...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: ...จันทร์จ้าว...บทพิเศษ Christmas…again and again. (๒๔ ธ.ค. ๖๔/หน้าที่ ๖๙)  (อ่าน 744486 ครั้ง)

ออฟไลน์ PAiPEiPEi

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +14/-3
ซดมาม่าอะไร   ยอมค่ะตอนนี้เขิน  เถียงกันเเล้วเราก็เขิน อย่างกะคู่รักชัดๆอะ  คุณหมอดูเป็นผู้ใหญ่มากกำราบจันทร์จ้าวอย่างอยู่หมัด  -////////-

ออฟไลน์ บูมเบส

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1740
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-4
หมอกดเลยดื้อก็จับกดเลยจะได้ง่ายๆ

ออฟไลน์ monetacaffeine

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 681
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +53/-5
เมื่อไหร่จะถึงวันพฤหัสคะ...... T _________ T
กลับมาอ่านตอนล่าสุดเป็นรอบที่สามแล้ว ไหนๆก็เม้นเพิ่มซะหน่อย
จะบอกว่าแอบเขินทุกครั้งที่สองคนนี้ใช้คำว่า "เรา" เลยค่ะ แบบ เราสองคนเจอกันแทบทุกวัน แหม ~ รู้สึกหวานๆในใจบอกไม่ถูกเลย ><
ลองคิดกลับกันว่าถ้าเป็นจันทร์พูดถึงตัวเองกับคุณพงศ์ก็คงไม่ใช้คำว่าเราแบบที่ใช้กับหมอหรอกใช่ไหมล่า - / -
แค่นั้นก็เขินๆขึ้นมาแล้ว น่ารักจังเลยยย~ อยากให้ถึงตอนที่หมอมาหาพ่อจันทร์ที่บ้านแล้วค่ะ
จะทำแผลกันไปปรับความเข้าใจกันไปท่าไหนดีเนี่ย .. เป็นกำลังใจให้นะคะ! ฮิๆ มาต่อไวๆน้า T T v

ออฟไลน์ j123

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 699
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +75/-1
รีบมาต่อนะจ๊ะ รออ่านอยู่  :call:

ออฟไลน์ PookPick

  • มองฉัน รักฉันสิ!
  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 86
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +29/-0
โธ่ๆ แอบสงสารคุณหมอ ต้องปราบพยศน้องจันทร์ /คู่พี่อาทิตย์นี่ มุ้งมิ้งมากมาย อิอิ
รอตอนต่อไปค่ะ

ออฟไลน์ 111223

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 909
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +276/-5
สนุกมากๆ คงต้องลุ้นกันต่อไปว่าคู่นี้เมื่อไรเขาจะยอมรับใจตัวเอง
แถมยอมรับใจตัวเองแล้วยังไม่พอ ยังต้องผ่านครอบครัว กับสังคมไปให้ได้อีก
คนในสมัยก่อนไม่ยอมรับกับเรื่องพวกนี้ด้วยซิ จะมีมาม่าไหมเนี้ยยยย T^T

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
ลา ล่า ลา วันพฤหัสฯ

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
ลอยคอออ :katai2-1:

ออฟไลน์ oss_tw

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 154
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +12/-0
 :impress3:

วันพฤหัส ที่รอคอย

อิอิ

ออฟไลน์ MeepadA

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1069
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +61/-3
มาปูเสื่อ  :katai2-1:

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ imvodka

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 252
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +4/-4
มารอพี่หมอ :z1:

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8
จันทร์จ้าว
By: Dezair
…………………….

บทที่ ๑๐



ตอนที่บุตรชายหัวแก้วหัวแหวนเดินกะเผลกขึ้นเรือนมาในเย็นวันศุกร์นั้น ทำเอาคุณหญิงผกาถึงกับยกมือขึ้นแตะอกด้วยความตกใจ แม้จะเห็นแล้วก็ตามว่าแผลของบุตรชายคนรองนั้นดูจะใกล้หายในเร็ววัน แต่ก็อดไม่ได้ที่จะห่วงใย


“แล้วทำไมไม่กลับมานอนที่นี่ หือ? แม่จะได้ดูแล เข่าเป็นเสียแบบนี้ อยู่คนเดียวได้อย่างไรกัน?!!” คุณหญิงผกามองแผลถลอกที่แห้งสนิทบนเข่าของบุตรชายแล้วก็นึกแปลกใจว่าคนอย่างจันทร์จ้าวรู้จักทำแผลเสียด้วย


...หรือจะให้แม่พวกสาวๆทำให้?...


คิดมาถึงตรงนี้คุณหญิงผกาก็หวั่นใจขึ้นมากะทันหัน อยากถามตรงๆว่าใครทำแผลให้ก็เกรงว่าบุตรชายจะหาว่าหล่อนจู้จี้


“ไม่ได้ลำบากอะไรหรอกครับ” นภาสรวงมองแผลบนหัวเข่าพี่ชายแล้วเอียงคอน้อยๆด้วยความฉงน หล่อนเป็นน้องของจันทร์จ้าวมา ๒๒ ปีเต็ม ตลอดเวลาช่วงวัยเด็กที่แสนซุกซนของเขา ก็เป็นหล่อนและสมฤดีที่คอยทำแผลให้อย่างหลบๆซ่อนๆ เนื่องจากจันทร์จ้าวไม่ต้องการให้มารดาเห็นแล้วกลายเป็นห้ามเขาออกไปเล่นปีนป่ายอีก


“ใครทำแผลให้คะนี่ สะอาดเรียบร้อยเชียว” แล้วจู่ๆนภาสรวงก็ตั้งคำถามแทนคุณหญิงผกา คนเป็นมารดาหูผึ่งรอฟังคำตอบ ทว่าคำถามนั้นกลับทำเอาจันทร์จ้าวชะงักแล้วพาลนึกไปถึงเรื่องที่เกิดขึ้นตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมา


ภวัตแวะมาหาเขาทุกวันทั้งเช้าและเย็นเพื่อทำแผลให้ แต่ต่างคนต่างไม่พูดอะไรกันเลย เขาเองก็ยังมึนตึง ในขณะที่อีกฝ่ายก็ไม่พูดอะไรเช่นกัน


“หมอ...” เขาตอบสั้น พยายามขจัดภาพตอนที่ภวัตทำแผลให้เขาออกจากหัว แต่ดูเหมือนจะยากเต็มที เพราะภาพเหล่านั้นเกิดซ้ำๆทุกวัน วันละ ๒ เวลา


“หมอ?” ดารารัษมีที่นั่งอยู่ด้วยทวนถามด้วยความสงสัย คนเป็นพี่ชายทำหน้าตาเหมือนไม่อยากจะพูดสักเท่าไร


“หมอภวัต...” เขาพูด ดารารัษมีถึงกับทำตาโตแต่ยังไม่ทันจะได้พูดอะไรต่อ จันทร์จ้าวก็หันไปทางมารดา “...แล้วพรุ่งนี้จะเอาอย่างไรดีครับ คุณชายท่านจะเลี้ยงอาหารเย็นที่วัง ไปรถพี่อาทิตย์คันเดียวจะพอหรือ”


“เข่าพ่อจันทร์เป็นอย่างนี้คงจะนั่งเบียดไม่ไหว ก็เอารถไป ๒ คันก็แล้วกัน” ท่านนายพลเดชเอ่ย เมื่อมองขาบุตรชายแล้วเห็นว่าแม้แผลจะแห้ง แต่ก็ยังแดงช้ำและระบม


“พ่อจะให้ตาพ่วงขับรถให้ พ่ออาทิตย์ก็ขับรถเองแล้วกันนะ” บิดาหันไปพูดกับบุตรชายคนใหญ่ที่นั่งเงียบๆเช่นเคย


“ครับคุณพ่อ”


“แล้วพี่อาทิตย์มีชุดสำหรับพรุ่งนี้แล้วหรือยัง” จันทร์จ้าวหันไปถามพี่ชาย


“ก็...คงใส่เครื่องแบบไป...”


“เฮ่ย! ไม่ได้! นี่งานเลี้ยงต้อนรับผม ไม่ใช่งานประดับยศ จะใส่เครื่องแบบไปทำไมล่ะ! พี่อาทิตย์ไม่มีสูทแบบฝรั่งหรือ?” คำถามของน้องชายทำให้อาทิตย์ผู้ไม่ใคร่ออกงานสังคมได้แต่ส่ายหน้า


“ดูเหมือนจะไม่เคยตัดไว้เลย ไปไหนทีไรก็ใส่เครื่องแบบ ไม่อย่างนั้นก็เสื้อเชิ้ต”



ช่างเป็นผู้ชายที่เรียบง่ายเสียจนจันทร์จ้าวยังอดสะท้อนใจไม่ได้ เกิดพรุ่งนี้อาทิตย์ใส่เครื่องแบบไป แล้วนายเภาแต่งตัวโก้หรูมา คะแนนนิยมของอาทิตย์คงถูกฉุดลงเหว จริงอยู่ว่าเรื่องเครื่องแต่งกายเป็นเพียงแค่เปลือก แต่ปกติแล้วคนเราก็มักจะประเมินเปลือกก่อนเป็นอันดับแรก แล้วจึงพิจารณาภายในเป็นอันดับ ๒



“ถ้าอย่างนั้น ตามผมมา จะหาสูทให้ ผมตัดไว้หลายตัวอยู่” จันทร์จ้าวว่าอย่างนั้นก่อนจะลุกขึ้นเดินกะเผลกอย่างไวตามประสาคนใจร้อนกลับเข้าห้องนอนตนเอง มีอาทิตย์ลุกขึ้นเดินตามหลัง



“พ่อจันทร์นี่น่ารัก ให้พี่ชายยืมเสื้อผ้าเสียด้วย แกเคยให้ใครยืมหรือใส่เสื้อผ้าร่วมกับใครเสียที่ไหน เคยพูดว่าไม่ชอบใส่เสื้อผ้าทับใครนู่นน่ะ” คุณหญิงผกาชื่นชมบุตรชายคนรองอย่างออกนอกหน้าด้วยความปลื้มปิติ



“นั่นซีคะ พี่จันทร์รักพี่อาทิตย์น่าดูเลยนะคะ” นภาสรวงเองก็เห็นด้วย



“พี่น้องกัน ไม่รักกันแล้วจะรักใคร” ท่านนายพลเปรยบ้าง แต่ก็อดภาคภูมิใจไม่ได้ว่าบุตรธิดาของท่านรักใคร่กลมเกลียวไม่แก่งแย่งชิงดีชิงเด่นให้ท่านปวดหัวใจเหมือนบางครอบครัว



ดารารัษมีได้แต่นั่งเงียบๆ หล่อนไม่ได้แย้งหรือเออออไปกับใคร ถึงแม้จะไม่ถูกใจกับพฤติกรรมบางประการของพี่ชายคนรอง แต่เรื่องที่หล่อนทราบดีคือเขารักพี่น้องมากเพียงใด



...หากวันหนึ่งอาทิตย์ได้แต่งงาน หล่อนจะยกความดีความชอบครั้งนี้ให้กับจันทร์จ้าวทั้งหมด เพราะหากไม่ได้เขา ความรู้สึกของอาทิตย์ก็คงหายไปอย่างเงียบเชียบราวกับสายลมผ่าน...


……………………………….



วันนี้วังฉัตรตกแต่งอย่างวิจิตร ไฟประดับตามพุ่มไม้ตลอดถนนทรงกลมที่ทอดตัวมายังหน้าตึก ภายในตึกก็สว่างไสวด้วยแสงจากโคมไฟระย้า เสียงเพลงบรรเลงจากเครื่องเล่นแผ่นเพลงดังกังวาลไปทั่วทั้งห้องรับแขกชั้นล่าง หม่อมราชวงศ์ฉัตรนั่งอยู่ที่เก้าอี้บุนวมหรูหราและสนทนากับท่านพลโทศักดิ์และคุณหญิงจิตต์ วิชาญโยธิน มีภวัตและเภานั่งร่วมวงอยู่ด้วย ส่วนบุตรและธิดาของคุณชายกำลังต้อนรับแขกอีกชุดที่เดินทางมาถึงเมื่อครู่นี้เอง


“ท่านนายพลเดช คุณหญิงผกา และคุณๆทั้ง ๔ มากันแล้วขอรับ คุณชาย” คนรับใช้คนหนึ่งเข้ามารายงาน หม่อมราชวงศ์ฉัตรพยักหน้ารับน้อยๆ ก่อนจะหันไปทางครอบครัววิชาญโยธิน


“เราออกไปที่โถงเลยดีไหม แล้วจะได้รับประทานอาหารกันเลย วันนี้มีแขกเท่านี้ เพราะเจ้าของงานเขาอยากได้งานเล็กๆ จะได้พูดคุยกันทั่วถึง” คุณชายฉัตรพูดอย่างอารมณ์ดี ก่อนจะลุกขึ้นเดินนำออกจากห้องรับแขกไปยังโถงที่อยู่ติดกัน เขาทักทายครอบครัวรักษพิพัฒน์ที่มาถึงเมื่อครู่ ก่อนที่จะเป็นรักษพิพัฒน์และวิชาญโยธินทักทายกัน แม้บิดาของ ๒ ครอบครัวจะอยู่กันคนละสังกัด แต่ต่างก็รู้จักกัน ส่วนคุณหญิงผกาผู้แสนจะมีอัธยาศัยไมตรีก็รู้จักกับคุณหญิงจิตต์พอสมควร


เสียงพูดคุยดังจุกจิกย้ายจากที่ห้องโถงไปยังห้องรับประทานอาหารขนาดใหญ่ โต๊ะอาหารทรงสี่เหลี่ยมผืนผ้า ที่นั่งของแต่ละคนถูกกำหนดเอาไว้แล้ว


“ฉันให้คนระบุที่นั่งเอาไว้ เราจะได้คุยกันทั่วถึง” ผู้เป็นเจ้าของวังฉัตรเอ่ยเช่นนั้นอย่างนึกสนุก



ตัวท่านนั่งที่หัวโต๊ะในฐานะเจ้าบ้าน แต่ละที่นั่งมีชื่อกำกับเอาไว้แล้ว คู่สามีภรรยาถูกจับแยกให้นั่งเยื้องกัน ส่วนบุตรธิดาทั้งหลายก็ถูกกระจายให้นั่งสลับกันไป ฝั่งซ้ายของโต๊ะจึงเรียงจาก ท่านนายพลศักดิ์ วิชาญโยธิน, คุณหญิงผกา รักษพิพัฒน์, ภวัต, นภาสรวง, หม่อมหลวงพงศ์ภราธร และจันทร์จ้าว ส่วนฝั่งขวาคือท่านนายพลเดช รักษพิพัฒน์, คุณหญิงจิตต์ วิชาญโยธิน, อาทิตย์, หม่อมหลวงพิมพัชรา, เภา และดารารัษมี



ภวัตเห็นอีกฝ่ายนับตั้งแต่ลงจากรถที่หน้าตึกแล้ว ท่าเดินดูพิกลอยู่บ้างเพราะแผลยังไม่หายดี แต่กระนั้นจันทร์จ้าวก็ยิ้มแย้มแจ่มใสกับคนรอบข้าง ทั้งที่ก่อนหน้านี้ ตลอดหลายวันที่เขาแวะเวียนไปทำแผลให้ เขาไม่เคยเห็นรอยยิ้มของอีกฝ่ายเลยสักครั้ง นอกจากรอยยิ้มที่เห็นลักยิ้มบุ๋มที่แก้มซ้ายซึ่งเผื่อแผ่ไปทั่วแล้ว อีกเรื่องที่หมอภวัตรู้สึกเคืองชอบกลคือหม่อมหลวงพงศ์ภราธรผู้เป็นเพื่อนสนิทคอยดูแลคนเจ็บเป็นอย่างดี ทั้งพาเดินมาที่โต๊ะรับประทานอาหาร ทั้งขยับเก้าอี้ให้นั่ง อยากจะบอกว่าไม่ต้องดูแลถึงเพียงนั้นก็ได้ เพราะกับเขา จันทร์จ้าวยังไม่ยอมให้ช่วยพยุงเสียด้วยซ้ำ



แม้จะหงุดหงิดกับคนทั้งคู่ แต่นายแพทย์หนุ่มก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบตาไปมองชายหนุ่มทั้ง ๒ คนที่นั่งถัดจากนภาสรวงซึ่งนั่งข้างเขา ด้วยเพราะความสูงทำให้เขามองข้ามหญิงสาวไปได้อย่างง่ายดาย แต่ก็เห็นเพียงราชนิกูลหนุ่มที่เหมือนจะบังจันทร์จ้าวเสียแทบมิด ภวัตรู้สึกหงุดหงิด แต่ไม่ทราบหงุดหงิดอะไร ระหว่างคนเจ็บขากับคนดูแล และสุดท้าย ก็ลอบพ่นลมหายใจกับตนเองเพื่อระงับอารมณ์แล้วหันกลับมาสนใจอาหารตรงหน้าแทน



ในขณะที่คุณหมอหนุ่มจากโรงพยาบาลใหญ่พยายามเป็นอย่างยิ่งที่จะสนใจอาหารมากกว่าเรื่องอื่น จันทร์จ้าวผู้กำลังถูกปรนนิบัติโดยเพื่อนสนิทที่นั่งอยู่ข้างกายกลับมองการจัดที่นั่งแล้วก็รู้สึกไม่สบายใจ ให้ทั้งอาทิตย์และเภานั่งประกบหม่อมหลวงพิมพัชราเช่นนี้คงไม่ต่างอะไรกับการเปรียบเทียบ แล้วอาทิตย์ที่เงียบขรึมจะสู้คนช่างสังคมอย่างเภาได้หรือ



ระหว่างการรับประทานอาหาร เสียงพูดคุยดังเป็นระยะ โดยมักจะเริ่มจากเภาเป็นจุดศูนย์กลาง ดูแล้วท่าไม่ดีเอาเสียเลยสำหรับการประเมินของจันทร์จ้าว



“ทำหน้าเครียดอะไรของแกน่ะ หรือเจ็บแผลอีก” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรหันมากระซิบถามเพื่อนรักที่นั่งข้างกัน



“ใครเป็นคนจัดตำแหน่งที่นั่งหรือ” จันทร์จ้าวถามกลับเสียงเบา พยายามไม่ให้เป็นที่สังเกต แต่ก็ไม่น่าจะมีใครสังเกต เพราะทุกคนกำลังสนุกกับเรื่องเล่าของเภา ไม่เว้นแม้แต่หม่อมหลวงพิมพัชรา



“ก็คุณพ่อน่ะซี” จันทร์จ้าวไม่กล้าบอกว่าคุณพ่อของคุณพงศ์ตั้งใจตัดทางทำมาหากินของพี่ชายเขาเสียเหลือเกิน ถึงได้จัดตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้



“พ่อจันทร์ เป็นอย่างไร อาหารอร่อยไหม ให้นั่งเสียท้ายสุดเลย ฉันปวดหัวไม่รู้จะจัดที่นั่งอย่างไร สุดท้ายไปๆมาๆก็ลงอีหร็อบนี้ ตอนแรกก็ว่าจะใช้โต๊ะกลม แต่พวกเราก็มีเสียตั้ง ๑๓ คน เกรงจะนั่งเบียด เลยต้องใช้โต๊ะยาวแทน” เสียงของหม่อมราชวงศ์ฉัตรดังมาจากหัวโต๊ะ ทำเอาจันทร์จ้าวต้องหันไปมองแล้วส่งยิ้มให้



“เรื่องที่นั่งไม่เป็นไรครับคุณชาย นั่งตรงไหนก็ได้รับประทานอาหารอร่อยๆของวังฉัตร แต่ตอนนี้...ชักอยากจะดื่มกาแฟเสียแล้ว” เขาพูดเหมือนเร่งให้อาหารค่ำมื้อนี้จบลงโดยเร็วที่สุด ตำแหน่งที่นั่งเช่นนี้ไม่เป็นประโยชน์ต่ออาทิตย์เลย เจ้าของวังยิ้มน้อยๆ



“พ่อพงศ์บอกแล้วว่าเธอติดกาแฟอย่างกับอะไรดี ตอนเด็กๆที่มาวิ่งเล่นที่นี่ยังไม่ยักติด ไปติดเอาเมื่อตอนไปเรียนต่อที่เมืองฝรั่งล่ะซี นี่ฉันให้คนเตรียมเอาไว้แล้ว ไว้เราย้ายไปนั่งที่โถง จะได้จิบกาแฟพลาง คุยกันพลาง ใครอยากจะเต้นรำก็เต้นไป แต่เธอคงจะเต้นไม่ไหวกระมัง เห็นพ่อพงศ์ว่าเพิ่งหกล้มมาหรือ” ภวัตยิ่งฟังยิ่งขุ่น ดูเหมือนเรื่องของจันทร์จ้าวที่หม่อมราชวงศ์ฉัตรรับรู้จะมีชื่อหม่อมหลวงพงศ์ภราธรพ่วงมาด้วยเสมอ เขาพยายามทำเป็นไม่สนใจ แต่ก็อดไม่ได้ที่จะเหลือบไปมองคนที่นั่งอยู่ฝั่งเดียวกับเขา ได้สบตากันครู่หนึ่ง แต่ฝ่ายนั้นทำเป็นมองเมินสายตาของเขาไปมองคุณชายฉัตรอย่างไม่รู้ร้อนรู้หนาว




“ครับ แต่แผลดีขึ้นมากแล้ว” จันทร์จ้าวตอบรับแล้วยิ้ม ทว่าเขาไม่ทันจะพูดอะไรต่อ นายเภาก็ชักชวนทุกคนเข้าสู่บทสนทนาโดยมีตนเองเป็นจุดศูนย์กลางเช่นเคย จันทร์จ้าวมองอย่างไม่ชอบใจและเผื่อแผ่ความไม่ชอบใจด้วยการเหลือบตากลับมาสบตากับหมอภวัตอีกหน แล้วได้แต่สาปแช่งให้หม่อมหลวงพิมพัชรามองความร่าเริงของเภาเป็นเรื่องหนวกหู อย่าให้ ๒ พี่น้องวิชาญโยธินสมหวังแต่ประการใดเลย!!!


..............................................



หลังจากมื้อค่ำที่โต๊ะอาหาร ทั้งหมดก็ย้ายไปนั่งเล่นที่โถงเต้นรำ ซึ่งมีชุดเก้าอี้วางเอาไว้ประปราย มีนักดนตรี ๔ คนเล่นดนตรีสด กลางห้องคือฟลอร์สำหรับเต้นรำโดยเฉพาะ ห้องจัดเลี้ยงแห่งนี้เป็น ๑ ใน ๒ ห้องที่วังฉัตรมี ห้องหนึ่งเป็นห้องขนาดใหญ่ จุคนได้ครึ่งร้อย ส่วนนี่เป็นห้องขนาดเล็ก แต่ก็ยังนับว่าใหญ่มากอยู่ดี สำหรับคนเพียง ๑๓ คน



เสียงเพลงจากวงดนตรีดังก้องไปทั้งห้อง ชักชวนให้ลงไปเต้นรำ แต่ติดที่ว่าเจ้าของงานอย่างจันทร์จ้าวซึ่งควรจะเป็นคนเปิดฟลอร์กลับขาเจ็บ



“พ่อจันทร์เปิดฟลอร์ไหวไหมล่ะนี่” หม่อมราชวงศ์ฉัตรตั้งคำถามกับชายหนุ่มร่างโปร่งที่ยังเดินกะเผลก จันทร์จ้าวยิ้มจางเห็นลักยิ้มที่แก้มซ้ายก่อนตอบ



“หากคุณชายจะกรุณา ผมจะขอส่งตัวแทนเปิดฟลอร์แทนผมได้ไหมครับ”



“ได้ซี! ส่งใครดีล่ะพ่อ” คุณชายถามพลางหัวเราะ



“พี่อาทิตย์ครับ” จันทร์จ้าวตอบ ก่อนจะหันไปทางพี่ชายที่ยืนคล้อยหลังเขาไปเล็กน้อย อาทิตย์นิ่งงันด้วยความตกตะลึง ไม่คิดว่าน้องชายจะใช้ชื่อเขา ทว่าไม่ทันได้พูดอะไร จันทร์จ้าวก็หันมามองหน้าเขาแล้วเอ่ยปนสั่ง



“พี่อาทิตย์เปิดฟลอร์แทนผมที...”



แน่นอนว่าคนเปิดฟลอร์ย่อมได้เลือกคู่เต้นรำเป็นคนแรก อาทิตย์เหลือบไปมองหญิงสาวผู้อยู่ในดวงใจของเขามาแสนนาน เธอเองก็มองมาที่เขาก่อนจะหลุบสายตาลงต่ำราวกับเขินอาย นายทหารหนุ่มไม่กล้าบอกตนเองว่าเธอรู้สึกเช่นไรกับเขา แต่หาก...เขาลองขอเธอเต้นรำดู บางทีอาจทำให้ได้คุยกันอีก


อาทิตย์เดินไปหยุดอยู่ตรงหน้าหม่อมหลวงพิมพัชรา แล้วค้อมกายราวกับเป็นการขออนุญาต หญิงสาวมองท่าทางสุภาพของเขาด้วยหัวใจเต้นถี่ แต่เมื่อเขายื่นมือมาให้ หล่อนก็วางมือลงบนมือของเขา ก่อนจะก้าวเท้าเดินตามไปยังกลางฟลอร์ แล้วจากนั้น เพลงใหม่ก็เริ่มต้นบรรเลงโดยชายหญิงคู่หนึ่งที่จันทร์จ้าวมองแล้วดูเหมาะสมยิ่งกว่าใคร



หลังจากอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชราลงไปเต้นรำ ก็เป็นหม่อมหลวงพงศ์ภราธรที่ขอพาดารารัษมีเต้นรำบ้าง เภาหมดทางเลือก แต่จะให้ยืนอิจฉาอยู่ที่เดิมก็เห็นจะไม่ใช่เขา ชายหนุ่มจึงหันไปขอนภาสรวงผู้สนิทสนมกันในฐานะเจ้านายและพนักงานในสำนักงานลงไปเต้นรำ ส่วนผู้ใหญ่ทั้งหลายพากันไปนั่งที่ชุดโต๊ะเก้าอี้ริมฟลอร์เพื่อพูดคุยกันต่อ จันทร์จ้าวเห็นว่าทุกอย่างเข้าที่เข้าทางแล้ว เขาจึงก้าวเท้าเดินไปนั่งที่บาร์เครื่องดื่ม เพราะยืนนานๆก็ชักจะปวดตึงที่แผลอีกแล้ว ยังไม่ทันจะเดินถึงที่ แขนข้างหนึ่งของเขาก็ถูกคว้าพยุงเอาไว้



“แผลยังไม่หายดี ไม่ควรดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล” เสียงทุ้มดังใกล้ ทว่าคนพูดดูเหมือนจะไม่ใส่ใจแผลของจันทร์จ้าวเลยแม้แต่น้อย เพราะเขาดึงแขนคนเจ็บให้ออกไปที่ระเบียงนอกตึกด้วยกัน



“แผลยังไม่หายดี หมอก็ควรให้ผมได้นั่ง ไม่ใช่ลากผมออกมานี่!!” ภวัตกดคนพูดมากลงนั่งที่ชุดเก้าอี้ที่ระเบียง แต่คนดื้อดึงอย่างจันทร์จ้าวก็ยังไม่หยุด



“แต่ก็ยังอยู่ข้างนอกอยู่ดี!! ผมจะกลับเข้าไปข้างใน!!” นายแพทย์หนุ่มถอนหายใจด้วยความระอากับนิสัยชอบเอาชนะของอีกฝ่าย



“ไม่ดื้อ ไม่เถียงสักวันจะทำให้คุณนอนไม่หลับไหม” ภวัตประชดปนดุ สีหน้าและดวงตาของนายแพทย์หนุ่มช่างว่างเปล่าและไร้ความอ่อนโยนเหมือนช่วงหลายๆวันที่ผ่านมานับตั้งแต่จันทร์จ้าวหกล้ม บางทีเขาก็อยากจะไล่ตะเพิดอีกฝ่ายว่าถ้ามาทำหน้าตึงเสียงแข็งใส่เขา ก็ไม่ต้องมาให้เห็นหน้า แต่เพราะคำขู่ที่ว่าแผลจะเน่าก็ทำให้เขาง้างปากไม่ออกและยอมให้ภวัตเข้านอกออกในบ้านเขาได้โดยสะดวกเพื่อมาทำแผลให้เช้าเย็น จนบัดนี้แม้แผลจะแห้งดีแล้ว แต่จันทร์จ้าวก็ไม่ทราบเหตุผลที่ตนเองไม่ออกปากไล่เขาเหมือนที่แล้วมา



ดวงหน้าขาวหันมองไปทางอื่นราวกับไม่อยากจะพูดคุยกัน ทำเอาคนอุตส่าห์ลากออกมาถึงกับต้องถอนหายใจ นิสัยพยศเป็นเด็กๆแบบนี้เขาไม่เคยเจอในคนอายุเท่าจันทร์จ้าวมาก่อน



“ขาเป็นอย่างไรบ้าง กลับไปนอนที่บ้านแล้วมีใครดูแผลให้ไหม” ภวัตพยายามชวนคุย ทว่าอีกฝ่ายกลับมองออกไปที่สวนโดยไม่สนใจเขาแม้แต่นิด ชายหนุ่มร่างสูงพ่นลมหายใจอย่างหงุดหงิด ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยองที่พื้นแล้วดึงขาข้างที่กะเผลกมาหมายจะเลิ่กชายกางเกงขึ้นดูแต่เจ้าของร้องลั่นเสียก่อน



“หมอ!!”



“ผมถามว่าแผลเป็นอย่างไรบ้าง ในเมื่อคุณไม่ตอบ ผมก็ต้องดูเอง”



“ผมเป็นแผลที่หัวเข่า! ไม่ใช่เป็นที่หน้าแข้ง!! หมอเปิดขากางเกงผมดูก็ดูไม่ถึงหรอก!!”



“ถ้าอย่างนั้นก็ไปห้องน้ำ แล้วถอดกางเกงออกทั้งหมด” จันทร์จ้าวอ้าปากค้างกับคำสั่งของนายแพทย์หนุ่ม ภวัตตั้งท่าจะลากเขาเดินกลับเข้าไปในโถงเพื่อไปห้องน้ำจริง คนที่ทำท่าอยากจะกลับเข้าไปข้างในตั้งแต่แรกเลยกลายเป็นยึดเก้าอี้ไว้มั่น



“ว่าอย่างไร จะบอกผมดีๆ หรือจะให้ผมพาไปห้องน้ำแล้วจับคุณถอดกางเกงดูแผลด้วยตัวผมเอง” ภวัตตั้งคำถามด้วยน้ำเสียงดุดัน



“ก็ยังไม่ต้องไปตัดขาแล้วกัน!!”



“ผมบอกว่าให้ตอบดีๆ!” สุ้มเสียงเข้มงวดของนายแพทย์หนุ่ม ทำเอาคนปากดีนึกหวั่นขึ้นมาในใจ หากภวัตลากเขาไปถอดกางเกงจริง เห็นทีคงยิ่งทั้งโกรธทั้งอาย



“ดีขึ้นมากแล้ว! ปล่อย! ไม่ต้องมาจับขาผม!!” เพราะถูกจับให้นั่งอยู่กับที่ จันทร์จ้าวจึงหลบขาไปไหนไม่พ้น ต้องอาศัยมือตัวเองปลดมือของอีกฝ่ายออกจากขาแทน ภวัตมองคนที่พยายามหนีจากเขาด้วยหัวใจเจ็บหนึบ



“ผมจับขาคุณมาทุกวัน มาหวงอะไรเอาวันนี้? หรือเพราะวันนี้มีแต่คนดูแลคุณได้ พี่น้องคุณอย่างนี้ คุณพงศ์อย่างนี้ เลยนึกจะหวงกับผมขึ้นมา?!!” บางที นายแพทย์หนุ่มก็ไม่เข้าใจตนเองนัก เหตุใดเขาจึงต้องพูดจาประชดประชันจันทร์จ้าวเช่นนี้ เจ้าตัวจะได้รับการดูแลจากใคร เขาไม่เห็นจะต้องเก็บมาใส่ใจ แต่...แต่อาจจะเพราะจันทร์จ้าวยินดีรับการดูแลจากทุกคน ยกเว้นเขา



บุตรชายคนรองแห่งบ้านรักษพิพัฒน์มองคนพูดด้วยหัวใจกระตุกแต่ไม่วายปากเก่ง



“วันอื่นๆ หมอก็มาจับของหมอเอง ผมขอเสียที่ไหน? แล้วผมจะให้ใครจับขาหรือไม่ มันก็สิทธิ์ของผม นี่ขาผม ไม่ใช่ขาหมอ มันงอกออกมาจากตัวผม ไม่ใช่งอกออกมาจากตัวหมอ!!”



“คุณจันทร์!!” ภวัตรู้สึกถึงความโกรธที่แล่นริ้วผสมปนเปไปกับความเสียใจที่อีกฝ่ายกีดกันเขาถึงเพียงนี้


สายตาที่หมอภวัตมองตรงมา หากมีแค่ความโกรธ จันทร์จ้าวคงปากดีตอบโต้กลับไปได้อีกมาก แต่เพราะความเสียใจที่ฉายชัดในนั้น ทำให้หัวใจชาวาบและพาลเป็นพูดไม่ออกแล้วทำได้เพียงเบือนสายตามองออกไปที่สวนแทน



นายแพทย์หนุ่มมองคนที่หลบสายตาเขา จันทร์จ้าวไม่พูดอะไรสักคำหลังจากประโยคทำร้ายความรู้สึกของเขาเมื่อครู่ และหลังจากนี้ ก็ไม่รู้ว่าจะมีประโยคประเภทนั้นมอบให้เขาอีกมากเท่าไร ภวัตยอมรับว่าเขาใจไม่แข็งพอที่จะเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายแล้วต้องได้รับรู้คำพูดไร้เยื่อใยทำนองนี้อีก



“เราจะพูดกันดีๆไม่ได้แล้วใช่ไหม” ภวัตตั้งคำถามทำเอาจันทร์จ้าวนิ่งงัน อยากหันกลับไปมองคนถามใจจะขาด แต่...แต่เพราะกลัวจะต้องเห็นสายตาเสียใจที่อีกฝ่ายมี เขาจึงไม่กล้า...



“ว่าอย่างไร เราจะพูดกันดีๆไม่ได้จนกว่าคุณอาทิตย์กับคุณพิมจะลงเอยกันอย่างนั้นใช่ไหม” ร่างสูงถามย้ำเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ยังคงจับจ้องสวนแทนที่จะหันมามองเขาสักนิด ทว่า...ก็ยังไม่หันกลับมา ภวัตเจ็บหนึบไปทั้งหัวใจ รู้สึกเหมือนตนเองเป็นเพียงอากาศธาตุที่จันทร์จ้าวไม่ให้ความสำคัญ



ระหว่างพวกเขาเกิดความเงียบครู่ใหญ่ๆ ภวัตรอคอยคำตอบ แต่จันทร์จ้าวไม่กล้าหันไปมอง และความเงียบนั้น ก็ดำเนินมาจนถึงขีดสุด เมื่อภวัตเป็นฝ่ายพูดขึ้นมา



“ก็ได้ ถ้าคุณต้องการเช่นนั้น เราก็ไม่ต้องพูดกันอีก”



เมื่อเป็นฝ่ายเขาเองที่เหมือนตามตื้อให้รำคาญใจ ภวัตก็รำคาญตัวเองเช่นกันที่ดิ้นรนจะพูดคุยกับจันทร์จ้าวเพียงผู้เดียว เขาหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในโถงจัดเลี้ยงแล้วทิ้งจันทร์จ้าวเอาไว้ที่เดิม ชายหนุ่มเดินกลับเข้าไปโดยไม่หันกลับไปมองคนที่นั่งอยู่ที่ระเบียง ภวัตไม่มีวันรู้ว่าคนที่ทำเป็นทอดสายตามองออกไปยังสวนสลัวเมื่อครู่หันกลับไปมองแผ่นหลังเขาด้วยสายตาที่เต็มไปด้วยความเสียใจไม่ต่างกัน

................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2015 20:56:49 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8



หม่อมหลวงพงศ์ภราธรเต้นรำกับดารารัษมีแล้วก็ต่อด้วยนภาสรวง ตบท้ายด้วยการเต้นรำกับน้องสาวที่เต้นรำกับอาทิตย์ถึง ๒ เพลงรวด จากนั้นจึงพาหม่อมหลวงพิมพัชรากลับมาส่งที่โต๊ะข้างฟลอร์ ซึ่งเภาก็รีบเสนอตัวเข้าไปขอเธอเต้นรำในทันทีราวกับคนโหย ราชนิกูลหนุ่มออกจะไม่ชอบใจท่าทางกระเหี้ยนกระหือรือของน้องชายหมอภวัตที่ดูจะไม่รักษามารยาทเอาเสียเลย เขาก็รู้หรอกว่าอีกฝ่ายอยากเต้นรำกับพิมพัชราใจจะขาด แต่ก็ควรเก็บอาการบ้าง



“ให้ยายพิมพักดื่มน้ำสักหน่อยดีไหมคุณเภา เต้นจนตะคริวจะกินแล้วกระมัง” เขาพูดกลั้วหัวเราะติดตลก ทำให้ไม่มีใครเอะใจว่ากำลังจะประชดประชัน พอดีเพลงต่อมาเป็นเพลงโปรดของดารารัษมี หล่อนนึกสนุกอย่างไรไม่ทราบ เป็นคนขออาทิตย์ให้ลงไปเต้นรำคู่กัน ทุกคนจึงหันไปสนใจ ๒ พี่น้องรักษพิพัฒน์แทน



หม่อมหลวงพงศ์ภราธรกวาดตามองไปรอบห้องจัดเลี้ยง วันนี้เป็นงานเลี้ยงต้อนรับจันทร์จ้าว แต่เจ้าของงานกลับไม่โผล่หน้ามาเลย เมื่อครู่นี้เขาก็มัวแต่สนุกกับการเต้นรำจนลืมเพื่อนรักไปเสียสนิท



“เอ? มีใครเห็นจันทร์บ้างไหมครับ” เขาถามกับนภาสรวงและภวัตที่บาร์เครื่องดื่ม ไม่ได้เดินไปถามกับกลุ่มของผู้ใหญ่ที่ยังนั่งคุยกันอยู่



“ไม่ทราบสิคะ...ตายจริง นภาก็ไม่ทันได้ดูพี่จันทร์เลย” หญิงสาวผู้เป็นน้องเอ่ยปากแล้วหันมองไปรอบๆห้อง ภวัตกำลังจะบอกว่าเขาพบจันทร์จ้าวครั้งสุดท้ายที่ระเบียง แต่นั่นมันก็เมื่อราวครึ่งชั่วโมงที่ผ่านมาแล้ว ป่านนี้เจ้าตัวอาจจะอยู่ที่ไหนสักที่ของวังนี้ ทว่าไม่ทันได้พูดอะไร ทายาทของวังฉัตรก็เหลือบไปเห็นแผ่นหลังของคนในบทสนทนาที่ระเบียงเสียก่อน



“อ้าว! อยู่นั่นเอง...ยังอยู่ที่ระเบียงอีกหรือนี่...” เขาบ่นพึมพำแล้วค้อมศีรษะลวกๆขอตัวจากนภาสรวงและภวัต ก่อนจะเดินออกไปยังระเบียง นายแพทย์หนุ่มมองตามด้วยความเป็นห่วง ไม่คิดว่าจันทร์จ้าวจะยังนั่งอยู่ที่เดิม รู้อย่างนี้เขาดึงให้เดินกลับเข้ามาด้วยกันก็ดี



“น่าสงสารพี่จันทร์นะคะ เต้นรำน่ะของโปรดเธอเลย ดันมาเจ็บเสียได้” เสียงของนภาสรวงดังขึ้นทำเอาภวัตต้องละสายตาจากแผ่นหลังของคนที่นั่งอยู่ที่ระเบียงกลับมามองหญิงสาว



“จริงสิ พี่จันทร์บอกว่าคุณหมอเป็นคนทำแผลให้เธอใช่ไหมคะ ขอบคุณนะคะที่เป็นธุระให้”


“ไม่เป็นไรครับ”


“นี่น่ะ แสดงว่าคุณหมอมือเบาถูกใจเธอนะคะ เธอถึงยอมให้ทำ สมัยเด็กๆ เธอซน ได้แผลมาเรื่อยแต่ให้คุณแม่ทราบไม่ได้ ก็เลยต้องแอบทำแผลกันเอง แต่ไม่ให้ใครแตะแผลนะคะ ยกเว้นนภากับสมฤดี มีครั้งหนึ่งนภากับสมฤดีไม่อยู่ เธอก็รอทั้งอย่างนั้น ดาราจะทำให้ก็ไม่ยอม เธอว่ามือหนัก เธอเจ็บ จะรอนภากับสมฤดีเท่านั้น” หญิงสาวเล่าเรื่องราวของพี่ชายยามเด็กด้วยความรักและเอ็นดูเขา แม้เขาจะอายุมากกว่าหล่อน แต่บางครั้งเขาก็ทำตัวเด็กได้อย่างน่าฉงน


“อย่างนั้นหรือครับ” เขาได้แต่ครางรับด้วยความรู้สึกหน่วงหนักในอก



เขาไม่รู้หรอกว่าเขามือเบาถูกใจจันทร์จ้าวหรือไม่ เพราะตลอดเวลาหลายวันที่ไปทำแผลให้ เขาไม่เคยพูดคุยกับจันทร์จ้าวมากเกินความจำเป็นเลย ทั้งๆที่...อยากถามจะตาย ว่ายังเจ็บไหม อยากถามว่าทานอะไรหรือยัง อยากถามว่าพรุ่งนี้จะไปทำงานอย่างไร...เขาอยากถาม อยากพูดคุยดังเดิม แต่เจ้าตัวไม่ร่วมมือกับเขาหรอก



“คุณหมอเป็นอะไรไปหรือคะ” นภาสรวงเห็นท่าทางเขาดูนิ่งขรึมไม่เหมือนหมอภวัตคนเดิมที่มักจะมีรอยยิ้มจางอย่างอ่อนโยนติดอยู่บนใบหน้าก็เอ่ยถามด้วยความเป็นห่วง



“เปล่าครับ คุณนภาเต้นรำอีกสักเพลงไหม”



“ก็ดีค่ะ” หญิงสาวยิ้มรับ ก่อนจะวางมือลงบนมือของชายหนุ่มให้เขาพาหล่อนลงไปยังฟลอร์เต้นรำอีกครั้ง พอดีกับที่หม่อมหลวงพงศ์ภราธรพยุงเพื่อนรักพากลับเข้ามาจากระเบียง จึงพาไปนั่งที่บาร์เครื่องดื่มซึ่งว่างอยู่



“นั่งอยู่ข้างนอกให้ยุงกัดอยู่ได้ คนเขาอยู่ข้างในกันหมด ออกไปนั่งทำอะไรข้างนอก” ทายาทวังฉัตรบ่นเพื่อนรักเบาๆ


“ก็ข้างนอกไฟสวยดี” จันทร์จ้าวตอบแล้วหันไปสั่งกาแฟร้อนจากพนักงานหลังบาร์ที่กำลังชงเครื่องดื่มแอลกอฮอล


“นี่น่ะบาร์เหล้า แกจะสั่งกาแฟก็สั่งกับนายคำซี” หม่อมหลวงพงศ์ภราธรบ่นอีกรอบ แล้วเป็นฝ่ายหันไปเรียกคนรับใช้ให้ไปจัดกาแฟมาให้จันทร์จ้าว


“แล้วผมดื่มกาแฟที่บาร์เหล้าได้ไหม ไม่อยากลุกเดินไปไหนแล้ว” คำถามเสียงเรื่อยนั้นฟังดูอ่อนระโหยจนเพื่อนรักต้องหันกลับมามองหน้าด้วยความเป็นห่วง


“ยังเจ็บแผลหรือ”


“ก็...มันตึงๆน่ะ”


“แล้วทำแผลหรือยัง”


“ทำแล้วซี ได้นภาทำให้”


“แล้วช่วงที่แกอยู่ที่บ้านเช่าล่ะ” จันทร์จ้าวเงียบไปอึดใจหนึ่งก่อนจะตอบ “ทำแล้ว”


“ใครทำให้”


“หมอ...” คำตอบนั้นสั้นและเหมือนจะเค้นเสียงพูด หม่อมหลวงพงศ์ภราธรดูสีหน้าที่ปนเปด้วยอารมณ์หลากหลายจนแยกไม่ออกว่าเจ้าตัวกำลังรู้สึกอย่างไร แต่ที่รู้ๆ คือความสัมพันธ์ของจันทร์จ้าวและหมอภวัตยังไม่ดีขึ้นเลย


“แกยังไม่ดีกับเขาอีกหรือ” คนถูกถามรู้สึกโหวงหวิวไปทั้งอก เมื่อประโยคสุดท้ายที่ภวัตพูดกับเขาเมื่อครู่ยังคงดังก้องอยู่ในสมอง


... ‘เราก็ไม่ต้องพูดกันอีก’ …


“ดีกันไม่ได้หรอกคุณพงศ์ คนมันไม่ถูกโฉลกกันก็อย่างนี้ สงสัยวันเกิดเป็นปรปักษ์กันกระมัง”


น้ำเสียงของจันทร์จ้าวนั้นสั่นไหวอย่างน่าประหลาด คนเป็นเพื่อนที่คบกันมานานรู้สึกประหลาดใจกับท่าทีและน้ำเสียงของร่างโปร่งแต่เขาก็ไม่ได้ถามอะไรเมื่อเจ้าตัวหันไปรับกาแฟมาจิบ หม่อมหลวงพงศ์ภราธรจึงได้แต่ลอบมองอย่างเงียบๆแล้วคำถามหนึ่งที่ไม่ควรคิดเป็นอย่างยิ่งก็ดังขึ้นในใจ


...ความรู้สึกที่จันทร์จ้าวมีต่อหมอภวัต...เป็นอย่างไรกันแน่?...


.............................................



งานเลี้ยงเลิกราตอนเกือบเที่ยงคืน หลังจากการร่ำลาที่มีเพียงหม่อมหลวงพงศ์ภราธรเพียงผู้เดียวสังเกตเห็นว่าหมอภวัตและจันทร์จ้าวต่างไม่แม้แต่จะมองหน้ากัน ทั้งรักษพิพัฒน์และวิชาญโยธินก็แยกย้ายกันขึ้นรถแล้วออกจากวังฉัตร



คืนนี้จันทร์จ้าวกลับมานอนที่เรือนไทยแม้ว่าจะเป็นคืนวันเสาร์ก็ตามที เพราะตั้งใจว่าพรุ่งนี้เขาจะรีบตื่นมาถามอาทิตย์เสียหน่อยว่างานเลี้ยงวันนี้เป็นอย่างไรบ้าง ตอนแรกเขาก็ตั้งใจจะสังเกตเอง แต่...ไปๆมาๆก็ไม่ได้ทำอะไรยกเว้นจิบกาแฟนั่งเฉยอยู่ที่บาร์เครื่องดื่มจนจบงาน



...แล้วใครล่ะ ที่ทำให้เขาไม่ได้ทำอะไรยกเว้นนั่งเฉย...



ร่างสูงโปร่งยืนอยู่ในห้องนอนของตน กำลังมองภาพสะท้อนในกระจก ดวงตากลมใหญ่ที่สะท้อนอยู่บนนั้นส่อแววประหลาด มันเต็มไปด้วยความไม่สบายใจ ความเสียใจ ความอึดอัด ความรู้สึกพวกนี้ เขาไม่เคยเอามันมาสุมรวมกันมากเท่าครั้งนี้มาก่อน เพราะอะไรหนอ...เพราะอะไร...แค่คำพูดของผู้ชายคนนั้น เขาจึงรู้สึกได้ถึงเพียงนี้



เสียงเคาะประตูเบาๆดังขึ้นทำเอาจันทร์จ้าวสะดุ้งตื่นจากภวังค์ เขาเดินไปเปิดประตูห้องนอนก็พบอาทิตย์ที่อาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าเป็นเสื้อผ้าฝ้ายและกางเกงแพรเตรียมเข้านอนยืนอยู่ที่หน้าห้อง



“พี่...จะมาขอบคุณจันทร์...” พี่ใหญ่ของครอบครัวเอ่ยปากอย่างตะกุกตะกัก งานเลี้ยงวันนี้ทำให้ความรู้สึกของเขาพองฟูจนเต็มอก อยากมาบอกให้น้องชายได้รับรู้ว่าเรื่องทั้งหมดจะไม่มีวันเป็นเช่นนี้เลยหากไม่ได้จันทร์จ้าวช่วยเหลือ


คนเป็นน้องยกยิ้มบาง


“จะขอบคุณก็ต้องเล่าให้ฟังด้วย ว่าเกิดอะไรขึ้นบ้าง” เขาว่าอย่างนั้นแล้วเปิดประตูให้กว้างขึ้น อาทิตย์เดินเข้ามาในห้อง รอจนจันทร์จ้าวปิดประตูเรียบร้อยแล้ว จึงหันมาพูด


“วันนี้พี่ได้เต้นรำกับคุณพิม ๒ เพลง”


“เดี๋ยว...เล่าเรื่องดอกกุหลาบที่ฝากดาราไปให้ด้วยซี อ้อ...เรื่องดูหนังด้วยนะ”



อาทิตย์ชะงักที่น้องชายทราบเรื่องนี้ ใบหน้าคร้ามคมกรำแดดแบบนายทหารขึ้นสีเรื่อ จันทร์จ้าวเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียง แล้วเอนกายลงนอนรอฟังราวกับเรื่องของอาทิตย์จะเป็นนิทานก่อนนอนในคืนนี้ คนเป็นพี่เดินมานั่งที่ปลายเตียง ไม่ยอมหันไปมองน้องชายที่นอนตะแคงเท้าศอกมองแผ่นหลังของเขาอยู่ด้วยเพราะกำลังเขินอายกับความรู้สึกของตนในวันนี้



...วันที่ความรักที่ไม่เคยคิดหวังว่าจะเป็นจริงกำลังงอกงามอย่างที่สุด...



“ก็...พี่เห็นว่าดอกไม้บ้านเรากำลังงาม ก็เลยฝากดาราให้นำไปฝากเพื่อนๆครูที่โรงเรียน แต่ดาราว่าแกมีเพื่อนแยะ เลยจะให้เฉพาะคนเท่านั้น ก็เลย...ให้คุณพิมคนเดียว ส่วนเรื่องดูหนัง...ดาราบอกว่าถือเป็นค่าจ้างถือดอกไม้ พี่ก็เลยไปรับดารากับคุณพิม มีนภาไปด้วย แล้วเราก็เข้าไปดูกัน ๔ คน จากนั้นก็...ไปทานไอศกรีมกัน ร้านที่จันทร์เคยพาไปคราวก่อนอย่างไรล่ะ คุณพิมเธอชอบทานไอศกรีมมาก เธอว่าจะหาสูตรแล้วจะลองทำ จะให้พี่ไปชิม เอ่อ...พี่หมายถึงพวกเราทั้งหมดนี่ แล้ว...แล้ววันนี้...คุณพิมก็ขอบคุณพี่เรื่องดอกกุหลาบด้วย เธอว่าหอมดี เธออบแห้งเก็บเอาไว้ด้วย ถ้าไม่ใช่เพราะจันทร์เสนอให้พี่เปิดฟลอร์ พี่คงไม่มีโอกาสได้เต้นรำกับคุณพิม ไม่มีโอกาสได้คุยกับเธอ จันทร์รู้ไหม เธอยังบอกว่า คราวหน้าอยากมาดูต้นกุหลาบของพี่ เธอว่าจะมาบ้านเราแน่ะ พี่ดีใจเหลือเกินจันทร์ ขอบใจจริงๆที่ทำให้พี่...” อาทิตย์หันกลับไปตั้งใจจะขอบคุณน้องชาย แต่ปรากฏว่าจันทร์จ้าวหลับไปแล้ว โดยใช้ศอกหนุนแทนหมอน เขาหัวเราะเบาๆ จันทร์จ้าวหลับง่ายเช่นนี้มาแต่เด็ก วันนี้เจ้าตัวคงเหนื่อย แผลก็ยังเจ็บ แล้วยังต้องไปงานเลี้ยงอีก



“ช่างเถอะ ไว้พรุ่งนี้พี่ค่อยเล่าอีกรอบก็ได้” คนกำลังปิติยินดี เวลานี้จะให้เล่ากี่รอบก็ทำได้ทั้งนั้น อาทิตย์ลุกจากเตียง หยิบผ้าผวยมาห่มให้น้องชาย ทว่าเสียงพึมพำที่ดังมาจากริมฝีปากของคนหลับทำให้เขาชะงัก



“หมอ...” นายทหารหนุ่มขมวดคิ้วด้วยความฉงน แต่หลังจากคำนั้น ก็ไม่มีคำใดตามมาอีก เขาแน่ใจว่าฟังไม่ผิด แม้เสียงจากริมฝีปากสีสดจะแผ่วเบา แต่เขาก็อยู่ใกล้มากพอที่จะได้ยินชัด และเขาก็ยังไม่ง่วงนอนจนหูเพี้ยนด้วย



...แต่...เหตุใดจันทร์จ้าวจึงละเมอถึง ‘หมอ’ เล่า?...



อาทิตย์ไม่มีคำตอบสำหรับคำถามนี้ และเมื่อก้าวเท้าถอยออกมาจากห้องนอนของน้องชาย เขาก็สลัดคำถามนั้นทิ้งไปด้วยเพราะไม่เห็นประโยชน์ที่จะคิดถึงเรื่องเมื่อครู่


......................................


แม้เมื่อคืนจะนอนดึก แต่เช้าวันอาทิตย์ ๔ พี่น้องรักษพิพัฒน์ก็ตื่นแต่เช้า เสียงพูดคุยของดารารัษมีดังฟุ้งไปทั้งโต๊ะอาหาร โดยเฉพาะตอนที่หล่อนเต้นรำกับหม่อมหลวงพงศ์ภราธรนั้น หล่อนว่าสนุกที่สุด เนื่องจากราชนิกูลหนุ่มเต้นรำได้เก่งกว่าพี่ชายคนใหญ่ของหล่อนและนายเภาน้องชายหมอภวัต



“สมเป็นเพื่อนกันนะคะ พี่จันทร์กับคุณพงศ์ เต้นรำได้ดีพอๆกัน น่าเสียดาย เมื่อวานพี่จันทร์ขาเจ็บ ไม่ได้เต้นรำกับใครสักคน” ดารารัษมีชมอย่างจริงใจและนึกสงสารเขาไม่น้อย แต่ทั้งอย่างนั้นเมื่อคืนก็เป็นงานเลี้ยงเรียบง่ายที่สนุกจนหล่อนไม่ทันสังเกตว่าจันทร์จ้าวทำอะไรอยู่ที่ใด



“นั่นซีคะ นภาหันไปทีไรก็เห็นแต่พี่จันทร์นั่งอยู่แต่ที่บาร์เครื่องดื่ม ยังพูดกับคุณหมอเลยว่าน่าสงสารพี่จันทร์” นภาสรวงพูดขึ้นบ้าง และพอพูดถึงใครอีกคน มือของจันทร์จ้าวที่กำลังจับช้อนตักข้าวต้มเข้าปากก็ชะงักไปเล็กน้อย หากแต่วินาทีต่อมา เขาก็ทำตัวเหมือนปกติ



“จะมาสงสารพี่ทำไม ถ้าพี่อยากเต้น พี่ก็เปิดเพลงสักแผ่นแล้วก็คว้าเอาผู้หญิงแถวๆนี้มาเป็นคู่เต้นรำให้พี่ก็ได้” คนเจ็บขาพูดติดตลกเพื่อให้พ้นบทสนทนาที่เกี่ยวกับคนที่เขาไม่อยากได้ยินชื่อ แต่นั่นทำเอาคุณหญิงผกาผู้แสนจะหวงบุตรชายคนรองถึงกับหันมองโดยพลัน



“พ่อจันทร์จะไปคว้าผู้หญิงคนไหน?!!”



“ผมหมายถึงมาเป็นคู่เต้นรำเท่านั้นครับ”



“ไฮ้! ไม่ได้! จะมาเป็นคู่เต้นรำก็ต้องเฟ้น เกิดพ่อจันทร์ไปคว้าแม่ผู้หญิงที่ไหนไม่รู้มาเป็นคู่เต้นรำแล้วเกิดเขาลือกันไปทั้งกรุงเทพฯว่าแม่ผู้หญิงคนนั้นเป็นคู่รักของพ่อจันทร์จะทำยังไร?! แม่ไม่ยอมหรอกนะ!! ถ้าพ่อจันทร์จะเต้นรำกับใคร แม่ต้องรู้จักผู้หญิงคนนั้นก่อน!...” คุณหญิงผกาบ่นอย่างรวดเร็วด้วยหวั่นใจบุตรชายจะไปคว้าผู้หญิงปลายแถวมาให้หล่อนเสียใจ จันทร์จ้าวเลยต้องรีบแก้ลำอย่างว่องไว



“คุณแม่ก็รู้จักแล้วนี่ครับ คนหนึ่งชื่อดารารัษมี อีกคนชื่อนภาสรวง เห็นไหม...มีให้เลือกตั้ง ๒ คน” พอได้ยินว่าบุตรชายจะเลือกน้องสาวมาเป็นคู่เต้นรำ คุณหญิงผกาก็ค่อยเงียบลงแต่ก็ยังไม่วายค้อนตาเขียวปั้ด



“ใครจะยอมเป็นคู่เต้นรำให้พี่จันทร์กัน ทำเป็นมาเลือกเรา คิดหรือว่าเราจะยอมให้เลือก จริงไหม นภา คนเต้นรำเก่งๆน่ะมีออกถม คุณพงศ์อย่างนี้ เอ?...คุณหมอเต้นรำเก่งไหม นภา” แล้วดารารัษมีก็หันไปถามพี่สาวแฝดอีกหน จันทร์จ้าวชักหงุดหงิด ที่บทสนทนาไปไม่พ้นผู้ชายคนนั้นเสียที



“เก่งจ้ะ เธอเต้นดีทีเดียว” หล่อนชมแล้วก็พลันนึกขึ้นได้ว่าช่วงที่หล่อนเต้นรำกับเขานั้น นภาสรวงพิศดวงหน้าของนายแพทย์หนุ่มแล้วความคิดบางอย่างก็ผุดวาบขึ้นในใจจนต้องนำมาบอกเล่าที่โต๊ะอาหารเช้าในวันนี้



“...จะว่าไปเธอคล้ายพี่จันทร์อยู่นะคะ เต้นรำเก่ง สมฤดีบอกว่าเธอชอบตีเทนนิสด้วย ก่อนหน้านี้หิ้วแร็กเก็ตออกจากโรงพยาบาลทันทีที่ออกเวรแทบทุกวัน พูดภาษาฝรั่งก็เป็น แล้วเวลาคุณหมอเธอยิ้มบางๆ มองเผินๆก็คล้ายพี่จันทร์ด้วยนะคะ นี่ถ้ามีลักยิ้มเสียหน่อย คงคล้ายกันอย่างกับพี่กับน้อง” ประโยคท้ายนั้นทำเอาคนถูกยกไปเปรียบเทียบถึงกับเภียงทันควัน



“จะไปคล้ายได้อย่างไร! คนไม่ใช่พี่ใช่น้องกัน! ไม่มีวันหน้าเหมือนกันหรอก!!” สุ้มเสียงของจันทร์จ้าวแข็งกระด้าง ทำเอาคนทั้งโต๊ะเงียบกริบ และก่อนที่จะมีใครถามอะไร บุตรชายคนรองของท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกาก็เอ่ยปากขึ้นมาเป็นการขอตัว



“ขอโทษครับ ผมรู้สึกอยากกาแฟ จะลงไปหากาแฟทานข้างล่าง”



แล้วร่างสูงโปร่งก็ลุกจากโต๊ะเดินลงจากเรือนไปอย่างรวดเร็ว แล้วทิ้งโต๊ะอาหารเช้าที่มีนภาสรวงนั่งหน้าซีดเผือดเอาไว้ตรงนั้น


...........................................



โต๊ะนั่งเล่นใต้ถุนเรือนมีลมโกรกเย็นสบาย จันทร์จ้าวมีกาแฟร้อนหอมฉุยถ้วยหนึ่งวางเอาไว้ตรงหน้า แต่ดูแล้วเหมือนเจ้าตัวแทบจะไม่แตะต้องมันเลย ควันร้อนที่ลอยออกมาจึงค่อยจางลงทุกทีทุกที อาทิตย์ลงจากบันไดเรือนแล้วมองน้องชายที่นั่งเหม่อทอดสายตาออกไปยังสนามหญ้าหน้าบ้านแล้วนึกสงสัย คนอย่างจันทร์จ้าวไม่ใช่คนที่จะมานั่งเฉยๆแล้วมองดูนั่นดูนี่อย่างเอื่อยเฉื่อยเช่นนี้เลย



นายทหารหนุ่มก้าวเท้าเดินเข้าไปนั่งร่วมโต๊ะด้วย ทำเอาคนเป็นน้องหันมอง



“เป็นอะไรไป”



“ไม่ได้เป็นอะไร ก็ผมบอกแล้วว่าอยากกาแฟ” เพื่อย้ำว่าสิ่งที่ตนพูดนั้นเป็นความจริง ชายหนุ่มจึงหยิบกาแฟขึ้นจิบเสียอึกหนึ่ง ทว่าอาทิตย์ก็ยังถามย้ำ



“มีอะไรไม่สบายใจหรือ” คนที่ปิดบังสีหน้าด้วยถ้วยกาแฟชะงักไปเล็กน้อย หากแต่ไม่ยอมตอบอะไร พี่ชายคนใหญ่ของครอบครัวจึงถามต่อ



“หรือว่าทะเลาะกับคุณหมอ...” อาทิตย์จะไม่คิดถึงหมอภวัตเลย หากไม่ใช่ว่าเมื่อวานได้ยินน้องชายละเมอถึงนายแพทย์หนุ่มผู้นั้น และอาการชะงักเพราะคำถามของเขาก็ทำให้คนตั้งคำถามรู้ในทันทีว่าจันทร์จ้าวมีเรื่องกับภวัตจริง



“ผมบอกแล้วว่าไม่มีอะไร!” ปากว่าไม่มีอะไร แต่เสียงแข็งกร้าวจนอาทิตย์ได้แต่ถอนหายใจแผ่ว



“นภาตกใจแน่ะ ที่จันทร์ตวาดเขาอย่างนั้น” จันทร์จ้าวหันมองคนพูด ก่อนจะเลยสายตาไปทางด้านหลังของอาทิตย์ นภาสรวงและดารารัษมียืนอยู่ไม่ไกล สีหน้าของแฝดผู้พี่นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกผิดจนจันทร์จ้าวสะท้อนใจ เขาวางถ้วยกาแฟลงแล้วส่งเสียงเรียก



“มานี่สินภา” หญิงสาวเดินเข้าไปหา แล้วยกมือไหว้เขาราวกับขอลุแก่โทษ



“นภาขอโทษนะคะที่ทำให้พี่จันทร์โกรธ”



“พี่ไม่ได้โกรธนภา เพียงแต่...” จันทร์จ้าวนิ่งคิดเหตุผลที่ทำให้เขาหงุดหงิด ก่อนจะแก้ต่างไปอีกเรื่อง “...กลัวว่าคุณแม่จะคิดมาก คิดว่าคุณพ่อไปมีลูกลับๆไว้ที่ไหน จู่ๆนภาก็พูดว่ามีคนมาคล้ายพี่เข้า” เหตุผลของเขาช่างฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย ทว่าก็ทำให้นภาสรวงหัวเราะเบาๆ



“พี่จันทร์น่ะ พูดอะไรก็ไม่รู้”



“นภาก็อย่าโกรธพี่เลยที่พี่ตวาด พี่นอนดึกตื่นเช้า อารมณ์ไม่คงที่เท่าไร”



“นภาไม่โกรธพี่หรอกค่ะ เป็นว่าเราดีกันแล้วนะคะ พี่จันทร์ดื่มกาแฟแล้วหรือ ไม่ทานขนมด้วยล่ะคะ เข้ากันทีเดียว นภาจะไปจัดมาให้” คนเป็นน้องรีบหมุนตัวเดินเข้าครัวหมายจะหาของมากำนัลพี่ชายเพิ่มเพื่อเป็นการง้องอนให้เขาไม่นึกเคืองหล่อนอีก จันทร์จ้าวมองตามร่างเล็กบางของน้องสาวแล้วหันกลับมาพูดกับพี่ชายคนใหญ่และน้องสาวคนเล็ก



“สงสัยนภาจะใกล้ออกเรือน ดูช่างเอาอกเอาใจเสียจริง นี่ดารา...นภามีใครหรือยัง” ดารารัษมีคันปากยิบ อยากจะพูดใจจะขาดว่าช่วงหลายวันที่ผ่านมานี้ มีชื่อชายผู้หนึ่งหลุดออกมาจากปากพี่สาวแฝดของหล่อนบ่อยๆ ทว่าไม่ทันที่จะพูดอะไร รถยนต์คันหนึ่งก็แล่นมาจอดที่หน้าบ้าน



“หืม?...นั่นรถวังฉัตรนี่...” จันทร์จ้าวมองแต่ไกลก็จำได้ว่ารถที่แล่นมาจอดหน้าประตูรั้วเป็นรถจากวังของเพื่อนรัก เขาหันไปสั่งให้ตาพ่วงวิ่งไปเปิดประตู รถจากวังฉัตรแล่นเข้ามา แล้วตามมาด้วยรถอีกคัน



“เอ๊ะ...มีรถอีกคันด้วยค่ะ” ดารารัษมีเปรยขึ้นมา และรถคันที่ ๒ ทำให้จันทร์จ้าวถึงกับนิ่งไป



...รถยนต์ของหมอภวัต...



รถทั้ง ๒ คันจอดสนิทที่หน้าเรือนไทย ก่อนที่สตรีผู้ขับรถคันแรกมาเพียงลำพังจะลงจากรถแล้วยกมือไหว้อาทิตย์และจันทร์จ้าว ก่อนจะหันไปยิ้มทักทายให้ดารารัษมี



“สวัสดีค่ะ ขอโทษที่พิมมารบกวนแต่เช้า”



“ลมอะไรหอบมาคะนี่ แล้วทำไมมารถตั้ง ๒ คันอย่างนี้ เอ๊ะ แล้วคุณพิมมาคนเดียวหรือ คุณพงศ์ไม่มาหรือคะ” ดารารัษมีถามยาวเหยียด ก่อนจะยกมือไหว้ชายหนุ่ม ๒ คนที่ลงมาจากรถคันที่สอง...ใช่ รถของภวัตไม่ได้มีภวัตเพียงลำพัง แต่นายแพทย์หนุ่มพาน้องชายมาด้วย...จันทร์จ้าวเมินหน้าหนีไปอีกทาง ไม่ทักทาย ๒ พี่น้องบ้านวิชาญโยธินแต่ประการใด



หม่อมหลวงพิมพัชราหัวเราะเบา “ถามหลายอย่างจริงค่ะคุณดารา...” แม้จะหยอกเพื่อนเช่นนั้น แต่หญิงสาวจากวังฉัตรก็ให้ความกระจ่างในประโยคต่อมา



“พิมทำขนมมาฝากค่ะ กำลังจะออกก็พบคุณหมอกับคุณเภาเข้า พอบอกว่าจะนำขนมมาให้ที่นี่ คุณเภาก็เลยขอตามมาด้วย ส่วนที่มารถ ๒ คันเพราะขากลับจะได้สะดวกทั้งพิมทั้งคุณหมอ ไม่ต้องวนรถไปส่งให้วุ่นวาย อ้อ...แล้วก็ที่พี่พงศ์ไม่มา เพราะพี่พงศ์ต้องไปทำธุระแทนคุณพ่อค่ะ” หล่อนตอบคำถามดารารัษมี แต่ตั้งใจจะไม่พูดถึงตอนที่เภาตื้อให้หล่อนขึ้นรถไปกับเขา จนหล่อนต้องพูดเสียงแข็งใส่ว่าจะมาด้วยตัวเอง เขาถึงยอมเป็นฝ่ายขับรถตามมากับคุณหมอ



“โธ่! คุณพิม ขนมไว้ไปให้ที่โรงเรียนพรุ่งนี้ก็ได้ ไม่เห็นต้องลำบากเลย” ดารารัษมีบ่นเล็กน้อย ก่อนจะเป็นฝ่ายรับกล่องขนมมา



“ไม่ได้หรอกค่ะ ถ้าเอาไปให้พรุ่งนี้ก็เกรงว่าจะเสีย”



“เสีย?...ขนมอะไรคะนี่...หรือว่า...” ดูเหมือนดารารัษมีจะรู้ดีว่าขนมอะไรที่ราชนิกูลสาวเปรยว่าอยากจะทำมาฝากแต่ไม่ได้ทำเสียทีเพราะเกรงว่าจะเสียก่อนถึงมือคนรับ



“ข้าวเกรียบปากหม้อค่ะ” หญิงสาวจากวังฉัตรพูดแล้วยิ้มจาง ทว่าไม่ยอมหันกลับไปมองใครอีกคนที่ยืนเงียบๆร่วมกลุ่มด้วย ทั้งๆที่รู้แก่ใจว่าเขาคือคนที่ทำให้หล่อนตื่นแต่เช้ามาทำขนมเพื่อนำมาให้เขาในวันนี้



“ขอบคุณนะคะคุณพิม” ยังคงเป็นดารารัษมีแต่เพียงผู้เดียวที่พูดคุยกับหม่อมหลวงพิมพัชรา ในขณะที่อาทิตย์นั้นหันไปทักทายกับหมอภวัตและเภาเพียงเบาๆ ส่วนจันทร์จ้าวนั่งเงียบจิบกาแฟประหนึ่งไม่อยู่ในสังคมแต่อย่างใด



“คุณพ่อคุณแม่อยู่บนเรือนแน่ะค่ะ ขึ้นไปไหว้ท่านก่อนเถอะ” ดารารัษมีชักชวน และแทบจะในทันทีที่จันทร์จ้าวหันไปบอกน้องสาวด้วยน้ำเสียงราบเรียบ



“พี่ไม่ขึ้นนะ ไม่อยากเดิน”


ไม่มีใครสงสัยอะไร เพราะเป็นที่รู้กันดีว่าจันทร์จ้าวมีแผลหกล้มที่หัวเข่า ดารารัษมีและอาทิตย์เป็นคนพาแขกทั้ง ๓ ขึ้นเรือน และพอลับหลังทั้งหมดแล้ว จันทร์จ้าวผู้บอกกับน้องสาวว่า ‘ไม่อยากเดิน’ ก็ลุกจากโต๊ะใต้ถุนแล้วเดินหนีออกไปทางหลังเรือน นภาสรวงที่ออกจากห้องครัวมาพร้อมขนม จึงพบเพียงถ้วยกาแฟของพี่ชายวางทิ้งเอาไว้อย่างนั้น


........................................
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 12-11-2015 20:55:27 โดย Dezair »

ออฟไลน์ Dezair

  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 533
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1543/-8



จันทร์จ้าวนั่งเล่นรับลมอยู่ที่ซุ้มหลังเรือน ไม่ได้คิดจะสนใจแขกทั้ง ๓ ที่มา แม้ ๑ ใน ๓ จะเป็นสตรีผู้ไม่ได้มีเรื่องราวบาดหมางอะไรกับเขา แต่เขาก็รู้ดีว่าเธอไม่ได้มาเพื่อพบหน้าเขาอยู่แล้ว ขนมที่เธอถือมาฝาก ตั้งใจทำมาให้อาทิตย์ เรื่องนี้ไม่ว่าใครก็ย่อมทราบ แต่ ๒ พี่น้องบ้านวิชาญโยธินจะทราบไหม นั่นก็สุดแท้จะคาดเดา



...แต่ไม่ทราบก็ดี จะได้อกหักเอาตอนวินาทีสุดท้าย สมน้ำหน้านายเภา วิชาญโยธิน!!...



...ส่วนอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชรา ลองว่าใจตรงกันเช่นนี้ เห็นทีข่าวดีจะมาในอีกไม่ช้า คุณชายฉัตรดูเงียบขรึมไม่เกริ่นอะไรเรื่องอาทิตย์ก็จริง แต่ก็คงถูกใจอาทิตย์ไม่น้อย ฝั่งบิดามารดาของเขาก็คงไม่ขัดข้องอะไร เพราะอีกฝ่ายก็เป็นถึงราชนิกูลสาว มีการศึกษา มีฐานะ เหมาะสมทุกประการกับอาทิตย์...แล้วถ้าถึงวันที่อาทิตย์สมหวัง เขาและภวัต...จะกลับมาคุยกันได้เหมือนเดิมอีกไหม?...



พอความคิดหยุดมาถึงตรงนี้ หัวใจของเขาก็ปวดหนึบ หากแต่สุดท้ายชายหนุ่มก็ปัดมันทิ้งไปราวกับตัดใจ



...ช่างสิ จะคุยหรือไม่คุยก็ไม่เห็นจะมีประโยชน์อะไร ถึงไม่คุย เขาก็แค่กลับไปเป็นจันทร์จ้าวคนเดิม คนก่อนหน้านี้ที่ไม่เคยรู้จักหมอภวัตมาก่อนก็เท่านั้นเอง...



เมื่อคิดได้เช่นนั้น ร่างโปร่งจึงเอนหลังพิงพนักของซุ้ม เขาพยายามหันไปสนใจสิ่งอื่น และเวลานี้ก็ไม่มีอะไรน่าสนใจไปกว่าแผลถลอกที่หัวเข่าซึ่งเริ่มตกสะเก็ดทำให้คันยิบๆ จันทร์จ้าวยกหัวเข่าข้างที่ถลอกขึ้นมาดู ปกติเขาไม่ค่อยจะใส่กางเกงขาสั้นเสียเท่าไร แต่เพราะช่วงนี้เป็นแผล กางเกงขาสั้นสมัยที่ยังไม่ไปอเมริกาจึงถูกขุดขึ้นมาใส่ น่าดีใจที่มันยังพอใส่ได้อยู่ แต่ใส่แล้วรู้สึกเด็กลงอย่างไรชอบกล



“เมื่อไรจะหายสักที นี่ก็คันเหลือเกิน” เขาบ่นพึมพำ แต่รู้ดีว่าเกาไม่ได้ ดังนั้นจึงเอานิ้วเขี่ยๆดูเผื่อว่ามันจะพอช่วยดับอาการได้บ้าง



“ไม่มีใครบอกหรือ ว่าอย่าแกะสะเก็ดแผล” เสียงทุ้มคุ้นหูดังขึ้น ทำเอาคนได้ยินถึงกับชะงักแล้วเงยหน้ามองทันที เสียงที่เขาไม่คิดว่าจะได้ยินมาจากคนที่เขาพยายามหนีหน้าหลบมานั่งตรงนี้



...หมอภวัต...



ชายหนุ่มร่างสูงเดินเข้ามาในซุ้มแล้ววางจานกระเบื้องเล็กๆที่มีข้าวเกรียบปากหม้อลงตรงหน้าเขา



“คุณนภาแบ่งข้าวเกรียบปากหม้อฝากมาให้” ภวัตว่าอย่างนั้น แม้จะเคยพูดไปแล้วว่าเขาจะไม่พูดกับจันทร์จ้าวอีก แต่สุดท้ายเมื่อวันนี้ได้มาพบหน้า แต่ต่างฝ่ายต่างทำเป็นเมิน เขาก็ยิ่งไม่สบายใจ เมื่อตอนที่กลับลงมาจากไหว้ท่านนายพลเดชและคุณหญิงผกาแล้วพบว่าโต๊ะใต้ถุนเรือนมีเพียงถ้วยกาแฟวางทิ้งไว้ และนภาสรวงบอกกับน้องสาวแฝดว่าจันทร์จ้าวหายไป แม้จะไม่มีพี่น้องคนใดให้ความสำคัญเสียเท่าไร เพราะคิดเอาว่าจันทร์จ้าวคงเตร่ไปเตร่มาแถวนี้ แต่เป็นเขาเองที่ร้อนใจ เจ้าตัวขายังไม่หายดีก็ยังดื้อแพ่งเดินมาถึงนี่ แล้วเมื่อครู่นี้เขาก็เห็นกับตาว่ากำลังเกาแผลที่ตกสะเก็ด น่าตีเสียจริงๆ มือบอนไม่เข้าเรื่อง!!



จันทร์จ้าวยังคงนิ่งเงียบ ใจเขาอยากประชดให้เจ็บๆแสบๆว่าไหนเมื่อวานภวัตบอกเขาเองว่าจากนี้ไปจะไม่พูดด้วยอีก แต่แล้วทำไมวันนี้ยังมาพูดกับเขาเล่า? เขาหนีมาถึงนี่ก็ยังตามมาหาเรื่องกันอยู่ได้...ทว่าจันทร์จ้าวผู้ปากเก่งคนเดิมดูเหมือนจะหดหัวอยู่ในกระดองเสียแล้ว เพราะให้อย่างไรก็ไม่กล้าพูดออกไปเช่นนั้น หัวใจบอกเขาว่าหากพูดออกไป ภวัตอาจจะไม่มาที่นี่อีกเลย



ฝ่ายหนึ่งเงียบเพราะไม่กล้าพูดอะไรให้ผิดใจ ในขณะที่อีกฝ่ายมองอาการนิ่งเงียบและเอาแต่มองไปทางอื่นด้วยความรู้สึกปวดลึกไปทั้งอก



“ขอโทษเถอะ ที่ผมผิดคำพูดที่ว่าจะไม่พูดกับคุณอีก แต่พอดีคุณนภาวานให้ผมยกขนมมาให้ก็เท่านั้น” ภวัตโกหกเสียงเรียบว่านภาสรวงวานเขาถือขนมมา ทั้งที่ในความเป็นจริงเขาเป็นคนอาสา ด้วยเพราะอยากพบหน้าอีกฝ่าย ทว่าเมื่อมาพบแล้ว จันทร์จ้าวกลับไม่คิดจะหันมามองเขาแม้แต่น้อย สายตาของหมอภวัตที่เต็มไปด้วยความเจ็บปวดและความอึดอัดผสมปนเปจนน่าเวทนาจึงไปไม่ถึงอีกฝ่าย



คนขาเจ็บยังคงนั่งเฉยแล้วมองเมินไปทางอื่นประหนึ่งไม่มีภวัตอยู่ตรงนี้ด้วย และนั่นทำให้ความอดทนของนายแพทย์หนุ่มหมดลง เขาหมุนตัวแล้วเดินกลับออกไปโดยไม่หันกลับไปมองคนที่ซุ้มอีกเลย และเมื่อสิ้นเสียงฝีเท้าของภวัตแล้ว คนที่ทำเป็นมองไปทางอื่นตั้งแต่แรกก็เหลือบไปมองจานเล็กที่มีข้าวเกรียบปากหม้อจัดมาให้



...นภาวานให้ยกมาให้อย่างนั้นหรือ...หากไม่มีใครวาน ก็คงไม่ตามมา...



แค่คิดเพียงเท่านั้น ความรู้สึกบางอย่างก็จุกแน่นเสียจนร่างโปร่งต้องห่อตัวลงราวกับจะกักเก็บมันเอาไว้ คนที่เคยสง่าผ่าเผย มาวันนี้...สิ้นท่าเสียแล้ว...



........................................



ภวัตเดินกลับมาที่เรือนไทย พอดีเจอนภาสรวงออกมาจากห้องครัวอีกครั้ง หล่อนทราบแล้วว่าพวกเขามา ขึ้นไปพบหน้าตั้งแต่ตอนที่พวกเขาขึ้นไปไหว้ท่านนายพลและคุณหญิง พอลงมาพร้อมกัน หล่อนก็หายกลับเข้าไปในครัวเพื่อจัดขนมข้าวเกรียบปากหม้อฝากเด็กรับใช้ออกมาให้ภวัตใช้เป็นข้ออ้างในการตามหาจันทร์จ้าวนั่นเอง



 “ผมยกขนมไปให้คุณจันทร์น่ะครับ” เขาออกตัว กวาดสายตามองไปทั่วก็เห็นอาทิตย์และหม่อมหลวงพิมพัชรากำลังเดินดูต้นไม้กันอยู่ที่สนามหญ้าหน้าบ้าน



“แล้วคนอื่นๆล่ะคะ”



“คุณดาราวานให้นายเภาขึ้นไปคุยเรื่องรถกับคุณหญิง เห็นว่าคุณหญิงจะซื้อรถอีกคันก็เลยอยากจะปรึกษา”



ตอนที่เหลือเพียง เขา เภา หม่อมหลวงพิมพัชรา ดารารัษมี และอาทิตย์นั้น จู่ๆดารารัษมีก็ไหว้วานให้เภาขึ้นไปคุยกับคุณหญิงผกาอีกรอบทั้งๆที่เพิ่งลงมา ทั้งโต๊ะจึงเหลือเพียง ๓ คน ภวัตดูเหมือนตนเองเป็นส่วนเกิน เมื่อคนรับใช้ยกจานข้าวเกรียบปากหม้อออกมาจากครัว เขาจึงอาสายกจานของจันทร์จ้าวไปให้



“อ้อ เห็นคุณแม่ท่านเปรยอยู่ว่าจะบังคับพี่จันทร์ให้ซื้อรถเสียที ตอนเธอขาเจ็บ เธอไปไหนมาไหนเองไม่สะดวก ก็ยังสู้เดินออกจากบ้านไปขึ้นรถราง คุณแม่ยังบ่นว่าน่าจะขออาศัยรถคุณพงศ์ไปทำงาน แต่พี่จันทร์เธอว่าเกรงใจไม่อยากรบกวน”



คำพูดของนภาสรวงทำเอาภวัตสะท้อนวาบไปทั้งอก เขาแวะไปทำแผลให้จันทร์จ้าวทุกวันทั้งเช้าและเย็น แต่ไม่เคยมีวันไหนจะถามคนเจ็บว่าใช้ชีวิตอย่างไร เดินทางอย่างไร เขาไม่คิดว่าจันทร์จ้าวจะออกไปขึ้นรถเอง จากหน้าบ้านเช่าเดินไปให้ถึงถนนใหญ่ก็ใกล้เสียที่ไหน กว่าจะไปถึงรถรางอีกก็คงระหกระเหินพอดู



“พี่จันทร์น่ะ บทจะไม่พึ่งใครก็ไม่พึ่งเอาเสียเลยจนน่าห่วง คุณแม่ท่านก็เลยว่าจะบังคับแล้ว อย่างน้อยมีรถก็จะได้สะดวก” ภวัตได้แต่พยักหน้ารับด้วยใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเสียเท่าไร ชายหนุ่มรู้สึกว่าเป็นความผิดของเขาที่ถือทิฐิไม่ยอมถามอะไรเลยแล้วปล่อยให้คนเจ็บต้องเดินทางอย่างยากลำบากเช่นนั้น



สีหน้าของนายแพทย์หนุ่มอยู่ในสายตาของนภาสรวง หล่อนเห็นความไม่สบายใจของเขา แล้วพาลเป็นคิดถึงเรื่องที่พี่ชายของหล่อนก็ดูเหมือนจะไม่พอใจกับบทสนทนาที่โต๊ะอาหารเช้า ที่หล่อนและแฝดน้องพูดถึงหมอภวัต



“คุณหมอ...ทะเลาะอะไรกับพี่จันทร์หรือเปล่าคะ” ภวัตชะงักไปเล็กน้อยแต่ก็แสร้งยิ้มจาง



“เปล่าครับ” พวกเขา ๒ คนไม่ได้พูดอะไรต่อ เพราะเสียงฝีเท้าจากบันไดเรือนดังขึ้นเสียก่อน เสียงขอบคุณของดารารัษมีดังแว่วมา บอกให้รู้ว่าหล่อนและเภาลงมาแล้ว



“อ้าว! ยืนทำอะไรกันครับ แล้วคุณพิมล่ะ?” เภาลงจากเรือนมาเห็นพี่ชายและนภาสรวงยืนคุยกันก็เอ่ยปากถามพลางหันมองหาหญิงสาวอีกคนหนึ่ง



“นู่นแน่ะค่ะ ดูต้นไม้อยู่กับพี่อาทิตย์” นภาสรวงตอบแล้วบุ้ยหน้าไปทางสนามหญ้าหน้าเรือน เภามองตามในทันที ภาพของชายหนุ่มหญิงสาวที่ยืนเคียงกันพูดคุยและยิ้มแย้มทำให้ความริษยาพุ่งพล่านในใจ เมื่อครู่นี้ตอนที่ดารารัษมีไหว้วานให้เขาขึ้นไปกับหล่อน เขาเห็นว่าพี่ชายอยู่กับหญิงสาวผู้นั้นด้วย เขาจึงยอมลุกจากโต๊ะขึ้นไปพบคุณหญิงผกา ไม่คิดว่าพอเขาหายขึ้นไปบนเรือน นายอาทิตย์จะใช้วิธีอะไรก็ไม่ทราบพาคุณพิมออกไปชมนกชมไม้กัน ๒ คนเช่นนั้น!



“เรียกคุณพิมกลับเข้ามาตรงนี้ดีกว่าไหมครับ ข้างนอกนั่นร้อนจะแย่!” เภาพูดเหมือนออกความเห็น แต่เจ้าตัวหมุนตัวเดินตรงดิ่งออกไปที่สนามหญ้าโดยไม่ฟังคำทัดทานจากใคร ดารารัษมีและนภาสรวงมองหน้ากัน ส่วนภวัตก็ได้แต่ถอนหายใจเบาอย่างระอากับนิสัยของน้องชาย เขาจะไม่แปลกใจเลย หากสุดท้ายหม่อมหลวงพิมพัชราจะเลือกอาทิตย์มากกว่าเภา



บุตรชายคนเล็กของครอบครัววิชาญโยธินเดินเข้าไปพูดอะไรบางอย่างกับชายหญิงที่กำลังชื่นชมต้นไม้ดอกไม้อยู่ที่สนามหญ้า ก่อนที่ฝ่ายหญิงสาวจะยิ้มจางแล้วส่ายหน้าปฏิเสธ ๑ ครั้ง เภาก็พูดอะไรอีกหน หม่อมหลวงพิมพัชราก็ส่ายหน้าอีกเป็นครั้งที่ ๒ เภาก็ยังพูดต่อ และการปฏิเสธครั้งที่ ๓ ของสตรีแห่งวังฉัตร ทั้งดารารัษมี นภาสรวงและภวัตมองเห็นว่าใบหน้าหวานพริ้มเพรานั้นดูจะขึงดุราวกับหมดความอดทน เภาจึงหมุนตัวเดินกลับเข้ามาที่ใต้ถุนเรือนเพียงลำพังด้วยใบหน้าไม่สบอารมณ์เป็นอย่างยิ่ง



“คุณพิมว่าจะดูต้นไม้! ไม่เห็นจะมีอะไรน่าดู!!” เขาบ่น แต่พอเหลือบเห็นสองสาวแฝด ชายหนุ่มก็เหมือนจะรู้ตัวว่าต้นไม้ที่เขากำลังบ่นถึงนั้นเป็นต้นไม้ของบ้านรักษพิพัฒน์ และเวลานี้เขาก็ยังเหยียบอยู่ที่นี่เสียด้วย เขาถอนหายใจเบาแต่ก็รู้ตัวดีว่าหากยังอยู่ที่นี่ต่อไป เขาอาจจะทำตัวไร้มารยาทมากขึ้นเรื่อยๆ



“พี่ภวัต ผมเพิ่งนึกออกว่ามีงานที่ต้องจัดการนิดหน่อย เรากลับกันก่อนดีไหม”



“ได้” ผู้เป็นพี่รับคำสั้น เภาจึงหันมาลานภาสรวงและดารารัษมีแล้วเดินตรงดิ่งกลับไปรอที่รถ ดูก็รู้ว่าเขากำลังหัวเสียเพียงใด ภวัตอ่อนใจกับน้องชาย ก่อนจะหันมามอง ๒ สาวแฝด



“ขอโทษนะครับคุณนภา ตอนแรกสัญญาว่าจะร่วมมื้อกลางวันด้วยแท้ๆ”



“ไม่เป็นไรค่ะคุณหมอ ไว้โอกาสหน้าก็ได้ ว่างเมื่อไรก็มาได้ทุกเมื่อ ที่นี่ยินดีต้อนรับ” นภาสรวงพูดแล้วส่งยิ้มให้ชายหนุ่มอย่างเป็นมิตร



“ขอบคุณครับ คุณดารา...ผมจะขอขึ้นไปลาท่านนายพลกับคุณหญิงจะสะดวกไหม”



“คุณพ่อคุณแม่พักผ่อนอยู่แน่ะค่ะ คุณหมอกลับไปก่อนก็ได้ค่ะ ประเดี๋ยวดาราจะเรียนท่านให้เองว่าคุณหมอกับคุณเภาฝากลา” หญิงสาวว่าอย่างนั้น เพราะเห็นว่าเภาดูเร่งรีบอยากจะกลับเพียงใด



“ถ้าอย่างนั้นฝากลาและฝากขอโทษท่านด้วยนะครับ”



“ได้ค่ะ” สองสาวแฝดยกมือไหว้ชายหนุ่ม ภวัตจึงเดินไปลากับหม่อมหลวงพิมพัชราและอาทิตย์ ก่อนจะเดินกลับไปที่รถแล้วพาน้องชายออกจากบ้านรักษพิพัฒน์



นภาสรวงมองตามรถยนต์ของคุณหมอหนุ่มแล้ว ก็เปรยออกมาเสียงเบา



“แปลกนะ...คุณหมอเธอลาทุกคน ยกเว้นลาพี่จันทร์”



ติดตามตอนต่อไป (พฤหัสหน้า)

เนื่องจากว่ายุคสมัยนั้นเขาไม่ค่อยจะมีการชี้โพรงให้กระรอกสักเท่าไร หมอกับคุณจันทร์ก็เลยยังสับสนอลหม่านกับความรู้สึกนึกคิดของตัวเองอีกนิดนึง เดี๋ยวต้องหาทางส่งคนมาเบิกเนตรทั้งคู่ก่อน
แต่จริงๆแล้วปากคุณจันทร์นี่น่าตบ(จูบ)มากเลย แต่ตอนนี้ถือเป็นวันของเขา ยกให้เขาก่อน ไว้ถึงวันของหมอเมื่อไร เราจะคืนความสุขให้คุณหมอเอง รับรองคุณหมอจะได้คืนทุกบาททุกสตางค์แถมกำไรด้วยเลยค่ะ วะฮ่าฮ่า

ขอบคุณคนอ่าน คนเม้นท์ กำลังใจและพื้นที่บอร์ดด้วยค่ะ

เจอกันพฤหัสหน้า

ออฟไลน์ boboman

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1189
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +33/-2
จิ้มก่อนน้า
--------------------------------
อ่านตอนนี้แล้วเจ็บหน่วงในอกจริงๆ เลยอ่ะ สงสารหมอภวัต
แล้วที่นภาบอกว่าภวัตหน้าคล้ายจันทร์เพราะเขาเป็นเนื้อคู่กันไง~
รอวันของหมอนะ ฮาาาา
« แก้ไขครั้งสุดท้าย: 14-11-2015 03:38:21 โดย boboman »

ออฟไลน์ praewp

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 203
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
อ่านแล้วปวดใจเลย เมื่อไหร่จะดีกันสักที สงสารหมออ  :sad11:

ออฟไลน์ lizzii

  • เป็ดAthena
  • *
  • กระทู้: 6283
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +271/-2
อยากให้ดีกันเร็วๆ สงสารคุณจันทร์

ออฟไลน์ PetitDragon

  • เป็ดAphrodite
  • *
  • กระทู้: 4126
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +343/-5

ออฟไลน์ double9JH

  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1809
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +28/-7
หายสับสนไวๆนะคุณหมอกับจันทร์  :mew1: :mew1:

คิดกันไปเองทั้งสองคนเลยย :hao4:

ออฟไลน์ ๐๐ตะวัน๐๐

  • ๐๐๐ลูกตาล๐๐๐
  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1104
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +89/-3
สงสารคุณหมออออออ

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE






ออฟไลน์ Aomoto

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 97
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +1/-0
ติดตามและรอคอยวันพฤหัสให้มาถึงไวๆคะ ตอนนี้รู้สึกเครียดแทนคุณหมอ เมื่อไหร่จะดีกันซะที

ออฟไลน์ Autonomyz

  • เป็ดมัธยม
  • *
  • กระทู้: 161
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +10/-4
ปากจันทร์นี่น่าตบจริงๆ
ถ้าไม่ใช่คุณหมอภวัตผู้แสนใจดี ใจเย็น แล้วล่ะก้
คงมีบวกอ่ะงานนี้
บอกเลยจะไม่ทนนนน #แค่นี้ก็รู้ว่าเข้าข้างใคร 5555

ออฟไลน์ qilarsy39

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 240
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +6/-1
 :เฮ้อ: จันทร์เอ้ยยยยย
รอดูคุณหมอได้กำไร

ออฟไลน์ haemin

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 318
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +5/-1
คุณจันทร์นี่นาหยิกนักเชียว เอาแต่ใจปากเก่ง ท่าเยอะ สุดท้ายก็หงอย

ออฟไลน์ Smirnoff

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 1110
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +84/-1
อ่าวแล้วปวดหนึบๆที่ใจตามคุณหมอ  คืนความสุขให้คุณหมอเค้าหน่อยย หมั่นจันทร์มากอะ /ตีๆ

ออฟไลน์ me12inzy

  • เป็ดมหาวิทยาลัย
  • *
  • กระทู้: 458
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +9/-2
คุณจันทร์ปากหนักมากงะะ คุณหมอมาซบเราเร็ว :mew3:  ป่วยใจกันทั้งคู่

ออฟไลน์ Takarajung_TK

  • เป็ดHera
  • *
  • กระทู้: 931
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-2
น้องจันทร์คนดื้อ!!!

ออฟไลน์ Ryoooo

  • เป็ดEros
  • *
  • กระทู้: 3146
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +288/-2
เค้ามองว่าดีนะ
ความรู้สึกของทั้งสองคนจะได้ตกผลึก
เจ็บปวดบ้าง เวลารักกันจะได้หวานๆยิ่งขึ้น

เอาใจช่วยคุณหมอกับจันทร์น่าาา
พี่อาทิตย์ด้วย ชอบที่คุณพิมชัดเจนนกับนายเภา เยี่ยม

ออฟไลน์ aom2529

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 885
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +36/-0
อ่านแล้วน้ำตาจิไหล..มันหน่วงไปหมด.. :mew4:

ออฟไลน์ ์ำNeFuji

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 323
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +7/-0
โอ้ยยยยย ใจจะขาดดดดดดด

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด