[6]
ตอนที่6.
นกกับความจริงของปา
จากวันนั้นมาผมก็ไม่เจอวิญญาณผู้ชายคนนั้นอีกเลย ไม่ใช่แค่ผู้ชายคนนั้นนะครับไอ้ปาเพื่อนผมมันก็หายไปพร้อมกับวิญญาณเลย หรือไอ้ปาจะเป็นผีเหมือนกัน ไม่ๆ ผมสะบัดหน้าไล่ความคิดไร้สาระของตัวเองออกไป บ้าจริงเชียว ถ้าไอ้ปามันเป็นผีมันคงไม่พาผมไปที่วัดหรอก หระ หระ หรือว่า!! หลวงพ่อจะเป็น อ๊ากกกก!!! นรกกินหัวผมแล้ว!! ให้ตายสินี่ผมคิดแบบนี้ได้ไงกันนะ แต่ก็นะ ไอ้ปามันหายไม่ติดต่อผมมาเลยเนี่ยสิ ข้าวกล่องที่ผมทำมาก็เลยเหลือทุกวัน ไปไหนของมันก็ไม่รู้ ไม่รู้จักโทรหรือไลน์มาบอกกันเลย อ๊ะๆ ไม่ได้เป็นห่วงนะครับ ผมก็แค่......เสียดายของเฉยๆ อ๊าก!!! ผมไม่ได้ทำเสียงอ่อยซะหน่อย!! อย่ามาจับผิดผมน้า!!!!!
“อ้าว.......น้องนก มาทำอะไรตรงนี้คะเนี่ย” หือ ตรงนี้ ผมหันไปมองป้ายที่เป็นรูปประจำห้องน้ำหญิง ตายห่า!!!
“อะ แหะๆ พี่ฝ้าย พอดีผมคิดอะไรเพลินๆ น่ะครับ ไม่รู้มาโผล่ตรงนี้ได้ไง” ผมเกาแก้มตัวเองแก้เขินจนพี่ฝ้ายหัวเราะแล้วส่ายหน้าไปมา
“คิดเรื่องอะไรคะเนี่ยถึงเดินมาหน้าห้องน้ำหญิงได้” ผมก็ได้แต่ยิ้มให้พี่ฝ้ายเท่านั้น เพราะผมเองก็ไม่รู้ว่าควรจะตอบอะไรออกไปดี ตอนนี้ในหัวผมเอาแต่คิดถึงเหตุผลที่ทำให้ไอ้ปาหายไป
“เอ๊ะ!! หรือว่า น้องนกจะคิดเรื่องที่ไม่ดีๆ คะ”
ผมเบิกตากว้างตกใจกับความคิดของพี่ฝ้ายจนต้องรีบส่ายหน้าปฏิเสธ แต่พี่ฝ้ายสิครับ กลับหัวเราะผมเสียยกใหญ่
“ฮ่าๆ น้องนกเนี่ย แหย่เล่นแล้วสนุกเหมือนที่คุณปาบอกเลยนะคะ” หือ คุณปา??
“พี่ฝ้ายสนิทกับไอ้ปาหรือครับ” พี่ฝ้ายดูเหมือนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อได้ยินที่ผมถาม
“ก็พอรู้จักค่ะ ไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น” หืม......ผมหรี่ตามองพี่ฝ้ายด้วยความสงสัย หรือพี่ฝ้ายจะอกหัก
“ถ้างั้น.....พี่ฝ้ายพอจะทราบไหมครับว่าไอ้ปามันหายไปไหน” ผมมาทำงานวันนี้ยังไม่เจอมันเลย
“ค่ะ......ปาไม่ได้บอกน้องนกหรือคะว่าต้องเดินทางไปดูงานที่ต่างจังหวัด” ผมส่ายหน้าไปมาจนพี่ฝ้ายได้แต่ร้องอ้าว อย่าอ้าวเลยครับพี่ มันไม่บอกผมสักคำ
“บางทีปาอาจจะคิดว่ากลับมาทันก็ได้นะคะ คงไม่ได้ตั้งใจจะหายไปเฉยๆ หรอกค่ะ”
“ครับ.......ก็คงงั้น ถ้างั้น.....ผมขอตัวก่อนนะครับพี่ฝ้าย”
“เอ๊ะ? เอ่อ.......ค่ะ”
ผมอดยิ้มเยาะตัวเองไม่ได้ เพื่อนหรือ? ก็แค่บอกว่าไม่อยู่สักพักมันก็ได้ไหม เพื่อนกันมันก็ต้องบอกกันสิ แบบนี้......มันไม่เห็นจะเหมือนเพื่อนสักนิด หรือผมฝ่ายเดียวที่คิดว่ามันเป็นเพื่อน นั่นสินะ จะว่าไปตัวไอ้ปาเองก็รู้เรื่องของผมเยอะอยู่ มีแค่ผมฝ่ายเดียวที่ไม่เคยรู้อะไรเกี่ยวกับมันเลย ครอบครัวมีกี่คน มีพี่น้องไหม พ่อแม่ชื่ออะไร มันรู้หมดในชีวิตผม แต่ผม.....รู้แค่มันชื่อปา มาสมัครงานพร้อมผมแล้วได้งานพร้อมกัน แค่นั้น มันดูน้อยนิด แต่เมื่อก่อนผมไม่เคยเอะใจเลยกับเรื่องราวพวกนี้ เพราะผมเชื่อว่า ความเป็นเพื่อนมันไม่ต้องใช้ข้อมูลเลยคิดว่าเดี๋ยวมันอยากเล่าก็คงเล่าเอง แต่รอแล้วรอเล่าจนป่านนี้ที่ผมและมันเป็นเพื่อนกันมาสองปี ไม่มีเลยสักวันที่ผมจะได้ยินเรื่องนี้จากปากมัน
ตกลงเรายังเป็นเพื่อนกันอยู่ไหมวะปา หรือมึงไม่อยากเป็นเพื่อนกูอีกแล้ว
ทุกคนเริ่มพูดคุยกันหนาหูขึ้นถึงการกินข้าวคนเดียวของผม หรือการที่เหลือแค่ผมคนเดียวไร้วี่แววไอ้ปาข้างๆ เหมือนเดิม บางคนบอกว่าผมมันนิสัยไม่ดีไอ้ปาคงเบื่อนิสัยเสียๆ ของผมแล้ว ก็เป็นไปได้นะครับ ว่าแต่ พวกคุณมึงรู้จักกูหรือ บอกกูนิสัยไม่ดีเนี่ย หนักกว่ากูว่ากันว่าผมมาเกาะไอ้ปาแล้วไอ้ปาเกิดรู้ตัวเลยเลิกเป็นเพื่อนกับผม เอาสิครับ ผมล่ะอยากถามเหลือเกินว่า ไอ้ปากับผมก็จนพอกันจะไอ้เกาะแดกมันทำไม เหมือนกับว่า บ้านผมมีเกลือบ้านมันมีน้ำปลาไปแลกของมันมาก็เค็มพอกัน คนพวกนี้ไม่มีอะไรทำกันหรือไงน่ะ ไม่เข้าใจจริงๆ
ผมกลับถึงบ้านด้วยอาการเหนื่อยที่ตัวเองก็ไม่แน่ใจว่าเป็นร่างกายหรือจิตใจกันแน่ ผมเหนื่อยล้ากับการที่ต้องพยายามทำงานไม่สนใจเสียงซุบซิบนินทารอบข้าง ไอ้ผมน่ะอยากจะเดินไปถามเหลือเกิน ชีวิตพวกพี่ไม่มีอะไรทำนอกจากนินทาผมแล้วหรือครับ เหอะ!! แล้วไง กล้าหรือ ก็ไม่! นั่งแห้งอยู่ที่โต๊ะเหมือนเดิม ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเช็กอีกครั้งวันนี้เป็นครั้งที่เท่าไหร่ผมก็ไม่รู้ หวังว่าเพื่อนเพียงคนเดียวของผมจะโทรเข้ามาหรืออาจจะไลน์มาให้ผมได้เห็น แต่โทรศัพท์เครื่องสวยก็โชว์ให้เห็นเพียงภาพหน้าจอที่มีผมและมันยืนกอดคอยิ้มให้กล้อง มันเป็นรูปที่ผมกับมันถ่ายด้วยกันเป็นครั้งแรกและมันก็ดูดีที่สุดแล้ว หมายถึงหน้าผมนะครับ หน้าไอ้ปาไม่ต้องเลือกหรอกครับแม่งหล่อทุกรูปเลยมีแต่ผมนี่แหละเรื่องมากอยู่คนเดียว
กูคงไม่ได้ทำให้มึงเบื่อใช่ไหมวะ ไอ้ปา
กาแฟแก้วเดียวคืออาหารเที่ยงสำหรับผม เมื่อไม่มีเงาของไอ้ปามากินด้วยมันเหงาๆ น่ะครับผมเลยกินอะไรไม่ค่อยลงเท่าไหร่ สิ่งเดียวที่พอจะให้ผมมีแรงทำงานต่อไปได้คือกาแฟ เพราะช่วงนี้ผมนอนไม่ค่อยจะหลับด้วยเลยต้องกินกาแฟที่เข้มกว่าปกติ งานก็ใช่ว่าจะมากมายอะไรนักหนา แต่ผมเองที่ข่มตานอนให้หลับไม่ได้ ผมรู้สึกเป็นเอามาก ในหัวผมคิดไปต่างๆ นานา ถ้าหากมันไปดูงานที่ต่างจังหวัดอย่างที่พี่ฝ้ายบอกจริงๆ มันก็คงติดต่อผมมาแล้ว หรือว่าตัวมันจะมีปัญหาอะไร หรือจะเกิดอุบัติเหตุขึ้น!! สิ่งที่ผมคิดทำให้ผมกระสับกระส่าย อยากจะโทรหาแต่ใจหนึ่งก็ยั้งมือตัวเองเอาไว้
“เฮ้อ!!” ผมเองก็ได้แค่ถอนหายใจ ความคลุมเครือไม่ชัดเจนแบบนี้ผมยิ่งไม่ชอบเลย ไม่รู้ว่ามันจะกลับมาเมื่อไหร่ แต่ถ้าไม่เป็นอะไรก็คงจะดี
“ถอยหายใจคิดถึงกูอยู่หรือ” กลิ่นที่คุ้นเคยทำให้ผมหันไปมองข้างหลังทันที
“ไอ้ปา!!” ผมเบิกตากว้างแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง นี่ผมฝันไปหรือ
“โอ๊ย!!!”
ตายล่ะ เพราะความไม่มั่นใจว่าสิ่งที่ เอ่อ ไม่ใช่สิ ไอ้ปาที่ยืนตรงหน้าผมตอนนี้คือตัวจริงหรือฝันกันแน่จึงทำให้มือเจ้ากรรมหยิกหมับเข้าที่เนื้อตัวเองอย่างแรง เจ็บอ่ะ
“ฮ่าๆ ทำอะไรของมึงวะนก” เออ หัวเราะไปเถอะ ผมมองหน้ามันตาเขียว
“มาทำไม!!”
“เฮ้ย.....โกรธอะไรกูเนี่ย” สัตว์! โง่ต่อไปเถอะ คิดหรือว่าผมต้องบอกมันทุกอย่างว่าเป็นอะไร
“....” ผมไม่ชอบต่อล้อต่อเถียง ความเงียบคือสิ่งที่ดีที่สุด
“เฮ้ย....อะไรว้า! กูเพิ่งกลับมาเหนื่อยๆ ยังต้องมาโดนมึงโกรธกูอีกหรือ”
“....” เหอะ!! อมลมแก้มป่อง อมลมแก้มป่องงงง
“ว้า!! แย่จริง โดนโกรธแบบนี้สงสัยต้องเอาช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตที่ซื้อมาฝากไปให้คนอื่นซะแล้วสิ” ง่ะ ชะ ชะ ช็อกโกแลต,ช็อกโกเลต
“ให้ใครดีน้า.......ให้พี่ฝ้ายดีกว่า”
“อย่าน้า เอามาๆ” ผมรีบดึงแขนมันไว้ กลัวมันจะเอาไปให้คนอื่นจริงๆ ก็ของโปรดผมนี่ครับ
“อ้าว......ไม่โกรธกูแล้วหรือ”
“อื้อ” โกรธกูก็อดแดกดิ
“หึหึ มึงนี่น้า ไหนบอกมาดิ โกรธอะไรกู” ชิ ไม่บอกได้ไหมเนี่ย แต่ดูจากสายตามันคงไม่ยอมเลิกราง่ายๆ
“มึงหายไปไหนมาล่ะ” พูดแล้วโมโห โกรธมันต่อดีไหมเนี่ย!!
“กูหรือ?”
“ก็เออดิ มึงไปไหนไม่บอกกูเลย กูทำข้าวมาเผื่อมึงทุกวันๆ แล้วแม่งก็เหลือทุกวันๆ มันเสียดายของนะเว้ย!!”
“เฮ้ยๆ ไม่ใช่ล่ะ กูบอกมึงแล้ว” ตอแหล
“บอกกูตอนไหน กูไม่เห็นรู้เรื่อง นี่ถ้ากูไม่ได้ไปถามพี่ฝ้าย กูก็คงไม่รู้ว่ามึงไปต่างจังหวัด" แต่ท่าทางที่โบกมือไปมากับใบหน้าที่ขมวดคิ้วอย่างจริงจังทำให้ผมถึงกับงง
“กูไลน์ไปบอกมึงแล้วนะ อะ ไม่เชื่อใช่ไหม งั้นดูนี่”
ไอ้ปาเปิดโทรศัพท์ตัวเองให้ผมเห็นแอปพลิเคชันสีเขียวที่มีชื่อผมอยู่ภายใน จริงด้วย!! อย่างที่ไอ้ปาบอก แต่ที่ผิดคือมันพิมพ์มาจริง แต่ผมไม่ได้อ่าน! ด้วยความสงสัยทำให้ผมหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดแอปพลิเคชันตัวเดียวกันเพื่อจะเช็กดู
“ไง....กูบอกแล้วเห็นไหม” อย่างที่ไอ้ปามันบอก มันไลน์มาจริงๆ ด้วย แล้วทำไมไม่มีแจ้งเตือนขึ้นมาล่ะ
“ก็ ก็ มันไม่เตือนกูนี่” ผมบอกมันเสี่ยงอ่อย รู้สึกเหมือนว่าความผิดมันกลับมาเข้าตัวผมแทนเนี่ยสิ
“ไม่ต้องมาทำตาแป๋วใส่กู กูยึดช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตคืนดีไหมห๊ะ!!” หวา.....ไอ้ปาโกรธแล้ว ช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตของผมจะลอยไปแล้ว
“มึงจะเอาคืนไปจริงๆ หรือปา”
ปริบๆ
“ควรไหม...” ผมส่ายหน้ายิ้มเอาใจมันจนแทบจะเห็นฟันครบทุกซี่ จนไอ้ปาส่ายหน้าด้วยความอ่อนใจ
“หึหึ กูไม่เอาคืนหรอก แต่!!!”
“อะไรวะ?”
“แต่มึงต้องไปกินข้าวกับกู อื้ม.....3วัน” ผมกะพริบตาถี่ๆ เอียงคอมองมันอย่างไม่เข้าใจ
“ข้าวอะไรวะแดกตั้ง3วัน”
ป๊าบ!!“กวนตีน” ผมนี่แดดิ้นไปมาก็ไอ้ปาน่ะสิตบซะกะโหลกแทบจะยุบลงไปเลย
“ก็มึงบอกให้กูไปกินข้าวกับมึง3วัน กูผิดตรงไหน โอ๊ยๆ” มันจิ้มหน้าผากผมแบบไม่ยั้งมือเลยครับ
“ในนี้มันมีอะไรอยู่ข้างในวะ ใช่สมองไหม”
“ก็สมองดิ มึงจะให้กูเอาลอดช่องไว้ในหัวกูหรือ” อุ้ย ไอ้ปาตาเขียวเลยอ่ะ น่ากลัว ผมเลยเสมองไปทางอื่นทำหน้าตาไม่รู้ไม่ชี้ยกช็อกโกเลตขึ้นมากัดกิน สนใจของอร่อยดีกว่า คนหน้ายักษ์ไม่น่ามอง ว่าแต่ช็อกโกแลต,ช็อกโกเลตอันละสิบบาทกับของฝากของไอ้ปานี่รสชาติแตกต่างกันเยอะเลยครับ เพราะอันนี้อร่อยอ่ะ มีรสชาติขมๆ ด้วย อื้อออ มันฟินอ๊า~
ทุกอย่างเริ่มกลับมาปกติเพราะแค่ไอ้ปาเดินมาหาผมพร้อมของฝากและการพูดคุยที่ยังเหมือนเดิมก็ทำให้พวกจับกลุ่มนินทาก่อนหน้านี้หายไปกับสายลมอย่างไร้ร่องรอย แม้ผมจะได้รับสายตาอาฆาตอยู่บ้างก็ตามแต่มันก็ไม่ได้ร้ายแรงเท่าสายตาที่เขามองแบบสมน้ำหน้าหรอกครับ แค่นี้ไม่ทำให้ผิวหนังของน้องนกสุดหล่อคนนี้ระคาย นกทนได้คร้าบบบ แหม ก็พออารมณ์ดี รู้ว่าเพื่อนไม่ได้ทิ้งแต่เป็นเพราะความผิดพลาดมันก็สบายใจอ่ะ ทุกอย่างก็ดู ดี๊ ดี๊~ โลกนี่สดใสขึ้นมาทันตา แล้วพอทุกอย่างลงตัวแบบนี้นะครับ ไอ้ท้องของผมมันก็ดันร้องซะดังลั่นจนทุกคนต้องหันมามองผมอย่างเวทนาหาว่าจนขนาดไม่มีข้าวจะกิน คือไม่ใช่ครับ จริงๆ มันก็แค่พอเราสบายใจ จากที่กินอะไรไม่ลงมันก็ต้องหิวใช่ไหมล่ะ นั่นล่ะ ดีหน่อยที่มีของฝากของไอ้ปาอยู่ผมเลยได้แดกรองท้องไปพลางๆ ถึงไม่อิ่มแต่ก็เลี่ยนจนเอียนได้เหมือนกัน ความหวานของมันก็ช่วยให้ผมอยู่ท้องรอเลิกงานอ่ะครับถึงจะได้กลับไปกิน นี่วันนี้ก็ตกลงกับมันไว้นะครับว่าจะยอมให้มันไปค้างด้วย ลองไม่ยอมสิพ่อเล่นจะยึดแต่ของฝากคืนไปอยู่นั่นแหละ ก็รู้อยู่ว่าของชอบผมๆ มันก็ยังจะเอาคืน ชิ รอกูแดกจนหมดก่อนเถอะมึง เดี๋ยวมึงก็ไม่มีอะไรมาขู่กูได้แล้ว ฮ่าๆ
“เสร็จยัง” อะ อ้าว
“มึงไม่ทำงานหรือวะ”
“ไม่เป็นไรหรอก วันนี้กูเพิ่งกลับมา นี่กูกลับไปเอาเสื้อผ้ามาพร้อมแล้ว ไปกันเลยไหม” ไปห่าอะไร นี่ยังไม่เลิกงานเลย”
“เฮ้ย ไม่ได้ๆ กูทำงานอยู่” ผมบอกในขณะที่หันซ้ายหันขวากลัวพี่อาร์ตจะมาดึงหูจริงๆ
“เอาน่า วันเดียว ไปๆ เดี๋ยวกูเคลียร์เอง”
“เฮ้ย!! เดี๋ยวดิ” มันฟังที่ไหนครับ เก็บเอกสารผมวางเอาไว้บนโต๊ะเสร็จก็ลากมือผมออกจากออฟฟิศไป ทำไมมันเอาแต่ใจแบบนี้ล่ะครับเนี่ย งานนี้ผมจะไม่โดนเด้งใช่ไหม
“ขึ้นรถดิ” ผมยืนมองรถคันเดิมที่ไปส่งผมบ่อยๆ ในช่วงหลังก่อนจะเปิดขึ้นไปนั่ง
“ไปไหนวะ”
“ห้องมึง” ไอ้ปาตอบพร้อมกับตีนมันที่เหยียบคันเร่งจนรถถลาไปบนถนน
“มึงรีบไปไหมเนี่ย!! ถ้าเกิดกูโดนไล่ออกขึ้นมาทำไง”
“มึงจะกลัวอะไร กูอยู่ด้วยทั้งคน” มีมึงมันก็ดี แต่มีกินมันดีกว่า
“ถ้าพี่อาร์ตรู้ว่ากูหนีงานมาน่ะ มีหวังกูโดนไล่ออกแน่ๆ เลย” ผมลุกลี้ลุกลนกลัวว่าพี่อาร์ตจะโทรมาด่าเหลือเกิน แต่ดูมันสิครับ ผิวปากสบายอารมณ์จนน่าหมั่นไส้
“คิดมากทำไมว้า เอาอย่างนี้ ถ้ามึงโดนไล่ออกมาทำงานให้กู เดี๋ยวกูจ้างมึงเอง” ผมเลิกคิ้วมองไอ้ปาที่ดูไม่ทุกข์ร้อน
“งานอะไรวะ?”
“หึหึ เฝ้าห้องให้กู”
“ไอ้เหี้ยปา กูไม่ใช่หมานะ!!!” มันคิดได้ไงครับ จะเอาผมไปเฝ้าห้องมัน หน้ากูเหมือนหมาเฝ้าบ้านหรือ!!
“เฮ้ย กูไม่ได้จะว่ามึงเป็นหมา”
“ไม่ใช่หมาแล้วอะไร!!” มันก็เป็นได้แค่หมาอ่ะ จะคิดเป็นอย่างอื่นได้อีกหรือ
“เป็น มะ มะ”
“มะ อะไรวะ!! มะกรูด มะนาว มะพร้าว??”
“มะ แมวเว้ย!! หมายถึงแมว”
“เออ แล้วไป” พูดให้จบก็สิ้นเรื่องก็แค่แมว แล้วมันจะหน้าแดงทำไมวะนั่นไม่เข้าใจเลย สงสัยจะเข้าวัยทองแล้วมั้งเพื่อนผมอารมณ์ไม่ค่อยจะคงที่เลย
ไอ้ปาเลี้ยวรถเข้าจอดหน้าแมนชั่นผมพอรถจอดสนิทผมกับมันก็พากันลงจากรถ ผมหอบเอาถุงของฝากมันติดมือมาด้วยอยู่แล้วครับ ทิ้งไว้เดี๋ยวหาย ส่วนไอ้ปามีเพียงกระเป๋าที่ใส่เสื้อผ้ามันมาเท่านั้น แต่ดูๆ แล้วไม่เหมือนมาค้างบ้านผมนะ เหมือนเด็กจะไปค่ายมากกว่า พอคิดแบบนั้นผมเองก็อดที่จะขำไม่ได้ ภายใต้ความหล่อที่ชวนหลงใหลยังคงเก็บซ่อนเด็กชายตัวน้อยเอาไว้สินะ
แกร็ก...“เข้ามาดิ” ผมเปิดประตูอัญเชิญเพื่อนตัวใหญ่ที่ยืนอยู่หน้าห้องไม่ยอมเข้ามาสักที อะไรของมัน ก่อนหน้านี้ล่ะอยากจะมาค้าง ทีตอนนี้ล่ะยืนเฉยอยู่หน้าห้อง
“หะ?? อ๋อๆ เออ โทษที”
แปลก.....ปกติไอ้ปาไม่เคยเหม่อลอยแบบนี้ ผมได้แต่มองมันที่พยายามทำตัวปกติ หรือมันปกติจริงๆ แล้วผมคิดมากไป มันก็เป็นไปได้ ไอ้ปาวางกระเป๋าหน้าตู้ จัดการเอาทุกอย่างออกจากกระเป๋าแล้วยัดใส่ตู้ผม บ้าไปแล้ว!!
“นั่นมึงขนมาทั้งบ้านเลยไหม” ตัวสองตัวยังพอว่า นี่มันแทบจะเหมามาทั้งโรงงานเลย
“เกือบแล้วแหละ แต่กูเก็บไว้บ้าง เผื่อมึงไปค้างห้องกู”
“ไม่ไปหรอก ไปค้างห้องมึงคืนแรกตื่นมากูไปอยู่บนระเบียง มึงยังคิดว่ากูจะไปอีกหรือวะ” ผมยังจำได้ไม่ลืมวันนั้นที่แทบจะตกตึกตาย ดีที่มันช่วยผมไว้ทัน ไปอีกรอบมีหวังตกลงมาตายจริงๆ แน่ๆ
“เฮ้ยๆ นั่นเขาตามมึงมา ไม่เกี่ยวกับห้องกูเลย”
ผมไม่สนใจจะต่อล้อต่อเถียงมันอีก ได้แต่ส่ายหน้าให้มันเห็นว่าผมไม่อยากจะพูดเรื่องนี้อีก ผมเดินไปที่ตู้เย็น หาอะไรมาทำให้เพื่อนผู้หิวโหยของผมที่ยังคงวุ่นอยู่กับตู้เสื้อผ้าผมไม่เลิก
“มึงจะกินอะไรวะ!”
“อะไรก็ได้ มึงทำมาเลย”
“เฮ้ย!!!!”
ผมรีบวิ่งไปหาไอ้ปาที่กำลังรื้อลิ้นชักตู้เสื้อผ้าผม หนำซ้ำยังหยิบยกเอากางเกงในผมมาดมดูอีก นี่ถ้าไม่ติดว่าเป็นเพื่อนกันมา ผมคงนึกว่ามันเป็นโรคจิตแน่ๆ มีที่ไหนมาดมกางเกงในชาวบ้านเขา ผมดึงกางเกงในออกจากมือมันอย่างรวดเร็ว
“ทำบ้าอะไรของมึงวะ!! จะดมหาอะไร!!”
“อะไร? ก็ดมดูเฉยๆ ว่าซักหรือยัง” ไอ้ปาถามหน้าซื่อๆ ราวกับไม่รู้ว่าตัวเองทำอะไรผิด
“ไม่ต้องดม กูซักแล้ว!!” บ้าเอ๊ย!! นี่มันของส่วนตัวนะ
“แล้วบ็อกเซอร์ล่ะ ไว้ตรงไหน”
“ลิ้นชักทางขวา แล้วก็ห้ามดมอีกนะ!!!”
ผมพูดดักทางเอาไว้ก่อนมันไว้ใจไม่ได้ครับ เดี๋ยวพอเผลอก็เอามาดมอีก ผมเดินกลับไปที่ตู้เย็นอีกครั้งไอ้ปาที่ได้ยินผมพูดก็เอาแต่หัวเราะทั้งที่มือยังคงง่วนอยู่กับการเก็บเสื้อผ้าตัวเอง
ผมลงมือหุงข้าวหันผักหันเนื้อเตรียมของให้พร้อมเพื่อจะทำอะไรกินกับไอ้ปา จะว่าไปผมเองก็ไม่มีเพื่อนมาเยี่ยมบ้านมาก่อนเลยแฮะ ไอ้ปาเป็นคนแรกเลยที่มาค้างบ้านผมแบบนี้ พอคิดแบบนั้นก็ตื่นเต้นขึ้นมา
“ทำอะไรกินวะ”
“เหี้ย!!!”
ผมตกใจเมื่ออยู่ๆ ไอ้ปาก็มายืนซ้อนหลังผมแถมยังกระซิบอยู่ข้างๆ หูของผมอีก คนกำลังคิดอะไรเพลินๆ แท้ๆ
“อะไรของมึงวะ ฮ่าๆๆ ขวัญอ่อนจริง แล้วตกลงทำอะไรกิน” ไอ้ปากุมท้องหัวเราะอย่างขบขันที่ผมตกใจ
“ต้มยำทะเลน้ำข้น กับไข่เจียวหมูสับ”
“โห.......เห็นแล้วน้ำลายไหล” ก็ ก็แล้วทำไมต้องมามองหน้าผมละเนี่ย
“มึงไปนั่งรอดิวะ เดี๋ยวก็ได้กินแล้วน่า” ด้วยความรู้สึกแปลกๆ ที่มีมันยืนซ้อนหลังทำให้ผมต้องออกปากไล่ให้มันไปนั่งรอ ไอ้ปายักไหล่ยอมเดินไปนั่งรอที่โต๊ะอย่างเรียบร้อย แต่สายตาของมันก็ยังคงไม่เลิกจับจ้องผม การทำอาหารหรือทำอะไรก็แล้วแต่ถ้ามีคนมานั่งจ้องยืนต้องเราจะเขินจนทำตัวเปิ่นๆ ออกไป เคยเป็นกันใช่ไหมครับ ยิ่งผมที่เป็นคนไม่มีความมั่นใจในตัวเองแบบนี้แล้วด้วยผมยิ่งประหม่าไปกันใหญ่
เพียงไม่นานอาหารน่าทานสองอย่างก็ถูกจัดลงบนโต๊ะ โดยมีไอ้ปาทำหน้าตาราวกับว่าไม่เคยกินอาหารพวกนี้มาก่อน เวอร์จริงเพื่อนใครวะ
ผมวางกับข้าวลงบนโต๊ะเสร็จก็ลุกขึ้นไปหยิบจานออกมาจากตู้สองใบเพื่อตักข้าวใส่ ข้าวสวยร้อนๆ ถูกตักใส่จานควันลอยจนเข้าหน้าเข้าตาผมแต่ไม่ใช่ปัญหาครับ เพราะกลิ่นหอมที่ลอยฟุ้งอยู่ในห้องต่างหากที่ทำให้น้ำย่อยในกระเพาะผมเริ่ทำงาน
“อื้อหือ!!! หอมมมมมมมม”
“หอมก็กินดิวะ สูดแต่กลิ่นแล้วอิ่มหรือมึงอ่ะ” จานข้าวแทบจะปลิวลงบนหัวผมเมื่อไอ้ปายกขึ้นมาด้วยความหมั่นไส้
“เดี๋ยวกูเทใส่หัวมึงเลยนี่” ผมนั่งตักข้าวเข้าปากเงียบๆ โดยลอบสังเกตท่าทีของไอ้ปาไปด้วย ดูมันมีความสุขกับการทานอาหารที่ผมทำมาก เพราะหลายๆ ครั้งที่มันทำเหมือนกับว่าไม่เคยมีใครทำให้กิน แต่คงไม่ใช่หรอก.....คนอย่างไอ้ปาคงมีคนทำให้กินเยอะแล้ว บ่อยด้วย ดูจากวันนั้น........ที่มีนักศึกษาฝึกงานเอาข้าวกล่องมาให้สิ
เดี๋ยวนะ!! แล้วทำไมผมต้องเอาเรื่องวันนั้นมาคิดด้วยนะ บ้าจริงๆ
ผมส่ายหน้าอย่างแรงเพื่อไล่เรื่องบ้าๆ ให้ออกไปจากหัว ดันเผลอคิดเรื่องไม่เป็นเรื่องระหว่างกินข้าวเสียแล้วสิ คิดได้ยังไงกันนะ แต่ไม่รู้ทำไม แต่คิดว่ามันกินข้าวของใครคนอื่น......มันทำให้ผมรู้สึกหน่วงๆ ที่ใจแปลกๆ
“เป็นไรวะไอ้นก เดี๋ยวส่ายหน้า เดี๋ยวขมวดคิ้ว มึงไม่สบายหรือ” ผมเผลอกำช้อนในมือจนแน่น เสียงไอ้ปาทำให้ผมนึกถึงเหตุการณ์เมื่อเที่ยงของวันนั้น วันที่มันไม่กินข้าวกล่องของผม
“เปล่าวะ กินข้าวต่อเถอะ”
ไอ้ปามองหน้าผมอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ยอมทานอาหารต่อ ผมก้มหน้าก้มตาทานต่อเรื่อยๆ ทั้งๆ ที่เหมือนมีอะไรมาจุกอยู่บริเวณลำคอแท้ๆ จะกลืนข้าวยังลำบาก ขอบตาพาลร้อนผะผ่าวขึ้นมาจนต้องกะพริบตาถี่ๆ เพื่อไล่หยาดน้ำที่ตั้งท่าจะไหลรินให้หายไป อย่าบ้าน่า.....กับเรื่องแค่นี้ ไม่เห็นจำเป็นต้องร้องไห้เสียงหน่อย ผมเหลือบมองไอ้ปาที่ทานข้าวไปเล่นมือถือไปพลาง มันดูไม่ทุกข์ร้อนอะไร ผมไม่รู้ว่ามันคุยกับใครหรือทำอะไร แต่มันก็ดูมีความสุขกับพื้นที่เล็กๆ ของมัน ส่วนผม ก็แค่เงียบเหงาอยู่ในส่วนเล็กๆ ของตัวเองก็ดีแล้ว
ผมเก็บจานชามมาล้างทำความสะอาดในขณะที่ตัวไอ้ปานั่งดูทีที่มีช่องเคเบิลฟรีจากแมนชั่นของผม มันอาจจะไม่มีช่องมากมายแต่ก็พอจะมีหนังมีกีฬาให้ไอ้ปาได้ดูเล่น ขายาวเหยียดอย่างสบายอารมณ์อยู่บนเตียงนอนที่เจ้าตัวกินเสร็จก็กระโดดขึ้นไปนอนพร้อมรีโมททีวี ส่วนผมก็ทำหน้าที่เจ้าบ้านยืนล้างถ้วยล้างชามต่อไป ผมหูกระดิกเมื่อหนังที่กำลังฉายอยู่เป็นแอคชั่นเรื่องโปรดที่ผมไม่ยอมพลาดเด็ดขาด
“ไอ้นกๆ หนังโปรดมึงมาวะ!!” เสียงเรียกดังขึ้นจนผมต้องเอี้ยวดังไปถาม
“เรื่องอะไรวะ”
“Taken โว้ย!! รีบๆ ล้างแล้วมานอนดูกับกูดีกว่า” ประเสริฐจริงๆ เพื่อนผมสั่งให้รีบล้างแล้วไปนอนดูกับมัน มีที่ไหนครับแบบนี้ แทนที่จะลุกขึ้นมาช่วยผม แต่อย่าว่ามันเลยครับ แค่ได้ยินชื่อหนังผมก็ล้างจนมือเป็นระวิงแล้ว กลัวจะดูไม่ทัน
“เสร็จแล้วๆ!!!”
พอล้างมือเสร็จผมก็กระโดดขึ้นเตียงทันที ดีชะมัดที่มาทันเวลา ผมชอบเนื้อเรื่องของเรื่องนี้ ที่เป็นเรื่องราวของพ่อผู้ที่เดินทางไปตามหาและช่วยลูกสาวคนเดียวออกมา ดูทีไรก็อยากจะกลับไปกอดพ่อผมทุกที น้ำตาจะไหล
“ล้างมือยังวะ” เอ้า......ไอ้นี่!!!
“ล้างแล้วดิวะ” ผมไม่ได้หันไปมองมันหรอก สนใจหน้าจอมากกว่า
“มึงนี่เก่งเนอะ” เก่ง? เก่งอะไร
“หะ???” ผมหันไปมองมันอย่างไม่เข้าใจ แต่แทนที่จะได้สบตา กลับเห็นว่ามันเอาแต่มองหน้าจอทีวีอยู่
“ก็นี่ไง......อาหารก็เป็น งานบ้านก็เก่ง”
“........”
“ใครได้มึงเป็นแฟน.......โชคดีฉิบหาย” ผมหลบสายตาที่จ้องมองมาตรงๆ ไม่รู้ทำไมผมรู้สึกแน่นบริเวณหน้าอกจนหายใจแทบไม่ออก
“อย่าเวอร์น่า อย่างกูคงไม่มีใครมาสนใจหรอก” แม้จะไม่ได้หันไปมอง แต่หางตาผมก็ยังเห็นว่าไอ้ปามองมาและส่งยิ้มให้
“แล้วถ้าเกิดวันหนึ่งมีคนมาสนใจมึงล่ะ” ถ้าเกิดมีก็ดีนะสิ
“ฮ่าๆ ถ้ามีกูก็คงยินดีเป็นแฟนเขาเลยมั้ง ถ้าเขาอยากโชคดีแบบที่มึงว่ามานะ” แต่จะไปมีได้ไงกันคนแบบนั้น ผมได้แต่หัวเราะไปกับความคิดของไอ้ปา
“แล้วถ้ากูอยากโชคดีล่ะ” ไอ้ปาส่งยิ้มหวานเยิ้มให้ผม
“...!!!” มือหนาลูบไล้แก้มผมอย่างแผ่วเบา ในขณะที่ผมยังคงอึ้งอยู่
“ถ้ากูอยากจะโชคดี........มึงจะยินดีเป็นให้กูไหม”
ผมไม่รู้ตัวอะไรเข้าสิงมัน ไม่รู้ว่ามันเล่นบ้าอะไร แต่ผมที่หันกลับมามองทีวีเลิกสนใจที่จะตอบคำถามได้แต่ฟังเสียงหัวเราะเบาๆ ของมันที่อยู่ใกล้ๆ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าผมหน้าแดง ความร้อนแล่นขึ้นหน้าขนาดนี้ผมน่ะรู้ดีเลยล่ะ ตกลงTaken จบยังไงไม่รู้ แต่หัวใจผม จบตั้งแต่ไอ้ปาพูดมันออกมาแล้ว ไอ้เพื่อนบ้า.......ไอ้หมาขี้อ่อย กูไม่ใช่ผู้หญิงนะโว้ย!!!!
50%
กรี๊ดดดด พี่ปาขา อย่ารุกแรง ใจแมวไม่ไหวแล้วนะเจ้าคะ
กราบขออภัยในความเลินเล่อของแมวที่ลืมไปว่าเมื่อวานนี้คือวันศุกร์ และแมวจะต้องลงนิยาย แง๊ แต่ไม่ต้องห่วงนะคะ กำหนดยังคงเดิม พาร์ทหลังจะมาต่อให้พรุ่งนี้ ส่วนตอนที่7 เจอกันวันศุกร์หน้าน้าาา
โปรดวางปลาทูและของเล่นแมวด้วยเจ้าค่ะ เมี๊ยว~ปากินนก