อรุณสวัสดิ์ครับ
บทที่ 25 มาแล้ว อาจสะกดผิดเยอะหน่อยนะครับเพราะพิมพ์เน็ตบุ๊คเครื่องจิ๋ว ตาลายและอ่านต้นฉบับไม่ค่อยออก
25
หลังจากเลิกประชุม ธีรดนย์ก็เดินลิ่วออกนอกห้องโดยมีเลขาหนุ่มแทบจะวิ่งตามมาติดๆ เพราะขาสั้นกว่าและธีรดนย์นั้นเดินเร็วมาก
"เร็วๆ เข้าสิคุณเต้ย ผมจะรีบกลับ" ธีรดนย์เร่ง
"ถ้าเต้ยมีสี่ขาคงวิ่งไปรอที่รถแล้วล่ะ" เต้ยกระแทกเสียง มือหอบแฟ้มเอกสารพะรุงพะรัง "จะรีบไปไหนก็ไม่รู้ ไหนว่าวันนี้คุณจะไม่ไปคลับ"
...จะรีบไปดักตื๊อวิธวินท์แล้วชวนออกไปทานอาหารเย็นด้วยกัน และหากวิธวินท์ดื้อ เขาจะขู่ว่าจะไปชวนภิรายุ ทานอาหารกับภิรายุเสร็จก็จบลงบนเตียงที่บ้าน วิธวินท์ต้องไปกับเขาแน่...
"โอ๊ยตาย เต้ยลืมของ" เลขาหนุ่มอุทานเสียงดังแล้วหันรีหันขวาง
"คุณเต้ย" ธีรดนย์เสียงหงุดหงิด พ่นลมหายใจแรงๆ อย่างหัวเสีย
"ก็คนมันลืม" เลขาทำท่ายึกยักจะส่งของที่อยู่ในมือให้เจ้านาย แต่อีกฝ่ายยืนเท้าสะเอวตีหน้ายักษ์อยู่ไม่มีทีท่าจะยื่นมือออกมารับ เลขาขี้ลืมจึงต้องหอบของวิ่งกลับไปทางเดิมโดยมีเสียงเร่งของเจ้านายดังตามหลังไป
ธีรดนย์ยกข้อมือขึ้นดูเวลาแล้วถอนหายใจ เดินออกมายังล๊อบบี้ช้าๆ แต่เมื่อเหลือบตาไปมองด้านขวามือก็ต้องชะงัก เบิกตากว้างด้วยความตกใจเมื่อเห็นคนที่เดินออกมาจากลิฟท์
"วิธวินท์" ธีรดนย์คราง แต่สายตาพลันเปลี่ยนเป็นลุกโชนเมื่อเห็นคนที่เดินตามหลังชายหนุ่มออกมา
วิธวินท์เดินตัวตรง ก้าวขายาว ตามองไปข้างหน้าไม่สนใจใคร รวมถึงชายหนุ่มรูปหล่อในชุดสูทสีเทาเข้มที่ยืนล้วงกระเป๋ากางเกงมองอยู่ด้วยสายตาขุ่นเคือง
แต่คนที่เห็นธีรดนย์คือบารมี!
"อ้าว สวัสดีครับคุณธีรนดนย์" บารมีหันไปมองตามวิธวินท์แวบหนึ่ง แล้วเดินเข้ามาใกล้ ก่อนจะทักธีรดนย์ "พักโรงแรมนี้เหมือนกันหรือครับ โรงแรมพ่อเพื่อนผมเอง เราพักห้องพาโนราม่าสวีท เห็นวิวทะเลเกือบรอบห้องเลยครับ คราวหน้าคุณธีรดนย์น่าจะลองดูบ้าง เห็นโค้งหาดกับพระอาทิตย์ตกดิน วิวสวยมากแทบลืมหายใจ นี่จะรีบทานข้าวแล้วขึ้นไปนอนที่ระเบียงรอซันเซ็ต"
"ผมไม่ชอบพักโรงแรม ถ้าอยากจะนอนดูพระอาทิตย์ตกทะเล ผมจะสร้างบ้านริมทะเลซักหลัง" ธีดนย์ตอบเสียงห้วน
"อ๋อ คุณธีรดนย์ชอบลงหลักปักฐาน ไม่ชอบมาพักชั่วคราวแล้วก็ไป" บารมีพยักหน้าทำเป็นเข้าใจ
"ใช่ ผมไม่ได้อยากแค่เชยชมชั่วคราวแล้วก็เลิก แต่ผมชอบมีเป็นของตัวเอง ไม่ต้องการแบ่งให้คนอื่นใช้ร่วมเหมือนห้องพักโรงแรม" ธีรดนย์ขยับเท้ามาข้างหน้าเพื่อเผชิญหน้าบารมีที่ทำหน้าท้าทายอยู่ไม่ห่าง
"งั้นขอให้โชคดี ผมก็ไม่ชอบเชยชมชั่วคราวเหมือนกัน แต่ผมชอบเปลี่ยนบรรยากาศ" บารมีตอบเสียงเข้มแล้วหัวเราะเบาๆ จ้องตาธีรดนย์อยู่ครู่หนึ่งก่อนจะหันหลังเดินจากไป ทิ้งให้อีกฝ่ายยืนกัดฟันกรอดๆ เพราะโดนหนุ่มรุ่นน้องท้าทายซึ่งหน้า
...เปลี่ยนบรรยากาศ เชอะ เปลี่ยนบรรยากาศหลังธีรดนย์ละสิ คราวที่แล้วเขาได้เปลี่ยนบรรยากาศกับวิธวินท์ นอนเตียงเดียวกัน ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกันด้วยซ้ำ ได้ทำเหมือนเขาไหมล่ะ...
...บ้าจริงๆ รู้สึกสมเพชตัวเองเป็นที่สุด วิธวินท์กับบารมีมาเปลี่ยนบรรยากาศด้วยกันที่โรงแรมริมทะเล คงไม่ได้ต่างคนต่างนอนเหมือนเขาหรอก...
...แล้ววิธวินท์จะเจ้าเล่ห์กับบารมีเหมือนที่ทำกับเขาหรือเปล่า...
...แต่หากมีใจกับเขาบ้าง แล้วทำไมมาทำอะไรแบบนี้กับบารมีได้ ไหนท่าทางหวงตัวนัก...
...หึง หวง เจ็บใจ อยากจับวิธวินท์มาตีก้นนัก...
วิธวินท์หันไปมองหาบารมีจึงเห็นว่าฝ่ายนั้นเดินทอดน่องตามมาไม่มีทีท่าเร่งรีบแม้แต่น้อย ชายจึงตะโกนเร่ง บารมีแย้งว่าไม่เห็นต้องรีบกลับกรุงเทพฯ
"น้องจอยอุตส่าห์ชวนให้พักที่นี่ซักคืน" บารมีหน้ามุ่ย
"ไม่อยากอยู่ อยากกลับกรุงเทพฯ"
"ทำมา อยู่กับเรามันน่าเบื่อมากหรือไง" บารมีทำเสียงน้อยใจ "ตอนนั้นก็ไปเที่ยวหัวหินด้วยกัน ไปไหนก็ไปด้วยกัน แล้วตอนนี้ทำไมรีบกลับกรุงเทพฯ ถ้ากลัวนักว่าเราะจะทำอะไรก็นอนคนละห้องคนละชั้นก็ยังได้"
"จะไปหรือยังบารมี" วิธวินท์ทำเสียงเหนื่อยหน่าย "ยืดยาดอยู่นั่นล่ะ"
"ไปก็ได้" บารมีหน้าตึง เดินไปที่รถแล้วเปิดประตู แต่กลับยืนนิ่งชั่วครูแล้วตัดสินใจพูดอะไรบางอย่างกับวิธวินท์
"เมื่อกี้ที่มาช้าเพราะเราทักคุณธีรดนย์ เห็นมากับดาราคนหนึ่ง จำชื่อไม่ได้ หน้าตาดีเชียว เขาตกใจด้วยล่ะที่เห็นเรา พอเราทัก ดาราคนที่มาด้วยก็กระโดดออกห่างแทบไม่ทัน จะปิดบังทำไมไม่ไปไกลๆ ก็ไม่รู้นะ"
"แล้วมาบอกทำไม" วิธวินท์ทำเสียงเย็นแล้วบอกให้บารมีขึ้นรถ
"ก็แค่เล่าให้ฟัง" บารมีทำเสียงอ่อน ขับรถออกจากลานจอดรถหน้าโรงแรม และหยุดพูดกวนใจวิธวินท์
...ขอโทษนะวินท์ ถ้าไม่รักวินท์ เราก็ไม่ทำอะไรน่าเกลียดแบบนี้หรอก...
...เพราะรัก เราทำได้ทุกอย่าง และเราคิดว่าไม่ผิดมากด้วย อย่างน้อย เราก็ปกป้องวินท์ไม่ให้กลายเป็นเหยื่อจิ้งจอกอย่างธีรดนย์...
"โอย จะรีบไปไหน" เต้ยตาลีตาเหลือกวิ่งมาที่รถเบ็นซ์สีดำของธีรดนย์ แล้วเอื้อมมือไปดึงประตูด้านคนขับให้เปิดออกก่อนจะอุทานออกมา "อ้าว ก็ไหนว่าให้ผมขับให้นั่งเพราะไม่มีอารมณ์จะขับเอง"
"ขึ้นรถเร็วเข้า" ธีรดนย์เสียงเข้ม มือขวากำพวงมาลัยแน่น มือซ้ายวางอยู่บนกระปุกเกียร์เตรียมพร้อมจะออกรถเต็มที่
"คุณดนย์ ให้เต้ยขับเถอะ" เลขารู้สึกร้อนๆ หนาวๆ เมื่อเห็นหน้าบึ้งตึงของเจ้านาย ธีรดนย์เอียงศีรษะชี้ไปด้านซ้ายเป็นการ 'สั่ง' ให้เลขารีบขึ้นรถ เต้ยจึงรีบอ้อมไปอีกด้านแล้วขึ้นนั่งโดยไม่รอให้ธีรดนย์เร่งอีกครั้ง
"พ่อแก้วแม่แก้วช่วยลูกด้วย" เลขาพึมพำ
"คาดเข็มขัดให้เรียบร้อย แฟ้มโยนไปไว้เบาะหลัง" ธีรดนย์เตือน มือเข้าเกียร์แล้วเร่งออกรถอย่างรวดเร็ว
"คุณดนย์ อารมณ์เสียเต้ยขนาดนี้หรือ เต้ยขอโทษ เอกสารมันเยอะ เต้ยลืม" เต้ยทำตาปริบๆ
"เจ็บใจนัก เจ็บใจจริงๆ" ธีรดนย์พึมพำแล้วเหยียบเบรกเมื่อถึงถนนใหญ่หน้าโรงแรม รอให้รถจักรยานยนต์คันหนึ่งผ่านหน้าไปก่อนจึงพุ่งทะยานเบนซ์เอส 500 ออกไปจนได้ยินเสียงล้อรถครูดกับพื้น
เลขานั่งเงียบเพราะรู้ว่าตอนนี้เจ้านายกำลังโกรธจัดเกินที่เขาคาดคิด ธีรดนย์นิ่งและเงียบ ปากเม้มเป็นเส้นตรง
...ตาขวางเหมือนผีเข้า แค่นี้ทำเป็นโกรธ ก็รู้อยู่ว่าไม่ชอบเวลาขับรถเร็วๆ ปาดไปปาดมา ลองดูสิ มาทำแบบนี้กับเลขาสุดที่รักผู้แสนดี แล้วลองทำอารมณ์เสียใส้เต้ยจนถึงกรุงเทพฯ เดี๋ยวได้โดนเลขาดัดหลังให้เจ็บแสบ...
...แล้วนี่ จะอะไรนักหนากับวิธวินท์ ตื๊อมาจนป่านนี้แล้วยังไม่ได้แอ้มก็น่าจะเลิกล้มความตั้งใจได้แล้ว อย่าบอกนะว่าคนไร้หัวใจอย่างธีรดนย์จะมาตกหลุมรัก จ้างให้ก็ไม่เชื่อ ธีรดนย์นี่ทำไมชอบเอาชนะไม่จบสิ้น...
ธีรดนย์ร้องเสียงหลงเมื่อโดนฝ่ามือของคนที่นอนอยู่ใต้ร่างแกร่งกำยำฟาดเข้าที่ต้นคอและตามมาด้วยหน้าอก
"เกลียดคุณที่สุด หยุดเดี๋ยวนี้นะ เอาออกไป" เมธัสตวาด มือผลักหน้าอกและแผ่นท้องแกร่งของธีรดนย์ให้ขยับตัวออกแล้วพยายามดิ้นหนี
"อะไรเล่า ผมกำลังจะเสร็จแล้ว" ธีรดนย์ทำเสียงหงุดหงิด
"คุณดนย์ หยุดนะ" เมธัสดิ้นแรงขึ้นแล้วดันตัวธีรดนย์สุดแรง "ผมไม่ใช่ที่ระบายความใคร่ให้คุณ"
"แมน อย่าดิ้น" ธีรดนย์เสียงห้วน ยังไม่ยอมหยุด เอวยังพยายามขยับตัวโถมใส่นักร้องหนุ่มเป็นจังหวะแรงและเร็วขึ้น
"กำลังทำอะไรกับผม แต่คุณครวญครางเรียกชื่อคนอื่น อยากมีอะไรกับเขานักก็ไปหาเขาสิ มายุ่งกับผมทำไม ไปหาวิธวินท์ของคุณโน่น" เมธัสตวาด ทำตาแดงๆ ใบหน้าบึ้งตึง
ธีรดนย์ชะงักแล้วหยุดนิ่ง ยอมถอนตัวออกมาจากเมธัสที่รีบพลิกตัวหนีลงจากเตียงเดินเข้าห้องน้ำ กลับจากระยอง ธีรดนย์ชวนนักร้องหนุ่มมาหาความสุขกันในห้องพักของโรงแรมหรู บทรักของเขาหนักหน่วงเร่าร้อน เมธัสตอบสนองเขาอย่างถึงใจ แต่สวรรค์ก็ล่มเมื่อเขาเผลอเรียกชื่อวิธวินท์
...เฮ้อ เป็นเอามาก หลับตาลงก็เห็นแต่ใบหน้าคนคนเดียวลอยไปลอยมา แถมด้วยก้นขาวๆ และรอยสักรูปม้าป่าที่ต้นขาด้านขวา...
...คืนนั้นที่วิธวินท์แพ้พนันมานอนกับเขาที่โรงแรม เขาแอบลุกขึ้นมากลางดึก โลมาน้อยหลับสนิทจึงไม่รู้ว่าเขาถลกเสื้อคลุมขึ้นมาเปิดดูส่วนที่คิดว่าตัวเองชอบมากที่สุดในตัววิธวินท์ แต่ทว่า ใบหน้าอ่อนเยาว์ของชายหนุ่มที่นอนหลับตาพริ้มกลับตรึงตาตรึงใจเขามากกว่า...
...วิธวินท์ปากแดงจัด นุ่มและหอมหวานยิ่งกว่าปากของใคร แค่ได้ประทับจูบเบาๆ เพียงไม่กี่วินาที เลือดในกายเขาก็สูบฉีดแรง ความปรารถนาที่อัดแน่นอยู่ในตัวแทบจะพุ่งทะลักออกมาเสียให้ได้ เขาต้องลุกเข้าไปสงบสติอารมณ์ของตัวเองในห้องน้ำเป็นนานสองนาน...
...เมื่อไหร่จะได้จูบจริงๆ แทนที่จะต้องเจ้าเล่ห์แกล้งทำเป็นจมน้ำให้วิธวินท์ผายปอด และแอบจูบบตอนที่นอนหลับ...
...เมื่อไหร่ นานแค่ไหน แทบจะทนไม่ไหวอยู่แล้ว...
แม้ใจอยากไปหาวิธวินท์แต่เลิกงานวันนี้ธีรดนย์ก็มายืนอยู่ตรงหน้าอาคารเรียนชั้นเดียวของโรงเรียมอนุบาลชื่อน่ารักๆ ขณะนี้เป็นเวลาเย็นมากแล้ว ภิรายุยังนั่งทำงานอยู่ในห้องตามที่ รปภ. บอก ธีรดนย์จึงถือโอกาสเดินดูรอบๆ โรงเรียนอันร่มรื่น ในใจอดนึกเสียดายแทนภิรายุไม่ได้ว่าอีกไม่นานสถานที่แห่งนี้คงเหลือเพียงความทรงจำ
ภาพของวิธวินท์เดินออกมาจากลิฟท์ของโรงแรมหรูตามหลังมาด้วยบารมียังคงติดตาธีรดนย์อยู่อย่างลบไม่ออก ในใจอดนึกภาพต่อไปไม่ได้ว่า วิธวินท์กับบารมีอาจมีอะไรกัน พอหมดแรงแล้วก็ออกมาจากห้องพัก ลงมาข้างล่างเพื่อทานอาหาร ก่อนจะกลับขึ้นไปนอนเล่นที่ระเบียงห้องพักเพื่อชมพระอาทิตย์ลับขอบฟ้าอย่างที่บารมีพูด
...รอยยิ้มของภิรายุสดใสมาก เขายอมรับว่าอยู่กับภิรายุแล้วสบายใจ บุคลิกลักษณะของภิรายุทำให้เขารู้สึกผ่อนคลาย อยู่ใกล้ๆ แล้วมีความสุข และวันนี้เขามาหาชายหนุ่มเพื่อที่จะตอกย้ำให้ตัวเองเชื่อว่า นี่คือความสุขที่เขาต้องการ ภิรายุคือคนที่เข้ามานั่งอยู่ในหัวใจเขา ไม่ใช่วิธวินท์ที่เอาแต่จะวิ่งหนี หรือแม้กระทั่งซิ่งมอเตอร์ไซด์หนี...
...หรือว่าบารมีแกล้งยั่วโมโหเขา โมเมเอาว่ามาพักค้างคืนกับวิธวินท์ อย่างพ่อลิงน้อยนั่นหรือจะยอมนอนกับบารมี วิธวินท์ชอบเขาต่างหาก...
...ภิรายุจะเป็นส่วนที่เติมเต็มให้ชีวิตเขาได้ ภิรายุจะคอยดูแลเขา คอยอยู่เคียงข้างทำให้เขาหายเหงา เขายอมรับว่าพักหลังมานี้เขารู้สึกเหงามาก...
...หรือเขาคิดไปเอง แต่เขาก็อดคิดไม่ได้ว่าวิธวินท์ก็พอจะชอบๆ เขาบ้าง หากแต่ยังวางมาดอยู่ ใครล่ะจะไม่ขอบธีรดนย์ ใครๆ ก็ชอบเขา วิธวินท์ก็น่าจะชอบเขาด้วย ภิรายุยังชอบเขา...
...ไม่สิ ภิรายุรักเขาต่างหาก รักและพร้อมที่จะใช้ชีวิตด้วยกัน เขาไม่ต้องกลุ้มอกกลุ้มใจอะไรเลยหากมีภิรายุเป็นแฟน ไม่ต้องคอยอารมณ์เสียเมื่อมีคนขัดใจ ภิรายุเป็นผู้ตามที่ดี ไม่เหมือนวิธวินท์ที่ไม่ยอมลงให้เขาบ้างเลย...
...แต่เขาไม่ได้แค่ชอบวิธวินท์ ตอนนี้คิดว่ารู้สึกมากกว่านั้นเสียแล้ว...
...และกับภิรายุล่ะ รู้สึกกับภิรายุมากแค่ไหน...
ไม่นาน ภิรายุก็ลงมาจากอาคารเรียน ยิ้มกว้างให้ธีรดนย์มาแต่ไกล รอยยิ้มสดใสทำให้ธีรดนย์มองเพลิน แต่ก็แอบทอดถอนใจเมื่อนึกถึงอีกคนหนึ่ง
...เพื่อนรักของภิรายุ...
...ทำไม ทำไมจะต้องเป็นภิรายุ ทำไมภิรายุเกิดจะต้องมาเป็นเพื่อนของวิธวินท์ แล้วนี่ที่เขามาอยู่ตรงนี้เพื่อพิสูจน์ใจตนเอง จะได้อะไรขึ้นมา...
...ภิรายุกับวิธวินท์เป็นเพื่อนสนิทกัน...
..."เขาชอบคิดว่าผมเป็นเด็ก เป็นน้อง หรือเป็นคนที่เขาต้องคอยปกป้องดูแล แต่มีเพื่อนแบบนี้ก็ดีนะครับ ไม่ต้องกลัวว่าจะมีใครมารังแกเพราะมีขาใหญ่คอยจัดการคนไม่ดีที่มาทำร้ายผม"...
ภิรายุถอนหายใจเมื่อนึกถึงตอนที่ภิรายุเคยเล่าให้ฟังถึง 'เพื่อนผู้แสนดี'
...คนไม่ดีที่จะทำร้ายภิรายุก็คงเป็นธีรดนย์นี่ล่ะ จะเป็นใครไปได้เล่า...
"คุณดนย์รอจนเบื่อและละสิ" ภิรายุยื่นหน้าเข้ามาใกล้ ยิ้มโชว์ฟันขาวสะอาด ตาเป็นประกายเจิดจ้า
"รอจนท้องกิ่วไปหมดแล้ว" ธีรดนย์ตอบยิ้มๆ "ไปทานข้าวกับเถอะครับ แล้วนี่จัดสถานที่ทุกอย่างเรียบร้อยพร้อมสำหรับงานคริสต์มาสหรือยัง"
"ใกล้แล้วครับ ทุกอย่างพร้อมเก้าสิบห้าเปอร์เซ็นต์ ระบบคอมพิวเตอร์ก็พร้อมอวดให้ผู้บริจาคได้ชื่นชมยินดี" ภิรายุยิ้มแสดงความขอบคุณให้ผู้บริจาคที่ยืนอยู่ข้างๆ "ขอบคุณมากนะครับที่บริจาคเครื่องคอมพิวเตอร์ให้โรงเรียนผม จนป่านนี้ผมยังแปลกใจไม่หายว่าทำไมเป็นโรงเรียนของเรา"
"บริษัทผมมีนโยบายใหม่ เราต้องการบริจาคให้โรงเรียนในกรุงที่มีฐานะดี"
"ไม่หรอกครับ ตอนนี้โรงเรียนของเรากำลังเจอมรสุม คุณดนย์ก็รู้ อีกไม่ถึงปีก็ต้องย้าย นี่ถ้าคนวางระบบคอมพิวเตอร์คนเก่งรู้เข้าคงโกรธเป็นฟืนเป็นไฟที่เสียเวลาทำระบบให้ด้วยค่าจ้างราคาถูก แต่ก็ต้องรื้อ" ภิรายุยิ้มบางๆ ทั้งที่กำลังพูดถึงเรื่องปัญหาของโรงเรียนที่เพิ่งเกิดขึ้น
"มีอะไรให้ผมช่วยบ้างก็บอกนะครับ" ธีรดนย์ยิ้มให้อย่างอ่อนโยน ตามองหน้าใสๆ ของภิรายุแล้วอดเปรียบเทียบกับ 'เพื่อน' ที่หน้าใสเหมือนกันของชายหนุ่มไม่ได้
...วิธวินท์จะทำหน้ายิ้มๆ เหมือนภิรายุหรือเปล่าหากสมมุติว่าอาคารเช่าของบริษัทตัวเองโดนเจ้าของที่เรียกคืน...
...พ่อตัวร้ายคงโวยวายแล้วท้าตีท้าต่อยละสิ ท่าทางไม่ยอมใครแบบนั้น จะให้มายิ้มรับปัญหาอย่างภิรายุไม่มีทางหรอก...
...แต่คนแบบนี้ไม่ใช่หรือที่เขาควรจะเอามาเป็นแฟน ภิรายุช่างอ่อนโยน น่ารัก แต่ว่า...
"ขอบคุณครับ แต่ว่าตอนนี้ทุกอย่างก็ยังโอเคอยู่ ผมเชื่อว่าเราจะผ่านพ้นช่วงเวลานี้ไปได้ ผมกำลังคุยต่อรองกับเจ้าของที่ มันคงมีทางออกที่ดีได้"
"ไม่น่าเชื่อ ตัวเล็กๆ แต่เข้มแข็งน่าดู" ธีรดนย์ชม
"ผมทำโรงเรียนเพราะใจรักครับ แล้วคุณดนย์ล่ะครับ ทำเพราะรักด้วยหรือเปล่า"
"ที่ไหนครับ" ธีรดนย์เลิกคิ้วถาม "บริษัทหรือคลับ จะบอกให้นะ ผมไม่ได้ทำเพราะใจรักทั้งสองแห่งนั่นล่ะ"
ภิรายุทำหน้าแปลกใจแล้วรอฟังธีรดนย์พูดต่อ เขาคิดอยู่เสมอว่าผู้ชายเจ้าสำราญอย่างธีรดนย์นั้นเหมาะแล้วที่จะเป็นเข้าของคลับหรู
"ผมทำเพราะพ่อบังคับ เพราะมันมีอยู่แล้ว พอโตขึ้นมา จบมหาวิทยาลบก็มาทำต่อ คลับนี่ผมเทคโอเวอร์มาจากเพื่อนสนิทของพ่อ ซึ่งก็อ้อนวอนแกมบังคับให้ทำนั่นล่ะ" ธีรดนย์ยักไหล่ ก่อนจะหันไปเปิดประตูรถให้ภิรายุ "จริงๆ แล้วผมอยากจะเป็นนักบิน"
"นักบิน" ภิรายุอุทานอย่างไม่เชื่อหู
"แต่เราก็ไม่เคยได้สิ่งที่ตัวเองต้องการซักที" ธีรดนย์พึมพำแล้วผายมือเชิญให้ภิรายุขึ้นรถ
...ใช่ ผมเห็นด้วย มันยากมากที่จะได้ทุกสิ่งที่ตนเองต้องการ แต่ผมก็ยังมีความหวัง ตราบใดที่ยังมีลมหายใจ สิ่งที่เราต้องการก็คงต้องเป็นของเราสักวัน...
ภิรายุยิ้มบางๆ นั่งรอให้ธีรดนย์ขึ้นนั่งประจำที่คนขับ ในหัวเริ่มคิดเกี่ยวกับชีวิตรักของเขากับธีรดนย์ และอดดึงวิธวินท์เข้ามาเกี่ยวด้วยไม่ได้ พรุ่งนี้เขานัดให้เพื่อนมาหาที่โรงเรียน และตั้งใจจะแนะนำให้รู้จักกับธีรดนย์เสียทีก่อนจะถึงวันงานคริสต์มาส เขาไม่อยากให้วิธวินท์มารู้จักกับคนที่เขารักในวันงานอันยุ่งเหยิง ทั้งยังไม่แน่ใจว่าเพื่อนจะโวยวายใส่เขาหรือเปล่าหากรู้ว่า ‘ผู้ชายคนนั้น’ ของเขาคือธีรดนย์ เขารู้ว่าวิธวินท์คงไม่เห็นด้วยแน่ๆ หากจะเลือกผู้ชายลักษณะอย่างธีรดนย์เป็นคนรัก
...คนที่เขารัก แต่รักเขาหรือเปล่าก็ไม่รู้...
ภิรายุยังจำคำพูดของธีรดนย์ครั้งแรกที่พบกันได้ คำพูดสั้นๆ ยังติดหูและตรึงอยู่ในใจ ชายหนุ่มตระหนักดีว่าการได้รักธีรดนย์อาจจะไม่สมหวังและเสียใจเพราะธีรดนย์เป็นคนเจ้าชู้และท่าทางไม่ได้คิดจะจริงจังกับความรัก แต่ภิรายุก็ยังอยากจะลองดู เขาเคยพูดกับวิธวินท์ว่าตัวเองพร้อมที่กระโดดลงไปในห้วงเหวแห่งรัก พร้อมที่จะสู้กับสายน้ำอันเชี่ยวกรากถ้าหากว่าความรักจะพัดพาเขาไปไกลแสนไกล พร้อมมที่จะเผชิญอะไรก็ตามที่จะเกิดขึ้น และหากคุณเต้ยพูดจริง ความดี ความอ่อนโยน ความสดใสร่าเริงของเขาอาจทำให้ธีรดนย์รักเขาก็ได้
...มีรักก็ต้องมีทุกข์ เมื่อเขาได้รักแล้ว ก็อยากจะรู้ว่า รักกับทุกข์ อย่างไหนจะมากกว่ากัน...
******25****