วันวาน... สู่นิรันดร์
บทที่ ๘เช้าวันรุ่งขึ้น ไทวาตาบวมตุ่ย แต่ก็ยังมานั่งร่วมโต๊ะเสวยตามเวลา ยิ้มแย้มและพูดคุยกับเจ้าชายสามตามปกติ ราวกับเมื่อคืนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
คนประทับหัวโต๊ะทอดพระเนตรตาช้ำๆ ปรือๆ กับรอยยิ้มเต็มปากเต็มแก้มของเด็กหนุ่มแล้วก็ไม่อาจจะทรงปล่อยผ่านไปได้อีกต่อไป
“วันนี้พี่ว่าจะเข้ากรมตอนบ่าย”
“แล้วตอนเช้าไปไหนหรือครับ” น้ำเสียงก็แหบแห้งเล็กน้อย
“คุยกับไท”
ไทวาชะงัก
“พร้อมจะคุยกับพี่ไหม”
ดวงตาหลังกรอบแว่นไหวระริก บอกให้รู้ว่าที่ทำเหมือนไม่เสียใจ ไม่รู้สึกอะไรแล้วนั้นไม่จริงเลย เด็กหนุ่มนิ่งคิดอยู่ชั่วอึดใจก่อนจะระบายยิ้ม
“พร้อมครับ”
ที่จริงเขาก็พร้อมมาตั้งนานแล้ว เพียงแต่เมื่อคืนมันกะทันหันไปหน่อยเขาจึงเสียหลัก ร้องไห้เป็นวรรคเป็นเวรจนปวดตาไปหมด
อาทิตย์หน้า พี่เขยก็จะออกเดินทาง
เจ้าชายสามตรัสสั่งให้มหาดเล็กน้ำผ้ากับน้ำเย็นมาถวาย ตรัสสั่งให้คนตาบวมนอนราบบนเก้าอี้บุไหมตัวยาว สอดหมอนใบนุ่มรองใต้ศีรษะประทานให้ ก่อนจะประทับขัดสมาธิบนพื้น จุ่มผ้าสะอาดลงในอ่างน้ำ บิดหมาด
“หลับตา”
ไทวาหลับตาอย่างว่าง่าย เพราะทั้งแสบ ทั้งหนักเต็มที ถึงกระนั้นก็ยังห่วง
“พี่เขยบอกว่าจะคุยกับไท”
“ก็นอนไปคุยไป”
รับสั่งพลางทรงดึงแว่นตาของเด็กหนุ่มออกวางไว้บนโต๊ะ โปะผ้าชุบน้ำเย็นลงบนเปลือกตาบวมๆ ซ้ำยังทรงวางพระหัตถ์ทับลงไปโดยไม่ลงน้ำหนักมากนัก
“รักพี่จริงหรือ”
ไทวาตัวเกร็ง จะดึงพระหัตถ์ออก ทว่าเจ้าชายหนุ่มไม่ทรงยอม
“ครับ รักครับ” แค่สารภาพรัก ในอกก็ปวดหนึบ รู้สึกแน่นจนเกือบจะหายใจไม่ออก
“เพราะรักก็เลยต้องร้องไห้ใช่ไหม”
เด็กหนุ่มนิ่งอึ้ง ก้อนสะอื้นตีตื้นขึ้นมาถึงลำคอ เขาพยักหน้า
“ตัดใจได้ไหม”
เฮือก!
ไทวาจะลุกขึ้นนั่ง ทว่าเจ้าชายอัทธายุทรงกดตัวไว้
“นอนไป ตาจะได้ดีขึ้น”
“พี่เขยปล่อยไท ไทอยากมองหน้าพี่เขย ไทอึดอัดครับ”
น้ำเสียงร้อนรนกับสีหน้าเดือดร้อนสาหัสทำให้เจ้าชายเจ้ากรมฯ ทรงยอมปล่อยให้เด็กหนุ่มลืมตาแล้วลุกขึ้นมานั่ง
ไทวาจ้องมองพระพักตร์คมคายของเจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณนิ่งๆ อกใจปั่นป่วน แล้วดวงตาที่แสบร้อนอยู่แล้วก็ทวีความร้อนผ่าวขึ้นอีกครา น้ำตาเอ่อคลอ ทว่าเด็กหนุ่มกลั้นใจปาดทิ้งไปก่อนจะไหลลงมาอาบแก้ม เขาไม่อยากให้พี่เขยคิดว่าเขาใช้น้ำตาเป็นเครื่องมือเรียกร้องความสงสาร
“ไทวา”
“ครับ”
“ไม่ต้องร้องไห้ พี่แค่อยากคุยกับไทให้เข้าใจ แค่ไทไม่คิดไปเองก่อนที่พี่จะบอก ไทก็จะไม่ต้องเสียใจ”
“ครับ”
ไม่ทันได้ตีความว่าอีกฝ่ายหมายความว่ายังไงกันแน่ คิดแค่ว่าไม่ว่าจะรับสั่งอะไรก็จะเชื่อฟังเท่านั้น เจ้าชายอัทธายุรับสั่งเบาๆ ค่อยๆ
“ถ้ารักพี่แล้วต้องเจ็บ ก็ตัดใจได้ไหม”
ไทวาส่ายหน้า “ไม่ได้ครับ”
“ทำไม”
“เพราะไทมีพี่เขยอยู่ในใจมาตั้งนานแล้วครับ ถ้าจะตัดใจ ไทคงต้องขอเวลาอีกสักสิบปี”
“ถ้าพี่สั่งให้ไทตัดใจล่ะ เริ่มตั้งแต่ตอนนี้”
ถึงจะตาบวม ปรือจนแทบปิด ทว่าเจ้าชายเจ้ากรมฯ ก็ทอดพระเนตรเห็นชัดเจนว่าแก้วตาของเด็กหนุ่มหดเล็กลงจนเหลือนิดเดียว หน้าซีด ปากสั่นระริก
“พี่เขย... ใจร้าย”
คนใจร้ายกลับแย้มพระสรวลอ่อนโยนรับคำต่อว่า
“แต่พี่เขยไม่มีสิทธิ์สั่งไท”
เจ้าชายหนุ่มทรงเลิกพระขนง สีพระพักตร์ประหลาดพระทัยอย่างเห็นได้ชัด ไทวาดูจะต้องใช้กำลังใจในการพูดมาก ทว่าแม้น้ำเสียงจะสั่นพร่า เด็กหนุ่มก็กราบทูลอย่างชัดเจน
“ไทเป็นเชลย พี่เขยจะสั่งให้ไทไปตายก็ยังได้ แต่ความรักของไท ใครก็ไม่มีสิทธิ์มาบังคับ ไทแค่รักพี่เขยเท่านั้น ไม่ได้บังคับให้พี่เขยรักไทสักหน่อย ต่อให้... สักวันหนึ่งพี่เขยแต่งงานไป” แค่คิดถึง ก็แทบจะทานทนไม่ได้ “ไทก็ไม่ได้ไม่ได้ทำอะไรผิดต่อใคร ก็แค่รักเท่านั้นเองนี่ครับ พี่เขยไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบ ไม่จำเป็นต้องสงสาร ถ้าไทรักแล้ว จะความเจ็บปวดหรือคำประณามด่าว่าจากใคร ไทก็เต็มใจจะแบกรับไปตลอดชีวิตเอง”
ใช่... ก็แค่รัก
แต่ทำยังไงดี ความรู้สึกที่พระองค์มีต่อเจ้าเด็กนี่มันชักจะรุนแรงจนเกือบจะเกินความควบคุมเสียแล้ว ทั้งที่ก็เป็นแค่เด็กผู้ชายคนหนึ่งเท่านั้น เด็กผู้ชายที่ทำให้พระองค์ใจเต้นแรง ดวงตาช้ำเรื่อคู่นั้นทั้งมีเสน่ห์อย่างประหลาด และมุ่งมั่นยิ่งกว่าใครๆ พูดขนาดนี้แล้ว จะพระทัยแข็งต่อไปลงคอได้ยังไง
“ตัดใจไม่ได้ก็ไม่ต้องตัด”
“ม... หมายความว่ายังไงครับ” ใจเต้นแรงจนแทบจะกระดอนออกมาจากอก
“พี่รักไท”
ไทวาเบิกตากว้าง น้ำตาร่วง เจ้าชายอัทธายุทรงจับมือเย็นๆ ของเด็กหนุ่มแล้วดึงเบาๆ ไทวาปลิวตามแรงดึงมานั่งลงบนพระเพลาให้เจ้าชายหนุ่มทรงลวนลามแก้ม พระหัตถ์อุ่นปาดน้ำตาออกจากแก้มช้าๆ ไทวายังคงนิ่งอึ้งราวกับเป็นใบ้ ทั้งที่อยากจะเห็นพระพักตร์ให้ชัดๆ แต่ดวงตากลับพร่ามัว เมื่อเห็นว่าเช็ดยังไงก็คงไม่แห้ง เจ้าชายสามจึงทรงกอดเด็กหนุ่มเอาไว้แทน ไทวากอดตอบทั้งที่เนื้อตัวสั่นสะท้าน ทูลถามกระท่อนกระแท่น
“จริงนะ รักไทจริงๆ นะ ไม่ใช่สงสารไทใช่ไหม”
“ไม่ได้สงสาร”
พระองค์ทรงถูกผู้หญิงสารภาพรักมากี่คน แต่ละคนดูน่าสงสารกว่านี้กี่เท่า ไทวาไม่รู้หรอก ถ้าพระองค์ทรงสงสารแล้วบอกว่ารัก ก็ไม่รู้ว่าป่านนี้ทรงบอกรักไปกี่สิบคน
“พี่เขยอย่าหลอกไทนะ ไทมีแค่พี่เขยคนเดียว... มีแค่คนเดียวมาตั้งแต่เมื่อก่อนแล้ว”
“ไทอาจจะรักพี่อย่างพี่ชาย”
“เปล่านะ!” เด็กหนุ่มปล่อยมือ มองพระพักตร์หน้าตาตื่น ก่อนที่ดวงหน้ากลมๆ จะบิดเบี้ยวเหยเก
“เป็นอะไร”
“ท... ไทปวดท้องครับ” ปวดจนตัวงอ
“ใครอยู่ข้างนอกบ้าง ตามหมอมา!”
คุณชายแห่งเผ่าไทวะหมดสติไปก่อนที่แพทย์หลวงจะมาถึง เจ้าชายอัทธายุทรงวางผ้าเย็นลงบนดวงตาช้ำๆ ลูบหัวลูบท้องประทานให้อยู่ตลอดเวลา สีพระพักตร์กังวลจนกระทั่งแพทย์หลวงมา
“เป็นอาการที่เกิดจากความเครียดพระเจ้าค่ะ ขอเพียงดื่มยาที่กระหม่อมจัดถวาย กับทำใจให้สบาย ระมัดระวังไม่ให้เกิดความเครียดขึ้นอีกก็ทรงวางพระทัยได้พระเจ้าค่ะ”
“ขอบใจมาก หมอ”
แพทย์หลวงทูลลากลับไปแล้ว เจ้าชายสามทรงผ่อนพระปัสสาสะออกเบาๆ ช้อนตัวเด็กหนุ่มขึ้นอุ้มอย่างระมัดระวังไปวางไว้บนพระที่ของพระองค์เองเพราะห้องบรรทมอยู่ใกล้กว่าห้องของอีกฝ่าย
ไทวารู้สึกตัวอีกครั้งตอนเย็น และเห็นเจ้าของห้องซึ่งประทับอยู่บนพระเก้าอี้ข้างเตียงส่งยิ้มมาให้แทบจะทันที
“พี่เขย...”
เจ้าชายอัทธายุเสด็จมาประคองให้คนอยากลุกลุกขึ้นมานั่งได้สะดวก ทั้งยังสอดพระเขนยรองหลังประทานให้ ส่วนพระองค์เองก็ประทับอยู่บนพระที่ด้วย ไปไหนไม่ได้เพราะถูกอีกฝ่ายยึดพระหัตถ์เอาไว้
“ยังปวดท้องอยู่ไหม”
ไทวาส่ายหน้า “ไม่ปวดแล้วครับ”
“ไม่ปวดแล้วก็ต้องกินยา แต่เดี๋ยวกินข้าวเย็นก่อนค่อยกินยาตามก็ได้”
“ครับ” เขาไม่ชอบกินยาเท่าไร แต่ก็ไม่อยากจะงอแงให้พี่เขยลำบากใจ เด็กหนุ่มเม้มปาก ชั่งใจอยู่ไม่นานก็ตั้งท่าจะทูลถาม แต่ไม่ทันอีกฝ่าย
“ตาล่ะ ปวดไหม” ไม่บวมแล้วเพราะทรงเปลี่ยนผ้าประคบให้บ่อยๆ แต่อาจจะยังเจ็บ
เด็กหนุ่มส่ายหน้า
“พี่เขยรักไท... อย่างน้องชายหรือครับ” ทูลถามแล้วก็กลั้นใจรอคำตอบ ยอมรับว่ากลัวเหลือเกิน
“เมื่อก่อนอาจใช่ แต่ตอนนี้ไม่ใช่”
เด็กหนุ่มหน้าตาตื่น ใจเต้นตึกตัก
“แล้ว... รัก... อย่างไหนครับ”
“อย่างที่อยากจะได้เป็นเมีย”
“พี่เขย!” ดีใจอย่างกับได้โลกทั้งใบมาไว้ในครอบครอง แต่ก็เขินจนหน้าร้อนผ่าว ไม่นึกว่าอีกฝ่ายจะรับสั่งอย่างตรงไปตรงมาขนาดนี้
“เข้าใจความหมายของพี่ไหม”
เด็กหนุ่มพยักหน้าช้าๆ อย่างอายๆ อกใจยังคงเต้นแรงอย่างตื่นเต้นไม่หาย เขินจนทำอะไรไม่ถูก
“เข้าใจแน่หรือ”
“เข้าใจครับ”
“เข้าใจว่ายังไง”
ไทวามองสบสายพระเนตร แล้วก็หลบตา ก่อนจะช้อนสายตาขึ้นมองใหม่ คลานเข้าไปใกล้ แล้วก็ยืดตัวขึ้นจูบพระโอษฐ์ใต้เรียวพระมัสสุบางๆ เบาๆ... รู้สึกจั๊กจี้ไปถึงหัวใจ เห็นประกายสายพระเนตรวาววามกึ่งแปลกพระทัยกึ่งพึงพอใจที่ทอดมองมาแล้วก็หน้าแดงเถือก ครั้นเสไปมองบนโต๊ะข้างเตียง เห็นแว่นวางอยู่จึงแก้เก้อด้วยการหยิบมาใส่ ครั้นหันกลับมาอีกที ยังไม่ทันพูดอะไรก็ถูกอีกฝ่ายทรงกดให้นอนราบลงกับเตียง
เจ้าของพระวรกายใหญ่โตทรงโน้มพระองค์ตามลงมา ดึงแว่นตาออกไปวางที่โต๊ะดังเดิม
“เห็นหน้าพี่ไหม”
ไทวาพยักหน้า
“แน่ใจหรือ” คนตรัสถามแย้มพระสรวลมุมโอษฐ์ “ไหนบอกซิ ว่าปากพี่อยู่ตรงไหน”
บอกน่ะบอกได้อยู่หรอก แต่ว่า
“พี่เขยปล่อยแขนไทก่อนสิครับ” แขนสองข้างถูกยึดไว้อย่างนี้ เขาจะชี้ได้ยังไง
เจ้าชายอัทธายุไม่ทรงปล่อย แต่ก้มพระพักตร์ลงมาอีก “ใกล้แบบนี้ ชี้ได้รึยัง”
เด็กหนุ่มมองพระโอษฐ์สลับกับพระเนตรอย่างงงๆ อยู่ครู่ แล้วก็พลันนึกออก
“พี่เขย...” ทูลเรียกเสียงเบาราวกระซิบ หน้าขาวแดงซ่าน
“ว่ายังไง”
คนถูกถามดันตัวเองขึ้นเล็กน้อย เงยหน้า ยื่นปากไปนิดเดียวก็ชนกับพระโอษฐ์ พอผละออก อีกฝ่ายก็ทรงตามประกบติด ประทานจุมพิตนุ่มๆ เบาๆ ซ้ำๆ อยู่หลายครั้งให้เคยชิน ขบเม้ม ดูดดื่มความหอมหวานนุ่มนิ่มของริมฝีปากแดงๆ แสนน่ารักนั้นตามแต่พระทัย ก่อนจะใช้พระชิวหาดันกลีบปากให้อ้าออก ไทวาเผยอปากอย่างว่าง่าย หวามใจลึกล้ำเมื่อพระชิวหาอุ่นชื้นรุกล้ำเข้ามาในปากแล้วพัวพันกับลิ้นของเขา ดูดกลืนแรงๆ ราวกับจะดึงเข้าไปในพระโอษฐ์ของพระองค์เอง
เสียงครางอาอืมอย่างพึงพอใจโหมไฟในพระวรกายของเจ้าชายหนุ่มได้ไม่ยาก
“อ๊ะ!”
ไทวาแอ่นกายขึ้นเมื่อยอดออกถูกสะกิดเบาๆ เมื่ออีกฝ่ายทรงถอนพระโอษฐ์ออก เด็กหนุ่มก็หอบเบาๆ และประจักษ์ว่ากระดุมเสื้อถูกปลดออกหมดแล้ว ตั้งแต่หน้าอกจรดหน้าท้องเปิดเปลือยสู่สายพระเนตร พระหัตถ์ข้างหนึ่งจับหัวเข็มขัดของเขาเอาไว้แล้ว ส่วนสองมือของเขาไม่รู้ว่าโอบกอดพระองค์เอาไว้ตั้งแต่เมื่อไร
“พี่เขย”
ไทวายึดพระหัตถ์ไว้ ไม่ได้อยากจะขัดขืน แต่ถ้ายอมนอนนิ่งๆ ให้ทรงถอดเอาตามพระทัย ก็ดูจะน่าละอายใจตัวเองเกินไป เจ้าชายอัทธายุไม่ได้ทรงฝืนดึงดัน เพียงแต่ก้มลงเลียหยาดน้ำใสๆ ที่ไหลย้อยลงมาถึงลำคอขาวๆ ของอีกฝ่าย สลับกับดูดซับเบาๆ ขึ้นไปจนถึงมุมปาก แล้วประกบจูบดูดดื่มอีกหนจนคนถูกจูบเผลอปล่อยมือจากพระหัตถ์มาขยำฉลองพระองค์เอาไว้แทน
เพียงแค่เผลอตัวมัวเมาไปกับพระโอษฐ์ร้อนๆ กับพระมัสสุที่ครูดเบาๆ ไปทั่วปาก ทั่วแก้ม ตลอดไปจนถึงซอกคอซ้ายขวาและใบหู เข็มขัดก็ถูกปลดทิ้งลงข้างเตียง ตามด้วยกางเกงทั้งชั้นนอกและชั้นใน หลังจากนั้นก็เป็นเสื้อ คนที่ยังไม่รู้ตัวว่าถูกเปลื้องผ้าเป็นชีเปลือยหอบครางพลางบอกอย่างใสซื่อ
“ไทเสียวจังเลย”
เจ้าชายอัทธายุทรงหยุดกึก พระทัยเต้นแรง หวามลึก และฮึกเหิมรุนแรงขึ้นอีก
“หนวดพี่เขยทิ่มคอไท ตะ... แต่ไทชอบ” คนพูดถึงกับหัวเราะเบาๆ อายๆ ประกายสายพระเนตรของเจ้าชายหนุ่มวาววับขึ้นโดยที่เด็กหนุ่มไม่ทันเห็น ได้ยินเพียงรับสั่งพระสุรเสียงนุ่ม
“เดี๋ยวไทจะเสียวกว่านี้อีก”
ไทวายังไม่ทันประมวลผลความคิด อีกฝ่ายก็ทรงสาธิตด้วยการแตะพระชิวหาลงบนยอดอกสีชมพูเข้ม เด็กหนุ่มสะท้านกายเฮือก
“อ๊ะ! พี่เขย”
เลียอยู่ไม่กี่ครั้ง พระองค์ก็ทรงขบเม้มเบาๆ สลับกับดูดดึง กลืนกินเข้าไปให้สมกับที่ได้แต่ทรงคิดถึงมานานหลายคืน โดยไม่ทรงลืมยอดออกอีกข้างหนึ่งซึ่งเต่งตึงรอคอยการบดบี้เคล้นคลึงอย่างเอาใจจากพระองค์อยู่
ไทวาแอ่นกายขึ้นตามพระโอษฐ์จนแผ่นหลังแทบไม่ติดเตียง ไม่ได้สำเหนียกเลยว่าขาสองข้างถูกแยกออกกว้างเสียแล้ว
ดวงหน้าแดงเรื่อ นัยน์ตาปรือปรอย เสียงครางอย่างน่ารัก กับแผ่นอกขาวๆ และยอดอกบวมเป่งของเด็กหนุ่มล้วนกระตุ้นพระอารมณ์ของเจ้าชายเจ้ากรมฯ ได้อย่างดีเยี่ยม ทว่าเนื่องจากนี่เป็นครั้งแรกของไทวา พระองค์จึงตั้งพระทัยว่าจะค่อยเป็นค่อยไป
คุณชายหนุ่มถูกประทับจูบตีตราแทบทั้งตัว เรียวขาข้างหนึ่งถูกยกขึ้นเพื่อประทับรอยตรงซอกขาด้านใน ผิวเนื้ออ่อนถูกพระมัสสุครูดเป็นรอยแดง และเมื่อแก่นกายที่ตั้งชันอย่างน่าอายถูกเลียตลอดความยาว เขาก็สะท้านเฮือก
“พี่เขย... อยะ... อย่าครับ...”
เจ้าชายหนุ่มทรงรับสัดส่วนน่าอายนั้นเข้าพระโอษฐ์ไปแล้ว ไทวาทำอะไรไม่ได้ นอกจากขยุ้มพระเกศาสั้นเกรียนที่เขาเป็นคนตัดเองกับมือไว้เพื่อระบายความเสียวซ่าน สองขาอ้ากว้างอย่างลืมตัว ถึงจะอาย แต่ก็อยากจะเห็น ไทวาก้มลงมองในจังหวะเดียวกับที่เจ้าชายอัทธายุทรงเปลี่ยนจากพระโอษฐ์เป็นพระหัตถ์แล้วเงยพระพักตร์ขึ้นมามอง
เด็กหนุ่มอายจนแทบอยากตาย แต่ก็เสียวจนเกือบจะขึ้นสวรรค์อยู่รอมร่อ
เจ้าชายสามทรงขยับพระหัตถ์ช้าลง ไทวาบิดกายอย่างทรมานกึ่งรัญจวน
“พ... พี่เขย”
เด็กหนุ่มยื่นมือมาหมายจะช่วยตัวเอง ทว่าเจ้าชายหนุ่มทรงปัดทิ้งแล้วสวมพระโอษฐ์ครอบลงไปบนสัดส่วนน่ารักที่ทั้งแข็ง ทั้งร้อน และเปียกเยิ้มอีกหน
ท่าทางการกัดปาก ตาฉ่ำปรือ ร้องอื้ออ้าแลดูน่าเอ็นดูเป็นอันมาก วันนี้พระองค์จะทรงเอ็นดูให้ขาดใจไปเลย
“พ... พี่เขย ปล่อยไท ไทจะ... จะ... จะถึง... อ๊า!”
เด็กหนุ่มเงยศีรษะขึ้นจนสุดล้า ยอดอกชูชันเบ่งบานไสวยั่วสายตา ไทวาดิ้นกระแด่ว กระตุกกายถี่ๆ เหมือนปลาที่ถูกวิดขึ้นมาจากหนองน้ำ ในขณะที่น้ำในตัวถูกดูดจนแห้ง
ไทวาหอบแฮ่ก หลับตานิ่ง
เจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณทรงดึงตัวเด็กหนุ่มมากอดเอาไว้ ลูบเหงื่อที่เปียกชุ่มเต็มหน้าประทานให้ แล้วจูบริมขมับขาวๆ เบาๆ รอจนอีกฝ่ายหายใจเป็นปกติขึ้นแล้วลืมตามองจึงแย้มพระสรวลให้
“เหนื่อยล่ะสิ ตัวกินไก่ เหนื่อยก็หลับตา นอนไป”
ดวงตาคู่ซื่อมีแววลังเล
“อะไร”
“พี่เขย... ไม่เข้ามาในตัวไทหรือครับ”
เจ้าชายอัทธายุทรงชะงัก... เจ้าเด็กนี่...
“ไทไม่น่ารักเหรอครับ ปากไทไม่อร่อย นมไทไม่ใหญ่เหรอครับ พี่เขยถึงอดใจได้ ไทขาวนะ ตัวนุ่มด้วย พี่เขยไม่มีอารมณ์กับไทเพราะไทเป็นผู้ชายเหรอค... ครับ...”
หางเสียงสะดุดเมื่ออีกฝ่ายทรงดันช่วงล่างของเขาไปชิดช่วงล่างของพระองค์ ไทวาเบิกตากว้าง น้ำลายเหนียวหนับเมื่อทูลถามเสียงสั่น
“พี่เขยสะ... ใส่อะไรไว้ข้างใน... เหรอครับ”
เจ้าชายหนุ่มทอดพระเนตรสีหน้าแตกตื่นของอีกฝ่ายอย่างขำๆ
“อยากรู้ก็ลองจับดูสิ”
ไม่รอให้เด็กหนุ่มตอบรับหรือปฏิเสธ พระองค์ก็ทรงจับมือสั่นๆ ของเขามาจับกลางพระวรกายที่ปวดหนึบไปหมด ไทวาสะดุ้งเฮือกขยับจะชักมือออก แต่อีกฝ่ายทรงบังคับให้กดแนบลงไปอีก
“ยังคิดว่าพี่ไม่มีอารมณ์กับไทอยู่ไหม”
“ละ... แล้วทำไม...”
“พี่อยากให้ความสำคัญ อยากค่อยเป็นค่อยไป ไม่อยากรังแกคนป่วย”
คนฟังเต็มตื้นขึ้นมาในอก
“แต่ไท... อยากให้พี่เขยทำกับไท” เด็กหนุ่มบอกเสียงเบา หน้าแดงก่ำ ทั้งที่มือยังสั่นอยู่ไม่หาย ทั้งๆ ที่หวั่นกลัวกับขนาดอันไม่คาดคิด แต่ไม่รู้ทำไม ยิ่งจับ ยิ่งลูบ ก็ยิ่งตื่นเต้น
“ไทพูดเองนะ อย่าหาว่าพี่ใจร้ายทีหลัง”
“ครับ”
“ถึงไทจะร้องไห้อ้อนวอน พี่ก็จะไม่หยุด”
คนถูกขู่ดูจะกลัวขึ้นมาหน่อยๆ แต่ก็ทำใจกล้า พยักหน้า
ใจเต้นถี่แรงเมื่อได้เห็นพระวรกายเปล่าเปลือยของคนที่อยู่ในหัวใจมาตลอดสิบปี ไทวามองพระวรกายสวยงามกำยำ เต็มไปด้วยกล้ามเนื้อแน่นๆ น่าซุกซบตาไม่กะพริบ เจ้าชายหนุ่มแย้มพระสรวลมุมโอษฐ์ ทาบองค์ลงมากดจูบเบาๆ ตรงมุมปากนิ่มๆ รับสั่งเบาๆ ทว่าแหบพร่าอยู่ข้างหู
“หน้าตาหื่นเกินไปแล้ว ตัวกินไก่ น้ำลายไหลยังไม่รู้ตัวอีก”
ไทวาตะปบปากตัวเอง ก่อนจะรู้ว่าถูกหลอก
“พี่เขย อะ... อื้อ... อื้ม...”
เสียงดูดปากดังจ๊วบจ๊าบน่าละอายดังขึ้นในห้องเงียบ ขณะที่ไทน้อยที่เกือบจะหลับไปแล้วถูกปลุกขึ้นมาอีกหนจนตื่นอย่างง่ายดาย ไทวารู้สึกเหมือนพี่เขยมีมืองอกออกมาสักสิบมือทำให้เขากระสันรัญจวนจนบิดเร่า ครวญครางกึ่งสะอื้นอย่างหักห้ามเอาไว้ไม่ไหว เจ้าชายอัทธายุไม่ทรงรังเกียจที่จะใช้พระโอษฐ์ปรนเปรอให้เด็กหนุ่มอีกรอบ ความวาบหวามซาบซ่านทำให้พอจะเมินความเจ็บจากการถูกรุกรานช่องทางด้านหลังไปได้บ้าง
เจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณทรงพยายามอดทนอย่างยิ่งยวดที่จะไม่แทงพรวดเข้าไปทีเดียว ปากทางกลางจีบยับย่นสีชมพูเข้มเปิดอ้าออกเมื่อถูกสอดใส่ซ้ำๆ แต่พอทรงดึงนิ้วพระหัตถ์ออกมาจนเกือบสุดก็ทำท่าจะปิดตัวแนบแน่นอีกหน
นิ้วที่สองดูท่าจะลำบาก
ไทวาน้ำตารื้น พยายามกลั้นเสียงสะอื้นแต่ก็ทนไม่ไหว เจ้าชายหนุ่มทรงวกขึ้นไปจูบปากปลอบประโลม เด็กหนุ่มน้ำตาไหลเป็นทาง เอาแต่เรียก
“พี่เขย... ฮึก... พี่เขย...”
ซ้ำๆ โดยไม่มีคำว่าเจ็บหรือเสียงร้องห้ามออกมาแม้แต่คำเดียว
“ผ่อนคลายหน่อยครับ คนดี ทนเจ็บนิดเดียวเท่านั้น ขอพี่เข้าไปอีกนิ้ว”
เด็กหนุ่มทั้งเจ็บทั้งเสียวจนแทบจะไม่มีสติ แต่ก็พยายามทำตามรับสั่ง นิ้วพระหัตถ์นิ้วที่สองสอดเข้าไปได้ในที่สุด เจ้าชายหนุ่มทรงอ้าออกจากกันเพื่อขยายปากทางเข้า สอดลึก และหมุนวนไปทั่วๆ เพื่อหาจุดที่อีกฝ่ายจะรู้สึกดี
“อ๊ะ!”
ไทวาจิกปลายเท้า แอ่นก้นกลมๆ ขึ้นและตอดรัดนิ้วพระหัตถ์แรงๆ
“ตรงนี้สินะ”
เด็กหนุ่มพยักหน้าอย่างอายๆ เจ้าชายหนุ่มทรงกดย้ำซ้ำๆ ไปพร้อมๆ กับการรูดรั้งแก่นกายที่ใกล้จะปลดปล่อยเต็มที
ไทวาหวีดร้องเสียงดังอย่างสุขสมไปอีกรอบ เจ้าชายอัทธายุทรงใช้โอกาสตอนนี้ทาบพระวรกายแข็งชันจนเกือบจะเป็นหินของพระองค์เข้ากับร่องก้นขาวๆ ถูไถปากทางเข้าสองสามครั้งก่อนจะจรดส่วนปลายเข้าไปตรงรูเล็กแคบ
ไทวาพยายามข่มความเจ็บปวดอย่างเต็มที่ แต่ก็เจ็บจนต้องยกมือขึ้นมากัดจนเลือดซึม ขณะเจ้าชายสามเองก็ทรงพยายามจะอดทน ทว่าแม้ต่างฝ่ายจะพยายามจนเหงื่อโทรมร่างไม่ต่างจากเพิ่งอาบน้ำเสร็จ เจ้าชายหนุ่มก็ยังทรงเข้าไปไม่ได้
ความอดทนของพระองค์จวนเจียนจะระเบิด ร่ำๆ จะทรงแทงพรวดเข้าไปข้างในอยู่หลายครั้งหลายหน ไม่ว่าจะมองหน้า มองปาก มองตา มองตัว มองหัวนม มองตรงไหนไทวาก็กำลังยั่วพระองค์อยู่ทุกที่
ถ้าไม่รักจริง ก็คงจะทรงโจนจ้วง ทะลวงเข้าไปแล้ว แต่นี่...
เจ้าชายเจ้ากรมฯ ทรงโน้มองค์ลงไปจูบปากแดงช้ำของเด็กหนุ่มเร็วๆ ก่อนจะทรงผละออก
“พี่เขย!”
ไทวาผวาตาม ความมืดที่เริ่มปกคลุมห้องทำให้เห็นไม่ชัด จึงต้องคว้าแว่นตามาสวมแล้วคลานตามไปถึงขอบเตียง เจ้าชายอัทธายุทรงหันกลับมาอย่างพยายามอดทน ส่วนกึ่งกลางพระวรกายผงาดง้ำ ผงกหงึกอย่างน่ากลัว
“ไทนอนพักไปก่อน พี่ไปห้องน้ำเดี๋ยว”
“พี่เขย”
เด็กหนุ่มฉวยข้อพระหัตถ์เอาไว้ อายสุดอาย แต่เขาก็รู้ว่าเรื่องอย่างนี้รอไม่ได้
“ไททำให้ครับ ไทอยากทำให้พี่เขย”
“ไท... อึก...”
แค่ถูกมือนุ่มๆ แตะต้อง ก็ทรงเสียววาบไปทั้งท่อนลำ ไม่ต้องพูดถึงตอนที่อีกฝ่ายใช้สองมือช่วยขยับชักขึ้นลงถวายอย่างไม่ประสีประสา แต่ดูก็รู้ว่าพยายาม
เด็กหนุ่มขยับออกมามากขึ้น เจ้าชายอัทธายุทรงก้าวเข้าใกล้ตามแรงดึง ไทวาตวัดลิ้นแลบเลียส่วนปลายอย่างกล้าๆ กลัวๆ ครั้นเหลือบตาขึ้นไปมองสบกับสายพระเนตรที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความปรารถนา เขาก็ทั้งสะท้านใจทั้งเกิดความฮึกเหิมอย่างแรงกล้า ตัดสินใจรับท่อนลำใหญ่โตที่แค่จับก็ร้อนแทบจะลวกมือเข้าไปในโพรงปากชุ่มชื้น
เจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณทรงก้มลงทอดพระเนตรริมฝีปากแดงๆ ที่ขยับเข้าขยับออก เสียดสีกับส่วนนั้นของพระองค์ ขยับปากและเรียวลิ้นอย่างตั้งอกตั้งใจ และพยายามจะรับพระองค์เข้าไปให้ได้ลึกๆ แล้วก็ทรงนึกรักขึ้นมาเป็นกำลัง รู้สึกดีจนแทบจะแตกออกมาเสียเดี๋ยวนี้ แต่ก็ทรงยั้งเอาไว้
ไทวาชาไปหมดทั้งปากทั้งมือ อุปาทานไปเองรึเปล่าก็ไม่รู้ ที่รู้สึกว่าสัดส่วนใหญ่โตของพี่เขยพองขยายขึ้นอีก ความพยายามจะกลืนกินเข้าไปให้หมดทำให้ถึงกับสำลัก กระอักกระไอจนตัวโยน เจ้าชายอัทธายุทรงเชยคางมนขึ้น ลูบแก้มลูบปากประทานให้
“ใจเย็นๆ ไท ไม่ต้องรีบ ไม่หมดก็ไม่เป็นไร พี่ใกล้แล้ว”
“พี่เขยรู้สึกดีไหม” ไทวาทูลถามน้ำตาคลอ รู้สึกเหมือนยังถูกสากหินทิ่มคออยู่ ปากชาจนแทบหุบไม่ลง
“ดีครับ ดีมาก”
ไทวาหน้าร้อนผ่าว กลืนน้ำลายลงคอแล้วก็รับพระองค์เข้าไปในปากอีกครั้ง ดูดแรงๆ และเลียเร็วๆ ยิ่งเจ้าชายหนุ่มทรงครางซี้ดอย่างพึงพอใจมากเท่าไร เขาก็ยิ่งขยับเร็วขึ้นอีก
“อา... ไท... ไทวา พอแล้ว พี่จะแตก”
แค่ได้ยินพระสุรเสียงแหบพร่าก็เสียวซ่านไปทั้งตัว เจ้าชายอัทธายุทรงดึงผมเกรียนๆ ของเด็กหนุ่มแรงๆ ทว่าแทนที่ไทวาจะถอนปากออก เขากลับดูดแรงขึ้น แม้จะถูกดึงอีกครั้งจนเจ็บหนังศีรษะแต่ก็อดทน
“ท... ไท... อาห์...”
หยาดพระอารมณ์ขุ่นร้อนพุ่งพรวดเข้าไปในลำคออย่างกะทันหัน แม้จะเตรียมใจรับเอาไว้แล้วแต่เพราะมีมากมายเหลือเกินจึงรับเอาไว้ได้ไม่หมด ถึงกระนั้นเมื่อถอนปากออกแล้วก็ยังขยับมือชักถวาย
เด็กหนุ่มหลับตาเมื่อลาวาสีขาวพุ่งกระฉูดมาถึงดวงตา ครั้นลืมตาขึ้นมาอีกครั้ง ภาพที่เห็นผ่านแว่นตาเปรอะเปื้อนก็คือสายพระเนตรเข้มข้นลึกล้ำที่ทอดมองลงมา
แสงสุดท้ายของวันภายนอกหน้าต่างค่อยๆ ลับหายไปแล้ว ทว่าก่อนหน้านั้น ภาพหยาดอารมณ์สีขุ่นข้นสาดพ่นไปตรงแว่นตาเชยๆ แล้วค่อยๆ หยดแหมะลงมาบนเตียง เผยให้เห็นดวงตาที่มองมาอย่างแสนรักก็ได้กลายเป็นภาพติดพระเนตรของเจ้าชายสามแห่งเรืองอรุณไปเสียแล้ว
เร้าอารมณ์เสียจนอารมณ์ดิบถูกปลดผนึกให้ลุกฮือ
ว่ากันว่า เวลาสนธยาต่อค่ำเช่นนี้...
.
.
.
.
.
.
สัตว์ป่าจะออกหากิน
tbc.
*************************************************
รู้สึกตัวเองหื่นๆ ยังไงชอบกล