พระลอตามไก่
ตอนที่ ๘
ศตายุไม่มา...
ไม่ว่าจะทางน้ำหรือทางบกก็ไร้วี่แววของศตายุ
ปกติลูกเจี๊ยบจะมานั่งทำการบ้านไม่ก็มานั่งเล่นที่ศาลาริมน้ำ วันนี้ทุกอย่างว่างเปล่า ไม่เห็นทั้งเงาของศตายุและแก้วเจ้าจอม ลลิตภัทรที่หอบหัวใจอันเต็มเปี่ยมด้วยความหวังไปช่วยงานพี่ชายที่โรงสีและรีบกลับมาเมื่อตะวันใกล้จะตกดินรู้สึกห่อเหี่ยวมากขึ้นเรื่อยๆ
จากท้องฟ้าที่สว่างไสวก็ค่อยๆถูกแต่งแต้มสีทีละนิดๆ ผีตากผ้าอ้อมค่อยๆจางหายความมืดเริ่มโรยตัวเข้ามาจนกลืนกินไปทั่วท้องฟ้า เสียงจักจั่นร้องดังระงมไปจนสุดคุ้งน้ำ ความร้อนอบอ้าวที่มีมาตลอดทั้งวันตั้งแต่ช่วงเที่ยงแปรเปลี่ยนเป็นแสงสว่างวาบที่ยอดเขา ฟ้าส่งเสียงร้องครืนครั่นไม่ต่างจากเสียงในใจของเขาเลยซักนิด
หลากหลายอารมณ์สุมรุมอยู่ภายในใจคล้ายปีศาจร้ายที่ถูกกักขังไว้เนิ่นนานเริ่มร้องประท้วง
เด็กนั่นคิดว่าเขาพูดเล่นหรือยังไง คิดว่าเขาจะใจดีได้ตลอดไปเหรอถึงมาเล่นกับใจของเขาอย่างนี้ พระลอยังคงรอจวบฟ้ามืดสนิทละอองฝนค่อยๆร่วงลงมีทีละนิดจนกระทั่งฝนลงเม็ดหนักจนมองไม่เห็นภาพเบื้องหน้า
ร่างบางแสนนุ่มนิ่มที่เคยกอดเคยหอมก็ไม่มา ไม่โผล่มาให้เห็นแม้แต่เงา
คล้ายที่ผ่านมาเป็นเพียงภาพมายาล่อลวงให้หลงใหลแล้วก็สลายไปคล้ายกลุ่มควันบางเบา
“ไอ้ลอ มึงจะนั่งทำห่าอะไรตรงนั้นวะ ฝนตกแล้วเนี่ย เข้าบ้านแม่ให้มาเรียก ทำตัวเป็นพรเอกมิวสิควีดีโออยู่ได้ไอ้ห่า รู้แล้วว่าหล่อ” เสียงพระลักษณ์ที่ตะโกนมาทำให้พระลอรู้สึกตัว เขาละสายตาจากบ้านของกำนันแดนดินพลางถอนหายใจเฮือกใหญ่ บางทีลูกเจี๊ยบอาจจะยังไม่พร้อม เขาอาจจะใจร้อนและเร่งรัดหลานเกินไป
แต่ว่า มาไม่มาหรือยังไง โผล่หน้ามาให้เห็นก็ยังดี นี่เล่นหายไปเลยไม่มานั่งที่ท่าน้ำให้เห็นหน้าค่าตากันเลยซักนิด มันจะใจร้ายเกินไปป่าววะ
คิดถึง...คิดถึงจะบ้าตายอยู่แล้วเนี่ย
คิดถึงน้ำเสียงเจื้อยแจ้วที่คอยถามนู่นถามนี่ตลอด
คิดถึงแก้มนุ่มๆที่ยิ่งฝังจมูกก็ยิ่งติดใจ
คิดถึงตัวสั่นๆยามที่เขาลูบไล้ไปบนผิวเนื้อ
คิดถึงกลิ่นหอมๆยามฝังจมูกลงบนต้นคอเบาๆ
คิดถึงก้นนุ่มๆที่นั่งบดเบียดอยู่บนตัก
เขาคิดถึงทุกสิ่งทุกอย่างที่เป็นศตายุ
พรุ่งนี้ก็แล้วกัน พรุ่งนี้ต้องมานะ ไม่ว่าจะทางไหนยังไงพรุ่งนี้ลูกเจี๊ยบต้องมาหาอานะคะ…อาจะรอ
รุ่งเช้าของวันรุ่งขึ้น พระลอไม่ได้ออกไปวิ่งตามปกติ ชายหนุ่มยังคงนอนโง่ๆอยู่บนเตียง เขานอนไม่หลับเลยซักนิด ตลอดคืนเอาแต่คิดถึงเรื่องของศตายุ
กลัว...พระลอกลัวว่าหลานจะเกลียดหรือกลัวจนหลบหน้าเขา ความมั่นใจที่เคยมีบัดนี้พังทลายไม่มีชิ้นดี
ตอนแรกเขาคิดว่าถ้าศตายุปั่นจักรยานมา เขาจะทิ้งห่างความสนิทสนมให้มากขึ้นกว่าเดิมซักหน่อยแล้วค่อยๆเรียนรู้ซึ่งกันและกันให้มากกว่านี้
เขาดูออกว่าศตายุเองก็ชอบเขาอยู่ไม่น้อยเพียงแต่เด็กนั่นอาจจะยังไม่รู้ว่าควรจะวางความรู้สึกของตนที่มีไว้ตรงจุดไหน ชอบแบบหลานที่มีอาใจดีๆหรือชอบในรูปแบบของคนที่จะรักกัน
ชายหนุ่มดึงตัวเองให้ลุกออกจากที่นอนเมื่อนึกได้ว่าศตายุต้องมาใส่บาตรหลวงตาทุกเช้า คิดได้ดังนั้นจึงสวมกางเกงอย่างลวกๆเดินลงจากบ้านตรงดิ่งไปยังศาลาริมน้ำ แต่ภาพที่เห็นก็ทำให้ต้องผิดหวังเมื่อคนที่กำลังตักบาตรกลับไม่ใช่ศตายุกลายเป็นแดนดินกับจิ๊บกำลังช่วยกันใส่บาตรด้วยท่าทางสงบมีจันทร์เจ้าขาคอยหยิบของให้พ่อกับแม่ใกล้ๆ พระลอถอนหายใจหนักแล้วเดินกลับเข้าบ้านตัวเองไป
วันนี้ทั้งวันพระลักษณ์สังเกตได้ถึงความหัวเสียของพระลอ น้องชายคนเล็กของเขาทำงานไปถอนหายใจไปแถมทำหน้านิ่วคิ้วขมวด พาลทำให้อ็อกซิเจนรอบตัวเขาสกปรกไปกับอารมณ์ของพระลอด้วย
“มึงเป็นอะไรของมึงเนี่ย มานั่งถอนหายใจอยู่ได้”ที่สุดพระลักษณ์ก็เป็นฝ่ายทนไม่ได้ต้องเอ่ยปากถามซะเอง เขากับพระลอแม้อายุจะห่างกัน 7 ปี แต่ก็สนิทกันมาก ก็พระลักษณ์น่ะเลี้ยงพระลอตั้งแต่เล็กๆแถมตอนเจ้าตัวดีช้ำรักหนีไปเลียแผลใจที่กรุงเทพก็ได้เขานี่แหล่ะคอยดูแลน้องมา แล้วมานั่งทำหน้าเหมือนอมขี้ไว้แบบนี้ทำไมจะไม่รู้ว่ามันอยู่ในอารมณ์ไหน
เหมือนหมาที่โดนเอาผ้าเน่าไปซ่อนไม่มีผิด
“เปล่า”ตอบปฏิเสธด้วยน้ำเสียงเนือยๆ
“เปล่าห่าอะไร ตั้งแต่เช้ามึงนั่งถอนหายใจไปร้อยกว่ารอบแล้วมีอะไรอยากเล่าให้กูฟังมั้ย?”
“มันก็ไม่ได้มีอะไรจริงๆพี่ เพียงแต่ผมเบื่อ ช่วงนี้มันเงียบๆ”บอกปัดแบบผ่านๆ พระลักษณ์พยักหน้าหงึกหงักแม้จะไม่เข้าใจนักก็ตาม
“มึงคงชินกับชีวิตที่แวดล้อมไปด้วยแสงสีแบบในกรุงเทพสินะ แบบถ้าไม่ได้รับเลือกจะทำยังไงต่อคิดไว้ยัง?”
“ตอนแรกก็กะว่าจะกลับไปทำงานที่กรุงเทพเหมือนเดิม บริษัทก็อยากให้กลับไป แต่ตอนนี้มาคิดๆดู อยู่บ้านก็ดีเหมือนกันไม่ต้องทำอะไรรีบๆแบบอยู่กรุงเทพ แต่มันก็เหงาแหล่ะเพื่อนๆอยู่นู่นหมด”
“กูไม่เห็นมึงจะดูเหงาอะไร เด็กบ้านนู้นติดมึงแจยิ่งกว่ามันติดพ่อมันอีก เออ ว่าแต่ทำไมเมื่อวานไม่เห็นเจี๊ยบกับเจ้าจอมมาเลยวะ”นั่น...พระลอแอบเหล่มองหน้าพี่ชาย หรือมันไปรู้อะไรมาวะ แต่หน้าตาก็เฉยๆนี่หว่า ไม่ได้มีทีท่าว่าจะอมความลับอะไรไว้ ไม่ได้ดูว่าจะมาหลอกถาม
“ไม่รู้สิ”ทำเป็นยักไหล่ราวกับไม่สนใจ
“สงสัยจะเบื่อมึงแล้วมั้ง”พระลักษณ์แกล้งพูด ในขณะที่เริ่มเก็บของบนโต๊ะเพราะได้เวลาเลิกงาน คำพูดที่หยอกเล่นๆกลับแล่นเข้ามาปะทะใจคนฟังอย่างจัง ไอ้หน้าที่หงิกอยู่แล้วกลับยิ่งบึ้งมากกว่าเดิมเข้าไปอีก และพระลอก็แบกความหงุดหงิดกลับบ้านไม่พูดไม่จากับใคร ทำเพียงทักทายแม่เพียงเล็กน้อยแล้วเดินไปนั่งที่ท่าน้ำ
เหมือนเมื่อวาน...ศตายุไม่มา ไม่โผล่และไม่เฉียดกรายมาให้เห็นแม้แต่เงา ชายหนุ่มนั่งไหล่ห่อราวกับเป็นคนแก่อายุซัก 60 ปี ชะเง้อมองก็แล้วเงี่ยหูฟังก็แล้ว ลูกเจี๊ยบน้อยๆก็ไม่ส่งเสียงหรือเดินมาให้เห็นเลยซักนิด
เป็นอีก 1 วันที่พระลอขึ้นบ้านพร้อมความเหงาหงอยในใจ
ตอนแรกเขาคิดว่าลูกเจี๊ยบน่ะติดเขา แต่ตอนนี้พระลอคงต้องคิดใหม่ อาจจะเป็นเขาเองก็ได้ที่ติดเจ้าลูกเจี๊ยบตัวนั้น
เรียกว่าติดยังคงเบาไปด้วยซ้ำ เขาน่ะหลงเจ้าลูกเจี๊ยบจนโงหัวไม่ขึ้นแล้วต่างหากล่ะ
คิดถึงจะแย่อยู่แล้ว...
เช้าวันที่ 3 พระลอรีบลงมาที่ท่าน้ำเพื่อดักรอลูกเจี๊ยบ แต่วันนี้ก็ยังคงเป็นจิ๊บกับเจ้าขาที่มาใส่บาตร วิวค่อยดีขึ้นมาหน่อยที่ไม่มีแดนดินมาอยู่ในกรอบสายตา แม้จะไม่คิดอะไรแล้วแต่ก็ยังรู้สึกเกลียดขี้หน้าอยู่นิดๆ ชายหนุ่มยกมือไหว้หลวงลุงจวบเอ่ยคุยกับภิกษุชรา 2-3 ประโยคสั้นๆ เมื่อพระไปแล้วที่สุดพระลอก็เอ่ยปากคุยกับจิ๊บ
“จิ๊บ ลูกเจี๊ยบไปไหนเหรอ ทำไมไม่เห็นมาเรียนพิเศษกับเราเลยล่ะ”
“อ้อ ขอโทษทีนะลอ เราลืมไปบอก เจี๊ยบกับเจ้าจอมไม่สบายน่ะ กลับมาวันนั้นตอนกลางคืนไข้ขึ้นเลยต้องหยุดเรียนไปก่อน ส่วนเจ้าจอมหายแล้ววันนี้ไปโรงเรียนได้”พอได้ยินคำตอบของจิ๊บ ใจของพระลอที่เหมือนกระเด็นลงน้ำก็กลับฟื้นคืนราวทศกัณฐ์ที่ถอดดวงใจไปฝากพระฤษีไว้
ลูกเจี๊ยบไม่ได้ตั้งใจจะหลบหน้าเขา
หลานไม่สบาย อาจจะเป็นเพราะไปตากแดดมาทั้งวันแล้วตอนเย็นก็มาลงน้ำอีก
“อ้าว แล้วเป็นอะไรมากหรือเปล่า ลอไม่รู้เลย นึกว่าหลานเบื่อจะมาเรียนแล้วซะอีก”
“วันแรกก็นอนซมกันทั้งพี่ทั้งน้องแหละ ต้องคอยเช็ดตัวกันทั้งคืนเลย เจี๊ยบแข็งแรงก็จริงแต่พอป่วยแล้วก็จะหนักกว่าคนอื่น”
“ลอข้ามไปเยี่ยมหลานได้มั้ย?”
"ได้สิ มาตอนไหนก็ได้ เจี๊ยบคงดีใจ วันนี้ไม่มีใครอยู่บ้านเลยนอกจากจิ๊บ ถามหาอาลอไม่ขาดปากเลย แปลกนะ ปกติลูกเราไม่ค่อยติดใครมากนอกจากย่าโฉมกับปู่ลิต นี่มาติดลออีกคน เอาอะไรเลี้ยงลูกเราเนี่ย”
“ก็ไม่ได้ทำอะไร งั้นเดี๋ยวบ่ายๆเรากลับมาเยี่ยมหลานนะ วันนี้ต้องไปกับพ่อ โค้งสุดท้ายแล้ว”
“ยังไงลอมาช่วงบ่ายสามก็ได้ จิ๊บจะอาศัยฝากลูกไว้หน่อยต้องไปรับเจ้าจอมกับเจ้าขาที่โรงเรียน พี่ดินเข้าเมืองค่ำๆนั่นแหล่ะถึงจะกลับ”
“อื้อ ได้ๆ งั้นเดี๋ยวบ่ายสามเราข้ามไป”
พระลักษณ์มองพระลอที่เดินไปเดินมายกนาฬิกาขึ้นมาดูเป็นพักๆอย่างเวียนหัว วันนี้แม้จะไม่ได้มานั่งหน้าบูดหน้าบึ้งแต่พระลอเอาแต่จ้องนาฬิกาไม่หยุด
“ถามจริงๆเถอะไอ้ลอ มึงไปติดสาวบ้านไหนมาป่าววะ?”
“อะไร?”คนน้องหันมาทำหน้างงใส่พี่ชายคนรอง
“เนี่ย ที่มึงเป็นอยู่เนี่ยเหมือนมึงติดสาวเลย มึงชอบลูกสาวบ้านไหนบอกกูนะ กูรู้จักเกือบทุกบ้านแหละ”
“ผมไม่ได้ชอบใครทั้งนั้นแหละพี่ เออ บ่ายสองแล้ว ขอกลับบ้านก่อนนะ”พระลอไม่ได้รอให้พี่ชายเอ่ยคำอนุญาตด้วยซ้ำ เพราะประโยคนั้นเป็นประโยคบอกเล่าเฉยๆ ร่างสูงขับมอเตอร์ไซค์กลับมาถึงบ้านก็ปรี่เข้าไปในครัวทันที ถลกแขนเสื้อเชิ้ตขึ้นไปถึงข้อศอกจัดการหยิบหม้อใบเล็กมาตักข้าวสารใส่ลงไปแล้วซาว
“ทำอะไรเหรอลอเอ้ย” ย่าโฉมเดินตามเข้ามาในครัวมองลูกชายซาวข้าวด้วยท่าทางคล่องแคล่วเอ่ยถามอย่างแปลกใจ
“หิวข้าวเหรอ กับข้าวในตู้ก็มีนะลูก”
“เปล่าครับ ลอจะต้มข้าวต้มเฉยๆ”ชายหนุ่มหันไปตอบแม่แล้วเอาข้าวขึ้นไปตั้งบนเตาจุดแก๊สเสร็จก็เริ่มค้นตู้เย็น
“แม่ครับ ปลาสลิดอยู่ตรงไหนน่ะ”หญิงชราเดินมายืนข้างหลังลูกชายแล้วแตะไหล่ให้ลูกชายหลบไปส่วนตนเองก้มๆเงยๆชั่วครู่กล่องใส่ปลาสลิดตัวโตก็ถูกหยิบออกมา
“นึกยังไงจะกินข้าวต้มกับปลาสลิด”
“ไม่ได้กินเองหรอกครับ ทำไปให้ลูกเจี๊ยบน่ะ จิ๊บบอกว่าหลานไม่สบาย”
“อ้าว ตายจริง ถึงว่าไม่มาที่บ้านเลย งั้นลอไปตรียมเครื่องยำให้แม่ที เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด ทอดไปเฉยๆหลานไม่ค่อยกินหรอก นอกจากปลาสด”เป็นอีกข้อหนึ่งที่เขาเรียนรู้จากแม่
ลูกเจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด และชอบกินปลาสดทอดเท่านั้น หญิงชราล้างปลาแล้วผึ่งจนสะเด็ดน้ำจึงตั้งกระทะทอดปลา ไหนๆก็ทำแล้วจึงทอดเผื่อไว้เป็นอาหารเย็นของคนในบ้านด้วยเลยทีเดียว ส่วนพระลอรับหน้าที่จัดเตรียมเครื่องยำโดยการซอยพริกขี้หนูสวน หอมแดง ต้นหอมคึ่นฉ่าย รวมทั้งซอยมะม่วงที่ไปสอยมาจากต้นข้างบ้าน ย่าโฉมจัดการเลาะก้างปลาออกแล้วหั่นเป็นชิ้นๆจากนั้นจึงนำไปทอดในไฟแรงจนกรอบทั่วกันหมดแล้วปรุงน้ำยำราด ผสมน้ำปลา น้ำมะนาว น้ำตาลทราย ใส่ส่วนผสมที่ลูกชายเตรียมไว้ลงไปคลุกแล้วนำเนื้อปลาเทใส่อย่างคล่องแคล่ว
“แม่ทำกับข้าวเก่งจังเลยครับ” พระลอที่รับจานยำปลาสลิดจานใหญ่จากแม่มาถืออดจะเอ่ยปากชมไม่ได้ ตอนนี้กับข้าวในมือพร้อมหม้ออวยใบเล็กใส่ข้าวต้มพร้อมเยี่ยมคนป่วย ชายหนุ่มเดินมาท่าน้ำหลังบ้านพายเรือข้ามไปที่บ้านจิ๊บ
เขาไม่ได้มาเหยียบที่นี่นานมากแล้ว
หลายสิ่งหลายอย่างเปลี่ยนไป จากบ้านไม้หลังเล็กๆกลายเป็นก่ออิฐถือปูนขยายใหญ่กว่าเดิม ใต้ถุนบ้านเทปูนมีอุปกรณ์การเกษตรวางไว้อย่างเป็นระเบียบ ด้านข้างตัวบ้านมีคอกควายฝูงใหญ่ราวๆ 10 ตัว บ้านทั้งหลังเงียบสงบจนชายหนุ่มรู้สึกประหม่า จิ๊บนั่งถักไหมพรมอยู่ที่ชานเรือน
“จิ๊บ” ส่งเสียงเรียกให้เจ้าของบ้านรู้ตัว จิ๊บหันมามองแล้วยิ้มรับเขาไม่ต่างจากเมื่อก่อนเลยซักนิด
ยังคงอ่อนหวานและสวยงามเหมือนเดิม ความสาวสะพรั่งงดงามมากกว่าสมัยที่ยังเด็กๆซะอีก หญิงสาวเก็บไหมพรมใส่ตะกร้าแล้วเอ่ยชวนให้ชายหนุ่มขึ้นมาข้างบน
“หลานเป็นไงบ้าง?”
“ดีขึ้นแล้วล่ะ แต่งอแงเหลือเกิน อ้อนจนเราเหนื่อย นี่หลับไปตั้งแต่บ่ายยังไม่ตื่นเลย”
“งั้นเดี๋ยวเราเข้าไปดูหลานหน่อยนะ”
“ดีเลย เดี๋ยวเราไปรับลูกที่โรงเรียนก่อนยังไงก็ฝากลูกด้วยถ้างอแงมากก็ตีได้เลย”
“บ้าเถอะ ใครจะไปตีลง จิ๊บไปเถอะ ขับรถดีๆไม่ต้องรีบเดี๋ยวเราดูลูกให้เอง”เราจะดูแลลูกจิ๊บให้อย่างดีเลยล่ะ
“ห้องลูกเจี๊ยบอยู่ริมสุดเลยนะ แล้วนี่ทำอะไรมาเหรอ”
“ต้มข้าวต้มมาให้น่ะ แม่ทำยำปลาสลิดมาฝากด้วย”
“ป้าโฉมรู้ใจหลาน เจี๊ยบชอบกินยำปลาสลิด เพิ่งบ่นๆอยู่เมื่อเช้า ลาภปากจริง ยังไงเราไปรับลูกก่อน ลอก็อยู่เล่นกับเจี๊ยบไปก่อนแล้วกันนะ”
เออ จิ๊บไปรับลูกซักทีเถอะ ยำจะเซ็งแล้วเนี่ย
“โอเค เราจะรอจนกว่าจิ๊บจะกลับมาแล้วกันนะ”
เสียงมอเตอร์ไซค์ของจิ๊บค่อยๆหายไปเรื่อยๆจนบัดนี้บ้านทั้งบ้านเงียบสนิท พระลอสาวเท้าเดินตรงไปยังห้องที่อยู่ริมสุดของศตายุ หน้าประตูมีสติ๊กเกอร์แปะชื่อเจ้าตัวบอกไว้อย่างชัดเจน พระลอถือวิสาสะหมุนลูกบิดเข้าไปอย่างแผ่วเบา
ลูกเจี๊ยบของเขานอนหลับอยู่บนเตียง เหงื่อโทรมกายแม้จะมีพัดลมเปิดพัดความร้อนอยู่ที่ปลายเท้าก็ตามที ชายหนุ่มวางของเยี่ยมลงบนโต๊ะหนังสือแล้วนั่งลงบนของเตียงใช้หลังมืออังกับหน้าผากชื้นเหงื่อนั้นเบาๆ ไอความร้อนแล่นเข้าสู่หลังมือของเขาทันทีที่แตะสัมผัส ริมฝีปากของหลานแดงเพราะพิษไข้
“เจี๊ยบครับ”ส่งเสียงเรียกเบาๆแตะแก้มหลานเพียงผะแผ่วแต่เจ้าของห้องยังคงจมสู่ห้วงนิทรา ชายหนุ่มเดินออกไปด้านนอกหากะละมังแล้วรองน้ำจากในห้องน้ำเข้ามาอีกหน เปิดตู้เสื้อผ้าที่อัดแน่นไปด้วยชุดนักเรียนและเสื้อผ้าของเจ้าตัว ค้นหาผ้าที่พอจะเช็ดตัวให้หลานได้จนเจอผ้าขนหนูผืนเล็กอยู่ในลิ้นชัก
ศตายุสะดุ้งเฮือกเมื่อความเย็นถูกแตะลงมาบนผิวแก้ม เด็กน้อยที่นอนไม่สบายตัวนักเพราะความร้อนทั้งจากอากาศและพิษไข้ลืมตาขึ้นมอง ใบหน้าหล่อเหลาราวเทพบุตรคุ้นตาลอยอยู่ตรงหน้า
ฝัน...
หนูฝันเห็นอาลออีกแล้ว
“เป็นยังไงบ้างคะ ไปหาหมอมั้ยเดี๋ยวอาพาไป”
วันนี้ฝันดีจัง อาลอคุยกับเขาด้วย
เด็กน้อยยิ้มซีดเซียวพลางกุมมือที่กำลังใช้ผ้าผืนเล็กเช็ดหน้าของตนอยู่
“วันนี้หนูฝันดีจัง”
“ฝันว่าอะไรคะ?”คนแก่กว่าคุยตามน้ำไปกับเด็ก
“ฝันว่าอาลอมาหาหนู มานั่งคุยกับหนู”
“แล้วชอบมั้ยคะที่อามาหาหนูในฝัน”
“ชอบสิจ๊ะ หนูอยากเจออาลอ”
“แล้วในฝันกับตัวจริงหนูชอบอาลอคนไหนมากกว่ากันคะ?”
“ฮื้อ...หนูต้องเลือกด้วยเหรอ?”เด็กน้อยร้องท้วงกับคำถามนั้นกัดปากอย่างใช้ความคิดคิ้วขมวดจนพระลอรู้สึกขำ
“หนูเลือกไม่ได้หรอก...”ที่สุดหลังจากเงียบไปซักพักศตายุก็เอ่ยขึ้นมาทำลายความเงียบ
“เพราะไม่ว่าจะเป็นอาลอในฝันหรืออาลอตัวจริงหนูก็ชอบเหมือนๆกัน”
ท่านผู้ชมครับ นายลลิตภัทรได้ตายไปแล้ว ที่เห็นอยู่นี่คือกายทิพย์ที่อิ่มสุขมากๆ
“ชอบอาจริงๆเหรอคะ ชอบมากมั้ย?”ยังคงหลอกถามเด็กที่เหมือนจะยังเบลอๆอยู่ก่อนจะค่อยๆซับผ้าลงบนต้นคอหลานให้คนป่วยย่นคอหนีเล่น
เอ๊ะ...
เดี๋ยวนะ ทำไมหนูฝันเหมือนจริงอะไรอย่างนี้ ทั้งกลิ่นน้ำหอมประจำตัวของอาลออีกล่ะ มองดูปลายนิ้วที่ค่อยๆปลดกระดุมเสื้อของตัวเองทีละเม็ดๆแล้วก็เริ่มประมวลผลในสมอง
ไหน หยิกตัวเองดูซิ๊
“โอ้ย...”เด็กน้อยร้องเสียงดังเมื่อลองหยิกต้นขาตัวเองแล้วมันเจ็บ
ไม่ได้ฝันนี่หว่า
“อ๊ะ อาลอ...”เด็กน้อยร้องทันทีที่สาบเสื้อถูกดึงออกมือเล็กพยายามคว้ามาปิดไว้ สีหน้าคนแก่จอมเจ้าเล่ห์ยิ้มกริ่ม
“เอามือออกค่ะ อาจะเช็ดตัวให้ เหงื่อออกเต็มไปหมดแล้ว”
“ไม่เอา เดี๋ยวหนูรอแม่จิ๊บมาเช็ดให้ก็ได้”
“อาก็เช็ดให้ได้เหมือนกัน หนูไม่ต้องอายหรอกค่ะ ผู้ชายเหมือนกัน มาเร็วค่ะเด็กดี ว่าง่ายๆโตไวๆเช็ดตัวเสร็จจะได้กินข้าว อาลอต้มข้าวต้มกับยำปลาสลิดมาให้ด้วยนะ”เด็กน้อยพอได้ยินคำว่ายำปลาสลิดก็หูผึ่งยืดตัวมองหาทันที เมื่อเห็นเป้าหมายวางอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสือก็ทำท่าจะเดินไปหาแต่ลลิตภัทรกดไหล่เอาไว้ก่อน
“ว่าไงคะ จะให้อาเช็ดตัวให้ดีๆหรือให้อายกกับข้าวกลับ”
“ฮื้อ...ไม่ยกกลับ น้องอยากกิน”เด็กน้อยช้อนตาขึ้นสบด้วยสีหน้าอ้อนๆ แล้วอะไรคือแทนตัวเองว่าน้อง
ตาย...ลลิตภัทรที่เห็นตอนนี้คือสสาร เพราะแม้แต่กายทิพย์ก็ดับสลายไปแล้ว
“งั้นคนเก่งถอดเสื้อนะคะ อาจะเช็ดตัวให้”
“ก็ได้ อาลอเช็ดเร็วๆนะ หนูหิวแล้ว”
ค่ะ หนูหิว อาก็หิวเหมือนกัน...อาหิวหนูเนี่ย อยากจะกลืนกินไปทั้งตัวไม่อยากเหลือไว้ให้ใครได้กลิ่น ขอยืมเพลงพี่แจ้มาร้องหน่อยนะครับ
แล้วเนี่ย...ตายๆๆๆ พอถอดเสื้อหลานแล้วความขาวก็กระแทกตามาเต็มๆ
หนูขา หนูใช้อะไรอาบน้ำคะ โอโม่หรือบรีสเอ็กเซลคะ ทำไมขาวเนียนไปทั้งตัวขนาดนี้ล่ะ
โอ้ย...มือสั่น...เย็นไว้ไอ้ลอ เอาผ้าชุบน้ำสิไอ้เหี้ย มึงหยุดมองเดี๋ยวนี้ เดี๋ยวเด็กกลัว
แต่มึง แป๊บนึง
นม...นมเด็ก
โอ้ย...กูขอบรรยายหน่อยเถอะ
ยอดอกสีเนื้ออ่อนอมแดงเด่นหราสองจุดแต้มบนเนินอกที่นูนนิดๆ คือน่าบีบมาก นมไม่แบนเรียบแบบเด็กผู้ชายแห้งๆอ่ะ หลานมีเนื้อมีหนังเพราะกินเก่ง แต่ว่าเอวบางร่างน้อย ที่ฟูก็มีแก้มกับนมนี่แหละ
กินอกไก่ผสมเวย์โปรตีนมาเหรอคะ
อยากจับ อยากลูบ อยากบีบ อยากอมมากๆ อยากลิ้มรสแต่ต้องข่มใจ
ยุบหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ พองหนอ…
เหี้ย มึงจะเอาแต่พองไม่ได้ มึงต้องยุบบ้าง
ลลิตภัทรพยายามอย่างหนักที่จะควบคุมไม่ให้มือของตัวเองสั่นยามที่ลากผ้าบิดหมาดนั้นลงบนตัวหลาน ศตายุหลับตาปี๋ยามความเย็นลากไล้ทั่วแผ่นอก เด็กน้อยตัวสั่นยามที่ปลายผ้าปัดผ่านยอดอก มันค่อยๆตึงตัวตามกลไกของธรรมชาติเม็ดทับทิมสวยปรากฏสู่สายตาจนคนมองแทบจะเลือดกำเดากระฉูด
ตายๆ กูต้องตายวันละกี่หน ชายหนุ่มแทบจะละสายตาจากภาพตรงหน้าไม่ได้เลย ห้ามใจไม่ให้เผลอไปสะกิดที่ปลายยอดอกสวยนั้นลากผ้ามาที่หน้าท้องก็พอดีกับที่เจ้าตัวหดท้องหนีสองมือกำปลายหมอนหนุนแน่น ลลิตภัทรพยายามรวบรวมสติตัวเองกลับมาไม่ให้ความขาวและความเย้ายวนมาทำให้ไขว้เขว ชายหนุ่มชุบผ้าอีกหนก่อนจะประคองตัวหลานให้ลุกขึ้นนั่ง โอบร่างเล็กไว้ทั้งร่างแล้วเช็ดแผ่นหลังให้จนทั่ว ศตายุที่เหมือนถูกโอบกอดอยู่กลายๆลอบสูดดมกลิ่นของคนเป็นอาไว้อย่างโหยหา
คิดถึง...คิดถึงอาลอที่สุดเลย
"เสร็จแล้ว เดี๋ยวอาเอาเสื้อตัวใหม่ให้เปลี่ยนนะคะ”พระลอวางผ้าลงบนกะละมังหลังจากเช็ดตัวให้หลานเสร็จแล้ว ลูกเจี๊ยบนั่งรอนิ่งๆไม่ได้ส่งเสียงถามอะไรออกไปตามนิสัยแม้แต่น้อย เสื้อยืดสีเหลืองจ๋อยถูกสวมลงบนตัวให้อย่างเรียบร้อยชายหนุ่มหยิบแป้งเด็กบนโต๊ะมาทาแก้มให้หลานก่อนจะฉวยโอกาสหอมลงมาบนผิวแก้มร้อนผ่าวแรงๆด้วยความหมั่นเขี้ยว อยากจะฟัดให้สมกับที่คิดถึงแต่ติดว่าเด็กยังป่วยอยู่ พระลอพาคนป่วยมานั่งที่เก้าอี้แล้วเดินไปหยิบชามกับช้อนในครัวมาตักข้าวต้มให้หลานกิน
ศตายุกินข้าวได้มากกว่าทุกวัน ไม่รู้ว่าเพราะยำปลาสลิดมันอร่อยหรือเพราะมีอาลอมานั่งป้อนกันแน่
รู้แต่ว่าถ้ามีพยาบาลดีแบบนี้เขาคงหายป่วยแล้วไปวิ่งเล่นได้ในเร็ววันแน่ๆ