คำพูดของหม่อมหลวงพงศ์ภราธรยังดังอยู่ในหัว พอๆกับที่หัวใจของจันทร์จ้าวไม่สงบเอาเสียเลย ก่อนหน้านี้เขาคิดว่ามันด้านชาไปแล้วเพราะผิดใจกับใครบางคน แต่เพื่อนราชนิกูลของเขาเป็นคนกวนให้ขุ่นจนตะกอนที่ตกผลึกอยู่เบื้องล่างซึ่งเขาเคยมองข้ามไปหมุนวนขึ้นมาให้ได้สังเกตอีกครั้ง
‘แกถามตัวเองเถอะจันทร์ แกมีเพื่อนหลายคน มีเพื่อนคนไหนที่แกเคยรู้สึกกับเขา เหมือนกับที่แกรู้สึกกับคุณหมอตอนนี้ไหม’
จันทร์จ้าวเคยคิดว่าภวัตเป็นเพียงเพื่อน เป็นเพื่อนที่มีอะไรหลายๆอย่างคล้ายกันโดยบังเอิญ เป็นเพื่อนที่ทำให้เขาสุขใจสบายใจเวลาอยู่ใกล้ แต่...เขาไม่เคยคิดมาก่อนว่าเพื่อนคนนี้จะทำให้เขาร้อนเป็นไฟยามที่ผิดใจกัน
ภายนอก อาจจะดูนิ่งเงียบและไม่แสดงออก แต่ทุกวันนี้ที่เอาแต่ทำงานและอ่านหนังสือ จันทร์จ้าวรู้ดีว่าทำไปทั้งหมดก็เพื่อไม่ให้คิดถึงหน้าหมอภวัตอีก เพราะอะไร...เพราะอะไรใครคนนั้นจึงอยู่ในใจเขามากถึงเพียงนี้...
ร่างโปร่งฟุบหน้าลงกับโต๊ะ มือหนึ่งเลื่อนลิ้นชักชั้นบนสุดแล้วหยิบเศษกระดาษแผ่นเล็กที่มีเบอร์โทรศัพท์โรงพยาบาลถูกเขียนเป็นระเบียบอยู่บนนั้น ปลายนิ้วลูบตัวอักษรแผ่วเบาราวกับจะส่งความรู้สึกบางอย่างไปสู่เจ้าของลายมือนี้ได้ ทว่าสิ่งที่ได้กลับมาคือหัวใจของตนเองบีบรัดหนักหน่วงราวกับมีบ่วงบาศมาคล้องรัดเป็นเจ้าข้าวเจ้าของ
“หมอ...” ริมฝีปากสีสดครางแผ่วเบา ความรู้สึกที่มีในขณะนี้ ต่อให้รู้ก็ไม่อาจทำอะไรได้อีกแล้ว
..........................................
วันนี้เป็นวันประหลาดในรอบปี นอกจากจะเป็นวันที่จันทร์จ้าวทำตัวพิลึกพิลั่นสำหรับคนทั้งสำนักงานแล้ว วันนี้ยังเป็นวันที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรตระเวนไปแทบจะรอบเมือง ที่แรกคือสำนักงานของตนและผองเพื่อน ที่ที่ ๒ คือโรงพยาบาลใหญ่เพื่อพบหมอภวัต และที่ที่ ๓ สำหรับวันนี้คือกรมทหาร
“สวัสดีครับ คุณพงศ์”
อาทิตย์ในชุดเครื่องแบบนายทหารเดินออกมาพบคนที่มานั่งรอ หลังจากเมื่อครู่มีคนไปตามเขาบอกว่าหม่อมหลวงพงศ์ภราธรมาขอพบเป็นการส่วนตัวสักครู่
“สวัสดีครับคุณอาทิตย์ กำลังยุ่งหรือเปล่า ขอโทษที่มารบกวนกะทันหัน”
“เปล่าครับ มีอะไรหรือครับ” อาทิตย์ออกจะประหลาดใจไม่น้อย แม้น้องชายของเขาจะสนิทสนมกับชายผู้นี้ แต่เขาก็ไม่ได้สนิทสนมกับราชนิกูลหนุ่มมากพอที่จะทำให้อีกฝ่ายมาพบเขาถึงที่กรมเช่นนี้
“ผมแค่อยากคุยด้วยสักหน่อย ออกไปคุยกันข้างนอกได้ไหม” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเดินนำออกจากกรม แถวนี้พอจะมีมุมใต้ต้นไม้สงบๆให้พวกเขาได้พูดคุยกันอยู่
อาทิตย์เดินตามออกมา และพอเหลือกันเพียงแค่ ๒ คนแล้ว ทายาทแห่งวังฉัตรก็หันมาพูดกับอาทิตย์ด้วยน้ำเสียงจริงจัง
“ผมขอถามคุณอาทิตย์อย่างตรงไปตรงมา ขอความกรุณาให้ตอบอย่างตรงไปตรงมาเช่นกัน ผมปล่อยให้ทุกอย่างเอื่อยเฉื่อยไม่ได้อีกแล้ว เพราะมีคนอีก ๒ คนเดือดร้อนกับเรื่องนี้...คุณอาทิตย์รู้สึกเช่นไรกับน้องสาวของผมหรือ” คนถูกถามนิ่งไปในทันที ตอนแรกเขาก็สงสัยกับคำพูดของอีกฝ่ายเรื่องที่มีคนอีก ๒ คนเดือดร้อน แต่ประโยคคำถามประโยคสุดท้ายดึงสติและสมาธิทั้งมวลของชายหนุ่มให้จมดิ่งไปกับชื่อนั้น
…หม่อมหลวงพิมพัชรา...
“ช่วยตอบผมทีเถอะคุณอาทิตย์ คุณรู้สึกเช่นไรกับยายพิมหรือ” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรรู้ความรู้สึกของน้องสาวตนดี พิมพัชราเป็นคนมีมนุษยสัมพันธ์ดีเยี่ยมก็จริง แต่ไม่มีเพื่อนต่างเพศคนใดที่เธอทำขนมไปให้ และไม่มีเพื่อนต่างเพศคนใดที่ทำให้เธอนำดอกไม้ของกำนัลจากคนผู้นั้นมาทำเป็นดอกไม้แห้งแล้วเก็บไว้ในห้องนอน
...มีแค่อาทิตย์เท่านั้น ที่พิมพัชราทำเช่นนี้...
“ผม...รักคุณพิมครับ” นายทหารหนุ่มตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาทว่ามั่นคงและจริงจัง คนฟังโล่งอกไปเปราะ ชายหญิงคู่นี้มีความรู้สึกตรงกัน ที่เหลือก็มีแค่ความสัมพันธ์ที่ต้องพัฒนาอย่างเปิดเผยเสียที
“เอ่อ...อันที่จริง...ผมก็ยังไม่เคยบอกเรื่องนี้กับคุณพิม ผมไม่อยากให้เธอไม่สบายใจ หากรู้ว่าผมรู้สึกเช่นไรกับเธอ เวลานี้...การเป็นเพื่อนก็คงจะ...” อาทิตย์ยังคงเจียมเนื้อเจียมตัวเสมอ และนั่นทำให้ความสัมพันธ์ของคนทั้งคู่ไม่คืบหน้าเสียที
“การเป็นเพื่อนไม่เพียงพออีกแล้วคุณอาทิตย์ คุณอาทิตย์ไปบอกยายพิมเรื่องนี้เถอะ ผมยืนยันว่ายายพิมจะดีใจ” อาทิตย์เงยหน้ามองคนแนะนำด้วยความประหลาดใจที่จู่ๆ หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็มาพูดเรื่องนี้กับเขา ซ้ำยังดูเหมือนจะสนับสนุนเขาเสียด้วย
“ทำไมคุณพงศ์ถึง...เอ่อ...ที่ว่ามีคนอีก ๒ คนเดือดร้อน นี่หมายความว่าอย่างไรหรือครับ” หวนกลับไปที่เรื่องเดิม คนถูกถามเริ่มอึกอัก เขาไม่น่าออกปากไปเช่นนั้นอย่างใจร้อนเลย เพราะอยากช่วยเพื่อนรักแท้ๆ ถึงได้พูดเช่นนั้นออกไป
“ก็...๒ คนที่ว่า...คือผมกับนายจันทร์อย่างไรล่ะ พวกเราเห็นพี่น้องเรารู้สึกดีต่อกัน ก็อยากให้สมหวังกันเสียที ไม่อย่างนั้นล่ะเดือดร้อนแย่” แล้วหม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็แก้ตัวน้ำขุ่นๆ ทว่าอาทิตย์ไม่ทันได้สงสัยอะไร เขาได้แต่พยักหน้ารับสั้นๆ
“แล้วว่าอย่างไร คุณอาทิตย์คิดจะขอยายพิมคบหากันอย่างคนรักเมื่อไร”
“เอ่อ...ก็...” อาทิตย์นึกเขินวาบในอก เมื่อเขาคิดว่าวันนี้เขามีนัดที่จะไปรับหม่อมหลวงพิมพัชราที่โรงเรียนสตรีกัลยาณี โดยมีดารารัษมีเป็นตัวตั้งตัวตีเพราะรายนั้นบอกว่าอยากจะรับประทานไอศกรีมอีกแล้ว
“วันนี้...ผมจะไปรับดาราและคุณพิม พาไปรับประทานไอศกรีมครับ...”
“ไม่ต้องพาคุณดาราไปแล้ว ไปกับยายพิม ๒ คนก็พอ จะได้คุยกันให้รู้เรื่องไป เอ่อ...ผมไม่ได้เร่งหรอก แต่...เอ่อ...ยายพิมก็ ๒๐ แล้ว ผมก็อยากให้น้องผมเป็นฝั่งเป็นฝาเสียที หรือคุณอาทิตย์ไม่คิดจริงจังถึงขั้นนั้น?”
“ไม่นะครับ ผมจริงจัง!” นายทหารหนุ่มรีบตอบเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจผิดคิดว่าเขารู้สึกกับหญิงสาวเพียงแค่หยอกเล่น ทั้งๆที่ในความเป็นจริงแล้ว ความรู้สึกที่เขามีให้เธอ มันพอกพูนมาตั้งแต่ก่อนเธอจะไปเรียนยุโรปเสียด้วยซ้ำ
“ดีมากคุณอาทิตย์ จริงจังก็ต้องทำให้ทุกอย่างชัดเจน...วันนี้ไปจัดการเสีย แล้วพรุ่งนี้เข้าไปรายงานเรื่องนี้ที่วังด้วย ผมจะได้เรียนคุณพ่ออย่างเป็นทางการ วันนี้ต้องกลับล่ะ ผมมีเรื่องต้องทำอีกเพียบ” หลังจากมัดมือชกเรียบร้อย หม่อมหลวงพงศ์ภราธรก็ค้อมศีรษะเชิงลา แล้วจึงหมุนตัวเดินออกไป
เย็นวันนั้น เมื่ออาทิตย์ขับรถโฟล์คสีดำไปที่โรงเรียนสตรีกัลยาณีก่อนเวลานัด เขาก็ขอคุยกับดารารัษมีเป็นการส่วนตัว ไม่ทราบพูดเรื่องอะไร แต่สุดท้าย ค่ำวันนั้นก็มีคนตาดีเห็นเพียงอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชรารับประทานไอศกรีมกันเพียง ๒ คนนั่นเอง
............................................
ความสัมพันธ์ของอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราเป็นที่ทราบกันทั้งบ้านรักษพิพัฒน์และวังฉัตร ตอนแรกจันทร์จ้าวยังไม่ทราบ แม้ว่าตอนเย็นวันศุกร์จะเป็นอาทิตย์ที่แวะไปรับเขาจากบ้านเช่ากลับมาที่บ้านเรือนไทย เพราะพี่ชายยังคงขับรถอย่างเงียบๆเฉกเช่นทุกที แต่พอรถจอดที่หน้าบ้าน ดารารัษมีกับนภาสรวงก็วิ่งถลามาเปิดประตูให้เขาด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
“เป็นอะไรน่ะดารา นภา” เขาถามพร้อมรอยยิ้มจางเช่นเคย ดารารัษมีเหลือบตาไปมองอาทิตย์ที่เพิ่งลงจากรถแล้วก็กลับมามองพี่ชายคนรองตามเดิม
“พี่อาทิตย์เล่าหรือยังคะ?”
“เล่า?...เล่าอะไร” จันทร์จ้าวหันไปมองพี่ชายคนใหญ่ก่อนจะหันกลับมามองดารารัษมีอีกครั้ง
“ก็เรื่องพี่อาทิตย์กับคุณพิม”
“หืม? เรื่องพี่อาทิตย์กับคุณพิม?....” คราวนี้จันทร์จ้าวหันไปมองอาทิตย์เต็มตา พี่ชายผู้เป็นนายทหารทำหน้าเก้อเขินเล็กน้อยตามนิสัย แต่เพียงเท่านั้นจันทร์จ้าวก็พอจะเดาได้ว่าเกิดอะไรขึ้น เขาหันกลับมามองน้องสาวที่ยืนยิ้มให้เขาอย่างดีใจไม่แพ้กัน
“นี่อย่าบอกนะว่า...”
“ค่ะ! พี่อาทิตย์กับคุณพิมเป็นคนรักกันแล้ว!! ดาราดีใจที่สุดเลย!!” ดารารัษมีเขย่าแขนพี่ชายคนรองด้วยความปิติ หล่อนไม่ทราบว่าเพราะอะไรเรื่องของอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราจึงดำเนินมาถึงสถานะนี้ได้อย่างรวดเร็ว แต่ก็คงไม่พ้นจันทร์จ้าว เขาคงทำอะไรสักอย่าง อาทิตย์จึงตัดสินใจสารภาพความในใจกับเพื่อนครูของหล่อน และแน่นอน หม่อมหลวงพิมพัชราตอบรับคำสารภาพนั้น!
“อะไรกัน พี่อาทิตย์ไม่เล่าสักคำ นั่งรถกลับมาด้วยกันแท้ๆ” จันทร์จ้าวหันไปบ่นพี่ชายด้วยสีหน้าล้อเลียน ยิ่งทำให้อาทิตย์เขินหนักกว่าเดิม
“ดูหน้าพี่ชายคนใหญ่ของพวกเราซี ความสุขล้นออกมาแล้วพี่อาทิตย์” เขาหยอกจนอาทิตย์ต้องเดินหนีขึ้นเรือน ๓ น้องหัวเราะตามหลังกับท่าทีของพี่ชายผู้เป็นนายทหารที่แสนเงียบขรึม มาบัดนี้ถูกพิษรักโจมตีเสียจนพูดไม่ออก
“พี่จันทร์ก็ไปแกล้งพี่อาทิตย์ ประเดี๋ยวพี่อาทิตย์ไม่เล่าอะไรให้ฟังอีกหรอกค่ะ นภาไปง้อพี่อาทิตย์ก่อน” นภาสรวงบ่นพี่ชายคนรองอย่างไม่จริงจัง ซ้ำยังยิ้มหวานรีบเดินตามพี่ชายคนใหญ่ไป จึงเหลือแค่ดารารัษมีและจันทร์จ้าว ทว่าไม่ทันที่จันทร์จ้าวจะก้าวเท้าขึ้นเรือนตามพี่ชายและน้องสาว ดารารัษมีก็ดึงแขนไว้
“พี่จันทร์...” เจ้าของชื่อหันกลับมามอง
“ดาราขอบคุณนะคะ ถ้าไม่ได้พี่จันทร์ พี่อาทิตย์ก็คงไม่สมหวัง” จันทร์จ้าวยิ้มจางเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้าย ดวงตากลมใหญ่มองน้องสาวด้วยความอ่อนโยน เขาลูบเส้นผมนิ่มเล็กของดารารัษมีแผ่วเบา
“อย่าขอบคุณพี่เลย พี่อาทิตย์เป็นพี่ชายของพี่ ถ้าพี่ไม่ทำเพื่อพี่อาทิตย์ พี่จะทำเพื่อใคร ดาราก็ด้วย นภาก็ด้วย ถ้ามีอะไรให้พี่ช่วย ขอให้บอก พี่พร้อมจะช่วยเสมอ” หญิงสาวมองพี่ชายด้วยความตื้นตัน แม้นิสัยบางประการของเขาจะไม่น่าเป็นที่พิศมัย แต่ความรักที่เขามีให้พี่น้องคนใดกลับยิ่งใหญ่จนตื้นตัน
“พี่จันทร์ก็เหมือนกัน ถ้าเมื่อไรมีความรัก บอกดาราด้วยนะคะ ดาราจะช่วยสุดความสามารถ” คำพูดของดารารัษมีทำให้จันทร์จ้าวนิ่งงัน รอยยิ้มบนใบหน้าจืดจางลงอย่างรวดเร็ว
...ความรักหรือ?...ความรักของเขา...
พอคิดถึงความรู้สึกนี้ ใบหน้าดุทว่ามักจะเจือรอยยิ้มและสายตาอ่อนโยนของใครบางคนก็ปรากฏขึ้นในหัวใจ จันทร์จ้าวรู้ดีว่าตลอดหลายวันที่ผ่านมานี้ ยามใดที่ว่าง ยามใดที่ไม่ต้องมุ่งมั่นอยู่กับการทำงาน ในหัวของเขามักจะมีแต่ภาพชายผู้นั้นปรากฏเสมอๆ
เขาไม่เคยคิดถึงใครเช่นนี้ ไม่เคยเก็บใครมาอยู่ในความทรงจำมากมายถึงเพียงนี้ แม้จะเป็นช่วงเวลาไม่นานที่ได้สนิทสนมกัน แต่ทุกภาพจำกลับมีมากมายเหลือเกิน เรื่องที่เคยพูดคุยกันยังดังอยู่ในหู ความปรารถนาดีที่เคยได้รับยังติดอยู่ในสายตา ทุกๆที่ที่เคยเที่ยวเล่นด้วยกันยังคงประทับอยู่ในใจ
ทำไมต้องเป็นคนคนนี้...ทำไมต้องเป็นผู้ชายคนนี้...ทำไม...ต้องเป็นหมอภวัต...
“พี่จันทร์...” เสียงเรียกของดารารัษมีปลุกสติ จันทร์จ้าวกะพริบตาถี่แล้วเสยิ้ม
“ขึ้นเรือนกันเถอะ พี่อยากไปดูหน้าคนขี้อายแล้ว” เขาพูดอย่างนั้นก่อนจะหมุนตัวก้าวเท้าขึ้นเรือนในทันที ทิ้งให้ดารารัษมีมองตามด้วยความห่วงใย
...เมื่อครู่นี้ จันทร์จ้าวดูแปลกไป ไม่เหมือนพี่ชายคนรองที่หล่อนเคยรู้จักเลย...
.........................................
ดารารัษมีออกจะเห่อความสัมพันธ์ของพี่ชายและเพื่อนครูของหล่อน ยามไปที่ใด หล่อนก็มักจะนำเรื่องนี้ไปเล่าให้คนรู้จักของหล่อนรับรู้ด้วย ไม่ว่าจะร้านตัดเสื้อ ร้านทำผม หรือแม้แต่ร้านเจ็กหน้าตลาด หล่อนก็เล่าไปเสียหมด ที่ขาดไม่ได้คือสมฤดีที่อยู่บ้านข้างๆ หล่อนก็นำความไปกระจายจนฟุ้ง สมฤดีผู้รู้จักทั้งอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราก็ย่อมยินดีเป็นธรรมดา และหล่อนนำความยินดีนั้นมาเล่าให้พยาบาลสาวๆในโรงพยาบาลฟังด้วย
“ใครที่สนใจคุณอาทิตย์อยู่ล่ะก็ อกหักกันให้ถ้วนหน้านะจ๊ะ ตอนนี้เธอมีคู่รักแล้ว” พยาบาลสาวๆผู้เคยพบหน้าค่าตานายทหารหนุ่มนามว่าอาทิตย์ รักษพิพัฒน์พากันทำตาเหลือกโตด้วยความคกใจและคาดไม่ถึง
“คุณอาทิตย์มีคู่รักแล้วหรือคุณสม!”
“ใช่จ้ะ! เพิ่งมีหมาดๆ น้องของเธอมายืนยันเองเชียว!”
“คู่รักเป็นใคร? คู่รักเป็นใคร?” สาวๆพยาบาลร้องถามกันจ้าละหวั่นด้วยความอยากรู้ สมฤดียิ้มกว้างแล้วเฉลย
“พูดไปทุกคนต้องทั้งเสียดายทั้งยินดี คู่รักของคุณอาทิตย์คือหม่อมหลวงพิมพัชราจ้ะ!” พวกพยาบาลทั้งหลายได้ฟังก็พากันทำตาโตอ้าปากค้างแล้วส่งเสียงกรี้ดกร้าดกันยกใหญ่ ดีว่าอยู่ในช่วงพักกลางวันในห้องพักของเหล่าพยาบาล จึงไม่เป็นที่สนใจของใครเสียเท่าไร ทว่าใครบางคนที่เดินผ่านมากลับได้ยินคำพูดนั้นของสมฤดีเข้าพอดี
นายแพทย์ภวัตยืนนิ่งอยู่ที่หน้าประตูห้อง เขาไม่ได้ออกจากโรงพยาบาลไปไหนเลย วันๆอยู่แต่โรงพยาบาลและบ้านพักแพทย์ แต่แม้จะเป็นเช่นนั้นโชคชะตาก็ยังเล่นตลกให้เขารับรู้ความจริงที่เกิดขึ้นภายนอก
...อาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราคบหากันฉันคนรัก...
ชายหนุ่มรู้สึกเหมือนขา ๒ ข้างถูกตอกตะปูยึดเอาไว้กับพื้น ความรักของอาทิตย์สมหวังแล้ว สัญญาของเขาและจันทร์จ้าวก็ควรจะยุติเสียที พวกเขาควรจะได้พบหน้ากัน ควรจะได้พูดคุยกัน เพราะอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราคบหากันสมประสงค์ของจันทร์จ้าว ทว่า...ไปพบแล้วความสัมพันธ์ของพวกเขาจะเป็นไปในทิศทางใด? พวกเขาทั้งคู่เป็นชาย แต่หัวใจของภวัตในเวลานี้ไม่ได้ยึดติดเรื่องที่จันทร์จ้าวเป็นชายหรือเขาเป็นชาย มันข้ามไปไกลกว่านั้น...ช่วงเวลาที่ห่างกันไป ช่วงเวลาที่ไม่ได้พบกัน ภวัตพบว่าความรู้สึกที่เขามีกับบุตรชายคนรองของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกามันพ้นคำว่า ‘เพื่อน’ ไปมากเหลือเกิน...มากเสียจนเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่ามันไปไกลได้ขนาดนั้นตั้งแต่เมื่อไร
...ยิ่งรู้สึก ก็ยิ่งเป็นไปไม่ได้...ต่อให้จันทร์จ้าวจะรู้สึกเช่นเดียวกับเขาตามที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรนำความมาบอก แต่ก็ไม่มีประโยชน์อันใด...
...พวกเขาไม่ใช่อาทิตย์กับหม่อมหลวงพิมพัชราที่แค่ก้าวข้ามฐานันดรระหว่างคนธรรมดากับราชนิกูล แต่พวกเขาคือภวัตและจันทร์จ้าว ที่ไม่เพียงแค่ต้องก้าวข้ามหัวใจของตนเอง แต่ต้องก้าวข้ามจารีตประเพณีของสังคม...
ภวัตได้แต่ก้มหน้าลง รู้สึกเหมือนหัวใจร้าวราญจนไม่อาจกอบชิ้นส่วนทั้งหมดกลับมาหลอมหลวมตามเดิม เขาก้าวเท้าเดินช้าๆกลับไปยังห้องตรวจของตัวเองเพื่อเตรียมทำงานในช่วงบ่ายประหนึ่งคนที่หมดสิ้นแล้วซึ่งกำลังใจ และไม่ได้ยินเสียงของเหล่าพยาบาลที่พูดคุยกันอีก
“หมดคุณอาทิตย์ก็ยังมีน้องชายคุณอาทิตย์ไม่ใช่หรือ ที่ชื่อจันทร์จ้าวน่ะ”
“อ้อ คุณจันทร์...รายนี้ยังโสดจ้ะ แต่ขอโทษเถอะ หมู่นี้เธอไม่ค่อยยิ้มกับใครเอาเสียเลย ทำท่าซังกะตายอย่างกับคนอกหัก คนอื่นน่ะดูไม่ออกหรอก เธอชอบทำเป็นยิ้มเวลามีคนมอง แต่พอไม่มีคนมองแล้วนี่ซี ทั้งสีหน้า ทั้งสีตา คนอกหักชัดๆ” นางพยาบาลสมฤดีผู้อยู่ข้างบ้านเล่า
“หืม? เหมือนคุณหมอภวัตเลย ฉันว่าพักนี้คุณหมอเธอก็ดูแปลก ดูเซื่องๆซึมๆชอบกล อกหักเสียอีกคนกระมัง”
“อะไรจะอกหักพร้อมกันทีเดียว ๒ คน แต่ก็ไม่แน่...คุณหมอกับน้องชายคุณอาทิตย์สนิทกันไม่ใช่หรือ ก่อนหน้านี้ก็เห็นมารอ มารับมาส่ง ไปตีเทนนิสด้วยกันออกบ่อย แต่จะว่าไปช่วงนี้ไม่เห็นคุณจันทร์แวะมาอีกเลย น่าเสียดาย ฉันน่ะอุตส่าห์ดีใจ พักหนึ่งโรงพยาบาลเรามีแต่ผู้ชายดีๆแวะเวียนมาเยี่ยมเยียน...แต่ได้พักเดียวเท่านั้นเอง” แล้วเหล่าพยาบาลก็พากันพูดคุยสัพเพเหระกันต่อไปอีกครู่ใหญ่ จนกระทั่งเวลา ๑๓ นาฬิกาจึงแยกย้ายไปทำงาน
ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้าค่ะ)
บอกแล้วว่าเราจะส่งคนเบิกเนตรมาให้ ฮาฮา และก็เคยบอกแล้ว รู้สึกจะในหน้าแฟนเพจมั้ง ว่าบัวอ่ะ #ทีมคุณพงศ์ เชื่อกันยัง? ผู้ชายคนนี้ไม่ใช่มีดีแค่ชื่อยาว
จริงๆแล้วในบรรดาคาแรกเตอร์ทั้งหมดในเรื่อง นอกจากชื่อ ดารารัษมีและจันทร์จ้าวแล้ว ชื่อคุณพงศ์เป็นชื่อที่บัวชอบมากค่ะ แม้เวลาพิมพ์เต็มๆ ‘หม่อมหลวงพงศ์ภราธร ฉัตราภาส’ จะยาวมากๆ แต่ทั้งการออกเสียง ทั้งการสะกด ความหมาย (อันนี้เปิดพจนานุกรมมาเองเลย คิดว่าไม่น่ามีคนชื่อซ้ำ) เป็นชื่อที่ดูสวยงามมากอ่ะ
วันนี้เนื้อยเหนื่อย เจอกันพฤหัสหน้า "เราจะทำตามสัญญา ขอเวลาอีก 7 วัน" ร้องเพลงเฉยๆ ไม่มีอะไร ฮ่าฮ่า
ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ คนรอ กำลังใจ และพื้นที่บอร์ดเช่นเคยค่ะ