Episode 13: Sound of exciting[2]ลองไปถามไอ้หน้าอ่อนบรูคลินดูแล้วกัน เมื่อวานมันพาสองคนนั้นมาแคสติ้ง เผื่อมันจะมีเบอร์ติดต่อหรือรู้ว่าสองคนนั้นพักอยู่ที่ไหนบ้าง
ทว่าพอผมตั้งท่าจะเดินไปยังบริเวณที่ฝ่ายคอสตูมนั่งอยู่ เสียงเปิดประตูจากหน้าสตูดิโอก็ดังขึ้นพร้อมกับร่างใหญ่ของชายหนุ่มสองคนที่ปรากฏให้เห็น
“พวกนายมาสายนะ” ผู้กำกับวิลล์เห็นสองคนนั้นก็ไม่รอช้า พ่นไฟใส่ทันที
แอสตันกับคีธพยักหน้ารับเล็กน้อยก่อนที่แอสตันจะเป็นฝ่ายพูดขึ้น
“เราต้องขอโทษด้วย พอดีเมื่อวานเรามีปัญหาที่บ้านนิดหน่อย”
“มันไม่ใช่ข้ออ้างของการมาสายถ้าพวกนายคิดจะทำงานในวงการนี้ ถ้าไม่อยากจะตกงานล่ะก็ คราวหน้าก็ช่วยปรับปรุงตัวด้วย ไปแต่งตัวแล้วเตรียมไปเข้าฉากได้” ด่าจบก็ชี้นิ้วไปยังฝ่ายคอสตูม
ไม่ทันที่คีธกับแอสตันจะได้เดินไป ฝ่ายคอสตูมก็เข้ามาลากสองคนนั้นไปที่ห้องแต่งตัวก่อน ผมเลยรอกระทั่งพวกมันเปลี่ยนเสื้อผ้าเสร็จ พอเห็นพวกมันออกมา ผมก็ไม่รอช้า ปรี่เข้ามาด่าสาดทันใด
“ทำไมมาสายกันจังวะ เกือบทำฉันซวยแล้วมั้ยล่ะ”
“ขอโทษนะกวินทร์ เมื่อคืนเรามีปัญหากันนิดหน่อย” แอสตันว่า ทำเอาผมย่นคิ้ว
“ปัญหาอะไร”
“บอกนายได้แค่ว่าเป็นปัญหาของชาวยูนิกม่า”
พอพูดมาอย่างนี้ ผมก็เลยไม่ซักไซ้อะไรต่อ ทว่าก็ต้องย่นคิ้วอีกครั้งเมื่อบรูคลินเดินเข้ามาขอแต่งหน้าให้คีธ ก่อนที่แอสตันจะทักทายหมอนั่นทันทีที่เห็นหน้า
“ว่าไงบูลิโอ เมื่อคืนนายโอเคนะ”
บรูคลินพยักหน้าหงึกหงัก ผมอ้าปากค้างแล้วชี้หน้าติ๋มๆ ของบรูคลินทันที
มะ...มึงก็มนุษย์ต่างดาวเหรอเนี่ย!?
“บูลิโอเป็นชาวไบโทปน่ะ เราอาศัยครอบครัวและบ้านของบูลิโออยู่” ไม่ทันที่ผมจะได้ถาม แอสตันก็ว่าออกมาราวกับรู้ว่าผมจะถามอะไร
ผมถึงกับถอนหายใจที่เห็นมนุษย์ต่างดาวอยู่ใกล้กับผมเพียงเอื้อมอย่างนี้เสียหลายตัว แต่ก็เริ่มพอจะทำใจได้แล้วล่ะเลยทำเฉยๆ ทว่าก็เฉยได้แค่แป๊บเดียวเท่านั้นเมื่อแอสตันพูดขึ้นมาอีก
“บูลิโอเป็นโฮสต์ให้คีทาเย”
นี่เมียใหม่มึงสินะไอ้คีธ!? มิน่าล่ะพวกมึงถึงได้มาแคสติ้งเป็นสตั๊นแมนได้ ที่แท้เมียใหม่มึงก็พามานี่เอง!
ผมมองหน้าคีธที่ยังคงทำหน้าเฉยกับบรูคลินที่เอาแต่ก้มหน้างุดๆ อย่างหัวเสีย แม่ง ตอนแรกก็นึกว่าจะไปหาโฮสต์ไกลๆ ที่ไหนได้ คนใกล้ตัวกูทั้งนั้น!
ผมโคตรอยากจะบอกคีธเลยว่าโฮสต์ของมันไปจูบกับซีเลนมาเมื่อวาน จูบเสร็จแล้วมันก็ไปให้คีธจูบดูดสารอาหารจากมันต่ออีก แต่ก็ทำได้เพียงหุบปากเงียบแล้วเปลี่ยนเรื่องคุยแทน
“แล้วโฮสต์ของนายล่ะ”
“น้องชายของบูลิโอน่ะ เรียนอยู่ไฮสกูล”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนที่จะได้ยินเสียงเรียกของผู้กำกับวิลล์ดังขึ้น เร่งให้ฝ่ายคอสตูมรีบจัดการกับสตั๊นแมนเพราะเลยเวลาถ่ายทำมามากแล้ว
ไม่นานนัก คีธกับแอสตันก็พร้อมเข้าฉาก ที่ตรงนั้นจึงเหลือแค่ผมกับบรูคลินเท่านั้นที่ยืนอยู่ ผมปรายตามองบรูคลินที่เก็บอุปกรณ์การแต่งหน้าอย่างรีบๆ ครู่หนึ่งก็เรียกมันไว้ก่อนที่มันจะเดินไป
“นายเป็นโฮสต์ให้พวกนั้น ทำไมไม่หาพาสองคนนั้นมากองถ่ายด้วยพร้อมกันตอนเช้าล่ะ”
บรูคลินชะงักกึก หันมามองผมด้วยสายตาหวาดๆ
“กะ...ก็องค์ชายแอสโซซิโอตรัสว่าให้ฉันออกมาก่อนน่ะ พระองค์ยังจัดการธุระเมื่อคืนไม่เสร็จ”
“พูดภาษาคน” ผมว่าเสียงเรียบ หงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมเมื่อเห็นมันพยักหน้ารับรัวๆ
“นั่นแหละ แอสตันจัดการธุระยังไม่เสร็จเลยให้ฉันออกมาก่อน”
“ธุระที่ว่านี่อะไร” ผมเบนความสนใจไปเรื่องอื่นบ้าง
“เมื่อคืนมีข่าวลือจากวงในว่าชาวยูนิกม่าคนหนึ่งถูกฆ่าในย่านไชน่าทาวน์น่ะ แอสตันกับคีธก็เลยรีบตามไปดู ไม่มีอะไรหรอก”
“แล้วถูกฆ่าจริงมั้ย”
“อย่างที่บอกว่าเป็นข่าวลือ สองคนนั้นไปตามหาเบาะแสทั้งคืนแต่ไม่เจอ”
ผมคลายความสงสัยไปได้ว่าทำไมคีธกับแอสตันถึงได้มาสายเลยไม่ติดใจอะไรมาก นอกจากกอดอกมองหน้าบรูคลินนิ่งๆ กระทั่งหมอนั่นถามผมด้วยน้ำเสียงอึดอัด
“นาย...มีอะไรอีกมั้ย ฉันจะไปทำงานต่อ”
“นายเป็นโฮสต์ให้คีธใช่มั้ย” ไม่รู้ทำไมผมถึงถามไปแบบนั้น
“อืม” คำตอบรับของมันทำเอาหัวใจผมเต้นแรงทันควัน ก่อนที่ผมจะถามออกไปอีก
“เวลาหมอนั่นกินสารอาหารจากนายก็ต้องประกบปากด้วยสินะ”
พอเห็นบรูคลินพยักหน้ารับ ผมก็เกือบอดใจพุ่งไปต่อยหน้ามันแทบไม่ได้ และก็ยิ่งพาลใหญ่เมื่อตระหนักได้ว่าที่ผมรู้สึกบัดซบในตอนนี้เป็นเพราะฝีมือของไอ้หน้าอ่อนตรงหน้านี่ ถ้าผมไม่เจอคีธอีกครั้งจนมารู้ว่ามันมีโฮสต์ใหม่เป็นบรูคลินแบบนี้ล่ะก็ ผมคงจะไม่หงุดหงิดแบบนี้หรอก
“แล้วทำไมนายต้องพาพวกมันมาสมัครเป็นสตั๊นแมนที่นี่ฮะ ไหนว่าเป็นโฮสต์ให้พวกมันพึ่งพาไง”
“ให้พึ่งพาแต่ก็ใช่ว่าการอยู่ด้วยกันมันไม่ต้องใช้เงินนี่ ถึงจะไม่ได้ใช้ซื้ออาหาร แต่ปัจจัยสี่อื่นๆ ก็จำเป็นนะ”
ผมพ่นลมหายใจแรงๆ จริงอย่างที่บรูคลินว่านั่นแหละ ตอนคีธอยู่กับผม ผมก็ต้องออกเงินเป็นค่าใช้จ่ายจิปาถะให้มันเหมือนกัน
“เออๆ นายจะไปไหนก็ไปไป๊ แล้วอย่าลืมหาโทรศัพท์ไว้ให้พวกมันใช้ด้วยล่ะ จะได้เอาไว้โทรตาม”
“ได้ แต่คงจะต้องอีกสักอาทิตย์นะ ขอเวลาเก็บเงินก่อน” บรูคลินว่าเบาๆ แล้วก็เดินจากไป
ผมหงุดหงิดหนักเข้าไปใหญ่
แล้วถ้าแบบนี้ผมอยากรู้ว่าคีธทำอะไร อยู่ที่ไหนกับใครในระหว่างที่รอบรูคลินซื้อโทรศัพท์ให้หมอนั่น ผมไม่ต้องลงแดงก่อนเรอะ เอ๊ะ! จริงสิ ก่อนหน้าที่จะมาที่นี่ อาแปะลีโอนาร์โดฝากเงินให้คีธมาไว้ใช้นี่นา แล้วผมก็ยึดมาหมดแล้วด้วย เงินจำนวนนั้นมากพอที่จะซื้อโทรศัพท์เครื่องนึงได้สบายๆ นี่หว่า
ช่วยไม่ได้ ซื้อให้มันไปเลยก็แล้วกัน
เพราะคิดอย่างนั้น ผมจึงขออนุญาตด็อกเตอร์มาร์ตินออกไปทำธุระที่ห้างใกล้ๆ ครู่หนึ่งโดยอ้างว่าที่ติดต่อกับคีธและแอสตันไม่ได้เป็นเพราะโทรศัพท์ของทั้งคู่พัง ผมเลยจะไปซื้อมาให้ใหม่ เขาอนุญาตเพราะเห็นว่าเป็นเรื่องจำเป็น อีกไม่กี่ชั่วโมงต่อมา ผมจึงกลับมาพร้อมกับโทรศัพท์เครื่องใหม่เอี่ยมหนึ่งเครื่อง
ผมรอกระทั่งผู้กำกับวิลล์สั่งคัตและปล่อยให้นักแสดงและสตั๊นแมนพัก ผมถึงได้โบกมือเรียกคีธที่อยู่ในชุดบอดี้สูทสีดำให้เข้ามาใกล้
“มีอะไรเหรอกวินทร์” หมอนั่นถามเสียงเรียบ ขณะที่ผมยื่นของในมือให้
“โทรศัพท์ จะได้เอาไว้ใช้ติดต่อกัน”
หมอนั่นรับโทรศัพท์มือถือเครื่องเล็กกว่าฝ่ามือไปสำรวจอย่างงุนงง เปิดโอกาสให้ผมอธิบาย
“ฉันโหลดโปรแกรมแชทเอาไว้ให้แล้ว แล้วก็เซฟเบอร์โทรของฉันกับริชาร์ด รวมถึงแอดรายชื่อเข้าโปรแกรมแชทให้แล้วด้วย ถ้าเกิดมีปัญหาอะไร พวกนายก็โทรหรือไม่ก็ส่งข้อความมาบอกก่อน เข้าใจมั้ย แล้วนี่ใช้เป็นหรือเปล่า หรือต้องให้สอนใช้”
“ไม่ต้องหรอก เทคโนโลยีของมนุษย์โลกเป็นเทคโนโลยีล้าหลังของยูนิกม่ามาก่อน ตอนนี้เทคโนโลยีการสื่อสารของยูนิกม่าไม่ได้ใช้เครื่องมือใหญ่เทอะทะเช่นนี้แล้ว มีเพียงแผ่นฟิล์มสำหรับรับประสาทสัมผัสชิ้นเดียวเท่านั้น เวลาใช้ก็แค่เอาแปะที่ขมับแล้วคิด เท่านั้นก็สามารถสื่อสารกันได้แล้ว แต่ถึงฉันจะเกิดไม่ทัน ก็พอรู้ว่าใช้ยังไง ขอบใจมากกวินทร์”
ผมพยักหน้ารับส่งๆ ก่อนจะถือวิสาสะคว้าโทรศัพท์ในมือคีธมาเข้าโปรแกรมแชทพลางว่าไปด้วย
“นายอ่านภาษาของมนุษย์โลกออกใช่มั้ย”
“อ่านได้ เมื่อครั้งที่ดูหนังของมนุษย์โลก ฉันกับองค์ชายศึกษาหมดแล้ว ทั้งภาษาอังกฤษ ภาษาไทยและภาษาจีน”
“ถ้าเป็นภาษาไทยฉบับพ่อขุนฯ ล่ะก็ ไม่ต้องเลย”
“ไม่ใช่แล้ว วางใจได้” คีธยกยิ้มน้อยๆ ก่อนผมจะส่งโทรศัพท์คืนให้มัน
“ฉันเพิ่มคีย์บอร์ดภาษาไทยกับจีนให้แล้ว จะใช้อันไหนก็เลือกเอาแล้วกัน”
คีธพยักหน้ารับก่อนที่ผมจะถูกด็อกเตอร์มาร์ตินเรียกไปดูงานเมื่อใกล้จะได้เวลาถ่ายทำฉากต่อไปแล้ว
ความวุ่นวายเข้ามาถาโถมผมตอนนี้นี่แหละเพราะก่อนหน้าผมดันไม่อยู่ด้วยเหตุผลว่าไปซื้อโทรศัพท์ให้คีธ ผมต้องโยกซ้ายทีขวาที ไปจัดการบอกคิวสตั๊นแมนบ้าง คิวนักแสดงบ้าง ประสานงานกับผู้กำกับและผู้ช่วยผู้กำกับบ้าง รวมถึงกับทีมงานฝ่ายอื่นๆ จนแทบไม่ได้หยุดพัก ยิ่งพอเปลี่ยนฉากถ่ายทำใหม่ด้วยแล้ว หน้าที่ผมนี่เรียกว่านรกเลยเพราะผมต้องดูแลคิวนักแสดงมากขึ้นกว่าเดิมเป็นเท่าตัว
แต่ไอ้ระหว่างที่วุ่นวายๆ อยู่นี่แหละที่มีเรื่องทำให้ผมหัวเสีย เรื่องที่หัวเสียก็เป็นเรื่องที่โทรศัพท์ผมมีเสียงข้อความถูกส่งมาดังขึ้นไม่หยุดหย่อน
ติ๊งดึ่งๆๆ
ผมถึงกับย่นหน้าขณะที่ปากกำลังบอกคิวกับนักแสดงคนหนึ่งอยู่ พอบอกคิวเสร็จก็ละสายตาจากการดูคิวนักแสดงคนต่อไปมามองจอโทรศัพท์ พอเห็นชื่อคนส่งมาแล้วผมก็ต้องย่นหน้าพลัน
ไอ้คีธ... มึงว่างนักเหรอ!
มันก็ว่างจริงๆ นั่นแหละเพราะฉากต่อไป มันไม่ต้องเข้าถ่าย มีแต่แอสตันเท่านั้นที่ยังต้องร่วมฉาก ผมเก็บโทรศัพท์ลงไปโดยไม่แม้แต่จะสนใจกดเปิดข้อความดูด้วยซ้ำว่ามันส่งอะไรมา พลางกวาดสายตามองหามันทันที แล้วก็ต้องชะงักกึกเมื่อเห็นมันยืนมองผมอยู่ในมุมไม่ไกลนัก
และพอมันเห็นผมมอง มันก็ก้มหน้าแล้วกดแป้นพิมพ์ส่งข้อความมาอีก
ติ๊งดึ่งๆๆ
มึงมีอะไรก็เดินมาบอก! ยืนห่างจากกูแค่ไม่กี่ก้าวเองเนี่ย!
ถึงผมจะบ่นมันในใจแต่สุดท้ายผมก็กดเปิดข้อความอ่าน แล้วก็ต้องขมวดคิ้วมุ่นเมื่อเห็นข้อความภาษาไทยที่มันส่งมาเป็นข้อความเหมือนกันรัวๆ
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
แล้วก็เป็นอย่างนี้อีกสิบกว่าข้อความ ผมเลยไม่สนใจ เก็บโทรศัพท์เข้ากระเป๋ากางเกงอีกครั้ง ทว่ามันก็ส่งมาอีก
ติ๊งดึ่ง!
‘กวินทร์’
มึงจะกวินทร์ทำไมนักหนา!
ผมรำคาญจนต้องกดพิมพ์ข้อความส่งไปหามันรัวๆ
‘อะไร!’
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
‘กวินทร์’
มึงมันกวนตีน!
ผมฟีลขาดเอาในตอนนี้ ยิ่งเห็นหน้ามันที่ส่งข้อความเสร็จแล้วมองผมนิ่งๆ ด้วยแล้ว ผมก็ยิ่งหงุดหงิดเข้าไปใหญ่ ทำให้ผมตัดสินใจกดอัดเสียงแล้วส่งเป็นข้อความไปให้มันทันใด
“อะไร!”
คีธกดฟังแล้วย่นคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะก้มหน้าพิมพ์ข้อความกลับมา
‘อย่าเสียวดัง’
กูไม่ได้เสียวดัง! เสียงดังเว้ย! เสียงดัง! มึงพิมพ์ให้มันถูกๆ หน่อย เดี๋ยวคนอื่นมาแอบดูโทรศัพท์มึงก็ได้เข้าใจผิดกันพอดี!
ผมว่าผมได้ยินเสียงเส้นความอดทนในหัวขาดดังผึงเลยนะ ผมเก็บโทรศัพท์ลงกระเป๋ากางเกงอีกครั้งแล้วสาวเท้าเข้าไปหามันอย่างรวดเร็ว
“อะไร” คราวนี้ผมไม่ได้เสียงดัง เรียกว่าแทบจะกระซิบเลยด้วยซ้ำ แต่น้ำเสียงฟังแล้วรู้เลยว่าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างมาก
“แค่ลองใช้งานดูเฉยๆ ว่ามีเสถียรภาพดีมั้ย”
ได้ยินคำตอบมันแล้วผมก็แทบจะแย่งเอาโทรศัพท์ในมือมันขว้างลงพื้น แต่ผู้กำกับวิลล์ก็สั่งเทคขึ้นเสียก่อน ผมเลยได้แต่คาดโทษ
“อย่าส่งมาอีกถ้าไม่มีอะไรคอขาดบาดตาย เข้าใจมั้ย”
คีธพยักหน้า แต่ก็ไม่ยอมปล่อยผมไปง่ายๆ คว้าแขนผมเอาไว้แล้วดึงเข้าไปหาเมื่อเห็นว่าผมจะเดินไป
“อะไรอีก” ผมชักสีหน้าถามให้คีธได้พูดขึ้น
“เสียวดังแปลว่าอะไร”
ก็แปลว่าเสียวไงโว้ย!
ผมอยากจะตะโกนใส่หน้ามันชิบเป๋ง ทว่าปากกลับหนัก ไม่กล้าอธิบายออกไปว่ามันคืออะไร แต่พอไม่พูด คีธก็ถามขึ้นมาอีก
“ตกลงเสียวดังแปลว่าอะไร”
“ฉันต้องไปทำงานนะโว้ย” ผมเปลี่ยนเรื่องเอาดื้อๆ
“ก็บอกมาก่อนสิว่าเสียวดังแปลว่าอะไร”
“ค่อยบอกคราวหลังได้มั้ยวะ มันไม่ใช่เรื่องที่จะต้องมาอธิบายตรงนี้ แล้วก็ตอนที่มีคนอยู่เยอะๆ ด้วย” ผมพูดไป หน้าก็ร้อนวาบไปด้วย
“มันยากมากหรือไงแค่อธิบายว่าเสียวดังแปลว่าอะไรแค่นี้” คีธย่นคิ้วเล็กน้อย หากแต่มือยังไม่ยอมปล่อย แถมยังดึงดันจะรู้ให้ได้อีก
ผมเลยมองซ้ายขวาหาจังหวะปลอดคนเพื่อจะอธิบาย เพราะดูท่าแล้ว ถ้าไม่รีบอธิบายไป มันคงไม่ยอมปล่อยผมไปทำงานแน่
“เสียวดังก็แบบ... เวลานายทำอะไรตื่นเต้นๆ ใช่มั้ย นายจะมีความรู้สึกวาบๆ ที่ท้องอะไรแบบนี้จนส่งเสียงออกมาน่ะ”
คีธทำหน้าสงสัยเข้าไปใหญ่ ขณะที่ผมยกมือตีหน้าผากตัวเองเบาๆ
ทำไมกูต้องมาอธิบายเรื่องเสียวๆ ให้มึงฟังด้วยวะ!
“อย่างเช่น?” คีธถามออกมาอีก คราวนี้ผมกลืนน้ำลายเลย พลันรีบปฏิเสธมัน
“ไม่มีตัวอย่าง”
“ไม่มีตัวอย่างก็ไม่ให้ไป”
ฉิบหาย! นี่มึงจะให้กูทำเสียงเสียวให้ฟังอีกเหรอ!?
ดูท่าทางคีธคงจะไม่ให้ผมไปจริงๆ เพราะผมพยายามแกะมือมันออกแล้ว แต่มันกลับเกาะผมแน่นยิ่งกว่าเดิมจนผมต้องหันไปพ่นลมหายใจใส่มันแรงๆ พลันจ้องหน้าหล่อนั่นนิ่งๆ
“เข้ามาใกล้ๆ” ผมว่าพลางกระดิกนิ้ว
คีธยื่นหน้าเข้ามา ผมสูดลมหายใจเข้าปอดแล้วทำเสียงกระเส่าให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ให้มันฟัง
“อาห์...อืม...อาห์...”
คีธเลิกคิ้วสูงเล็กน้อย ก่อนจะผละออกมาจากผมพร้อมกับอมยิ้มน้อยๆ ส่วนผมน่ะเหรอ... อยากจะเป็นขอมดำดินมุดกลับประเทศไทยไปชะมัด!
“เข้าใจแล้ว” มันว่าขึ้นแล้วยอมปล่อยผมออกจากการเกาะกุม
ผมมองมันตาขวางแล้วกระชับเสื้อตัวเองให้เข้าที่ ทำท่าจะกลับไปทำงานต่อ หากแต่คีธก็ทำให้ผมต้องอยากวิ่งกลับเอาหัวไปโหม่งหน้ามันทันควัน
“งั้นกวินทร์เสียวเบาๆ แล้วกัน อย่าเสียวดัง”
เสียวพร่อม! มึงเสียวไปคนเดียวเหอะไอ้มนุษย์ต่างดาวลามก!
-----------------------------------------
คีธคือแอบทะลึ่งอ่ะ 555 ตอนนี้กวินทร์แอบมีหึงด้วยพอรู้ว่าโฮสต์ใหม่ของคีธเป็นบรูคลิน แต่เก็บอารมณ์แรงมาก ตอนหน้ามาเกรียนกว่าและกามกว่าเป็นเท่าตัว ฮาาา
ปล.เรื่องนี้เขียนจบนะคะเพราะกำลังจะเปิดพรีออเดอร์ต้นเดือน ม.ค.59 ค่ะ ใครสนใจ ไปอ่านรายละเอียดตามลายแทงนี้นะคะ
https://web.facebook.com/NooDangzzz/photos/a.914616228594231.1073741838.122468307809031/917794364943084/?type=3&theater