อรุณสวาทครับ
ขอบคุณทุกท่านที่กดคะแนนให้นะครับ
ขอบคุณที่ติดตามอ่านและเป็นกำลังใจ วันหยุดผมก็ไปต่างจังหวัดครับ แต่แอบใช้มือถือเข้ามาอ่านคอมเมนท์ ตื่นเต้นมากคะแนนใกล้จถะถึงหนึ่งพันแล่ะ รู้สึกเหมือนตอนอายุจะบรรลุนิติภาวะเลยอ่ะ มันรอ มันลุ้นสุดๆ
18
วิธวินท์ยืนมองธีรดนย์กับผู้ชายหน้าเคร่งที่ท่าทางจะเป็นคนสนิทกำลังเดินออกมาจากประตูหน้าคลับ The Dazzle ในใจอดคิดไม่ได้ว่าที่มอเตอร์ไซด์ของเขากับของภมรหายไปนั้นโดนแกล้ง ตำรวจเจอมอเตอร์ไซด์ของภมรแล้วที่ใต้ทางด่วนไม่ไกลจากคลับเท่าใดนัก ตอนนี้ภมรกำลังเดินทางไปกับตำรวจเพื่อยืนยันความเป็นเจ้าของ ส่วน BMW ของเขานั้นยังหาไม่เจอ และเขาคิดว่าคง ‘ไม่เจออีกนาน’
“ผมจะพาขึ้นไปดูกล้องวงจรปิดที่ห้องควบคุม คุณไม่ต้องเป็นห่วง ทางคลับเรายินดีรับผิดชอบ” ธีรดนย์พูดเสียวจริงจัง ใบหน้าเคร่งขรึมต่างจากที่วิธวินท์เคยเห็นประจำ
“รถผมมีประกัน” วิธวินท์ยักไหล่
“คุณไม่เสียดายเลยหรือ” ธีรดนย์เบิกคิ้ว รู้สึกแปลกใจที่ไม่เห็นวิธวินท์โวยวายอย่างที่เขาคาดหวัง
“เสียดาย แต่ตอนนี้ผมทำอะไรได้ล่ะนอกจากคอย”
“ถ้ายังงั้น เชิญครับ”ธีรดนย์ผายมือให้วิธวินท์เดินกลับเข้าไปในผับ
“เอาไว้ดูวันพรุ่งนี้ก็ได้ครับ” วิธวินท์ส่ายหน้าแล้วบอกธีรดนย์ว่าดึกมากแล้ว เขารู้สึกเพลียและง่วงนอน “แล้วลานจอดรถกล้องจับทุกมุมด้วยหรือ ตรงที่ผมจอดรถมันค่อนข้างมืด”
“นิวัต ให้ตรวจเช็คไฟ เพิ่มไปมุมอับให้สว่างขึ้น แล้วเรียกบริษัทเข้ามาดูว่ากล้องไม่ครอบคลุมพื้นที่ตรงไหนบ้าง” ธีรดนย์หันไปสั่งงานผู้ช่วยซึ่งวิธวินท์จำได้ว่าเป็นชายคนเดียวกับที่ ‘บังคับเชิญ’ เขาให้ขึ้นไปพบธีรดนย์คืนวันที่เขาได้รับเลือกจากสปอตไลท์เป็นซุปเปอร์วีไอพีคนใหม่
“ไปดูกันซักหน่อยเถอะครับ” ธีรดนย์พูดอีกครั้ง
“ไม่ใช่หนังการ์ตูนนะครับ กว่าจะดูภาพจากกล้องหมดก็ใช้เวลานาน เสร็จตีสี่ตีห้าพอดี” วิธวินท์แย้งแล้วหันหลังจะเดินหนีไปเฉยๆ
“คุณวิธวินท์” ธีรดนย์เรียกแล้วเดินตาม
“ลงบันทึกประจำวันเอาไว้แล้ว ตำรวจก็ท่าทางสนิทกับคุณมาก ยังไงก็ต้องตามหารถ ได้คืนหรือไม่ได้นั้นอีกเรื่อง แต่ผมคิดว่าขโมยกิ๊กก๊อกที่บังอาจเอารถผมไปคงจะกลัวความผิดโทษประหารเอารถมาคืนในไม่ช้า” วิธวินท์หันมาพูดกับธีรดนย์เสียงเย็นยะเยียบ
“คิดยังงั้นได้ก็ดีเหมือนกัน คิดทางบวกดีกว่าคิดทางลบ” ธีรดนย์พยักหน้าเห็นด้วย
...เก่งไม่ใช่เล่นแฮะ คนแบบนี้เขาชอบ เอาเป็นว่ายกนี้ให้วิธวิท์ชนะไปก่อน...
“ผมไปส่ง” ธีรดนย์เปลี่ยนเรื่อง
“ไม่ต้องครับ ขอบคุณ ผมกลับแท็กซี่ได้” วิธวินท์ตอบเสียงเรีบบแล้วเร่งฝีเท้ายาวและเร็วขึ้น
“ที่นี่คลับหรูนะครับ ไม่มีแท็กซี่มาจอดเข้าคิวรอรับแขกเลิกเหมือนแถวสีลมหรือที่อื่นนะ” ธีรดนย์เดือน
“ถ้าไม่มีมอเตอร์ไซด์ผมก็เดิน สองขาผมก็มี ไม่เห็นจะกลัวอะไรเลย” วิธวินท์เสียงเข้ม ยักไหล่อย่างไม่กังวลใจ
“เก่งให้ตลอดเถอะ” ธีรดนย์พึมพำอยู่คนเดียว มองร่างสูงของวิศวกรหนุ่มที่เดินตัวตรงจากไปช้าๆ แต่สายตาเจ้าของคลับหรูที่กลายมาเป็นขโมยกิ๊กก๊อกอดเลื่อนต่ำลงมามองด้านหลังของชายหนุ่มไม่ได้
...วิธวินท์ ระวังตัวไว้ให้ดีเถอะ ขโมยกิ๊กก๊อกจะกลายมาเป็นโจรใจโฉดปล้นฆ่าข่มขืนเข้าซักวัน...
เต้ยอมยิ้มเมื่อเห็นธีรดนย์เดินเข้ามาในสำนักงานด้วยท่าทางอิดโรย เจ้านายทักทายเลขาสั้นๆ แล้วทำท่ายกแก้วขึ้นใส่ปากเป็นสัญญาณบอกว่าต้องการกาแฟหนึ่งแก้ว เลขาหนุ่มพยักหน้าแล้วยกหูโทรศัพท์ขึ้นทันทีเพื่อสั่งกาแฟให้เจ้านายตามต้องการ ความจริงเขาเคยชงกาแฟให้ธีรดนย์ แต่เจ้านายที่เป็นคนตรงไปตรงมายิ่งกว่าเจ้านายคนเก่านักให้ความเห็นว่า “กระเดือกไม่ลง”
...
“คุณทินยังบอกว่าอร่อย”
“สำหรับทินอะไรก็อร่อยทั้งนั้นล่ะ ใส่น้ำตาลหนึ่งก่อนคุณบอกว่าหวานมากพอแล้วเขาก็ว่าหวานตาม ผมเป็นคนจริงใจ” ธีรดนย์กระแทกเสียง
“ปากร้ายต่างหาก” เต้ยทำปากยื่นอย่างไม่พอใจ
“ต่อจากนี้ไปอย่าได้ชงกาแฟให้ผมอีกนะ” ธีรดนย์สั่ง
“เต้ยถนัดแต่ชงเหล้า”เลขาแก้ตัว
“มอมเหล้าผู้ชายสิไม่ว่า” เจ้านายประชด
“แน่น๊อน ยกเว้นเอาไว้คนเดียวที่ไม่มีวันจะเสียเหล้าให้เป็นเด็ดขาด” เลขายักไหล่แล้วหุบปากทันที ละไว้ในฐานที่เข้าใจว่า ‘คนเดียว’ คนนั้นคือใคร
...
เมื่อสั่งกาแฟจากร้านประจำแล้วขีดเส้นตายให้พนักงานมาส่งภายในห้านาทีและจัดของบนโต๊ะทำงานเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เลขาหนุ่มก็ลุกขึ้นจากเก้าอี้แล้วเดินไปเคาะประตูห้องเจ้านายเบาๆ ก่อนจะผลักเข้าไปเพราะเมื่อครู่เขากดอินเตอร์คอมแล้วธีรดนย์ไม่ตอบรับ
ผู้บริหารหนุ่มนอนหงายอยู่บนโซฟา มือก่ายหน้าผาก หลับตาพริ้ม ขาซ้ายวางพาดอยู่บนเบาะ ส่วนขาขวากางออกทอดวางอยู่บนพื้นห้อง
“หมดสภาพ แบบนี้เรียกว่าเสือร้ายหมดสภาพ” เต้ยพึมพำ ยืนเอียงหน้ามองธีดนย์แล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนอกอ่อนใจ “อยู่ดีไม่ว่าดี หาเรื่องใส่ตัว รักเขาชอบเขาทำไมไม่บอกเขาไปตรงๆ ทำอะไรเป็นเด็ก มาหาเรื่องแกล้งเขาเล่นสนุกแบบนี้เมื่อไหร่จะได้ลงเอยกันเสียที อย่าให้เต้ยต้องมอมยาทั้งสองคนแล้วลากขึ้นไปนอนบนเตียงด้วยกันนะ”
“บ่นอะไรเต้ย” ธีรดนย์พูดขึ้นมาเบาๆ ตายังหลับพริ้ม
“เปล่า”เต้ยยักไหล่ “เมื่อคืนไม่ได้นอนหรือครับ เลิกจากคลับแล้วกลับไปอาบน้ำออกมาทำงานเลยหรือไง อีกหน่อยคุณจะไม่ไหว คอยดูสิ”
“ช่างผม”
“แล้วเมื่อไหร่จะเอามอเตอร์ไซด์ไปคืนเขา” เลขาผู้ห่วงใยถามแล้วสะดุ้ง ก้าวถอยหลังหนึ่งก้าวโดยอัตโนมัติเพราะคนที่นอนอยู่บนโซฟาดีดตัวผึงขึ้นมานั่ง
“รู้ได้ยังไง ใครบอก ใครมันกล้า” ธีรดนย์เสียงเข้ม ขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ
“คุณยุธ” เต้ยทำหน้าเจื่อน
“คุณยุธมารู้อะไรด้วย” ธีรดนย์ขมวดคิ้ว รู้สึกงงเป็นที่สุด
“คุณยุธโทรมาปรับทุกข์ว่าหลานกลับบ้านไปน้ำตาซึม ไม่ยอมหลับยอมนอนเพราะมัวแต่ออกตามหามอเตอร์ไซด์สุดที่รักที่หายไป อ้อ ที่ถูกขโมย เต้ยไม่ใช่คนโง่ คุณวินท์ก็คงไม่ใช่คนโง่ ถ้ามอเตอร์ไซด์คุณวินท์หายจากลานจอดรถ The Dazzle หัวขโมยก็มีอยู่คนเดียว ใครก็มองออก มีแต่คุณนั่นล่ะที่คิดว่าคนอื่นจะไม่รู้ แผนเห่ยๆ คิดได้ไง” เลขายิ้มเยาะ
“อ๋อนี่หลอกว่าผมโง่หรือ จะมากไปแล้วคุณเต้ย รู้ไหมว่ากำลังพูดกับใครอยู่” ธีรดนย์ทำตาขวาง
“ทราบครับว่าคุยกับคุณธีรดนย์” เต้ยทำเสียงเย็นชา “แต่คราวนี้คุณทำเกินไป ทำร้ายจิตใจคุณวินท์มาก สนุกนักหรือไง คุณกำลังจะทำให้คุณวินท์เกลียดคุณ แทนที่จะรัก”
“พอแล้วเต้ย พอแล้ว” ธีรดนย์ลุกขึ้น เดินไปเปิดหน้าต่างห้องทำงานให้ลมพัดเข้ามา “ไม่ต้องมาสั่งสอน”
“เปล่า เต้ยแค่ทำหน้าที่แทนเสียงเล็กๆ ที่ควรจะดังขึ้นข้างหูคุณเวลาคิดจะทำอะไรไม่เข้าท่า”
“จะว่ากันแรงเกินไปแล้วนะเต้ย ไม่ต้องมาว่าผมไม่มีสามัญสำนึกหรอก เดี๋ยวก็ไล่ออกซะเลย” ธีรดนย์พูดเสียงเข้ม ตาเพ่งมองออกไปนอกห้องแต่ทว่าไร้จุดหมาย
“เอะอะก็ไล่ออก ถ้าคุณไล่เต้ยออก จะไปทำงานเป็นเลขาให้บริษัทคุณยุธ เอ๊ะ ไม่ใช่สิ บริษัทคุณวินท์ แล้วเต้ยจะช่วยกระชับความสัมพันธ์ของคุณวินท์กับหุ้นส่วนอีกคน ให้เป็นทั้งหุ้นส่วนบริษัทและหุ้นส่วนรัก” เลขาหนุ่มผู้ไม่เคยกลัวถูกไล่ออกท้าเจ้านาย
“ไอ้หน้าอ่อนนั่นหรือ เทียบธีรดนย์ไม่ได้แม้แต่นิดเดียว ทั้งฐานะ ทั้งรูปร่างหน้าตา ทั้งลีลาและขนาด” ธีรดนย์เค้นเสียงผ่านไรฟัน นึกภาพใบหน้าของภมรแล้วเจ็บใจยิ่งนัก
“เขาใกล้ชิดกันนะครับ ทำงานนั่งโต๊ะติดกันทุกวัน โตมาด้วยกัน เขาได้...” เต้ยจงใจพูดไม่จบประโยค แต่ครั้นเห็นธีรดนย์ยืนนิ่งทำเป็นไม่สนใจ เลขาช่างยั่วจึงพูดขึ้นว่า “เอ๊ะ คุณคงไม่สนใจจะรู้ งั้นเต้ยหยุดพูดดีกว่า คุณคงรำคาญเสียงเลขาเต็มทนแล้ว”
“จะพูดก็พูดมาเถอะคุณเต้ย ไม่ต้องท่ามาก” ธีรดนย์ละสายตาจากนอกหน้าต่าง หันมาทำตาเขียวใส่เลขาแล้วหันกลับไปมองนอกหน้าต่างเช่นเดิม
“เรื่องมอเตอร์ไซด์หายเมื่อคืนทำให้เขาใกล้ชิดและเห็นอกเห็นใจกัน คุณวินท์นั่งซ้อนท้ายมอเตอร์ไซด์คุณภมรออกตามหารถตัวเอง คุณยุธเล่าให้ฟังว่าเขาเห็นคุณภมรมาส่งวินท์ที่บ้าน แล้วยืนกอดกัน คุณภมรหอมแก้มคุณวินท์ด้วย คุณยุธเลยเลี่ยงไปเพราะง่วงนอน ตื่นเช้าขึ้นมาก็ยังเห็นมอเตอร์ไซด์จอดอยู่ แต่คุณยุธก็รีบมาทำงานเลยไม่ได้ปลุกหลาน”
วิธวินท์หันขวับมามองเลขา จ้องตาเขม็งเพราะต้องการตรวจสอบว่าเต้ยพูดล้อเล่นกับเขาหรือไม่ ส่วนเต้ยนั้นยืนนิ่ง จ้องตาเจ้านายกลับอย่างไม่สะทกสะท้าน
...รู้จักเต้ยน้อยไปคุณธีรดนย์ คนอย่างเต้ย ตำรวจเอาเข้าเครื่องจับเท็จก็ไม่มีทางกินเต้ยลงหรอก...
“ช้าๆ ไม่ได้พร้าสองเล่มงามนะครับคุณดนย์ แต่ชิ้นเนื้อหน้าใสๆ คิ้วเข้ม จมูกโด่ง ปากแดง จะถูกคาบไปบริโภคเสียก่อน ต่อให้คุณเป็นราชสีห์ก็ไปแย่งคืนมาไม่ได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อคุณกำลังจับปลาตัวหนึ่งไว้ในมือ แล้วอีกข้างพยายามคว้าอีกตัวหนึ่งที่ดิ้นไปดิ้นมาไม่ยอมให้จับง่ายๆ” พูดเสร็จ เลขาเจ้าคารมก็เดินตรงไปที่ประตูเพื่อปล่อยให้เจ้านายได้ไตร่ตรองคารมของเขาอยู่คนเดียว แต่เมื่อใกล้ถึงประตูก็อดหยอดคำพูดกวนๆ ไม่ได้ว่า “จะให้ช่วยเรื่องเอาของที่ขโมยมาไปคืนเจ้าของก็บอกเต้ยนะครับ ยินดีรับใช้”
“ไม่ต้อง” ธีรดนย์ตอบเสียงห้วน ตายังมองไปนอกหน้าต่าง
เสียงประตูห้องทำงานปิดเบาๆ ธีรดนย์ถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่แล้วเดินไปที่โต๊ะทำงาน แต่ก็ต้องชะงักเมื่อประตูเปิดออกอีกครั้งพร้อมกับใบหน้าขาวๆ ของคุณเลขาโผล่เข้ามา
“สุดสัปดาห์หน้า คุณยุธพาพนักงานไปเที่ยวพักผ่อนประจำปีที่เกาะกลางทะเล เขาชวนเต้ยไปด้วยล่ะ แต่ว่าเต้ยคงไปพักโรงแรมเดียวกันพวกพนักงานบริษัทเขาไม่ได้เพราะจะดูน่าเกลียด”
“ที่ไหน ไม่ต้องเล่นมุข” ธีรดนย์ถามเสียงเข้ม
“เต้ยยังไม่มีที่พักหรูๆ โรงแรมธรรมดาก็เต็มหมดแล้วเพราะเป็นวันหยุดยาว” เลขาเอียงหน้า ทำท่าครุ่นคิด
ธีรดนย์ค่อยๆ ผ่อนลมหายใจ ก้มมองพื้นห้องอย่างอดทนแล้วค่อยๆ เงยหน้าขึ้น หรี่ตามองคนหน้าขาวที่ทำหน้าเรียบนิ่งโผล่เข้ามาที่ประตูห้องทำงาน
“อยากอยู่ห้องสวีทหรือบังกาโลที่มีสระว่ายน้ำส่วนตัว จะให้จองให้ด้วยไหม” ธีรดนย์ถามช้าๆ ชัดๆ
“เต้ยเป็นคนจองก็ได้” เลขายิ้มกว้าง น้ำเสียงร่าเริง “ส่วนของคุณต้องบังกาโลเป็นสัดส่วน มีรั้วรอบขอบชิด มีสระว่ายน้ำ แล้วก็มีจากุซซี่ทั้งอินดอร์และเอาท์ดอร์ โอเค้”
ธีรดนย์ไม่ตอบ หันหน้าหนีช้าๆ แล้วเดินไปนั้งลงบนเก้าอี้หลังโต๊ะทำงาน ตามองหน้าจอคอมพิวเตอร์ก่อนจะเอื้อมมือไปกดเปิดรูปภาพวิธวินท์ใส่กางเกงว่ายน้ำตัวเดียวนอนยิ้มกว้างอยู่ริมสระว่ายน้ำ
...สระว่ายน้ำส่วนตัว จากุซซี่ทั้งในห้องและนอกห้องหรือ จะได้ว่ายน้ำและแช่จากุซซี่คนเดียวหรือสองคน ตอนนี้ชักไม่แน่ใจซะแล้ว...
...หาตัวสำรองเอาไว้เหมือนเคยสิธีรดนย์ หากอารมณ์ค้างก็มีคนทดแทน...
...จะบ้าหรือ เดี๋ยวก็เสียเรื่อง เกิดฝ่ายนั้นรู้ เขาไปไม่อยากเสียวิธวินท์ไป...
...อะไรนะ ไม่อยากเสียวิธวินท์ นายบ้าไปหรือเปล่า เป็นเอามาก แค่คนธรรมดาๆ คนเดียว กินยากกินเย็นขนาดนี้เลิกดีกว่า ดารา นักร้อง นายแบบ หรือไฮโซคนอื่นๆ ที่พร้อมกระโจนลงสระด้วยหรือนอนรอในจากุซซี่มีถมเถ และหากเบื่อดารา อยากอยู่กับคนธรรมดาที่ไม่หรูหราฟู่ฟ่าก็มีภิรายุ รอยยิ้มสวยๆ บุคลิกเยือกเย็น ฉลาด น่ารัก คุยเพลิน อยู่ด้วยแล้วสบายใจ...
...แล้วทำไมเขานึกถึงแต่วิธวินท์ หรือเป็นเพราะเขายังไม่ได้วิธวินท์ตามแรงปราถนาเลยทำให้รู้สึกว่าเป็นการท้าทายและอยากได้ใจจะขาด แต่ลึกๆ เขารู้สึกว่า แม้จะได้วิธวินท์แล้ว เขาก็ยังคิดว่าอยากจะได้แล้วได้อีกไม่เบื่อ เมื่อเขาใกล้กัน รู้สึกร่างกายมีปฏิกิริยาทางเคมีเกิดขึ้นอย่างประหลาด...
...หรือนี่เรียกว่ารักแรกพบ เพราะตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอ เขาก็ได้แต่นึกถึงวิธวินท์อยู่ตลอด...
...ไม่ใช่หรอก รักแรกพบมีที่ไหน เขารักใครไม่เป็น เขาอยากสนุกอย่างเดียว...
...โอย ทำไมมันสับสนวุ่นวายและทรมานอย่างนี้ ทำไมนะ ทำไม...
ศรายุธเดินออกมายืนอยู่ข้างๆ วิธวินท์ที่นั่งกดดูภาพมอเตอร์ไซด์ในคอมพิวเตอร์ไปเรื่อย หลานหนุ่มของเขารู้แล้วว่าเขามายืนอยู่ข้างๆ แต่ก็ยังนั่งเฉยไม่พูดไม่จา
“ทำเป็นทองไม่รู้ร้อน มอเตอร์ไซด์ถูกขโมยทั้งคัน” ศรายุธบ่น
“เดี๋ยวก็ได้คืน” วิธวินท์ยักไหล่ น้ำเสียงมั่นใจยิ่งนัก
“ภมรนั่นน่ะโชคดี ตำรวจหาเจอภายในคืนนั้น ขโมยคงเปลี่ยนใจ แต่ของวินท์นี่สิ อาจจะไม่โชคดีเหมือนภมรก็ได้นะ อาบอกแล้วว่าให้ขับรถยนต์”
“รถหายมันน่าเสียดายกว่ามอเตอร์ไซด์นะครับ” วิธวินท์หันมาทำหน้ายิ้มๆ ใส่ศรายุธแบบไม่เชื่ออาหนุ่มพูดเช่นนี้
“รถมันขโมยได้ยากกว่า มีที่ล๊อคพวงมาลัย ล๊อคเกียร์ แล้วขับไปไหนมาไหนก็ปลอดภัยกว่า ฝนตกก็ไม่เปียก” ศรายุธให้เหตุผล
“ผมมีเสื้อกันฝน” วิธวินท์ยักไหล่อีกครั้ง ดันทุรังตอบจนได้
“แล้วเรื่องที่ดินว่ายังไง” ศรายุธเปลี่ยนเรื่องเมื่อเห็นว่าจะเสียแรงพูดเรื่องมอเตอร์ไซด์เหนื่อยเปล่า
“อ้อ จริงสิ” วิธวินท์ทำหน้านึกได้แล้วลุกขึ้นเดินไปที่โต๊ะของภมร “ภมรส่งเอสเอ็มเอสมาบอกว่ามีโน๊ตโทรศัพท์จากเจ้าของที่ดิน ไอ้นี่เวลาจดโน๊ตให้ใคร ไม่เคยเลยที่จะเอามาวางไว้ให้บนโต๊ะ ไม่รู้มันจะจดทำไม อะไรวะ”
วิธวินท์บ่นพลางยกกระดาษที่ภมรบันทึกข้อความโทรศัพท์เอาไว้ขึ้นมาอ่าน แต่ตอนท้ายต้องอุทานเสียงดังด้วยความหัวเสียเมื่ออ่านข้อความ
ศรายุธเดินเข้าไปหาแล้วดึงกระดาษแผ่นเล็กเขียนด้วยลายมือโย้เย้ของภมรมาอ่านแล้วหันไปพูดกับหลายชายที่กำลังยืนหน้าบึ้งอยู่วา “ก็ไหนบอกว่าไปดูที่แล้วคุยกับคนขายเรียบร้อย”
“ผมดูแล้ว คุยแล้ว ตกลงกันเรียบร้อย ผมแค่ขอให้เขารอธนาคารอนุมัติ เขาก็บอกว่าไม่มีปัญหา”
“ทำสัญญาจะซื้อจะขายกันหรือเปล่า” ศรายุธถาม
“สัญญาอะไรนะ” วิธวินท์ทำหน้างง แต่ไม่รอฟังคำตอบ “แล้วนี่มาขายให้คนอื่นได้ยังไงวะ แล้วใครบ้ามาซื้อที่ดินนั่นตัดหน้าผม เจ็บใจนัก”
“ช่างเถอะ หาที่ไหม่” ศรายุธวางกระดาษลงบนโต๊ะ
“ช่างได้ยังไง คุยกันแล้ว ผมชอบที่ผืนนั้น อยู่เฉยๆ มาหักหลังกันแบบนี้ ใช้ได้ที่ไหน แบบนี้ต้องเจอกันหน่อย” วิธวินท์โวยวายลั่น ตาลุกโชนเพราะความโกรธ เดินกลับไปที่โต๊ะทำงานของตัวเองเพื่อหยิบโทรศัพท์จะโทรไปเอาเรื่องกับเจ้าของที่ดิน
“วินท์ เขาขายไปแล้ว ทำอะไรไม่ได้แล้วล่ะ มีประโยชน์อะไรไปทะเลาะกับเขาทางโทรศัพท์” ศรายุธเตือนเสียงอ่อนโยน เดินเข้าไปแตะไหล่หลายชายแล้วบีบเบาๆ เพื่อให้คลายความฉุนเฉียว
“ใครบอกจะทะเลาะทางโทรศัพท์ ผมจะโทรนัดให้ไปเจอกัน แล้วทะเลาะกันหน้าต่อหน้า” วิธวินท์เสียงกร้าว
“เราทำอะไรไม่รัดกุมเอง ไม่ได้เซ็นสัญญา แค่ตกลงกันปากเปล่า ถ้ามีคนมาซื้อแล้วให้ราคาดีกว่าหรือจ่ายเงินเลย เจ้าของที่เขาก็ต้องขาย
“ผมอยากได้” วิธวินท์กระแทกเสียง
“อาพร่ำบอกให้ซื้อตั้งนาน พอกลายไปเป็นของคนอื่นแล้วมาเสียดาย อยากได้มากจนทนไม่ไหวหรืออยากเอาชนะ โทรไปมีเรื่องกับเขามันจะได้อะไรขึ้นมา” ศรายุธเตือน “เดี๋ยวอาหาใหม่ให้ก็ได้ ที่ดินสวยๆ เยอะแยะ”
“เซ็งจริงๆ เลย อุตส่าห์ตัดสินใจแล้ว” วิธวินท์หน้ามุ่ย
“น่า นะ กลับจากไปเที่ยวแล้วค่อยคิดเรื่องที่ดินอีกที ตอนนี้ไปหาอะไรทานก่อน” ศรายุธละมือจากไหล่วิธวินท์แล้วตบแก้มชายหนุ่มเบาๆ วิธวินท์เอียงหน้าหนีแล้วทำปากยื่นไม่พอใจ พร้อมพูดว่า
“อายุธ ผมไม่ใช่เด็กนะ อายุ 27 ย่าง 28 แล้ว ยังมาตบแก้มผมเป็นเด็กๆ อยู่ได้”
“วินท์เป็นเด็กของอาอยู่ดีล่ะ” ศรายุธหัวเราะเบาๆ “เด็กโข่ง”
“ผมโตแล้วนะ คอยดูสิ ผมจะซื้อที่ดินให้ได้ด้วยตัวเอง อายุธไม่ต้องมาช่วยผมเลย ผมจะหาที่สวยๆ เอง แล้วจัดการเองทุกอย่าง จากนั้นก็จะสร้างบ้านเองด้วย” วิธวินท์ทำท่าทางมั่นใจ
ศรายุธมองวิธวิทน์ยิ้มๆ แล้วบอกว่าเขาจะคอยดู แต่ก็ท้าทายชายหนุ่มว่าจะทำได้จริงอย่างที่พูดหรือเปล่า
“ได้สิ มีอะไรที่วิธวินท์ทำไม่ได้บ้าง” วิศวกรผู้อยากมีที่ดินพูดเสียงหนักแน่น
“ต้องให้ได้อย่างนี้สิ สมกับที่เป็นวิธวินท์หัวดื้อจริงๆ”ศรายุธยกแขนขึ้นโอบไหล่ร่างสูงใหญ่ของหลานชายที่เป็นญาติห่างๆ แล้วดึงเข้ามากระแทกไหล่ของตัวเอง
“เพียงแต่ว่า ถ้าธนาคารอนุมัติให้เงินน้อยแล้วมันไม่พอ อายุธก็ค่อยช่วยผมตอนนั้น” วิธวินท์พูดเสียงกลั้วหัวเราะ
“เจ้าเล่ห์” ศรายุธหัวเราะประสาน แล้วยกมือขึ้นผลักศีรษะของวิธวินท์จนอีกฝ่ายแกล้งทำเป็นเซไปด้านข้างก่อนจะเงยหน้าขึ้นมองคนที่เปิดประตูเข้ามาช้าๆ
“เล่นอะไรกันน่าสนุก” ภมรอมยิ้ม มองอากับหลานกำลังหยอกล้อกันแบบที่เขาไม่เคยเห็นมานานแล้ว
“ไอ้ผึ้งงาน ไม่เห็นบอกเรื่องที่ดินเลย” วิธวินท์เอาเรื่องภมร
“อ้าว ก็จดโน๊ตไว้ให้แล้ว” ภมรทำหน้าเหรอหรา
“แล้วไม่บอกว่าเป็นโน๊ตอะไร เกือบลืมอ่าน แล้วแกก็ไม่เอาไปวางบนโต๊ะ นี่ถ้าอายุธไม่พูดเรื่องที่ดินขึ้นมาก็ไม่รู้”
“จะไปว่าเขาทำไมวินท์ ตัวเองจดโน๊ตแล้วอ่านรู้เรื่องเหมือนภมรหรือเปล่าล่ะ” ศรายุธหันไปปรามหลานชายด้วยใบหน้ายิ้มๆ ยกมือขึ้นผลักท้ายทอยของชายหนุ่ม จนอีกฝ่ายแกล้งเซไปจะกระแทกภมรที่รีบหลบโดยเร็ว
วิธวินท์หัวเราะแล้วหันไปผลักอกศรายุธแล้วพูดว่า “อย่างน้อยผมก็เอาโน๊ตไปวางบนโต๊ะอาทุกครั้งล่ะ”
“ใช่และเกือบทุกครั้ง อาก็ต้องขยำทิ้งถังขยะเพราะอ่านไม่ออกหรืออ่านไม่รู้เรื่อง” ศรายุธโต้
“จบคอมพิวเตอร์มานะ ไมได้จบเสมียนสำนักงาน”
“อ้าว แกว่าใครเป็นเสมียน” ภมรที่ยืนมองอาหลานอยอกกันอดโวยวายไม่ได้ “แล้วนี่หยอกกันสนุกเพราะเรื่องโน๊ตโทรศัพท์กันนี่นะ ไปกันใหญ่แล้ว”
“เดี๋ยวอาจะส่งวินท์ไปฝึกเขียนโน๊ตให้รู้เรื่อง”
“ไปฝึกกับคุณเต้ยหรือครับ” วิธวินท์ล้อศรายุธ
“อย่าเลย ไปฝึกกับคุณเต้ยนั้นน่ะต้องฝึกวิธีการพิชิตใจชาย” ภมรแทรกแล้วหัวเราะเสียงดัง “แต่ผมว่าไอ้วินท์ไม่ต้องฝึกก็มัดใจใครบางคนได้อยู่แล้ว”
“หุบปาก” วิธวินท์หันมาชี้หน้าภมร “ถ้าไม่อยากปากมีสี”
“เดี๋ยวสิ ให้กินข้าวก่อนแล้วค่อยต่อย” ภมรรีบตอบ
“งั้นไปทานข้าวกัน วินท์จะได้ต่อยภมรเร็วๆ วันนี้อาเลี้ยง” ศรายุธชวน
“วินท์นั่งซ้อนท้ายกอดเอวเรานะ ตอนนี้มอเตอร์ไซด์โดนโจรรูปหล่อ เอ๊ย โจรเจ้าเล่ห์ขโมย ซิ่งไม่ได้”ภมรยักคิ้วล้อเลียน
“เดี๋ยวก็ได้คืนแล้ว ไม่ต้องห่วง เดี๋ยวโจรก็ต้องคืนรถคอยดูสิ แต่ตอนนี้เราขอนั่งรถอายุธดีกว่า คุณอาต้องรับผิดชอบขับรถให้คุณหลานนั่ง”
“มีอามันดีอย่างนี้นี่เองใช่ไหมวินท์” ศรายุธผลักวิธวินท์อีกครั้งแล้วหัวเราะเบาๆ
“เป็นอาก็ต้องดูแลหลานให้อยู่ดีกินดีมีความสุขสิครับ”
“ไปกันหรือยัง หิวแล้วนะ หยอกกันอยู่ได้” ภมรเร่งเมื่อเห็นว่าอาหลานเอาแต่คุยกันและหัวเราะ ไม่ได้มีท่าทีเร่งรีบ
...สนุกกันเรื่องโน๊ตโทรศัพท์กับเรื่องมอเตอร์ไซด์หายนี่นะ...
...เฮ้อ เกิดอะไรขึ้นเนี่ย ไม่เข้าใจจริงๆ เป็นอะไรกันไปหมดนะ...
***********