NOTE : ขออภัยสำหรับคำผิดค่ะ
คำเตือน : มีฉากที่ไม่เหมาะกับเด็กและเยาวชน
ควรอ่านคนเดียว อ่านเข้ามุมในที่ลับตาคน
ไม่ควรอ่านบนรถเมล์ รถไฟฟ้า บลาๆๆ
ปลีกตัวออกจากผู้ปกครอง พี่น้องและเพื่อนให้ได้มากที่สุด
ขอให้สนุกในการอ่านค่ะ
Chapter 21
แม๊กซ์นั่งลงที่ปลายเตียงพลางมองซ้ายมองขวาอย่างสำรวจ....หาทางหนีทีไล่ แล้วต้องระบายลมหายใจแรงๆกับการตัดสินใจที่พึ่งมาตระหนักได้หลังจากนั่งคิด ยืนคิด เดินคิด พิจารณาดีๆแล้วก็ต้องรู้ว่าเป็นการตัดสินใจที่ผิดสุดๆ ตอนนั้นก็แค่รู้ว่าไม่อยากยอมแพ้เท่านั้น เลยรับคำท้าแบบนั้นไปน่ะสิ
“ถ้าพี่แพ้?...”
“พี่ยอมให้แกเสียบเลย”
“ก็ได้...ผมก็จะยอมให้เสียบเหมือนกัน”ไปบ้าตามไอ้พี่คนนี้ทำไมวะ...ประสาทสุดๆ....
“ไง...อยากอาบน้ำก่อนไหม?” พอได้ยินน้ำเสียงยียวนก็หันไปตวัดตามองทันที เตวินเห็นสายตาจ้องเขม็งก็ยิ้มล้ออย่างอารมณ์ดีให้แม๊กซ์ได้อารมณ์เสียมากขึ้นไปอีก
“ไม่...” เวลานี้ไม่มีเวลามาสุนทรีย์อยากอาบน้ำหรอก “มาตัดสินกันให้รู้เรื่องเลยดีกว่า...” เตวินได้ยินอย่างนั้นก็ยิ้มแล้วพยักหน้าเบาๆ แล้วเดินไปที่โต๊ะหัวเตียงพร้อมหยิบอะไรบางอย่างโยนลงมาบนเตียง แม๊กซ์ที่เห็นก็ขมวดคิ้วฉับแล้วหันไปจ้องเขม็งเตวินทันที
“อะไร...คนมันก็ต้องเตรียมตัวกันบ้างสิ...” พูดเสร็จก็หยิบของสองอย่างบนเตียงยื่นมาให้แม๊กซ์ดู “ถุงยาง...แล้วก็..น้ำยาหล่อลื่น” พูดเสร็จก็โยนซองสี่เหลี่ยมเล็กๆสองสามอันแล้วขวดทรงเรียวสีฟ้าลงบนข้างเตียงเหมือเดิม แล้วถอดเสื้อตัวเองออกอวดกล้ามเนื้อหน้าท้องของตัวเอง ส่วนแม๊กซ์ที่เห็นก็รีบเบือนหน้าหนี แล้วบ่นพำพัมทันที
“โรคจิตจริงๆ...”
“พูดอะไร?...” เสียงที่กระซิบที่อยู่ข้างหูก็ทำให้แม๊กซ์หันไปก่อนจะผละตัวเองออกมาแล้วยกเท้าถีบคนตรงหน้าออกไปอย่างแรง
“เฮ้ย...จะทำอะไร!!” เตวินที่อยู่ในสภาพบ็อกเซอร์ตัวเดียวค่อยๆลุกขึ้นมา พลางร้องโอดโอยเบาๆ
“นี่แบบ กะจะโกงให้หมดแรงกันใช่ปะ” ถีบมาได้ ดีที่โดยที่ขา ถ้าโดนตรงนั้นมีหวังสูญพันธุ์กันก่อนได้ใช้งานแน่
“ก็เข้ามาใกล้แบบนี้ก็ตกใจดิ”
“งั้นก็ถอดเสื้อผ้าได้ละ” แม๊กซ์ได้ยินก็ชะงักไป ก่อนจะเบือนหน้าหนีหลบซ่อนความวิตกของตัวเองไว้ อุตส่าห์ยื้อเวลา นี่กะจะทำให้ได้ใช่ไหม “เร็วดิ...ถอดได้แล้ว” แม๊กซ์ได้ยินอย่างนั้นก็ตวัดตามองคนที่กอดอกทำหน้ายียวนทันที ริมฝีปากกระจับเม้มแน่นอย่างใช้ความคิด จนเตวินต้องเอ่ยเร่งขึ้นมาอีกครั้ง “แมนๆกันหน่อย ไม่กล้าเพราะอายใช่ปะ”
“ไม่ได้อาย!!...” แม๊กซ์หันมาแว้ดใส่ทันทีที่ได้ยิน ส่วนเตวินก็ยักไหล่อย่างไม่แยแสกับสายตากินเลือดกินเนื้อนั่น พลางนั่งลงบนเตียง กระดิกเท้าดูอารมณ์ดีจนแม๊กซ์ต้องรู้สึกโกรธเข้าไปอีก สุดท้ายคนที่นั่งหงุดหงิดอยู่ปลายเตียงก็ต้องถอนหายใจแรงๆก่อนจะถอดเสื้อผ้าด้วยเองออก
“วี๊ดวิ้ว...ขาเรียวจังเลยนะจ๊ะ” ขาเรียวยาวที่ปรากฏออกมาให้เห็นเตวินที่จ้องมองอยู่แล้วก็ผิวปากแซวทันที แม๊กซ์ได้แต่เม้มปากแน่น พลางปากางเกงใส่คนตรงหน้า ส่วนเตวินนั่งหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดีที่ยั่วอารมณ์น้องตากวางของตนได้
“อย่าพูดมาก...จะเริ่มได้ยัง” แม๊กซ์ที่เหลือแต่กางเกงบ็อกเซอร์เช่นเดียวกับเตวินก็เท้าเอวมองคนที่นั่งบนเตียงอยู่ เตวินที่ได้ยินอย่างนั้นก็ยกยิ้มมุมปาก ลุกขึ้นค่อยก้าวเข้าไปใกล้ๆ เงยหน้ามองคนที่สูงกว่าตัวเองเล็กน้อยแล้วยิ้มยียวนให้อีกครั้ง
“เอาสิ...พร้อมนะ..หนึ่ง..สอง..สาม...” พูดจบแม๊กซ์ที่กระโจนเข้าหาเตวินก็โดนรุ่นพี่กวนประสาทเหวี่ยงลงบนเตียงอย่างรวดเร็ว
“เฮ้ย!!...แม่ง...ขี้โกงปะวะ!” พูดจบแม๊กซ์ก็งัดแรงตัวเองขึ้นมาผลักคนตรงหน้าออก ก่อนจะลุกขึ้นแล้วกดรุ่นพี่ที่ตนเหม็นขี้หน้าลงบนเตียงทันที
“ไม่ได้โกง...แกอ่อนมากกว่า” เตวินที่นอนแผ่อย่างสบายๆยกยิ้มมุมปากให้คนข้างบนอีกครั้ง แม๊กซ์ที่เห็นก็คิ้วกระตุก นับเลขอยู่ในใจแล้วกดไหล่รุ่นพี่แรงขึ้นไปอีก
“อย่าพูดมากเลย...ตัวเองจะแพ้อยู่แล้ว เตรียมตัวไว้เถอะ ผ่านไป5วิแล้ว....” แม๊กซ์ยักคิ้วใส่อย่างเหนือกว่า เตวินที่เห็นอย่างนั้นก็ระบายลมหายใจเบาๆอย่างส่ายหัวออกมา และยังไม่ทันจะนับวิที่สิบอย่างที่ใจต้องการ คนที่อยู่ด้านบนก็ถูกเหวี่ยงลงมาบนเตียงอย่างรวดเร็วและไม่ทันตั้งตัว
“ นับหนึ่ง...จะบอกอะไรให้นะ” พูดพลางยกขาทั้งสองข้างกดเรียวขาอีกคนไว้ แม๊กซ์ที่รู้ตัวว่ากำลังจะเสียเปรียบก็รีบพยายามดันและดิ้นออกจากการจับกุมของอีกคนทันที
“นับสอง...พี่เป็นนักกีฬายูโด” และนั่นแหละที่ตากวางของแม๊กซ์ก็เบิกตาขึ้นโต เสียงของเพื่อนสนิทที่เป็นเพื่อนกันมาเกือบสองปี แล้วเป็นแฟนคลับไอ้พี่โรคจิตคนนี้ด้วยดังเข้ามาในหัวทันที “....พี่เตวินเล่นยูโดด้วย...” รู้อยู่แก่ใจแท้ๆยังลืมไปได้ยังไงวะ!! เสียเปรียบไปเต็มๆ!!
“นับสาม...ฉะนั้นเรื่องแค่นี้มันจิบๆ” เตวินพูดพลางขยิบตาให้แล้วจับแขนทั้งสองคนที่พยายามดันตัวเองออกไปไว้เหนือหัว กดมันไว้กับเตียงแล้วก้มหน้าลงไปใกล้ๆคนที่กำลังมองตัวเองอย่างกินเลือดกินเนื้อ
“นับสี่...และแกกำลังแพ้ ...เตรียมตัวเตรียมใจไว้ได้เลย” แม๊กซ์ที่ได้ยินอย่างนั้นก็พยายามดันคนที่อยู่ด้านบนออกอย่างสุดความสามารถ แต่แรงกดที่มาจากทั้งแขน และขา แถมลำตัวยังถูกทับไว้อีกก็ทำให้ทำไม่ได้อย่างที่ใจนึกคิด
“นับห้า....นับหก...”
“แม่ง!...ทำไมนับเร็วขึ้นวะ!!” เตวินยิ้มให้เล็กน้อยกับเด็กตากวางของตนที่กำลังดิ้นขลุกขลักอย่างรุนแรง มือข้างหนึ่งที่หลุดมาได้และก่อนมันจะดันคนที่อยู่ด้านบนออกมันก็ถูกจับเอาไปกดไว้ที่เดิมทันที “เหี้ย!!”
“จุ๊ๆๆ...อย่าพูดคำหยาบคายสิครับ” เตวินว่าพลางส่ายหัวให้คนข้างล่างยิ้มๆ
“ปล่อยนะโว้ย!!...”
“นับเจ็ด...” เตวินนับต่อ ไม่สนใจคนที่กำลังโวยวายเสียงดัง แม๊กซ์ที่เห็นอย่างนั้นก็โมโหเขาไปอีกพยายามดันคนข้างบนออกอย่างไม่ยอมแพ้
“ปล่อยสิวะ!!...บอกให้ปล่อยไง!!!”
“นับแปด..."
“แม่ง!!!...”
“นับเก้า....อย่ากลัวเลย...พี่จะเอ็นดูเราให้มากที่สุด...”
และสุดท้ายน้ำเสียงที่ปกติจะยียวนให้ตัวเองโมโหก็อบอุ่นขึ้น ทำให้คนที่ดิ้นขลุกขลักอยู่เมื่อครู่ชะงักขึ้นมา พลางจ้องมองดวงตาของคนข้างบนอย่างหาความหมาย เตวินค่อยๆก้มลงมากดจูบลงที่ข้างขมับชื้นเหงื่อเบาๆ ก่อนจะลากลงมาที่ปลายจมูกโด่งรั้น สุดท้ายมาหยุดที่ริมฝีปากกระจับแล้วสบดวงตาที่เหมือนลูกกวางที่ตัวเองชอบนักหนาอย่างลึกซึ้ง
“พี่ชอบเราจริงๆ...เชื่อใจพี่นะ” คำพูดอ่อนโยนและแววตาที่ทอประกายลึกซึ้งก็ทำให้แม๊กซ์หลับตาลงอย่างจำยอม
“ก็จะแพ้อยู่แล้วนี่....” เสียงบ่นติดจะแข็งก้าวอยู่นิดหน่อยดังออกมาให้เตวินได้หัวเราะออกมาเบาๆอย่างเอ็นดู
“เชื่อใจพี่...แล้วเราทั้งคู่จะไม่เสียใจ....นับ...สิบ....”
“อย่าเกร็งนะ...” ร่างแกร่งพูดพลางกดจูบลงปากเรียวกระจับอย่างปลอบประโลม หยัดตัวขึ้นมาพร้อมกับดันขาเรียวยาวทั้งสองข้างให้อ้าให้มากขึ้นก่อนจะกดค่อยๆกดส่วนแข็งร้อนของตนเข้าไป
“อึก...อ๊ะ...อะ..โอ๊ย” เสียงร้องที่ดังเล็ดดลอดออกมาเล็กน้อยก่อนก่อนปากบวมช้ำจะเม้มลง เตวินที่เห็นสีหน้าเจ็บของคนใต้ร่างของตนก็หยุดแรงกดของตนเองไว้หยิบขวดทรงเรียวที่วางอยู่ใกล้มือก่อนจะบีบของเหลวสีใสลงเพิ่มไปอีก
“ไม่เป็นไร...อย่าเกร็ง”
“อะ..อึก..เจ็บนะโว้ย!...อ๊ะ..พูด..ดได้..แม่ง” แม๊กที่พูดออกมาเหมือนจะหงุดหงิดนิดหน่อยก็ทำเตวินหัวเราะออกมาเบาๆ ก่อนจะคว้าส่วนแข็งแรงของอีกคนไว้ก่อนจะชักรูดไปมาจนคนใต้ร่างต้องร้องครางออกมาเสียงดังมากขึ้น
เมื่อเห็นจังหวะดีๆที่อีกคนเริ่มจะผ่อนคลายลง ก็ค่อยๆกดส่วนนั้นของตนลงไปอีก เตวินขมวดคิ้วแน่นอย่างอดทน แต่ก็อดจะซี๊ดปากไม่ได้ที่รู้สึกถึงความเสียวซ่านและความคับแน่นจนแทบจะปลดปล่อย ก่อนจะตัดสินใจกดส่วนแข็งร้อนของตนเข้าไปทีเดียวจนสุด เรียกเสียงร้องครางและแรงผวาของคนใต้ร่างที่สะดุ้งขึ้นกอดเกี่ยวตัวเขาไว้
ร่างแกร่งก้มลงคร่อมคนตรงหน้าอีกคนตามแรงกอดรั้ง กดจูบที่ปากกระจับอย่างดูดดื่มแล้วส่งเรียวลิ้นเข้าไปกวาดน้ำหวานในโพลงปากของคนตรงหน้า ก่อนเอวสอบจะค่อยขยับด้วยแรงเนิบนาบอย่างค่อยๆเป็นค่อยๆไป
“อ๊า..อ๊า..อะ”
“รู้สึกดีไหม” แม๊กซ์ที่หลับตาพริ้มร้องครางอยู่ก็ค่อยๆลืมตาขึ้นมาค้อนใส่เตวิน คนที่โดนค้อนยิ้มขึ้นบางๆอย่างไม่รู้สึกรู้สาก่อนจะกดจูบที่ริมฝีปากกระจับอย่างหมั่นเขี้ยว
“อะ...ใคร..แ..ม่งพูด ...อ๊ะ..กัน”
“อา..เร็วสิ..รู้สึกดีไหม” คำพูดเซ้าซี้อยู่ข้างหูก่อนเจ้าของคำพูดจะงับลงแรงๆที่ติ่งหูที่ขึ้นสีระเรื่อ แม๊กซ์ย่นคอหนีพลางขมวดคิ้วและส่งสายตาหงุดหงิดไปให้ ก่อนจะพยักหน้าลงเบาๆอย่างขอไปทีแล้วพูดด้วยเสียงที่เตวินได้ยินแล้วลงความเห็นว่าน่ารักที่สุด
“อื้อ..อ๊ะ..รู้สึกดี..ม..มากเลย..อ๊า!!” คนด้านบนใต้ยินความรู้สึกก็พลุ่งพล่านมากยิ่งขึ้น ขยับสะโพกรัวเร็วจนคนได้ร่างต้องกอดเกี่ยวตัวเองไว้แน่นอีกครั้ง..โถ่ที่รัก..พูดได้น่ารัก..แถมยังให้ของแถมเป็นคำว่ามากเลยแบบนี้...คนใจดีอย่างพี่ก็ต้องให้ของขวัญกันหน่อยสิ
แรงขยับที่รุนแรงขึ้นเรื่อยๆก็ทำให้ร่างที่บางกว่าต้องขยับตามรับเป็นจังหวะ แขนที่ยกขึ้นโอบลำคอแข็งแรงก็เกี่ยวรัดลำคอคนตรงหน้าแน่น เม้มปากอดทนอดกลั้นความเสียวซ่านอย่างเต็มที่ ลำคอหอมกรุ่มที่เผยออกตรงหน้าก็ทำให้เตวินกดจมูกสันโด่งลงไปซุกไซร้ทันที
“อ๊ะ...เบาๆหน่อยสิ” แม๊กซ์ว่าพลางดันไหล่กว้างของคนด้านบนออกเป็นสัญญาณบอกให้เบาแรงขยับด้านล่างลงบ้าง
“อืมม..ซี๊ดด...อา..” แต่คนที่ควบคุมจังหวะอยู่หาสนใจไม่ ยังก้มหน้าซุกไซร้ไปมาทั้งทั่วลำคอและอก ครางอืออาอย่างสุขสมไม่ใจคนที่ต้องรองรับแรงตัวเองแม้แต่น้อย เจ็บนะโว้ย!!...
“อ๊า..เบาไง...อิ๊..อ๊า..เหี้ย!!!...บอกให้เบาๆไง!!!!” แม๊กซ์ว่าเสร็จก็กระชากผมคนที่มัวแต่ส่งลิ้นมาเล่นที่ยอดอกตัวเองออกทันที แรงขยับด้านล่างหยุดลงพร้อมกับเตวินที่เงยหน้ามองคนที่อยู่ด้านล่างไม่ชอบใจ
“ทำไมทำแบบนี้...ขอโทษสิ” แม๊กซ์ได้ยินก็เม้มปากแน่นแล้วเบือนหน้าหนีทันที แต่ก็ต้องสะดุ้งแล้วร้องออกมาเมื่อรู้สึกถึงแรงกระแทกเน้นย้ำเข้ามาในตัวของตัวเอง
“ขอโทษเดี๋ยวนี้...”
“อ๊า..อ๊า...ม..ไม่..” ใบหน้ามนสะบัดหน้าหนีคนที่กดจมูกลงมาทันที คิ้วก็เริ่มขมวดแน่นมากขึ้นเมื่อรับรู้ถึงแรงขยับที่รุนแรง
“ขอโทษ...เดี๋ยวนี้...” เตวินว่าพลางกดสะโพกตัวเองเน้นย้ำเข้าไปในตัวอีกคนแรงๆ
“อ๊ะ!..อ๊า...อื้อ...ม..ไม่!!”
“หึ...รอรับการทำโทษเดี๋ยวนี้เลยเด็กดื้อ...” และสุดท้ายคนที่หยิ่งผยองกับตัวเองก็ต้องผวาขึ้นไปกอดรัดคนด้านบนทันทีเมื่อสะโพกสอบของคนด้านขยับเข้าออกอย่างรุนแรงและรัวเร็ว “ค่ำคืนของเราคงไม่จบง่ายๆแน่ที่รัก....”
________________________________________________
วันนี้เป็นอีกวันที่จอมทัพต้องหัวเสีย ขายาวก้าวฉับๆเข้าโรงพยาบาลอย่างไม่รีรอเพื่อนอย่างเตวินที่แม้จะรีบก้าวตามแค่ไหนก็ตามไม่ทัน เตวินมองเพื่อนพี่มองซ้ายทีขวาทีอย่างร้อนรน ก่อนจะยกโทรศัพท์ขึ้นมาหูโทรหาคนที่ต้องการทันที เตวินถอนหายใจกับตัวเองเบาๆ วันนี้มีเรื่องวุ่นวายที่ทำให้จอมทัพเพื่อนเขาได้โมโหสุดขีด
เรื่องมันเริ่มจากเมื่อบ่ายของวันอาทิตย์ในขณะที่เขากำลังนอนเล่นเกมกับเด็กตากวางอย่างสนุกสนาน อยู่ดีๆเสียงโทรศัพท์ของเด็กนั่นก็ดังขึ้นพร้อมกับขาที่ลุกขึ้นยืนทันที...เขาได้แต่เงยหน้ามองน้องอย่างงงๆ สุดท้ายสายตาที่เป็นกังวลก็หันมาพูดในสิ่งที่เขาก็ต้องรีบลุกขึ้นอย่างร้อนรนเช่นกัน...
“ใบไม้เกือบโดนรถชนตรงลานจอดรถใต้หอ เพื่อนผมเห็นพอดีเลยเข้าไปดึงไว้ทัน หัวแตกกับแขนหัก ตอนนี้อยู่โรงบาลฯ” ตอนนั้นแหละที่เขารีบคว้าของจำเป็นต่างๆไม่กี่อย่างมา แล้วรีบเดินตามแม๊กซ์ที่เดินนำออกไปแล้ว พร้อมต่อสายหาเพื่อนตัวเองทันที แต่ก่อนจะได้ทำอะไรจอมทัพที่พุ่งมาจากไหนไม่รู้ เข้ามาถามเขาและแม๊กซ์อย่างร้อนรน แล้วบอกว่าน้องหายไปไหนไม่รู้ โทรไม่รับ แชทไม่ตอบ ทั้งที่ตอนแรกบอกกันไว้แล้วว่าจะมาหาที่ห้อง และพอบอกความจริงไปนั่น ก็ทำให้จอมทัพต้องรีบพุ่งตัวออกไปทันทีอย่างร้อนรน
และคำพูดของแม๊กซ์ก็ต้องทำให้จอมทัพต้องรู้สึกโกรธจนหน้าแดงขึ้นมา
“ไอ้ธันวาเห็นว่าเธอ...แฟนเก่าพี่น่ะ..เข้าไปคุยกับใบไม้...เหมือนจะตกลงกันได้ด้วยดี แต่อยู่ดีๆเธอกลับขับรถพุ่งเข้ามาหาใบไม้ มันเห็นท่าไม่ดีเลยรีบเข้าไปดึงไว้...ดีจริงๆที่มันไหวตัวทัน”ผมได้แต่พยายามบอกให้มันใจเย็น ตอนนี้มีเอมกับธันวาก็คอยดูแลกันอยู่แล้วไปถึงโรงพยาบาลแล้ว เรื่องที่ใบไม้ได้รับบาดเจ็บจอมทัพก็หงุดหงิดพอทนแล้ว แล้วได้ยังมารู้ว่าเพราะเป็นฝีมือของนุชแฟนเก่าก็ทำให้โมโหเข้าไปอีก ร้อนให้เขาต้องวิ่งตามไป เพราะกลัวจะขาดสติขึ้นมา เพื่อนของเขาเลือกที่จะขับรถที่ปกติจะจอดทิ้งไว้เฉยๆ มันก้าวขึ้นรถก็รีบสตาร์ทจนเขากับแม๊กซ์แทบจะขึ้นไปไม่ทันด้วยซ้ำ โชคดีแค่ไหนที่ถึงอย่างปลอดภัย
เขาก็หันไปมองหน้าเพื่อนที่กำลังขับรถอยู่ มันมีแววตาครุกกรุ่นอยู่มาก จะอะไรล่ะ จอมทัพมันคงโกรธที่นุชพยายามจะทำร้ายใบไม้ คิ้วคมของเพื่อนขมวดอยู่นานก่อนจะเล่าเมื่อตอนบ่ายก่อนที่จะเกิดเรื่องกับใบไม้ขึ้นมา....นุชไปหาจอมทัพที่ห้อง...มันพูดออกมาด้วยหน้าตาเคร่งเครียด พร้อมขอคำปรึกษาอย่างไม่เคยทำมาก่อนและขอให้เราปิดไว้อย่าให้รู้ถึงหูใบไม้เด็ดขาด
จอมทัพเดินตรงไปที่ใบไม้ที่นั่งรออยู่อย่างรีบร้อน มือใหญ่ทั้งสองข้างประกบเข้ากับแก้มใสของคนตรงหน้าทันที จับหันซ้ายหันขวาพร้อมสำรวจใบหน้าของคนตรงหน้าอย่างละเอียด ลูบแขนเล็กๆที่ถูกห่อด้วยเฝือกนั่นเบาๆ กวาดสายตาอย่างละเอียดทั่วทั้งร่างกาย แล้วระบายลมหายใจออกมาเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กไม่ได้เป็นอะไรอีก มีเพียงแค่รอยถลอกเล็กน้อยเท่านั้น
“ไปทำยังไงให้เป็นแบบนี้น่ะ หื้ม?” จอมทัพว่า ก่อนจะเสยผมที่ปรกลงมาบนหน้าผากขึ้นมองดูแผลที่ขมับพร้อมขมวดคิ้วอย่างไม่ชอบใจ “เจ็บมากไหม” จอมทัพถามด้วยความเป็นห่วง มือใหญ่ละลงจากขมับไปจับแก้มพลางลูบเบาๆ เมื่อเห็นว่าใบไม้ได้แต่นั่งเงียบไม่ตอบก็ต้องขมวดคิ้วแน่นขึ้นไปอีก
“เจ็บมากเลยเหรอ” ใบไม้ได้แตส่ายหัวไปมาเบาๆเท่านั้น
“งั้นปวดหัวเหรอ?” ใบไม้นิ่งไปสักพักก่อนจะพยักหน้าเบาๆ จอมทัพเห็นอย่างนั้นก็ลูบหัวกลมไปมาอย่างปลอบประโลม “โทรหาที่บ้านหรือยัง”
“โทรหาแล้วครับ”
“แล้วเรื่องเป็นไงมาไงล่ะ”
เตวินที่นั่งอยู่ข้างๆแม๊กซ์ก็ถามออกมาหลังจากเพื่อนอย่างจอมทัพดูใจเย็นลงมากแล้ว ทุกสายตาหันไปมองใบไม้เป็นตาเดียว ใบไม้อึกอักเล็กน้อย เม้มริมฝีปากแน่น เหลือบตามองจอมทัพทีเพื่อนที แม๊กซ์ที่หันมาพยักหน้าให้ ก็ต้องระบายลมหายใจออกมาพลางส่ายหัวเบาๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ เธอแค่มาคุยกับผมเฉยๆ”
“หาเรื่องกันมากกว่า” เอมโพล่งออกมา ก่อนจะโดนใบไม้ค้อนใส่เล็กน้อย “อะไรเล่าก็จริงนี่ ยัยนั่นเข้ามาหาเรื่องแก เขาเรียกว่าคุยกันที่ไหน คุยอะไรจะทำแกแบบนี้ล่ะ!” เอมมาลินพูดอย่างอารมณ์เสีย ไอ้เพื่อนเราก็ไม่รู้จะปิดเรื่องไปถึงไหน เรื่องนี้ไม่ยอมหรอก ทำเพื่อนฉันเจ็บขนาดนี้
“เธอพูดอะไรบ้าง?”
จอมทัพหันไปถามใบไม้อีกครั้ง ใบไม้ก็ส่ายหัวให้แล้วยืนยันคำเดิมว่ามาคุยกันเฉยๆก็ทำให้ทุกคนต้องถอนหายใจออกมาแรงๆ จอมทัพคุกเข่าลงตรงหน้าพลางรวบมือเล็กทั้งสองข้างมากุมไว้ “เล่ามาเถอะนะ พี่จะได้ไปคุยกับเธอถูก”
“เราคุยกันเฉยๆครับ”
จอมทัพถอนหายใจอีกครั้ง เขาไม่รู้ว่าน้องเป็นอะไร อาจจะเพลียก็ได้ แต่ถ้าไม่บอกความจริงเขาก็ไม่รู้จะจัดการยังไงเหมือนกัน ครั้งก่อนที่โรงอาหารก็เล่าให้ฟังแค่ว่าเป็นอุบัติเหตุเฉยๆ ถ้าแม๊กซ์กับเอมมาลินไม่มาเล่าให้เขาฟังอีกครั้งเขาก็คงไม่รู้หรอกว่านุชว่าอะไรให้ใบไม้บ้าง แต่ก็หวังว่าเธอจะไม่พูดอะไรบางอย่างที่ผมเป็นห่วงอยู่ตอนนี้
“นี่ใบไม้! ยัยนั่นมาทำอะไรก็พูดเลยสิ จะปิดไว้ทำไม ถึงยังไงพวกฉันสองคนก็ไม่ยอมแน่ๆ ถ้าธันวาเพื่อนแม๊กซ์ไม่บังเอิญไปเดินผ่านแถวนั้น แกก็ไม่คิดจะบอกกันใช่มะ บอกให้โทรหาพี่จอมทัพก็ไม่โทร จะโทรให้ก็ไม่ให้โทร จนธันวาแอบไปโทรเองเนี่ย บอกมาเดี๋ยวนี้นะ!!” หญิงสาวพูดอย่างใส่อารมณ์พลางเท้าเอว หอบหายใจเพราะหายใจไม่ทัน พร้อมมองเพื่อนอย่างไม่ได้ดั่งใจ
จอมทัพหลังจากฟังจบก็หันไปมองใบไม้ที่ก้มหน้าอยู่ มือใหญ่ช้อนคางมนขึ้นมาก่อนจะสบตากลมดำขลับนั่นเงียบๆ ใบไม้เบือนหน้าหนี จอมทัพได้แต่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจพลางหันไปมองทุกคนที่มองอยู่
“เป็นอะไรรึเปล่า”
“เปล่าครับ...ผมปวดหัว...อยากกลับห้องแล้ว”
“ได้สิ...ยาได้ครบแล้วนะ...มาเถอะ” จอมทัพค่อยๆประคองใบไม้ให้ลุกขึ้นแล้วหันไปถามเพื่อน “มึงกลับพร้อมกูไหม”
“ไปเถอะ...กูว่าจะไปกินข้าวต้มรอบดึกกับเด็กตากวางนี่สักหน่อย” พูดจบก็หันไปส่งยิ้มให้แม๊กซ์ที่ทำหน้าทะมึนทึงอยู่ข้างๆเอม
จอมทัพพยักหน้าให้เพื่อน แล้วหันมาส่งยิ้มให้ใบไม้พร้อมจับจูงมือคนตัวเล็กให้เดินตาม ก่อนจะขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจที่อยู่ดีๆใบไม้ก็บิดข้อมือออกจากการกอบกุมของตัวเอง จอมทัพได้แต่คอยเดินประคองไปเท่านั้น เตวินที่ยืนกอดอกมองตามไปก็เลิกคิ้วมองอย่างสงสัย ก่อนจะหรี่ตามองอย่างจับสังเกต สุดท้ายก็หันมามองรุ่นน้องทั้งสามคนที่นั่งมองอยู่เหมือนกัน
“พวกเธอว่ามีอะไรผิดปกติไหม?” แม๊กซ์ เอม และธันวา หันมามองหน้ากันเล็กน้อยแล้วหันมาพยักหน้าให้เตวินพร้อมกัน
“ใบไม้ไม่พูดอะไรเลย...ก็เงียบๆ...หนูกลัวว่าเธอจะมาพูดอะไรไม่ดีแล้วใบไม้จะเก็บไปคิดคนเดียว” เอมมาลินว่า อยู่ดีๆก็มีโทรศัพท์มาจากใบไม้ทั้งที่ตอนแรกพึ่งวางสายกันไปว่าถึงหอแล้วจะไปหาพี่ที่ห้อง และเพื่อนของเขาบอกว่าตัวเองอยู่ที่โรงพยาบาลจนต้องรีบวิ่งออกไปหาเพื่อนทันที
“สีหน้าใบไม้ตอนนั้นไม่ค่อยดีเท่าไหร่ อาจเพราะว่าเจ็บ ผมเดินไปหาเพื่อนมันแถวนั้นพอดี แล้วเห็นใบไม้กำลังยืนคุยกับเธอที่ลานจอดรถหลังหอ เหมือนจะคุยไปได้สวยนะ เธอขึ้นรถแต่อยู่ดีๆก็เปลี่ยนทิศหันหน้ามาหาใบไม้ที่เดินอยู่ริมถนน ผมเห็นท่าไม่ดีเลยรีบวิ่งไปดึงไปไม้ไว้ อย่างที่คิดจริงๆเธอตั้งใจจะขับรถชนใบไม้ และเธอก็ขับรถหนีไปเลย” ธันวาที่เห็นเหตุการณ์ตั้งแต่ต้นบอก ก่อนที่ทุกคนจะทำหน้าคิดไม่ตก
“ชิ่งกันหน้าด้านๆเลยจริงๆ” เอมมาลินว่าอย่างหัวเสีย เตวินได้ยินอย่างนั้นก็ทำหน้าคิด
“คิดว่าเธอจะพูดอะไรที่กระทบต่อความมั่นคงของสองคนนั้นไหม” เตวินถาม รุ่นน้องทั้งสามคนรีบพยักหน้าทันที
“ใบไม้แปลกมาก...ปกติเจอพี่จอมทัพก็จะฉีกยิ้มหวานๆ อ้อนนู่นอ้อนนี่ตามประสา แต่ดูสิ...เมื่อกี้ไม่ยิ้มเลยด้วยซ้ำ ...สังเกตสิ เมื่อกี้บิดมือออกจากพี่จอมทัพด้วยอะ” เอมมาลินว่า เตวินทำหน้าคิดสักพักก่อนจะเดินกอดอกมายืนตรงหน้ารุ่นน้องทั้งสามคน และตัดสินใจบอกเรื่องที่จอมทัพย้ำนักย้ำหนาว่าอย่าให้น้องรู้ให้แก่คนอีกสองคนทันที
“เป็นไปไม่ได้หรอก!...ยัยนั่นตอแหลแน่ๆ!!” เอมมาลินว่าอย่างโมโหสุดขีด “ใบไม้ไม่เชื่อหรอก...ใบไม้ต้องเชื่อใจพี่จอมทัพ” แม๊กซ์ได้ยินอย่างนั้นก็ส่ายหัวให้
“เชื่อใจรึเปล่าไม่รู้...แต่เธอก็คงรู้นะว่าเพื่อนเรานิสัยเป็นยังไง” เอมมาลินที่ขมวดคิ้วก็ต้องยกมือขึ้นมากุมขมับ เรื่องมันชักไปกันใหญ่แล้ว เตวินถอนหายใจเล็กน้อย เคยได้ยินเรื่องความคิดมากของใบไม้มาจากจอมทัพอยู่หรอก ถ้าเจ้านั่นไม่บอกว่าจิตแพทย์เคยวินิฉัยแล้วว่าไม่ได้ผิดปกติทางจิตอะไร เขาก็จะคิดว่าใบไม้เป็นโรคเครียด โรควิตกกังวลอยู่หรอก
“เธอสองคน...เป็นสายสืบคุณภาพใช่ไหม?...” เตวินที่ยืนคิดอยู่นานก็พูดออกมา เมื่อเห็นรุ่นน้องทั้งสองคนพยักหน้าก็ยิ้มแล้วพูดต่อ “งั้นสืบเรื่องนี้ได้ไหม?...สืบมาให้หมด พักนี้ใช้ชีวิตยังไง...แฟนคนใหม่คนเก่า...ธุรกิจครอบครัว...เพื่อน..ปัญหานู่นนี่ ทำได้ไหม?”
ได้ยินอย่างนั้นแม๊กซ์ก็กอดอกขึ้นมา ส่วนเอมมาลินก็ยกยิ้มพร้อมกับยกขาขึ้นไขว่ห้างแล้วพูดอย่างมั่นใจ “เรื่องที่อะไรที่อยากรู้ต้องได้รู้อย่างแน่นอน”
“ว่าแต่...แม๊กซ์ คืนนี้ไปเล่นเกมห้องพี่อีกไหม” ได้ยินอย่างนั้นเอมมาลินและธันวาก็หันไปมองเพื่อนตัวเองทันที ส่วนแม๊กซ์ก็ทำท่าลุกลี้ลุกลนจนสุดท้ายก็ลุกขึ้นไปเกาะแขนของเตวินไว้อย่างหลบภัย
“ไอ้แม๊กซ์...ที่มึงบอกว่ามึงไม่ได้นอนที่ห้องสองสามคืนนี่มึงไปนอนกับพี่เขาเหรอวะ” ธันวาว่าพร้อมกับสายตาจับผิดที่แม๊กซ์ต้องรีบหลบตาอย่างระวังภัย ส่วนเอมมาลินก็ลุกขึ้น ก้าวมาหาเพื่อนที่ยืนหลบหลังรุ่นพี่ขวัญใจตัวเองอย่างรวดเร็ว พร้อมกับดึงคอเสื้อเพื่อนลงมา
“เฮ้ย!!!....” นี่คือเสียงของคนทั้งสามคนที่ดังพร้อมกันอย่างตกใจ แม๊กซ์หน้าแดงก่ำจนแก้มสีน้ำผึ้งนั่นขึ้นสีแดง และตกใจที่เพื่อนทำตัวอุกอาจกับตัวเอง ส่วนเอมมาลินและธันวาก็ตกใจที่เห็นแรงแดงช้ำบนอกของเพื่อน ส่วนคนต้นเหตุก็ยืนกอดอกกระดิกเท้าอย่างไม่สนใจ
“นี่...แก” เอมมาลินยกมือสั่นๆของตัวเองขึ้นมาชี้เพื่อน ส่วนธันวาก็นั่งช็อควิญญาณลอยออกจากร่างไปแล้ว แม๊กซ์ที่เห็นเพื่อนกำลังอึ้งก็รีบถอยหลังออกมาแล้วเดินไปหลบหลังเตวินพร้อมกับหยิกลงบนเอวหนาทันที
“โอ๊ย!!!...อย่าสิ..ยาหยีจ๋า...พี่เจ็บนะ..โอ๊ยย!!” ตอนแรกว่าจะใจอ่อนที่เห็นว่าเจ็บอยู่หรอก แต่พอได้ยินคำแสลงหูก็จัดการซัดกำปั้นลงบนไหล่กว้างทันที “โอ๊ยยย...พอแล้วๆ..” เตวินได้แต่เจ็บจนตัวงอพลางปัดมือคนที่กำลังทำร้ายตัวเองออก
“ทำไมไม่ช่วยกันบ้างวะ!!...”
“ก็เห็นยาหยีแก้มแดงแล้วน่ารักดี...โอ๊ย!!...พอแล้ว..ที่รัก...ยอมแล้วๆๆ เค้าขอโต๊ด”
พี่จะเก็บให้ครบต้นครบดอกเลยคอยดูเถอะ!!!
__________________________________________________________
Talk : รวดเร็วทันใจ ไวไฟกันสุดๆ 555555555
ยังงงๆกับคู่ที่เตน้องแม๊กซ์อยู่เลย
พี่เตก็ออกแนวกลัวน้องอยู่นิดนึง(มั้ง)
แบบเป็นสามีขาโหดก็ต้องทำใจกันบ้าง
ขอบคุณทุกคนค่ะ
ส่วนคาแรคเตอร์เราคิดถึงคนอื่นไม่ได้จริงๆค่ะ
ก็ต้องเป็นสองคนนี้นั่นแหละที่ดูเหมาะสมที่สุดแล้วสำหรับตัวเรานะ 5555555