ตอนพิเศษ : MOONMOON
ครืนนน
กลุ่มเมฆครึ้มคำรามเสียงดังจนเหล่านกที่เกาะหลบฝนอยู่ตามกิ่งไม้บินต่างพากันบินหนีด้วยความแตกตื่น ฝนห่าใหญ่ตกกระทบกับหาดทรายในจังหวะเดียวกับที่คลื่นทะเลลูกใหญ่ซัดเข้าฝั่ง กวาดเอาทรายและเหล่าสัตว์ทะเลน้อยใหญ่เข้าสู่มวลน้ำเพื่อที่จะซัดเข้าฝั่งใหม่อย่างรุนแรงซ้ำแล้วซ้ำเล่าจนกว่าพายุจะหมดลง
ซึ่งแน่นอนว่าบรรยากาศพายุเข้าแบบนี้สำหรับคนทั่วไปแล้วการอยู่ในห้องและห่มผ้าอุ่นๆ ดูทีวี น่าจะเป็นทางเลือกที่ฉลาดที่สุดแต่สำหรับ ‘ใคร’ บางคนที่เคยผ่านความตายมาครั้งหนึ่งแล้วการกระทำแบบนั้นก็ดูน่าจะเบื่อเกินไป
“…”
ร่างโปร่งของชายหนุ่มอายุไม่เกินสี่สิบปียังคงนั่งอยู่บนโขดหิน แม้ว่าเสื้อขาวบางของตัวเองจะเปียกโชกจนแนบไปกับลำตัวแล้วก็ตาม นัยน์ตาโศกเหม่อมองพระจันทร์สีขาวนวลสุกสว่างที่โดนกลุ่มเมฆครึ้มบดบังได้สักพักก็เผยยิ้มมุมปากออกมา เมื่อหมู่เมฆยอมเคลื่อนตัวออกให้มองเห็นดวงจันทร์ได้อย่างชัดเจน
สวย
คำๆ นี้ปรากฎในหัวจันทร์ซึ่งจันทร์ก็ค่อนข้างเห็นด้วยกับมัน จึงไม่คิดจะขยับไปไหนปล่อยให้ตัวเองตากฝนไปเรื่อยๆ จนกว่าตัวเองจะพอใจ
แต่น่าเสียดายในเรื่องที่จันทร์พอใจก็ย่อมมีคนไม่พอใจ
“จันทร์!! “
เสียงตะโกนเรียกดังลั่นพร้อมๆ กับนายแบบชื่อดังที่วิ่งมาพร้อมกับร่มคันโตในมือ ใบหน้าคมคายที่เปี่ยมไปด้วยสเน่ห์อันล้นเหลือมองจันทร์อย่างตำหนิ
“ผมบอกแล้วไงว่าห้ามออกมาข้างนอกตอนกลางคืนคนเดียว แล้วนี่ตากฝนทำไมครับ ผมจำไม่ได้นะว่าผมอนุญาตให้จันทร์ตากฝนด้วย” สุริยะบ่นไปพร้อมๆ กับดึงจันทร์เข้ามาอยู่ใต้ร่มของตัวเองและหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้บนไหล่มาเช็ดหน้าที่เปียกชุ่มของจันทร์อย่างใส่ใจ
จันทร์หลับตาทำหูทวนลมและปล่อยให้สุริยะเช็ดหัวเช็ดหน้าให้ตัวเองด้วยสีหน้าผ่อนคลาย
“จันทร์ ถ้ามีคราวหน้าอีกผมจะโกรธแล้วนะ”
ถึงแม้จะเห็นจันทร์ทำสีหน้าน่ารักแต่สุริยะก็ยังไม่ลืมวัตถุประสงค์ที่จะดัดนิสัยของอีกฝ่าย เพราะเดี๋ยวนี้จันทร์มีนิสัยที่ค่อนข้างดื้อดึงพอตัว ราวกับแมวเปอร์เซียตัวโตที่วันๆ เอาแต่ทำตามใจตัวเองและรอให้ทาสมาคอยเอาอกเอาใจ
ซึ่งแน่นอนว่าสุริยะพอจะเดาได้ว่าทาสคนนั้นมันคือใคร
“จันทร์”
เจ้าของชื่อลืมนัยน์ตาโศกเพียงข้างเดียวขึ้นมามองและถอนหายใจ “แค่ตากฝนนิดเดียวมันไม่ได้ทำให้ ผมป่วยหรอกนะ คุณสุริยะ”
“ครับ ผมเข้าใจดีครับแต่คุณจันทร์เคยสัญญากับผมแล้วไงครับ ว่าจะไม่ดื้อกับผม” สุริยะหน้าบูดก่อนที่จะรวบเอวจันทร์มาเข้าร่มเพื่อที่จะบังคับให้เดินกลับบ้านพักตากอากาศส่วนตัวที่ไม่ได้อยู่ไกลจากชายหาดนัก
แน่นอนว่าจันทร์ไม่ได้ขัดขืนอะไรหนำซ้ำยังซบกับตัวอุ่นๆ ของสุริยะอีกอย่างพึงพอใจ เอาเข้าจริงแล้วการมานั่งดูพระจันทร์เล่นวันนี้ก็ออกจะเป็นการจงใจซะมากกว่า เพราะหลังๆ มานี้สุริยะกลับไปรับงานถ่ายแบบบ้างเป็นครั้งคราวจนทำให้เขาต้องใช้ชีวิตอยู่คนเดียวซะหลายวัน การได้ปั่นหัวสุริยะบ้างก็นับเป็นเรื่องที่ทำให้จันทร์สนุกมากทีเดียว
นัยน์ตาโศกเหลือบมองเสี้ยวใบหน้าคมคายที่ยังไม่หยุดบ่นกระปอดประแปด
“ซัน”
“ครับ” สุริยะจริงจังขึ้นมาทันทีเพราะไม่บ่อยนักที่จันทร์จะเรียกชื่อเล่น ส่วนใหญ่จะเรียกคุณสุริยะให้ฟังดูห่างเหินเล่นๆ มากกว่า
“ดีใจที่กลับมานะ”
“อือ ดีใจเหมือนกัน”
ร่างสูงดึงมือจันทร์ไปจูบเบาๆ อย่างอดไม่ได้ ถึงแม้ว่าจันทร์จะยังคงมีท่าทีไม่ยินดียินร้ายอะไรเหมือนเมื่อก่อน แต่หลังจากที่คบกันมาและอยู่ด้วยกันมานานก็ทำให้สุริยะสามารถอ่านจันทร์ออกได้ง่ายๆ
สำหรับสุริยะแล้วจันทร์เป็นคนที่ค่อนข้างหัวแข็ง กว่าที่จันทร์จะยอมให้อภัยตัวเองจากอดีตที่ผ่านมาก็ใช้เวลาอีกหลายปีเพราะจันทร์เอาแต่มองว่าตัวเองเป็นคนผิดที่สุดในเรื่องนี้ เป็นฆาตกรที่ไม่สมควรได้รับการให้อภัย จันทร์ในตอนนั้นไม่อนุญาตให้ตัวเองยิ้มหรือมีความสุขด้วยซ้ำ เอาแต่มองโลกด้วยความทุกข์โศกและเฝ้ารอความตายที่คิดว่าตัวเองควรจะได้รับทุกวัน
แต่น่าเสียดายที่ความหัวแข็งของจันทร์ก็พ่ายแพ้ให้กับลูกตื้อของสุริยะ เพราะสุริยะยอมทิ้งอาชีพตัวเองเพื่อมาอยู่กับจันทร์แทบจะตลอดเวลา คอยดูแลพร่ำบอกขอบคุณที่อีกฝ่ายเกิดมาบนโลกใบนี้ทุกวัน จนในที่สุดความแน่วแน่ในอุดมการณ์ของจันทร์ก็เริ่มไขว้เขและสุดท้ายจันทร์ก็ยอมให้อภัยตัวเอง
สุริยะยังคงจำวินาทีที่จันทร์ยอมยิ้มให้ตัวเองได้ ถึงแม้ตอนนั้นจะไม่ใช่ตอนที่ได้คบกันเป็นแฟนแต่เขาก็ดีใจมากๆ ที่จันทร์อนุญาตให้ตัวเองมีความสุข ได้ใช้ชีวิตตามความฝันของตัวเอง ไม่ใช่การไถ่โทษกับเรื่องราวอดีตที่ไม่มีใครอยากให้เกิด เขาไม่ได้ขอให้จันทร์ลืมมันแต่เขาอยากให้จันทร์ใช้ชีวิตต่อไป
ทุกคนเคยผิดพลาด เขาก็เคยผิดพลาด ไม่ว่าใครก็เคยผิดพลาด สิ่งที่เราต้องทำต่อจากนั้นคือแก้ไขและไม่ทำพลาดอีก ไม่ใช่การจมปลักอยู่กับความผิดพลาดของตัวเองไปจนวันตาย
เขาดีใจมากจริงๆ ที่ตัวเองสามารถทำให้จันทร์เปลี่ยนความคิดได้
“พรุ่งนี้จะเข้าร้านไหม”
สุริยะถามขึ้นมาเมื่อเข้ามาในบ้านและฝูงกระต่ายจำนวนหนึ่งก็กรูเข้าหาจันทร์
“เข้าสิ ยังไงก็ว่างๆ ไม่มีอะไรทำอยู่แล้ว” จันทร์เดินหนีกระต่ายเข้าห้องนอนโดยทิ้งหยดน้ำไว้เป็นทางซึ่งมั่นก็ทำให้คนเป็นเจ้าของสุริยะขมวดคิ้วมุ่น
“เดี๋ยวพรุ่งนี้ไปรถผมนะ”
“อือ”
เมื่อร่างโปร่งเข้าไปในห้องสุริยะก็ถอนหายใจเฮือกใหญ่ออกมาและเดินไปหยิบไม้ถูพื้นที่เก็บไว้ในตู้มาถูพื้น เพราะกลัวว่าจันทร์หรือไม่ก็เขาจะมาลื่นเอาตอนดึกๆ ถ้าเดินมาแถวนี้ ซึ่งระหว่างที่ถูสุริยะก็อดนึกเสียใจไม่ได้ที่ตัวเองรักความเป็นส่วนตัวมากเกินไปจึงไม่มีแม่บ้านประจำ มีแต่แม่บ้านที่จ้างมาทำความสะอาดทุกอาทิตย์เท่านั้น
ใช้เวลาไม่นานนักสุริยะก็ถูเสร็จและเดินเข้าไปในห้องนอนเพื่อที่จะถูพื้นต่อ
“…จันทร์”
สุริยะแทบหาเสียงของตัวเองไม่เจอเมื่อเข้าไปในห้องและเห็นจันทร์กำลังนั่งดูข่าวช่องต่างประเทศด้วยสีหน้าผ่อนคลายอยู่ สิ่งที่ทำให้ร่างสูงหายใจติดขัดคือจันทร์สวมเพียงกางเกงนอนขาสั้นเท่านั้น อวดเรียวขาและแผ่นอกขาวที่เปลือยเปล่าอวดกล้ามเนื้อสมบูรณ์แบบที่เมื่อก่อนไม่มีใครได้เห็นเพราะถูกซ่อนไว้ใต้เสื้อกาวน์ตลอดเวลา
เจ้าของชื่อเหลือบมองคนเรียกและยิ้มมุมปากราวกับท้าทาย
ซึ่งนั่นก็ทำให้ฟางเส้นสุดท้ายของสุริยะขาดผึง โยนไม้ถูพื้นทิ้งก่อนที่จะจู่โจมจันทร์ เสียงเฉอะแฉะฟังดูลามกดังขึ้นพร้อมๆ กับร่างของนายแบบที่แทบจะบดขยี้อดีตนายแพทย์ชื่อดังให้แหลกละเอียดบนเตียง
ใบหน้าเกลี้ยงเกลาของอดีตนายแพทย์ผุดพรายไปด้วยเหงื่อเมื่อถูกกระแทกหนักๆ แต่ถึงกระนั้นก็ไม่มีเสียงครางเล็ดลอดออกมาให้สุริยะได้ยินแม้แต่คำเดียว มีเพียงเสียงหอบหายใจที่ยังคงดังหนักแน่นกับนัยน์ตาโศกซึ่งคลอไปด้วยน้ำตาที่แสดงให้เห็นถึงความไม่เยือกเย็นดังเดิมของจันทร์
ผ่านไปครู่ใหญ่ในที่สุดทุกอย่างก็หยุดลงและมันก็ทำให้จันทร์เอ่ยทักท้วงออกมาด้วยน้ำเสียงดุๆ ไม่ต่างกับตอนที่เจอกับสุริยะครั้งแรก
“ซัน”
“ขอโทษครับ”
สุริยะรีบขอโทษขอโพยดักไว้ทันทีเพราะรู้ดีว่าคราวนี้จันทร์โกรธจริง เนื่องจากเขาเผลอไปทำรอยบนแผ่นอกขาวๆ ของจันทร์เยอะมาก ซึ่งมันก็เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้อีกเพราะเขามักจะควบคุมตัวเองไม่ได้ตอนที่ได้กลิ่นฮอร์โมนอัลฟ่าของจันทร์ ราวกับว่าสัญชาตญาณส่วนลึกของร่างกายต้องการให้เขาครอบครองและแสดงความเป็นเจ้าของจันทร์ให้ได้มากที่สุดเท่าที่ทำได้
“มันเจ็บ”
จันทร์ยังคงหน้าบึ้งไม่พอใจนักแต่ก็ไม่ได้ตำหนิสุริยะจริงจังเพราะมันก็จบลงแบบนี้แทบทุกรอบ ซึ่งเขาก็ควรจะชินกับมันได้แล้วแต่ก็ไม่เคยชินสักที
“..ไม่โกรธใช่ไหมครับ”
จากพญาราชสีห์บนเตียงเมื่อหลายนาทีก่อนตอนนี้เป็นลูกแมวเชื่องๆ ที่มาซบตัวจันทร์เพื่อขอความเห็นใจ นัยน์ตาที่ผู้คนมักว่ากันว่าสามารถแผดเผาคนมองให้ละลายตอนนี้มองจันทร์นิ่ง
แต่แน่นอนว่าจันทร์ก็คือจันทร์ นอกจากจะไม่ละลายแล้วหนำซ้ำยังเย็นเยือกราวกับน้ำแข็งพันปี
“โกรธ”
อดีตนายแพทย์เสยผมที่ปรกหน้าและถอนหายใจแรงๆ ด้วยความหงุดหงิดเพราะคราวนี้สุริยะทำรอยเต็มไปหมดไม่เว้นแม้แต่ลำคอของเขา และยังทำเยอะจนเหมือนกับว่าจะป่าวประกาศให้ทั้งโลกรู้ไปเลยว่าตัวเองเป็นเจ้าของของเขา
“ขอโทษครับ”
“ช่างมันเถอะ”
ใจแข็งได้ไม่เท่าไหร่สุดท้ายจันทร์ก็พ่ายแพ้ให้กับแววตาซึมๆ ของสุริยะอยู่ดี
ซึ่งเอาเข้าจริงก็อาจจะแพ้มาตั้งแต่ครั้งแรกที่เจอกันด้วยซ้ำ หากแต่ทิฐิที่มากมายในตอนนั้นก็มากเกินกว่าที่จะยอมรับความรู้สึกตัวเองได้ แค่เขาอนุญาตให้สุริยะเข้ามาจุ้นจ้านในชีวิตในช่วงนั้นก็นับว่าพิเศษมากแล้วเพราะเขาไม่เคยให้ใครมายุ่งกับตัวเองขนาดนั้นมาก่อน
และสุริยะก็คงจะเป็นคนแรกและคนเดียวที่เขาอนุญาตด้วย
“งั้นผมไปอาบน้ำก่อนนะ”
สุริยะเห็นสีหน้าที่ดูอ่อนลงของจันทร์ก็ยิ้มออก เอาเข้าจริงแล้วถ้าจับจุดจันทร์ได้ถูกก็สามารถรับมือจันทร์ได้ง่ายมากๆ เลยทีเดียว ซึ่งสุริยะก็รู้ดีว่าการที่จันทร์ยอมรับตัวเองเป็นแฟนนั่นก็หมายถึงการยอมรับให้ไปอยู่ในโลกของอีกฝ่ายแล้ว แน่นอนว่าภายใต้ท่าทีเย็นชาใส่เขา จันทร์ก็ยังค่อนข้างใส่ใจเขามากเลยทีเดียว
“อือ”
จันทร์ครางรับในลำคอส่งๆ เลิกสนใจสุริยะมาใส่ใจกับการพักผ่อนของตัวเองแทน ถึงแม้เขาจะเป็นอัลฟ่าแต่การโดนกระทำตลอดหลายชั่วโมงก็ทำเอาร่างกายอ่อนล้าไปหมดโดยเฉพาะช่วงเอวกับสะโพกที่มีอาการปวดอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าเกลี้ยงเกลาขมวดคิ้วไม่พอใจแต่ก็ไม่ได้ปริปากบ่นเพราะไม่อยากทะเลาะกับสุริยะ
ซึ่งพอนึกถึงอีกฝ่ายนัยน์ตาโศกก็เหลือบมองแผ่นหลังใหญ่ของร่างสูงที่เดินเข้าไปในห้องน้ำพอดี ก่อนที่จะรีบหลบตาแกล้งหลับเพราะคนที่ถูกมองคล้ายกับรู้ตัวหันมาเลิกคิ้วให้กวนๆ
“ฝันดีนะครับ”
สุริยะฉีกยิ้มที่จันทร์ชอบนิยามว่าเป็น ‘ยิ้มโง่ๆ ’ ให้กับจันทร์
“…”
ไม่มีเสียงตอบรับจากคนบนเตียงแต่สุริยะกลับค่อนข้างมั่นใจว่าคนรักของตัวเองกำลังยิ้มมุมปากอยู่
เสียงเคาะตะหลิวกับกระทะดังมาหลายชั่วโมงหลังจากที่ร้านตำรับไทยเปิด พ่อครัวซึ่งเป็นอัลฟ่าร่างโปร่งนั้นสวมผ้าคลุมผมและสวมผ้าปิดปาก ปกปิดร่างกายอย่างแน่นหนาเพื่อสุขอนามัยของผู้ที่จะได้รับประทานอาหาร มือที่แต่ก่อนมักจะหยิบมีดผ่าตัดอยู่เป็นนิจในเวลานี้หยิบมีดทำครัวและสับผักหั่นเนื้ออย่างคล่องแคล่ว ซึ่งอาจจะคล่องกว่าตอนผ่าตัดคนด้วยซ้ำไป แม้ว่าจะเพิ่งมาจริงจังกับสายอาชีพนี้ได้ไม่กี่ปีก็ตามเมื่อเทียบกับอาชีพเก่า
แต่ที่แน่ๆ คือความสุขในการทำงานที่ต่างกันอย่างเห็นได้ชัด เพราะคนเป็นพ่อครัวไม่เคยแสดงท่าทีเคร่งเครียดหรือหนักใจกับอาชีพนี้เลยแม้แต่ครั้งเดียวแม้ว่ามันจะเหนื่อยมากก็ตาม หนำซ้ำยังสนุกกับมันเอามากๆ จนเผลอยิ้มอย่างผิดวิสัยอยู่บ่อยครั้ง เวลาที่มีคนชมว่าอาหารอร่อย
“พ่อครัว ลูกค้าอยากกินจันทร์”
สุริยะซึ่งเท้าคางมองคนรักตัวเองที่ขะมักขเม้นกับการทำอาหารก็อดแซวไม่ได้ เอาเข้าจริงแล้วเขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าจันทร์จะเคยอยากเป็นเชฟและค่อนข้างมีพรสวรรค์ในการทำอาหารมากทีเดียว ถึงแม้จะเป็นอาหารธรรมดาๆ อย่างข้าวผัดแต่ด้วยรสมือของจันทร์กลับทำให้มันมีรสชาติที่อร่อยและค่อนข้างเฉพาะตัว ทำเอาร้านที่เพิ่งเปิดได้ไม่ถึงปีมีลูกค้าแน่นขนัดทุกวันที่เปิดจนสุริยะต้องเกณฑ์คนที่ไว้ใจได้มาช่วยเป็นลูกมือ
“ถ้ามาแล้วไม่ช่วยก็ออกไปครับ พ่อครัวรำคาญ”
จันทร์ตอกกลับไม่จริงจังนักเพราะยังยุ่งอยู่กับผัดกะเพราหมูที่เป็นซิกเนเจอร์ของร้านและยังเป็นเมนูที่จันทร์ชอบมากที่สุดด้วย ซึ่งแน่นอนว่ากะเพราหมูร้านตำรับไทยนั้นใช้แค่ใบกะเพราไม่มีผักอื่นๆ เป็นส่วนประกอบให้รำคาญใจอย่างแน่นอน
ใช้เวลาไม่นานกะเพราะหมูไข่ดาวของโต๊ะสุดท้ายที่เพิ่งสั่งก็พร้อมเสิร์ฟ เด็กร้านซึ่งเป็นลูกน้องของเหมันต์อีกทีรีบมารับจานเพื่อไปเสิร์ฟอย่างขะมักเขม้น ส่วนเด็กร้านคนอื่นๆ อีกสองสามคนก็ยังวุ่นอยู่กับการเช็ดโต๊ะ เก็บเงินจนมือเป็นประวิง
“พี่ พี่ว่างแล้ว”
เสียงเล็กๆ ดังเจื้อยแจ้วก่อนจะผลุบหัวออกจากประตูพร้อมกับเพื่อนอีกสองสามคน
“…มาอีกแล้วเหรอ”
จันทร์บ่นเสียงเบาและทิ้งตัวนั่งพักบนเก้าอี้ตรงข้ามกับสุริยะด้วยสีหน้ากลืนไม่เข้าคายไม่ออก นัยน์ตาโศกเหลือบมองสุริยะเชิงขอความช่วยเหลือเพราะไม่ถนัดกับการรับมือกับเด็กนัก
“มาจากไหนกันครับเนี่ย”
นอกจากจะไม่ช่วยแล้วสุริยะยังหันไปถามแก๊งค์เด็กที่มีอายุไม่น่าเกินแปดขวบอย่างเป็นมิตร ซึ่งแต่ละคนก็ล้วนแล้วแต่ใส่เสื้อลายยอดมนุษย์สีสันแสบตาที่น่าจะเรืองแสงแม้แต่ตอนกลางคืนและดูเหมือนแต่ละคนก็จะคีพคาแรคเตอร์ของตัวเองด้วย เพราะเลือกใส่กันมาคนละสีเลยทีเดียว
“พวกผมแก๊งค์เสือดุอยู่แถวนี้ครับ”
เด็กชายคนหนึ่งซึ่งโตสุดในกลุ่มเป็นคนตอบ
“แล้วมาทำอะไรกันครับ”
“ผมมาขอบคุณลูกพี่ครับ ลูกพี่สอนดีมากเลย” ไม่ว่าเปล่าหยิบสมุดการบ้านในกระเป๋าออกมาโชว์คะแนนสิบเต็มสิบหลังจากการทดสอบในห้องเรียนครั้งล่าสุด “ผมชอบลูกพี่สอนสุดๆ ลูกพี่สอนเข้าใจกว่าครูผมอีก”
“ลูกพี่? ”
สุริยะทวนคำเสียงสูงพยายามกลั้นหัวเราะเพราะจันทร์หน้าบูดบึ้งอย่างเห็นได้ชัดกับคำเรียกอย่างเชิดชูของพวกเด็กๆ ซึ่งก็ไม่ใช่เรื่องแปลกอะไรนักเพราะในสายตาคนทั่วไปแล้วจันทร์ในตอนนี้ดูเป็นคนที่น่าเอาเป็นแบบอย่างคนหนึ่ง ถึงแม้จันทร์จะมีใบหน้าพิมพ์เดียวกับจ้าวแต่เมื่อเปลี่ยนทรงผมและอะไรอีกหลายๆ อย่างก็ทำให้ยากที่จะมองออกว่าเป็นคนที่ตัดสินใจยิงตัวตายไปแล้วตั้งแต่วันนั้น
หากแต่ในสายตาของสุริยะแล้วจันทร์ไม่เคยเปลี่ยน เขาจดจำจันทร์ได้ในทุกรูปแบบและชอบในทุกแบบด้วย เขารักในตัวตนของจันทร์จริงๆ โดยไม่สนใจว่ารูปลักษณ์ภายนอกของจันทร์จะเปลี่ยนไปแค่ไหน ขอแค่คนนั้นๆ คือ ‘จันทร์ นฤภัทร’ เขาก็พร้อมที่จะรักและประคับประคองความสัมพันธ์นี้ไปจบวันตาย
เขารู้ว่าเนื้อแท้ของจันทร์ไม่ใช่คนใจร้ายเพราะถ้าใจร้ายจริงเด็กพวกนี้ก็คงจะโดนไล่ตะเพิดออกจากร้านไปแล้ว ซึ่งนอกจากนี้แล้วจันทร์ยังแวะไปที่คฤหาสน์ตระกูลกิลลาสทุกเดือนเพื่อเยี่ยมหลานและวิจัยเกี่ยวกับยาบางชนิด พยายามที่จะทำให้มันผลิตในประเทศให้ได้เพื่อที่ราคาของยาจะได้ถูกลงและคนที่ต้องการมันจริงๆ สามารถซื้อได้โดยไม่ต้องขายทรัพย์สินทั้งหมดของตัวเองเพื่อที่จะได้มันมา
“ใช่ พวกผมให้พี่ชายเป็นลูกพี่”
เด็กชายอีกคนพูดอย่างภาคภูมิใจในตัวจันทร์สุดๆ ถึงแม้จะไม่เคยให้จันทร์สอนการบ้านแต่ฟังจากหัวหน้ากลุ่มแล้ว ลูกพี่ต้องเป็นคนที่เท่และฉลาดมากแน่ๆ
“มีอะไรก็รีบหน่อยแล้วกัน ลูกค้าพี่เข้าแล้ว”
จันทร์ผลุดลุกขึ้นยืนเมื่อมีคนมาส่งออเดอร์ เตรียมจะเข้าครัวต่อและหลีกเลี่ยงแก๊งค์เด็กไปในตัว
“ลูกพี่อย่าเพิ่งไปปป”
เด็กน้อยสามคนล้อมจันทร์ไม่ให้เดินต่อก่อนที่จะยื่นกระดาษซึ่งวาดรูปจันทร์ในชุดซุปเปอร์ฮีโร่กับขนมกล่องหนึ่งที่รวมเงินกันซื้อมาให้จันทร์
“ผมขอบคุณลูกพี่มากๆ นะฮะ” เด็กชายเจ้าของคะแนนเต็มพูดด้วยรอยยิ้มจนตาหยีตอนที่ยอมรับมันไปถือ
“…”
จันทร์ดูได้สักพักก็ฝากมันไว้กับสุริยะและลูบหัวแก๊งค์เสือดุอย่างเอ็นดูด้วยรอยยิ้มที่ซ่อนอยู่หลังผ้าปิดปาก ซึ่งถึงแม้จะจันทร์จะไม่ได้พูดอะไรแต่ทุกคนก็สัมผัสได้ถึงบรรยากาศที่ดูละมุนละไมขึ้นของจันทร์
“ลูกพี่ พวกผมไปแล้วนะต้องไปคุ้มครองคุณทาโร่ต่อ! ”
“เดี๋ยวพวกผมมาหาใหม่นะฮะ! ”
เด็กชายโบกมือลาหยอยๆ ก่อนที่จะพากันไปวิ่งเล่นที่อื่นต่อโดยมีเป้าหมายเป็นบ้านใกล้ๆ ซึ่งมีหมาพันธุ์โกลเด้นรีทรีฟเวอร์ชื่อทาโร่คอยเล่นด้วยอยู่
จันทร์มองตามโดยที่ไม่รู้ตัวสักนิดว่าตัวเองยิ้มกว้างอยู่
“ชอบเด็กเหรอ”
สุริยะแกล้งแหย่แต่ก็ไม่จริงจังนักเพราะไม่ได้ถือว่าชีวิตคู่ที่สมบูรณ์ต้องมีลูกเสมอไป แค่เขากับจันทร์ได้เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตซึ่งกันและกันนั้นก็นับว่าสมบูรณ์แบบมากเกินพอแล้วสำหรับเขา
“เปล่า”
จันทร์ตอบส่งๆ หันมาใส่ใจกับการทำอาหารต่อ
“ถ้าลูกพี่ชอบผมช่วยทำลูกให้ได้นะ”
“ซัน”
“ก็ผมเห็นจันทร์ชอบเล่นกับเด็ก”
ยังพูดไม่ทันจบประโยคดีจันทร์ก็ตัดบทขึ้นมาทันทีด้วยสีหน้าแข็งกระด้างต่างกับเมื่อกี้ลิบลับ
“ไม่ได้ชอบ”
“ครับๆ ไม่ได้ชอบก็ไม่ได้ชอบ” นายแบบหนุ่มยกมือเชิงยอมแพ้เมื่อเห็นท่าไม่ดีเพราะจันทร์เริ่มจะอารมณ์ไม่ดีขึ้นมาจริงๆ ซึ่งมันก็เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เขาพูดถึงประเด็นเกี่ยวกับลูกหรือเด็ก
และดูเหมือนครั้งนี้เขาก็ล้ำเส้นมากเกินไปเสียด้วย
นัยน์ตาโศกที่มักจะเข้มแข็งเยือกเย็นตอนนี้มองเขานิ่งชั่วขณะหนึ่งที่สุริยะคล้ายกับเห็นความกลัวซ่อนอยู่ในนั้น
“อยากมีลูกเหรอ”
จันทร์ถามด้วยน้ำเสียงปกติราวกับเป็นเรื่องดินฟ้าอากาศทั่วไปไม่มีอะไรต้องกังวลหรือใส่ใจ
“เปล่า”
สุริยะตอบเสียงเบารู้สึกคอแห้งผากอย่างน่าประหลาด ความอึดอัดที่เขาเป็นตัวต้นเหตุแผ่กระจายไปทั่วจนเด็กเสิร์ฟที่มารอรับอาหารที่จันทร์ทำหน้าซีดเลยทีเดียว
“ถ้าอยากมีจะไปรับยาปรับฮอร์โมน”
น้ำเสียงของจันทร์ยังคงราบเรียบแม้ว่ากำลังพูดถึงยาที่ตัวเองคิดค้นขึ้นมาและตอนนี้ก็ถูกพัฒนาจนใช้กันแพร่หลายทั่วโลก มือที่กำลังถือขวดปรุงรสและเหยาะใส่อาหารสั่นน้อยๆ โดยที่จันทร์ไม่รู้ตัวด้วยซ้ำ
“จันทร์”
“นัดวันมา เดี๋ยวถ้าวันไหนว่างจะไป”
“จันทร์”
“วันนี้ก็ได้ถ้าอยากไป”
“จันทร์! มองหน้าซัน! ”
สุริยะมองลูกมือในครัวอีกคนของจันทร์เชิงสั่งให้จัดการต่อแล้วลากจันทร์เข้าไปในห้องเก็บของใกล้ๆ ทันทีและจัดการล็อกประตูอย่างแน่นหนาเพื่อไม่ให้มีใครมาขัดจังหวะตอนที่พูดคุยเรื่องสำคัญกัน
“…”
“ร้องไห้ทำไมจันทร์”
ถึงแม้จะอยู่ด้วยกันกับจันทร์มานานแต่ก็ยังมีอีกหลายเรื่องที่จันทร์ซุกซ่อนกลบเกลื่อนไว้ไม่ยอมบอกใครแม้แต่กับ ‘สุริยะ’ ก็ตามที
“ร้องไห้ทำไมครับ คนดี”
แม้แต่ตอนที่ร้องไห้สีหน้าของจันทร์ก็ยังเรียบเฉยราวกับไร้อารมณ์ มีเพียงนัยน์ตาโศกที่ฉาบไปด้วยความเจ็บปวดที่ยากที่จะคาดเดาได้ว่าเจ็บปวดเพราะอะไร
สุริยะใช้นิ้วโป้งเช็ดน้ำตาของจันทร์ออกอย่างเจ็บปวด นึกเสียใจที่ตัวเองเล่นมากเกินไป
“ซัน ไม่ได้อยากมีลูกนะ จันทร์ ซันโอเคนะกับการอยู่กับจันทร์สองคนเพราะแค่นี้ซันก็มีความสุขมากๆ แล้ว”
“…”
“ตอบอะไรหน่อยสิ จันทร์ โกรธซันเหรอ”
สุริยะเริ่มกระวนกระวายใจและดึงตัวจันทร์มากอดแน่น
“..ขอโทษ”
จันทร์พูดเสียงแผ่ว
“เราคงมีลูกให้ซันไม่ได้”
ทั้งๆ ที่พยายามกลั้นเสียงร้องแต่สุดท้ายจันทร์ก็หลุดสะอื้นออกมาเสียงเบา นัยน์ตาโศกคลอด้วยน้ำตา “เราขอโทษที่เห็นแก่ตัวนะ ซัน แต่เราไม่อยากมีลูกจริงๆ ฮึก เราไม่อยากให้ลูกโดนเหมือนที่เราโดน เรากลัว ฮึก เราไม่อยากให้ลูกต้องมาเจอแบบเรา”
แม้ว่าเรื่องราวในอดีตจะผ่านมาเกือบสามสิบกว่าปีแล้วแต่ความเจ็บปวดเหล่านั้นยังคงฝังลึกอยู่ในใจของจันทร์ไม่ไปไหน คอยตอกย้ำถึงความโหดร้ายของโลกใบนี้ที่เขาเผชิญว่ามันช่างเจ็บปวดและโดดเดี่ยวมากขนาดไหน ถึงแม้เรื่องราวทุกอย่างจะคลี่คลายและจบลงนานแล้วแต่เขาก็ยังคงกลัว กลัวว่ามันจะเกิดขึ้นกับใครอีก แน่นอนว่าแค่คิดว่ามันจะเกิดขึ้นกับลูกของเขา เขาก็ทนไม่ได้แล้ว
เขาถึงพยายามเลี่ยงที่จะคุยเรื่องนี้มาตลอด
“จันทร์ มองหน้าซัน”
สุริยะรู้สึกเจ็บปวดที่เห็นคนที่เข้มแข็งและเยือกเย็นมาตลอดอย่างจันทร์เผยความอ่อนแอออกมาแต่อีกใจหนึ่งก็ดีใจที่ใจยอมพูดสิ่งที่อยู่ในใจออกมาสักที
“…”
นัยน์ตาโศกที่ยังคลอด้วยน้ำตาสบกับนัยน์ตาของสุริยะนิ่ง
“ซัน สาบานเลยนะว่า ซัน ไม่ได้อยากมีลูก”
สุริยะพยายามพูดด้วยสีหน้าจริงจังที่สุดเพื่อให้จันทร์จะได้เชื่อและสบายใจ
“ความรักมันมีหลายรูปแบบนะ จันทร์ อย่าติดภาพว่าครอบครัวที่สมบูรณ์ต้องเป็นพ่อแม่ลูกสิ”
“…อือ”
จันทร์พยักหน้าเบาๆ เชิงรับรู้แต่ก็รู้สึกดีขึ้นมากเมื่อได้ระบายมันออกมา ก่อนที่จะหลับตารับริมฝีปากที่บดเบียดเข้ามาอย่างแผ่วเบาด้วยความรู้สึกผ่อนคลาย ทั้งๆ ที่ปกติแล้วไม่เคยยอมสุริยะแม้แต่ครั้งเดียวถ้าไม่ได้อยู่ที่บ้าน
อุณหภูมิในห้องคล้ายกับร้อนขึ้นมาทันทีเมื่อร่างอัลฟ่าสองร่างเริ่มบดเบียดใส่กันอย่างไม่ยอมแพ้ อาจจะเพราะด้วยสายเลือดอัลฟ่าแท้ๆ ที่ทำให้ทั้งสองต่างฟาดฟันกันอย่างดุเดือดทุกครั้งอย่างควบคุมไม่ได้
หากแต่ก่อนที่สุริยะจะกลืนกินดวงจันทร์ก็ถูกขัดจังหวะเข้าเสียก่อน
ก็อกๆ
“คือ คือผมไม่ได้ตั้งใจจะรบกวนนะครับ แต่ลูกค้ามาเต็มเลย พวกผมจะคุมไม่ไหวแล้ว”
ซึ่งน้ำเสียงของคนเคาะนั้นก็น่าสงสารเกินกว่าที่จะด่าได้เต็มปาก สุริยะจึงบ่นสบถกับตัวเองสองสามคำแต่ก็ยอมปล่อยให้จันทร์ออกและแต่งตัวให้กลับมาดูเรียบร้อยแม้ว่าอารมณ์จะยังคงค้างคาอยู่ก็ตาม
“..คืนนี้”
จันทร์พูดขึ้นมาลอยๆ เมื่อแต่งตัวเสร็จและกำลังจะออกจากห้อง
ทำให้สุริยะที่อารมณ์บูดกลับมายิ้มกว้างทันที
“โอเค เจอกันคืนนี้ครับ จันทร์”
=========
ตอนพิเศษตอนสุดท้ายแล้ววว
ดีใจที่ทุกคนชอบนะคะ