เกมหัวใจ: เพื่อนรักหักเหลี่ยมรัก
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: เกมหัวใจ: เพื่อนรักหักเหลี่ยมรัก  (อ่าน 138569 ครั้ง)

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
--- ขอบคุณบอร์ดเซ็งเป็ดสำหรับการให้โอกาสนักเขียนโพสนิยายของตัวเองครับ และขอบคุณผู้อ่านที่รักและเคารพอย่างสูงที่เข้ามาอ่านครับผม ---
ข้อตกลงในการเข้ามาในเล้าเป็ดนะครับ กรุณาอ่านทุกคนนะครับ
เล้าแห่งนี้เป็นที่ที่คนชื่นชอบนิยาย boy's love หรือชายรักชาย หากใครหลงมาแล้วไม่ชอบ
กรุณากดกากบาทสีแดงมุมด้านขวาบนออกไปด้วยนะครับ

สรุปข้อสำคัญดังนี้

1.ห้ามละเมิดสิทธิส่วนตัวของคนแต่งและบุคคลในเรื่องทั้งหมด

2.ห้ามมิให้โพสต์ข้อความ รูปภาพ ใช้ลายเซ็นหรือรุปส่วนตัวหรือสื่อใดๆที่ก่อให้เกิดความขัดแย้ง ไม่แสดงความเคารพ, หมิ่นประมาท, หยาบคาย, เป็นที่รังเกียจ, ไม่เหมาะสม,ติดเรท x,ทำให้กระทู้กลายพันธ์,ไม่เกี่ยวพันกับนิยายที่ลง หรืออื่นๆที่ขัดต่อกฎหมาย,ห้ามโพสกระทู้ที่จะสร้างประเด็นความขัดแย้ง  ในเรื่อง การเมือง ศาสนา พระมหากษัตริย์  และสถาบันต่าง ๆ  รวมถึงกระทู้ที่จะสร้างความแตกแยก  ชวนวิวาท ของสมาชิกภายในเวปบอร์ด

3.การนำเรื่อง ข้อความ รูปภาพมาโพส หรือนำข้อความใดๆไปโพสที่นี่หรือที่อื่นๆ กรุณาพยายามติดต่อขออนุญาตเจ้าของเรื่องก่อนนะครับ

4.ห้ามแจกเบอร์ แลกเมล บอกเมล แลก msn บนบอร์ด
โดยเฉพาะการบอกเบอร์ หรือเมลของคนอื่นโดยที่เจ้าของไม่ยินยอม

5.ขอให้นักเขียนทุกคนอย่าโกหกคนอ่านว่าเป็นเรื่องจริงในกรณีแต่งเติมเพิ่มแม้แต่นิดเดียว ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ให้บอกว่าเรื่องจริง ถ้าเป็นเรื่องแต่งให้บอกว่าเรื่องแต่ง  ให้ชี้แจงว่าเป็นเรื่องแต่งแม้จะแต่งเพิ่มขึ้นแค่ไม่ถึง 10 % ก็ตามเพราะมีคนมากกมายทะเลาะเสียความรู้สึกเพราะเรื่องนี้มามากแล้ว

6.อย่าพูดคุย ทักทาย นักเขียน คนอ่่านโดยรีพลายดังกล่าวไม่เกี่ยวพันกับนิยายให้มากนัก เช่น คนเขียนโพสนิยายหนึ่งตอน ก็ควรคอมเม้นต์สักคอมเม้นต์เีดียวก็เพียงพอแล้ว ถ้าจะพูดคุยกันมากขึ้นแนะนำให้ไปตั้งกระทู้ใหม่ที่ห้องพูดคุยทั่วไป และทำลิงค์โยงมายังนิยาย และให้นักเขียนทุกคนทำลิงค์จากนิยายไปยังกระทู้พูดคุยเกี่ยวกับแฟนคลับนิยายในรีพลายแรกด้วย เพราะการที่คนเขียนและแฟนคลับพูดคุยกันมากทำให้หานิยายที่จะอ่านยาก ไม่เจอ ลำบากกับคนที่ไม่ได้เข้ามาตามอ่านทุกวัน


เวปไซต์แห่งนี้เป็นเวปไซต์ส่วนบุคคลที่ได้รับความคุ้มครองจากกฏหมายภายในและระหว่างประเทศ การเข้าถึงข้อมูลใดๆบนเวปไซต์แห่งนี้โดยไม่ได้รับความยินยอมจากผู้ให้บริการ ถือว่าเป็นความผิดร้ายแรง

ข้อความใดๆก็ตามบนเวปไซต์แห่งนี้ เกิดจาการเขียนโดยสมาชิก และตีพิมพ์แบบอัตโนมัติ ผู้ดูแลเวปไซต์แห่งนี้ไม่จำเป็นต้องเห็นด้วย และไม่รับผิดชอบต่อข้อความใดๆ  โปรดใช้วิจารณญาณของท่านที่เข้าชม และ/หรือ ท่านผู้ปกครองในการให้ลูกหลานเข้าชม

กรุณาอ่านเพิ่มเติมที่นี่
http://www.thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0


ภีรวัส – หนุ่มลูกครึ่ง รูปหล่อ ฉลาด ซ่อนความร้ายกาจไว้ภายใต้ใบหน้ายิ้มๆ งานประจำคือเป็นนักวิจัยอิสระ งานอดิเรกคือหลอกให้หนุ่มหลงรักแล้วหักอก
อิศรา – ช่างภาพแฟชั่นหนุ่มที่รูปหล่อยิ่งกว่านายแบบแฟชั่น ซ่อนความร้ายกาจไว้ภายใต้บุคลิกร่าเริงสนุกสนาน งานประจำทำเมื่ออยากอยากทำ แต่งานอดิเรกคือหลอกให้หนุ่มหลงรักแล้วหักอกแข่งกับภีรวัสเพื่อนสนิท
เกมการแข่งขันครั้งสำคัญเริ่มต้นขึ้นอย่างไม่คาดฝันเมื่อทั้งสองตกรถเที่ยวสุดท้ายแล้วมีนายทหารหนุ่มรูปหล่อชื่อพันโทวรุฒน์ขับรถผ่านมา
ภีรวัสกับอิศราเป็นเพื่อนสนิทกัน และชอบเล่นเกมหลอกให้รักแล้วหักอกแข่งกันมาตลอด

กฎของเกมนี้มีอยู่ว่า แต่ละคนจะมีเวลากับเป้าหมายคนละหนึ่งอาทิตย์สลับกันไป ช่วงเวลาที่คนหนึ่งกำลัง 'กระทำภารกิจพิชิตใจหนุ่ม' อยู่นั้น อีกคนหนึ่งจะเข้ามาวุ่นวายก่อกวนไม่ได้เด็ดขาด ห้าม 'นอน' กับเป้าหมายภายในเดือนแรก และต้องเลิกภายในสามเดือน และที่สำคัญ "ห้ามตกหลุมรัก"
คำขวัญ - ใช้รูปร่างหน้าตาเป็นอาวุธ ใครสะดุดต้องสะกดให้หลงรัก และเมื่ออีกฝ่ายบอกรักแล้ว ต้องทิ้ง และห้ามหวนกลับไปคบกันอีก
 แต่เมื่อเป้าหมายใหม่ของเพื่อนรักทั้งสองเป็นนายทหารหนุ่มรูปหล่อคมเข้ม ห้าว และเท่ มากกว่าเป้าหมายคนเก่าๆ กฏที่มีไว้จึงถูกแหกกระจุยกระจาย การแข่งขันสนุกๆ จึงกลายมาเป็นการสู้รบแบบกองโจรแบบเอาเป็นเอาตาย เรื่องวุ่นๆ จึงตามมาอีกนับไม่ถ้วน ที่แย่กว่านั้น พันโทวรุฒม์ ที่ซ่อนความร้ายกาจภายใต้ใบหน้ายิ้มๆ เป็นสุภาพบุรุษ รู้ทันสองหนุ่มที่บังอาจมากระตุกหนวดเสือ เกมตลบหลังจึงเริ่มขึ้น

เรื่องนี้ค่อนข้างบ้าๆ บอๆ เพ้อฝัน อ่านเอาสนุก แก้เซ็งนะครับ ขอบคุณทุกท่านที่เสียสละเวลาเข้ามาอ่านครับ



*** ขออนุญาตแก้ไขคำห้อยท้ายของชื่อเรื่อง เพื่อลดความรุงรังของหัวข้อ  แต่หากผู้แต่งมีเรื่องแจ้งเพิ่มเติม ก็สามารถแก้ไขชื่อเรื่องได้ตามปกติค่ะ
 ทิพย์โมบอร์ดนิยาย

Share This Topic To FaceBook
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 15-09-2010 20:55:47 โดย THIP »

gboy

  • บุคคลทั่วไป
^
^
^
^
^
จิ้มพี่นาย

นิยายใหม่น่าหนุกเนอะ
 :impress2:
+1 ให้ด้วยแล้วเน้อ

mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :z13:
กระซวกคุณนายยยยยยยยยยยยยยยย

สู้ๆคะจะเป็นกำลังใจให้  :L2:

katawoot

  • บุคคลทั่วไป

Chapter 1

ตำบลแม่คง - 17.11 น. 
"ไอ้พีวีซีเอ้ย ไม่เห็นจะต้องถ่อสังขารมาไกลถึงขนาดนี้ กะอีแค่เขียนสารคดี ไปหาข้อมูลเอาจากเน็ตก็ได้ ก๊อบ ปี้ แอนด์ เพศ น่ะ รู้จักหรือเปล่า" เสียงอิศราบ่นเน้นหนักคำเลียนเสียงภาษาอังกฤษเป็นพิเศษ "ไม่รู้จะลากช่างภาพมือหนึ่งของเอเชียมาตกระกำลำบากทำไม สิ้นเปลืองทรัพยากรมนุษย์ เกิดไอเป็นลมเป็นแล้งขึ้นมา ใครจะรับผิดชอบ" อิศรา ชายหนุ่มหน้าคมลากกระเป๋าไปตามถนนลูกรัง เดินไปบ่นไปไม่ยอมหยุด "ลำบากลำบนจริงๆ เมื่อไหร่จะถึงก็ไม่รู้ ทำไมยูไม่ติดต่อให้เขามารับ ลิมูซีนพิคอัพน่ะ รู้จักไหม..."
"อย่ามาบ่นนะไอ้ก้อนอิฐ ถ้าแกไม่มัวแต่จีบหนุ่ม เราก็ไม่ตกเครื่องบิน" อีกฝ่ายรีบแทรกเสียงเข้ม เวลาอารมณ์เสีย ชื่อของเพื่อนอิศรากลายเป็นก้อนอิฐ "มัวแต่ให้ท่าเขาอยู่นั่น เป็นไงล่ะ ขึ้นเครื่องไม่ทัน ต้องวิ่งลงจากเครื่องมาซวยกับแกด้วย" ภีรวัสเหลืออด ทนนิ่งต่อไปไม่ไหวแล้ว พลาดเครื่องบินเที่ยวนั้นพวกเขาต้องแกร่วรอเที่ยวบินใหม่อีกหลายชั่วโมง
"ใครจะไปรู้ พ่อคุณพูดภาษาอังกฤษไม่ได้เลย เป็นฝรั่งภาษาอะไรพูดภาษาญี่ปุ่นอาโนเนะ แกก็ไร้ประโยชน์สิ้นดี ลูกครึ่งญี่ปุ่นอะไรพูดภาษาพ่อตัวเองไม่ได้" อิศรายกเท้าเตะก้อนกรวดอย่างอารมณ์เสีย "นี่ถ้าไม่หล่อ ไม่ยอมตกเครื่องบินเด็ดขาด"
"เฮ้ย ระวังสิโว้ย เดี๋ยวโดนหัว" ภีรวัสโวยวาย
"คนละทางเลยไอ้ทรพี แกอยู่ทางโน้น ฉันเตะไปทางนี้ ก้อนหินมันคงยูเทิร์นไปตกใส่หัวแกได้หรอก"
"ฝุ่นมันปลิวเข้าตา"
สองหนุ่มเถียงกันไม่ยอมหยุด การเดินทางอันยาวนานทำให้ทั้งสองเหนื่อยอ่อน กว่าจะหารถจากอำเภอแม่สะเรียงมาถึงตำบลแม่คงได้ก็แทบแย่  หนำซ้ำรถจากแม่คงยังไม่ยอมเข้าไปส่งที่หมู่บ้านแคมป์สน จุดหมายปลายทางของภีรวัสนักวิจัยหนุ่มผู้ลากอิศราเพื่อนคู่หูช่างภาพแฟชั่นมือดีของประเทศมาช่วยงาน
ปกติภีรวัสไม่ค่อยพูดมากเท่าอีกฝ่าย ชายหนุ่มค่อนข้างเป็นคนนิ่งเงียบ ตรงกันข้ามกับอิศราที่โวยวายเก่ง หากเวลาเช่นนี้ สองหนุ่มก็กลายมาเป็นคนปากจัดเหมือนกันโดยอัตโนมัติ ทุกครั้งที่เกิดความเซ็งขึ้น สองหนุ่มเห็นพ้องต้องกันว่าต้องทะเลาะกันเพื่อไล่ความเซ็งออกไป
"ภีร์ นี่เย็นมาแล้วนะ เดินอีกกี่เอเคอร์กว่าจะถึงแคมป์สงฆ์นี่"
"แคมป์สน เรียกอะไรไม่เคยถูกซะทีเลย" ภีรวัสแทรก
"เออ เออ แล้วแน่ใจนะว่า คุณลุงนุมิตรอะไรของเอ็ง เขาจะรอรับเรา ไม่ใช่พอไปถึงแล้วลุงเขาไม่อยู่ ซวยตายห่_"
"ลุงนิมิตร" ภีรวัสถอนใจ "เขาก็อยู่บ้านเขาสิ จะไปไหน บ้านเขาอยู่แค้มป์สน เลิกบ่นเสียทีเถอะ รำคาญ"
"ไม่ได้บ่น...ถาม..." อิศราหันมาถลึงตาใส่เพื่อน "ใครจะไปรู้ กลัวว่าจะเหมือนในหนัง แค้มป์ซนอะไรนี่ พอเราไปถึงก็เงียบสงัด ไม่มีใครอยู่ หรือถ้ามีก็เป็นคนที่ตาขวางๆ ทื่อๆ น่ากลัว นี่ยังไม่รู้เลยว่าพักที่ไหน น้ำอุ่นมีหรือเปล่าไม่รู้ บ้านป่าเมืองเถื่อน บอกแล้วให้ไปทำสารคดีท่องเที่ยวที่เชียงใหม่ นี่มาทำสารคดีทำลายธรรมชาติเปลือกโลกสั่นไกวไหวกระเพื่อมที่ไหนไม่รู้"
"หุบปากซะทีเถอะอิศรา เอาเท้าเดิน ไม่ต้องเอาปากเดินได้หรือเปล่า"
"กำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็ม ด๊อคเตอร์นวพล กำลังจะเสร็จไออยู่แล้ว" อิศราโอดครวญ
"หยุดบ่นได้แล้วน่า พอกลับกรุงเทพฯ ก็ดำเนินการต่อ ถ้าเก่งจริง จะกลัวทำไม" ภีรวัสพูดเสียงเรียบ
"ต้องทดเวลาออกไปอีกสองอาทิตย์นะ" อิศราหันมามองภีรวัส "แล้วด๊อคเตอร์รูปหล่อเซ็กซี่ขนาดนั้น วางใจไม่ได้ พวกนักศึกษาสมัยนี้ทั้งแรดทั้งใจถึงจะตาย ยูไม่รู้อะไร เด็กๆ พวกนั้นจีบอาจารย์เป็นว่าเล่น ยิ่งอาจารย์หล่อๆ อย่างนี้ ไอกลัวด๊อคเตอร์นวพลจะไม่ทันนักเรียน ไม่รอดถึงปิดเทอม จะเสียผู้ใหญ่ซะก่อน" อิศราบ่น
"กลัวแพ้ล่ะสิ" ภีรวัสเหยียดปาก
"น้อยๆ หน่อยคุณภีรวัส พูดอะไรคิดซะบ้าง ครั้งล่าสุดไอเป็นฝ่ายชนะ จำได้ไหมเพื่อน" อิศรายื่นมือไปผลักชายหนุ่มที่เดินนำหน้า
"ยูเล่นมอมเหล้าเขานี่หว่า"
"เปล่ามอม แค่ชวนให้ดื่มพอครึ้มๆ กระตุ้นให้เขาคายคำพูดออกมา ถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของกลยุทธ์"
ภีรวัสจำตอนที่อิศราวิ่งเข้ามาในห้องทำงานของเขาได้ พ่อเพื่อนตัวดีรีบเปิดไฟล์บันทึกเสียงในโทรศัพท์ให้เขาฟัง...คำสารภาพรักของธีรเดช ทันตแพทย์หนุ่ม เหยื่อรายล่าสุดของอิศรา...
คราวนั้นเขาแพ้ เพราะพงศธร คนที่เขาคบด้วยค่อนข้างเป็นคนเงียบขรึมและเก็บความรู้สึก แม้ตอนที่เขาบอกเลิก พงศธรยังนั่งนิ่ง เม้มปาก ก้มหน้าไม่ยอมพูดจา แต่สายตาของกัปตันหนุ่มดูเจ็บปวดและขมขื่น ภาพนั้นยังติดตาเขาอยู่ไม่คลาย ไม่นึกว่าพงศธรจะเสียใจมากขนาดนั้น การที่พงศธรไม่ยอมพูดยอมจาหรือแสดงอารมณ์โวยวายออกมา ทำให้เขาเขาอดรู้สึกผิดไม่ได้
"พีวีซี...เสียงรถ...รถ...รถจริงๆ ด้วย" อิศราส่งเสียงลั่น กระโดดโลดเต้นด้วยความดีใจ "นึกว่าจะตายกลางป่ากลางเขาซะแล้ว"
"เบาๆ หน่อย แล้วหยุดกระโดดหยองหยอยซะที เดี๋ยวเขาเห็นเข้านึกว่าแกเป็นคนบ้า รีบเร่งเครื่องหนีกันพอดี" ภีรวัสกระทบกระเทียบ
"สวรรค์ทรงโปรด ราชรถมาเกย ว่าแล้วเชียว คนดีอย่างอิศราตกน้ำไม่ไหลตกไฟไม่จม ขนาดตกระกำลำบากเลือดปากแทบกระเด็น สวรรค์ยังส่งราชรถมาเทียบ" อิศราพร่ำ "ที่สำคัญ...ว้าว ตาหาน" อิศรารำพึงโดยใช้สำนวนแผลงๆ เช่นเคยทำให้ภีรวัสหันตาม
ราชรถของอิศราเป็นรถจี๊บสีเขียวขี้ม้าซึ่งกำลังวิ่งเข้ามาใกล้ คนขับเป็นชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบทหาร มองไกลๆ หน้าตาหล่อเหลาเอาการ
"โอ้ ว้าว...เทพบุตรหลุดออกมาจากป่า หล่อขั้นเทพ" อิศราหันหน้ามายักคิ้วหลิ่วตาให้เพื่อนรัก "คนนี้ไอจองนะภีร์ ไอเห็นก่อน"
"ทะเร่อทะร่าไป ระวังได้กินลูกตะกั่วนะก้อนอิฐ" ภีรวัสเตือนเพื่อน เขามักเรียกอิศราว่า ก้อนอิฐ ขณะที่อิศราก็ล้อเลียนเขาว่า พีวีซี ซึ่งที่จริงแล้วชื่อเล่นของเขาคือ พีเจ มีแต่อิศราเท่านั้นที่เรียกเขาว่าพีวีซีบ้าง พีวีบ้าง หรือหากอารมณ์เสียมากๆ ก็จะมีการเรียกชื่อเด็ดๆ อีกหลายชื่อ
"อา...มาไม่เสียเที่ยว" อิศราตะลึง เมื่อรถทหารเข้ามาใกล้ ชะลอความเร็วแล้วจอดลงข้างสองหนุ่ม ทหารหนุ่มที่เห็นจากระยะไกลเมื่อสักครู่ ยิ่งดูใกล้ยิ่งหล่อเข้ม ใบหน้าคมสัน คิ้วดกดำพาดตรงเหนือดวงตาคมกริบ จมูกโด่ง โหนกแก้มสูง ริมฝีปากอิ่มเต็ม คางแข็งแรงบึกบึน ไรหนวดที่เพิ่งโกนใหม่ๆ เขียวครึ้ม แขนแข็งแรงวางค้างอยู่ที่พวงมาลัย เครื่องแบบลายพรางทหารยิ่งทำให้ผู้สวมใส่ดูคร้ามเข้มมากกว่าเดิม
"จะไปไหนกันครับ" เสียงห้าวทุ้มเอ่ยถาม เสียงของทหารหนุ่มต่ำมาก เหมือนเสียงเบสของเครื่องเสียงที่มีคลื่นความถี่สั่นสะเทือน ทำให้ใจเต้นตึกตักเหมือนเวลายืนอยู่หน้าลำโพง
"ไปที่..." อิศรารีบตอบ แต่กลับสะดุด นึกไม่ออกว่าจุดหมายคือที่ใด เพราะทุกทีเขาเป็นคนตามภีรวัส
ชายหนุ่มหันหน้าไปมองเพื่อน ภีรวัสจึงตอบว่า "ไปแคมป์สนครับ ผมมาทำวิจัยและเขียนสารคดี พอดีมาถึงแม่คง รถหมด เลยลงที่ปากทาง"
"ขอติดรถคุณทหารไปด้วย ไม่ทราบว่าจะได้ไหมครับ" อิศรายิ้มกว้าง
"ได้สิครับ เดี๋ยวผมจะไปส่งให้ อีกไม่ไกลครับ ไม่ถึงห้ากิโล"
"ห้ากิโล" อิศราอุทาน ทำตาโต "นี่ถ้าเดินไปคงตายกันพอดี โชคดีนะครับมีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วย"
"ม้าเขียวต่างหาก" ภีรวัสหมั่นใส้เพื่อนรัก อทแทรกไม่ได้
"ผมชื่ออิศราครับ เป็นช่างภาพ ถือโอกาสมาช่วยเพื่อนเรื่องวิจัยสารคดี" อิศราแนะนำตัว แต่ไม่ยอมแนะนำภีรวัส
นักวิจัยหนุ่มยืนฟังอิศราอยู่เงียบๆ แต่ในใจด่าและตำหนิเพื่อนว่า...ถูกลากมาสิไม่ว่า แล้ววิจัยสารคดีมีที่ไหน อิศราชอบรวบคำสั้นๆ ทำให้ภาษาวิบัติไม่พอ ยังสร้างความเข้าใจผิดอีก...
"ผมพันโทวรุตม์ครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" นายทหารตอบยิ้มๆ แล้วมองไปยังชายหนุ่มอีกคนที่ปีนขึ้นไปนั่งเบาะหลัง
"ผมภีรวัสครับ" ชายหนุ่มยิ้มบางๆ สบตาอิศราแวบหนึ่ง ระฆังการแข่งขันดังขึ้นอัตโนมัติ เป็นที่เข้าใจดีระหว่างเขากับอิศราว่า ชายหนุ่มตรงหน้าคือ 'เป้าหมาย' รายใหม่
"เริ่มได้ สองต่อหนึ่ง" อิศราหันมาพูดเบาๆ กับภีรวัส
พันโทวรุตม์เลิกคิ้ว ไม่เข้าใจที่อิศราพูด "มาจากกรุงเทพฯ กันหรือครับ"
"ใช่ครับ เพิ่งมาถึงแม่สอดตอนบ่ายๆ กว่าจะนั่งรถเมล์หวานเย็นถึงแม่สะเรียงก็แทบแย่ ทีนี้รถจากแม่สะเรียงมาเอ่อ..."
"แม่คง" เสียงหนึ่งแทรกขึ้นจากเบาะหลัง
"เลยต้องนั่งสองแถวจากแม่สะเรียงมาแม่คน จ้างเขาก็ไม่ยอม บอกว่าต้องวิ่งรับคนตามรายทาง พอถึงปากทางก็เลยต้องลงเดินเข้าตำบลแคมป์สนนี่ล่ะครับ" อิศราอธิบาย หันมาสบตาให้ภีรวัสเมื่อพูดถึงตอนที่บอกทหารหนุ่มว่า 'แค้มป์สน' ดังจะบอกเพื่อนให้รู้ว่า...เห็นไหม เขาบอกชื่อจุดหมายปลายทางได้ถูกต้อง...
"หมู่บ้านแค้มป์สน ตำบลแม่คง" ภีรวัสแก้ให้ถูก เพื่อนรักของเขาหันหน้ามาถลึงตาใส่ ทำปากขมุบขมิบพูดว่า "ไอ้ภีร์" โดยไม่ออกเสียง
...หลายแม่เหลือเกิน อิศราชักจะงง...
ตอนนี้ภีรวัสรู้แล้วว่าอิศราจะใช้ตัวตนจริงๆ ของตัวเองมาใช้ในกลยุทธ์รอบนี้ นั่นคือภาพลักษณ์สนุกสนานร่าเริง น่ารัก มาล่อหลอกให้เป้าหมายหลงรัก...
เพราะฉะนั้น ตัวเขาจะใช้บุคลิกเรียบนิ่งสยบความเคลื่อนไหว ปกติเขาไม่เคยใช้กลวิธีนี้กับผู้ชายที่อายุมากกว่าท่าทางเงียบขรึมเป็นสุภาพบุรุษ แต่คราวนี้ ลองดูสักครั้ง หากอิศราจะใช้ตัวตนจริงๆ มาเล่มเกมนี้ เขาก็จะใช้ตัวตนจริงๆ ของตัวเองเหมือนกัน จะได้สมน้ำสมเนื้อ ภาพลักษณ์เรียบนิ่ง ขรึมๆ เย็นๆ เขามักจะใช้กับผู้ชายเจ้าชู้ เจ้าสำราญ เพราะผู้ชายประเภทนั้น มักจะชอบอะไรที่ท้าท้าย และ 'ได้ยาก' เขารู้ว่าผู้ชายที่เป็นผู้ใหญ่ เงียบขรึม มักชอบคนที่สดใสร่าเริง เพราะจะทำให้รู้สึกมีชีวิตชีวา
"ผู้หมวดไปทำอะไรที่แค้มป์สนครับ" อิศราถาม
ภีรวัสหัวเราะหึๆ ในลำคอ อิศราหันมาถลึงตาใส่อีกครั้ง เพราะเพิ่งรู้ตัวว่าตัวเองพลาด เรียกยศทหารผิด
"ไปคุยเรื่องงานกับผู้ใหญ่บ้านครับ" นายทหารหนุ่มตอบสั้น   
"เอ่อ...แล้วผู้กองพักอยู่ไกลจากที่นี่หรือเปล่าครับ เผื่อผมกับภีร์จะขอเชิญมาทานอาหารเลี้ยงขอบคุณที่ช่วยเหลือเรา" อิศราเพิ่มยศให้วรุตม์อีกหนึ่งขั้น
"ผมพักอยู่ที่ค่ายเทพสิงห์ในแม่สะเรียงครับ ให้ผมเลี้ยงต้อนรับคุณทั้งสองคนจะดีกว่า ในฐานะเพื่อนใหม่" พันโทวรุตม์หันหน้ามายิ้มให้ภีรวัสที่นั่งกอดอกนิ่งอยู่เบาะหลัง
"ขอบคุณครับผู้กอง ไม่นึกเลยว่าจะเจอคนใจดีกลางป่ากลางเขาอย่างนี้" อิศรายิ้มกว้างจนตาหยี
"ยินดีครับ ยินดีที่ได้รู้จัก" เจ้าของเสียงห้าวทุ้มลึกกล่าวอย่างอารมณ์ดี
แวบหนึ่ง ภีรวัสเห็นสายตานายทหารหนุ่มเหลือบมองเขาในกระจกมองหลัง ชายหนุ่มก้มหน้าทำเป็นหลบตา ซ่อนใบหน้าที่กำลังอมยิ้มไว้
รอบแรก...ภีรวัสบอกตัวเองว่าเขาได้ไปก่อนหนึ่งแต้ม จากสัญชาตญาณ เขารู้ได้ทันทีว่าพันตรีวรุตม์ "ปิ๊ง" เขา ไม่ใช่อิศรา
"ผู้กองครับ แถวนี้มีจุดชมวิวสวยๆ ไหมครับ ผมอยากถ่ายรูปสวยๆ จะได้เอาไปอวดคนกรุงให้เห็นว่าธรรมชาติต่างจังหวัดสวยงามมากแค่ไหน"
"มีครับ ผมรู้จักจุดชมวิวสวยๆ หลายที่"
"เดินทางไปลำบากไหมครับ ถ้าเดินเท้าจากแค้มป์สนจะใช้เวลากี่ชั่วโมงครับ" อิศราแกล้งตีหน้าซื่อ
...อิศรา ตอแหล อยากจะนั่งเฮลิคอปเตอร์ไปสิไม่ว่า อย่างอิศรานั่นหรือจะเดินขึ้นเขา ถนัดแต่เดินห้างติดแอร์...
"เดินไหวหรือ" ภีรวัสอดแทรกไม่ได้
"ถ้าไม่ไกลนักก็ไหว" อิศราหันมายิ้มให้เพื่อน ทั้งที่กัดฟัน "เดินสองสามกิโลสบายมาก"
...เดินขึ้นดอยที่ไหนสองสามกิโลเมตร...ภีรวัสเบ้ปาก
"ไว้วันเสาร์อาทิตย์ผมว่าง จะพาไปครับ รับรองว่าสวยมากจนคุณทั้งสองคนต้องตาค้าง"
"จริงนะครับ ขอบคุณผู้กองมากครับ ธรรมชาตินี่มันสวยจริงๆ เฮ้อ...สดชื่น" อิศราดีใจ หันไปมองข้างทาง หลับตาพริ้ม สูดลมหายใจอย่างสดชื่น
ภีรวัสส่ายหน้า อิศรากำลังเดินหมากตาแรก คิดว่าวิธีนี้จะใช้ได้ผลเช่นครั้งที่ผ่านๆ มา เขากระแอมเบาๆ สองครั้ง สื่อสารกับเพื่อนสนิทที่มีเพียงเขากับอิศราเท่านั้นที่เข้าใจกันว่า ‘ตอแหล’
"เป็นอะไรหรือภีร์" อิศราหันหน้ามาเบาะหลัง ยิ้มบางๆ ทำหน้าตาห่วงใย "อะไรติดคอ หรือไม่สบาย บอกแล้วว่าอย่านอนดึก"
ภีรวัสเหลือบตาขึ้นมอง บอกตัวเองว่ายอมอิศราไปก่อน เดี๋ยวค่อยคิดบัญชีเมื่อถึงที่พัก
"ภีร์เขาไม่ค่อยได้ออกมาสัมผัสธรรมชาติต่างจังหวัดครับ อยู่แต่กับแสงสีกรุงเทพฯ เลยป่วยบ่อยๆ" อิศราหันไปยิ้มอ่อนโยนให้กับวรุตม์
...ไอ้ก้อนอิฐ จะมากเกินไปแล้ว แหกกฏหรือไง...
ภีรวัสเข่นเขี้ยว หรี่ตามองเพื่อนตัวดีที่นั่งยิ้มแป้นอยู่ข้างคนขับ
กฏการแข่งขันข้อหนึ่งมีอยู่ว่า จะตอแหลอะไรก็ทำไป แต่ห้ามใส่ร้ายคู่แข่ง
...กล้าดียังไง...
จะว่าไป นายทหารหนุ่มคนนี้นับได้ว่าหน้าตาหล่อเหลาที่สุดในบรรดา 'เป้าหมาย' ทั้งหมดที่ทั้งสองเคยพบมา ท่าทางมีการศึกษา บุคลิก ลักษณะท่าทางดูดีมากกว่าทหารทั่วๆ ไป แม้แต่ผิวพรรรณก็ดูดี ที่สำคัญ 'นามสกุลใหญ่' ยศและชื่อที่ปักอยู่บนหน้าอกประกาศให้เห็นชัดเจน
ภีรวัสเริ่มตระหนักว่า เกมปั่นหัวให้รักรอบนี้ อิศราท่าทางจะต้องการชนะเป็นอย่างยิ่ง แบบนี้เดิมพันต้องสูง
ชายหนุ่มเริ่มใช้ความคิดวางแผนกลยุทธ์ว่าจะสู้กับอิศราแบบไหนดี เพื่อนแสดงให้เห็นแล้วว่าไม่สนใจกฏกติกาทั้งสิ้น รูปแบบอาจจะต้องเปลี่ยนไป
...แบบนี้ต้องรอดูซักระยะ ค่อยหาทางแก้เกม ลองดูไปก่อนว่าอิศราจะมาไม้ไหน...
"พอดีทำงานหนักไม่ค่อยได้พักผ่อนครับ เชื้อโรคสกปรกเลยชอบเข้ามาติดคอโดยไม่มีเหตุผล" นักวิจัยหนุ่มจงใจกระทบ
ได้ผล อิศราขมวดคิ้ว รู้ว่าภีรวัสจงใจเปรียบเขาเป็นเชื้อโรค
...ข้อเสียของอิศราอยู่ตรงนี้ ใจร้อน ควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ค่อยได้...
"แต่อยู่ที่นี่จะดีขึ้นครับ กรุงเทพฯ มลภาวะเยอะ ที่แค้มป์สนอากาศสดชื่น สูดโอโซนได้เต็มที่ ถือว่าเป็นการฟอกปอด"
"ใช่ครับ ฟอกปอด ยิ่งคนสูบบุหรี่ เที่ยวกลางคืนดึก ยิ่งต้องสัมผัสกับธรรมชาติ" ภีรวัสเออออ ถือโอกาสสั่งสอนผีเสื้อราตรีที่นั่งทำหน้ายิ้มระรื่นอยู่ข้างคนขับ ทำเป็นไม่สนใจที่เขาตั้งใจพูดกระทบ
"ผู้กองครับ ตอนกลางคืนที่นี่หนาวมากไหมครับ นี่พระอาทิตย์ยังไม่ตกดิน แต่ก็รู้สึกเย็นๆ แล้ว" อิศราทำหูทวนลม ไม่ได้ยินคำพูดกระทบกระเทียบ
"ก็พอสมควรครับ แต่ช่วงนี้ไม่ค่อยหนาวเท่าไหร่ เดือนหน้าสิจะเริ่มหนาวมากกว่านี้ ตอนเช้าแทบมองไม่เห็นอะไรเลยครับ หมอกลงจัด"
"ได้บรรยากาศ ผมจะได้ตื่นมาถ่ายรูปแสงแดดยามเช้าที่ส่องกระทบน้ำค้างยามเช้าเป็นประกาย มีม่านหมอกเป็นฉากหลัง" อิศราพูด ตาเป็นประกาย
"ตื่นทันหรืออิศรา" ภีรวัสอดขวางไม่ได้
ทั้งที่เมื่อสักครู่อิศราทำเป็นไม่สนใจที่โดนกระทบกระเทียบ แต่คราวนี้ชายหนุ่มอดไม่ได้ที่โดนเพื่อนขัดคออยู่เรื่อย "ทันสิ ปกติเราเป็นคนตื่นเช้าอยู่แล้ว" ชายหนุ่มพูดหน้าตาเฉย ก่อนหันไปยิ้มกับคนขับที่กำลังฟังทั้งสองคุยกัน "แต่บางวันก็สายบ้าง ถ้าทำงานดึก"
...เที่ยวดึกสิไม่ว่า...ภีรวัสต่อความอยู่ในใจ แทนที่จะพูดออกมา
...ปราณีอิศราเสียบ้างก็ดี นี่แค่ยกแรก ยังมีเวลาอีกหลายอาทิตย์...
ภีรวัสตั้งใจว่าเมื่อไปถึงที่พักต้องตกลงเรื่องกฏเกณฑ์กับอิศราเสียใหม่ เอาให้ชัดเจน เล่นมาสู้รบในรูปแบบกองโจรแบบนี้เขาไม่ชอบ
***1***

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Chapter 2

อิศราเดินไปมาพลางอธิบายสถานการณ์และข้อตกลงให้เพื่อนที่นั่งฟังอย่างสงบ แต่แล้ว ในที่สุดภีรวัสก็ทนไม่ไหวเพราะอิศราพูดน้ำท่วมทุ่งผักบุ้งโหรงเหรงเช่นเคย
“สรุปแล้ว นายจะงาบผู้พันวรุตม์คนเดียว ใช่หรือไม่”
“ใช่” อิศรายอมรับหน้าตาเฉย ตอบเสียงชัดเจน “เราเห็นก่อน”
“ไม่แฟร์นี่นา” ภีรวัสบ่น
“ทำไมจะไม่แฟร์ ยูไม่เคยชอบคนในเครื่องแบบไม่ใช่หรือ” อิศราเสียงดังขึ้น
“ไม่นึกเลยว่าอิศราจะขี้ขลาดตาขาว จนถึงลดศักดิ์ศรีลงมาขอผู้ชายเสียดื้อๆ เพราะกลัวแพ้เพื่อน” ภีรวัสทำเสียงเยาะๆ ใช้กลยุทธ์เดิมซึ่งเคยใช้ได้ผลเสมอ อิศราไม่เคยอดทนกับคำสบประมาทได้เลย
“แกจะเอายังไงภีร์” อิศราเสียงแข็ง สรรพนามเรียกเพื่อนเปลี่ยนไปตามอารมณ์
“ก็อย่างเคย ใครดีใครได้” ภีรวัสยักไหล่
“ได้เลย แล้วอย่ามานั่งน้ำตาเช็ดศอกเพราะแพ้อิศรานะเพื่อน” อิศราพูดอย่างมั่นใจ “เพราะเราคิดว่า ผู้พันวรุตม์ปิ๊งเราล่ะ ยิ้มให้เราตลอด”
“เรียกยศเขาถูกแล้วหรือ” ภีรวัสเบ้ปาก “นี่ถ้าไม่ได้ยินเราเรียกว่าผู้พัน ยูก็คงเรียกเขาว่าจ่าต่อไปซินะ”
“รู้ได้เองโว๊ย ตอนแรกไม่ทันได้ยินเขาบอกยศ มัวแต่หลงมองใบหน้าหล่อๆ อกกว้างๆ กับเป้านูนๆ” อิศราอมยิ้ม
“แต่ก่อนอื่น ต้องทดสอบเสียก่อนว่าเขาเป็น PLU หรือเปล่า” ภีรวัสลุกขึ้นเดิน เอามือไขว้หลัง ท่าทางใช้ความคิด
“ต้องทดสอบทำไม แค่มองตาก็รู้แล้ว เราว่าเป็นชัวร์ เพียงแต่ปกปิดไว้มิดชิด แต่ดวงตาเป็นประตูของหัวใจ เรามองออก” อิศราแย้ง
“ทำเป็นเก่ง” ภีรวัสส่ายหน้า “แล้วตอนที่เกือบโดนอีตาเลขารัฐมนตรีเกือบเข้าให้ล่ะ มองตาเขาอีท่าไหนถึงอ่านผิด”
“ไอ้นั่นมันใส่แว่นตาหนาเตอะนี่หว่า มองเห็นไม่ชัด” อิศราแก้ตัว “ผิดเป็นครูไงล่ะภีร์ แต่ผู้พันวรุตม์เรามองไม่ผิด หัวใจเราสัมผัสได้ ว่าเขาก็กระหายไออุ่นจากตัวของเรา”
“แล้วกติกา” ภีรวัสถามย้ำ ทั้งที่รู้ดีว่าอิศราได้เปิดฉากไปแล้ว และแสดงให้เห็นว่าไม่สน ‘กติกา’ ที่เคยตกลงกันเป็นประจำ
“กติกาก็คือไม่มีกติกา no rules ลองทำแบบนี้ซักทีเถอะภีรวัส จะได้สนุกกว่าเดิม ท้าทายด้วย ชักเบื่อกฎเดิมๆ แล้วนะ” อิศราเบ้ปาก
ภีรวัสเอียงหน้าไตร่ตรองชั่วครู่แล้วพยักหน้า “แต่ก็อย่าให้ถึงขนาดสู้กันแบบกองโจรนะอิศรา ไม่งั้นจะหาว่าภีรวัสร้ายไม่ได้” นักวิจัยหนุ่มขู่เพื่อน
“ได้เลยพีวีซี คราวนี้ล่ะ จะได้รู้กันว่า ฉันหรือแก  you or me ข้าหรือเอ็ง ใครจะเป็นหนึ่งในยอดยุทธภพตลบหลังผู้ชาย ฮ่า ฮ่า ฮ่า”
“ใช้คำผิดนะคุณอิดโรย ต้องพูดว่า ยอดยุทธจักร หลอกให้รักแล้วทิ้ง” ภีรวัสแก้คำพูดของเพื่อนให้ถูก แล้วทั้งสองก็หัวเราะกันอย่างสนุกสนานเมื่อนึกถึงเหยื่อรายใหม่
เกมหัวใจจึงเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการ ณ บัดนั้น!

‘เหยื่อรายใหม่’ ของหนุ่มเมืองกรุงทั้งสองกำลังเดินอยู่ข้างถนนกลางป่า พันโทวรุตม์เดินมาหยุดยืนอยู่หน้าเพิงไม้เก่าๆ ที่หญิงชาวบ้านกำลัวนั่งขายของป่าแล้วซื้อเนื้องูเพื่อนำกลับไปให้เพื่อนที่ค่ายทหาร
นายทหารหนุ่มยื่นธนบัตรใบละหนึ่งร้อยบาทให้หญิงวัยกลางคนและบอกว่าไม่ต้องทอนเงิน ทำให้คนขายยิ้มกว้างด้วยความดีใจและยกมือไหว้พร้อมกล่าวขอบคุณเสียยกใหญ่ นอกจากนั้นยังชมวรุตม์ว่าเป็นทหารหน้าตาดีและยังใจดีอีกด้วย พร้อมทั้งขออวยพรให้ได้แฟนสวยๆ มีลูกหลายๆ คน วรุตม์อมยิ้มแล้วเดินชมสินค้าที่ชาวบ้านนำมาวางขาย ก่อนจะหันหลังเดินย้อนกลับไปที่รถ แต่พลันก็ได้ยินเสียงชายหนุ่มสองคนเถียงกันดังแว่วๆ ภาษาไทยสำเนียงชาวกรุงเทพฯ ชัดเจน ทำให้วรุตม์หันไปมอง จึงเห็นว่าเป็นภีรวัสกับอิศรายืนอยู่ใต้ต้นไม้ไม่ไกลนัก ภีรวัสยืนกอดอก เอียงคอมองเพื่อนด้วยใบหน้าเรียบนิ่ง ส่วนอิศรายืนเท้าสะเอว ท่าทางกำลังอารมณ์เสีย

“ไอ้โง่ บอกแล้วก็ไม่เชื่อ เถียงอยู่ได้ เป็นไงล่ะ พระอาทิตย์มันไม่ยอมคอย ตกดินไปก่อนซะแล้ว พรุ่งนี้ต้องกลับมาอีก” อิศราน้ำเสียงฉุนเฉียว ก่อนจะหยุดพูดเพราะเห็นว่าภีรวัสไม่ตอบโต้ สายตามองเลยไหล่เขาไปด้านหลังพร้อมกับยิ้มบางๆ ทำให้อิศราหันไปมองด้วย และเมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ปรับสีหน้าทันที
“สวัสดีครับผู้พัน กลางป่ากลางเขาแบบนี้ยังเจอกันได้อีก ป่ากลมจริงๆ นะครับ” อิศราพูดตลก แล้วหัวเราะเบาๆ
“ผมแวะซื้อของให้เพื่อนครับ” วรุตม์ตอบ ปรายตาไปมองภีรวัสพร้อมกับค้อมศีรษะให้ แล้วหันมายิ้มกับอิศรา
“มานานแล้วหรือครับ” อิศราถาม “ไม่รู้ว่ามาถึงทันได้ยินเราคุยกันหรือเปล่าน๊อ”
...เขาไม่เรียกว่าคุยหรอก เขาเรียกว่าทะเลาะ...
ภีรวัสเถียงเพื่อนอยู่ในใจ ก้มลงหยิบกระเป๋าที่วางกองอยู่บนพื้น รอดูท่าทีของอิศราอยู่ว่าจะทำอย่างไรต่อไป
“คือเรามาถ่ายรูปพระอาทิตย์ตกดินครับ แต่พอดีผมเฟอะฟะ มัวแต่หานั่นหานี่ เลยช้าไป ไม่ทันภาพสวยๆ เป็นช่างภาพได้ยังไงไม่รู้” อิศราค้นของในเป้ ทำหน้ามุ่ย แล้วถอนหายใจ
...เล่นบทน่าสงสาร ทั้งที่เมื่อกี้โวยวายตำหนิเขาเสียยกใหญ่ ใครจะเล่นละครเก่งเท่าอิศราไม่มีอีกแล้ว...
ภีรวัสยังนิ่ง ปล่อยให้อิศราพูดอยู่คนเดียว ในใจคิดว่า พันตรีวรุตม์ดูเป็นคนสุขุมเยือกเย็น ไม่น่าจะชอบคนพูดมาก
“นี่ไม่รู้จะมีรถรับจ้างผ่านมาเมื่อไหร่ ชักจะหิวข้าวแล้ว” อิศราทำหน้าหนักใจ
...ตอแหล เมื่อกี้เพิ่งกินขนมกับผลไม้ในเป้ไปจนหมด ตามด้วยน้ำครึ่งขวด เรอออกมาเสียงดังจนเสือสิงห์กระทิงแรดได้ยินไปทั่วป่า...
“ผมไปส่ง ติดรถผมไปก็ได้ครับ” วรุตม์เสนอ
“อิศไปกับผู้พันเถอะ” ภีรวัสพูดขึ้นหลังจากยืนนิ่งมาตลอด
“อ้าว ทำไมล่ะครับ” วรุตม์เลิกคิ้ว
“ผมรอเพื่อน” ภีรวัสตอบสั้นๆ
...เล่นบทผู้เสียสละ ให้เพื่อนได้มีโอกาสอยู่กับชายหนุ่มที่หมายปอง วรุตม์ต้องพอมองออก อีกไม่นาน เขาจะเล่นบทผู้เสียสละอีกที แล้วสร้างประเด็นอะไรบางอย่างสะกิดใจวรุตม์ให้นึกย้อนกลับมาถึงเหตุการณ์วันนี้ วรุฒม์ก็จะนึกอะไรออก และเขาก็จะทำคะแนนได้เหนือกว่าอิศรา...
อิศราหันมามองภีรวัส หรี่ตาลงช้าๆ ประเมินท่าทีของเพื่อน พร้อมทั้งถามคำถามเพื่อนในใจ ซึ่งมีคู่หูอย่างภีรวัสเท่านั้นที่เข้าใจการสื่อสารเงียบๆ จากเขาได้ว่า...แกจะทำอะไรของแกวะ...
“พอดีลุงที่เราไปพักอยู่ด้วยเขายังไม่ออกมาจากปางตองครับ ยังอยู่ข้างในโน่นอยู่เลย” ภีรวัสหันไปด้านที่เพิ่งเดินออกมาจากถนนลูกรังเล็กๆ ซึ่งเขากับอิศราพลาดการจับภาพพระอาทิตย์กำลังจะลับขอบฟ้า “พอลุงออกมาแล้วไม่เจอ เดี๋ยวจะเป็นห่วง”
...ร้ายนักนะไอ้ภีรวัส ทำตัวเป็นคนที่ห่วงใยคนอื่น หวังจะเรียกคะแนนประทับใจ...
“งั้นผมรอเป็นเพื่อนภีร์ ผู้พันไปก่อนเถอะครับ” อิศราพูดเสียงนุ่ม หันไปยิ้มบางๆ ให้ภีรวัส “ขอบคุณนะครับ ผู้พันใจดีจริงๆ นี่ถ้าไม่ห่วงเพื่อน ผมจะไม่ยอมให้ผู้พันเสียน้ำใจเด็ดขาด”
“ผมรอด้วย จะได้ไปพร้อมกันทั้งหมด” วรุฒม์พูด
“อ๋อ ไม่เป็นไรครับ ลุงเขามีรถ” อิศรารีบตอบ แล้วมองภีรวัสด้วยหางตา เมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายเบือนหน้าออกไปด้านข้างเพื่ออมยิ้ม ซึ่งเขารู้ดีว่าท่าทางแบบนี้ คือท่าทางที่เพื่อนยิ้มเยาะเพราะเขาทำอะไรพลาดไป
...แหม พลาดครั้งเดียวมาทำเป็นเยาะ ใครจะนึกได้ทันวะ เมื่อครู่บอกว่ารอรถรับจ้าง ตอนนี้ความจริงก็คือว่า ‘ลุง’ ที่ ‘มาด้วยกัน’ นั้นมีรถ...
พันโทวรุฒม์ขอตัวกลับ แต่ก่อนจากไป นายทหารหนุ่มรูปหล่อที่กลายมาเป็น ‘เหยื่อรายใหม่ที่ยังไม่รู้ชะตากรรมตัวเอง’ รับอาสาว่าจะพาไปชมจุดชมวิวพระอาทิตย์ตกดินสวยๆ จึงนัดให้สองหนุ่มมารอเขาที่ประตูทางเข้าหมู่บ้านในวันพรุ่งนี้ประมาณห้าโมงเย็น

อิศรามองตามรถของวรุฒม์ด้วยใบหน้าบึ้งตึง ก่อนจะหันมามองภีรวัสตาขวาง
“เป็นไงล่ะ ราชรถไปโน่นแล้ว เพราะแกจริงๆ อดได้นั่งรถสบายๆ แล้วนี่จะกลับยังไง ค่ำแล้ว ลุงของแกที่กำลังจะขับรถมารับ อีกนานหรือเปล่าล่ะถึงจะมา” อิศราเอาเรื่องเพื่อน
“แล้วทำไมไม่ไปกับเขา”
“ไปได้ยังไง ไอก็กลายเป็นคนทิ้งเพื่อนนะสิ เสียคะแนนชิบหายวายวอด” อิศราขึ้นเสียง
“งั้นก็อย่าบ่น” ภีรวัสเสียงเข้ม ยกเป้ขึ้นแบกแล้วสั่งเพื่อนด้วยคำเดียวสั้นๆ “เดิน”
อิศราฟึดฟัดเมื่อโดนดุนหลังให้ออกเดิน หนุ่มสำอางชาวกรุงที่ทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเดินไปช้าๆ ปากก็บ่นไปตลอดทาง โดยมีภีรวัสคอยพูดแทรกสั้นๆ เป็นระยะ
“เอายังงี้ วิธีนี้อาจจะไม่ค่อยเวิร์คเพราะเกมการแข่งขันของเรายังอยู่ในขั้น implementation เราลองมากลับมาใช้วิธีการเดิมก่อน แล้วค่อยปรับเปลี่ยนนโยบาย” อิศราหันมาพูดกับภีรวัส “ผลัดกันคนละวัน”
“คนละวันได้ยังไง พรุ่งนี้ไปดูพระอาทิตย์ตกดินด้วยกันทั้งหมด” ภีรวัสแย้ง
“งั้นก็เหอะ หมายความว่า อีกฝ่ายที่ไม่ได้เป็นเจ้าของวัน ก็ให้ทำเฉยๆ อย่ายุ่ง อย่าแทรก อย่าทำคะแนน อย่าทำตัวเด่น ต้องเล่นกันแบบแฟร์ แบบว่านั่งเป็นตุ๊กตา ไม่มีชีวิต” อิศราเสนอทางออก
“แกคงทำได้หรอก” ภีรวัสเบ้ปาก
“เริ่มพรุ่งนี้ เป็นวันของเราก่อน” อิสราสรุปง่ายๆ
“แกเอาบรรทัดฐานอะไรมาสรุปว่าพรุ่งนี้เป็นวันของแก” ภีรวัสเสียงเข้ม
“เพราะข้าเป็นคนนำเสนอแผนการณ์ไงล่ะ” อิศราเสียงดังขึ้นทันใด “ข้าคิดได้ก่อน เพราะฉะนั้นควรได้วันไปก่อน อีกอย่าง พรุ่งนี้เป็นวันคู่ เอ็งก็รู้ว่าข้าถูกโฉลกกับวันคู่ แม่หมอก็เคยทัก จำไม่ได้หรือไง”
“แม่หมอทักว่าแกจะไร้คู่ อยู่เดียวดาย” ภีรวัสเตือนความจำ
“แล้วแม่หมอทำไมบอกว่าถูกโฉลกเลขคู่วะ” อิศราทำท่าคิด แล้วสะบัดหัว “ไม่รู้ล่ะ พรุ่งนี้วันคู่ เป็นวันของอิศราก่อน ภีรวัสเอาวันคี่”
“ขี้เกียจเถียง” ภีรวัสถอนหายใจ ยอมให้อิศราเช่นเคย
“จำไว้นะ ห้ามทำคะแนน” อิศราหันมาย้ำ
“เออๆ” ภีรวัสทำเสียงเหนื่อยหน่าย กรอกตาไปมา “ทีเมื่อวานบอกว่าสู้กันแบบไร้กติกา พอวันนี้เห็นท่าทางตัวเองจะแพ้ รีบเปลี่ยนกติกาใหม่เลยนะไอ้ก้อนอิฐ”
“แล้วค่อยกลับไปใช้ข้อตกลงอันแรก ดูสถานการณ์ situation เป็นบรรทัดฐาน หรือ ภาษาอังกฤษเรียกว่า ruler base ลองดูซักอาทิตย์ก่อนก็แล้วกัน” อิศรายักไหล่ ทำเป็นไม่สนใจคำเหน็บแนมของเพื่อนคู่หูก่อนจะพูดว่า “นี่ ภีร์ เราต้องเดินอีกไกลไหมเนี่ย มืดแล้วนะ เดี๋ยวได้เดินตกถนนกันหรอก”
“ห้ากิโลไมล์มั๊ง”
“โอ๊ย พระเจ้าช่วยกล้วยปิ้ง ห้ากิโลไมล์ขาดใจตายพอดี” อิศราโวยวาย “จริงๆ เล๊ย เสียดายราชรถที่ทหารรูปหล่อหุ่นดีขับให้นั่ง ทำไมอิศราจะต้องมาตกระกำลำบากเพราะไอ้เพื่อนสมองตื้นด้วยว๊า”
“เขาใส่ชุดทหารยังมองออกอีก”
“พรางแค่ไหน ตาเรดาร์อย่างอิศราก็มองทะลุ คนหุ่นดีนะพีวีซี เสื้อผ้ามันปกปิดไม่มิดหรอกน้อง” อิศราอวด แล้วเริ่มอธิบายรูปร่างของวรุฒม์ในจินตนาการของตัวเองอย่างละเอียดจนคนฟังทนไม่ได้
“หุบปากทีเถอะคุณอิฐศาลา ถ้าใช้เท้าเดินอย่างเดียวจะไม่เมื่อยเท่าเดินไปพูดไป”
“ไม่หุบ ใครจะทำไม” อิศราไม่ยอม ยังบ่นต่ออีกหลายกระบุงโกย จนใกล้จะถึงที่พักจึงหมดฤทธิ์ เดินโซซัดโซเซหอบแฮกๆ ตามหลังภีรวัส แทบจะไม่มีแรงหายใจ
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2009 08:55:56 โดย katawoot »

mayoomay

  • บุคคลทั่วไป
จิ้มเรื่องใหม่ค่ะ  :z13:... ดูท่าทางจะดุเดือด
จะติดตามเป็นกำลังใจค่ะ  :L2:

LoveNineTeen

  • บุคคลทั่วไป
ว้าวววววววววววววววววววววววววววววววว เรื่องใหม่มาแล้ว  :mc4:

น่าติดตามเหมือนเดิม สุดท้ายเพื่อนจะรักกันเองป่ะ 55555


ปล.เค้ายังแอบหวังว่าจะได้อ่านลิงน้อยปากแดงตอนพิเศษอยู่นะ

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ตามกันมาติด ๆ พี่นาย

เปิดเรื่องมาก็ฝุ่นตลบเลย คู้ซี้จะกลายเป็นศตรูก็คราวนี้แหละ

+1 เป็นกำลังใจ ให้พี่นายไว้ดูเล่น  :z2:

ออฟไลน์ oaw_eang

  • Global Moderator
  • เป็ดHades
  • *
  • กระทู้: 8418
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +2122/-586

เข้ามาทักทายเรื่องใหม่คะ

แหม่ๆๆๆๆ  ทะเลาะกันเหมือนเพื่อนดิฉันเลย  แข่งกันแย่งจับผู้ชาย  คนหนึ่งก็เจ้าแผนการเหมือนพีวีซี  อีกคนก็อิศราชัดๆ

อ่านไป ก็เห้นหน้าเพื่อนลอยมา  ดีใจจังเลย

ขอบคุณนะคะที่ลงนิยายให้อ่านอีกครั้ง

เจ้สอง  :bye2:

ออฟไลน์ YMP

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1062
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +82/-2
เห็นเลขสวยเลยช่วยจิ้ม 1112 แล้ว :laugh:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






mecon

  • บุคคลทั่วไป
 :o8: กรี๊ดดดดดดดดดคุณก้อนอิฐ คุณพีวีซี
แต่ละชื่อ เฮ้ออออ ผู้พันจ๋า เลือกเอานะคะจะปล้ำใคร
แต่ละคนอ่อยกันคนละแบบ น่ารักอิอ่ะเป็นที่สุด

 :กอด1: +1 จัดให้คะ

Loidelohm

  • บุคคลทั่วไป
ยางมะด้ายอ่านเลยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย
จิ้มให้ตัวเลขเยอะๆไว้ก่อนนะครับ
ค่อยอ่านอีกที
พี่นายสบายใจยังครับ
สู้ ซู่ ส้า ซ่า เน้ออออออออออ

patz

  • บุคคลทั่วไป
เข้ามาอ่านเรื่องใหม่ด้วยคนครับ

ไม่น่าเชื่อว่า ภีร์ กับ อิศ จะคบกันเป็นเพื่อนได้อะ อะไรจะแข่งขันกันขนาดน้านนนน



เป็นกำลัวใจให้ครับผม  :L2:

yaoifan

  • บุคคลทั่วไป
มาเจิมและจิ้มเรื่องใหม่ ให้ค่ะ

นึกว่าจะหายไปนานกว่านี้

ขอบคุณที่ยังคิดถึงชาวเล้าค่ะ o13

alterlyx

  • บุคคลทั่วไป
สุดยอด ... เป็นเสือผู้ไม่เคยสิ้นลายจริง ๆ  o13
สำนวนและวาจาเชือดเฉิน ... ความคิดร้ายลึก ... เจตนารมย์ร้ายกาจแบบนี้
แค่อินโทรมาก็มันส์ส์ส์ส์ เหลือเกิน

 :L2: มารอตามอ่าน พ่อพีวีซี กะ ก้อนอิฐ ไปเรื่อยๆนะคะ ... ให้ 1 แทน กำลังใจ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
ขอบคุณสำหรับการต้อนรับครับ ต่อบทที่ 2 ให้จบนะครับ

ตลอดเวลาที่เดินทางไปชมพระอาทิตย์ตกดินภีรวัสทำตัวเป็นตุ๊กตา ไม่พูดไม่จาอะไรสักคำ แต่เขารู้ว่าวรุตม์แอบปรายตามองเขาบ่อยๆ เมื่อเป็นเช่นนี้เขาจึงค่อนข้างมั่นใจว่าคงเอาชนะอิศราได้ ดังนั้น จึงปล่อยให้อิศราทำคะแนนเต็มที่ แม้แต่ตอนนั่งมองพระอาทิตย์ลับเหลี่ยมเขาภีรวัสก็เอาแต่นั่งนิ่ง
“ดื่มน้ำไหมภีร์ เห็นนั่งเงียบ คงคอแห้ง” อิศราอดแหย่เพื่อนไม่ได้
...แกนั่นล่ะควรดื่ม พูดอยู่ได้ไม่รู้จักเจ็บคอ...
ภีรวัสส่ายหน้ายิ้มๆ แล้วเอนตัวลงนอนหงาย มองไปยังท้องฟ้าที่เริ่มเปลี่ยนเป็นสีทองเพราะดวงตะวันกำลังคล้อยต่ำลงเรื่อยๆ
“พระอาทิตย์สวยจังเลยนะครับผู้พัน สวยแบบนี้ไง ผมถึงได้รักและหลงไหลธรรมชาติจนอยากจะย้ายมาอยู่ต่างจังหวัด”
ทันใด เสียงภีรวัสไอขึ้นมาดังๆ เป็นการขัดจังหวะ ซึ่งมีเพียงตัวเองและอิศราเท่านั้นที่เข้าใจ
...ไอสองครั้ง คือ ตอแหล
...ไอสามครั้ง คือ หมั่นใส้มาก
...ไอติดต่อกันหลายครั้งเป็นชุดๆ คือการด่าเป็นชุดๆ แบบที่คนฟังต้องปิดหู เพราะทนฟังไม่ได้
“เป็นอะไรหรือภีร์ อะไรติดคอ” อิศราหันหน้ามาทำตาห่วงใย “เสียดาย ลืมพกลูกอมมาให้ด้วย”
“คุณภีรวัสคงจะหนาว” วรุตม์หันมายิ้มให้บางๆ “เดี๋ยวผมจะไปเอาเสื้อที่รถมาให้นะครับ”
พูดเสร็จ นายทหารรูปหล่อคมเข้มก็ลุกขึ้นไปที่รถ ทิ้งให้สองหนุ่มจ้องตากันเขม็ง
“หนาวไหมอิศ คงไม่หรอกมั๊ง แต่เราหนาวจริงๆ เลยรู้หรือเปล่า หนาวจนผู้พันต้องไปเอาเสื้อมาคลุมให้ เสื้อทหารเท่ๆ ของคนเท่ๆ สวมแล้วคงรู้สึกเหมือนเจ้าของเสื้อโอบกอดเอาไว้” ภีรวัสล้อเลียน
“เดี๋ยวไอหนาวบ้าง” อิศราตอบหน้านิ่งๆ เม้มปาก
“เลียนแบบ” ภีรวัสยิ้มเยาะ
“คราวนี้ผู้พันจะใช้อ้อมแขนของจริงโอบกอดเราไว้ ไม่ใช่อ้อมแขนแบบ virtual แบบที่แกจะได้”
“ผู้พันวรุตม์โอบแกเมื่อไหร่ ปลุกขึ้นมาดูหน่อยนะ จะนอนรอซักหลายตื่น อยากดูเป็นบุญตาเหมือนกัน อย่างน้อยก็ครั้งหนึ่งในชีวิต”
“ไม่ต้องมาเหน็บแนมเลยนะพีวี ขอประกาศให้รู้เดี๋ยวนี้ว่า ผู้พันวรุฒน์เป็นของข้า” อิศราทำท่าหวง
“ยังก่อน ยังไม่รู้ผลแพ้ชนะ”
“ยังไงๆ ก็เป็นของอิศรา งานนี้อิศราชนะแน่ๆ”
ภีรวัสหัวเราะเยาะๆ ในลำคอแล้วถามอิศราที่มั่นอกมั่นใจนักหนาวา “สมมุตินะอิศ สมมุติว่านายได้ผู้พันแล้ว นายจะทิ้งภายใน 1 อาทิตย์เหมือนเคยหรือเปล่า”
“อืม” อิศราทำท่าคิด แล้วหันมาถามเพื่อน “แล้วยูคิดว่าไง ควรจะคงไว้ซึ่งกฏเดิมหรือควรปรับเปลี่ยนให้เข้ากับเป้าหมาย จะว่าไป ผู้พันก็เท่ ไม่เคยนึกเลยว่าหนุ่มต่างจังหวัดจะหล่อล่ำเร้าใจขนาดนี้”
...พันโทวรุฒม์ไม่ใช่หนุ่มต่างจังหวัด นามสกุลของวรุฒม์นั่นน่ะใหญ่ไม่ใช่เล่น อิศราไม่รู้อะไร...
“สองอาทิตย์ เมื่อเป้าหมายบอกรักแล้วมีเวลาเชยชมแค่สองอาทิตย์ แล้วต้องเลิกอย่างเด็ดขาด” ภีรวัสทวนกติกาด้วยน้ำเสียงและใบหน้าจริงจัง
“แล้วอีกคนห้ามตลบหลังกลับไปยุ่งกับของที่ถูกทิ้งแล้ว เข้าใจ๋” อิศราเติม ยกนิ้วชี้ขึ้นมาส่ายไปมาตรงหน้า เป็นท่าทางประกอบการตกลงกันกันด้วยคำพูดว่า ‘ห้ามแหกกฏเด็ดขาด’
***2***

teenza

  • บุคคลทั่วไป
 :mc4:

เข้ามาเจิมนิยายเรื่องใหม่ของคุณนาย มาไวดีจัง โฮ่ยคิดถึง :กอด1:

ออฟไลน์ Resonance

  • เป็ดนักขาย
  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 364
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +15/-0
ตามมาอ่านๆ   อิอิ  :-[  :-[


gboy

  • บุคคลทั่วไป
คิดถึง(นิยาย)พี่นายที่สุด

 :กอด1:

ออฟไลน์ Dee^daY

  • ไม่เคย ทำให้ใครเดือดร้อน
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4060
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +330/-6

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
 :z3: ทำไมต้องจีบแล้วทิ้งงงง....ไม่เข้าใจจริงๆ
รักจริงๆบ้างไม่ได้หรือไงคุณพี่นาย..... :m16:

ออฟไลน์ pongsj

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6054
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +213/-9
นิยายใหม่มาแล้ววววววววววววววววววววววววววว

mecon

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] เกมหัวใจ:
«ตอบ #22 เมื่อ01-09-2009 14:12:33 »

สองหนุ่มคะ คิดรึว่า ผู้พันท่านจะเป็นพวก "หล่อล่ำ ปล้ำง่ายอ่ะ"
เผลอๆไม่เพื่อนอิฐ หรือเพื่อนภีร์เนี่ยแหละที่ต้องเป็นฝ่ายโดนปล้ำ
หรือว่าจะโดนพร้อมๆกันทั้งสองคน :laugh:

สู้ๆนะคะคุณนายยยยยยยย คุณนายลืมแปะกฏอ่ะคะ  :m23:
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2009 14:14:37 โดย mecon »

ออฟไลน์ K2KARN

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3084
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +393/-6
:mc4:
+ 1 ฉลองให้กับเรื่องใหม่ของพี่นาย ><

เรื่องนี้เริ่มมาก็ลุ้นล่ะ
สองหนุ่มแย่งกันเองแบบนี้ ,, ระวังล่ะพันโทวรุฒม์จะเล่นตลบหลัง
ปรากฎได้ทั้งสองคน หรือไม่เอาเลยกันแน่ ? ฮ่าๆๆ ,,
นามสกุลใหญ่โตอีก โอ๊ววว  :-[

คนในเครื่องแบบอีกแล้ว พี่นาย   :o8:

ออฟไลน์ astral

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3470
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +156/-5
แข่งกันมาแบบนี้ตลอดเลยเหรอเนี่ย หัวใจอับเฉาจังไม่เคยรักใครจริง  :call:

อยากอ่านมุมของผุ้พันตอนตลบหลัง 2 หนุ่มบ้างจังเลยพี่นาย

ออฟไลน์ wan

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 5575
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +643/-10
ยังไม่ทันไร เพื่อนรักก็ฆ่ากันด้วยคำพูดแล้ว

พี่นายเนี่ย  o13 จริง ๆ แต่ยัง + มิได้ รอก่อนนะครับ


katawoot

  • บุคคลทั่วไป
Re: [นิยาย] เกมหัวใจ:
«ตอบ #26 เมื่อ01-09-2009 22:35:55 »

สองหนุ่มคะ คิดรึว่า ผู้พันท่านจะเป็นพวก "หล่อล่ำ ปล้ำง่ายอ่ะ"
เผลอๆไม่เพื่อนอิฐ หรือเพื่อนภีร์เนี่ยแหละที่ต้องเป็นฝ่ายโดนปล้ำ
หรือว่าจะโดนพร้อมๆกันทั้งสองคน :laugh:
สู้ๆนะคะคุณนายยยยยยยย คุณนายลืมแปะกฏอ่ะคะ  :m23:
โดนพร้อมกันทั้งสองคนได้ไง น่าเกลียดเป็นที่สุด
ขอบคุณที่เตือนเรื่องกฏนะครับ ลืมอ่ะะ นึกว่าแปะไปแล้ว (ปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบกฏเกณฑ์ ขอบแต่กด)  :pigha2:

mecon

  • บุคคลทั่วไป
^
^

โดนพร้อมกันทั้งสองคนได้ไง น่าเกลียดเป็นที่สุด
ขอบคุณที่เตือนเรื่องกฏนะครับ ลืมอ่ะะ นึกว่าแปะไปแล้ว (ปกติเป็นคนไม่ค่อยชอบกฏเกณฑ์ ขอบแต่กด)  :pigha2:

จริงอ่ะคุณนายยยยยยยยยยย เด๋วส่งคนไป :oo1: ซะนิ  :laugh:

รักษาสุขภาพด้วยนะคะ สู้ๆคะ

katawoot

  • บุคคลทั่วไป
3

ชายหนุ่มโชคร้ายผู้ยังไม่รู้ชะตากรรมของตัวเองเดินกลับมาพร้อมกับเสื้อลายพรางสีเขียวเข้มสองตัว วรุฒม์ยังไม่รู้ว่าขณะที่เขาเดินกลับเอาเสื้อที่รถ ตัวเองได้เป็นหัวข้อของการถกกันระหว่างอิศรากับภีรวัสและเป็น ‘เป้าหมาย’ ใหม่ของเกมสนุกที่สองคนนี้เล่นกันอยู่เป็นประจำ
“ผมเอามาเผื่อคุณอิศราด้วยครับ กลัวว่าจะหนาว” วรุฒม์ยิ้ม แล้วนั่งลงตรงกลางระหว่างทั้งสองหนุ่ม “แล้วนี่จะเริ่มงานกันเมื่อไหร่ครับ”
“ก็ทันทีที่พร้อมครับ” อิศราตอบคลุมๆ
เสียงไอดังขึ้นเบาๆ เป็นจังหวะสองครั้งติดต่อกัน เงียบไปสองอึดใจแล้วไออีกสองครั้ง อิศราปรายตาไปมองภีรวัสอย่างขวางๆ เพราะโดนด่า
...ไอ้โง่ งี่เง่า ซื่อบื้อ เฟอฟะ...คำใดคำหนึ่งจำนวนสี่ค่ำที่ภีรวัสด่าเขาผ่านทางเสียงไอเพราะเขาตอบคำถามไม่ได้เรื่อง
“ไม่สบายหรือเปล่าครับ เห็นไอหลายครั้งแล้ว ผมรู้จักหมอคนนึง จะแนะนำให้” วรุฒม์ห่วงใย
“ไม่เป็นไรครับ แค่มีอะไรคันๆ สะกิดที่คอ เลยอดไอไม่ได้ ขอบคุณผู้พันที่เป็นห่วง กลับบ้านแล้วผมดื่มน้ำร้อนล้างสิ่งสกปรกออกไปก็คงหาย” ภีรวัสตอบด้วยใบหน้ายิ้มๆ
เสียงกระแอมดังขึ้นทางด้านซ้ายมือของนายทหารหนุ่ม เรียกร้องความสนใจให้วรุฒม์หันไปมอง
“คุณอิศราก็ดูท่าเจ็บคอเหมือนกัน สงสัยอากาศที่นี่ไม่เหมาะกับคนกรุงเทพฯ”
“เราคงเหมาะกับมลภาวะ เลยไม่มีภูมิต้านทานอากาศบริสุทธิ์” ภีรวัสพูดเล่นขันๆ ทำให้ผู้พันหนุ่มหัวเราะออกมา
...หล่อ เท่ เข้มบาดใจ ยิ่งเห็นรอยยิ้มกว้างๆ ยิ่งทำให้ใจแทบละลาย สมแล้วที่เป็นเป้าหมายระดับแพลตตินั่มของเขากับอิศรา...
อิศราเหยียบยิ้มมุมปากเล็กน้อย ไม่ค่อยจะรู้สึกขำกับมุขตลกของเพื่อน เขารู้ตัวดีว่าตัวเองฉลาดสู้ภีรวัสไม่ได้ บางทีพูดอะไรไม่ค่อยคิด หรือหลุดปากพูดเรื่องที่ไม่ค่อยได้เรื่อง
...ก็ไม่รู้จริงๆ นี่นาจะให้ทำยังไง คนคิดยังไงก็พูดออกมายังงั้น ไม่ได้คิดวางแผนเหมือนภีรวัส รายนั้น ในหัวเป็นไปด้วยแผนการณ์ซับซ้อน...
“เราคอยคนทำทางอยู่ครับ จุดแรกที่ต้องเดินทางไปคือดอยหัวหมด”
“ดอยอะไรชื่อแปลกประหลาด” อิศราแทรก
“ไกลมากนะครบ ต้องพักค้างแรมกันด้วย อย่างน้อยก็ต้องค้างกันในป่าระหว่างเดินทาง สองคืนสามวัน” วรุฒม์เป็นห่วง
“นอนกันในป่านั่นเลยหรือ” อิศราเบ้ปาก สีหน้าไม่สู้ดี
“ก็ต้องนอนในป่าสิครับคุณอิศ เรามาทำวิจัยนะ ไม่ได้มาท่องเที่ยวเธค” ภีรวัสชะโงกหน้าไปคุยกับเพื่อน
“ไอเป็นช่างภาพ ไม่ใช่นักเดินป่า”
“ไหนว่าชอบธรรมชาติไง” ภีรวัสดักคอเพื่อน
...เอาอีกแล้ว ไอ้ผีลาวัด ชอบกระแนะกระแหนอีกแล้ว...
อิศราถอนหายใจแรงๆ ลืมวางมาดอวดวรุฒม์ไปชั่วขณะ
“มีลูกหาบหรือยังครับ” วรุฒม์ถาม
“ไม่ต้องใข้ครับ ตั้งใจจะแบกเป้กันไปเอง” ภีรวัสส่าหน้ายิ้มๆ แล้วแอบมองอิศรา
...เดี๋ยวเถอะ ไอ้ก้อนอิฐต้องโวยวายแน่...
“ภีร์ ไม่ได้คุยกันแบบนี้มาก่อนนี่นา” จริงดังคาด อิศราโวยวายขึ้นมาเบาๆ เพราะอยู่ต่อหน้าวรุฒม์ แต่หากคุยกับเพื่อนสองต่อสอง ป่านนี้ภีรวัสก็คงต้องยกมืออุดหูไปแล้ว
“ทำไม กลัวลำบากหรือไง” ภีรวัสท้วง
“เปล่า” อิศรารู้ตัวว่าโวยวายมากเกินไป อาจจะทำให้วรุฒม์รู้สึกว่าเขาสำอางจนทำอะไรไม่ได้ เดี๋ยวจะเสียคะแนน “เราก็แค่ไม่ได้เตรียมอุปกรณ์เดินป่ามาครบทุกอย่าง ภีร์จะบอกกันหน่อยก็ไม่ได้”
“ผมให้ยืม ผมมีอุปกรณ์เดินป่าครบทุกอย่างครับ” วรุฒม์เสนอความช่วยเหลือ
“ถุงนอนด้วยหรือเปล่าครับ” อิศราถามเสียงนุ่ม แต่พลันก็นึกได้ว่าไม่น่าถามเลย ทหารที่มีอุปกรณ์เดินป่าทุกอย่างก็ต้องมีถุงนอนอยู่แล้ว
...เดี๋ยวเถอะ ไอ้พีวีซีได้เหน็บแนมอีกแล้ว...
“อ้าว อิศไม่ได้เตรียมถุงนอนมาเลยหรือ อุปกรณ์เบสิกเลยนะนั่น” ภีรวัสพูดขึ้นมาทันที
...ไอ้พีวี คอยดูนะ รอให้อยู่กันตามลำพังก่อนเถอะ พ่อจะลุยให้เละเลยทีเดียวเชียว...
“กลัวหนาว” อิศรายักไหล่ แล้วหันมาพูดกับนนายทหาร “แล้วถุงนอนของทหารก็คงหนากว่าถุงนอนพลเรือนจริงไหมครับ คงอุ่นดี ผมเป็นคนขี้หนาว ต้องการความอบอุ่น”
...ถุงนอนพลเรือน พูดออกมาได้ ตัวเองเคยจับถุงนอนซักครั้งหรือเปล่าก็ไม่รู้ อย่างอิศรานั่นหรือ เคยนอนแต่บนเตียงนุ่มๆ ในห้องเปิดแอร์เย็นฉ่ำ แล้วคลุมโปงด้วยผ้านวมหนาๆ...
“จะเอาอะไรบอกได้เลยนะครับ เดี๋ยวผมจะเอามาให้ พรุ่งนี้เลิกงานผมจะแวะ...”
“ผมไปเอาเองก็ได้ครับ” อิศรารีบแทรก
“จะไปเอายังไงอิศ รถก็ไม่มี” ภีรวัสขัดคอ วรุฒม์หัวเราะเบาๆ แล้วพูดกับอิศราว่า “เลิกงานผมมารับก็ได้ครับ ไปเลือกได้เลยว่าจะเอาอะไรบ้าง ผมพักที่กรมทหารไม่ไกลจากคุณสองคนเท่าไหร่”
“งั้นภีร์รอเราอยู่ที่บ้านนะ ไปจัดการเรื่องคนนำทางให้เสร็จๆ ไป เราไปกับผู้พันไม่นานหรอก” อิศรารีบดักทาง บอกภีรวัสกลายๆ ว่า
...อย่าได้คิดแหยมเป็นเด็ดขาด อย่าได้คิดจะตามไปด้วย...
“อืม พรุ่งนี้มันวันอะไรน๊า” ภีรวัสเตือนความจำเพื่อน
“วันพุธครับ” วรุฒม์ตอบ
“วันไหนก็ช่าง เราไม่สน” อิศรายักไหล่
ภีรวัสยอมเงียบ ไม่ขัดคออิศราอีกต่อไป แค่นี้เพื่อนของเขาก็คิ้วผูกโบว์แล้ว เย็นนี้คงถูกด่าเสียยกใหญ่ ข้อหาทำลาย ‘ความน่าพึงพอใจ’ ของอิศราในสายตาของเป้าหมาย
...เป้าหมายที่ชื่อพันโทวรุฒม์ คนแรกที่เขาเห็นว่าอ่านยากที่สุดในบรรดาเหยื่อของเกมสนุก ‘หลอกให้รักแล้วทิ้ง’ ที่เขากับอิศราเล่นกันมาตั้งแต่เรียนมัธยมปลาย คนแรกที่เขายังไม่กล้าทำนายตอนจบเหมือนที่เคยทำเสมอกับเหยื่อคนอื่นๆ ก่อนหน้านี้...

พันโทวรุฒม์ แสนยานุภาพ จอดรถหน้าบ้านไม้หลังเล็กยกพื้นสูงที่แฝงตัวอยู่ท่ามกลางต้นไม้ร่มรื่น บ้านเงียบสนิทไร้เงาของชายหนุ่มผู้ร่าเริงทั้งสองคน
นายทหารหนุ่มยอมรับว่าภีรวัสกับอิศราเป็นสีสันให้กับชีวิตเงียบๆ ของเขาในตำบลเล็กห่างไกลความเจริญแห่งนี้ หลายเดือนที่เขามาทำงานในแถบภาคเหนือตอนบน เขาเริ่มจะรู้สึกเบื่อ งานที่ทำใกล้จะเสร็จแล้วแต่ก็ยังไปไหนไม่ได้ ต้องรอให้คนใหม่มารับช่วงต่อ ซึ่งไม่ใช่ใครที่ไหน พันตรีหม่อมหลวงพล อัครเดชา ผู้เป็นทั้งเพื่อนและญาติทางฝ่ายมารดา
วรุฒม์ชะเง้อมองบนบ้านแล้วเดินอ้อมไปด้านข้าง ลัดเลาะตามแนวพุ่มไม้ไปหยุดยืนอยู่ลานลานหญ้ากว้างห่างจากตัวบ้านพอประมาณ มองดูอุปกรณ์แปลกๆ ที่ไม่เคยเห็นมาก่อนวางอยู่บนโต๊ะปีกไม้ตัวใหญ่ใต้ร่มไม้ครึ้ม ความจริงเขาไม่ค่อยเข้าใจเรื่องงานวิจัยที่ภีรวัสทำเท่าใดนัก อิศรานั้นเป็นช่างภาพ แต่มาช่วยภีรวัสทำงาน ทั้งสองดูสนิทกันแต่ก็ดูขวางๆ กันอยู่ในที เข้าทำนองเพื่อนรักเพื่อนคู่กัด
...น่ารักทั้งสองคน แต่ถ้าให้เลือก เขาก็พอจะมีใจให้คนหนึ่งมากกว่าอีกคน...
...แต่มีอะไรบางอย่างที่วรุฒม์รู้สึกแปลกๆ เขายังบอกไม่ได้ แต่ที่แน่ๆ เขาคิดว่าสองหนุ่มไม่ได้แสดงท่าทีสนใจเขาแบบธรรมดาๆ อย่างที่คนอื่นที่แสดงความสนใจเขา...
"อิศราไปซื้อของยังไม่กลับครับ" เสียงหนึ่งดังขึ้นด้านหลัง วรุฒม์หันไปตามเสียงนุ่มของภีรวัสจึงเห็นว่าชายหนุ่มอยู่ในชุดเสื้อกล้ามสีดำ กางเกงยีนส์พอดีตัวสีซีด มีรอยปะอยู่สามสี่จุด
ภีรวัสมีมัดกล้ามพองาม ตอนแรกเขานึกว่ารูปร่างผอมเพรียวเพราะเห็นแต่สวมเสื้อผ้าตัวโคร่ง แต่ครั้นเห็นตอนนี้จึงรู้ว่าชายหนุ่มซ่อนรูปไม่เบา
...ผิวขาวสะอาด เนียน น่าลูบไล้...
...รอยยิ้มนั้นดูลึกลับ ราวกับซ่อนความในใจบางอย่างเอาไว้ อะไรที่เจ้าตัวไม่อยากให้เขารู้ หรือไม่อยากให้รู้ในตอนนี้…
"คุณภีรวัสกำลังทดลองอะไรหรือครับ นี่คงเป็นส่วนหนึ่งในงายวิจัย" วรุตม์ถาม
"เอ่อ...อธิบายยังไงดี" ภีรวัสเอียงหน้า พยายามเรียบเรียงคำพูด
"ยังไม่ต้องอธิบายก็ได้ครับ เรายังมีเวลาจะทำความรู้จักและคุยกันอีกนาน" วรุฒม์พูดยิ้มๆ "ถ้าคุณภีรวัสยังไม่รีบกลับกรุงเทพฯ เสียก่อน"
“ก็คงหนึ่งเดือนเป็นอย่างน้อย สามเดือนเป็นอย่างมากครับ” ภีรวัสตอบแล้วเดินเข้ามาใกล้นายทหาร ยิ้มให้บางๆ แล้วก้มลงหยิบท่อสเตนเลสยาวขนาดหนึ่งฟุตจำนวนสามท่อมาเสียบต่อกัน บิดเกลียวแล้วล๊อคให้แน่น วรุฒม์ยืนมองเงียบๆ สลับกับการมองหัวไหล่และต้นคอของชายหนุ่ม
“ไม่หนาวหรือครับ” วรุฒม์เอ่ยขึ้นมาเบาๆ
ภีรวัสส่ายหน้า สายตายังจับอยู่ที่อุปกรณ์ทดลองในมือ แล้วอธิบายว่า
“นี่คือตัววัดความสั่นสะเทือนของเปลือกโลก ต่อสายเข้ากับเครื่องนั้น” ภีรวัสชี้มือไปยังกล่องอลูมีเนียมที่วางอยู่บนโต๊ะ “แล้วก็นั่งคอยเป็นชั่วโมงๆ เพื่อสังเกตเข็มกระดิกไปกระดิกมา”
ภีรวัสประกอบอุปกรณ์ชิ้นใหญ่เสร็จแล้วเงยหน้าขึ้นมายิ้มให้วรุฒม์ จากนั้นจึงประกอบอุปกรณ์ชิ้นเล็กๆ วรุฒม์เดินเข้ามาใกล้แล้วชะโงกหน้ามองสิ่งที่นักวิจัยหนุ่มกำลังทำอย่างสนใจ จึงไม่รู้ว่ามีใครคนหนึ่งยืนมองอยู่อย่างไม่สบอารมณ์

อิศรารู้สึกอิจฉาภีรวัส ทำไมเขาจะไม่รู้ว่าวรุฒม์แอบชำเลืองมองภีรวัสอยู่บ่อยๆ เขายอมรับในใจว่าเพื่อนของเขามีเสน่ห์กว่า ภีรวัสดูมี ‘มิติ’ มากกว่าเขา มีอะไรน่าค้นหา ในขณะที่เขาดู ‘แบนๆ’  ไม่มีเหลี่ยมมุมอะไรให้ตื่นเต้น อิศราแย้งตัวเองอยู่เสมอว่าเพราะเขาเป็นคนสนุกสนานร่าเริง ตรงไปตรงมา คิดอะไรก็พูดและแสดงออกไปแบบนั้น จึงกลายเป็นว่าเปิดเผยมากเกินไป ไม่เหลืออะไรให้ค้นหาเหมือนภีรวัสที่ดูลึกลับกว่า
...แต่เกมนี้เขาไม่ยอมแพ้ จะว่าไป หากนับสถิติกันจริงๆ เขามีคะแนนรวมชนะภีรวัสด้วยซ้ำ แต่เกมนี้คือจุดสุดยอด เหมือนแข่งโอเลมปิกส์ ไม่ใช่กีฬาแห่งชาติเหมือนที่ผ่านมา...
“ทำอะไรกันอยู่ครับ” อิศราทำลายความเงียบ พันโทวรุฒม์เงยหน้าขึ้นและหันมายิ้มให้เขาอย่างอ่อนโยน รอยยิ้มที่อิศราคิดว่าสามารถทำให้ทั้งกายและใจของเขาละลายได้ไม่ยาก
“หายไปไหนอิศ” ภีรวัสถามโดยไม่เงยหน้า ผู้พันมารอตั้งนานแล้วฦ”
“ไปถ่ายรูป” อิสราตอบสั้นๆ
“ไปกันหรือยังครับ” วรุฒม์ถามอิศราแล้วหันมาชวนภีรวัส “คุณภีรวัสไปด้วยกันไหมครับ ขากลับผมจะพาไปทานอาหารที่ร้านริมแม่น้ำ บรรยากาศสวยมาก อาหารก็อร่อย”
“เชิญตามสบายครับ ผมขอทำนี่ให้เสร็จ คงต้องใช้เวลาอีกพอสมควร” ภีรวัสเงยหน้าขึ้นมายิ้มบางๆ ให้วรุฒม์แล้วหันไปหาเพื่อนซี้แล้วส่งสายตาบ่งบอกความหมายว่า ‘เห็นไหมล่ะ วันนี้เรายอมให้เฉยๆ หรอก’
อิศราพยักหน้าแล้วชวนวรุฒม์เดินไปที่รถ ก่อนจะหันมาถามเพื่อนอย่างห่วงใยว่า “จะเอาอะไรหรือเปล่าภีร์ เราจะซื้อของมาฝากนะ จะรีบกลับ กลัวภีร์หิว”
...ไม่ต้องมาแกล้งทำเป็นห่วงใยหรอกอิศรา ร้อยวันพันปีเคยซื้อของกินมาฝากที่ไหน มีแต่จะให้เขาเตียมอาหารไว้รอละสิ นี่สงสัยกะทำคะแนน แสดงให้หนุ่มเห็นว่าเป็นคนห่วงใยเพื่อน...
“ขอบใจนะอิศ แต่ไม่ต้องหรอก เราทำอาหารเองก็ได้ จะทำอะไรอร่อยๆ ไว้รอนะ เผื่ออิศจะหิวตอนดึกๆ”
...เจอภีรวัสซะบ้างเถอะอิศรา ผู้พันวรุฒม์จะต้องทึ่งในตัวเราแน่...
“แค่ได้ยินก็อยากทานแล้ว” อิศราหัวเราะเบาๆ แต่นัยน์ตาลุกวาบ ในใจด่าเพื่อนว่า
...แกทำอาหารเป็นที่ไหน พูดออกมาได้ จะทำอะไรอร่อยๆ ไว้คอย เจียวไข่ก็ยังไหม้ ทำอะไรก็กินไม่ลง หนอยแน่ะ นี่คงคิดจะทำคะแนนกับวรุฒม์ละสิ คอยดูนะ กลับมาจะโวยวายให้ลั่นบ้าน...

วรุฒม์เชิญอิศราขึ้นรถแล้วขับออกมาจากบ้านพักของสองหนุ่ม นายทหารใช้ความเร็วปากกลาง ไม่นานก็เลี้ยวรถเข้ากรมทหาร อิศราหันไปมองรอบๆ อย่างตื่นเต้น สายตาสอดส่ายหาอาหารตา
...ทหารทั้งนั้นเลย เท่ๆ แมนๆ ลานตาไปหมด มิน่า ใครๆ ถึงได้ชอบคนในเครื่องแบบ...
“บ้านพักผมอยู่หลังค่ายครับ เข้าไปอีกไกลพอสมควร” วรุตม์พูดเสียงนุ่มนวล “แต่ผมขอแวะกองพันก่อน ไม่นานหรอกครับ ไม่กี่นาที”
“เชิญตามสบายครับ ผมจะนั่งรอที่รถก็ได้” อิศราหันไปมองตามมือของวรุฒม์ที่ชี้ไปยังอาคารข้างหน้า พลันสายตาก็เห็นทหารร่างสูงคนหนึ่งกำลังจะเดินขึ้นบันได หน้าตาหล่อคมเฉียบขาดพอๆ กับผู้พันวรุฒม์ ต่างกันตรงที่ใบหน้าขาวกว่าเห็นได้ชัด นายทหารคนนั้นชะงัก แล้วโบกมือให้ วรุฒม์โบกมือตอบ ส่วนอิศรานั้นส่งยิ้มกว้างให้ รู้สึกได้ทันทีว่าเห็นนายทหารหน้าขาวส่งรอยยิ้มพึงพอใจตอบกลับมา
...อะไรจะขนาดนั้น มาอยู่บ้านป่าบ้านดอยได้ไม่กี่วัน เจอเทพบุตรชุดเขียวเข้าให้ตั้งสองคน...
วรุฒม์จอดรถแล้วรีบเดินตรงไปยังอาคารสีขาว อิศราเห็นว่านายทหารคนใหม่นั้นมองเพื่อนและเขาสลับไปมา ในใจอยากจะเดินตามวรุฒม์ไปทันทีแล้วเข้าไปแนะนำตัวเอง
“ว่าไงรุฒม์ ไม่ได้เจอตั้งหลายวัน” พันตรีนายแพทย์วิษณุทักเพื่อน แล้วเหลือบตามองชายหนุ่มหน้าขาวที่นั่งอยู่ในรถของวรุฒม์
“สบายที่สุด ตอนนี้เราไม่ค่อยมีอะไรทำแล้ว นี่ก็รอแต่พล ไม่รู้จะมาถึงเมื่อไหร่” วรุฒม์ตอบ
“อิจฉาจริงๆ เราสิเหนื่อยแทบแย่ คนไข้ก็เยอะ” วิษณุถอนหายเบาๆ “อยู่ที่นี่ตั้งนาน ทหารก็ป่วยได้ป่วยดี เจอแต่ละคน ไม่อยากจะพูด ไม่มีอะไรสดชื่นให้มองเลย”
“งั้นก็ย้ายเข้ากรุงเทพฯ สิ ไปทำงานที่โรงพยาบาลภูมิพลฯ จะได้มีอะไรเจริญหูเจริญตา” วรุฒม์ประชดยิ้มๆ อดหันไปมองตามสายตาของเพื่อนไม่ได้ เพราะวิษณุพูดกับเขา แต่ตามองเลยไหล่เขาไปยังด้านหลัง
“ไม่ต้องแล้วล่ะ” วิษณุยักไหล่ ในใจอยากจะถามเพื่อนถึงคนที่นั่งอยู่ในรถนัก แต่ก็อดใจเอาไว้ได้
“เรามาเอาของ ต้องรีบไปแล้ว เอาไว้คุยกันที่หลังนะ” วรุฒม์รีบเดินเข้าไปในประตูทางเข้า ครั้นพอเดินไปได้ไม่เท่าไหร่ก็หันมาพูดกับเพื่อนว่า “ไว้มีโอกาสจะแนะนำให้รู้จัก”
วิษณุไม่ตอบ แต่กลับยิ้มกว้าง มองตามวรุฒม์ที่เร่งฝีเท้าเร็วกว่าเดิม
...แทบจะรอไม่ไหวแล้วเพื่อน อยากจะกระโดดลงบันไดไปแนะนำตัวเองเสียเดี๋ยวนี้...

อิศรานั่งรอวรุฒม์อย่างใจเย็นและสบายใจ ตามองซ้ายมองขวาดู “ประชากรชุดเขียว” เดินผ่านไปมาอย่างเพลิดเพลิน รู้สึกไม่เสียดายที่อุตส่าห์ ‘โกงโควต้าวันจีบหนุ่ม’ มาจากภีรวัส เขาได้อยู่กับวรุฒม์สองต่อสอง ได้ไปเยี่ยมบ้านพักของวรุฒม์ ได้เห็นทหารหนุ่มๆ แทบทุกวัยตั้งแต่หนุ่มน้อยจนถึงหนุ่มใหญ่ ได้พบนายทหารหล่อพอๆ กับวรุฒม์
...แค่ได้พบแค่นั้นหรือ แค่ได้มองอยู่ห่างๆ แค่ได้เห็นว่าฝ่ายนั้นส่งสายตาเจ้าชู้มาหาเขาในระยะหนึ่งหกสิบเมตรยังงั้นหรือ...
...ไม่ได้ ไม่ได้ ไม่ได้ ต้อง ‘รู้จัก’ ไม่ใช่แค่ ‘เห็น’ เดี๋ยวเสียชื่ออิศราหมด...
ไม่ถึงห้านาทีวรุฒม์ก็กลับมาที่รถแล้วพาอิศราไปที่บ้านพัก ถุงนอนและอุปกรณ์เดินป่าของวรุฒม์วางอยู่ในห้องนั่งเล่นชั้นล่าง ทั้งสองใช้เวลาไม่นานก็ออกจากบ้าน มุ่งตรงไปยังหน้าค่ายทหาร วรุฒม์บอกว่าจะพาอิศราไปทานอาหารเพราะอิศราเผลอบ่นว่าหิว
...หิววรุฒม์ต่างหากล่ะ...
อิศราเผลอถอนหายใจอย่างเซ็งๆ เมื่อนึกถึงตอนที่เดินเข้าไปในบ้านพักของวุฒม์และมองเห็นพืชผักสวนครัวที่ปลูกเอาไว้บริเวณหน้าบ้านแล้วอุทานว่า ‘โอ้โห น่ากินจัง เห็นแล้วหิวขึ้นมาทันทีเลยครับ’
วรุฒม์บอกว่าพลทหารที่มาดูแลบ้านพักเป็นคนปลูกและบางครั้งก็ทำอาหารให้เขาทาน อิศราบอกว่าหากปลูกพืชผักสวนครัวแล้วมีอะไรพร้อมเพรียงขนาดนี้เขาก็จะทำอาหารทานทุกวัน
‘อยากทานเมื่อไหร่ก็ได้ทาน ผมจะทานทุกวันเลย เห็นแล้วรู้สึกหิว’ อิศราพูดไปหัวเราะไป ตามองต้นกล้วยหอมที่ออกผลดกเต็มเครือ วรุฒม์เลยชวนให้เขารีบออกจากบ้านเพื่อไปทานอาหาร ทั้งๆ ที่เขาอยากชวนนายทหารเข้าบ้านแล้วไม่ต้องออกมาอีก
เมื่อกำลังจะผ่านอาคารสีขาวหลังใหญ่ที่พบกับเพื่อนของวรุฒม์ อิสราก็มีความคิดดีๆ ขึ้นมาทันใด ในใจนึกถึงภีรวัส หากเพื่อนเขารู้ว่าเจอ ‘อีกคน’ ที่สุสีกับวรุฒม์ ภีรวัสคงชวนเขาเล่นเกม ‘แข่งกันจีบ’ แทนที่จะเล่น ‘แย่งกันจีบ’ อย่างที่กำลังทำอยู่
แทบทุกครั้งที่เล่นเกมสนุก เขากับภีรวัสจะมี ‘เหยื่อ’ สองคนเสมอ เขากับเพื่อนจะตกลงกันว่าจะใช้เวลาเท่าใดที่จะทำให้เหยื่อตกหลุมรักและบอกรัก และเมื่อคนโชคร้ายคนนั้นสารภาพรักก็จะต้องมีหลักฐานไปแสดงให้คู่แข่งรู้ว่าชนะแล้ว หลังจากนั้นหนึ่งอาทิตย์ก็จะต้องทิ้ง และห้ามหวนกลับไปคบกันอีก
“เกมบ้าๆ” ภีรวัสเคยบ่นเมื่อเล่นครั้งแรกๆ
“เกมบ้าๆ แล้วแกแข่งทำไม” อิศราตอกกลับ
“ก็ไม่อยากแพ้แกนี่นา” ภีรวัสให้เหตุผล
...วันที่ภีรวัสได้วรุฒม์ไปครอง เขาก็ต้องหง่าวอยู่คนเดียว เพื่อนของวรุฒม์นี่ล่ะจะเป็นตัวแทนแก้เหงาให้เราได้...
อิศราคิดอย่างชั่วร้าย ตั้งใจจะว่าจะจีบนายทหารรูปหล่อคนนี้ลองดู เขาแทบไม่ต้องสงสัยเลยว่าฝ่ายนั้นสนใจเขาหรือไม่ แม้จะยืนอยู่ห่างกันขนาดนั้น เพื่อนของวรุฒม์ก็ส่งสายตาหวานๆ มาให้ นัยน์ตาวิบวับนั้นแสดงออกถึงความในใจอย่างชัดเจน
“ไม่ชวนเพื่อนของผู้พันไปทานข้าวด้วยกันหรือครับ” อิศราหยั่งเชิง
“ใครครับ” วรุฒม์เลิกคิ้ว แล้วนึกออกทันที “อ้อ วิษณุ เห็นกำลังรีบ ผมยังไม่ได้แนะนำให้รู้จัก วิษณุเป็นแพทย์ทหารครับ ย้ายมาอยู่นี่ได้หลายปีแล้ว”
“ค่ายทหารมีคนเยอะจนต้องมีโรงพยาบาลเลยหรือครับ” อิศราถาม วรุฒม์จึงอธิบายเกี่ยวกับค่ายทหารให้ฟังอย่างคร่าวๆ อิศรารู้สึกเจ็บคอขึ้นมาทันใด จึงไอถี่ๆ จนวรุตม์หันมามองด้วยสายตาห่วงใย
"ท่าทางจะแพ้อากาศ ผมว่าคุณอิศราไปพบหมอดีกว่านะครับ โชคดีวิษณุเข้าเวรพอดี"
"ไม่เป็นอะไรมากหรอกครับ พอกลับถึงบ้านก็หาย" อิศราตอบ ตามมาด้วยการไอพอเป็นพิธี
"หายนะหายแน่ แต่ผมว่าให้หมอดูก่อนดีกว่า ไม่ต้องเสียเงิน" วรุตม์เลี้ยวรถเข้าไปจอดที่หน้าอาคาร อิศราแกล้งทำอิดออดอยู่ชั่วครู่ก่อนจะลงจากรถแต่ก็ยังยืนนิ่ง จนวรุฒม์แตะศอกของชายหนุ่มที่เกิดป่วยขึ้นมากระทันหันแล้วชี้มือไปยังอาคารที่อยู่ทางด้านซ้าย พยักหน้าให้อิศราเดินไปกับเขา
"ผมกลัวถูกหมอฉีดยา ไม่ชอบถูกฉีดยา มันเจ็บ" อิศราทำหน้าเหมือนเด็กกลัวหมอ
"อาการแค่นี้ไม่ถึงกับถูกฉีดยาหรอกครับ" วรุตม์ส่งยิ้มอ่อนโยน "มาเถอะ เดี๋ยวหมอจะกลับซะก่อน"
***3***

« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 01-09-2009 23:01:47 โดย katawoot »

ออฟไลน์ M@nfaNG

  • ชีวิตคือการตรวจสอบ...
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4453
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +847/-18
งานนี้น่าจะสองคู่ชู้ชื่นนะ :really2:

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด