อ้อมกอดเด็กช่าง ตอนที่ ๖
ห้องนอนขนาดกว้างซึ่งครบพร้อมไปด้วยเครื่องอำนวยความสะดวกแทบทุกชนิด หากแต่ไม่มีแม้หน้าต่างสักบาน ...แล้วที่นี่คือที่ไหนอีกล่ะเนี่ย
ช่างเถอะจะที่ไหนก็ช่าง ไม่มีแล้วคนที่หวังให้คอยช่วยเหลือ ไม่ว่าพี่ดิวจะใหญ่โตในโรงเรียนมากเท่าไหร่แต่นอกอาณาเขตของตัวเอง พี่ก็เป็นได้แค่มดน้อยตัวหนึ่งเท่านั้นเอง
อีกอย่างตั้งใจไว้แล้วนี่ว่าจะจบเรื่องด้วยตัวเอง ถึงไอ้ป่าเถื่อนฝิ่นมันยังยืนกรานไม่ยอมจบง่ายๆก็ตามที อย่างน้อยคงพอให้ประวิงเวลาไปได้จนกว่าจะเปิดเทอม เผื่อมันอาจเปลี่ยนใจมาลงที่เขาทุกอย่างดังที่ตั้งใจก็เป็นได้
เดินลากโซ่เส้นยาวเพื่อจะไปเข้าห้องน้ำผ่านเสื้อตัวที่แขวนหน้าตู้แล้วใจหาย ไม่ใช่กลัวสิ่งลี้ลับจากเจ้าของเสื้อนะ แต่มันรู้สึกละอายใจปนรับรู้ได้ถึงแรงแค้นของคนที่ยังอยู่ ถ้าไม่อาฆาตกันแรง คงไม่เก็บเสื้อไว้ในสภาพนี้เป็นแน่
“ขออโหสิกรรมแทนไอ้พงษ์ด้วยนะ” แก้วมองซากเสื้อด้วยใจห่อเหี่ยว ยังคงรู้สึกผิดอยู่ข้างในอย่างหลีกหนีไม่พ้น แม้พยายามยกข้ออ้างให้เพื่อนตัวเองชั่วน้อยลงเท่าไหร่ แต่ก็เท่ากับตนสนับสนุนให้เพื่อนเลวทางอ้อมมากเท่านั้น
ออกจากห้องน้ำเดินไปทางประตูห้องลองเปิดดูปรากฏว่ามันไม่ได้ล็อค หากแต่เปิดออกไปได้ก็พบกับแสงไฟสลัวตามทางเดินพร้อมราวบันไดทางด้านซ้ายมือ น่าจะไว้ใช้สำหรับขึ้นไปยังชั้นบน แต่เขาออกไปสำรวจมากกว่านี้ไม่ได้ ความยาวของโซ่พาให้เขาอยู่ได้เพียงบริเวณห้องเท่านั้น
อยู่คนเดียวที่ไหนก็อยู่ได้ ถึงจะในห้องแคบๆอย่างนี้ แต่เขากลับรู้สึกโล่งมากกว่าการอยู่ท่ามกลางผู้คน ถ้าเพียงแต่ขังเขาไว้อย่างนี้ไปเป็นปีเป็นชาติหรือตลอดชีวิต แล้วฝิ่นสบายใจ ลดความโกรธเคืองลงไปได้บ้าง ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับเขา แค่รำคาญไอ้ที่ติดอยู่ตรงข้อเท้าซ้ายบ้างเท่านั้น แต่หากเพียงเขาไม่ใส่ใจมองข้ามมันไป เขาก็ทนได้สบายมาก
.
.
.
ปัง! สะดุ้งตื่นเมื่อเสียงประตูปลุก เจ้าของห้องวางกระเป๋าใบหนึ่งหน้าประตูมองแก้วตาขวาง แก้วลุกขึ้นนั่งบนเตียงหยิบโทรศัพท์มาดูเวลาปรากฏว่าทุ่มกว่าแล้ว
“ไปโดนอะไรมาน่ะ” ทักออกไปคล้ายความเคยชินเมื่อเห็นฝิ่นคิ้วแตกกลับมา แผลก็ยังไม่ได้ทำ
“ยุ่ง!” ฝิ่นตวาดกลับทั้งเลี่ยงจากเตียงไปเปิดตู้หยิบผ้าขนหนูเดินเข้าห้องน้ำ
เฮ้อ ทำไมต้องอยู่ใกล้พวกชอบใช้ความรุนแรงตลอดด้วยนะ แก้วถอนหายใจรำพันกับตัวเอง
ไม่นานเสียงน้ำจากฝักบัวก็หยุดลง เจ้าของห้องเดินออกมาเช็ดผมอย่างลวกๆแล้วโยนผ้าใส่ตะกร้าที่อยู่หน้าห้องน้ำ เสร็จแล้วเดินกลับไปเปิดตู้หยิบบ็อกเซอร์ออกมาใส่ไม่ได้สนใจอีกคนที่อยู่ในห้องเลย
แก้วลุกจากเตียงลากโซ่ก้าวเท้าอย่างไวมายืนตรงหน้าฝิ่น
“เอ่อ มีอุปกรณ์ทำแผลรึเปล่า กูช่วยได้นะ” นี่เขาไม่ได้หวังผลอะไรเลยนะ แค่อยากช่วยจริงๆ แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับผุดขึ้นมาประจานความคิดของตัวเอง
“เสือก!” ทั้งตะคอกทั้งผลักไหล่แก้วให้ออกไปให้พ้นทาง เฮ้อ คนอยากทำดีด้วยก็ไม่เอา
ฝิ่นเดินไปเปิดลิ้นชักหยิบกล่องพยาบาลออกมาวางไว้บนโต๊ะ แก้วหน้าบึ้งไม่พอใจที่เมื่อกี้ถามแล้วไม่ยอมตอบแต่ก็เพียงครู่เดียวจากนั้นเขาก็ทำการลากโซ่ตามไปแย่งสำลีออกจากมือฝิ่น หยิบทิ้ง
“ที่จับก็มี” แก้วหยิบปากคีบออกจากกล่อง เทแอลกอฮอล์ใส่ฝาขวด คีบสำลีตัวใหม่มาจุ่มให้ชุ่ม ซับนิดหน่อยแล้วเอื้อมมือไปเช็ดแผลตรงหางคิ้วคนเจ้าคิดเจ้าแค้น ฝิ่นจิ๊ปากทำท่ารำคาญเขาเสียเต็มที่
“จิ๊ เหี้ย เบาๆกูแสบ” แก้วแอบกลั้นหัวเราะ
“ไปโดนอะไรมาเหรอ” ถามออกไปก็เห็นสีหน้าคนตรงข้ามที่ดูจะไม่พอใจ
“คิดไม่ถึงว่าไอ้ดิวจะกล้ายกพวกมาหน้าบ้านกูเชียว” คำพูดที่ออกจากปากไม่รู้ว่ามันคือคำตอบรึเปล่า แต่ที่กลับมาสภาพอย่างนี้ก็คงมาจากพี่ดิวสินะ ขนาดเขาทำตัวไม่ดีใส่ พี่ยังเป็นห่วงยังมีน้ำใจตามหาเขาอีก ยิ่งคิดยิ่งรู้สึกผิด
“หึ แต่โง่ๆอย่างนั้น กูปล่อยให้ค้นทั้งบ้านก็หาตัวมึงไม่เจอหรอก” ฝิ่นนั่งลงที่เก้าอี้ กอดอก ไขว้ห้างมองหน้าแก้วบ้าง มันกวนอารมณ์แก้วชะมัด
“ก็เล่นมีห้องใต้ดินนี่เนอะ” แก้วแขวะ แล้วคีบสำลีตัวใหม่ชุบยาแดงก้มตามไปเช็ดแผลและรอบๆซ้ำก่อนจะใช้ผ้าก๊อซปิดแผลไว้เป็นอันเสร็จ งานอย่างนี้เขาถนัดนัก
“อย่าคิดว่าทำอย่างนี้แล้วจะช่วยอะไร เก็บเข้าที่ด้วย”
“คนใจดำ” แก้วพึมพำประท้วงเบาๆตามหลัง เก็บกล่องพยาบาลปึงปังเข้าลิ้นชักที่เดิมที่เจ้าของมันเอาออกมา
ตอนอยู่คนเดียวเขาสบายใจจะอยู่ในห้องนี้ยังไงก็ได้ แต่พอเจ้าของห้องกลับมาเขาก็ไม่รู้ว่าเขาควรอยู่ที่ไหน
ฝิ่นเดินไปอีกมุมซึ่งเป็นครัวเล็กๆ แต่แก้วยังคงยืนเก้ๆกังๆอยู่ที่เดิม
“แดกข้าวรึยัง” มันถามเสียงดังจากมุมครัว
“ยะ ยัง” เหมือนจะตะโกนตอบแต่น้ำเสียงมันเบาบางเหลือเกิน
“ทำไมไม่แดก หรือมึงตั้งใจจะอดข้าวตายจะได้รีบๆหนีความรับผิดชอบใช่ไหม?!” เฮ้อ ยังไม่ได้คิดอะไรอย่างนั้นเลยเหอะ
แก้วเดินตามเข้าไปในส่วนของครัว
“ก็ไม่รู้ว่าให้กินอะไรได้นี่” ไม่ได้ค้นอะไรในห้องสักอย่างเลยด้วย
“ปากดี” มันโผล่หน้าออกจากตู้เย็นมาว่าแก้วนิ่งๆ เขาเองก็เพิ่งรู้ตัว ลืมไปว่าควรจะทำตัวว่าง่ายกับมันเข้าไว้
นึกขึ้นได้จึงแย่งข้าวกล่องซีพีจากมือฝิ่นทั้งสองกล่องไปเวฟเอง จัดแจงใส่จานวางบนโต๊ะกินข้าวให้เสร็จสรรพอย่างไม่สนใจใบหน้าเบื่อหน่ายของเจ้าของห้องเลย
“ถอดออกซะ กูรำคาญเสียงมันฉิบหายแม่ง” ฝิ่นที่กินข้าวเสร็จก่อนโยนกุญแจดอกหนึ่งให้แก้ว แก้วมองหน้าฝิ่นอย่างข้องใจ แล้วจึงนั่งลงกับพื้นเพื่อปลดล็อกกุญแจที่ข้อเท้าออก ทั้งยังรู้สึกใจชื้นขึ้นมาแทนที่ความงุนงงอีกด้วย นี่ขนาดเขาเพิ่งทำดีกับมันแค่นิดหน่อยนะ ยังได้รับการตอบแทนขนาดนี้ ถือว่าคุ้มสุดๆ ยังไงซะคนทุกคนก็ต้องพ่ายแพ้ต่อความดีแหละน่า
“หึ เฉพาะตอนกูอยู่เท่านั้น” เหมือนมันจะรู้ว่าเขากำลังดีใจ
“ห๋า?”
“อนุญาตให้ถอดออกแค่ตอนกูอยู่เท่านั้น” มันว่าอย่างเหนือกว่า แก้วหน้ามุ่ยเพราะเมื่อครู่ยังนึกว่าความดีจะเอาชนะไอ้ป่าเถื่อนนี้ได้อยู่เลย
“กลัวกูหนีล่ะสิ” ถอดโซ่ออกได้ก็ลุกขึ้นยืนอย่างมาดมั่นทั้งยังเอ่ยวาจาท้าทายเจ้าของห้องอีก
“เหอะ ถ้าคิดว่าแน่ก็ทำ ไม่ต้องมาอวดดี เพราะถึงยังไงกูก็ไม่ปล่อยพวกมึงอยู่แล้ว” แก้วอ้าปากค้างนึกโมโหตัวเองที่แค่เถียงยังสู้มันไม่ได้ ไอ้ป่าเถื่อนแสยะยิ้มเดินชนไหล่เขาไปหยิบกระเป๋าที่ถือเข้ามาด้วยโยนขึ้นเตียง
“เสร็จแล้วก็ไปอาบน้ำซะ”
“เฮ้ยนี่มัน” แก้วเดินตามไปที่เตียงคิดว่ากระเป๋าใบนี้มันคุ้นๆนะจนกระทั่งรูดซิปเปิด
“กูให้คนไปขนให้จะได้ไม่มาเป็นเสนียดเสื้อผ้ากู” อยากยุ่งเกี่ยวกับเสื้อผ้ามึงตายล่ะ แก้วตอบในใจ “เร็วๆ จะได้ออกไปสักที”
“ไปไหน?” เขาย่นคิ้วถาม
“ฮึ่ย กูจำเป็นต้องตอบมึงไหม มึงอยู่ในฐานะอะไรสำเหนียกตัวเองบ้าง คนอย่างมึงมีหน้าที่ทำตามคำสั่งกูเท่านั้น จำใส่กะโหลกบางๆมึงไว้” พร้อมจิ้มหน้าผากเขาแรงๆก่อนมันจะออกกจากห้องไป
แก้วค้นกระเป๋าเจอผ้าเช็ดตัว แปรงสีฟันทั้งยังเสื้อผ้าอีกหลายชุด ...ตั้งแต่วันนั้นก็ไม่ได้กลับบ้านเลยนี่นา โทรศัพท์ก็โดนยึดเพิ่งได้คืน กุญแจบ้านก็คงยังโดนเก็บไว้อยู่ มิน่าถึงได้เข้าไปเก็บข้าวของเขามาได้ ไม่รู้ป่านนี้บ้านเขาจะเป็นยังไงบ้าง
แก้วหยิบเสื้อผ้าเข้าไปในห้องน้ำด้วย อาบน้ำเปลี่ยนใส่เสื้อยืดสีดำ กางเกงยีนส์ธรรมดา เปิดประตูห้องน้ำออกมาเจ้าของห้องก็รออยู่ด้วยเปลี่ยนใส่เสื้อเชิ๊ดแขนยาวสีเดียวกันอีก
เดินตามฝิ่นออกจากห้องขึ้นบันได เจ้าของบ้านเปิดฝ้าบานใหญ่กว่าตัวออก แก้วโผล่หัวขึ้นตาม แต่ยังต้องก้มหัวลอดผ่านประตูบานเตี้ยอีกชั้นถึงจะออกจากห้องได้จริงๆ ออกมาแล้วเขาจึงรู้ว่านี่มันห้องใต้ดินที่ใช้ห้องเก็บของใต้บันไดบังหน้าชัดๆ
“ไปไหนลูก” หญิงวัยกลางคนหน้าตาดูใจดีเอ่ยทักก่อนจะออกจากบ้าน
“นัดเพื่อนไว้น่ะแม่ อ้อ นี่เพื่อนหนูชื่อไอ้แก้ว มันจะมาอยู่นี่สักพัก” ไปเป็นเพื่อนมันตั้งแต่เมื่อไหร่ แล้วได้เต็มใจมานี่แต่แรกไหม แก้วค้านในใจแต่ก็ยกมือไหว้คนที่ไอ้ป่าเถื่อนเรียกว่าแม่อย่างนอบน้อม
แม่ฝิ่นพยักหน้ายิ้มพร้อมรับไหว้
“ไม่เคยเห็นหน้าเลย ตามสบายนะลูกแก้ว” ลูกแก้วเหรอ ไม่ได้ยินใครเรียกอย่างนี้มานานมากแล้วนะ แก้วมองผู้หญิงตรงหน้าไม่วางตา “คิ้วไปโดนอะไรมา”
“มีเรื่องนิดหน่อย ไปนะแม่”
“ฝิ่นอย่าเมามากนะลูกพ่อเขาเป็นห่วง”
“จ๊ะ ไปล่ะๆ ไม่ต้องรอนะหลับก่อนได้เลย” ฝิ่นสะกิดแขนแก้วให้เดินตาม เพียงแค่เจอกันครู่เดียวแก้วกลับรู้สึกว่าผู้หญิงคนนี้ดูอบอุ่นจัง แต่ก็อดตั้งคำถามไม่ได้ว่า มีแม่ใจดีอย่างนี้ทำไมลูกถึงได้ทำตัวเลวร้ายนักนะ
.
.
.
รถยนต์เข้าจอด ณ ผับแห่งหนึ่งซึ่งโซนนี้มันแถบของเทคโนT แต่คนที่ยืนรออยู่บริเวณที่จอดรถกลับเห็นเป็นพวกของไอ้ป่าเถื่อนทั้งนั้น ทุกสายตาล้วนแต่มองเขาเป็นศัตรู ถ้าไม่เพราะมากับประธานสายคงได้โดนรุมสกรัมแต่แรกเห็นแน่
“เดี๋ยวๆมาที่นี่ทำไม” แก้วเปิดประตูลงจากรถรีบเดินตามฝิ่น มาถึงถิ่นขนาดนี้มีหวังได้เรื่องชัวร์
“ทำไม? มึงจะตุกติกอะไร?” เอากับมันสิ ในหัวมันเคยจะเปิดรับข้อความอะไรจากใครก่อนไหม แก้วถอนหายใจเพราะชักรำคาญความคิดคนอย่างมันแล้ว
“ก็...”
“อย่ามีปัญหา” ฝิ่นจับต้นคอแก้วดันให้เดินตามพวกของมันเข้าไปในผับ ที่นี่แก้วเคยมาสองสามครั้งแค่ยื่นบัตรประชาชนก็เข้าได้แล้ว
“อายุสิบเจ็ด” แต่คนที่หยิบไปดูไม่ใช่การ์ดหน้าผับ “อ่อนกว่ากู ทีหลังเรียกพี่ด้วย ไอ้เด็กอมมือ” มันยักคิ้วล้อ
“เหอะ” แก้วเบ้ปากหันหน้าหนี
“ถึงกูไม่ใช่รุ่นพี่ที่มึงเคารพแต่กูก็เกิดก่อน พี่มึง เพื่อนมึงไม่เคยสอนให้เคารพคนอาวุโสกว่ารึไง”
“เหอะ” อีกครั้ง เขาไม่ใช่คนก้าวร้าวอะไร ถึงเขาจะยินยอมอยู่ในโอวาทมันเพื่อหวังจะลบล้างความผิดที่ผ่านมา แต่ก็ไม่มีความจำเป็นอะไรที่เขาต้องก้มหัวแสดงความเคารพคนที่เขาไม่ได้นึกเคารพอย่างมัน
“บัดดี้! บัดดี้จริงๆด้วย เฮ้ย ทำไมมากับ...” ทั้งคนที่เดินนำหน้า ทั้งคนที่เดินตามหลังต่างเข้ารุมล้อมเจ้าของเสียงทักที่เดินสวนออกมา “เหี้ยแล้วกู”
“แสน เอ่อ กู” ไม่รู้จะบอกเพื่อนว่ายังไง อีกทั้งมือที่เคยบีบต้นคอได้เปลี่ยนเป็นล็อกแล้วลากพาเดินเข้าไปข้างในร้าน แก้วเกร็งตัวไม่เดินตาม
“สนุกตั้งแต่หน้าร้านเลยโว้ย” ฝิ่นหัวเราะชอบใจ
“อย่าทำอะไรเขา” แก้วขืนตัวเอ่ยคำร้องขอออกไป ฝิ่นยกยิ้มมุมปากหันมามองหน้าเขา
“โจ้ กระทืบมัน”
“ครับพี่”
“อย่านะ แสน ระวัง! ปล่อย ปล่อยนะเว้ย อย่าทำคนอื่น อย่า...” แก้วทั้งตะโกนทั้งดึงทั้งข่วนตีแขนหนาที่ล็อกคอ แต่ยิ่งดิ้นยิ่งถูกลากให้เข้าไปข้างในร้านจนไม่สามารถมองเห็นเหตุการณ์อะไรได้อีก
“นี่แค่เริ่มต้น”
“ใจมึงทำด้วยอะไร แค้นนักมึงก็ฆ่ากูเลยสิ ไปทำคนอื่นทำไม ไปทำคนที่ไม่รู้เรื่องด้วยทำไม!” ทั้งที่ไม่เคยมีเรื่องมีราวกับบัดดี้เขาด้วยซ้ำ แต่มันยังทำร้ายกันได้ เลวที่สุด
ฝิ่นก้มกระซิบใกล้ใบหูเขาด้วยความพึงพอใจ
“กูพอใจ มีอะไรไหม? มึงทุรนทุรายใช่ไหมล่ะที่รู้ว่าเพื่อนตัวเองต้องเจออะไร นี่แหละคือสิ่งที่กูสะใจที่สุด”
.................
จบตอนเพราะต่อจากนี้ยาวมาก(แน่ใจ?) ต่อในตอนหน้าดีกว่าเนอะ //คนอ่านพยักหน้าบอกว่าโอเค
เปิดเพลงท้ายเรื่องเหมือนละครหลังข่าว
...กักขังฉันเถิดกักขังไป ขังตัวอย่าขังหัวใจดีกว่า
อย่าขังหัวใจให้ทรมาน ให้ฉันเศร้าโศกา
เหมือนว่าฉันเป็นเช่นดังจำเลย …
ไม่รู้จะทำยังไงเนื้อเรื่องมันถึงจะกระชับ ปั๊บๆ ตัดฉากไปโน่นนี่แบบไม่ขาดตอนได้ ทั้งที่ก็ชอบอ่านนิยายมาก เกิดอาการอยากเขียนเองขึ้นมาแต่พอมาทำแล้วกลับไม่มีความสามารถพอแฮะ อย่างตอนนี้ก็เขียนแล้วแก้ แก้แล้วเขียนอยู่หลายรอบ เพราะตัวเองอ่านแล้วรู้สึกไม่สนุก ยืดไปไหนแม่คุณเอ้ย มองดูนิยาย อ้อ อืดอาดเหมือนคนเขียนเองนิหว่า เฮ้อ ถอนหายใจวันละหลายรอบพอๆกับไอ้น้องแก้ว...ว่าแล้วก็เดินไปตบหัวไอ้ฝิ่นระบายอารมณ์ ไม่ได้เรียกร้องความสนใจจากคนอ่านนะคะ (อันนี้ขอเลยอย่าเห็นใจมัน) เค้าแค่บ่นเอาฮา คนอ่านอย่าใส่ใจเพราะนังซีซั่นจะเกิดอาการอย่างนี้บ่อยมาก เอิ๊กกก(รู้ตัว) บ่นต่อ จริงๆตอนนี้ไม่กล้าโพสนะ ทำใจตั้งแต่เมื่อวาน เพราะเรื่องมันยังไปไม่เท่าไหร่เลย แต่บอกตัวเองว่า ถ้าแกไม่ลงแล้วเรื่องมันจะเดินได้ยังไง วะ ฮะ ฮะ ให้กำลังใจตัวเองแบบหน้าด้านๆ เอากับมันสิ
::คนอ่านจะว่าอะไรไหมถ้าเรื่องนี้มันจะขาดความกระชับขาดความรวดเร็วไปบ้าง แต่คนเขียนถนัดเรื่องเวิ่นเว้อนะขอเอามาแทนได้เปล่า กร๊ากกก (ดูมัน)
แต่มั่นใจในตัวเองมากว่า เรื่องเดินทุกประโยคค่ะ^^ //ฮุเร่ ฮุเร่ ถือพู่เชียร์ตัวเอง
แหม๋ เห็นโซ่ตรวนมารำไรล่ะตื่นตัวกันเชียวนะ (ทั้งคนเขียนทั้งคนอ่าน ฮ่าๆ)แต่มันยังกอดกันง่ายๆไม่ได้หรอกค่ะ ยังขาดอุปกรณ์อีกหลายอย่าง (สนองนี๊ดตัวเองล้วนๆละอันนี้) ...เพลียกับตัวเองนะบางที
:pig4:ขอบคุณมากเลยค่ะที่โพสไปยังคงมีคอมเม้นท์กลับมาเช่นเคย โฮ น้ำตาปริ่ม (เวอร์ๆ) จริงๆยิ้มแก้มปริเลยอ่า กอดดด จุ๊บ
ปล.ฝิ่นเป็นตัวละครที่สร้างขึ้นมาเพื่อหลีกหนีคำว่า”เธอดีเกินไป”ค่ะ
ตอบเม้นท์ข้างล่างนะคะ^^