ตอนที่ ๓ ทำไม
พาร์ทองค์ชาย ในคราที่เจ้าบุรุษน้อยตรงหน้ามีอาการแปลกประหลาดก่อนที่จะสลบไป ข้าไม่รู้ด้วยเหตุใดร่างกายถึงได้เร่งมารองรับกายบางนี้ก่อนใจนึกเสียอีก...ควบคุมไม่ได้ ข้าทาสบริวารต่างรีบเร่งตระเตรียมอ่างน้ำผ้าชุบ อีกส่วนก็เร่งตามหมอหลวงมาในทันทีเช่นกัน หากแต่ท่านอาจารย์กลับขออนุญาตไปเอาบางสิ่งบางอย่างมาให้
.
.
“นั้นเจ้าคิดจะทำการสิ่งใด!!!”
“องค์ชาย...โปรดไว้ชีวิตข้าด้วย แต่ข้าจำเป็นจะต้องเปลื้องผ้าบุรุษผู้นี้..ขอทุกคนขยับออกไปห่างๆด้วย บุรุษผู้นี้จำเป็นต้องการพื้นที่ในหายใจให้สะดวกที่สุด”
“...เจ้าไม่ต้อง ข้าจักทำเอง...บอกมาก็พอว่าจะต้องทำสิ่งใด” ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตาม ข้าไม่ชอบใจจริงๆยามที่ผู้อื่นแตะตัวเจ้าเด็กนี่...แม้แต่หมอหลวงเองก็ตาม
“...เรียนองค์ชาย พระองค์ต้องเปลื้องผ้าหนาๆนั้นออก เพื่อผ่อนคลายความอึดอัดของบุรุษผู้นี้พะยะคะ...”
...แคว๊ก!!!...(ผ้าท่อนบนหลุดออก)
..คึก
..แคว๊ก
...แคว๊ก...(ผ้าหนาท่อนล่างสีน้ำเงินเข้มหลุดออก) ตามด้วยผ้าบางมาคลุมปกปิดให้
“...ละ..หลังจากนั้นให้พระองค์ปรับให้บุรุษนี้ลุกนั่ง..แล้วโค้งมาด้านหน้าเล็กน้อย...ไม่ใช่อย่างนั้นพะยะคะ เดี๋ยวขะ...”
ฉิ้งงงง....ต่อให้ผู้เป็นหมออยากจะขอเป็นฝ่ายรักษาบุรุษตรงหน้าให้ดีเพียงใด หากสายตาที่พร้อมจะบีบคอของตนขององค์ชายแล้ว เขากลับได้แต่กลืนคำพูดตนเองลงคอ
“องค์ชาย..ขออย่าได้อารมณ์ร้อนเอาแต่ใจแล้วพาลท่านหมออย่างนั้น หากอยากให้บุรุษผู้นี้รอดนะพะยะคะ...!” ท่านอาจารย์เดินเข้ามาอีกครั้งพร้อมกับเหยือกขนาดเล็กหนึ่งชิ้น ก่อนจะหันไปบอกให้หญิงข้ารับใช้รินใส่แก้วและนำมาถวายให้กับข้า
.
“นี่มันอะไรกันท่านอาจารย์” ในเหยือกนั้นคือน้ำอมฤต น้ำศักสิทธิ์ที่มีเพียงท่านพ่อท่านแม่ ข้า และท่านอาจารย์เพียงเท่านั้น ที่เข้าไปทำอะไรกับสระน้ำและน้ำศักสิทธิ์นี้ได้...ญาติสหายอื่นใดก็มิอาจล่วงล้ำเข้าไปได้
“อเล็กซานเดอร์ ทรงเชื่อข้าสักครั้ง หากพระองค์นั้นเคารพข้าอย่างสรรพนามนี้เทิด”
“...”
“...ขอพระองค์เป็นผู้มอบน้ำอมฤตให้กับบุรุษผู้นี้เสียเทิด ก่อนที่จะไม่ทันการ” ในเมื่อพระอาจารย์เอ่ยออกมาเสียอย่างนี้แล้ว ข้าก็คงทำการใดมากไม่ได้จริงๆ ข้าค่อยจับเจ้าเด็กนี่เอนซบไหล่ ก่อนจะค่อยๆเปิดปากกระจับและจรดน้ำอมฤตให้ไหลลงคอระหง และสิ่งที่ไม่น่าจะเกิดก็ได้เกิดขึ้น...น้ำอมฤตที่ใสสะอาดเกิดเรืองแสงสีเขียวมรกตออกมาเมื่อแตะเข้าก็ริมฝีปากเด็กบุรุษผู้นี้ และเรืองแสงไหลเข้าสู่กายบาง ก่อนกายนี้จะเปล่งแสงของน้ำอมฤตออกมาจากทั่วร่างกายในที่สุด บุรุษอิสตรีทุกผ้ต่างพากันตกตะลึงกับภาพที่เห็น ครู่หนึ่งทีเดียวก่อนที่ข้าจะได้สติและเงยหน้าสบตาท่านอาจารย์ด้วยความฉงน ใจ ท่านอาจาย์ท่านเองก็ได้แต่ทำหน้ายิ้มๆ ก่อนจะเดินออกจากห้องไป...
...
..
....เจ้าเป็นผู้นั้นจริงๆหรือ
.
.
พาร์ทพิชญณ์
“อืมมมม...”
“ตื่นแล้วหรือ”
“....”
“รู้สึกดีขึ้นแล้วหรือไม่”
“....เฮ้อ” ยังไม่ตื่นจากฝันอีกเหรอวะเนี๊ยะ...จะหลอกตัวเองอย่างไงก็หลอกไม่ได้จริงๆสินะ
“ทหาร! ไปตามหมอหลวงมาอีกครั้ง!”
“ไม่ต้อง! ผมตื่นละ”
“แล้วเหตุใดจึงไม่ตอบข้า!”
“โอ้ย!!! ไอ้เห้! มึงจะบีบจะดึงแขนอะไรกูนักหนาวะห๊ะ!!” ผมลุกขึ้นร้องโวยวายที่ไอ้ฝอยทองมันโมโหอาละวาดกระชากแขนผมอีกแล้ว ผมกับมันมองหน้ากันปานจะฆ่ากันตายทางสายตา...เกลียดขี้หน้าชะมัด...แต่เอ๊ะ!!...ทำไมรู้สึกเย็นๆ...
“กว๊ากกกกกกกกกกก ไอ้ฝอยทอง ปล่อยกู...ผ้ากู..เสื้อผ้ากู....โอ้ยปล่อยกูสิโว้ยยยย” ผมที่รู้สึกถึงความเย็นผิดปกติรอบๆตัวก่อนจะก้มดูตัวเอง ก็เลยได้รู้ว่ากำลังจังก้า ป๋าโป้ ให้มันเห็นอยู่...และไม่ใช่แค่มัน ทุกคนที่อยู่ในห้องนี้ด้วย...มีผู้หญิงอีก...แงงง
ไอ้พิชญณ์อยากร้องไห้ มะเขือยาวของผมถูกถ่ายทอดสดแล้วอ่ะ ไหนจะอากาศเย็นๆนี่อีก...หดเป็นกล้วยน้ำหว้าเลย...ฮือออ TT^TT “หึหึ กะอีแค่ลูกโอลีฟ...ทำเป็นอาย จะพรากพรหมจรรย์หญิงนางใดก็คงหาทำได้ไม่...จงเตรียมตัวเสีย เจ้าจักต้องไปเข้าเฝ้าองค์ราชาและพระราชินีกับข้า” พูดเสร็จมันก็เดินปัดตูดออกไปเลยครับ ไม่สนว่าผมจะรู้สึกอย่างไงทำหน้าอย่างไง
“...อะ...ไอ้...ไอ้เห้หหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหหห” ด่าไม่ทัน มันไปละครับ เดินออกไปอย่างเห้ๆ ทิ้งไว้เพียงลมหวิวกับคำพูดของมันที่ก้องอยู่ในหัวผม...ลูกโอลีฟพ้อง!!! ด่ากูซะเสียหมาเลย...มะเขือยาวลูกพ่ออย่าไปฟังมันนะลูก...ฮืออออ เจ็บใจ อายก็อาย
.
.
ระหว่างที่ผมดึงผ้าบนที่นอนมาคลุมลวกๆเพื่อบังสายตาพวกคนที่ยังอยู่ในห้อง...แม่งผมแอบเห็นนะว่ามีพวกทหารกับผู้หญิงรับใช้ 3-4 คนแอบหัวเราะเยาะผม...ฮือออออ ทั้งโกธรทั้งอายแต่ก็ทำอะไรไม่ได้...ใช่ซี๊ผมมันตัวคนเดียวนี่นา อยู่ที่ไหนก็ยังไม่รู้เลย
.
อยู่ๆหนึ่งในสาวใช้ที่ดูภูมิฐานอายุคราวป้าเดินมาหาผมก่อนจะทำการย่อเคารพผมพอประมาณให้ผมอึดอัด บอกขออนุญาตเปลี่ยนเสื้อผ้าให้ผม ก่อนพวกสาวๆอีก 3 คนจะค่อยๆเดินตามเข้ามาย่อเคารพแบบเดียวกันและยืนคอยด้านหลังป้า คลายว่าถ้าป้าคนนี้ให้สัญญาณคือจะจู่โจมเปลี่ยนผ้าผมทันที ผมจึงรีบเบรคพวกเขาก่อนในทันที แต่ก็ไม่ทัน...TT^TT
ระหว่างที่ป้าแกยืนคุมเชิง แกก็บอกว่ามันเป็นหน้าที่ของพวกเธอ ถ้าไม่ทำพวกเธอจะถูกโยนไปให้พวกคนคุกไปบำเรอกามก่อนจะถูกโยนให้สิงโตกิน...พอผมได้ยินก็ยิ่งอึ่ง นี่มันบ้านป่าเมืองเถื่อนชัด...คุ้นๆเหมือนยุคกรีกโบราณเลยแหะ จังหวะที่ผมเผลอพวกสาวๆก็เข้ามารุมใส่เสื้อให้ผมเสียยกใหญ่...พวกเธอดูไม่อายเลย...แต่ตัวผมแดงไปหมดแล้ว...
.
พอมะรุมมะตุ้มกับผมกันพักใหญ่ ผมอายมาก อายมากๆจริงๆ โดนเฉพาะตอนที่พวกเธอพันผ้าเอวเปลือยของผมให้เป็นผ้าคลายกางเกงในของผู้ชาย บางจังหวะที่หน้าของพวกเธอใกล้กับมะเขือยาวของผมแค่คืบ (ของผมมะเขือยาวจริงๆนะครับ -^-) พอจะเอามือมาปิดกุม พวกเธอก็ขออนุญาตดึงมือผมออก...พวกเธอบอกไม่ให้ผมต้องอาย พวกเธอมีลูกกันแล้วและพลัดผ้าให้ลูกพวกเธอทุกวัน....เอ๊ะ..แปลกๆ เหมือนจะปลอบนะ พวกเธอปลอบผมใช่ไหมครับ -.-
เมื่อทุกอย่างเรียบร้อยหนึ่งในสาวรับใช้ก็ยื่นกระจกบานเล็กให้ผมดู กระจกก็มั่วๆแหละครับ สะท้อนออกมาให้ได้ไม่ชัดเจนแต่ก็พอให้ผมตกตะลึงได้อีกครั้ง เพราะนอกจากตื่นมารู้ตัวเองว่าถูกแก้ผ้าและโดนรุมเปลี่ยนผ้าแล้ว ผมของผมที่เคยเป็นทรงวินเทจรองทรงกลับกลายเป็นผมดำยาวดกดำถึงกลางหลัง!! ถูกจับช่อสองข้างขมับเกี้ยวพันกับที่คาดผมปีกนกที่ทำด้วยเครื่องเงินไว้กลางหัว...เห้อะไรอีกละวะเนี๊ยะ *0* ส่วนพวกเสื้อผ้า พวกเธอจัดให้ผมใส่ผ้าระบายสีน้ำเงินไล่สี ช่วงบนรัดเน้นให้เข้ารูปก่อนจะทิ้งชายลงถึงพื้น...ไอ้สวยอ่ะก็สวยหรอก ถ้าผมไม่ใช่ผู้ชาย!!! นี่มันเดรสชัดๆ
“เอ่อ...ทำไมให้ผมใส่ชุดแบบนี้ละครับคุณป้า” ผมหันไปถามป้าแก เพราะดูท่าทางจะเป็นผู้อาวุโสที่คุมควบการทำงานของสาวใช้กลุ่มนี้
“ดิฉันเพียงได้รับสั่งมาและทำตามหน้าที่เท่านั้นเพคะ” ตอบเป็นดารามากครับป้า...ตอบแบบไม่ตอบ เฮ้ออ
“ถ้าอย่างนั้นขอผมใส่แบบไอ้..แบบองค์ชายของคุณป้าได้ไหม ผมว่าผมน่าจะแต่งตัวแบบนั้นเองได้”
“....โปรดเมตตาหัวบนบ่าทั้ง 5 ของพวกข้าด้วยเถิดเพคะ” โอ้โห!!! ดราม่ารัชดาลัยมากแม่ ป้าเอ่ยร้องกับพวกสาวๆล้มกุมลงไปคุกเข่าขอร้องผมกันแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย...อะไรมันจะขนาดน๊านนนนน
“เฮ้อ...โอ้ยลุกขึ้นมาเถอะครับ ผมเข้าใจแหละ งั้นพอไปเจอพระราชาพระราชินีเสร็จ ผมจะคุยกับนายพวกป้าให้ละกัน...ไม่ต้องกลัวขนาดนั้นหรอก ลุกขึ้นมาครับลุกขึ้นมา” ...เหนื่อยหน่ายใจแท้ไอ้พิชญณ์เอ๊ย
.
.
.
หลังจากเคลียร์ใจอะไรได้กับพวกสาวๆบวกป้าหนึ่งคน ทหารนายหนึ่งก็เดินนำหน้าพาผมออกไป...คงจะเป็นโถงพระราชวังละมั้งนะผมว่า ก็เห็นจะต้องเข้าเฝ้าพระราชาพระราชินีนี่นา...ละครจักรๆวงษ์ๆก่อนไปโรงเรียน ระหว่างทางผมสังเกตุว่าสถานที่นี้ใหญ่ สะอาดสะอ้าน จัดตกแต่งได้อย่างสวยงาม มีคบเพลิงจุดไว้เป็นระยะให้ไม่มืดสลัวจนเกินไป คลายเดินชมพิพิทธภัณฑ์จำลองยุคกรีกโบราณก่อนล้มสลายเลยอ่ะ มีสวนย่อมนั่งเล่นด้วย ถ้าไม่ติดว่าเริ่มมืดแล้ว สวนนี้คงสวยน่านั่งรับลมเย็นๆน่าดู
.
“เชิญพะยะคะ”
“ขอบใจนะ” ผมหันไปยิ้มให้นายพลทหารคนนั้นที่ช่วยเปิดประตูให้...แล้วมันจะทำหน้าตกใจทำไมวะ แค่พูดขอบคุณเอง...
.
“อ่ะ!”
“สำรวมตัวด้วย!” เสียงทุ้มต่ำดังกระซิบข้างหู...ไอ้ฝอยทองอีกแล้วครับ แม่งเป็นอะไรกับแขนผมนั๊กหนาก็ไม่รู้ เจอกี่ทีกี่ทีก็กระชากกันอยู่ได้ พ่องเป็นนักแข็งชักเย่อตอนแม่มึงท้องเหรอ!?...อุ้ยพ่อแม่มันนั่งบนบัลลังก์
“ก็ปล่อยสิ” ผมตอบเสียงห้วนต่ำกลับ ชิ มันมองจ้องหน้าผมครู่หนึ่งก่อนจะเปลี่ยนจากกุมที่ต้นแขนผมมาเป็นจับข้อมือแล้วให้ผมเดินตามมันไป ซึ่งผมก็พยายามบิดข้อมือผมออก ไม่ใช่ควาย!! ไม่ต้องจูงกูก็ได้โว้ย แต่ไอ้คนลากผมกลับทำตัวเหมือนควาย ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรกับที่ผมพยายามทำเลย...
“ท่านพ่อท่านแม่ นี่คือบุรุษที่ข้าไปพบบริเวณสระน้ำอมฤตพะยะคะ...ทำความเคารพองค์ราชาและราชินีสิ” ในที่สุดมันก็ปล่อยมือผมเมื่อมาอยู่ต่อหน้าบัลลังค์ พระราชาเป็นชายมีอายุที่ดูดีมาก ต่อให้มีผมขาวขึ้นแล้วแต่ด้วยร่างกายที่กำยำแบบนักรบเก่า ดวงตาที่ก้าวคม ไหนจะหนวดเคราที่เข้ากับรูปหน้านั้นกับชุดกษัตริย์พร้อมมงกุฎปีกนกทองคำนั้นอีก ส่วนพระราชินีก็จัดได้ว่างดงามปานเทพธิดานางฟ้าเลย ผมสีส้มแดงหยิกลอนยาว ผิวขาวเรียบเนียน ริ้วรอยที่แทบจะนับจุดได้ ดวงหน้าหวานคมเข้ม ร่างกายงามที่ปกคลุมด้วยเนื้อผ้างามตาและเครื่องทองสร้อยคอกำไลมือต่างหูน้อยใหญ่ ทำให้บุคคลทั้งสองดูมีสง่าราศีในแบบที่ผมไม่เคยเจอใครอย่างนี้มาก่อน...พวกท่านดูเหมะสมและทรงพลังมาก
“สวัสดีครับ” ผมก้มไหว้แบบเด็กที่เคารพผู้ใหญ่
“...นี่เป็นการเคารพแบบใดกัน” พระราชาเอ่ยถาม เสียงทุ้มต่ำด้วยอำนาจและไม่ใช่เพราะดุว่าอะไร “..อะ...เอ่อ...คือ” ผมไปไม่เป็นละครับ ประหม่ามาก
“ช่างน่าเอ็นดู อ่อนช้อยยิ่งนัก ท่านพี่ว่าเช่นนั้นหรือไม่ ข้ารู้สึกถูกชะตากับเด็กน้อยผู้นี้เหลือเกินเพคะ” พระราชินีเอ่ย...ทำไมเสียงหวานจังเลยครับ...โอ้วววผมเคลิมหน้าแดงเลยครับผ๊มมมม อ่อยสาวๆไม่ติด ลองจีบสาวคราวแม่ดีไหมวะ เหอะๆ...เอ้ย!! ไม่ได้ๆ สามีเขานั่งอยู่ข้างๆ
“ท่านแม่โปรดอย่าได้หลงกลลิงหลอกเจ้าตัวนี้เลยพะยะคะ”
“...” ฉิ้งงงง ผมได้แต่หันไปมองมันอย่างแค้นๆ ไม่พูดก็ไม่คิดว่าใครจะมองว่าเป็นใบ้หรอกนะ เดี๋ยวๆ เดี๋ยวเจอกูไอ้ฝอยทอง
“หึหึหึ อเล็กซานเดอร์อย่ากล่าววาจาเยี่ยงนั้นสิลูกแม่” ...ใช่ๆ หัดฟังแม่มึงบ้าง ไม่ใช่โตแต่ตัวเป็นควายทึกแบบนี้ เหอะๆ
“มองข้าอย่างนี้ แอบนินทาข้าในใจรึ” ...อุ้ย ไอ้เห้มันฉลาดดดด เหอะๆ กูไม่กลัวมึงหรอก
ผมทำเล่ห์คิ้วหลิ่วตาให้มันรำคาญใจเล่น เพราะผมคิดว่าอย่างไงซะมันคงไม่ทำตัวห่ามๆต่อหน้าพ่อกับแม่มันหรอก...และผมคิดผิด มันกระชากต้นแขนให้เข้ามามันอีกแล้ว แถมมองตาผมถลนเลย
“อเล็กซ์ เจ้าควรรู้ดีว่าควรจักทำตัวเช่นไร...เด็กน้อยว่าแต่เจ้าชื่ออะไร เหตุใดจึงเข้าไปในเขตหวงห้ามได้กันเล่า” สมน้ำหน้า...โดนพ่อมึงด่าเลย 555
“ผมชื่อนิพพิชญณ์ หรือจะเรียกผมว่า พิชญณ์ เฉยๆก็ได้ครับ..และเออ...ผมอายุ 25 แล้วครับ...”
“..อ้าวเป็นบุรุษเต็มวัยแล้วเหรอ ดูยังเด็กมากอยู่เลย...แต่ชื่อเจ้านั้นช่างแตกต่างและแปลกประหลาดนัก หากแต่ชื่อกลางนั้นมีความหมายดีไม่ใช่น้อย Pitch ฐานที่มั่น จุดสูงสุด...น้องพี่ พี่ชักจะถูกใจบุรุษแปลกหน้าผู้นี้ดังน้องว่า..” พระราชาหันไปยิ้มหยอกหวานให้พระราชินี....เอ่อ หวานแบบที่ทำให้พวกผมเหมือนไม่มีตัวตนในพริบตาเลยครับ...เฮ้อ~ดีจัง
.
“ข้าขอถวายความเคารพพะยะคะ” คุณลุงก่อนหน้านี้เดินเข้าในห้องโถงและก้มคำนับผู้มีอำนาจสูงสุดในที่แห่งนี้ ก่อนจะหันมามองผมและยิ้มให้น้อยๆละคนเอ็นดู ผมก็ยกมือไหว้ให้และยิ้มตอบแกงงๆไป
“อ้าวท่านปุโรหิตมาพอดีเลย ลูกข้าได้พาบุรุษนี่มาแล้วนะ” พระราชาเอ่ยยิ้มๆ
“...พะยะคะพระราชา ถ้าเยี่ยงนั้นข้าขอเชิญท่านทั้ง 4 ไปที่สระน้ำอมฤตทีนะพะยะคะ พิธีได้ถูกตระเตรียมไว้เป็นที่เรียบร้อยแล้วพะยะคะ”
“...พิธี...พิธีอะไรกันครับ” ผมเอ่ยถามขึ้นอย่างฉงนใจ หรือจะทำพิธีให้ผมได้กลับบ้าน แค่คิดผมก็หันไปยิ้มให้ไอ้ฝอยทอง อึ้ง...อึ้งเลยสิมึง กูจะได้ไปจากที่นี้จากไอ้โรคจิตอย่างมึงละน๊า 555 มันอึ้งจ้องผมใหญ่เลยครับ
“ทำหน้าอัปลักษณ์... มิต้องถามให้มากความ เดิน!” อ้าววววไอ้เวรนี่ เอะอะด่าเอะอะจิก ไหนจะผลักผมหันหลังให้เดินออกไปทางด้านข้างของห้องโถงตามพวกผู้ใหญ่ออกไปอีกละ เออ..ช่างแม่ง เดี๋ยวกูก็ไม่อยู่ให้เห็นหน้ามึงล่ะ ไอ้ฝรั่งหัวฝอยทองงงงง .
.
.
สระน้ำอมฤตที่พวกเขาพูดถึง มันอยู่ด้านในเขตหวงห้ามของพระราชวัง การเดินเข้าไปถือว่ายากมากทีเดียว เพราะมันต้องเข้าประตูนี้ออกประตูนั้นผ่านสวนด้านนี้ออกม่านด้านนั้น ให้อารมณ์เหมือนเดินเล่นในบ้านพิศวง ถ้าคนนอกอย่างผมเดินมาคนเดียวมีหวังหลงตายแน่ๆ พอเดินเข้ามาถึงทางเข้าทางหนึ่ง...เหมือนผมหลุดไปอีกโลกหนึ่งเลยอ่ะ! ห้องนี้มันแตกต่างออกไปจากบริเวณอื่นๆของพระราชวังมาก บริเวณโดยรอบเป็นลาดระเบียงทางเดินแบบเปิด มี 4 เสาต่อ 4 ด้าน เพดานยกสูงให้มีอากาศถ่ายเทมากขึ้น จากด้านนอกเหมือนเป็นอาคารชั้นเดียว แต่พอเข้ามากลับมี 2 ชั้น และตรงกลางลานเป็นสระน้ำใสสะอาดเปิดโล่งมองเห็นท้องฟ้ายามค่ำคืน สระน้ำนี้มีขั้นบันไดลงไป 3 ขั้นก่อนจะเป็นสระลึกลงไป บริเวณรอบๆสระมีไม้เลื้อยผลิดอกออกใบสวยงามไต่ห้อยมาตามเสาและจากระเบียงชั้น 2 ประดับประดาตกแต่งสวยงาม
.
“เชิญองค์ชายและเอ่อ...” คุณลุงที่พวกเขาเรียกว่าท่านอาจารย์ ท่านปุโรหิตบ้างล่ะ ก็ผายมือมาทางไอ้ฝอยทองกับผม
“ผมชื่อนิพพิชญณ์ครับ คุณลุงเรียกผมว่า พิชญณ์ ก็ได้ครับ”
“เป็นความเมตตาอย่างยิ่ง ข้าขอเชิญท่านทั้งสองไปตรงบริเวณขั้นบันไดแรกของสระน้ำอมฤตนะพะยะคะ” ผมกับไอ้ฝอยทองมองหน้ากันคราหนึ่งก่อนจะเดินจุ่มเท้าเปล่าลงสระน้ำตามที่คุณลุงบอก และหลังจากนั้นคุณลุงก็กำกับให้พวกเราหันหน้าเข้าหากันและยื่นมือข้างหนึ่งมากุมมือกัน พวกผมอิดออดพอดู แต่เอาวะ! เผื่อจะเป็นทางออกให้ได้กลับบ้าน คิดได้แบบนั้นผมก็เอือมมือไปคว้ามือไอ้ฝอยทองมากุมไว้ก่อนจะยักคิ้วให้มันทีหนึ่ง หลังจากนั้นคุณลุงก็ยื่นแก้วที่ดูเหมือนจะใส่น้ำอมฤตมาให้พวกผมกันคนละแก้วไปถือ และสิ่งที่น่าแปลกก็เกิดขึ้นกับผมอีกแล้ว สระน้ำอมฤตเรืองแสงขึ้นเป็นสีฟ้าเขียวอ่อนๆ แต่ที่น่าแปลกกว่าก็คือน้ำในแก้วของผมกลับเป็นสีเขียวมรกตเข้มส่วนของไอ้ฝอยทองเป็นที่ฟ้าเข้ม ผมเงยหน้าสบตามองมันครู่หนึ่งคลายจะมองหาคำตอบจากมัน แต่มันก็ดูโง่ๆเหมือนกัน พวกผมเป็นหันไปหาพวกผู้ใหญ่ทั้งสามคนเพื่อขอคำตอบ หากแต่คุณลุงกลับหันไปกระซิบพึมพำกับพระราชาราชินีแทนก่อนที่พวกท่านจะพยักหน้ายิ้มๆคลายตกลงอะไรกัน
“เป็นจริงดังที่ข้าได้กล่าวท่านไปพะยะคะ”
“ท่านพี่ ข้ามิได้ตาฝาดไปใช่หรือไม่”
“เป็นดั่งที่น้องเข้าใจ...Blue Emerald ความสมบูรณ์ทั้งสองได้มาบรรจบและเติมเต็ม” พวกเขาพึมพำอะไรกันผมก็พยายามขยายรูหูให้กว้างแล้วแต่ก็จับใจความอะไรไม่ได้เลย จนคุณลุงจะหันมาบอกให้พวกผมดื่มน้ำอมฤตในแก้วโดยแบ่งดื่มกันคนละครึ่งจนหมด พอพวกผมได้ฟังก็งงๆอ่ะครับ...รู้สึกแปลกๆวะ เอาไงดีวะ
“ท่านอาจารย์...ข้ามิใคร่อยากดื่มหากท่านไม่อธิบายให้พวกข้าทราบมากกว่านี้” บ๊ะ...ไอ้อเล็กซ์ มึงพูดได้ดี งั้นกูงดด่ามึงแปปหนึ่งละกัน
“...อเล็กซานเดอร์ มียามใดหรือไม่ที่ข้าผู้เป็นอาจารย์เจ้าบอกกล่าวสิ่งใดอันจะเป็นผลร้ายกับเจ้าสักครั้งหรือ” อ้าววววว ลุงดึงดราม่าเฉยเลยอ่ะ...อ่ะ ไอ้นี้อีก เข้มมาทั้งวันจะมาอ่อนเอาอะไรตอนนี้วะ โว้ยยยย! ขัดจ๊ายยยยยยย สุดท้ายพวกผมก็จำใจพากันดื่มตามที่คุงลุงบอก
“ดีเยี่ยมยิ่งนัก!!! ข้าคงต้องวานท่านปุโรหิตหาฤกษ์ให้ทั้งสองอีกครั้ง” พระราชาเอ่ยอย่างดีฤทัย พระราชินีก็เช่นกันยิ้มน้อยยิ้มใหญ่กันทีเดียว...แต่เอ๊ะนี้ยังจะต้องมีพิธีอะไรกันอีกละ
“...อะ..เอ่อ ขอโทษที่ขัดจังหวะนะครับ พิธีอะไรเหรอครับ”
“โธ่ช่างน่าเอ็นดู ฤกษ์พิธีอภิเษกสมรสอย่างไรละจ๊ะ เมื่อครู่การดื่มน้ำสัตย์ประติญาณด้วยน้ำอมฤตนี้ ก็พิสูจน์ได้เป็นอย่างดีว่าเจ้านั้นคือคู่บารมีของลูกเราตามนิมิตของท่านปุโรหิตที่ได้ทำนายไว้... หึหึ ต่อไปนี้เจ้าจงเรียกข้าว่าท่านแม่นะ พิชญณ์ของแม่ โอ้วยิ่งมองใกล้ๆ เจ้าช่างน่าเอ็นดูแลน่าทะนุทะนอมเป็นยิ่งนัก” พระราชินีเข้ามากุมมือผมก่อนจะสวมกอดอย่างมั่นเขี้ยวผมน่าดู แต่ผมหูดับไปละครับ..ตั้งแต่ได้ยินคำว่าอภิเษกสมรสกับคู่บารมี..
ทำไมอ่ะ ผมเหม่อหันไปมองไอ้อเล็กซ์อย่างหาคำตอบ แต่มันกลับเบือนหน้าหนีตีมึนฟังพ่อมันคุยด้วยแทน....
.
.
ไอ้อเล็กซ์ ไอ้ควายหัวดอ ไอ้ไบซัน ไอ้..
โอ้ยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยยย