Ice Cream Cone
เขาว่ากันว่ารอยสักแต่ละลายมีความหมายและความทรงจำของมันอยู่ แป้งมองลายกุหลาบเส้นคมตรงสะโพกตัวเองแล้วทำหน้าเหมือนจะร้องไห้ แทนที่จะจำได้แค่ว่ารอยนี้ได้มาเพราะเขาเป็นแฟนคลับ gun and rose มีความหมายโดยนัยที่คิดเองว่ามันบ่งบอกถึงความสวยงามแต่อันตรายของโลก ดันมีอีกความทรงจำหนึ่งปนมาด้วย นั่นคือเขากับช่างที่สักลายนี้ให้...กันไปแล้ว
แค่เห็นก็อายจะตายแล้ว...
“ไม่น่าเมาเลย” คุณครูบ่นอุบ เมื่อเช้ารีบกลิ้งออกมาเรียกแท็กซี่หน้าโรงแรม ใช้เวลาเกือบชั่วโมงก็ถึงบ้าน เขาหลับไปหลายรอบในแท็กซี่ รู้สึกว่าตัวเองทั้งเมาค้าง ปวดช้ำไปทั้งตัว เจ็บหลายจุด โดยเฉพาะตรงก้นและสะโพกที่เริ่มจะระบม
ที่สำคัญคือสัมผัสเมื่อคืนเหมือนยังติดอยู่ทุกส่วนของร่างกาย ทั้งการจูบ ทั้งอ้อมกอด ทั้ง…
คุณครูลูบหน้าตัวเองแรงๆ เมื่อหัวเอาแต่คิดถึงแต่เรื่องน่าอาย เขาสะบัดหัวไล่สิ่งที่ติดค้างในใจออก รีบอาบน้ำเพราะเหนอะหนะมาตั้งแต่เมื่อคืน ในตอนที่ถอดเสื้อผ้าออกหมดแล้วมองเห็นร่างกายตัวเองหลายจุดมีรอยฟันคุณครูถึงกับเบ้หน้า ขาสั่นแทบจะควบคุมไม่ได้ในตอนที่ของเหลวสีขาวหนืดไหลลงมาตรงขาอ่อน
ถ้าจำไม่ผิดตอนสุดท้ายคุณสามไม่ได้สวมถุงยาง...
แป้งไม่ได้คิดว่าคุณสามควรจะรับผิดชอบอะไร แต่อย่างน้อยก็ไม่ควรถอดถุงยางหรือจูบไว้ทั่วตัวแบบนี้ แต่จะว่าอะไรใครได้ เพราะความเมาล้วนๆ …
เขาอาบน้ำเสร็จแล้วรู้สึกเหมือนตัวเองยืนไม่ไหว ทั้งมึนหัวและง่วง ถึงได้เดินเข้าห้องด้วยขาอ่อนแรงเพื่อกินยา สุดท้ายก็หลับไปในตอนเกือบเที่ยง
.
.
.
สามตื่นขึ้นมาในตอนเกือบเที่ยงเพราะจำได้ว่าเช็กเอาท์ได้บ่ายสอง ท่อนแขนแข็งแรงควานหาร่างที่กอดไว้ทั้งคืน เมื่อคืนนี้โมจินอนหลับสนิทคอพับแบบไม่รู้ตัวเลย น่าจะเป็นเพราะเหนื่อยมาก
สามจำสัมผัสจากร่างกายนั้นได้ทุกจุด รู้สึกว่าสิ่งที่มองมานานนั้นดีกว่าที่คิด ทั้งร่างกายหนั่นเนื้อ ความหอม จูบหวาน ช่องทางแน่น เขาเต็มอิ่ม...แต่กลับไม่รู้สึกพอ
“แป้งครับ อยู่ไหน? "
“…”
คุณช่างลุกจากเตียงก่อนจะเดินไปที่ห้องน้ำ คิดว่าอีกคนคงทำธุระอยู่ด้านใน แต่เปิดประตูเข้าไปก็เห็นว่าทั้งห้องว่างเปล่า พอมองกลับมาข้างเตียงเมื่อเห็นว่าเสื้อผ้าและกระเป๋าของครูแป้งหายไปหมดแล้ว คนตัวโตก็สูดหายใจเข้าให้ลึก...อยู่ดีๆ รู้สึกโมโหแบบไม่รู้สาเหตุ
“ขนาดนี้ยังลุกได้อีก” สามเดินเข้าห้องน้ำแบบหัวเสีย
ตั้งแต่ตอนสักเขาก็รู้สึกว่าโมจิหนีเก่ง แต่จะปล่อยให้หนีแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว...
.
.
.
คุณครูใช้อาทิตย์สุดท้ายหมดไปกับการหมกตัวอยู่ในบ้านตัวเอง ไม่ได้กลับไปเยี่ยมพ่อแม่ที่บ้านเกิดด้วยซ้ำ สามวันแรกแป้งเอาแต่นอนซมเพราะปวดเมื่อยตัว เขากินยาแล้วนอนสลับกับลุกมารับอาหารจากบริการเดลิเวอรี ส่วนวันหลังๆ ก็นอนนับถอยหลังวันเปิดเทอมด้วยความรู้สึกต่างจากเคย แต่ก่อนแป้งชอบวันเปิดเทอมมาก เพราะดีใจที่จะได้ไปเจอกับเด็กๆ แต่ตอนนี้กลับกลัวโรงเรียนอนุบาลพอๆ กับร้านสักเลยทีเดียว
พอนึกได้คุณครูก็แอบเข้าไปดูเพจร้านสัก เห็นว่าทางเพจก็ยังอัปเดตปกติ คุณสามก็ยังไปทำงานถ่ายรูปกับลูกค้าเหมือนเคย เห็นคุณช่างสวมผ้าปิดปากถ่ายรูปกับลูกค้าเกือบทุกรูป แป้งเลื่อนดูไปเรื่อยด้วยความรู้สึกหลากหลาย จนไปเจอรูปกอดคอกับลูกชายเจ้าของร้านคนเล็กที่ชื่อคุณคนดี เป็นรูปเดียวที่ช่างสามถอดผ้าปิดปากแล้วยิ้มกว้าง...เขาว่าดูเหมาะกันดี
คุณครูกดออกจากหน้าเว็บนั้น รู้สึกแปลกๆ แต่ก็ไม่รู้ทำไม
.
.
.
เขาว่ากันว่าวันหยุดมักจะผ่านไปเร็วเสมอ
“ทำไมใส่ไม่ได้ล่ะเนี่ย” วันนี้คุณครูอนุบาลตื่นมาแต่เช้าเพราะจะต้องไปทำงาน แป้งสวมเสื้อผ้าไปบ่นกางเกงตัวเองไป กางเกงทำงานสีครีมตัวนี้ปกติมันคับตรงก้นอยู่แล้ว คราวนี้กลับดึงไม่พ้นตรงต้นขาด้วยซ้ำ
เขากลั้นหายใจแล้วดึงมันขึ้นให้สุด รู้ว่าสาเหตุคงมาจากการกินแล้วก็นอนมาทั้งอาทิตย์ นั่นเอง ต้องโทษไก่ทอดที่อร่อยเกินไปหน่อย
“สวัสดีครับ ครูเก๋” แป้งทักทายเพื่อนร่วมงานคนสวย ครูเก๋ที่เปิดเทอมมาพร้อมกับทรงผมใหม่ยิ้มให้
“ครูแป้ง เป็นไงบ้างคะ”
“เรื่อยๆ ครับ ครูเก๋ไปเที่ยวไหนมา”
“ไปพัทยามาค่ะ ครูแป้งไปไหนมา กลับต่างจังหวัดมาหรือเปล่า”
“เปล่าครับ อยู่บ้านดูหนัง” แป้งตอบพลางยิ้ม เขาวางกระเป๋าลงบนโต๊ะทำงานของตัวเอง ก่อนจะยกมือไหว้ทักทายทุกคนในนั้น
“สวัสดีครับครูแมว” ลืมไม่ได้เลยคือภรรยาผ.อ.ที่ต้องรีบเคารพ
“สวัสดีค่ะ อ้วนขึ้นหรือเปล่าคะ”
แป้งผงะเล็กน้อย แต่ก็ทำได้แค่ยิ้มแล้วเกาท้ายทอยแก้เก้อ
“ทักกันแบบนี้เสียมารยาทมากเลยนะคะ” ครูเก๋ขมวดคิ้วแน่นพลางมองตามหลังคุณครูแมว
“ชู่ว ผมไม่เป็นไรครับ” แป้งรีบบอก เพราะไม่อยากให้มีปัญหา
ภารกิจแต่ละวันของคุณครูอนุบาลคือต้องเข้าห้องพักครูเคลียร์เอกสารแต่เช้า โชคดีที่ครูสอนอนุบาลสองรับข้อมูลที่สรุปแล้วมาจากคุณครูอนุบาลหนึ่ง สมุดพกแต่ละเล่มมีบันทึกพฤติกรรมต่างๆ ของเด็กๆ เช่น น้ำหนัก ส่วนสูง โรคประจำตัว ประวัติการแพ้อาหาร รวมถึงข้อควรระวังและพฤติกรรมต่างๆ หลังจากเตรียมการสอนให้เหมาะสำหรับเด็กๆ ในห้องแล้ว พอสัก 8 โมงเช้าก็จะออกมารับเด็กๆ หน้าชั้นเรียน
“สัวสดีฮะคุณคู”
“สวัสดีครับน้องอันปังแมน” แป้งรับไหว้เด็กตัวป้อม ชื่อเด็กสมัยนี้แต่ละคนน่ามันเขี้ยว แต่เพราะเป็นคุณครูเลยเข้าไปกอดหรือหอมเด็กๆ ไม่ได้ มันผิดจรรยาบรร เขาถึงทำได้แค่ยิ้มกว้างด้วยความเอ็นดู
“สวัสดีค่ะคุมคู”
“สวัสดีครับน้องแก้ม”
“คุมคูแป้ง สวัสดีฮะ”
“สวัสดีครับน้องสิบ” แป้งยิ้มและรับไหว้ตามปกติ เพราะมัวแต่ดีใจที่จะได้เจอเด็กๆ ชั้นตัวเอง เลยลืมว่า...ผู้ปกครองของน้องสิบเป็นใคร
เขามองต่ำ เห็นรองเท้าหนังมันปลาบเป็นอย่างแรก แป้งภาวนาให้เป็นพ่อของน้องสิบ แต่เมื่อไล่สายตาขึ้นมายังเชิ้ตขาว กลิ่นน้ำหอมกลับคุ้นเตะจมูก จนเมื่อถึงปลายคาง คุณครูก็ตัวแข็งค้าง
คิดว่าเตรียมใจมาพอแล้ว...สุดท้ายก็ยังตกใจจนหัวใจแทบวาย
“มองทำไมครับ” เสียงของสามเรียกสติคุณครูในที่สุด
แป้งใจตกอยู่ตาตุ่ม ในหัวคิดถึงแต่ภาพลามกที่เขากับคุณสามทำด้วยกัน แต่เพราะมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ และรู้ว่าคืนนั้นคุณสามแค่เมา ถึงได้ยกมือขึ้นไหว้
“สวัสดีครับคุณน้าน้องสิบ” แป้งบอกเสียงแผ่ว พยายามยิ้มให้แต่อีกคนกลับดึงหน้าตึง
“น้าฉาม สวัสดีฮะ” น้องสิบบอกก่อนจะเดินไปถอดรองเท้าในช่องเก็บรองเท้าของตัวเอง
“ตั้งใจเรียนนะเจ้าแสบ”
“ฮะ”
สามลอบมองใบหน้ากระอักกระอ่วนของคนที่หนีออกมาตั้งแต่วันเสาร์ที่แล้ว โทรไปหาก็โดนปิดเครื่องใส่ อาจจะโดนบล็อกเบอร์ไปแล้ว บ้านก็ไม่รู้อยู่ไหน
ว่าจะไปซ้ำรอยเดิม...แต่ก็ไม่รู้จะตามที่ไหนนอกจากโรงเรียนอนุบาล
ปกติสามมีหน้าที่มารับหลานแค่ช่วงเย็น แต่วันนี้กลับอาสามาส่งน้องสิบแต่เช้า เพราะอยากเห็นว่าเจ้าโมจิจอมหนี...จะหนีได้ถึงไหน
“เดี๋ยวตอนเย็นมารับ” คุณน้าบอกในตอนที่น้องสิบที่วิ่งเข้าห้องเรียนไปแล้ว คนได้ยินเลยมีแค่คุณครูผู้ยืนอยู่หน้าห้องเรียน
“เดี๋ยวผมบอกน้องสิบให้ครับ” แป้งยิ้มแหย
สามเดาะลิ้นสองสามีก่อนจะเดินออกไป...เอาไว้บอกตัวเองเถอะโมจิ
.
.
.
หน้าที่ของคุณครูอนุบาล 2/1 ในช่วงเวลาแปดโมงครึ่งถึงบ่ายสาม คือดูแลเด็ก 15 คน ให้ทั่วถึง โรงเรียนนี้ค่อนข้างมาตรฐานดี เลยทำให้ห้องหนึ่งมีจำนวนเด็กๆ ไม่มากกว่านี้
วันนี้แป้งเริ่มชั้นเรียนด้วยวิชาสะกดคำง่ายๆ เขาสอนให้เด็กๆ สะกดพยัญชนะกับสระด้วยเสียงง่ายๆ พร้อมกับวาดรูปประกอบ ในระหว่างที่เด็กๆ กำลังตั้งใจเรียน คุณครูก็เรียกตรวจการบ้านปิดเทอม
“ไหนขอตรวจการบ้านปิดเทอมตามเลขที่นะครับ” แป้งบอกเด็กๆ
การบ้านที่ว่าคือเลขง่ายๆ คัดภาษาไทย ภาษาอังกฤษ เขียนเรียงความสามบรรทัด แล้วก็วาดรูป คุณครูเรียกตรวจแต่ละคนเพื่อบันทึกความชอบและพฤติกรรมของเด็กผ่านการบ้าน เช่นบางคนชอบศิลปะ บางคนชอบนับเลขเป็นต้น
ไม่ทันไรก็เที่ยงแล้ว คุณครูจะต้องพาเด็กๆ ต่อแถวมาทานข้าวที่โรงอาหาร เพื่อให้รู้จักระเบียบ และการใช้พื้นที่สาธารณะกับคนอื่น
“ฉิบไม่กินอันนี้” น้องสิบชี้เข้าที่ผักชีกลิ่นฉุน มันโรยหน้าอยู่บนต้มจืดหมูสับกับฟัก
แป้งไม่อยากตามใจน้องแต่ก็ไม่บังคับ เพราะกลัวจะทำให้เป็นปมฝังใจ เรื่องพวกนี้ต้องระวังให้มากในเด็กเล็ก เขาถึงสอนให้น้องตัดสินใจเอง
“งั้นน้องสิบใช้ช้อนหยิบมาวางข้างจานนะครับ แค่นี้เราก็ไม่ได้ทานมันแล้ว หรือถ้าโตแล้วอยากทานค่อยลองชิมเนอะ”
“จริงด้วยฮะ” สิบยิ้มหวานให้คุณครู
“อันปังกินได้หมด เก่งกว่าเยอะ” เด็กอีกคนอวด
“ก็มันไม่อร่อย” น้องสิบยู่หน้า
“น้องฉิบไม่เก่ง! ”
“ฉิบเก่ง! ”
“ในโรงอาหาร ห้ามเสียงดังค่ะ! ” เพราะเด็กๆ ชั้นอนุบาล 2/1 เอาแต่คุยเลยโดนครูแมวดุเสียงดัง
แป้งยิ้มเจื่อน มองเด็กๆ ห้องตัวเองทานต่อไป
พอบ่ายก็เป็นวิชากายบริหาร ยืดเส้นยืดสายนิดหน่อยเด็กๆ ก็ง่วงกันแล้ว สักบ่ายโมงครึ่งก็ได้เวลานอนกลางวัน แป้งก็นั่งในห้อง เตรียมการสอนพร้อมกับตรวจแบบฝึกหัดที่เด็กๆ ทำเมื่อเช้า งานพวกนี้เหมือนไม่มีอะไร แต่การดูแลเด็กๆ ที่พ่อแม่รักและฝากไว้ด้วยความไว้เนื้อเชื่อใจก็เหนื่อยเอาการ
พอบ่ายสองครึ่งก็ทยอยตื่นกันแล้ว หน้าที่หลังจากตื่นของเด็กคือเก็บที่นอนอันเล็กๆ ของตัวเองใส่ช่องเก็บของ พอวันศุกร์ก็ต้องเอากลับไปให้คุณพ่อคุณแม่ซัก
“ตื่นแล้วเหรอครับ ไปล้างหน้ากันเนอะ” แป้งจูงมือน้องแก้มและเด็กอีกสามคนซึ่งตื่นเป็นขุดแรก เดินออกมาจากห้องนิดเดียวเป็นก๊อกสำหรับให้เด็กๆ ฝึกล้างมือ แปรงฟันด้วยตัวเอง
ในตอนที่แป้งดูเด็กอยู่ข้างนิก เด็กผู้ชายสี่ห้าคนที่เพิ่งตื่นก็วิ่งไล่จับกันคึกคัก
“ไม่วิ่งในห้องเรียนนะครับ เดี๋ยวล้ม” เขาบอกเสียงดังแต่ก็ไม่ใช่ดุ เด็กซนเลยไม่ฟัง
“ไอ้อ้วนอันปัง”
“ไม่พูดแบบนั้นครับน้องทีม เรียกเพื่อนแบบนั้นไม่ดีครับ” คุณครูรีบเดินไปแยกเด็กชายจอมซนออกจากกัน เพราะรู้ว่าจากเล่นจะกลายเป็นโกรธและทะเลาะกันในที่สุด เด็กในวัยนี้ควบคุมอารมณ์ยังไม่ได้เท่าไหร่
ในระหว่างที่เริ่มอีนุงตุงนัง เจ้าอันปังก็เดินกำมือมาฟาดน้องทีม
“แง้” น้องสิบดันวิ่งมาโดนลูกหลง
“แง้ อันปังตีน้องฉิบ”
“อันปังเปล่า ทีมทำ! ”
“เปล่า! ทีมเปล่านะไอ้อ้วน”
บันเทิงเลยทีนี้ พอคนแรกร้องไห้ก็ร้องตามกันทั้งสามคน เหนื่อยครูแป้งต้องแยกแต่ละคนไว้คนละมุม
“สองคนนี้ยืนเฉยๆ ห้ามขยับ! ” แป้งชี้มือไปที่อันปังกับน้องทีมที่ตอนนี้เริ่มรู้สึกว่าตัวเองเป็นคนผิดแล้ว แต่แค่ยังไม่ยอมรับ
คุณครูเดินมาหาน้องสิบที่ตอนแรกเหมือนจะเข้ามาช่วยห้ามแต่โดนลูกหลง
“เจ็บตรงไหนครับ”
“น้องฉิบเจ็บกงนี้” น้องสิบนี่ตัวเล็กกว่าใครเขาเลย แป้งลูบหัวทุยเบาๆ สิบสะอื้นปาดน้ำมูกใส่ผ้ากันเปื้อนของคุณครูพักเดียวก็หาย ที่บอกว่าเจ็บเพราะตกใจมากกว่า
วุ่นวายอยู่ไม่นานผู้ปกครองก็มารับ ดีที่พ่อแม่แต่ละคนเข้าใจครูแป้งเป็นอย่างดี เด็กๆ ก็จับมือขอโทษกันเรียบร้อยแล้ว
“น้องสิบหายเจ็บยังครับ” แป้งถามเด็กตัวเล็ก น้องสิบกำลังอยู่ระบายสีรอผู้ปกครองมารับ
“หายแล้วฮะ”
“คุณแม่มาแล้วครับ” แป้งบอกน้อง เขาโล่งใจที่คนมารับน้องเป็นคุณแม่
แม้ลึกๆ แอบผิดหวัง...แต่ก็ดีแล้ว
.
.
.
เพราะเริ่มงานแต่เช้า บ่ายสี่โมงครึ่งก็ได้เวลาเลิกงาน แป้งทำงานเสร็จแล้วเดินออกมาเจอรถคันคุ้นตา เหมือนเคยเห็นที่ไหนมาก่อน แต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ เขาเกือบจะเดินผ่านไป ถ้าครูแมวไม่เรียกไว้ก่อน
“ครูแป้ง เห็นบอกห้องคุณมีเรื่อง”
“ใช่ครับ น้องอันปังกับน้องทีมทะเลาะกันนิดหน่อย แต่ไม่เป็นไรแล้ว” แป้งตอบตามตรง เรื่องแบบนี้เกิดขึ้นได้ คุณครูทุกห้องต่างเคยเจอเรื่องแบบนี้
“เด็กที่อ้วนๆ นั่นเหรอ”
“อย่าเรียกเด็กแบบนั้นเลยครับ” แป้งบอก ที่เด็กมีเรื่องกันก็เพราะเรื่องนี้แหละ
“ครูแป้งก็อ้วนเหมือนกันนี่ ตุ๊ต๊ะแบบคุณจะไปห้ามเด็กทันได้ไง” คุณแมวว่าพลางขำคิกคัก แต่เขากลับยิ้มไม่ออกด้วยซ้ำ
“แป้ง! ” คนที่ยืนแอบฟังมานานเรียกเสียงดัง ทำให้คนที่กำลังเหมือนกำลังอยู่ในภวังค์หันขวับมาหาคนแรก...พอเห็นว่าเป็นคุณสามก็ตกใจ
“มารับน้องสิบเหรอครับ คุณแม่มารับกลับไปแล้วครับ” คุณครูทำหน้าเหลอหลา รู้ตัวอีกทีครูแมวก็เดินออกไปแล้ว เหลือแค่เขา...กับช่างสาม
คนตัวโตมองเจ้าโมจิผู้ทำเหมือนอาทิตย์ที่แล้วเราไม่ได้รู้จักกันลึกซึ้ง เพราะนอกจากจะหนีเหมือนแป้งจะไม่อยากพูดถึงด้วยซ้ำ
“ทำไมหลานผมถึงร้องไห้” สามถามตามที่ได้ยินมาจากพี่สองว่าหลานทะเลาะกับเพื่อน
“เด็กๆ เล่นซน ผมมองไม่ทันครับ” แป้งตอบตามจริง จากที่หน้าเจื่อนอยู่แล้วตอนนี้ก็ยิ่งซึมลงไปอีก
“ผม ขอโทษครับ แต่ผมวิ่งเข้าไปไม่ทันจริงๆ ” แป้งอธิบายเรื่องนี้กับคุณแม่น้องสิบแล้ว ก็เข้าใจกันดี แต่คิดว่าคุณสามคงโมโหถึงได้มาหากันหลังเลิกเรียนแบบนี้
อันนี้ที่จริงเรื่องหลานสามไม่ได้ติดใจอะไร...ที่ติดใจจริงๆ คงเป็นเรื่องของคนตรงหน้าต่างหาก
“แล้ววันนั้น หนีออกมาก่อนทำไม” เขาถามหน้านิ่ง
แป้งยิ้มแหย ไม่รู้จะตอบอะไร แล้วก็นึกไม่ออกจริงๆ ว่าวันนั้นถ้ายังอยู่แล้วจะทำยังไงต่อ แค่คิดหน้ากับหูก็แดงไปหมด
“ผมเข้าใจคุณสามนะครับ” แป้งบอก เข้าใจคุณสามว่าคงลำบากใจ ดันเมาแล้วมามีอะไรกับคนงุ่มง่ามแถมอ้วนแบบเขา
“เข้าใจอะไร” สามขมวดคิ้ว แต่อีกคนไม่ตอบ
“จะกลับบ้านยัง เดี๋ยวไปกับผม”
โมจิปัดมือไปมาเพื่อปฏิเสธ
“ไม่เป็นไรครับ”
“แป้ง ไปด้วยกัน” สามกดเสียงต่ำพร้อมกับมองตากลมโต ที่มานี่เขาไม่ได้ตั้งใจจะมารับหลานอยู่แล้ว แต่ตั้งใจมาหาอีกคนต่างหาก
“ทางผ่านเหรอครับ? ” แป้งถามเพราะไม่เข้าใจว่าคุณสามจะพาเขาไปด้วยทำไม
“อืม ทางผ่านพอดี” สามลอบถอนหายใจ ...ให้มันได้แบบนี้สิวะ...
เขาเดินมาเปิดประตูฝั่งคนนั่งให้ครูอนุบาล สามสังเกตกางเกงทำงานสีครีมตัวนี้ของครูแป้งมาหลายรอบแล้ว มันคับเกินไปหรือเปล่า...เห็นโมจิเป็นลูกเลย
คุณครูอนุบาลขึ้นรถมาแบบง่ายๆ เท่าที่ดูมาหลายต่อหลายครั้ง สามว่าเพราะแป้งอยู่กับเด็กเลยเป็นคนไม่คิดอะไรซับซ้อน ตรงไปตรงมา เอเนอจี้เยอะ พอเป็นแบบนี้ก็นึกไม่ชอบใจ...ถ้าเกิดโดนคนอื่นหลอกจะทำยังไง
“ไปทางไหนรถไม่ติด” สามถาม ที่จริงเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าบ้านคุณครูของหลานอยู่ไหน
“ทางด่วนก็ได้ครับ”
“วิภาวดี? ”
“ยมราชครับ”
ช่างสักยกยิ้ม นึกแล้วว่ายังไงโมจิก็ตามไม่ทัน
“แล้วลงไหนรถไม่ติด”
“ตรงศิริราชเลยครับ” คุณครูบอก ก่อนจะนึกขึ้นได้
“เอ๊ะ คุณสามจะไปไหนนะครับ”
“ไปแถวนั้นแหละ” เขาออกรถทันทีที่พูดจบ
.
.
.
ประเทศกรุงเทพถึงจะบอกว่าไม่ติด แต่ก็ไม่มีตรงไหนที่ไม่ติด พวกเขานั่งเงียบๆ กันในรถ ได้ยินแค่เสียงแอร์เบาๆ
“แป้ง” ”คุณสาม”
“พูดก่อนเลย” สามบอกเมื่อเห็นว่าพวกเขาพูดออกมาพร้อมกัน เขามองท่าทางหลบหน้าหลบตาของอีกคนก็ทำได้แค่เคาะนิ้วกับพวงมาลัยรถแก้มันเขี้ยว ใจจริงอยากเอื้อมมือไปบีบแก้มให้ช้ำ แต่ถ้าเกิดตกใจแล้วหนีไปอีก คราวนี้คงตามหาลำบากกว่าเคย
“คืนนั้นผมขอโทษนะครับ ผมเมาไม่ค่อยมีสติเท่าไหร่ เอ่อ...” จริงๆ ก็มีสติ แค่คุมไม่ค่อยได้
“ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้คุณสาม เอ่อ…” แป้งมือไม้พันกันมั่วไปหมด เขาไม่รู้จะขอโทษคุณสามยังไง แต่ถ้าไม่เมากันก็คงไม่กล้าทำเรื่องแบบนั้น
“ไม่ได้ตั้งใจจะหนีแล้วไม่รับผิดชอบ...” โมจิบอกเสียงเบา แป้งรู้ตัวว่าเขาควรรับผิดชอบการกระทำตัวเอง แต่ตอนเช้าที่ตื่นมานั้น พอเห็นว่าเปลือยแล้วกอดกันหนึบ...หัวก็โล่งไปหมด ทำอะไรไม่ถูกเลย
ผิดคาด! สามเบิกตากว้างแต่ไม่นานก็ทำหน้านิ่งเช่นเคย นี่โมจิคิดอะไรอยู่วะ... เขาเกือบจะหลุดขำแต่ก็ยังตีหน้านิ่ง
ปกติเคยเจอแต่แบบในละครที่มาบังคับให้คนทำรับผิดชอบ แต่โมจิกลับคิดเป็นตุเป็นตะ
“พาไปดูไลฟ์ ยังกล้าหนีกัน ต้องรับผิดชอบ” สามบอก
“ครับ? ”
“ไม่รับผิดชอบจะไปสอนเด็กได้ยังไง ถูกไหม” สามหันมาบอกอีกคน เห็นคุณครูยิ้มแหยเหมือนทำตัวไม่ถูกก็ยิ่งเอ็นดู
เพราะต่างคนต่างเมา แป้งเลยไม่รู้จะรับผิดชอบยังไง กลัวแต่คุณช่างจะรำคาญ ไม่ก็หาว่าเข้าไปยุ่มย่าม
“ผมไม่รู้” คุณครูบอกตามตรง ที่จริงไม่คิดว่าจะได้คุยกันอีกด้วยซ้ำไป
“เริ่มจากปลดบล็อกเบอร์แล้วแอดไลน์มา”
“คือ…” คุณครูงงแต่ก็ยอมทำตามง่ายๆ
“แล้วก่อนหน้านี้ ทะเลาะอะไรกับครูคนอื่น”
“เปล่าครับ” เขาส่ายหน้า เห็นว่าเป็นเรื่องที่อธิบายไปก็ไม่มีคนเข้าใจ
“แป้ง” สามกดเสียงต่ำ
“คือครูแมวเขาชอบบอกว่าผมอ้วน พูดต่อหน้าเด็กแล้วเขาจำ ผมเลย...” แป้งถอนหายใจ
“ก็อ้วนจริงๆ นี่” สามปากพล่อยไปหน่อย เขารู้ว่าแป้งตัวไม่ได้อ้วนขนาดนั้น ที่อ้วนก็มีแค่ตรง… คุณช่างไล่สายตามองสิ่งใต้เนื้อผ้าสีสว่าง
“ผมรู้ตัวนะ จะว่าผมก็ว่า แต่คุณอย่าไปพูดต่อหน้าน้องสิบก็พอ เด็กเขาจำ” แป้งบอกหน้ายุ่ง คนไทยไม่ค่อยเข้าใจเรื่องพวกนี้เลย
“รู้แล้วครับ” คุณช่างเหมือนจะโดนดุ สามตอบรับแต่ก็แอบอมยิ้ม
“แล้วไปเถียงเขา จะไม่มีปัญหาเหรอ”
“ไม่รู้ครับ” แป้งส่ายหน้าไปมา แต่ไหนแต่ไรคุณครูแมวก็ไม่ค่อยชอบเขาอยู่แล้ว
คนตัวใหญ่ถอนหายใจยาว ดูเหมือนเขาจะเผลอทำโมจิซึมไปแล้ว
“กินข้าวยัง แวะกินข้าวกันก่อนไหม? ”
“ผมไม่หิว” แป้งรู้ว่าอาจจะเสียมารยาท แต่โดนว่าอ้วนแล้วใครจะอยากกิน
“แต่ผมหิว” สามบอกพร้อมกับเลี้ยวรถลงจากทางด่วนแวะห้างแถวนั้น และถ้าเดาไม่ผิดคงจะเป็นห้างแถวบ้านคุณครู เพราะดูครูแป้งเชี่ยวชาญสถานที่เป็นอย่างดี พอบอกว่าอยากกินสเต๊ก คุณครูก็เดินนำมาส่งหน้าร้านอย่างถูกต้อง
“กินเป็นเพื่อนหน่อย”
แป้งพยักหน้างงๆ ก็จริง แต่พอเห็นเมนูอาหารก็ตาโตกลืนน้ำลายอึกใหญ่ ร้านนี้เขาอยากกินมาสักพักแล้ว แต่ไม่มีเวลาได้มา อีกอย่างคือมากินคนเดียวแล้วเขิน
สามสั่งอาหารมาเต็มโต๊ะ ปกติเขาเองก็กินเยอะ แต่จะเน้นไปที่โปรตีนเป็นส่วนใหญ่เพราะเข้ายิม ส่วนแป้งรู้สึกจะอร่อยกับหอมทอดและเฟรนช์ฟรายมากเป็นพิเศษ
“อร่อยไหม” สามถามคนที่กำลังเคี้ยวตุ้ยๆ
คุณครูยิ้มหวานจนเห็นลักยิ้มบุ๋ม ทำเอาคนมองอดยิ้มตามไม่ได้
“อร่อยครับ”
“อันไหนอร่อยสุด”
“อร่อยทุกอย่าง แต่ร้านนี้ผมชอบไก่ทอด” แป้งบอก จริงๆ คุณครูก็ชอบไก่ทอดของทุกร้าน โดยเฉพาะ kfc นี่อร่อยมาก เพราะตอนเด็กๆ พ่อกับแม่ไม่ให้กินจังก์ฟู้ดโตมาถึงรู้สึกว่าอร่อยเหลือเกิน
สามลอบมองคนกินข้าวแบบมีความสุข ก่อนจะยกมือเรียกพนักงานร้าน
“ขอไก่ทอดเพิ่มให้หน่อยครับ”
แป้งมองคนที่ยังกล้าสั่งมาอีก แค่บนโต๊ะนี้ก็กินไม่หมดแล้ว
ไม่นานนักปีกและน่องไก่ทอดสีเหลืองทองก็มาถึง คุณครูกัดกร๊วมคำใหญ่เคี้ยวแก้มตุ่ย ตากับปากยิ้ม สามมองแล้วคิดว่าน่าจะเอามานั่งกินข้าวด้วยทุกมื้อ ดูแล้วเจริญอาหาร...น่ารักฉิบหาย
“กินของทอดมากไม่ดีนะ” เขาบอกเมื่อเห็นว่าจานของคนตรงข้ามมีแต่ของทอด แต่พอบอกแบบนั้นคนที่กำลังยิ้มก็ปากคว่ำ
“หมายถึงสุขภาพ คอเลสเตอรอล” สามบอก อีกคนเลยมุ่ยหน้า
“ผมตรวจสุขภาพทุกปี”
“เป็นห่วง” ช่างบอกเบาๆ ไม่คิดว่าอีกคนจะได้ยิน เขาเห็นคุณครูแอ็คทีพดี แล้วมีความสุขกับจานอาหารตรงหน้า ก็ไม่กล้าพูดอะไรต่อ
หลังจากมื้อใหญ่ สามใช้บัตรเครดิตรจ่ายแล้วบอกว่าจะส่งเลขที่บัญชีให้โอนทีหลัง ครูแป้งก็เชื่อ จนเดินตามเขาต้อยๆ มาที่ห่างอีกฝั่ง
“ไปไหนครับ”
“อยากดูเสื้อผ้า”
“ห้ะ” คุณครูอนุบาลเริ่มงงว่าคุณสามมาทำอะไรแถวนี้ แต่นึกไปนึกมาคุณสามอาจจะมีธุระที่ห้างนี้ก็ได้ คุณครูเลยไม่ว่าอะไร
เขาเดินตามหลังคนตัวสูง คุณสามตัวสูงกว่าแป้งเกือบ 15 เซนติเมตรได้ ทั้งยังไหล่หนาและกว้าง ร่างกายมีมัดกล้ามสมส่วน ยิ่งเวลาแต่งตัวเป็นทางการแบบนี้ยิ่งดูดี ช่วงขายาวเข้ากับกางเกงแสล็กสีดำเรียบ สังเกตเห็นว่าคนมักจะมองตามคุณสาม โดยเฉพาะสาวๆ
แป้งอมยิ้มจนมาถึงร้านเสื้อผ้าผู้ชาย
“ไปดูเป็นเพื่อนหน่อย”
“อ่า...ครับ” แป้งไม่มีความรู้ด้านนี้เลย ถึงได้มายืนงงๆ ในร้านเสื้อผ้าผู้ชาย เป็นร้านสตรีทแบรนด์ที่แป้งชอบดูแต่ไม่เคยได้ลองใส่ เพราะงานด้วยและเพราะที่บ้านเขาด้วย
แป้งเห็นว่าคุณสามแต่งตัวสองแบบ ตอนมาหาน้องสิบอีกแบบที่ร้านสักก็เป็นอีกแบบ
“สวยไหม” สามถามถึงเสื้อยืดโอเวอร์ไซซ์สีดำเนื้อหนา มีลายสกรีนสีทองเป็นชื่อแบรนด์
“สวยครับ”
“ตัวนี้ล่ะ”
“สวยครับ” คนที่เห็นสวยไปหมดยิ้มให้
“ชอบอันไหน” แป้งมองเสื้อสองตัวในมือ อีกตัวเป็นสีกรมท่าตรงชายเสื้อปล่อยรุ่ยแบบตั้งใจ แป้งว่า...คุณสามใส่ตัวไหนก็คงเหมาะ เลยเลือกตัวสีดำเพราะชอบมากกว่า
สามจับเสื้อสีดำแนบตัวอีกคน เห็นว่าผิวแบบนี้หน้าแบบนี้ใส่อะไรก็ขึ้น
“เอาตัวนี้ครับ” ช่างยื่นจ่ายตังค์ก่อนจะไปต่อที่ร้านเสื้อผ้าทำงาน ร้านนี้เป็นร้านสำเร็จรูปที่รับแก้ทรงในตัว ปกติสามไม่ซื้อเอง แต่เป็นพี่สองมาดูให้
“กางเกงทำงาน สีกรม เอาที่เก็บสะโพกได้ดี ไม่ฟิตครับ” เขาบอกน้องพนักงาน
แป้งมองไปรอบร้าน แค่ดูก็รู้แล้วว่าคงแพง
“ขออนุญาติวัดไซซ์นะครับ” น้องพนักงานบอก คุณช่างเลยผายมือไปอีกทาง
“ผมเหรอ” ครูแป้งชี้เข้าที่ตัวเอง
สามพยักหน้าก่อนจะเดินมาหา
.
.
.