือนี่...
"เชิญตามสบายเลยครับ ไหนๆ ชื่อเสียงผมก็เสียแล้ว แค่คุณตามหาผมไม่กี่เดือนก็ได้รู้อะไรดีๆ จากคนตั้งหลายคน ผมก็ไม่มีอะไรจะเสียอีกแล้ว"
...ใครกันที่พลไปเจอ ใครกัน หรือว่าพงศธร...
...ไม่น่าจะใช่ พงศธรเป็นคนเงียบๆ เป็นสุภาพบุรุษ ไม่น่าใช่...
...หรืออาจจะเป็นชาครินธ์ รายนั้นท่าทางไม่เบา ตอนที่เขาบอกเลิก ชาครินธ์แทบจะหักคอเขาเสียให้ได้ ท่าทางแค้นเขาไม่ใช่น้อย...
พลกับภีรวัสนั่งเงียบอยู่ครู่ใหญ่ ต่างคนต่างปล่อยให้ความคิดล่องลอย จนลมพัดแรงมากขึ้นกว่าเดิม ภีรวัสห่อไหล่ แสดงให้รู้ว่าเริ่มหนาว
...เอาล่ะ ไม้ตาย ลองดูซิว่าพลจะทนได้หรือเปล่า...
ชายหนุ่มเอนตัวแนบร่างบึกบึนของนายทหาร วางศรีษะลงบนไหล่กว้าง แล้วสอดมือเข้าไปคล้องแขนของคนที่นั่งอยู่ข้างๆ พึมพำเรียกชื่อของอีกฝ่ายเบาๆ
พลก้มหน้าลงมองคนที่ซบอยู่กับไหล่ของเขา ใจเต้นตึกตักไม่เป็นจังหวะ จุดอ่อนของเขาอยู่ตรงนี้ ทุกครั้งที่ได้รับสัมผัสอ่อนโยนจากภีรวัส เขาก็ใจอ่อน
อ่อนทั้งใจ อ่อนทั้งกาย
"ภีร์"
...จูบซักหน่อย ขอเน้นๆ ซักครั้งเถอะ...
...พล ขอโทษนะครับ...
ภีรวัสเงยหน้าขึ้นมา ยื่นปากไปประทับรอบจูบที่คางสากๆ ของนายทหาร แล้วหลับตาพริ้ม นับเลขช้าๆ รอเวลาที่พลจะก้มลงมาประกบปากเขา
...หนึ่ง สอง สาม...
...อืมมม...
****8***