หลังจากพายุสงบลง เกือบสิบนาทีกว่าคิมจะยอมปล่อยคนในอ้อมแขนให้ลุกขึ้นแต่งตัว แบ็งค์คว้าเสื้อยับยู่ยี่และกระดุมขาดหลุดลุ่ยขึ้นมาสวม
รู้สึกอดสูกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นจนอยากจะพาตัวออกไปจากห้องนั้นให้เร็วที่สุด หนุ่มน้อยก้มลงดูตัวเองอย่างเป็นกังวล ขืนกลับเข้าห้องเรียนในสภาพรุ่งริ่งยับเยินแบบนี้ ไม่แคล้วต้องถูกอาจารย์ประจำวิชาพาตัวไปส่งมูลนิธิปวีณาแน่นอน..
คิมรีบลุกขึ้นมาแต่งตัวอย่างลวกๆเช่นกัน ก่อนจะเดินตรงไปยังเป้ที่ถูกวางทิ้งไว้ เด็กหนุ่มเปิดมันออกแล้วควานหาเสื้อวอร์มแบบมีฮู้ดมาคลุมให้แบ็งค์อย่างอ่อนโยน พูดด้วยน้ำเสียงห้าวลึกกับคนในวงแขน...
“เอ่อ..ขอโทษนะ..ที่ทำเสื้อขาด...”
“มรึงทำอะไรกับกรูตั้งเยอะจะมาขอโทษเรื่องเสื้อขาดเนี่ยนะ..?” แบ็งค์โต้กลับด้วยน้ำเสียงกระด้างเย็นชา ไม่อยากทนเห็นหน้าคิมอีกแม้แต่นาทีเดียว..
คนตัวโตทำท่าอึกๆอักๆ ไม่มีแม้แต่คำจะแก้ตัว...ใบหน้าคร้ามเข้มเต็มไปด้วยร่องรอยของความรู้สึกผิด...
“เอ้อ..แล้วก็เรื่องที่ทำให้เจ็บ..”
“ช่างมันเถอะ กรูผิดเองที่มาวุ่นวายกับมรึง ต่อไปนี้กรูจะไม่ยุ่งกับมรึงอีก..” หนุ่มน้อยตอบเสียงห้วนห้าว ไม่อยากกลับเข้าห้องเรียน..แต่ก็คิดไม่ออกว่าจะไปไหนได้...เจ้าตัวสะบัดแขนเมื่ออีกฝ่ายทำท่าจะคว้าข้อมือไว้ หันไปมองอีกฝ่ายด้วยสายตาเย็นชาราวกับเป็นคนแปลกหน้า
คิมรู้สึกร้าวไปทั้งอกเมื่อเห็นสายตาคู่นั้น ชั่วอึดใจที่เด็กหนุ่มพยายามคิดหาคำพูดเพื่อแก้ไขปลอบประโลมให้อีกฝ่ายรู้สึกดีขึ้น แบ็งค์ก็เดินลิ่วไปที่ประตู กอ่นจะกระแทกปิดอย่างแรง ทิ้งคนตัวโตให้ทุกข์ทนอยู่ในห้องเล็กๆเพียงลำพัง..
................................................................................
คิมรัวกำปั้นใส่กระสอบทรายอย่างไม่ยั้งมือ แต่ละหมัดรุนแรงหนักหน่วงราวกับจะปลดปล่อยความอึดอัดคับแค้นในใจ โกรธตัวเองที่งี่เง่า ทำร้ายได้แม้กระทั่งคนข้างตัวที่ดีที่สุดที่เคยมี เด็กหนุ่มขบกรามแน่นจนนูนขึ้นเป็นสัน คิ้วหนาเข้มขมวดยุ่งเหยิง ใบหน้าภายใต้เฮดการ์ดเต็มไปด้วยหยดเหงื่อที่เกาะพราว..
สุดท้าย..เจ้าตัวถอดนวมออกจากมือทั้งสองข้าง ก่อนจะกระชากเฮดการ์ดออกจากศีรษะแล้วเหวี่ยงใส่ผนังโรงยิมสุดแรง..มันตกกระแทกพื้นแล้วกลิ้งหลุนๆไปไกล.. ร่างลำสันที่ชุ่มโชกไปด้วยเหงื่อเดินตรงไปที่ผนังโรงยิมก่อนจะชกสุดแรงด้วยกำปั้นที่เปล่าเปลือย...
เส้นเลือดที่ขมับเต้นตุบๆด้วยความเครียดขมึง ความเจ็บปวดค่อยๆแผ่ซ่านจากสันกำปั้นไปทั่วทั้งมือ
ใบหน้าคมเข้มหอบหายใจหนักหน่วง.. น่าแปลกที่ความเจ็บปวดทางกายไม่อาจช่วยบรรเทาความเจ็บปวดในใจลงแม้แต่น้อย..