ch.14
เจ้าขุนยืนมองเพื่อนสนิทคนเก่งที่ถูกรายล้อมไปด้วยนักเรียนร่วมชั้นราวห้าหกคนโดยมีคนเก่งของเขานั่งติวหนังสือให้อยู่ตรงกลาง ช่วงนี้เป็นช่วงใกล้สอบดังนั้นแล้วเขาจึงไม่แปลกใจเท่าไรที่เด็กพวกนี้จะเข้าหาแทนไท แต่ที่น่าแปลกใจก็คือทุกคนที่ล้อมติวเตอร์จำเป็นนี่ดันเป็นผู้ชายหมดน่ะสิ! เปล่าเลย เจ้าขุนไม่ได้อคติกับผู้ชายแต่เจ้าขุนอคติกับคนที่ลอบมองปากที่เขาเคยจูบ นมที่เขาเคยจับและคุณซาลาเปาที่เขาเคยเสียบเสียมากกว่า ร้อยวันพันปีเขาไม่เคยเห็นเด็กพวกนี้มายุ่งกับแทนไทเลยสักครั้ง แต่ทำไมมาวันนี้ถึงได้ตามติดแทนไทเป็นผีแม่ชีอย่างนี้นะ
ฉับพลันบทสนทนาของสมหวังกับเขาก็ดังขึ้นมา มันเป็นบทสนทนาโง่ ๆ ที่สมหวังเป็นคนเริ่มอย่างทุกทีและเป็นเขาที่ไม่ฟังอย่างเช่นเคย จวบจนกระทั่งมีชื่อบุคคลที่สามเอ่ยขึ้นมาเขาถึงได้หันขวับไปมองบุคคลที่หนึ่งอย่างสนเท่ห์
“เมื่อกี้มึงว่ายังไงนะ” เจ้าขุนถาม
“กูบอกว่าแทนไทเหมือนคนที่มีแฟนแล้วเลย” คำตอบของสมหวังทำเอาเขาขมวดคิ้วหนักกว่าเดิมและอดที่จะถามต่อไปไม่ได้
“ทำไมมึงคิดงั้น?” ทั้งที่สมหวังก็น่าจะรู้ดีอยู่แล้วว่าคนที่มันพูดถึงวัน ๆ เอาแต่เรียนกับเรียน ครั้นพอเลิกเรียนก็กลับบ้านเล่นเกมแล้วก็เข้านอน เพราะงั้นแทนไทจะเอาเวลาที่ไหนไปมีแฟนกัน
“ก็ดูเพื่อนมึงสิ สวยน่ารักขนาดนั้นจะโสดได้ไงวะ” คำตอบโง่ ๆ ทำเอาคนรอฟังต้องกลอกตาหนีอย่างหน่ายใจ คิดว่าจะได้ฟังอะไรที่มันมีเหตุมีผลมากกว่านี้เสียอีกแต่เขาคงจะลืมว่านี่คือสมหวัง เขาถอนหายใจ และเพราะเจ้าขุนทำท่าจะลุกขึ้นสมหวังจึงต้องรีบดึงแขนเขาเอาไว้พร้อมอธิบายต่อ
“มึงไม่เข้าใจเหรอวะ สวยอ่ะสวย!”
คำอธิบายครึ่ง ๆ กลาง ๆ ไม่ได้ทำให้เขาเข้าใจเพิ่มขึ้นแต่อย่างใดจนต้องขมวดคิ้วทำหน้ายุ่งมากกว่าเดิม สมหวังจึงกลอกตาบ้างก่อนจะว่าต่อ “มึงไม่เคยได้ยินหรือไงว่าผู้หญิงที่มีเซ็กซ์แล้วจะสวยขึ้น” พลางยักคิ้วหลิ่วตาเสริมความหมายให้ฟัง แต่ถึงอย่างนั้นคิ้วเข้มก็ยังขมวดไม่คลายปมอยู่ดี
“แทนไทไม่ใช่ผู้หญิง” เจ้าขุนว่าด้วยน้ำเสียงที่เริ่มหงุดหงิดหน่อย ๆ สาบานด้วยปากของเขาที่เคยอมให้มันเลย ก่อนจะตัดสินใจยันตัวเองให้ลุกขึ้นแล้วเดินหนีคำแก้ตัวไร้สาระของมันที่ว่า “จะชายหรือหญิงก็เหมือนกันแหละน่า” ไม่เคยนึกเลยว่าคำที่เขาเพิกเฉยวันนั้นจะเป็นคำตอบให้เขาในวันนี้
แต่ถ้าอย่างนั้นก็แสดงว่าเขาสวยขึ้นด้วยงั้นสิ..
ช่างเถอะ สิ่งสำคัญคือการขัดขวางพวกหน้าหม้อตรงหน้านี้ให้ได้มากกว่า เจ้าขุนถอนหายใจเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่จะตัดสินใจเดินเข้าไปลากเพื่อนสนิทออกเฉกเช่นวิธีเดิม ๆ ที่เคยกันเจ้าตัวออกจากสมหวังหรือพวกในชมรมที่พากันทยอยมาจีบตามนักรักตัวพ่อที่เพิ่งพูดถึงไป แต่ครั้นยังก้าวไปไม่ถึงไหนเขาก็ต้องหยุดอยู่กับที่เมื่อมีใครบางคนเข้าไปถึงตัวแทนไทเสียก่อน
แม้จะไม่รู้จักเป็นการส่วนตัวแต่สำหรับคนดังของโรงเรียนแล้วก็คงไม่มีใครที่ไม่รู้จักธันวาหรือพี่ธัน, ประธานนักเรียนคนเก่งผู้ซึ่งเพียบพร้อมไปทั้งเรื่องเรียน กีฬา และหน้าตาที่ชวนกรี๊ดอย่าบอกใคร ดีเลิศเสียจนเจ้าขุนอดที่จะอิจฉาไม่ได้ แต่อย่างไรก็ช่าง.. มนุษย์สมบูรณ์แบบคนนี้มาหาแทนไททำไมกันนะ
และคำตอบก็มาพร้อมกับชีทเรียนกองหนาที่ยื่นไปให้คนเนื้อหอมก่อนที่จะวาดรอยยิ้มหวานเยิ้มบนใบหน้าปิดท้าย ชวนให้คนมองได้ใจสั่นเล่น ๆ สังเกตได้จากแก้มขาวที่ขึ้นสีจางระเรื่อของแทนไท เท่านั้นเจ้าขุนก็ร้องอ๋อ..
..จีบเพื่อนกูนี่เอง..
แต่ก็เพียงแค่พึมพำในใจเท่านั้น เจ้าขุนมองดูคนหล่อกับคนน่ารักคุยกันอย่างถูกอกถูกใจโดยมีเขายืนอยู่ตรงหน้าประตูไม่ขยับไปไหน หากเป็นคนอื่นที่อยู่ตรงนั้นไม่ใช่ธันวาแล้วเขาก็บอกได้เลยว่าแม้แต่เสียงลมหายใจแผ่วของแทนไทไอ้หมอนั่นก็จะไม่มีวันได้ยิน แต่เพราะนี่คือธันวาผู้เพียบพร้อมไปทุกอย่าง ดังนั้นจึงไม่มีเหตุผลใด ๆ ที่เขาจะต้องขัดผู้ชายดี ๆ คนนี้ไม่ให้จีบเพื่อนสนิทของตัวเองเลย
ไม่มี..
เจ้าขุนก็เลยจำต้องละทิ้งหน้าที่อารักขาแบบไม่จำเป็นแล้วปล่อยให้แทนไทกับธันวาได้พูดคุยกะหนุงกะหนิงต่อ ในขณะที่เขานั้นเดินทำ MV ‘คนไม่จำเป็น’ ออกจากโรงเรียนไป แต่ทั้ง ๆ ที่ก็เคยเดินกลับบ้านคนเดียวมาเป็นร้อย ๆ ครั้งแต่ทำไมครั้งนี้ถึงได้รู้สึกโดดเดี่ยวขนาดนี้นะ.. และบางทีอาจจะเป็นเพราะใครบางคนที่กำลังวิ่งเข้ามาหาก่อนจะฟาดมือหนัก ๆ เข้าที่หัวเขาก็เป็นได้
“ทำไมไม่รอกูวะ!” ตีดังป้าบก็ตะโกนใส่ชุดใหญ่ทำเอาคนที่เพิ่งโดนตบหัวทิ่มแทบตั้งรับไม่ทัน แต่ถึงอย่างนั้นเจ้าขุนก็กลับเงยหน้าขึ้นมาด้วยความแช่มชื่น แลดูไม่เหมือนคนที่เพิ่งโดนประทุษร้ายมาเลยสักนิดเสียจนแทนไทถอยหนีด้วยความตกใจ “ยิ้มห่าอะไรเนี่ย”
“เปล๊า” ว่าเสียงสูงปรี๊ดทั้งยังยิ้มแป้นแล้น เขาเองก็ไม่รู้เหมือนกันว่าจะยิ้มทำไม รู้แต่ว่าห้ามตัวเองไม่ให้ยิ้มไม่ได้เลย และเพื่อนสนิทขี้โมโหก็คงเหนื่อยใจที่เขาเอาแต่ยิ้มไม่พูดไม่จาก็เลยเดินแก้มแดงนำเขาไปโดยไม่รอบ้าง เจ้าขุนจึงรีบเดินตามก่อนที่จะฉวยหยิบเป้สะพายข้างของเพื่อนสนิทที่ช่วงนี้ค่อนข้างจะหนักไปด้วยหนังสือมาสะพายให้ ขณะที่แทนไทก็ยอมปล่อยให้เขาหยิบไปแต่โดยดี อาจจะเป็นเพราะเคยชินที่อีกคนทำแบบนี้ให้เสมอหรือเพราะว่าตัวเองก็เหนื่อยจะถือเหมือนกัน
“แล้วทำไมไม่รอ” เมื่อบรรยากาศกลับมาอยู่ในโหมดปกติมนุษย์แว่นก็ทวนคำถามเดิมให้คนที่ยังไม่ตอบได้ตอบ เจ้าขุนไหวไหล่
“กูนึกว่ามึงจะติวหนังสือ..” เขาละส่วนที่จะกล่าวถึงคนที่สามไว้ในใจ อยู่ดี ๆ ก็รู้สึกว่าไม่อยากจะพูดถึงขึ้นมาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง โชคดีที่แทนไทก็ไม่ได้สังเกตมากพอที่จะเห็นถึงอาการแปลก ๆ ของเขาเพราะมัวแต่มองท้องฟ้าที่กำลังปกคลุมไปด้วยเมฆฝน
“มึง.. กูว่าฝนจะตก..”
เพียงเท่านั้นคำพูดของแทนไทก็สมดังปากว่า แล้วหยาดน้ำก็เทกันลงมาดังฟ้ารั่วทำเอาเด็กหนุ่มที่มัวแต่เงยมองท้องฟ้าอยู่หลบฝนแทบไม่ทัน
สองเพื่อนสนิทวิ่งหาที่หลบฝนกันไปพลางสบถกันไปพลางอย่างหงุดหงิด พวกเขาอยู่ระหว่างกลางทางเข้าและออกของปากซอยและโรงเรียน บริเวณโดยรอบมีแต่พื้นที่ว่างหรือสิ่งก่อสร้างที่ยังไม่เสร็จดี ดังนั้นมันจึงแทบจะช่วยอะไรจากฝนที่มีแต่ตกหนักขึ้นทุกทีนี้ไม่ได้เลย มีสองทางเลือกคือย้อนกลับไปยังโรงเรียนหรือรีบวิ่งไปหาที่หลบฝนหน้าปากซอย แต่คิดว่าถ้าเลือกสองทางนี้ก็คงตัวเปียกอยู่ดี ดังนั้นเจ้าขุนจึงตัดสินใจสร้างทางเลือกสุดท้ายด้วยการพาแทนไทเข้าไปอยู่ในตู้โทรศัพท์สาธารณะเก่า ๆ ข้างทางด้วยกัน แม้จะเป็นที่พึ่งพิงที่ไม่ใหญ่โตเสียเท่าไรแต่ทว่าอย่างน้อยพวกเขาก็ไม่ต้องเปียกปอนกันไปมากกว่านี้ล่ะนะ
“..หนาว..” แทนไทพึมพำเสียงแผ่วทันทีที่ประตูตู้โทรศัพท์นั้นถูกปิดลง มือเล็กกอดตัวเองไว้หลวม ๆ พอให้ตัวเองรู้สึกอบอุ่นขึ้นบ้างแต่เพราะเสื้อผ้าที่เปียกชุ่มและฝนที่ชื้นแฉะกลับยิ่งทำให้คนน่ารักหนาวสั่นขึ้นทุกที
“ถอดเสื้อก่อนเถอะมึงเดี๋ยวจะเป็นไข้” เจ้าขุนว่าพลางจะถอดเสื้อของตัวเองบ้าง ถึงเขาจะหอบข้าวหอบของมากมายมากอดไว้แต่นั่นก็ไม่ได้ทำให้เขาอุ่นมากไปกว่าเพื่อนสนิทเลยแม้แต่นิด ทว่าอีกคนกลับส่ายหน้าอย่างดื้อดึงแล้วว่า
“..ไม่เอา..” บอกพร้อมกับคว่ำปากที่เริ่มจะซีดจางเพราะความหนาวนั้นลงหน่อย ๆ เจ้าขุนวาดยิ้มบางเบาบนใบหน้าพลางเผลอส่งมือไปลูบกลุ่มผมนิ่มที่ชื้นไปด้วยน้ำอย่างเอ็นดู โดยที่เจ้าเพื่อนคนดื้อก็งอแงนิดหน่อยตามประสาแต่ก็ยอมให้เขาแตะต้องแบบไม่ว่าอะไร ดูแล้วน่ารักเสียจนอยากรวบเข้ามากอดแน่นแล้วเหวี่ยงไปเหวี่ยงมาให้หนำใจ
แล้วการกระทำก็ไปไวกว่าความคิดเมื่อเขาเผลอเอื้อมมือทั้งสองนั้นไปดึงร่างตรงหน้ามากอดไว้แน่นก่อนจะจับโยกซ้ายโยกขวาราวกับคนในอ้อมกอดเป็นเด็กตัวน้อย ๆ ไม่รู้ตัวเลยจนกระทั่งเด็กน้อยเงยหน้ามองพลางกะพริบตาปริบ ๆ อย่างแปลกใจ โดยที่เจ้าขุนก็ตกใจไปไม่แพ้กันจนเกือบจะปล่อยอีกคนออกไปแล้วถ้าไม่ได้ยินเสียงหัวเราะขึ้นมาก่อน..
ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมแทนไทถึงหัวเราะและเข้าใจเหมือนกันว่าทำไมเขาถึงได้หัวเราะตาม เจ้าขุนรู้เพียงแต่ช่วงเวลานี้ช่างมีความสุขจนอยากจะหยุดไว้อย่างนี้ตลอดไป เวลาที่มีเพียงเขาและแทนไทเพียงสองคน ไม่มีสมหวัง.. ไม่มีเพื่อนในชมรมหน้าหม้อ.. ไม่มีเพื่อนร่วมห้องที่หน้าหม้อกว่า.. หรือไม่มีธันวา.. ไม่มีใครทั้งนั้น..
ดวงตาคมไล่มองใบหน้าหวานที่แต่งแต้มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความสุขแล้วอดไม่ได้ที่จะยิ้มตาม นิ้วเรียวปัดเกี่ยวปอยผมชื้นน้ำที่ปรกตาขึ้นทัดหูก่อนที่จะแตะไล้มายังแก้มขาวที่เจือสีหน่อย ๆ ชวนให้น่าฝังจมูกลงไปหลาย ๆ ที แล้วค่อยลูบลงมายังริมฝีปากที่ยังคงซีดจางไปมาเพียงแผ่วเบา เขาสบตาเข้ากับปากสีซีดที่ยังทอประกายน่ามอง ฉับพลันคำ ๆ หนึ่งก็ขึ้นมาในหัวพร้อมกับปากที่เผลอพลั้งพูดออกไปอย่างไม่ตั้งใจ..
“..สวย..” พูดออกไปด้วยน้ำเสียงและใบหน้าที่เพ้อฝันไม่ต่างกัน ทั้งที่เคยคิดว่ายังไงผู้ชายก็ไม่เหมาะกับคำพูดที่ว่านี้สักนิด แต่พอกับแทนไทแล้วเขากลับพูดได้อย่างเดียวว่าสวย.. อย่างไรเสียก็ต้องเป็นคำนี้..
นี่เซ็กซ์ทำให้คนสวยได้มากขนาดนี้เลยหรือ..
แต่เพราะเสียงที่แผ่วเบาจนยากจะล่วงรู้ว่าอีกฝ่ายพูดอะไรแทนไทถึงได้ขมวดคิ้วพลางร้องในคอแทนคำถาม ทว่าเจ้าขุนก็กลับเมินเฉยต่อเสียงนั้นแล้วว่า
“ขอจูบได้ไหม..” พลางใช้นิ้วที่เคยลูบไล้นั้นมาประคองใบหน้าสวยก่อนจะโน้มเอียงตัวเข้าไปหาบ่งบอกความต้องการ ชวนให้อะไรที่มันแนบชิดอยู่แล้วแนบติดไปกว่าเดิม
ขณะที่แทนไทเผลอหลบตาโดยไม่ตั้งใจ ทั้งที่ปกติเจ้าขุนนึกอยากจะทำก็ทำเลยแท้ ๆ แต่ทำไมครั้งนี้ถึงต้องขอด้วยแววตาออดอ้อนอย่างนั้นกันนะ ไม่รู้ตัวบ้างหรือไงว่ากำลังให้ใครเขาอ่อนระทวยทั้งยืน หากแต่เจ้าขุนคงไม่รู้.. ถึงได้ช้อนเชยใบหน้าเขินอายขึ้นให้สบตาพลางวาดรอยยิ้มที่ชวนให้ใจสั่น ถ้ากล้าปฏิเสธก็เห็นว่าคงจะใจแข็งเกินไปแล้ว..
แต่ถึงอย่างไรนั้น.. “แต่ถ้ามีคนมาเห็น..” เสียงหวานเอ่ยบอกแผ่วอย่างไม่มั่นใจเท่าไรก่อนจะต้องหลบสายตาอีกครั้งเมื่อเห็นคนตรงหน้าแลบเลียริมฝีปากของตัวเองพลางจ้องมองที่อวัยวะส่วนเดียวกันอย่างมีนัยยะ
“ฝนตกหนักอย่างนี้ไม่มีใครเห็นหรอก” คนมองปากว่าพลางใช้นิ้วเรียวลูบแก้มเนียนที่กำลังขึ้นสีอย่างแผ่วเบาราวกับออดอ้อน จนคนที่เล่นตัวอยู่นานยอมใจอ่อนในที่สุด
“แค่จูบ.. เท่านั้นนะ” รีบบอกก่อนที่คนใจร้อนจะแนบริมฝีปากลงมาพลางใช้นิ้วเล็กของตนแตะกั้นไว้ก่อน เจ้าขุนยิ้มอย่างเอ็นดูก่อนจะยกนิ้วขึ้นมาเกี่ยวกับนิ้วก้อยของอีกคนแทนคำรับปากแล้วว่า
“สัญญาเลย”
เพียงเท่านั้นเจ้าขุนก็โน้มลงไปหาใบหน้าหวานที่หลับตารอก่อนจะเริ่มทำในสิ่งที่เขาขออนุญาตไปเมื่อครู่อย่างเต็มที่ นั่นก็คือจูบ.. หากแต่ไม่ใช่จูบที่ร้อนแรงเต็มไปด้วยปรารถนาอย่างที่เขาชอบทำ แต่กลับเป็นเพียงจูบที่แผ่วเบาราวปุยเมฆ หรือจูบที่แทนไทเคยนิยามให้เขาว่าจุ๊บ.. แม้จะไม่วาบหวิวเทียบเท่ากับจูบเท่าไรนักแต่ก็น่าพึงพอใจพอให้เขาอยากกดริมฝีปากลงไปซ้ำแล้วซ้ำเล่าเสียจนริมฝีปากที่เคยซีดเซียวเริ่มขึ้นสีเหมือนกับสองแก้มนิ่ม ๆ ที่เขากำลังลูบไล้อยู่ไม่มีผิดเพี้ยน น่ารักน่ากอดจนอดใจไม่ได้ที่จะฝังจมูกโด่งลงไปให้อีกคนครางหวิวเล่นเพราะสัมผัสที่เย็นเฉียบ คิดว่าคงได้ฟังเสียงด่าทอกับรับมือหนัก ๆ เข้าที่ไหล่แต่กลับไม่มีสิ่งอื่นใดนอกเสียจากปากคว่ำที่ง้ำงอน ดูแล้วออดอ้อนเสียจนต้องดูดดึงแรง ๆ ด้วยอวัยวะเดียวกันอีกครั้ง
“..ทำไมถึงได้สวยขนาดนี้นะ..” ว่าอย่างเพ้อพร่ำตอนที่ผละริมฝีปากออกมาก่อนจะลงประกบปิดอีกครั้งอย่างหวงแหนไม่ทันให้คนโดนชมได้รู้ตัวเองเลยสักนิด
เจ้าขุนจูบย้ำและซ้ำเสียจนปากแทนไทเริ่มบวมเจ่อไปเพราะจูบของเขา แต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ไม่ได้ผ่อนแรงขบเม้มไปเลยแม้แต่น้อย ตรงกันข้ามกลับมีแต่มากขึ้นตามความต้องการของตัวเอง ยิ่งแทนไทบดคลึงริมฝีปากตอบกลับมาเขาก็ยิ่งเพิ่มแรงขึ้นตอบสนองอีกฝ่าย รุนแรงเสียยิ่งกว่าฝนที่กำลังเทกระหน่ำลงมาจากฟ้าที่บ้าระห่ำ ครางฮึมเสียยิ่งกว่าเสียงฟ้าร้องลั่นจากเบื้องบน อารมณ์ทวีขึ้นเสียจนแค่สัมผัสเห็นทีจะไม่เพียงพอ ดังนั้นแล้วมือของสองเพื่อนสนิทจึงสอดเข้าไปใต้เสื้อชื้นของอีกฝ่ายอย่างรู้กันก่อนที่มือหนาบางนั้นจะฟอนเฟ้นไปที่ร่างตรงข้ามอย่างหื่นกระหายพลางกอดรัดตัวเข้าหากันเองตามจังหวะจูบที่รุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ
“..อ..อื้ม..” เสียงหวานครวญครางเป็นสัญญาณว่าจะหมดลมแล้วเจ้าขุนจึงละจากปากสีสดไปยังใบหูที่แดงจัดไปไม่แพ้กัน ก่อนจะค่อยขบเม้มหยอกล้อเพื่อให้อารมณ์ของพวกเขาไม่ขาดตอน ในขณะที่คนครางแผ่วก็ไม่ได้นิ่งพักหายใจอยู่เฉย ๆ แต่ยังคงใช้มือก็ปัดป่ายไปทั่วร่างที่ร้อนระอุไปด้วยความต้องการของเพื่อนสนิทด้วย ตั้งแต่แผ่นหลังแกร่งแล้วไล้ต่ำมาเรื่อย ๆ ตามสันหลังที่เรียวยาวพลางแกล้งเอามือฟาดก้นแฟบ ๆ ให้คนชอบจูบได้สะดุ้งเล่น ทว่าก็กลับโดนแกล้งกลับด้วยการใช้ลิ้นดูดเม้มที่ใบหูของเขาอย่างหมั่นเขี้ยว
“..อย่าสิ..” ส่งเสียงห้ามด้วยน้ำเสียงเชื้อเชิญทั้งยังเอียงคอขาวสวยให้อีกคนได้เชยชมเต็มที่ เจ้าขุนจึงไม่รอช้าที่จะแนบริมฝีปากลงไปก่อนจะจุมพิตด้วยแรงไม่มากนักให้ผิวขาวซีดได้มีสีแต่งแต้มน่าชม
“สวยจังเลย” ว่าเสียงกระซิบอย่างเพ้อฝันอีกครั้งและอีกครั้งอย่างไม่รู้พอ ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนของร่างกายแทนไทแล้วเจ้าขุนก็ว่าสวยงามไปหมดทั้งนั้น.. และยิ่งเมื่อได้สัมผัสจากเขาเองก็ยิ่งสวยขึ้นไปอีกเสียจนเขาลุ่มหลง ก็คงจะจริงดังที่เขาว่า.. ผู้หญิงที่มีเซ็กซ์แล้วจะสวยขึ้น.. ผู้ชายก็เช่นกัน
หากแต่กับแทนไทเห็นจะไม่ได้เพียงแค่สวยขึ้นอย่างเดียว.. หากแต่ยังยั่วยวนยิ่งขึ้นอีกด้วย ดูได้จากมือเล็กทั้งสองที่วาดมาด้านหน้ากางเกงชื้นแฉะของเขาอย่างจงใจก่อนจะแตะสัมผัสแผ่วเบาถึงส่วนที่อยู่ข้างในอย่างเร้าอารมณ์ ทำเอาเขาหายใจไม่ทั่วท้องต้องปล่อยเสียงครางแผ่วออกมา และมันคงทำคนขี้ยั่วพอใจถึงได้กระทำต่อไปโดยใช้นิ้วเกี่ยวซิปของเขาก่อนจะค่อยรูดมันลงไปพร้อม ๆ กับร่างของเจ้าตัวที่ย่อต่ำลงจนอยู่ในท่าคุกเข่า
“เฮ้ยมึงจะทำอะไร!?” เจ้าขุนร้องพลางเบิกตากว้างไปกับการกระทำแปลกตาของเพื่อนสนิทก่อนจะเผลอถอยหลังชนผนังตู้โทรศัพท์ดังอั้ก
“..ทายดูสิ..” ว่าน้ำเสียงเย้ายวนพลางช้อนตามองให้เขาได้ใจสั่นเล่น ก่อนจะก้มหน้าลงไปพร้อมกับมือที่จับขอบกางเกงเขาเอาไว้ ไม่ต้องทายก็คงรับรู้ได้ว่าคนขี้ยั่วกำลังจะทำอะไร เจ้าขุนเลิ่กลั่กอย่างไม่เข้าใจตัวเองก่อนจะกลืนน้ำลายอย่างประหม่า ทั้ง ๆ ที่เมื่อก่อนเขาอยากจะให้แทนไทใช้ปากให้ใจจะขาดจนต้องอ้อนวอนขอเกือบเสียทุกครั้งแต่เพื่อนสนิทก็ไม่เคยที่จะทำให้ (ยกเว้นตอนโยกเข้าไปให้มันหลุดโลกนะ) แต่พอถึงตอนที่อีกฝ่ายยอมก้มลงทำให้เองเขากลับอยากจะวิ่งหนีไปเสียให้ไกล.. ทำไมนะทำไม
และบางทีอาจจะเป็นเพราะเจ้าของใบหน้าหวานที่กำลังช้อนมองขึ้นมาหาเขาอีกครั้ง..
“ทนไม่ไหวแล้วโว้ย!!” ตะโกนร้องดังลั่นก่อนจะตัดสินใจวิ่งฝ่าฝนออกไปทั้งที่ยังตกหนักและขุนศึกยังคงยืนโด่เด่โดยทิ้งให้คนคุกเข่านั่งรอเก้ออย่างงุนงง แทนไทขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจ
เกิดอะไรขึ้นกับเจ้าขุนกัน?
TBC