สวัสดีครับ คิดถึงคนอ่านมากมาย ไปเยี่ยมพระมารดาที่ต่างจังหวัดครับ บรรยากาศดีมาก ดาวระยิบระยับเต็มท้องฟ้ายามกลางคืน ทำให้ไ่ม่ค่อยอยากกลับกรุงเทพฯ เพราะอยู่ีต่างจังหวัดนี่สบายจริงๆ เก็บผักเก็บหญ้าหลังบ้านกินได้ไม่ต้องซื้อ ไม่อดไม่อยาก ถึงเวลาก็มีคนมาเชิญไปทานข้าว ต่างจากอยู่กรุงเืทพฯ ราวฟ้ากับดิน ตอนนี้กำลังเป็นคนว่างงานก็เลยไม่ค่อยได้ใช้อินเทอร์เน็ตนะครับ ชีวิต "ช้า" ลงกว่าเดิมเยอะมาก ไม่ต้องเร่งรีบทุกวัน ตอนเช้าขับรถไปทำงานก็กินข้าวไปด้วย มือขวาขับรถ มือซ้ายกินเข้า คิดแล้วสยอง ไม่รู้ตัวเองทนมาได้ยังไงตั้งนาน
ตอนนี้เลยมีเวลาเขียนนิยาย ทำสิ่งที่ตัวเองอยากทำอีกหลายๆ อย่าง เช่น แต่งมอเตอร์ไซด์ อิ อิ
ขอบคุณทุกคนสำหรับกำลังใจนะครับ คนเขียนสู้อยู่แล้ว ไม่เคยยอมแพ้หรอก ผู้อ่านที่น่ารักทุกคนก็สู้ๆ เช่นกันนะครับ
โพสแล้วก็ขอไปซิ่งมอเตอร์ไซด์เล่นซะหน่อย บ๊าย บาย เจอกันใหม่เมื่อได้เล่นอินเทอร์เน็ต เร็วๆ นี่ล่ะ ไม่นานหรอก เพราะคิดถึงคนอ่านเหมือนกัน

บ่ายนี้อ่านบทที่ 23 ต่อกัน นะ เรื่องชักเ้ข้มข้น คนร้ายกลายเป็นดี คนดีกลายเป็นเพี๊ยน
ความรักนี่มีอานุภาพยิ่งนัก ทำให้คนเป็นอะไรไปได้ต่างๆ นาๆ

แต่ก็ยังอยากมีรักกันอยู่นั่นล่ะ มนุษย์หนอมนุษย์
บทที่ 23
เต้ยวางแฟ้มลงบนโต๊ะของธีรดนย์แล้วถอนหายใจเบาๆ ตั้งแต่กลับจากทะเลธีรดนย์เปลี่ยนไปมากกว่าเดิม วันนี้ทั้งวันเจ้านายแทบไม่ทำงาน นัดต่างๆ ก็ยกเลิก เอาแต่นั่งและนอนในออฟฟิส ถามอะไรก็ไม่ค่อยพูดและไม่ตอบโต้เขาเจ็บแสบเช่นทุกวัน
เลขาหนุ่มเดินออกมาจากห้องทำงานของเจ้านาย เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ธีรดนย์ผลักประตูกระจกด้านหน้าสำนักงานเดินเข้ามาช้าๆ แล้วตรงเข้าห้องทำงานของตัวเองโดยไม่พูดไม่จา
...สรุปว่าไม่สำเร็จ นี่คงยังไม่ได้แอ้มวิธวินท์เช่นเคย อุตส่าห์พากันตามไปถึงเกาะกลางทะเลธีรดนย์ก็ยังไม่คืบหน้าถึงไหน...
...ดี ออกมาแบบนี้ก็ดี อีกหน่อยธีรดนย์ก็คงถอดใจ...
เต้ยนั่งลงที่โต๊ะทำงาน ไม่เข้าใจว่าทำไมธีรดนย์ดูเปลี่ยนไปเช่นนี้ แต่ทันใดเสียงอินเตอร์คอมก็ดังขึ้น ธีรดนย์เรียกเขาให้เข้าไปพบในห้อง พร้อมให้นำโฉนดที่ดินอยุธยาที่เพิ่งซื้อมาเข้าไปด้วย
“มอเตอร์ไซด์ที่ขโมยมาสารวัตรกำธรแจ้งเจ้าของให้ไปรับที่สถานีตำรวจแล้วครับ” เต้ยรายงานทันทีที่ไปยืนอยู่หน้าโตะเจ้านายที่ทำหน้าเคร่ง
“ประกาศขายที่ดินผืนนี้นะ ซักล้านหก พอมีคนซื้อเข้ามาก็มารายงานผมว่าใครซื้อ” ธีรดนย์สั่ง
“คุณดนย์ ซื้อมาสองล้านแล้วขายล้านหกนี่นะ ขาดทุนย่อยยับสี่แสน” เต้ยทักท้วง
“ที่ดินใครเต้ย” ธีรดนย์เลิกคิ้ว ทำตาดุ
“ที่ดินคุณวินท์ แต่คุณไปซื้อตัดหน้าสนุกๆ” เต้ยกระแทกเสียง
“แล้วสัญญาดูแลระบบคอมพิวเตอร์ที่คลับก็เรียกให้เขามาคุยแล้วตกลงกันเลย” ธีรดนย์สั่งงานต่อ
“เขานี่คือใครครับ” เต้ยถาม
“คุณเต้ย” ธีรดนย์เสียงเข้ม เม้มปากมองเลขาอย่างอดทน
“คุณดนย์คงลืมไปว่ามีเลขาอยู่สองคน” เลขา 'ภาคกลางวัน' พูดเสียงแข็ง
“บอกก็ทำเถอะน่า” ธีรดนย์น้ำเสียงหงุดหงิด
“คุณลงทุนมากขนาดนี้เลยหรือ แค่อยากได้เคี้ยวเล่นแล้วโยนทิ้งต้องทำขนาดนี้หรือครับ ตอนแรกก็สมาชิกวีไอพีของคลับฟรีๆ แล้วก็มอเตอร์ไซด์ราคาบ้าเลือด ซึ่งตอนนี้จอดอยู่ที่ไหนคุณก็คงไม่รู้ ซื้อทุ่งนามาขายต่อขาดทุน เช่าเรือยอท์ชไปยืนส่องดูฉลามหนุ่มกลางทะเล แล้วแกล้งทำเป็นจมน้ำ”
“รู้ได้ยังไง”
“มีอะไรบ้างที่เต้ยไม่รู้” เลขาผู้เก่งกาจพูดลอยหน้าลอยตา
“อย่าลืมห้องพักหรูของโรงแรม Beach Front Millenia และสปาราคาบ้าเลือดสองคอร์สสิคุณเต้ย” ธีรดนย์ประชดเลขา
“แล้วคุณเบิกเงินทำไมอีกหลายหมื่นแสนล้าน” เต้ยถามประชดเช่นกัน
“เงินใครเต้ย”
“เงินคุณธีรดนย์สิครับ” เต้ยตอบคำถามเจ้านายที่มักจะถามแบบนี้เวลาไม่พอใจ “อย่าบอกนะวาคุณจะลงทุนกับเกมแมวไล่จับหนูด้วยเงินก้อนใหญ่ขนาดนี้”
...ธีรดนย์เป็นเอามาก ท่าทางจะไม่รามือจากวิธวินท์ง่ายๆ...
“อย่ารู้เลย” ธีรดนย์ถอนหายใจ แล้วเอนตัวพิงเก้าอี้ หลับตาลงเหมือนต้องการหยุดการสนทนากับเลขาเดี๋ยวนี้
“เต้ยไม่เห็นด้วยที่คุณจะทุ่มขนาดนี้ มันเปล่าประโยชน์ คุณทำแบบนี้คุณไม่ได้หัวใจเขาหรอก ถ้า...ถ้านะ ถ้าคุณไม่คิดจะจริงจัง”
“ผมทำผิดตั้งแต่ต้นเลยใช่ไหมเต้ย”
“ผิดตั้งแต่ไปหาเรื่องบีบบังคับให้เขามานั่งขอโทษคุณอยู่หน้าโต๊ะทำงานแล้วล่ะ เมื่อไหร่จะเลิกเอาชนะเสียที เมื่อไหร่คุณจะจริงจัง จะรอจนกว่าคุณไม่มีโอกาสหรือไง คุณอายุ 34 จะ 35 แล้วนะครับ เลือกเอาซักคนสิ เลือกคนที่เป็นไปได้ เลือกคนที่เหมาะกับคุณ” เต้ยพูดเสียงเข้มแล้วหันหลังเดินออกจากห้องเจ้านายทันทีเมื่อพูดจบ ปล่อยให้คนที่ได้รับคำแนะนำยกมือขึ้นก่ายหน้าผากแล้วลืมตาขึ้นมาช้าๆ เหม่อมองเพดานอย่างครุ่นคิด
...ผมกำลังเลือก ทำไมผมจะไม่เลือก เต้ยไม่รู้หรอกว่าตอนนี้อะไรมันเริ่มจะยุ่งกว่าที่คิด เลขาเขารู้ดีนัก อะไรๆ ก็รู้ไปทุกอย่าง แต่จะรู้ไหมว่าตอนนี้เขากำลังลำบากใจอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อนในชีวิต...
...แล้วนี่เต้ยหมายความว่ายังไงที่บอกว่าเลือกเอาซักคนที่เป็นไปได้และเหมาะกับเขา...
ธีรดนย์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อีกครั้งแล้วเอื้อมมือไปจะกดอินเตอร์คอมเพื่อถามให้หายข้องใจ แต่เขาก็หดมือกลับ
...เอ หรือว่าเต้ยรู้ ต้องรู้แน่ๆ เลขาของเขาเหมือนมีตาทิพย์ นี่คงรู้เรื่องที่เขาคิดว่าตัวเองเท่านั้นรู้เพียงคนเดียว...
ธีรดนย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมามองอยู่ชั่วครู่แล้วกดโทรศัพท์ไปยังหมายเลขของคนที่โทรมาหาเขาหลายครั้งตั้งแต่เมื่อวาน
...ภิรายุ จะเกิดอะไรขึ้นหากวิธวินท์รู้ว่าเขามีอะไรกับเพื่อนรักของตัวเอง และภิรายุเองก็ดูท่าทีว่าจะถลำลึกไปกับเขามากจนเขาไม่อยากจะนึกถึงตอนที่ตัวเอง ‘เลือก’ อย่างที่เต้ยแนะนำ...
...ภิรายุดูบอบบางเหมือนแก้วเจียระไน ส่วนวิธวินท์เหมือนก้อนหิน...
...ถ้าแก้วแตกจะเหลืออะไรเล่า แล้วเขาก็คงถูกก้อนหินขว้างหัวเพราะวิธวินท์คงไม่อยู่เฉย...
...เขากลัววิธวินท์เกลียดเขา...
เต้ยนั่งอึ้งเมื่อเห็นเอกสารในแฟ้มซึ่งได้รับจากแผนกประชาสัมพันธ์เมื่อกลางอาทิตย์ที่แล้ว ตอนนั้นเขายุ่งมากเลยไม่ได้อ่านอย่างละเอียดเพราะผู้จัดการประชาสัมพันธ์อธิบายให้เขาฟังสั้นๆ ว่าเป็นเรื่องการบริจาคคอมพิวเตอร์ให้กับโรงเรียนอนุบาลแห่งหนึ่งในกรุงเทพฯ เขาจึงรอเก็บเอกสารเข้าแฟ้มแต่เพียงอย่างเดียว
ตามกำหนดการเดิม คุณทินบอกว่าจะไปร่วมงาน แต่ฝ่ายประชาสัมพันธ์เพิ่งแจ้งว่าคุณทินขอเปลี่ยนให้ธีรดนย์ไปแทน
…ภิรายุกับโรงเรียนอนุบาลชื่อตลกๆ โรงเรียนแห่งนี้ภิรายุ อัศวเมศว์เป็นผู้อำนวยการ เพื่อนของวิธวินท์ที่พยายาม ‘นำเสนอ’ ให้ศรายุธก็ชื่อภิรายุ บุคลิกอ่อนโยน ร่าเริง ยิ้มสวย ธีรดนย์เคยเล่าให้ฟังว่าคบกับหนุ่มยิ้มพิมพ์ใจ เป็นครูอนุบาล และตอนนี้เขาก็นึกได้ว่าคืนที่บังคับธีรดนย์ให้ไปร่วมงานเลี้ยงผู้บริหารการศึกษาครั้งหนึ่งที่เจ้านายบ่นว่าน่าเบื่อและเกือบเบี้ยวไม่ขึ้นไปกล่าวปิดงานบนเวที คืนนั้นเขาเห็นธีรดนย์เดินออกไปกับชายหนุ่มร่างบางคนหนึ่งที่เขาล้อว่าเป็นมิสเตอร์สยามเมืองยิ้ม...
...น่านึกออกตั้งนานแล้ว มิน่า หางคิ้วกระตุกบ่อยๆ มาหลายอาทิตย์ ถ้าวิธวินท์รู้ว่าธีรดนย์กะจะฟันเพื่อนตัวเองแล้วทิ้ง พ่อลิงน้อยของธีรดนย์ต้องควันออกหูแน่ๆ...
...แต่วิธวินท์พยายามจับคู่เพื่อนให้กับคุณอาของตัวเอง...
...ถ้ายังงั้นภิรายุก็เป็นคู่แข่งเขาสิ...
...คู่แข่งที่เขาแพ้ไม่ได้...
เพื่อความมั่นใจ เลขาหนุ่มหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาโทรหาเจ้านายที่นั่งเซ็งอยู่ในห้องเพื่อยืนยันข้อมูล ทั้งที่ค่อนข้างแน่ใจแล้วว่าตัวเองคิดถูกว่าธีรดนย์ก็คงกำลังปวดขมับอยู่เพราะเหตุผลนี้กระมัง
...คุยกับธีรดนย์เสร็จ เขาตั้งใจจะโทรอีกสองสามเบอร์ เพื่อตรวจสอบให้แน่นอนตามวิธีการที่เลขาผู้ทรงประสิทธิภาพพึงกระทำ..
เต้ยเม้มปาก มือกำพวงมาลัยรถแน่น ตาจ้องมองชายหนุ่มสองคนที่เดินออกมาจากประตูชั้นหนึ่งของอาคารพาณิชย์ที่เป็นตั้งของบริษัท Network Solutions ในใจอดนึกเสียดายไม่ได้ว่าควรจะโทรศัพท์มาหาศรายุธก่อนเมื่อเขาออกจากที่ทำงาน
...หากโทรมาก่อน ศรายุธคงตกลงไปทานอาหารเย็นกับเขา แทนที่จะออกไปกับภิรายุ อุตส่าห์จะมาทำให้เซอร์ไพรซ์...
...หรือไม่ เขาก็คงไม่ต้องเห็นภาพนี้ ภาพที่ภิรายุยิ้มกว้างสดใส ภาพที่ศรายุธยิ้มกว้างไม่แพ้กัน ภาพที่บาดใจเขาเหลือเกิน...
...วิธวินท์แน่ๆ วิธวินท์ต้องเป็นคนตื้อคุณอาของตัวเองแน่ๆ ศรายุธคงไม่เป็นคนชวนภิรายุให้มาหาถึงที่ทำงาน และภิรายุก็คงไม่มาเอง ไม่สนใจศรายุธเพราะตัวเองก็มีธีรดนย์อยู่...
...แต่หากภิรายุมีสองใจล่ะ ชอบทั้งคู่ ศรายุธก็อาจเป็นเหมือนกัน อาจจะเผลอชอบภิรายุก็ได้ ยิ้มสวย สดใสร่าเริง ใครอยู่ใกล้ก็มีความสุข คนหัวอ่อนอย่างศรายุธคงพ่ายแพ้ต่อเสน่ห์ของคนยิ้มหวาน...
...แต่ศรายุธไม่น่าจะเป็นคนเจ้าชู้ ไม่น่าจะมีสองใจ รักใครก็น่าจะรักจริง รักคนเดียว...
...โอย ทำไมปวดหัวอย่างนี้ ทำไมรู้สึกหึงรู้สึกหวงยิ่งนัก...
ทันใด เลขาหนุ่มผู้สับสนก็สะดุ้งเฮือกเมื่อเสียงโทรศัพท์ดังขึ้น ครั้นเหลือบตาไปมองคนที่โทรศัพท์มาหาก็อดต่อว่าไม่ได้
“คุณดนย์ ทำไมปล่อยให้เด็กตัวเองมายุ่งกับแฟนคนอื่น” เต้ยเปิดฉาก ลืมไปสนิทว่ากำลังพูดกับเจ้านาย
“ใคร ทำไม มีอะไร ยุ่งอะไรกับผม แล้วนี่รู้ได้ยังไง” ธีรดนย์ถาม
“คุณภิรายุนะสิ มาอยู่กับคุณยุธของผม” เต้ยเสียงเข้ม “นี่ผมกำลังจอดรถมองอยู่ บ้าจริงๆ คุณยุธเปิดประตูรถให้ด้วย ขึ้นนั่งรถเองไม่เป็นหรือยังไงนะ”
“ลงไปตบเลยสิเต้ย” ธีรดนย์ยุ
“คุณดนย์ อย่ามาล้อกันนะ เต้ยไม่แฮ้ปปี้เลยนะ” เลขาแหวใส่เจ้านาย
“สรุปแล้วชอบคุณศรายุธหน้าจืดนั้นจริงหรือ”
“อย่ามาว่าคุณยุธของเต้ยนะ”
“ว่าไงเต้ย” ธีรดนย์ย้ำ
“สรุปแล้วคุณชอบคุณวินท์หรือคุณภิรายุ” เต้ยย้อน “จะเลือกใครก็เอาให้แน่ เต้ยยอมให้คุณในฐานะที่เป็นเจ้านาย พอคุณตัดสินใจแล้วเต้ยจะตัดสินใจบ้าง”
“ตัดสินใจอะไรยังไง” ธีรดนย์ถาม
...ตัดสินใจว่าจะให้คุณได้กับใครนะสิคุณดนย์คนดี เล่นกับใครไม่เล่น มาเล่นกับเต้ย คนของตัวไม่รู้จักเก็บไว้ให้ดี ตอนนี้จะหาว่าเต้ยพาลไม่ได้นะ เรื่องรัก ยอมกันได้ที่ไหน...
...หากวิธวินท์อยากให้ภิรายุเป็นแฟนคุณอาของตัวเองเสียจริง เขาก็จะให้ธีรดนย์เป็นแฟนภิรายุให้สิ้นเรื่อง ส่วนศรายุธ ต้องเป็นของเขาเท่านั้น...
วิธวินท์จอดรถมอเตอร์ไซด์คู่ชีพแล้วเดินไปยังบันไดทางขึ้นคอนโด แต่ทันใดก็ต้องชะงักเมื่อเห็นชายหนุ่มสองคนเดินออกมา เขารู้จักทั้งสองคนดี คนหนึ่งรู้จักส่วนตัว แต่อีกคนหนึ่งรู้จักในฐานะที่เป็นดารา และเมื่อชายหนุ่มสองคนนั้นมองเห็นเขา คนที่รู้จักเขาเป็นส่วนตัวก็ชะงักเหมือนกัน
ธีรดนย์ตาค้าง ขยับตัวออกห่างสารินโดยอัตโนมัติ มองวิธวินท์ด้วยสายตารู้สึกผิดและอยากจะอธิบาย แต่วิธวินนท์เดินผ่านไปเงียบๆ ทำเป็นไม่รู้จัก ธีรดนย์จึงหันไปบอกให้สารินไปรอที่รถ ก่อนจะหันหลังเดินตามชายหนุ่มไปทันก่อนจะขึ้นลิฟท์
“วิธวินท์ เดี๋ยวก่อนสิ”
“ผมง่วงนอน เอาไว้คุยกันวันหลัง” วิธวินท์เสียงห้วน มือกดลิฟท์แล้วล้วงกระเป๋ากางเกง ก่อนจะหันหน้ามาพูดกับธีรดนย์ว่า “อันที่จริง เราก็ไม่เห็นมีอะไรต้องคุยกัน”
“มีสิ ผม...”
“ไม่นึกว่าสาริน ดาราขวัญใจผมจะเป็น...อือ...เป็นเอ่อ” วิธวินท์เอียงหน้าคิด “ถ้าเขาเป็นอะไรกับคุณนี่จะเรียกว่าเขาเป็นอะไรดีนะ”
“เป็นทางผ่าน ผมตอบให้ก็ได้” ธีรดนย์พูด
“คุณนี่เดินทางบ่อยนะ สงสัยต้องเดินทางทุกคืน” วิธวินท์พูดยิ้มๆ หากทว่าเป็นยิ้มเยือกเย็น ไม่รู้ตัวเองว่าทำไมรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาทันทีเมื่อเห็นธีรดนย์ควงคู่มากับดาราหนุ่มชื่อดัง
“อย่าเดินทางผ่านมาทางผมก็แล้วกัน” วิธวินท์พูดแล้วก้าวเข้าไปยืนในลิฟท์ที่เปิดออกมา
“ผมจะเดินทางไปหาคุณแล้วพาไปด้วยกัน” ธีรดนย์พูดน้ำเสียงหนักแน่น ไม่สนใจที่วิธวินท์ยิ้มเยาะมุมปากแล้วกดให้ลิฟท์ปิดทันทีที่เขาพูดจบ
ธีรดนย์ยืนมองประตูลิฟท์อยู่นานหลายอึดใจ ก่อนจะหันหลังเดินกลับไปที่หน้าอาคารที่พักช้าๆ พลางสบถเบาๆ ที่คืนนี้ตัวเองซวยเหลือทน
...คืนนั้นเขาเห็นวิธวินท์ที่หน้าคอนโดแห่งนี้ ตอนนั้นเขายังไล่ตามจับวิธวินท์อยู่ น่าจะนึกออกว่าวิธวินท์อาจพักอยู่ที่นี่ หรืออย่างน้อยมาหาเพื่อนหรือญาติ และเขาก็ไม่ควรจะมายุ่งอะไรกับสารินอีกที่คอนโดของดาราหนุ่ม...
..หรือบางทีก็ไม่ควรจะยุ่งอะไรกับใครที่ไหนอีก ถ้าเผื่อเกิดซวยอย่างคืนนี้จะทำยังไงดี...
...โอย บ้าจริงๆ ทำไมทุกอย่างต้องเป็นแบบนี้ ทำไมรู้สึกแคร์ความรู้สึกของวิธวินท์แบบนี้ ทำไมรู้สึกแย่แบบนี้...
...ทำไม ทำไม ทำไม...
หลังจากอาบน้ำเสร็จและกำลังเช็ดตัว เสียงกริ่งหน้าห้องพักก็ดังขึ้น วิธวินท์เดินไปส่องดูที่ช่องมองประตู เห็นหน้าของ รปภ. ประจำตึกจึงเปิดประตูออกไปถามว่ามีเรื่องอะไร แต่คนที่ยืนอยู่ข้างๆ รปภ. ร่างผอมผิวคล้ำแทบจะทำให้วิธวินท์ตะโกนลั่น
“คุณธีรดนย์ เล่นอะไรบ้าๆ” วิธวินท์เสียงห้วน หันไปมอง รปภ. ตาขวาง แต่ฝ่ายนั้นไม่รอให้ถูกด่า รีบเดินหนีไปเสียก่อน
“ผมมาขอโทษ” ธีรดนย์เสียงอ่อน
“เสียเงินไปเท่าไหร่ล่ะ ยามถึงยอมพาคุณขึ้นมา” วิธวินท์ส่ายหน้า ใจหนึ่งอยากจะดันประตูปิด แต่อะไรบางอย่างทำให้เขายังคงยืนต่อปากต่อคำกับธีรดนย์เพราะอยากจะรู้ว่าฝ่ายนั้นจะหาข้อแก้ตัวอะไร
“เสียเท่าไหร่ก็จะยอมเสีย ผมไม่อยากกลับไปนอนบ้านทั้งๆ ที่คุณยังเข้าใจผิด”
“ผมเข้าใจผิดอะไร”
“เรื่องผมกับสาริน” ธีรดนย์ตอบ “ผมกับเขาไม่ได้มีอะไรกัน”
“เชื่อแล้วครับ” วิธวินท์รีบพูดทันทีพร้อมพยักหน้ารับรู้ “ผมไปนอนได้แล้วใช่ไหม”
“ขอเข้าไปหน่อยสิ” ธีรดนย์ขอดื้อๆ
“คุณคิดว่าไง” วิธวินท์เอียงหน้าถาม
“ผมปวดฉี่” ธีรดนย์จนปัญญา ไม่รู้จะยกเหตุผลอะไรมาอ้าง
“แล้วก็คงอยากดื่มกาแฟด้วยใช่ไหม”
“ง่วงนอนด้วย” ธีรดนย์อมยิ้ม ในใจพองโตเพราะวินาทีนี้เขารู้สึกแล้วว่าวิธวินท์ไม่ได้โกรธเขามากอย่างที่กลัว ตอนแรกคิดเอาไว้ว่าทันทีที่ชายหนุ่มเปิดประตูออกมาเห็นว่าเขายืนอยู่ข้างๆ รปภ. ที่ ‘ยืมหน้า’ มาให้ช่วยกดกริ่งหน้าประตูแล้วละก็ วิธวินท์คงกระแทกประตูปิดใส่หน้าเขา
...แต่วิธวินท์ก็ยืนต่อปากต่อคำเขาอยู่เป็นนานสองนาน ทั้งที่นุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียว หยดน้ำยังเกาะอกพราว ปลายติ่งสีแดงระเรื่อบนแผ่นอกลุกชูชัน หน้าท้องแบนราบ ขาว เนียน สะอาด น่า...
ปัง!
เสียงประตูปิดดังสนั่น
...ว้า ไม่น่าเลียริมฝีปากเลยเรา วิธวินท์ก็ช่างรู้ตัวเร็วเหลือเกิน...
***End of Chapter 23****
ลองเดากันดูหน่อยนะ ว่าใครคู่กับใคร
เรื่องนี้ 33 ตอนจบครับ ยาวกว่านี้ไม่ไหวแล้ว เหนื่อย ตอนนี้เขียนถึงตอนที่ 30 แล้วครับ แต่พิมพ์็ได้อย่างช้าๆ และใจเย็น เพราะจอคอมพิวเตอร์มันเล็กมาก มองนานๆ แล้วตาลาย