ตอนที่ 4
สายตาคมลอดมองหนุ่มแว่นในเสื้อยืดขาวกับกางเกงวอมสีเข้มผ่านกล้องส่องทางไกลอยู่บนตึกเรียนชั้นสาม เจ้าขุนหันไปมองที่ประตูซึ่งยังคงปิดสนิทอย่างระแวง โอเค ครูเฉลียวยังไม่มาส่องต่อได้อย่างสบายใจ เพราะคงจะไม่โอเคเท่าไรถ้าครูเฉลียวเดินมายึดกล้องส่องทางไกลที่เขาอุตส่าห์ลงทุนทุบกระปุกส่วนหนังญี่ปุ่นไปซื้อมา เขาปล่อยลมหายใจอย่างโล่งออกก่อนจะยกกล้องส่องทางไกลขึ้นมาดูต่อ เลนส์กล้องคุณภาพดีถูกซูมเข้าใกล้เพื่อนสนิทให้เห็นอย่างชัดเจนราวกับว่ายืนอยู่เบื้องหน้า ริมฝีปากหยักยิ้มอย่างภูมิใจ ค่อยสมราคาแพงหูฉี่ที่จ่ายไปเสียหน่อย สองนิ้วเรียวหมุนตัวซูมให้ขยายภาพมากขึ้นอีกจนคราวนี้สามารถเห็นสิ่งที่เขาหมกมุ่นมาตลอดสามวันนี้…
..ริมฝีปากอวบอิ่มเจือสีกุหลาบระเรื่อของแทนไท..
อาจจะฟังดูแล้วเพี้ยนซึ่งมันก็เพี้ยนจริง ๆ น่ะแหละ แต่เจ้าขุนไม่สามารถลืมภาพปากอิ่มที่เผยอออกราวกับรอให้มีสิ่งใดมาเติมเต็มได้จริง ๆ และหลังจากที่ครุ่นคิดมานานกว่า 72 ชั่วโมงเจ้าขุนก็รู้ตัวแล้วว่าสิ่งที่ควรมาเติมเต็มนั้นไม่ใช่สิ่งใดนอกเสียจากริมฝีปากหยักได้รูปของเขาเอง อืม..ฟังไม่ผิดหรอก
เจ้าขุนน่ะอยากจูบแทนไท
ยอมรับเลยว่าตอนแรกเขาคิดว่าตัวเองเพี้ยนแทบแย่ที่คิดอยากจะจูบเพื่อนสนิทของตัวเอง แต่พอมาคิดดูอีกที.. นมก็ทั้งจับทั้งดูดแล้ว ก้นก็เอาขุนศึกทั้งถูทั้งไถมาแล้ว และแถมยังเคยรูดหนูแทนให้แล้วด้วย งั้นจูบกันอีกสักหน่อยก็คงไม่เป็นไรหรอก
เพื่อนสนิทจูบกันจะเป็นไรไป เนอะ..
ทว่ายังไม่ทันที่จะได้รู้ว่าเพื่อนสนิทจูบกันได้หรือไม่อย่างไรนั้นเพื่อนสนิทของเขาก็ตัดโอกาสทั้งหมดด้วยการหลบหน้าที่อัพเลเวลมากขึ้นกว่าเดิม คิดดูว่าถึงขั้นโกหกปี๊กับมี้ว่าอยู่ในช่วงเตรียมสอบ สอบที่ไหน! นี่เพิ่งจะเปิดเทอมเองนะ!! (เอ๊ะ.. หรือมีสอบจริง ๆ วะ..?) แถมยังหนีมาโรงเรียนแต่เช้าแล้วก็กลับเร็วไม่รออีก รู้ไหมเจ้าขุนเหนื่อย! แต่นั่นก็ยังไม่โหดสัดรัสเซียเท่ากับการขู่ว่าถ้ากล้าโผล่หน้ามาให้เห็นพ่อจะตัดให้ขาดทั้งยวงพร้อมกับชูกรรไกรด้ามคมในมือนี่สิ ป่าเถื่อนที่สุด! พวกคิดจะทำลายเผ่าพันธุ์! เจ้าขุนได้แต่ประท้วงในใจ แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไรเลยต้องจำนนต่อคำขู่แล้วแอบมองเพื่อนสนิทผ่านกล้องส่องทางไกลแทนที่จะมองให้เห็นด้วยตาของตัวเองเนี่ยแหละ.. ถอนหายใจแรง
แต่ก็ช่างเถอะ อันที่จริงแล้วการได้มองแทนไทผ่านกล้องส่องทางไกลก็แปลกดีเหมือนกัน เขาได้เห็นอะไรหลาย ๆ อย่างที่เขาไม่เคยเห็นจากระยะปกติ เช่น ไฝบนขากรรไกรซ้าย.. ไฝที่แก้มขวา.. ไฝที่กลางหลังด้านบน.. หรือสารพัดไฝที่เจ้าขุนนั่งนับเล่นราวกับว่าเขาเป็นผู้ชื่นชอบไฝ นี่ถ้าให้เล่นเกมแฟนพันธุ์แท้ไฝของแทนไทเขาว่าเขาต้องชนะแหง (ขอรางวัลเป็นนมแทนไทด้วยคร้าบ – เจ้าขุน)
เจ้าขุนยิ้มกริ่มพลางซูมดูไฝทุกจุดทั่วใบหน้าของเพื่อนสนิทก่อนจะหยุดตรงไฝที่เขาชอบมากที่สุด ..ไฝตรงริมฝีปากบน.. เขากลืนน้ำลายเสียงดังเฉกเช่นทุกครั้งที่ได้เห็น รู้สึกเลือดลมวิ่งพล่านไปทั่วทุกอณูของร่างกาย โดยเฉพาะวันนี้ที่แทนไทมีคลาสเรียนพละ นั่นจึงทำให้ปากอวบอิ่มนั่นเผยอรับอากาศอยู่บ่อยครั้งแทนที่จะชอบเม้มเป็นเส้นตรงเหมือนเบื่อโลกแบบทุกที และยังไม่นับลิ้นเล็กที่ออกมาแลบเลียริมฝีปากอยู่น้อย ๆ นั่นด้วยอีกนะ เจ้าขุนนี่ถึงกับสูดปากเสียงดังจนเพื่อนต้องหันมาสะกิดเลย ไม่เคยรู้เลยว่าการมองไฝของใครบางคนจะทำให้ร้อนรุ่มได้ขนาดนี้ เจ้าขุนต้องเพี้ยนไปแล้วแน่ ๆ
เขารู้สึกถึงแรงสะกิดที่มีมากขึ้นข้างตัวแต่เขาก็ไม่ได้สนใจหันไปมองเพราะคิดว่าคงเป็นเพื่อนร่วมห้องอย่างสมหวัง มือใหญ่ปัดมือเซ้าซี้ออกไปอย่างนึกรำคาญพลางพยายามโฟกัสไปที่แทนไทซึ่งเตรียมจะทดสอบวิ่งอยู่ข้างล่าง ไม่ได้ทันสังเกตเลยว่าคนที่ตัวเองคิดว่าเป็นสมหวังนั้นตัวสูงแปลกตากว่าที่เคย หรือไม่ทันได้ฟังด้วยซ้ำว่าเสียงที่เรียกชื่อตัวเองนั้นเหี้ยมโหดกว่าที่เป็น เพราะว่าสายตาของเขามัวแต่จ้องมองไปยังเพื่อนสนิทซึ่งกำลังออกวิ่งไปด้วยความเร็วสูงจนในที่สุดก็สามารถแซงเพื่อนร่วมห้องคนอื่น ๆ ไปได้ทั้งหมด เจ้าขุนส่งเสียงร้องอย่างลุ้นระทึกตื่นเต้นราวกับกำลังยืนเชียร์อยู่ข้างสนาม ความตื่นเต้นเพิ่มขึ้นเรื่อยเช่นเดียวกับแรงบีบของมือบนหัวไหล่ที่มากขึ้นทุกที จนกระทั่งในที่สุด..
“นายเจ้าขุน!!!”
“เหี้ย!!!!!!!”
สองเสียงทุ้มตวาดผสานกันก่อนที่คนทั้งห้องจะทำตาโตตามกันเป็นแถบ ทว่าเจ้าขุนหาได้สนใจไม่ เขามองข้ามสายตาของทุกคนในห้องรวมถึงครูเฉลียว, ผู้ที่เป็นอาจารย์ที่ปรึกษาและยังขึ้นชื่อว่าเป็นอาจารย์สายโหดแห่งมัธยมปลายอีก แต่ต่อให้จะโหดเหี้ยมน่ากลัวแค่ไหนก็เถอะ นาทีนี้เจ้าขุนไม่สนใจอะไรทั้งนั้นแหละ เพราะมีเพียงสิ่งเดียวที่เขาสนใจเท่านั้น
“ไอ้แทนนนนนนนนนน”
เจ้าขุนแหกปากเสียงดังทันทีที่เปิดประตูห้องพยาบาลออก ก่อนจะยื่นมือไปเท้ากับกำแพงพลางเหนื่อยหอบแฮ่ก ๆ การวิ่งหน้าตั้งจากตึกขวามายังตึกซ้ายซึ่งเป็นที่ตั้งของห้องพยาบาลไม่ใช่เรื่องง่ายเลยเมื่อเขากำลังรีบ โดยเฉพาะเมื่อต้องหลบหลีกสิ่งกีดขวางที่เป็นเหล่าอาจารย์และนักเรียนมากมายซึ่งยืนอยู่ของเขาดีอยู่แล้วแต่เจ้าขุนก็ดันวิ่งชนเสียเอง ซึ่งแน่นอนว่านั่นรวมไปถึงครูเฉลียวด้วย..
“แหกปากเรียกชื่อกูหาพระแสงเหรอไอ้ขุน! เบาหน่อย นี่มันห้องพยาบาล!!” แทนไทตวาดเสียงดังก่อนจะรีบหุบปากเมื่อเพิ่งนึกได้ว่าตัวเองก็เสียงดังเหมือนกัน “ขอโทษครับครูวิรัช”
แทนไทหันไปขอโทษครูวิรัชหรืออาจารย์ประจำห้องพยาบาลด้วยความรู้สึกผิดก่อนจะหันไปถลึงตาใส่เพื่อนสนิทเป็นเชิงให้ขอโทษเช่นกัน เจ้าขุนจึงรีบโค้งพร้อมกล่าวคำขอโทษ
“เอาเถอะ ๆ ยังไงเสียที่นี่ก็มีแค่พวกเรา.. เธอมาก็ดีแล้ว ครูกำลังจะไปเอาผ้าพันแผลกับยาภายนอกมาเพิ่มพอดี เธอมาอยู่เป็นเพื่อนนายแทนไทตอนที่ครูไม่อยู่ทีนะ” หันมาพูดกับเจ้าขุนเสร็จสรรพโดยไม่สนใจแทนไทที่ร้องค้านเสียงหลงตั้งแต่อาจารย์หนุ่มยังพูดไม่จบหากแต่ปฏิเสธไปก็เท่านั้นแหละเพราะว่าครูวิรัชออกไปแล้ว ทิ้งไว้ก็แต่เจ้าขุนที่ยืนยิ้มหน้าสลอนอยู่ที่หน้าประตู แทนไทถอนหายใจแรง
เจ้าขุนยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ที่หน้าประตูห้องพลางชะเง้อหน้ามองเพื่อนสนิทที่เบนทั้งหน้าและตัวหนีออกไปทางหน้าต่าง บ่งบอกชัดเจนว่าไม่อยากเห็นหน้าเขามากแค่ไหน เจ้าขุนรู้ดีแหละแต่ถึงอย่างนั้นเขาก็ยังอดห่วงคนที่นอนอยู่บนเตียงเสียไม่ได้ เขางึมงำอยู่ในลำคออยู่นานกว่าจะนึกหาคำพูดดี ๆ เพื่อไม่ให้เพื่อนสนิทจอมขี้งอนนั้นโกรธไปมากกว่าเดิมได้แล้วจึงว่า
“เจ็บมากไหม”
“…” ไม่ตอบแสดงว่าเจ็บ
“เป็นอะไรมากหรือเปล่า”
“…” ไม่ตอบอีกก็คงแสดงว่าเป็นมาก
“ทำแผลหรือยัง”
“…” ถามโง่ ๆ ครูวิรัชไปเอาผ้าพันแผลเพิ่มก็แสดงว่ายังไม่ทำน่ะสิ
ถามเองตอบเอง (ในใจ) แบบโง่ ๆ แต่เจ้าขุนก็ยอมหน้าด้านถามไปโดยไม่ได้หวังว่าแทนไทจะยอมตอบหรอก อาจจะดูงี่เง่าแต่อย่างน้อยมันก็ช่วยทำให้ห้องพยาบาลอันเงียบงันนี้หายเงียบเหงาลงมาบ้างแหละนะ
ทว่าพูดเองเออเองคนเดียวนาน ๆ มันก็ชักจะหมดมุก เจ้าขุนเริ่มคิดไม่ออกว่าจะสรรหาเรื่องใดมาพูดกับแทนไทดีจนท้ายที่สุดเขาก็เผลอเงียบไปโดยไม่ได้ตั้งใจ ระหว่างที่พยายามหาหัวข้อสนทนาอยู่นานจู่ ๆ คนที่ไม่คิดว่าจะเปิดปากก็เอ่ยออกมาเงียบ ๆ เสียจนคนยืนอยู่หน้าประตูสะดุ้งอย่างตกใจ
“ไม่เมื่อยรึไง ทำไมไม่มานั่ง” น้ำเสียงเย็นชาแต่ทว่ากลับอ่อนโยนสำหรับคนฟังเหลือเกิน เจ้าขุนรู้สึกหูตั้งราวกับเป็นโกลด์เดนต์ที่กำลังได้ของเล่นจากเจ้าของ เขารีบตรงดิ่งไปหาแทนไทก่อนจะแอบชะงักอย่างตกใจเมื่อนึกถึงคำขู่ที่คนบนเตียงเคยพูดไว้เมื่อสามวันที่แล้วว่า “ถ้ากล้าโผล่หน้ามาให้เจอพ่อจะตัดให้ขาดทั้งยวง” แต่อยู่ในเสื้อยืดกางเกงวอมแบบนี้คงจะไม่มีกรรไกรพกไว้หรอกมั้ง คิดดังนั้นแล้วก็จึงนั่งลงที่ข้างเตียงอย่างสบายใจ
ทว่าโกลด์เดนต์ในร่างเจ้าขุนนั่งก็ต้องชะงักกึกอีกครั้งเมื่อเห็นแผลถลอกที่ริมฝีปากของแทนไท ตาคมเบิกโตตกใจก่อนจะเผลอตะโกนเสียงดังโดยไม่รู้ตัว
“มึงมีแผลที่ปาก!!”
“เออดิ! แล้วจะเสียงดังทำไมเล่า! กูตกใจหมด!!” แทนไทเอามือทาบอกด้วยความตกใจไปไม่แพ้กัน ตาคู่สวยถลึงใส่เจ้าขุนอย่างนึกโกรธ ทำไมแค่นี้ต้องเสียงดังด้วย!
“เฮ้ย! แต่นี่แผลที่ปากเลยนะเว้ย มึงจะมีแผลที่ปากไม่ได้นะ!!” เจ้าขุนโวยวายพลางลุกขึ้นยืนอย่างจริงจัง แทนไทขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจก่อนจะโวยวายเสียงดังบ้าง
“ทำไมจะไม่ได้ล่ะ นี่มันปากของกูนะ!”
“ปากมึงแต่กูอยากจูบไง!!”
“ฮะ!?!?”
“จูบอ่ะจูบ!!!!”
“มึงพูดเหี้ยอะไรนะ!?!?!?”
“โธ่โว้ย! แบบนี้ไง!!” เจ้าขุนสบถก่อนจะทำสิ่งที่พูดถึงไว้ให้แทนไทที่ยังงุนงงได้รู้สักที มือหนาทั้งสองเลยยื่นออกไปกอบกุมใบหน้าหวานด้วยแรงที่ฉุดให้คนเจ็บต้องลุกขึ้นมานั่ง ก่อนที่ริมฝีปากหยักจะจรดเข้าไปปิดทับกับปากอิ่มจนแนบสนิทไม่เหลือพื้นที่ให้เสียงใด ๆ ได้หลุดลอดออกมา
คนโดนแนบปากเบิกตาโพลงด้วยความตกใจกับสิ่งที่เกิดขึ้น พยายามใช้มือทุบเข้าที่หน้าอกคนแนบปากอย่างแรงหวังจะให้หลุดจากสิ่งที่เจ้าขุนเรียกว่าจูบ จนในที่สุดเจ้าขุนก็ต้องยอมผละออกมาเองเพราะทนแรงหมัดของแทนไทไม่ไหว
“นี่มึงทำบ้าอะไรเนี่ย!!” แทนไทตวาดขณะใช้หลังมือข้างหนึ่งเช็ดรอยแนบปากออกอย่างแรง
“จูบมึงไง!” เจ้าขุนตวาดกลับบ้าง
“แบบนี้มันเรียกว่าจูบที่ไหน! นี่มันเรียกว่าจุ๊บ จูบมันต้องใช้ลิ้นโว้ย!!!” อ้าวเหี้ย นี่มันชี้โพรงให้กระรอกชัด ๆ แทนไทรีบยกมือขึ้นมาปิดปากพลางหวังให้เจ้าขุนไม่ทันได้ยินสิ่งที่เขาเพิ่งพูดออกไปหากแต่ก็ไม่ทัน เจ้าขุนร้องอ๋อก่อนจะดึง แทนไทมาทำสิ่งที่เจ้าตัวให้คำนิยามเอาไว้
จูบต้องใช้ลิ้นถูกไหม?
ดังนั้นลิ้นหนาจึงแทรกเข้าไปในโพรงปากอิ่มทันทีที่เจ้าตัวเผลอเผยอออกมาก่อนจะกวาดทุกซอกมุมตั้งแต่แนวฟันแล้วไล่ขึ้นไปถึงช่องเหงือก ก่อนจะไล้ลงมาตามโพรงปากเรื่อย ๆ จนมาถึงลิ้นเล็กที่ดิ้นหนีการกวัดเกี่ยวอย่างเอาเป็นเอาตาย ทำเอาเจ้าของต้องทุบอกคนขี้แกล้งแรง ๆ เพราะเริ่มที่จะหายใจไม่ทัน
เจ้าขุนผละจูบออกเพียงชั่วครู่ให้แทนไทได้หอบหายใจหนึ่งทีแล้วจึงก้มลงไปปิดปากใหม่ คราวนี้มือใหม่หัดจูบเริ่มคุ้นเคยกับสนามฝึกของตัวเองแล้ว ดังนั้นเขาจึงเริ่มศึกษาบทเรียนใหม่ที่ชื่อว่ารสชาติของจูบนั่นเอง
เขาเคยได้ยินมาว่ารสจูบนั้นมันหวานอย่างโน้นหอมอย่างนี้แต่พอมาได้ลองของจริงก็ไม่ได้รู้สึกว่าหวานหอมแต่อย่างใด มีเพียงรสชาติจืด ๆ ของน้ำลายที่เจือกลิ่นมื้อเที่ยงของอีกฝ่าย ฟังดูน่าขยะแขยงทว่ากลับตรงกันข้าม ขนมปังทูน่ามันน่าลิ้มรสมากยิ่งนักเมื่ออยู่ในปากของแทนไท เจ้าขุนดูดดึงรับรสจืดชืดแต่น่าเย้ายวนของเพื่อนสนิทด้วยแรงที่ไม่มากนักแต่ก็ทำให้แทนไทร้องครางอื้ออึงจนต้องทุบที่อกแกร่งอีกรอบ
“ป..ปล่อย! กู..จ..เจ็บ!!” แทนไทหมายถึงแผลถลอกที่ปากซึ่งถูกเจ้าขุนนั้นบดเบียดอยู่ ดังนั้นเขาจึงต้องผละออกมาแต่ก็ยังคงระยะห่างเพียงลมหายใจกั้นไว้เท่าเดิม
“ขอโทษ” เสียงแหบพร่าตอบออกไปพลางเอานิ้วลูบเบา ๆ ที่ปากบวมช้ำก่อนจะยิ่งเบามือยิ่งขึ้นเมื่อเข้าใกล้บริเวณรอยเลือดที่เป็นแผล คนเจ็บเผลอสะดุ้งอย่างตกใจ พยายามอย่างยิ่งที่จะยกมือขึ้นมาปัดป้องหากแต่ก็สู้อะไรคนแรงเยอะกว่าไม่ได้จึงทำได้เพียงส่งเสียงประท้วงเท่านั้น
“อย่ามาจั – อื้อ!” หากแต่ยังไม่ทันจะพูดจบก็ถูกกลืนคำพูดไปโดยมือใหม่หัดจูบเสียก่อน แม้จะไม่ใช่จูบที่หนักหน่วงเหมือนเก่าแต่มันก็เรียกเสียงครางอือของแทนไทได้มากอยู่ทีเดียว
มือใหม่หัดจูบขบเม้มริมฝีปากอวบอิ่มอย่างเพลิดเพลินโดยสลับริมฝีปากล่างทีบนที มีบ้างบางครั้งที่เขาเผลอลงแรงไปกับการดูดดึงแต่กระนั้นเขาก็ยังถนอมแรงทุกครั้งที่เข้าใกล้บริเวณแผลถลอก เพียงแค่แนบริมฝีปากลงไปอย่างแผ่วเบาราวกับปากของตัวเองเป็นยาสมานแผล ทีแรกแทนไทก็กระตุกเกร็งพลางเม้มปากแน่นไม่ให้เขาได้สัมผัส แต่พอเจ้าขุนจูบซับซ้ำ ๆ ย้ำ ๆ อยู่เรื่อยไปคนเจ็บก็ยอมผ่อนคลายลงในที่สุด แล้วเจ้าขุนก็ค้นพบว่าการดูดปากธรรมดาแบบไม่มีลิ้นก็เร้าอารมณ์เขาได้มากอยู่ทีเดียว เพียงแค่ดูดดึงผสมเคล้าคลึงเบา ๆ ก็ทำให้เลือดลมเขาสูบฉีดแทบคลั่งแล้ว
..เป็นอีกครั้งที่อารมณ์กำลังไต่ขึ้นสูงโดยไม่ได้ตั้งใจ..
เจ้าขุนปีนขึ้นไปบนเตียงคนเจ็บโดยที่ยังคลอเคลียอยู่ที่ริมฝีปากอิ่มไม่ห่าง ป้อนจูบอยู่สักพักลิ้นชื้นกลับมาทำหน้าที่ของมันอีกครั้งโดยการสอดเข้าไปด้านในแล้วเริ่มตักตวงรสจืดชืดที่น่าหลงใหลพลางแกล้งกวัดเกี่ยวลิ้นเล็กที่ไม่ประสีประสานั้นไปด้วย แทนไทที่ตอนแรกขัดขืนอย่างเช่นทุกครั้งเมื่อถูกมอบจูบให้อยู่เรื่อย ๆ ก็เริ่มที่จะอ่อนเอนไปตามอารมณ์ ยิ่งเมื่อมือใหม่หัดจูบพัฒนาทักษะการจูบมากขึ้นเขาก็ยิ่งดึงเจ้าขุนให้เข้ามาใกล้ยิ่งขึ้นทุกที ร่างแนบร่าง ปากแนบปาก ไม่มีสิ่งใดขวางกั้นพวกเขาได้แม้กระทั่งอากาศก็ตาม
เสียงจ๊วบจ๊าบหยาบโลนของสองริมฝีปากที่ต่อสู้กันอย่างไม่มีใครยอมใครทำให้อารมณ์ที่ซุกซ่อนอยู่ของทั้งสองเผยขึ้นอย่างชัดเจน สิ่งคับแน่นของสองร่างต่างพากันบดเบียดเข้าหาหน้าขาของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวขณะที่มือก็ดึงร่างอีกคนให้เข้ากอดแน่นกันเป็นจังหวะที่สอดคล้องกัน สองอารมณ์ถูกปลุกขึ้นอย่างไม่มีทางที่จะถอยหลังกลับได้ ณ ตอนนี้ต่อให้ฟ้าจะถล่ม ดินจะแยก ก็ไม่มีอะไรสามารถขัดขวางเจ้าขุนกับแทนไทได้อีกแล้ว
พวกเขาคิดอย่างนั้นจนกระทั่ง…
“ครูกลับมาแล้ว.. / โคร้ม!!” เสียงอาจารย์หนุ่มดังขึ้นพร้อมกับเสียงดังของอะไรหนัก ๆ ที่ตกไปอยู่กับพื้น
“เฮ้ย! นี่มันเกิดอะไรขึ้น!?” ครูวิรัชเอ่ยถามอย่างตกใจพลางรีบเข้าไปดูเหตุการณ์เบื้องหน้า
แทนไทแกล้งยิ้มแหย ๆ พลางเนียนจัดแจงเสื้อผ้าที่มันยับยู่ยี่กว่าปกติแล้วชี้นิ้วไปที่ด้านข้างของเตียงก่อนจะว่าเสียงแผ่ว “..เจ้าขุนมันตกเตียงน่ะครับ..”
..ด้วยเท้าของผมเอง (แทนไทกล่าวต่อในใจ)
เจ็บตัวอีกแล้วสิกู! (ส่วนอันนี้เจ้าขุนเอง..)
TBC
เบื่อขุนแทนกันบ้างหรือยังคะ? ฮืออ
นี่เป็นตอนที่สุดแก้แล้วแก้อีกหลายรอบมาก ;-:
กังวลมากว่าจะออกมาไม่ดี ติได้ตามสบายนะคะ Y-Y