= 2 = หน้าห้องฉุกเฉิน แบมนั่งไหล่คู้น้ำตาเต็มแก้ม พี่ต้นโอบอยู่ใกล้ๆ พวกพี่โชคกับเพื่อนสองสามคน
นั่งไม่ห่างกัน ไอ้เอ็กซ์หัวเอียงไปกับผนังมันเมามาก แต่ละคนดูไม่ค่อยดีเลย สภาพอิดโรยถ้วนหน้า
“บูตัส..” ทุกคนเห็นโจ๊กประคองผม พากันรี่เข้าหา
“บอลล่ะ..บอลลูนเป็นไง” รีบถามอาการน้องก่อน ใจหวิวไปหมด
“ไม่ต้องห่วงนะครับ พี่ปฐมพยาบาลเบื้องต้นก่อนถึงมือหมอแล้ว” พี่โชคพูดให้สบายใจ
แต่ยังไงล่ะ..ตอนนี้น้องยังไม่ออกจากห้องฉุกเฉินเลย
“บู..กูขอโทษ..ฮืออๆๆ” แบมมันเข้ามากอด ผมกอดตอบมันแน่น
เราพากันร้องโฮอย่างไม่อายใคร ตอนนี้ผมต้องการอ้อมกอดมากที่สุด...
“ถ้าน้องมึงเป็นอะไรไป กูคงไม่อภัยตัวเอง ฮือๆๆ ขอโทษนะบูตัส” มันร้องจนตาสวยบวมแดง
บอลลูนต้องไม่เป็นอะไรสิ มันหวังดีอยากช่วย ผมต่างหากที่ผิดสัญญากับพ่อแม่ ไม่ใช่ความผิดพวกมันเลย
“อย่าโทษตัวเอง มึงไม่ได้ต้องการให้เป็นแบบนี้ กูเองที่ไม่ดูแลน้อง กูทิ้งบอลมัน..ฮึก..ฮือๆๆ”
ทรุดเข่าลงกับพื้น ยกมือพนม โจ๊กพยายามดึงลุก แต่ผมขืนตัวไว้เต็มที่ อ้อนวอนสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งน้ำตา
“สิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลายครับ โปรดช่วยบอลลูนให้ปลอดภัยด้วย อย่าพรากน้องผมไป ท่านเอาพ่อกับแม่เราไปแล้ว..
อึก..เห็นใจเด็กกำพร้าด้วยนะคร้าบ..ฮือๆ เราเหลือกันสองคน อย่าเอาน้องผมไปเลย ได้โปรดกรุณาผมด้วย..ถ้าอยากได้
เอาผมไปแทนเถอะน้า ผมอยู่ไม่ได้จริงๆ อย่าพรากน้องไปเลยครับท่าน..ฮือๆๆ” ก้มหัวกราบหน้าห้อง ตัวสั่นไปหมด
เหมือนจะหายใจลำบาก มันทรมานจริงๆ
“บูมึง..แม่งโว้ย!!..ทำไมต้องเป็นแบบนี้ด้วยวะ” โจ๊กปาดน้ำตาทิ้ง มันกลั้นสะอื้น ทุกคนต่างเสียใจ
แบมพี่ต้นรวบไปกอดลูบหัวอย่างอ่อนโยน
ไฟแดงบนประตูดับลง หมอชุดกราวน์เดินออกมาพร้อมพยาบาล ผมพุ่งพรวดเข้าไปจับชายเสื้อคุณหมออย่างลืมมารยาท
“คุณหมอครับ น้องปลอดภัยใช่ไหม” มือปาดน้ำตา ทำยังไงก็ไม่หยุดไหล ป้ายแล้วยังทะลักอีก
รนถามปากสั่น ลุ้นคำตอบแทบหยุดหายใจ
“โชคดีครับ น้องคุณปลอดภัย ต้องนอนดูอาการสักระยะ ตอนนี้คนไข้ยังไม่ฟื้น แรงกระแทกทำให้ศรีษะ
รับความกระทบกระเทือน มีอาการบวมบริเวณก้านสมอง แต่ไม่มีเลือดตกใน ไม่มีส่วนของร่างกายแตกหัก
ยกเว้นแขนขวาไหล่หลุด หมอใส่เฝือกอ่อนให้แล้ว ถุงลมนิรภัยกับเบลล์ช่วยได้มาก คนป่วยมีแอลกอฮอลล์
ในกระแสเลือด แต่ยังมีสติคาดเข็มขัดนิรภัย ถือว่าโชคดีครับ คงต้องรอฟื้นเช็คอาการกันอีกที สมองส่วนนี้มีความสำคัญ
หากมีผลข้างเคียงญาติต้องทำใจเผื่อไว้ด้วย”
ผมกราบลงบนอกหมอ ขอบคุณอย่างสุดซึ้ง หลังฟังประโยคน้ำทิพย์หยดลงกลางใจ ขับไล่ความหนาวเยือก
ให้อุ่นซ่านขึ้นอีกครั้ง น้องปลอดภัยแล้ว บอลลูนยังอยู่กับผม...
“ขอบคุณมากครับหมอ” ขอบคุณครับพ่อ..แม่ ที่ช่วยน้องเอาไว้ ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งหลาย
ที่รับฟังคำวิงวอนของผม ไม่พรากน้องไป ผมก็สำนึกในความเมตตามากแล้ว ดีใจที่น้องปลอดภัย บอลลูนยังอยู่กับพี่..
ขอบคุณสิ่งศักดิ์สิทธิ์อีกครั้ง..?
“เยี่ยมได้ที่ห้องพิเศษ อย่ารบกวนมากนะครับ คนป่วยจำเป็นต้องพักผ่อน หมอขอตัวก่อน” หมอบอก
ผมพยักหน้ารัว สักครู่บุรุษพยาบาลเข็นเตียงน้องออกมา รีบเข้าประกบพร้อมกนก แบม โจ๊ก พี่ต้นและพี่ๆที่ตามมาสามสี่คน
ส่วนพี่ชายเอ็กซ์ลากมันกลับไปแล้ว เมาหมดสภาพ
แขนน้องมีเข็มน้ำเกลือจิ้มอยู่ ไหล่ขวาใส่เฝือกอ่อน หัวมีผ้าขาวพันรอบแต่ไม่มีรอยเลือด
หมอบอกก้านสมองบวม น้องนอนเหมือนหลับ หน้าหล่อมีรอยเขียวตรงโหนกแก้มนิดหน่อย แต่ไม่มีแผลแตกโล่งไปเยอะ
ประสบการณ์ครั้งนี้ สอนให้รู้ซึ้ง ชีวิตชั่วพริบตาจริงๆ ไม่ควรนำมาทดสอบล้อเล่น ผมจะกลับไปดูแลน้อง
ใครคิดยังไงก็ช่างเถอะ การเฉียดวิกฤตความสูญเสียครั้งนี้ ทำให้รู้ใจตัวเอง
หัวใจผมเต้นแปลกๆ เป็นเพราะ..รักน้อง ไม่ใช่รักอย่างพี่ชาย รักของผมมันมากกว่านั้น ห่วงใยเป็นพิเศษ..
รักเกินปกติ ลึกกินใจหมดแล้ว ทำไมถึงยอมน้องตลอด..อภัยให้น้องในสิ่งที่ถูกกระทำง่ายดาย..’เพราะรัก’
แม้จะเสียใจไม่น้อย ที่น้องรุนแรงโหดร้ายใส่ แต่พอได้ยินแค่คำพูด ’ห่วงนะ’ จากปากบอลลูน
ซึ่งไม่คิดว่าจะได้ยินด้วยซ้ำ กับรู้สึกอุ่นวาบในอก แม้แต่จมูกโด่งกดหอมบนแก้ม หน้าผมกับร้อนผ่าว อกซ้ายเต้นรัวกระหน่ำ
ปฏิกิริยาที่ส่งผลกระทบต่อแรงเต้นของหัวใจ มีสาเหตุเดียว..ผมรักบอลลูน
‘My Love’ ของผม...?
ผมไม่หนีไม่ทอดทิ้งน้องแล้ว ครั้งนี้ได้บทเรียน แบมเองไม่ต่างกัน โจ๊ก กนกเพื่อนที่เคียงข้าง
เรากุมมือกันสี่คนยืนติดขอบเตียงน้อง มองหน้าหล่อที่หลับสนิทไม่รับรู้รอบข้างกันอย่างเงียบๆ
“กูไม่ทดสอบอะไรแล้ว บอลมันหวงมึงมาก ยอมให้ไปกับใครไม่ได้ สิ่งที่น้องมึงแสดงออก
ตอบโจทย์ได้มากกว่าปากพูดอีก ส่วนมึงคงไม่ต้องพูดอะไรมาก ถึงกับช็อกหมดสติ ดีที่โจ๊กมันรวบไว้ทัน
ไม่อย่างนั้นหัวฟาดหนักหนาสาหัสเลยกู ไม่เสี่ยงแล้วว่ะ ชีวิตคนมันสั้น ทำอะไรไม่ควรชักช้า บทเรียนครั้งนี้สอนเยอะ
มึงคงไม่อึนอีกนะ..บูตัส” สวยตัวแม่พูดหลังมือปาดน้ำตาไปด้วย พี่ต้นไปส่งเพื่อน ยังไม่มีใจขอบคุณใครเลย
ที่มาเป็นกำลังใจให้ ไว้ค่อยชดเชยทีหลังแล้วกัน
เราต่างอยู่กันเงียบๆ นาทีชีวิตที่เห็นต่อหน้าต่อตา ทำให้รู้ใจตัวเองผมไม่แย้งคำพูดของแบม เป็นการยอมรับปริยาย
เหตุการณ์สอนให้เราโต ชีวิตไม่ควรประมาท พรุ่งนี้พ่อแม่ผู้หลักผู้ใหญ่คงมาเยี่ยม ยังดีที่พวกมันมีสติไม่ตื่นตกใจ
โดยเฉพาะพี่ต้นพี่ชายที่อบอุ่นเสมอมา ยังไม่ได้ขอบคุณเลย
โจ๊กพูดตอนแรกไม่กล้าโทรบอก ดึกแล้วไม่อยากให้ผู้ใหญ่ตกใจ ยิ่งพี่โชคตรวจบอลลูนเบื้องต้น
ยืนยันไม่อันตรายถึงชีวิต เคราะห์ดีพี่โชคอยู่ นักเรียนแพทย์ช่วยได้มากทีเดียวในนาทีวิกฤติ ผมควรขอบคุณเป็นพิเศษ
คนชนเขาไม่ผิด บอลลูนพุ่งรถกะทันหัน ต้องให้ประกันเคลียร์ รถเป็นชื่อผม พวกพี่ต้นไม่ให้เรียกตำรวจ
คนของเราผิด ที่แย่คือบอลลูนไม่มีใบขับขี่แถมเมาด้วย ประเด็นนี้ต้องระวังกันสุดๆ...
โจ๊กไปส่งกนก บอกพรุ่งนี้จะมาแต่เช้า แบมเพิ่งกลับไปพร้อมพี่ต้น พี่เขาซื้อผลไม้กับรังนกมาฝาก
กังวลกลัวผมล้มป่วยอีกคน อยากเถียงไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น ที่หมดสติคงช็อกกับภาพตรงหน้ามากกว่า
นอนไม่หลับได้แต่นั่งกุมมือน้องอยู่ข้างเตียง จ้องหน้าไม่วางตา มือน้องใหญ่กว่าผมอีก เอามาประกบไว้
ส่งผ่านความรู้สึกให้รู้ ผมอยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนแล้ว สัญญาจะดูแลเหมือนที่ผ่านมา หวังว่าบอลลูนจะรีบฟื้นขึ้นมาไวๆ
จะแกล้งหรือทำร้ายผมอีกก็ไม่โกรธ อย่างน้อยน้องยังคงอยู่ ดีกว่าจากตายแล้วผมไม่เหลือใครเลย..
น้องยังคงดูดีจนยากปฏิเสธ ไม่ได้หลงเพ้อ เพราะหน้าตาที่ติดตัวแต่กำเนิด ทำให้เกิดปัญหาอุบาทว์
แค่ป.6 ตัวโตเกินวัย น้องโดนลวนลามจากตุ๊ดเลว ถึงแม้ไม่เสียเชิงชาย แต่คงเป็นแผลในใจมากทีเดียว
ตอนเด็กเราแทบไม่ห่างกัน บอลลูนอยู่ป.3 ผมอยู่ป.6 สามปีที่ย้ายมาเรียนที่ใหม่ ความห่างเริ่มมีขึ้น
จนเกิดช่องว่างเลวร้ายลง ความจริงมากมายประเดประดังรุมเร้ากันเข้ามา นึกดูก็สงสารน้องที่ต้องแบกรับไว้
ยิ่งวันที่สูญเสียเสาหลัก ความสัมพันธ์พี่น้องแทบหดหาย ผมเคยตั้งคำถาม แม้วันนี้ได้รับคำตอบมาบ้างแล้ว
แต่ยังไม่เคลียร์ทั้งหมด บางทีความลับส่วนตัวของน้อง ยังแอบซ่อนเก็บไว้ในใจอีกเยอะ ถ้าน้องเขียนไดอารี่เหมือนผมคงดี
ต้องลองแอบค้นดู เผื่อรู้จักบอลลูนเพิ่มขึ้น ผมอยากเข้าใจน้องให้มากกว่านี้
“บู..บูตัส..ลุกนอนโซฟา..มึง” เสียงใครปลุกข้างหู งัวเงียนิ้วขยี้ตา
“โจ๊ก..มาตั้งแต่เมื่อไหร่” มันถือปิ่นโตมาด้วย
“ข้าวต้มร้อนๆ แม่กูฝาก สายๆจะมาเยี่ยม” ไม่ตอบ พูดไปอีกเรื่อง
“ขอบใจมาก” ชำเลืองไปข้างหลัง
“ยังไม่มีใครมาหรอก หนกมันเพลียจัดกูให้พักก่อน สายๆค่อยโผล่ วันนี้ไม่มีใครไปติว
ไอ้เขมกับเพื่อนบอลเดี๋ยวก็มา รู้กันหมดแล้วนี่หว่า เสือกมีเบอร์กูโทรถามให้วุ่น เผลอให้พวกมันตอนไหน”
มันรายงานรวดเดียว
“อืม..แล้วเรื่องรถ” ผมกังวลอีกเรื่อง กลัวเป็นคดีความ
“พี่ต้นเป็นธุระแล้ว บ่ายนี้ประกันจะนัดเซ็นต์เอกสาร ส่วนรถลากไปทิ้งให้ศูนย์ ซ่อมเยอะแนะนำให้ขายดีกว่า
ของแบบนี้ซ่อมแล้วไม่อยากให้เอามาขับอีก ขายเถอะ” ผมพยักหน้าแกนๆ รอดูน้องฟื้นมาก่อน ผมไม่มีปัญหาหรอก
“กูห่วงบอล..โจ๊ก” เสียงเครืออีก
“ห่วงตัวมึงด้วย ไปนอนสักงีบ เดี๋ยวกูปลุก” มันเตือน
“ไม่แล้วล่ะ ล้างหน้าก็โอ” ผมปฏิเสธ ตื่นแล้วไม่อยากนอนต่อ ที่หลับคงเผลอ ไม่รู้วูบไปตอนไหน
“มึงไม่มีเสื้อผ้าเปลี่ยน เอาไง..โทรบอกแบมเอาที่คอนโดมาไหม”
“ก็ดี..” พยักหน้าเห็นด้วย
“บ้านมึงล่ะ แวะไปดูหน่อยดีกว่า บ่ายไอ้หนกมันมาให้มันไปส่ง”
“ถ้างั้นกูแวะเก็บกระเป๋าที่คอนโดทีเดียว จัดของใช้มาเองเลย ได้ไม่ต้องเดือดร้อนแบมมันด้วย”
ไหนๆต้องกลับบ้านย้ายเลย ฝากแบมมันดูบอลลูนสักสองชั่วโมงคงได้
“แล้วแต่มึง” ผมทานข้าวต้มฝีมือแม่โจ๊กไม่กี่คำก็ตื้อ ความจริงฝืนกินไม่อยากให้คนทำเสียน้ำใจ
ไม่หิวเท่าไหร่ไม่รู้รสชาติสักนิด หมอเข้ามาตรวจร่างกายน้อง ผมลุ้นฟังใจจดจ่อ
“สภาพร่างกายดีขึ้นครับ รอคนไข้ฟื้นอย่างเดียว” ฟังคุณหมอบอก อย่างน้อยก็เบาใจได้มาก
“จะให้พยาบาลเช็ดตัว หรือญาติจัดการเองค่ะ” พี่พยาบาลถาม
“ทำเองดีกว่าครับ” ยื่นมือไปรับอุปกรณ์ พี่เค้ายิ้มใจดีให้
“ช่วยไหม” โจ๊กถาม หลังผมถือชามน้ำอุ่นออกมาจากห้องน้ำ
“อืม..ล็อกประตูก่อน ช่วยถอดเสื้อให้หน่อย” กลัวทำบอลลูนเจ็บ ไหล่น้องใส่เฝือกอ่อน
โจ๊กตัวมันใหญ่พอกับบอลลูน ใช้แรงได้สะกวดกว่า
“เอาเลยไหม” ผมพยักหน้า มันเดินไปล็อกประตู ก่อนกลับมาช่วยปลดสายผูกเสื้อคนป่วยออก
ผมบิดผ้าขนหนู เช็ดให้อย่างเบามือ เริ่มจากหน้าน้องก่อน ไม่ลืมเอาน้ำกินลูบริมปากให้ด้วย ช่วยชุ่มชื้นไม่แห้งแตก
จากนั้นค่อยซักบิดเช็ดตามคอ ไหล่ หน้าอก หลัง ตัว นึกถึงตอนบอลลูนยังเด็กผมช่วยแม่ดูแล
พานทำให้มือเบาทะนุถนอมไม่งุ่มง่าม นึกไปด้วยเผลอน้ำตาหยดจากปลายคาง กระทบผิวน้องจนได้ เศร้าจัง...?
“บู..มึงอย่าร้อง บอลมันไม่ได้เป็นอะไรมาก หมอก็บอกแล้วนี่นา” โจ๊กมันบีบไหล่ให้กำลังใจ
ยิ่งสะอื้นเข้าไปใหญ่ ถึงกับมุดหัวซุกอกโจ๊กอย่างไม่อายแล้วตอนนี้ อยากให้ใครซักคนยืนยันว่าบอลลูนจะตื่นขึ้นมาจริงๆ
“ใจดีดี..มึงเป็นคนเข้มแข็งมาตลอด พักนี้บ่อน้ำตาตื้นบ่อยนะบู” มันพูดกึ่งแซวให้เขิน
โอบกอดผมทั้งตัว อบอุ่นจัง..คงไม่อยากเห็นผมเศร้า
“ขอบใจมาก..โจ๊ก” ผมดันตัวมองหน้าหล่อคม อย่างน้อยยังมีเพื่อนอยู่เคียงข้าง
ไม่อย่างนั้นคงเคว้งคว้างหว้าเหว่ไปไม่เป็นเชียว
“ต้องอย่างนี้สมเป็นบูตัส แชมป์ห้องปกครองสามสมัย” มันเอามือขยี้หัว หลิ่วตาแกล้งผมใหญ่
“เหี้ย..โจ๊ก” เผลอยิ้มจนได้ โจ๊กหัวเราะโชว์ฟันสวย หลังสามารถทำให้ผมเหวี่ยงเปลี่ยนจากเศร้าสำเร็จ
เช็ดตัวบอลลูนเสร็จ ค่อยช่วยโจ๊กเปลี่ยนเสื้อผ้าให้น้องทุลักทุเล แต่ก็ผ่านไปได้ด้วยดี
มีโจ๊กคอยเป็นกำลังหลัก จับน้องพลิกตัวได้ไม่ลำบาก
“นี่ถ้ากูเป็นตุ๊ดโดยสายเลือดนะมึง คงอดใจหลงรักบอลมันอีกคน” พึมพำให้ผมฟัง
หน้าคมหล่อจ้องหน้าขาวของบอลลูนนิ่งๆ
“อะไร เกิดเปลี่ยนใจอยากเป็นตุ๊ด” ผมแหย่
“หมายถึง ถ้ากูเป็นตุ๊ดจริงชอบผู้ชาย น้องมึงคือคนแรกที่กูจะจีบ..หล่อเหี้ยตั้งแต่หัวจรดเท้า..กูยอม”
มันพูดไม่ดูตัวเองสักนิด
“มึงก็หล่อ” ผมชมจากใจ
“ไม่ต้องย้ำกูรู้ตัวกูหล่อ ที่พูดให้ฟัง หลังจากนี้มึงต้องชัดเจนบูตัส!” แหวะ!!..ไม่ถ่อมตัวเลย
มันจ้องผมจริงจัง แววตาไม่ล้อเล่น
“ชัดเจนเรื่องอะไร” แอบสงสัย
“มึงรักน้องไปแล้ว ยอมรับใจตัวเองซะ” ผมนิ่ง ไม่เถียง
“แล้วไง” หลังเงียบอยู่อึดใจ ผมเป็นฝ่ายเอ่ยปากก่อน
“ไม่ต้องงุบงิบเป็นพี่ชายที่แสนดี ให้ชะนีคว้าไปแดกอีกเด็ดขาด” ตาเหลือก มองหน้าโจ๊กอย่างตะลึงลาน
“กูคงทำหรอก บอลลูนได้โกรธกูพอดี” พูดตามที่คิด น้องคงชอบหรอกขืนผมวุ่นวายชีวิต นอกจากดูแลอย่างเคย
“บูตัส..มึงอึนหรือโง่ห๊ะ..ยังไม่รู้อีกว่าน้องมันคิดยังไงหืม” โจ๊กเริ่มรำคาญผมบ้างแล้ว
“กะ..กูไม่แน่ใจ บอลลูนจะคิดแบบนั้น” ผมอึกอัก
“ไม่คิดมันจะหึงมึงเหรอะ มีอะไรกับมึงถึงสองครั้งนั่นอีกล่ะ”
“น้องทำเพราะโมโหอารมณ์ชั่ววูบ ไม่ได้ทำเพราะรัก” ผมเถียง
“บู..ผู้ชายลองไม่มีใจ แตะหรือเฉียดยังไม่อยากใกล้เลยมึง ต่อให้นอนถ่างขาตรงหน้า
ถ้าลองไม่เอาก็คือไม่ ที่บอลมันทำส่วนหนึ่งใช่โมโห แต่อารมณ์ส่วนลึกจนเสร็จสม ทั้งที่ปากบอกเกลียดตุ๊ด
แล้วไง..ทำไมล่อมึงได้ตั้งสองครั้ง กำลังสับสนความรู้สึก ล้านเอาบาทเอาหัวเป็นประกัน มันรักมึงชัวร์ เลิกอึนได้แล้ว..อีห่า”
ร่ายยาวเลย แต่ผมยังคงอิหลักอิเหลื่ออยู่ดี
“ลูกแพรละมึง น้องคบเธออยู่” บอกความกังวลที่ติดในใจ
“ความรักบางครั้งอาจเห็นแก่ตัวไม่ใช่เรื่องแปลก ถึงขั้นปล่อยไปมีใครต่อใคร กูว่ารักแบบนั้นโง่บรรลัย
ยอมเป็นควาย หวังว่ามึงคงไม่..บูตัส” ผมนิ่ง ใครอยากให้เป็นแบบนั้นกัน ยกเว้นไม่มีทางเลือก..
“ไอ้บอลมันเฮิร์ทหรือไงวะ” น้องเอกบ่น พวกน้องๆมากันเต็มห้อง ผู้ใหญ่ยังไม่มีใครมา
ไอ้เถื่อนเขมมองผมเงียบๆ คงเห็นผมตาบวมร้องหนัก เลยไม่มีภาษากวนจากปากมันให้แสลงหู
“เรื่องนั้นใช่เปล่า” น้องวิทย์ถาม
“นอกจากเรื่องนั้น ยังมีเรื่องไหนอีก” น้องเอกยืนยันมั่นใจ
“กูว่าไม่วะ มันเป็นคนบอกเลิกไม่ใช่ถูกหักอก” น้องหนุ่ยเงียบนาน แสดงความคิดเห็นขึ้นมา ผมถึงกับหูผึ่ง...
“แต่เราไม่รู้ปัญหาแท้จริง..ทำไมมันถึงบอกเลิกลูกแพร ทั้งที่ผู้หญิงออกจะหลงหัวปักหัวปำ ถ้าไม่ใช่เรื่องนี้
แล้วอะไรทำให้เมาจนแป็นเรื่องได้” น้องเอกยังคงวิเคราะห์หาสาเหตุ
“กูแปลกใจ ปกติไอ้ห่าบอลคอแข็งจะตาย” น้องวิทย์เสริม
“กูว่าอย่าเพิ่งวิเคราะห์ดีกว่า รอมันฟื้นค่อยเค้นคอถาม ขืนปล่อยให้อมพะนำต่อคงไม่ได้แล้ว..แม่ง” น้องหนุ่ยตัดจบ
สรุปบอลลูนบอกเลิกลูกแพร เย็นวันศุกร์ที่ไปหาผมคอนโดวันแรก ไม่น่าจะเลิกแล้วหรอก
ผมยังยกมาประชดน้องอยู่เลย
“น้องเอก บอลเลิกกับลูกแพรเมื่อไหร่” ปากไวโพล่งถามไปแล้ว
“พี่บูไม่รู้เหรอครับ คืนวันศุกร์มันโทรไปขอเลิกกับลูกแพร ดึกแล้วเธอโทรถามผม ร้องไห้ใหญ่” น้องเอกเล่าให้ฟัง
“บอกไหม ทำไมบอลลูนขอเลิก” ผมใจเต้นตึกตักๆ
“มันบอกเจอคนที่รักแล้ว ที่ผ่านมาให้ถือว่าศึกษากันมาพอแล้ว เธอไม่ใช่คนที่มันรัก..แค่นี้ครับ”
รู้สึกอกซ้ายเหมือนจะทะลุ คงไม่ใช่ที่บอกว่าจะจัดการคือเรื่องนี้สินะ
“บอลไม่ได้บอกเราใช่ไหม ใครคือคนนั้น” ถามรัว โจ๊กเหลือบตามองอย่างรู้ทัน ชั่วโมงนี้ไม่สนใจแล้ว ลุ้นระทึก...
“ไม่ครับเธอพูดให้ฟังแค่นี้ พวกผมยังพากันสงสัย ใครทำให้ไอ้หรั่งเทวดาสะบั้นรักลูกแพรข้ามวัน”
เผลอถอนหายใจอย่างลืมตัว อย่างน้อยไม่มีใครระแคะระคาย การสนทนากลายเป็นปริศนาทิ้งให้ทุกคนหาคำตอบ
สำหรับผมแอบเข้าข้างตัวเองไปแล้ว
รอให้มั่นใจเต็มร้อย นอกจากคนหลับไม่ฟื้นจะเป็นคนพูดจากปาก หวังน้องจะยอมบอก
ไม่ใช่แหย่เล่น..’เป็นผัว’ หัดจำไว้ด้วย ประโยคนี้มีอะไรมากกว่านั้นหรือเปล่า..ใช่ไหมบอลลูน...?
มาอัพให้แล้วนะคะ มาม่าบอลลูนเพิ่งเริ่มต้นค่ะ
สำหรับคนที่หมั่นไส้น้อง ไปอีกสักหน่อยอาจเปลี่ยนใจ
เรื่องนี้ คนเขียนมีจุดมุ่งหมายให้คนอ่าน ได้สัมผัสถึงความรัก ระหว่างเพื่อนแท้
พี่น้อง คนรัก และการเสียสละในทุกด้าน คนเรามีโอกาสผิดพลาดกันทั้งนั้น
เนื่องจากเราทุกคนไม่สามารถมองเห็นอนาคต แต่เราสามารถจัดการปัจจุบันปูพื้นฐาน
เพื่อเป็นแนวทางในอนาคตได้ ทุกอย่างต้องอาศัยสติ รอบความ บนความไม่ประมาทเป็นหลัก
Luk.
ปล.เจอกันอีกที วันอาทิตย์นะคะ ขอบคุณทุกคอมเม้นท์ทุกรีไพฯ ในความคิดเห็น และกำลังใจที่มอบคืนแก่กัน
รักคนอ่านและซาบซึ้งในอ้อมแขนที่โอบกอด พองเพื่อนน้องๆ กลุ่มนี้ทุกคน
ปลล2.
มาอ่านอีกที
บอลในเรื่องนี้เป็นคนเจ้าอารมณ์ เลือดร้อน อารมณ์ร้อนตามประสาวัยรุ่น ไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ ขาดสติยับยั้งชั่งใจบ่อยครั้ง
จนส่งผลให้เป็นการทำร้ายทั้งตัวเองและคนรอบข้างอยู่ในขณะนี้ มันไม่ใช่แค่ตัวเราเองจะเจ็บแต่คนอื่นจะเจ็บไปด้วย
เหมือนตอนที่บอลว่าบูบ่อยๆและข่มขืนบู จนบูทนไม่ได้ต้องหนีออกจากบ้านไป
หรืออย่างที่บอลโดนรถชน บูตัสและแบมก็โทษว่าเป็นความผิดตัวเอง
ทั้งๆที่มันเป็นอุบัติเหตุเกิดจากอารมณ์ของบอลและน้ำเมาล้วนๆ
เหตุการณ์นี้ จริงๆแล้วสอนให้เรารู้ว่าทำอะไรอย่าใช้แต่อารมณ์ อย่าหุนหันพลันแล่น รู้จักควบคุมอารมณ์
จงมีสติ มีเหตุผล คิดก่อนพูดและคิดก่อนทำเสมอ จะได้ไม่ต้องมาเสียใจในภายหลัง
คิดว่านี่คือสิ่งที่นักเขียนต้องการจะสื่อนะ
อยากบอกว่าถ้ามีรางวัลหรือการประกวด คุณได้รับไปเต็มๆ
แกะนัยยะที่แฝงได้ทะลุทะลวง เผลอทำงานเพลินกลับมาดูเม้นท์
อดไม่ได้ต้องมาแสดงตัวตนสักหน่อย
ขอบคุณที่พูดแทน เป็นกระบอกเสียงให้คนเขียน
หลายคนคาดเดา ความทรงจำเสื่อม อยากบอก ตั้งแต่เขียนนิยายมา
เรื่องนี้เป็นเรื่องที่ 8 ไม่มีเรื่องไหนที่คนเขียนคิดพ็อตสมองเสื่อมมาก่อน
แถมในเล้าฯ สมองเสื่อมของตัวเอกเยอะจนแยะไปหมด
เอาเป็นว่า บอกใบ้ได้อย่างหนึ่ง ไม่ใช่สมองเสื่อมแน่นอนค่ะ สบายใจได้
แต่เรื่องจะเป็นยังไง ไว้รออ่านนะคะ