•ตอนที่ 4•“ฮัลโหล ไอ้ทัน...”
“มีอะไรไอ้นพ โทรมาหากูแต่เช้าเลย”
“เช้าบ้านป้ามึงเหรอ นี่มันจะเที่ยงแล้วนะโว้ย”
“นี่มันวันเสาร์นะไอ้นพมึงจะรีบตื่นไปตามป้ามึงกลับบ้านเหรอ”
“มึงเลิกกวนกู แล้วฟังกูพูดดีๆจะได้มั้ย”
“เอ้า มีอะไรว่ามากูจะได้รีบนอนต่อ”
“...อาร์ม.....หายไป”
“ห๊า เมื่อกี้มึงว่าไงนะ”
“กูบอกว่าอาร์มหายไป”
“อาร์มอยู่ในห้องตัวเองรึเปล่า มึงลองเข้าไปดูรึยัง”
“กูเข้าไปดูแล้ว อาร์มไม่อยู่ เสื้อผ้าอาร์มกับของบางอย่างของอาร์มก็ไม่อยู่ด้วย ไอ้ทัน...กู....ทำไงดี...”
“เฮ้ยใจเย็นไอ้นพ รอกูที่คอนโดมึงนะเดี๋ยวกูไปหา”
“...”
“ได้ยินทีกูพูดมั้ย ใจเย็นๆนะมึง เดี๋ยวกูไปหา”
“อืม”
ไม่มีแรงเลยครับ ผมจะทำยังไงดี ผมจะทำยังไง....
อาร์มหายไปไหน....
แล้วผมจะไปตามหาอาร์มได้ที่ไหน....
เช้านี้ผมตื่นขึ้นมา ผมก็เตรียมข้าวมื้อเช้าไว้ให้อาร์ม พอเตรียมเสร็จผมก็เดินไปเคาะประตูห้องนอนอาร์ม
ให้ออกมากินข้าวเช้าพร้อมกัน ผมเคาะประตูอยู่นานก็ไม่มีเสียงตอบ สงสัยอาร์มจะยังไม่ตื่น
ผมเลยเข้าไปอาบน้ำที่ห้องตัวเองก่อนกะว่าจะปล่อยให้อาร์มนอนต่อก่อนอีกสักพัก
พออาบน้ำเสร็จแล้วค่อยมาปลุกอีกทีแล้วกัน วันเสาร์อย่างนี้ตื่นสายๆหน่อยก็ได้
แต่ผมปล่อยให้อาร์มตื่นสายมากๆไม่ได้เพราะเดี๋ยวโรคกระเพาะที่อาร์มเป็นจะกำเริบเอา
อย่างน้อยก็ต้องตื่นขึ้นมากินข้าวให้ตรงเวลาหน่อย พอผมอาบน้ำเสร็จก็มาปลุกอาร์มที่ห้องอีกที
แต่ก็ยังเหมือนเดิม ไม่มีเสียงตอบของอาร์มออกมาจากห้อง ผมเริ่มใจไม่ดีแล้ว
อาร์มจะเป็นอะไรอยู่ในห้องแล้วไม่มีแรงเรียกผมหรือเปล่า กลอนประตูห้องก็ล็อก
ผมเลยไปหามาสเตอร์คีย์ที่ในลิ้นชักโต๊ะทำงานที่ผมเก็บไว้จะได้ไขเข้าไปในห้องอาร์ม
เมื่อผมเปิดประตูเข้าไปได้ก็เห็นว่าอาร์มไม่ได้อยู่ในห้อง
เตียงนอนก็ไม่มีร่องรอยของการนอนเมื่อคืนเลย ... อาร์มไปไหน ....
ปกติเวลาที่อาร์มจะไปไหนมาไหนจะขออนุญาตหรือบอกผมก่อนตลอด
แต่นี่ทำไมอยู่ๆอาร์มก็หายไป ผมไม่รอช้ารีบโทรเข้าโทรศัพท์มือถืออาร์มเพราะถ้าอาร์มจะไปไหน
อย่างน้อยก็คงเอามือถือติดตัวไปด้วย เสียงรอโทรศัพท์ที่ผมได้ยินแสดงให้เห็นว่าผมโทรติดแต่ปลายสายไม่ยอมรับโทรศัพท์ มันเป็นสัญญาณที่ไม่ดีแล้วที่อาร์มไม่รับโทรศัพท์ผม
ผมเดินย้อนกลับมาในห้องก็พบว่าเสื้อผ้าของอาร์มทั้งชุดนักเรียนและชุดอื่นๆไม่อยู่ในตู้เสื้อผ้าแล้ว
ของใช้บางอย่างก็ไม่อยู่ด้วย
....อาร์ม...หนีผมไปแล้วใช่มั้ย................
ผมไม่เคยคิดเลยว่าเรื่องมันจะมาถึงขั้นนี้ ... ทั้งๆที่วันนั้นผมกับอาร์มต่างก็เข้าใจกันแล้วนี่ ... แล้วทำไม....
แต่มาระยะหลังนี่ทุกครั้งทีผมเข้าใกล้อาร์มอาร์มก็จะพยายามเลี่ยงผม อาร์มคุยกับผมน้อยลง
ไม่มองตาผมเวลาที่พูดกัน และที่ร้ายที่สุดอาร์มร้องไห้ทุกครั้งที่ผมสัมผัสหรือแตะต้องตัว
...เจ็บครับ...
... ผมเจ็บปวดใจมาก...
ผมไม่เคยรับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงของอาร์มที่ค่อยๆมากขึ้นทุกวันมาก่อนเลย
แต่...แม้ผมจะรู้ตัวให้มีเวลาเตรียมใจก่อนผมมั่นใจว่าที่ตรงนี้ตรงใจของผมก็ยังเจ็บอยู่ดี...
................................................................
“...คุณค่ะเรื่องนั้นเราจะ...”
“ยังไงเราก็ปล่อยไว้อย่างนั้นไม่ได้หรอก อย่างน้อยเทพมันก็เลขารู้ใจผมนะคุณ”
“ค่ะ คุณเห็นว่ายังไงก็ตามนั้น...”
“นพมาหาแม่กับพ่อตรงนี้สิลูก”
แม่เดินมาเรียกผมที่นั่งเล่นอยู่ในห้องรับแขกหลังจากที่พ่อกับแม่คุยกันอย่างคร่ำเครียดที่ห้องข้างๆอยู่นานตั้งแต่ที่ทั้งสองคนกลับมาถึงบ้าน
ผมได้ยินเสียงท่านทั้งสองคุยกันเป็นบางช่วงของบทสนทนา ต่อให้ผมจะได้ยินทั้งหมดที่พวกท่านคุยกัน
ผมก็ยังคงไม่รู้เรื่องอยู่ดีว่าท่านคุยเรื่องอะไรกัน
“ครับ”
ผมเดินตามแม่เข้าไปหาในห้องซึ่งพ่อก็นั่งรออยู่ในห้องแล้ว และแม่ก็เดินไปนั่งข้างๆพ่อ
“นพ”
พ่อตบๆเบาะข้างตัวพ่อให้ผมเข้าไปนั่งระหว่างพ่อกับแม่
“ครับพ่อ”
ผมเดินเข้าไปนั่งตามที่พ่อบอก
“นพโตจนเริ่มรู้เรื่องแล้วนะลูก ปีนี้ก็ขึ้น ม.หนึ่งแล้วนะ”
“ครับ”
“การเรียนเป็นยังไงบ้างลูก”
“ก็ดีครับพ่อ”
“ดีแล้ว นพเหงามั้ยลูก” แม่ถามผมบ้างครับ
“ไม่เหงาครับ ก็ผมมีพ่อกับแม่อยู่นี่ไง”
“แม่หมายถึงเวลาอยู่บ้านคนเดียวน่ะ”
“...”
“นพ นพอยากมีน้องมั้ยลูก”
“อยากครับ นพอยากได้น้อง”
ผมอยากมีน้องกับเค้ามานานาแล้วครับ เวลาเห็นเพื่อนผมจูงน้องหรืออุ้มน้อง
ผมรู้สึกอิจฉาคนที่มีน้องจังเลย ผมอยากมีน้องบ้าง
“แม่กับพ่อดีใจที่ได้ยินลูกพูดแบบนี้นะ” แม่พูดไปลูบหัวผมไป
“พรุ่งนี้พ่อจะพาน้องมาหานพนะลูก”
“จริงรึเปล่าครับ น้องจะมาตอนไหน” ผมดีใจมาครับที่พรุ่งนี้ผมก็จะมีน้องแล้ว
“ตอนเย็นๆลูก ...”
พ่อตอบผมเสร็จก็มองหน้าผมเหมือนต้องการดูอากัปกริยาที่ผมจะตอบสนองออกมา
ผมรู้ว่าพ่อยังต้องการจะพูดอะไรต่อ
ผมเลยนั่งนิ่งเพื่อรอพ่อพูดต่อ
“น้องน่าสงสารมากนะลูก มีแค่พ่อของน้องที่คอยดูแลน้องเค้ามาตลอดไม่มีญาติพี่น้องที่ไหน
แล้วตอนนี้ยังต้องมาเสียพ่อไปอีก...”
พ่อพูดค้างไว้ แม่จึงพูดต่อขึ้นมา
“พ่อน้องเค้าไปสวรรค์แล้วเข้าใจมั้ยลูก ฮืม” แม่พูดพร้อมดึงผมเข้าไปกอดไว้
“ครับ”
ผมตอบและพยักหน้าเชิงเป็นคำตอบให้แม่เข้าใจ
“น้องเค้าไม่มีใคร ถ้าน้องไม่มาอยู่กับเราก็ต้องไปอยู่กับเด็กคนอื่นเยอะๆ
ที่แม่เคยชี้ให้ลูกเห็นจำได้มั้ยลูก จะเป็นยังไงบ้างก็ไม่รู้ คงลำบากแน่..”
ผมจำได้ครับ เวลาที่ผมนั่งรภไปกับพ่อและแม่ ผมมักจะถูกชี้ให้มองสถานที่ที่มีเด็กๆอยู่ด้วยกันเยอะแยะ
แต่กลับมีคนดูแลอยู่ไม่กี่คน หน้าตาเด็กเหล่านั้นแม้จะยิ้มแย้มแจ่มใสแต่ผมก็เห็นแววตาที่โหยหาความอบอุ่น
ต้องการความรู้สึกที่พิเศษที่เราจะสัมผัสได้ระหว่างเรากับคนที่ให้กำเนิดเราเท่านั้น
แม่ชี้ให้ดูและบอกกับผมว่า ผมโชคดีมีทั้งพ่อและแม่ ผมมีโอกาสได้เรียน
เด็กเหล่านั้นไม่ได้โชคดีอย่างผม เค้าต้องพยายามมากว่าผมถึงจะได้โอกาสอย่างที่ผมมี
เพราะอย่างนั้นผมต้องตั้งใจเรียนให้มากเพื่อตัวผมเอง แล้วก็ต้องเป็นเด็กดีให้พ่อแม่ชื่นใจด้วย
“นพจำอาเทพได้มั้ยลูก คนที่มาที่บ้านเราบ่อยๆน่ะ” พ่อถามผม
“ครับผมจำได้”
อาเทพใจดีมากครับ เวลาอาเทพมาที่บ้านบางทีก็แวะมาสอนผมทำการบ้าน อาเทพเก่งมาก
ทำข้อที่ผมทำไม่ได้ทุกข้อเลย บางทีอาเทพก็เอาขนมมาฝากผม
พาผมไปหาพ่อกับแม่ที่บริษัทด้วยเวลาที่พ่อกับแม่ผมกลับดึกแล้วผมบอกอาเทพว่าอยากไปหาพ่อกับแม่
“อาเทพเค้าไปสวรรค์แล้ว”
ผมตกใจมากครับ ทำไมคนดีๆถึงอายุสั้นอย่างนี้
“น้องที่พ่อกับแม่จะพามาเป็นลูกคนเดียวของอาเทพ...”
ผมนั่งรอพ่อพูดต่อ
“หมดอาเทพไปแล้วเค้าก็ไม่มีใคร พ่อคงทนไม่ได้ที่จะเฉยต่อเรื่องนี้”
“นพไม่ว่าพ่อนะลูก ที่จะรับลูกอาเทพมาเลี้ยงเป็นลูกพ่ออีกคน” พ่อถามผม
“ว่าไงลูก” แม่ถามผมย้ำอีกที
“นพไม่ว่าหรอกครับ ดีซะอีกผมอยากมีน้องกับเค้ามานานแล้ว”
ผมตอบพ่อกับแม่ไปตามที่ผมคิด ผมคิดย่างนั้นจริงๆ
“นพลูก...”
ทั้งพ่อและแม่ต่างสวมกอดผมหลังจากที่ผมพูดออกไปว่าผมดีใจที่จะได้มีน้อง
“แต่นพต้องสัญญากับพ่อก่อนนะว่านพจะรักและดูแลน้องให้เหมือนน้องแท้ๆของลูกเอง”
พ่อคลายกอดผมออกแล้วถามผม
“ครับผมสัญญาว่าผมจะรักน้องเหมือนเป็นน้องแท้ๆของผมเอง”
//---------------------------------------------------------------------//ตอนที่4มาแล้ว...
ที่มาที่ไปของเรื่องราวเริ่มแสดงออกมาให้เห็นทีละนิดๆแล้วสินะ
(แต่อย่ารักคนเขียนทีละนิดนะ เพราะคนเขียนรักคนอ่านมากมาย อิอิ)ปล.วันนี้เปิดเทอมวันแรก ย๊ากซ์ๆๆสู้ตาย
ปล.againรักคนอ่านทุกคนเหมือนเดิมน้า