JKL THE SERIES: LOVE 27.03.2018 (END)
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด

สนใจโฆษณาติดต่อ laopedcenter[at]hotmail.com คลิ๊กรายละเอียดที่ตำแหน่งว่างเลยครับ

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด

ผู้เขียน หัวข้อ: JKL THE SERIES: LOVE 27.03.2018 (END)  (อ่าน 19928 ครั้ง)

ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; FOR YOU 22.01.2018
«ตอบ #30 เมื่อ22-01-2018 11:35:25 »

ฮื่อ ภาษาดีมากเลย ชอบตอนเขียนจดหมายมากๆ คลาสสิกสุดๆ
เป็นกำลังใจให้นะคะ

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: JUST; FOR YOU 22.01.2018
«ตอบ #31 เมื่อ22-01-2018 12:13:21 »

เธอวางแผนไว้หรือเปล่า

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: JUST; FOR YOU 22.01.2018
«ตอบ #32 เมื่อ22-01-2018 18:08:18 »

เปิดใจคุยกันเถอะ ต่างคนต่างเศร้า

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; ASK 23.01.2018
«ตอบ #33 เมื่อ23-01-2018 08:55:39 »

Just…Ask;
๑๖. วอนขอ



เสียงหวานสะอื้นแว่วเพียงแผ่วเบา ดังสายลมพัดผ่าน

ใครร้องไห้
‘พี่ชาย...’

ใคร
มีเพียง ‘คนเดียว’ ที่เรียกอย่างนี้หรือมิใช่

‘คนเดียว’ ที่หัวใจเพ้อพร่ำเรียกหา
หากยิ่งฝืน สติยิ่งจมลึก พร่าเลือน ขาดหาย.........

จมดิ่งสู่ความเย็นยะเยือก เหน็บหนาว มืดมิด
หากเหมือนกำลังก้าวเดินล่องลอย จะไปที่ใด

‘พี่ชาย...’
เสียงเรียกฉุดรั้ง กำลังจะไปที่ใด

‘อรุณ….’
น้องพี่ อยู่ที่ไหน เราอยู่ที่ไหน ต้องกลับไป มีคนรอ

สัมผัสอบอุ่นแทรกซึมแทนที่ หากอาการปวดร้าวศีรษะก็กลับมาร้าวลึกชัดเจน หากรู้ กลับมาแล้ว ที่เดิม ห้องเดิม มาได้อย่างไร แสงอาทิตย์ยามเย็นทอแสงสีส้มสวยสาดส่องทางตะวันตก ห้องสีขาวถูกแต่งแต้มเรืองรอง เสียงหายใจแผ่วเบาข้าง ๆ ทำให้หันไปมอง คนที่นั่งหลับฟุบอยู่ข้างเตียง แม้เรือนผมจะปกปิดใบหน้าหวานกว่าครึ่ง
หาก...คนที่แจ่มชัดในหัวใจ แจ่มชัดในความทรงจำ อย่างไรก็คงยังเป็นเช่นนั้น
 
เสียงนี้สินะ ที่เพรียกหา
เสียงนี้สินะ ที่ทำให้ย้อนคืนกลับมา

สัมผัสที่อบอุ่นส่งผ่านจากมือเล็กที่เกาะกุม

แม้ว่าอย่างไร ไม่ว่าอย่างไร
น้องน้อยก็ยังคงรัก แม้จะเป็นความรัก เฉกเช่นครอบครัว ดังเช่น ‘พี่ชาย’

เพียงพอแล้วต่อหัวใจ
แม้ว่าเลือกสิ่งใด เขาก็ยังเป็น ‘พี่ชาย’ ดังเดิม
หรือมิใช่

พอแล้ว พอใจแล้ว
ไม่ขอสิ่งใดมากไปกว่านี้ น้องเสียสละมาพอแล้ว
ไม่ว่าน้องน้อยของพี่เลือกสิ่งไหนก็พร้อมยอม

หากแต่ยังหวนคิด ‘ทางเลือกที่สาม’
คงสายไปแล้ว ใช่หรือไม่
 
พยายามข่มใจอย่างยิ่ง แต่ก็สุดกลั้นอาการไออย่างหนักของตน

“พี่ชาย” ร่างบางจึงสะดุ้งตื่น เงยหน้าขึ้นมองอย่างรวดเร็ว

“พ..พี่ ไม่เป็นไร” นึกโทษตัวเองที่หยุดไอไม่ได้ จนอีกคนต้องรีบคว้าแก้ว และช่วยประคองขึ้นให้ดื่มน้ำ

“จิบน้ำสักนิด เถอะครับ ค่อย ๆ” ขมคอยิ่งนักหากฝืนกลืนเพราะคนตรงหน้า น้ำอุ่นช่วยบรรเทาอาการระคายคอได้เป็นอย่างดี จึงส่งแก้วกลับให้ คนที่นั่งบนเตียงกลับใช้มือเกลี่ยเช็ดน้ำมุมปากให้ก่อนที่จะรับแก้วไปวาง


“ยังปวดหัวไหมครับ” จึงได้แต่พยักหน้า

“รอสักครู่” น้องเดินหายไปทางประตูพักเดียว แล้วจึงย้อนกลับมา

“ให้นวลเตรียมข้าวต้มไว้แล้ว เดี๋ยวทานเสียหน่อย จะได้ทานยา ยังมีไข้อยู่ไหมครับ” มือบางสัมผัสที่หน้าผากอย่างรวดเร็ว

“เดี๋ยวทานข้าวต้ม ทานยาเสร็จค่อยเช็ดตัวนะครับ ยังมีไข้ต่ำ ๆ ”

“ตามหมอฝรั่งมาช่วยตรวจดูอาการแล้ว ไข้หวัดใหญ่ ต้องรอดูอาการปอดบวมแทรกซ้อนด้วย”

“ทำให้อรุณต้องลำบาก” คนกำลังพูดชะงัก ห้องทั้งห้องเงียบจนได้ยินแม้เสียงหายใจ ก่อนที่อีกคนจะฝืนตอบ

“ไม่เป็นไรหรอกครับ” หากแต่สายตาที่ส่งกลับมาใหม่ไม่เหมือนเดิม จนเสียงเคาะประตูดังขึ้น

“นวลหรือ เข้ามาสิ”

“ค่ะคุณ ข้าวต้มกับยา”

“ส่งมาเดี๋ยวฉันจัดการเอง”

“ไม่เป็นไรหรอกอรุณ ไปพักเถอะ ให้นวลดูแลต่อก็ได้” สายตาคมกริบ ยากจะคาดเดาหันมาสบเพียงเสี้ยววินาที ก่อนจะแย่งชามข้าวต้มมาจากนวลที่ทำหน้าลำบากใจ

“นวลออกไปก่อน ฉันดูแลเอง มีอะไรแล้วจะเรียก” แล้วข้าวต้มก็เดินทางมาถึงเตียงพร้อมคนที่ให้ความสนใจเพียงทำให้ข้าวต้มตรงหน้าเย็นลง ก่อนที่วางชามไว้โต๊ะข้างเตียง และเข้ามาช่วยประคองให้ลุกขึ้นนั่งอีกครั้ง

“ทานก่อนเถอะครับ จะได้ทานยา” แล้วช้อนก็ถูกยื่นมารอที่ปาก หากรับประทานได้เพียง สองสามคำก็ฝืนกลืนต่อไม่ไหว จึงส่ายหน้าปฏิเสธ

“มันขมคอ”

“อีกสามคำนะครับ รองท้องไว้หน่อย ยาจะได้ไม่กัดกระเพาะ”


โดนล่อหลอกอย่างนี้ มาเรื่อย ๆ จนรู้ตัวอีกที ข้าวต้มก็น่าจะใกล้หมดชาม จึงทิ้งตัวลงนอน คนป้อนแม้จะยอมละความพยายาม แต่ก็ขู่ต่อ

“อย่าเพิ่งนอนนะครับ ฝืนสักนิด นอนทับตะวันจะฝันไม่ดี”

“ทานยา เช็ดตัวสักหน่อยจะได้นอนยาวทีเดียว” ก่อนที่จะถูกดึงขึ้นจากที่นอนอีกครั้ง เพื่อทานยาอีกรอบ

“เอนหลังไว้อย่างนี้ก่อนครับ จะไปเตรียมน้ำกับผ้าเช็ดตัว” แล้วคนพูดก็ยกถาดอาหาร และยาออกไป พร้อมกลับมาพร้อมอ่างน้ำใบเล็ก

“ไม่ต้องหรอกอรุณ ตามนายกรอบมาก็ได้”

“นายกรอบไม่อยู่ครับ ใช้ให้ไปซื้อของ”

“ตามจ้อยก็ได้”

“จ้อยเป็นเด็กติดไข้มาจะทำอย่างไร”

“พี่ไม่อยากรบกวน” ไม่อยากต้องฝืนใจใคร และกลัวหัวใจตัวเอง กลัวความใกล้ชิดยิ่งนักสำหรับคนที่กำลังจะหักห้ามใจ



หากแต่สายตาเช่นเดิมที่ถูกส่งมาทำให้ยอมจำนน บุคลิกนี้ห่างหายไปนาน เห็นครั้งสุดท้ายตั้งแต่งานของท่านพ่อและแม่จ๋า
ไม่ใช่คนเอาแต่ใจ หากเด็ดเดี่ยวยิ่งนัก เมื่อตั้งใจจริง

ความร้อนระอุของร่างกายถูกผ้าเช็ดตัวชุบน้ำเย็นดูดซับไป อาจเพราะสบายตัวขึ้นมาก และอาจจะด้วยฤทธิ์ยา จึงทำให้หลับไปอีกครั้งโดยไม่รู้ตัว

นับเป็นคืนที่สามที่แทบไม่ได้ลุกจากเตียงไปไหน เพราะกลัวคนดูแลดุ ทั้ง ๆ ที่อาการดีขึ้นมากแล้วก็ตาม แม้ในขณะนี้เจ้าตัวไม่อยู่ ก็ยังส่งลูกสมุนมาคอยเฝ้า

“ตื่นแล้วหรือครับ” เมื่อมองหาคนที่เคยอยู่เฝ้าประจำที่เกือบไม่เคยย่างกรายออกไปจากห้อง

“คุณ ต้องทำงานแทนคุณชาย ออกไปที่ห้องทำงาน เดี๋ยวก็มา”

“แล้วเราทำอะไรอยู่” เจ้าจ้อยก้มตัวขยุกขยิกอยู่ข้างเตียงจนต้องชะโงกตามลงไปดู

“ทำการบ้านน่ะสิ คุณให้มานั่งทำที่นี่ เฝ้าคุณชายแทน” เหมือนจะเป็นการบ้านศิลปะอะไรสักอย่าง ที่ดูอย่างไรก็ดูไม่ออก

“อยากได้อะไรไหมครับ”

“หิว”

“อ่อ ลืมเลย เดี๋ยวมานะ” เจ้าเด็กน้อยก็วิ่งออกไปไม่เห็นฝุ่น จึงเอนตัวนอนลง เหม่อมองออกไปนอกหน้าต่าง นอนจนปวดเมื่อยไปหมด อยากไปเดินเล่น ถ้าคนดูแลกลับมาจะยอมพาไปเดินเล่นไหมนะ


ขณะที่นอนคิดอะไรเพลิน ๆ ก็ได้ยินเสียงคนคุยกันเดินใกล้เข้ามา และเมื่อได้ยินเสียงเปิดประตูจึงหลับตาลง

“ยังหลับอยู่อีกหรือ”

“สงสัยเพราะฤทธิ์ยาครับ จึงทำให้นอนได้นาน แต่ถ้าตื่นขึ้นมาทีไรก็ไม่ยอมจะอยู่เฉย ๆ สักที”

“แล้วงานที่ห้างเป็นอย่างไรบ้าง”

“โชคดีช่วงนี้ไม่มีอะไร คุณก๋งมาเยี่ยมเมื่อวาน เห็นท่านว่าจะเข้าไปดู ๆ ให้ครับ ส่วนเอกสารก็ให้นายกรอบไปรับมาที่วัง ผมยังตรวจทาน และลงนามแทนได้”

“คุณก๋งฉลาด เอาไปสอนให้รู้เท่ากันทั้งสองคน หรือจะพูดให้ถูกก็ฉลาดกันทั้งบ้าน ทั้งท่านพี่และพี่ไหม เลี้ยงมาคู่กันแท้ ๆ เลยนะ”

“คงไม่ถึงขั้นนั้นหรอกครับ ผมเพียงทำแทนได้บ้าง”

“เคยรู้เรื่องซินแส ที่เคยดูดวงพวกเธอสองคนตอนเด็กบ้างหรือเปล่า”


“อะไรหรือครับ”
“อยากรู้จริง ๆ ต้องไปถามคุณก๋ง ฉันเองแค่เคยได้ยินเรื่องผ่าน ๆ” ท่านอาตอบเหมือนต้องการรีบตัดบท สิ่งที่ไม่ควรเอ่ยถึง

“วันนี้คงไม่กวนแล้ว เดี๋ยวพรุ่งนี้เช้าจะแวะมาใหม่”

“ครับ”

“อรุณ อย่าลืมสัญญาที่ไว้ให้กับอา” ‘สัญญา’ อะไร

“ถ้าชายเกิ้งอาการดีขึ้น ก็รีบจัดการเสีย” หรือตัดสินใจแล้ว

“ครับ”

“งั้นอาไปก่อน”

“ครับ”
 


เมื่อเสียงประตูกำลังจะปิดลงอีกครั้ง ก็ได้ยินเสียงฝีหนักก็ดังขึ้น

“อาหารมาแล้วคร้าบ”

“รีบวิ่งทำทำไม เดี๋ยวก็หกเลอะหมดหรอก”

“ชั้นนี้แล้ว”

“ชั้นไหน”

“แหม ก็ชั้นสอง อารมณ์ดีแล้วสินะ” เสียงโต้ตอบราวอายุใกล้เคียงกัน

“รีบยกมาทำไม”

“ก็คุณชายเกิ้ง บอกว่าหิว” เมื่อเรื่องแตก จึงรีบลุกขึ้นนั่ง

“เอ๊ะ ยังไม่ตื่นนี่”

“อ้าว ก็ตื่นแล้วนี่ไง คุณชายมาแล้วครับ” คนหันกลับมาทำหน้าฉงน

“ตื่นตั้งแต่เมื่อไหร่ครับ”

“เอ่อ สักพักแล้ว แต่นอนเอนหลังเพลิน ๆ อยู่” จึงได้แต่ยิ้มเนียนให้แววตาดุ

“ท่านชายมาเยี่ยม”

“เดี๋ยวพรุ่งนี้เธอก็มาใหม่” เสียงถอนหายใจชัด คนฉลาดรู้ทันไปเสียหมด

“ไม่ทานด้วยกันหรือ”

“กินแล้วครับ” คนตอบใจดี ช่วยประคองมาที่โต๊ะ และรินน้ำให้

“เขาไปกินกับท่านชายมาแล้ว เหลือแค่เรา” เรานี่คงรวมฉันด้วยสินะ

“งั้นก็ไปกินได้แล้ว ‘เรา’ น่ะ ทางนี้ฉันดูต่อเอง” แม้ผู้ปกครองยังระอา จึงอดขำไม่ได้ ก่อนที่จะโดนหางเลขไปด้วย

“ก็พอกันทั้งคู่นั่นล่ะ” จึงได้แต่ก้มหน้ากินข้าวอย่างจริงจัง เมื่อคนที่นั่งกำกับการรับประทานอาหารข้าง ๆ อารมณ์ดีขึ้น เริ่มแย่งส้อมมาจิ้มขนมหวาน จึงกล้าเอ่ย

“อยากเดินเล่น”

“มืดแล้วน้ำค้างลงจัด” คนข้าง ๆ จึงมองออกไปทางนอกหน้าต่าง อย่างชั่งใจ

“เบื่ออยู่ในห้องจะแย่” จึงได้แต่ร้องขอ

“สบายดีแล้วหรือครับ”

“หายแล้ว ไปวิ่งแข่งกันยังไหว”

“ดี จะได้กลับห้องเสียที” สายตาที่มองมามีแววสับสน

“อรุณ” เมื่อหายดี อีกคนก็ตัวออกห่างทันที ไม่น่าเลย

“คืนนี้คงไม่ต้องเช็ดตัวแล้ว ถ้าหายดีแล้วก็ควรจะอาบน้ำเองได้แล้วครับ เดี๋ยวจะให้เด็กขึ้นมาช่วย”

“แล้วถ้า อยากเปลี่ยนบรรยากาศ” คนพูดจบ ก็ลุกขึ้นหันหลังเดินไปทางประตูเชื่อมภายในห้อง และหยุดก่อนปิดประตูห้อง

“จะไปนอนอ่านหนังสือที่ห้องก็ได้” แล้วประตูก็ปิดลง
หมายความว่าอย่างไร....



ร่างโปร่งยังคงยืนอยู่ ณ ระเบียงที่ยื่นออกไปทางสวนฝรั่งที่เดิม เหมือนกันกับวันนั้น ที่ล่วงเลยมาเกือบครบรอบหนึ่งปีเต็ม

“อรุณ” เมื่อเดินออกมาสมทบ กลับถูกลากกลับเข้ามาในห้อง

“เข้ามานั่งเล่นข้างในก่อนครับ ข้างนอกยังมีละอองฝน ออกมาไม่ได้” หน้าฝน และหยาดฝนยังคงตกประปรายเย็นชุ่มฉ่ำไปทั้งสวน

“เอนหลังตรงนี้” และถูกบังคับให้นอนลงอีกครั้ง ที่ตั่งริมระเบียง

“ไม่อยากนอนเลย” แม้ยอมทำตาม หากเปลี่ยนเป็นฝ่ายรั้งมือเล็กไว้ไม่ให้ผละหนี

“จะนั่งเป็นเพื่อนครับ” คนปลอบจึงทรุดตัวนั่งที่พื้นที่ปูพรมข้าง ๆ เมื่อความเงียบมาเยือนอีกครั้ง น้องน้อยจึงเริ่มกระสับกระส่าย

“ที่ห้องไม่มีหนังสือแล้ว เจ้าจ้อยช่วยหอบไปเก็บที่ห้องหนังสือให้”

“พี่ชายอยากอ่านหนังสือเรื่องอะไรครับ ผมจะไปหยิบมาให้”

“เราคุยกันดี ๆ สักทีได้ไหม อรุณ”

“พี่ชาย”

“อย่าหนีปัญหา หลบกันไปหลบกันมา อย่างนี้เลย”

“รังแต่จะทรมาน และเหนื่อยหนักกันทั้งคู่ จริงไหม”

“..............................................................” คนนั่งเงียบยังคมก้มหน้าไม่ยอมสบตา หากพยักหน้าว่าพร้อมจะรับฟัง

“พี่ขอโทษอรุณ ให้อภัยพี่ได้ไหม เราน่าจะได้คุยกันดี ๆ ก่อน”

“พี่เหมือนเป็นคนใจร้าย ที่เอาแต่จะบีบบังคับผลักไสไล่ส่งน้อง”

“ทั้งหมดพี่ยอมรับผิดทุกอย่าง”

“พี่ผิด ที่ใช้เพียงบทบาทหน้าที่ความเป็นพี่ในการตัดสิน ตามเหตุและผล”

“พี่เพียงอยากให้น้องมีความสุขกับทุกอย่างที่น้องเลือก และทุกสิ่งที่น้องรัก”

“พี่ผิดที่ประมวลความทุกอย่างเพียงฝ่ายเดียว โดยไม่ได้สอบถามความเห็นของน้อง”

“และไม่ได้ฟังเสียงของหัวใจตัวเอง” ลำคอแห้งผาก บางสิ่งอยากเหลือเกินจะเอื้อนเอ่ย เมื่อทุกอย่างมันสายไปเสียแล้ว

“ทั้งที่ครั้งหนึ่ง พี่เชื่อว่าพี่น่าจะมีโอกาสดีกว่าทุก ๆคน”

“แต่คง...สายไปแล้ว”

“พี่รู้ดีว่าพลาดไปแล้ว ทำพลาดไปแล้ว และคงไม่มีวันย้อนคืนมาได้อีก”

ด้วยความอัดอั้นภายในหัวใจ เสียงที่กล่าวออกไปจึงแตกพร่า จนใบหน้าหวานเงยขึ้นมามองจึงถือโอกาสช้อนคางเล็ก มิให้หลบสายตาได้อีก

“อรุณ พี่เพียงอยากให้รู้ว่า ไม่ว่าน้องตัดสินใจเลือกสิ่งไหน”

“...............................................................”

“พี่ก็พร้อมจะยอมรับทุกสิ่ง”

“หากแต่” ลมหายใจสะดุด ด้วยเพราะข้างในดวงหทัยปวดร้าว

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่เพียงอยากจะถามเพียงว่า” กลับกลายเป็นตัวเองที่เสมองหลบเลี่ยง มิกล้าสบแววตาโศกคู่เดิม

“ถ้าพี่จะขอ เป็นทางเลือก อีกทางได้ไหม”

“พี่ขอเป็น ‘ทางเลือกที่สาม’ หากอรุณยังคงต้องการ” เมื่อหันมองกลับมาก็พบว่าน้องน้อยน้ำตาเอ่อล้นไหลริน เพราะเหตุใด

“อรุณ” จึงทรุดตัวลงจากตั่งมาโอบกอดปลอบโยน มดตัวเล็กไว้

“อย่าร้องเลยน้องพี่ พี่ขอโทษ”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อรุณอึดอัดใจ”

“พี่ไม่ได้ต้องการให้อรุณยกโทษให้”

“พี่ยอมทุกสิ่งไม่ว่าอรุณจะเลือกสิ่งใด”

“ขอเพียง อรุณมีความสุข พี่ก็พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ”

“อย่าร้องนะคะ คนดีของพี่ พี่ยอมทุกอย่าง”

“อรุณ จะโกรธ จะเกลียด พี่ต่อไปก็ได้ ไม่ต้องให้อภัยพี่ก็ได้นะคะ”

“นิ่งซะนะคะ คนดีของพี่” จึงได้แต่เช็ดน้ำตาให้น้องน้อย ซึ่งครั้งนี้คงเป็นโอกาสสุดท้ายที่จะได้อยู่ใกล้ชิดกันเพียงนี้

คงจะเป็น ‘สัญญา’ ที่ได้ให้ไว้กับท่านอา ท่านชายศศธร ท่านเป็นผู้เหมาะสมที่สุดจริง ๆ แม้แต่ใจยังยอมรับ ต่อแต่นี้ต่อไปคงต้องปล่อยมือนี้แล้ว คงทำได้แค่ประคับประคองชื่นชมอยู่ห่าง ๆ

สายไปแล้ว จะไม่วิงวอน ร้องขอ สิ่งใดแล้ว



#JKLTHESERIES

https://www.youtube.com/watch?v=gso4A7jXEpQ

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: JUST; ASK 23.01.2018
«ตอบ #34 เมื่อ23-01-2018 15:41:13 »

พี่ชาย ได้ยินแค่นี้เอามาปะติดปะต่อเอง ทำไมไม่ถามน้อง

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: JUST; ASK 23.01.2018
«ตอบ #35 เมื่อ23-01-2018 18:04:54 »

ยังคงเป็นอีกครั้งที่ไม่ยอมพูดคุยกันให้รู้เรื่อง

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; YOU 24.01.2018
«ตอบ #36 เมื่อ24-01-2018 09:11:59 »

Just…You;

๑๗. เพียงเธอ



“อรุณ พี่เพียงอยากให้รู้ว่า ไม่ว่าน้องตัดสินใจเลือกสิ่งไหน”

“............................................” เลือกอะไร? สิ่งไหนหรือ?

“พี่ก็พร้อมจะยอมรับทุกสิ่ง”

“หากแต่”

“ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ พี่ต้องการถามเพียงว่า” มือใหญ่ที่เคยประคองใบหน้าบังคับให้สบสายตาคลายออก และหลบสายตาเสียเอง

“ถ้าพี่จะขอ เป็นทางเลือก อีกทางได้ไหม”

“พี่ขอเป็น ‘ทางเลือกที่สาม’ หากอรุณยังคงต้องการ”
 


ทางเลือกอย่างนั้นหรือ ทางเลือกที่สามเช่นนั้นหรือ
ทั้งชีวิตเคยมีทางเลือกหรือไร

ด้วยถ้อยคำที่กรีดดวงใจให้เจ็บปวดและตื้นตันในเวลาเดียวกัน
ทำให้มิสามารถกลั้นน้ำตาที่เอ่อล้นภายในดวงใจได้

“อรุณ”

รู้ตัวอีกครั้งก็อยู่ในอ้อมกอดของพี่ชาย
อ้อมกอดเดิมที่เคยปลอบโยนน้องน้อย



“อย่าร้องเลยน้องพี่ พี่ขอโทษ”

“พี่ไม่ได้ตั้งใจจะทำให้อรุณอึดอัดใจ”

“พี่ไม่ได้ต้องการให้อรุณยกโทษให้”

“พี่ยอมทุกสิ่งไม่ว่าอรุณจะเลือกสิ่งใด”

“ขอเพียง อรุณมีความสุข พี่พร้อมจะอยู่เคียงข้างเสมอ”

“อย่าร้องนะคะ คนดีของพี่ พี่ยอมทุกอย่าง”

“อรุณ จะโกรธ จะเกลียด พี่ต่อไปก็ได้ ไม่ต้องให้อภัยพี่ก็ได้นะคะ”

“นิ่งซะนะคะ คนดีของพี่” ยิ่งได้ยินเช่นนั้นน้ำตายิ่งไหลพราก มิสามารถกลั้นสะอื้นได้อีกต่อไป

กับคนบางคน จากคนบางคน
แม้ถ้อยคำปลอบโยน กลับยิ่งบาดใจ
 
ยิ่งกับคนตัวเล็ก ๆ คนหนึ่ง คนที่อยู่ในโลกใบเดิมของตัวเองมาโดยตลอด กาลเวลามิสามารถทำให้โลกใบนั้นแปรเปลี่ยน ไม่เคยมีความกล้าที่เพียงพอที่ก้าวข้าม

แม้มันจะเจ็บปวด รวดร้าว ทรมาน เหน็บหนาว เงียบเหงาเพียงใด
แล้วเมื่อวันเวลานำพาเขาคนนั้นเข้ามา

เขาผู้ที่มีโลกของตนเช่นกัน หากแต่รายล้อมไปด้วยบริวารที่พรั่งพร้อมบริบูรณ์ หากกลับมาแลเห็นคนเล็ก ๆ ในโลกส่วนตัวอันแสนเดียวดาย เขาไม่เคยบีบบังคับ ฉุดรั้งให้ต้องออกจากโลกใบเดิม แต่เข้ามาเติมเต็มทุกสิ่งที่ขาดให้อย่างสมบูรณ์

ทั้งความรัก ความหวัง ความฝัน รอยยิ้ม เสียงหัวเราะ ทำให้โลกใบเล็ก ๆ ใบเดิมแต่งแต้มใบด้วยสีสันสดใส และเต็มเปี่ยมไปด้วยความสุขสมบูรณ์พรั่งพร้อม

หากแต่ครั้งหนึ่ง เขาเป็นเพียงดังลมพัดผ่านมาให้อบอุ่นหัวใจ แล้วก็พัดผ่านจากไป ดั่งมิเคยมีอยู่จริง แม้ได้ละทิ้งความสมบูรณ์พร้อมไว้ให้ หากแต่บางสิ่งที่เคยเติมเต็มในดวงใจกลับขาดหาย

ภาพในอดีต ซึ่งแม้บางคนจะลืมเลือน
หากแต่...ติดตรึง จารึก ‘ดังรอยสลักในหัวใจ’ ของอีกคน

เมื่อสวรรค์เล่นตลก เส้นทางเดินกลับมาบรรจบอีกครั้ง ความรู้สึกภายในใจของใครบางคนที่แปรเปลี่ยน กลับส่งผลให้เปลี่ยนแปลงความรู้สึกของอีกคนด้วยเช่นกัน

โลกแห่งความรักเทิดทูน ยกย่อง ยำเกรง ในวัยเยาว์ ถูกแต่งเติมอีกครั้งด้วยความรักสีกุหลาบ ความรู้สึกไหวหวั่น ขลาดกลัว ช่วงแรกของการแปรเปลี่ยน จึงยากนักที่จะยอมรับได้เต็มปาก

หากในใจ ไฉนจะไม่รู้

‘ชีวิต’ ทั้งชีวิตเป็นของใคร
‘หัวใจรัก’ ภักดีเพียงใครมาตั้งแต่ต้น

เมื่อถูกผลักไสยิ่งสับสน หรือเพียงลวงกัน ต้องการสิ่งใด ให้ทำสิ่งใดก็พร้อมยอมทำตาม
ทางเลือกสองทางเลือก แต่เสมือนเป็นทางเดียว มีเพียงไป...และไป ให้พ้นสายตา
ดวงใจฤา จะไม่ปวดร้าว
 
เมื่อตัดใจจะยอมเลือกตามแต่จะเห็นควรทุกสิ่ง ใยกลับมาพูดถึงทางเลือกที่สาม
หากมีทางนี้แต่แรก
 
แม้จะอยู่ในอ้อมกอดของคนที่รัก แม้จะมีมือที่เฝ้าเช็ดน้ำตาปลอบโยน
หากแต่

ความน้อยใจพรั่งพรูผลักดันน้ำตาให้ไหลหลั่งไม่ยอมเหือดหาย
ความน้อยใจกลับทำให้อยากจะแกล้งนัก

หากด้วยคำสัตย์ที่เคยได้ให้ไว้กับผู้ชายอีกคน ที่เฝ้าร้องทวงถามคำ ‘สัญญา’
‘สัญญา’ ที่ได้ให้ไว้ในวันนั้น ‘สัญญา’ ที่ต้องกระทำตาม
‘สัญญา’ ที่ให้ไว้ว่า...

‘ท่านอาจะเดินทางขึ้นเหนือเมื่อไหร่หรือครับ’

‘……………………………………………………’ แม้จะแน่ใจว่าเห็นท่านปลาบปลื้มดีใจชั่วขณะ หากแต่เพียงครู่แววตากลับเศร้าหมองก่อนจะกล่าว

‘เด็กน้อยเอ๋ย อย่าหลงในวังวนของตัวเอง’

‘ถามใจตัวเองให้ดีเสียก่อนว่าต้องการสิ่งไหน’

‘อย่าตัดสินใจอะไรไปเพียงเพราะอารมณ์’

‘คนเราหลอกคนอื่นได้ แต่หลอกหัวใจตัวเองไม่ได้หรอกอรุณ’

‘หัวใจเจ้าอยู่ที่ไหน เป็นของใคร ตัวเจ้าเองน่ะ รู้ดีที่สุด’

‘อย่ามาหลอกให้ความหวังกันเลย’

‘ถ้าเจ้าสมัครใจจะไปกับฉันจริง ๆ คงไม่ต้องมารั้งรอให้ใครบางคนเขากลับมาหรอก จริงไหม’

‘ที่อาแกล้งแหย่ไป เพราะรู้ความนัยดี’ ผู้มากประสบการณ์มองได้ทะลุปรุโปร่งนัก

‘แต่’ แล้วตัวท่านเองเล่า ไฉนเลยจะ...

‘ฉันรู้ใจตัวเองดีว่าความรักที่ฉันมีนั้น เป็นไปได้เพียงใด’

‘บางทีรักอาจมิต้องสมหวัง แค่ได้มองเห็นคนที่เรารักทั้งสองมีความสุขฉันก็พอใจ’

‘คนบางคนเกิดมาคนเดียว อยู่คนเดียว ตายคนเดียว เมื่อสวรรค์มิได้ลิขิตมาให้คู่เคียง’

‘ยิ่งมาได้พบ ยิ่งมาได้เห็นคนที่เขาเกิดมาคู่กัน แม้ต้องยอมรับว่าเจ็บปวดอยู่บ้างที่ไม่สมดังหวัง หากแต่ก็อดปลื้มใจแทนมิได้ เมื่อคนทั้งสองคนที่รักกันนั้น เป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด’

‘ดังนั้นเมื่อสวรรค์ท่านได้ประทานคู่แท้มาให้แล้วก็รักษาไว้ให้จงดี อย่าทำร้ายตัวเองเพียงเพราะความคิดชั่วขณะ นอกจากทำร้ายตัวเองมันจะทำร้ายคนที่เรารัก และคนที่รักเราด้วย’

‘ท่านอา’ ไม่น่าหลุดปากเลย ไม่น่าเลย ทำร้ายตัวเองมิเท่าไหร่ ยิ่งอีกคนก็น่าทำให้เจ็บแสบยิ่งนัก หากแต่ท่านอามิได้ผิดอะไร

‘ไม่ต้องห่วงฉันหรอกเด็กน้อย’ ท่านลูบผมที่แห้งสนิทเบามือก่อนจะเอ่ยต่อ

‘อาขอแค่อย่างเดียว ขอแค่อรุณสัญญากับอาว่าจะไม่โกหกหัวใจตัวเอง พูดตามที่หัวใจตัวเองบอก พูดตามที่หัวใจตัวเองรู้สึก ทำให้ตัวเองมีความสุข’

‘ครับ ผมสัญญา’

ท่านเป็นเพียงผู้ให้ตลอดมา ยิ่งทำให้รัก ชื่นชม และเทิดทูนท่านอย่างที่สุด จึงจะก้มกราบท่าน หากเพียงท่านดึงไว้ จึงได้เพียงไหว้ที่มือท่าน

‘ฉันเห็นเพียงพวกเธอมีความสุข ฉันก็สุขใจแล้ว หากแต่เพียงปรารถนาว่าในชาติหน้าฟ้าจะลิขิตคู่แท้มาให้บ้างก็เท่านั้น’ รอยยิ้มกึ่งขันเมื่อเปรยถึงตัวเอง หากเข้มขรึมอีกครั้งเมื่อกล่าวต่อ

‘คิดให้ดี ๆ ตัดสินใจดี ๆ อย่าวู่วามตามอารมณ์ มีอะไรก็พูดกับพี่เขาดี ๆ’

‘ซื่อสัตย์กับตัวเอง เที่ยงตรงกับเสียงภายในหัวใจของตัวเอง’

‘วันเวลาของคนเราไม่ได้ยืนยาวนักหรอกนะ’

‘เก็บเกี่ยวช่วงวันเวลาดี ๆ ไว้ เธอสองคนก็จากกันมานาน’

‘อย่าปล่อยทิฐิครอบงำ ความขลาดเขลาไม่กล้าเอื้อนเอ่ย’

‘จนปล่อยปละละเลยหัวใจตัวเอง แล้วมานั่งเสียใจภายหลัง ก็ไม่มีประโยชน์อันใดแล้ว’

‘อาก็แนะได้เพียงเท่านี้’

‘ไปใคร่ครวญและตัดสินใจดี ๆ แล้วอย่าลืมสัญญาที่ให้กับอาไว้’

‘ครับ’

‘วันนี้ไปนอนได้แล้วเจ้าเด็กน้อย แล้วก็ไปคุยกันให้เข้าใจ’

‘ครับ’



ใยมิรู้ ท่านรักนัก ใยไม่รู้ ท่านเสียสละนัก
 
‘สัญญา’ ที่ได้ให้ไว้ ผนวกรวมกับความหวาดกลัวความสูญเสียอย่างยิ่ง
ดังที่ท่านอาบอกไว้ ‘วันเวลาของคนเราไม่ได้ยืนยาวนักหรอกนะ’ จึงค่อย ๆ ผ่อนคลายลมหายใจ ระงับเสียงสะอื้น และน้ำตาที่หลั่งริน รวบรวมความกล้า ‘ซื่อสัตย์ต่อหัวใจตัวเอง’


“พี่ชายครับ” แม้เป็นคนเรียกหา หากยังไม่กล้าสบสายตา

“บางครั้ง กับคนบางคน ชีวิตก็ไม่เคยมีทางเลือกอื่นใด”

“เพราะสายตาไม่เคยมองเห็นผู้ใด หรือใครอื่น เพราะ ‘รู้’ อยู่ตั้งแต่ต้นว่า”

“ชีวิตทั้งชีวิต ลมหายใจทุกลมหายใจ เป็นของใครมาตั้งแต่ต้น”

“............................................”



เมื่อไม่มีการตอบสนองใด ๆ จึงเงยหน้าขึ้นมอง ใครคนนั้นยังคงมิเข้าใจในความหมาย จึงรู้ซึ้งสิ่งที่ท่านอาเคยกล่าว

‘มีอะไร คิดอะไร บางทีต้องพูดออกไปบ้าง’

‘อย่าเอาตัวเป็นบรรทัดฐาน เราน่ะละเอียดอ่อนต่ออารมณ์เกินคาดเดา ลุ่มลึกเกินไป เหมือนคุณไหมเธอ’

‘การกระทำนั้นสำคัญกว่าคำพูดก็จริง แต่บางครั้งการสร้างความเชื่อมั่นก็ต้องอาศัยคำพูด’



จึงกลั้นใจเล่าเรื่องราวความในใจที่เคยแต่เฝ้าเก็บไว้เพียงภายในใจแต่เพียงผู้เดียว

“ครั้งหนึ่งชีวิตของผมเหมือนกับร่างที่ไร้ชีวิต เหมือนกับคนที่ได้ตายไปแล้วครึ่งหนึ่ง เมื่อปราศจากบ้าน ปราศจากครอบครัว ปราศจากคนที่รัก”

“หากแต่ ชีวิตกลับมาเริ่มก้าวเดินอีกครั้ง ตั้งแต่ได้พบ คนคนหนึ่งในวันนั้น”

“และชีวิตกลับมาสมบูรณ์ได้อีกครั้ง ตั้งแต่เริ่ม รักใครคนนั้น ในวันนั้นเช่นกัน”

“แม้ว่าเวลาจะผ่านมานานเท่าไหร่ ความรู้สึกในวันนั้นก็ยังไม่เคยแปรเปลี่ยน มีแต่จะเพิ่มเติมมากมายเท่าทวีทุกลมหายใจ” สายตาคมเปล่งประกายสงสัยฉายชัด

“จึงทำให้ชีวิตทั้งชีวิต ไม่เคยแม้แต่ที่จะคิดให้เปิดใจให้ใครอื่นผ่านเข้ามาได้อีกเลย เพราะภาพของคนที่ให้ชีวิตใหม่ในวันนั้น ยังคงติดตราฝังลึกลงในจิตใจ”

“ไม่ว่าเขาจะจากไปที่ไหน หรือนานเท่าไร แต่ภาพของเขาคนนั้นไม่เคยลบเลือนไปจากหัวใจ เพราะว่าทุก ๆ ครั้งที่หลับตา เขายังคงแจ่มชัด สดใสในความทรงจำ ในความรู้สึก”

“หากแต่วันหนึ่ง ความรู้สึกที่เคยมั่นคงในหัวใจ ค่อย ๆ ถูกแทรกซึมด้วยความเพียรพยายามของเขา ที่จะปลูกความรักครั้งใหม่ ความรักรูปแบบใหม่ขึ้นมาในหัวใจดวงเดิม เมื่อเขาเดินย้อนกลับเข้ามาในชีวิตอีกครั้ง” แววตาระยิบเริ่มสั่นไหว อ้อมกอดบางเบาเริ่มกระชับ

“และเมื่อรู้ตัวก็พบว่า ความรักที่มีภายในหัวใจตัวเอง ก็มิได้เป็นเหมือนเช่นเดิมแล้ว”

“แม้มันจะไม่ได้เป็นความรักในรูปแบบใหม่บริสุทธิ์ทั้งหมด”

“ห หากกลับหลอมรวมกับความรักที่มีอยู่เดิม จนยากเกินจะถอนตัว ถอนใจได้อีก”

“อรุณ” เมื่อคนตรงหน้าเริ่มรู้ชัดว่าคนที่กล่าวถึงคือใคร จึงพยายามจะเอื้อนเอ่ยบางสิ่ง หากแต่ต้องการเล่าสิ่งที่อยู่ข้างในหัวใจทั้งหมด จึงยกนิ้วขึ้นแตะที่ริมฝีปากบางเบา ก่อนเฉลยบอกความในใจในส่วนลึก

“พี่ชายคะ”

“พี่ชายเป็นทางเลือกที่สามไม่ได้หรอกค่ะ”

“เพราะ พี่ชายไม่เคยเป็นตัวเลือก ไม่เคยเป็นทางเลือกตั้งแต่ต้น”

“หากแต่เป็น เพียง ‘คนคนเดียว’ ที่เป็นเจ้าของชีวิต ชีวิตนี้ เป็นเจ้าของดวงใจ ดวงนี้ เป็นเจ้าของลมหายใจ ทุก ๆ ลมหายใจเสมอมา”

“ผม ‘รู้’ ว่าชีวิตนี้ ผมรักใคร ผมยอมใคร ผมรอ เพียงใครมาตลอดชีวิต”

“แต่หาก ‘เจ้าชีวิต’ ต้องการผลักไสให้ไปที่ใด หรือหากไม่ต้องการกันแล้ว ก็ขอเพียงเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว ผมก็พร้อมที่จะยอมจากไป โดยจะไม่กลับมาทำให้ขุ่นเคืองรำคาญอีก” ดวงตาของคนตรงหน้าแปรเปลี่ยนเป็นแข็งกร้าว อ้อมกอดกดกระชับจนเจ็บ

“หรือหากแต่จะกรุณา ผมก็ขอเพียงที่เล็ก ๆ ห้องเล็ก ๆ สักห้องให้ได้พักพิงอาศัย ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้รกหูรกตาพี่ชายอีกต่อไป” จึงเกินหักห้ามน้ำตาที่กำลังเอ่อล้น

“ขอเพียงแต่ได้อยู่ที่นี่ ขอเพียงแต่ได้เฝ้าชื่นชมห่าง ๆ ไม่ว่าจะผมอยู่ในฐานะใดก็ตาม ผมก็พร้อมยอมทำทุกอย่าง” หยดน้ำใสไหลริน หยาดหยด เกินกลั้นเสียงสะอื้น ด้วยฝืนทนต่อไปอีกไม่ไหวแล้ว จึงก้มหน้าซ่อนน้ำตา หากยังคงเพ้อพร่ำบอกสิ่งสุดท้าย

‘ความสัตย์จริง’ ที่ซ่อนอยู่ลึกสุดในหัวใจ


“เพราะ... ทั้งชีวิต... ผมมี... แค่เพียง... พี่ชาย”

“มีเพียง... พี่ชาย... เพียงคนเดียวนะครับ”





#JKLTHESERIES

https://www.youtube.com/watch?v=qxt_-9wKoOw

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: JUST; YOU 24.01.2018
«ตอบ #37 เมื่อ24-01-2018 12:29:14 »

 :pig4:

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: JUST; YOU 24.01.2018
«ตอบ #38 เมื่อ24-01-2018 15:04:48 »

รักท่านอา

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; LOVE 25.01.2018
«ตอบ #39 เมื่อ25-01-2018 13:31:20 »

Just…Love;

๑๘. เพียงรัก



ถ้อยคำที่ไหลหลั่งพรั่งพรูจากร่างเล็กในอ้อมกอด ทำให้หัวใจค่อย ๆ พองโต ถ้อยคำที่เฝ้าหวัง ถ้อยคำที่เฝ้าใฝ่ฝัน ทุกถ้อยคำทำให้รู้สึกลอยละล่องดังอยู่สุดขอบฟ้า หากเต็มตื้นเปี่ยมล้นในหัวใจ มิใช่เพียงฝัน มิใช่เพียงถ้อยคำในความคิดของตน ใช่หรือไม่

หวาดกลัวด้วยทุกคำเป็นเสมือนดังความหวัง ความปรารถนาส่วนลึก ที่รอคอยมานาน จึงร้องครางออกไปจากดวงใจส่วนลึก เพื่อเรียกสติของตน

“อรุณ” หากคนตรงหน้ายกปลายนิ้วเรียวบางแตะลงที่ริมฝีปากแผ่วเบา เหมือนต้องการบอกให้หยุด เพื่อรอคอยฟังสิ่งที่ยังคั่งค้างอยู่ในใจให้หมดสิ้น

“พี่ชายคะ”

“พี่ชายเป็นทางเลือกที่สามไม่ได้หรอกค่ะ”



อะไรนะ ทำไมหรือ ดังดวงใจถูกกระชากตกวูบ



“เพราะ พี่ชายไม่เคยเป็นตัวเลือก ไม่เคยเป็นทางเลือกตั้งแต่ต้น”

“หากแต่เป็น เพียง ‘คนคนเดียว’ ที่เป็นเจ้าของชีวิต ชีวิตนี้ เป็นเจ้าของดวงใจ ดวงนี้ เป็นเจ้าของลมหายใจ ทุก ๆ ลมหายใจเสมอมา” ดวงใจที่ตกลงทะยานพุ่งขึ้นสูงยิ่ง เมื่อได้รับฟังประโยคต่อมา ไหวหวั่นจนเจียนจะขาดใจ

“ผม ‘รู้’ ว่าชีวิตนี้ ผมรักใคร ผมยอมใคร ผมรอ เพียงใครมาตลอดชีวิต”

“แต่หาก ‘เจ้าชีวิต’ ต้องการผลักไสให้ไปที่ใดหรือหากไม่ต้องการกันแล้ว ก็ขอเพียงเอ่ยออกมาเพียงคำเดียว ผมก็พร้อมที่จะยอมจากไป โดยจะไม่กลับมาทำให้ขุ่นเคืองรำคาญอีก”


‘ไม่นะ ไม่มีวัน’ เสียงร้องตะโกนก้องภายในหัวใจ


“หรือหากแต่จะกรุณา ผมก็ขอเพียงที่เล็ก ๆ ห้องเล็ก ๆ สักห้องให้ได้พักพิงอาศัย ผมสัญญาว่าจะไม่ทำให้รกหูรกตาพี่ชายอีกต่อไป” และไม่มีทางเป็นเช่นนั้นได้

“ขอเพียงแต่ได้อยู่ที่นี่ ขอเพียงแต่ได้เฝ้าชื่นชมห่าง ๆ ไม่ว่าจะให้ผมอยู่ในฐานะใดก็ตาม ผมก็พร้อมยอมทำทุกอย่าง”


น้ำตาใสรินไหลหยดหยาดจากดวงตาอ่อนหวาน ทำให้หัวใจอ่อนลง และสั่นไหวอีกครั้ง หากดวงใจแทบมลายสิ้น เมื่อได้ยลยินเสียงสะอื้น และถ้อยคำในประโยคสุดท้าย

“เพราะ...ทั้งชีวิต...ผมมี...แค่เพียง...พี่ชาย”

“มีเพียง...พี่ชาย...เพียงคนเดียวนะครับ”

“พอแล้ว...อรุณ พอแล้ว...คนดีของพี่” เสียงกระซิบแหบแผ่วเบา

“อย่าร้องเลยสุดที่รัก ใจพี่จะขาดอยู่แล้วนะคะคนดี พอแล้ว” จึงเชยคางเล็กของคนที่ก้มหน้าหลบสายตา และบรรจงกดจมูกแผ่วเบาลงเกลี่ยหยาดหยดน้ำใสที่ไหลริน ร่างบางในอ้อมกอดยังคงสะอื้นสั่นไหว

“ที่รักของพี่ พอแล้วนะคะ เลิกร้องไห้ได้แล้ว” ดวงใจดวงเล็กอันเป็นที่รักยิ่ง ยังคงบอบช้ำ สิ่งเดียวที่จะเยียวยาได้ก็คือความรักภายในหัวใจของตน ที่จะต้องสื่อสารถ่ายทอดเปิดเผย ความนัย จึงสบลึกลงไปในดวงตาและแถลงไขสิ่งที่เก็บอยู่ในหัวใจ

“พี่รักอรุณ”

“รักมากที่สุด รักมากเท่าที่ชีวิตของใครคนหนึ่ง จะรักใครอีกคนได้”

“พี่ยอมรับว่ารักครั้งนี้ของพี่ไม่ได้เป็นเฉกเช่น ความรักน้องน้อยในวันวาน”

“วันที่ได้กลับมาบ้านของเราอีกครั้ง และได้รับรู้ข่าวการสูญเสียของท่านทั้งสอง พี่รู้สึกเดียวดาย อ้างว้างยิ่งนัก แม้ผู้คนจะรายล้อมมากมายบนโลกใบนี้ แต่เมื่อไร้ซึ่งแล้วคนที่รัก หัวใจก็เหมือนแหลกสลายไร้ซึ่งจุดหมายในชีวิต”

“หากแต่วินาทีแรก ที่ได้พบน้องอีกครั้ง พี่ก็รู้ว่าชีวิตของพี่ที่เหลืออยู่ต้องการสิ่งใด ต้องยืนหยัดต่อให้ได้เพราะใคร อรุณเป็นคนแปรเปลี่ยนความตั้งใจ แปรเปลี่ยนโลกทั้งโลกของพี่”

“ในคืนนั้น เพียงคำหนึ่งคำ เพียงคำสัญญาที่อรุณบอกไว้ว่าจะรอพี่ พี่ก็รู้ว่าจุดมุ่งหมายเดียวในใจ จุดมุ่งหมายเดียวของชีวิตพี่อยู่ที่ใด อรุณทำให้ชีวิตของผู้ชายคนหนึ่งกลับมามีค่า และมีความหมายอีกครั้ง”

“พี่อยากให้น้องรู้ว่า พี่รักอรุณ และพี่ก็จะมีแค่อรุณคนเดียวนะคะ” ดวงตาไหวหวั่นของคนตรงหน้ายังคงมีร่องรอยของคำถาม ความสงสัยและตัดพ้อน้อยใจ จึงกล่าวต่อไป

“พี่จะไม่มีวัน ไม่มีทาง ที่จะผลักไส หรือปล่อยให้น้องของพี่ไปไหนไกลตาอีก”

“พี่ขอโทษที่เคยพูดออกไปเช่นนั้น”

“หากพี่ไม่เคยคิด ไม่เคยต้องการที่จะผลักใสไล่ส่งน้อง”

“หากแต่พี่ขาดเขลาเองที่ไม่รู้ ว่าน้องของพี่ต้องการสิ่งใด”

“มัวแต่กลัวว่าสิ่งที่ผ่านมา สิ่งที่ทำไปเพียงเพราะ พี่เป็นพี่เพียงเท่านั้น”

“จึงหลงคิดไปเองว่าน้องของพี่อาจจะต้องการสิ่งอื่น รักสิ่งอื่นที่ไม่ใช่พี่”

“ที่พี่พูดเช่นนั้น ทำเช่นนั้นลงไป เพียงเพราะต้องการให้คนที่พี่รักที่สุด เธอมีความสุขสมหวังในสิ่งที่เธอปรารถนา และวาดหวังไว้ทุกประการ”

“หาได้รู้ไม่ ว่าพี่ทำร้ายทั้งตัวเอง ทำร้ายทั้งหัวใจดวงเล็กอันเป็นสุดที่รักของพี่” น้ำตายังเอ่อล้น

“นิ่งเถอะนะคะคนดี” จึงหยุดทุกถ้อยคำไว้เพื่อจูบซับน้ำใสที่กำลังจะไหลริน หากเมื่อเฝ้ากลบเกลี่ยคราบน้ำตาไหลเรียงลงมาตามนวลปราง ก็ได้ซึมซาบกลิ่นหอมยวนเย้าที่หวนหามานาน จึงอดไม่ได้ที่จะกดปลายจมูกสูดเก็บ หยอกล้อ คลอเคล้า จนใบหน้าหวานเริ่มมีสีกุหลาบแต้มแต่งระเรื่อ และค่อย ๆ หยุดสะอื้นไห้ แม้อดไม่ได้ที่จะจับจ้องมองกลีบริมฝีปากบางนวลนุ่มแดงสด หากต้องหักห้ามใจตัวเองอีกครั้งเพื่อร้องขอวิงวอนคนตรงหน้าให้อภัยสิ่งที่เคยทำผิดพลาดในอดีต

“อรุณ”

“พี่ขอโทษนะคะ”

“ยกโทษให้พี่ได้ไหม”

“............................................” แม้ไม่มีคำตอบใดหากใบหน้าหวานยังคงจ้องลึกลงในแววตา เพื่อค้นหาความเชื่อมั่น จึงให้คำมั่นที่ซื่อตรงตามความจริงในดวงใจ

“อรุณ พี่สัญญาว่าพี่จะไม่มีวันปล่อยให้มดตัวเล็กของพี่ต้องจากไปไหนอีกเป็นอันขาด”

“ไม่ว่าต่อไปภายภาคหน้า ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พี่ให้สัตย์สาบานว่าพี่จะเฝ้ารัก เฝ้ารอ เฝ้าตามหาเพียงน้องน้อยของพี่แต่เพียงผู้เดียว”

“พี่จะไม่มีวัน ไม่มีสายตาที่จะมองหาแลเห็นผู้ใดอีกในหัวใจรักดวงนี้ จะขอมีเพียงน้องคนเดียวไม่ว่าวันเวลาจะผันผ่านแปรเปลี่ยน ไม่ว่าจะเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า”

“จะมีเพียงแค่อรุณ จะรักเพียงแค่อรุณคนเดียวตลอดไป”

“ให้อภัยพี่นะคะคนดี”

“..............................” ดวงตาแดงช้ำกลับบอกทุกอย่างที่มีอยู่ในใจแทนได้ครบถ้วนบริบูรณ์ ก่อนที่เจ้าตัวจะพยักหน้าน้อย ๆ และทิ้งตัวลงในอ้อมอก และวาดกระชับอ้อมแขนเล็กรอบเอว
 
“อรุณ” คงต้องเรียนรู้ความหมายของอากัปกริยาท่าทีของคนในอ้อมกอดอีกมากมาย จึงได้แต่ส่ายหัวด้วยความอ่อนใจ และลูบผมอ่อนนิ่มเพียงเบามือ



ไม่รู้เวลาผ่านไปนานเท่าไร หากหัวใจปรารถนาเพียงอยู่เคียงคู่ชิดใกล้อย่างนี้ นานเท่านาน เด็กน้อยในอ้อมอกกลับหายใจสม่ำเสมอนอนหลับสนิท ใสซื่อบริสุทธิ์ มิเคยระแวดระวัง และไม่เคยรับรู้ความต้องการทางกายของใครอีกคน จึงได้แต่ทอดถอนใจ
 

“อรุณ” เสียงกระซิบเรียกมิได้ทำให้เจ้าตัวรับรู้แต่อย่างใด จึงค่อย ๆ ขยับกระชับร่างบางอุ้มช้อนเข้าสู่อ้อมแขนอีกครั้ง เจ้าตัวบิดร่างเล็กน้อย เมื่อรู้สึกถึงการขยับ หากยังหลับพริ้ม จึงเดินมุ่งตรงสู่เตียงสี่เสากลางห้อง แหวกมุ้งสีขาว และวางร่างบางลง ก่อนใช้ปลายนิ้วเกลี่ยเช็ดคราบน้ำตาที่ยังคงทิ้งร่องรอย และจุมพิตที่หน้าผากเด็กน้อยให้นอนหลับฝันดี

ก่อนจะตัดใจกลับห้อง อาการไข้ยังไม่หายดี ไม่อยากให้น้องน้อยต้องติดหวัดไปด้วย หากแต่เมื่อจะผละลุกขึ้นมือบางกลับไขว่คว้าหาที่ยึดเหนี่ยว และพลิกตัวตะแคงซุกตัวลงในอกเช่นเดิมโดยหารู้ตัวไม่ จึงจำต้องปล่อยเลยตามเลย พลาดแล้วมดน้อย ติดหวัดอย่ามาโทษกันเชียว


ตกดึกพายุใหญ่สาดซัดเสียงฝนเม็ดใหญ่กระทบบานหน้าต่างเสียงดังอื้ออึง หากยังมิเทียบเท่าเสียงฟ้าร้องดังกึกก้อง ร่างบางในอ้อมกอดถึงกับเผลอผวาเบียดประชิด ก่อนที่จะตื่นด้วยความตระหนกเมื่อพบร่างใหญ่ที่นอนเคียงข้าง


“พี่ชาย”

“หืม อะไรคะ”

“ท ทำไมมานอนที่นี่ครับ”

“ไม่รู้เมื่อคืนใครรั้งไว้ไม่ยอมปล่อยให้กลับห้องนะสิ” ดวงตาแววระยิบก้มหลบเลี่ยงสายตาด้วยความขวยเขิน

“อ่า เอ่อ ยังมีไข้ไหมครับ” และรีบชวนเปลี่ยนเรื่องฉับพลัน

“ไม่แน่ใจเหมือนกันอรุณดูให้หน่อยสิคะ” จึงเอื้อมมือไปโอบอุ้มมือบางมาแตะลงที่ใบหน้าของตน
 
“ว่าไงคะ ตัวพี่ยังร้อนอยู่ไหม อรุณ” ใบหน้าหวานยังก้มงุดอยู่ ไม่ยอมมองเลยมาสบตาดังก่อนหน้า หากแต่ส่ายหน้าช้า ๆ

“ไม่ทราบหรอกครับไม่ใช่คุณหมอ”

“อรุณช่วยดูให้พี่หน่อยไม่ได้หรือ ถ้ายังมีไข้ ตัวก็ต้องร้อนใช่ไหม” จึงพรมประทับรอยจูบลงที่ปลายนิ้วเรียวบาง และฝ่ามือนุ่มเนียน

“พี่ชาย” คนตกใจจนร้องเสียงหลง จึงหลงกลเงยหน้าขึ้นมาประท้วง ด้วยไร้ซึ่งประสบการณ์ มือที่ถูกเกาะกุมจึงได้รับอิสระ หากแต่ใบหน้าหวานกลับถูกยึดตรึงแทน แล้วจึงโน้มใบหน้าเข้าหาจนหน้าผากทั้งสองแนบชิด ปลายจมูกแตะกันเพียงแผ่วเบา

“วัดอุณหภูมิให้หน่อยสิคะ พี่ยังมีไข้ไหม” แววตาตื่นตะลึง หากปากที่กำลังเผยอเอ่ยประท้วง จึงถือโอกาสแย่งชิงลมหายจากริมฝีปากบาง จูบแผ่วละเลียดไล่ชิมความหอมหวานหยอกเย้า ก่อนจะกดลึกรุกล้ำเรียกร้องสะกดร่างบางในอ้อมแขนให้อ่อนระทวย จึงโอบกระชับแนบชิดมากขึ้น และกดย้ำจูบลึกที่ทำให้คนตรงหน้าจวนเจียนขาดใจ


ร่างบางขาวนวลปราศจากอาภรณ์ใดห่อหุ้ม นอกจากวงแขนที่รัดรึงแบ่งปันความอบอุ่นเรียกร้องเร่าร้อน หากทั้งร่างยังคงสั่นไหว ด้วยประสบการณ์ใหม่ที่มิเคยได้รับ ด้วยเฝ้าทะนุถนอมยิ่งนัก จึงมิเคยรุกเร้ามากมายถึงเพียงนี้สักครั้ง หากสติที่มีเหลือเพียงน้อยนิดของตนฉุดรั้งตัวเองให้ละจากลำคอระหงเนียนหอม ก่อนกระซิบแผ่วเบาที่ข้างหู

“อรุณ”


เมื่อตระหนักว่าใบหน้าหวานแดงฉ่ำของคนใต้ร่าง หาได้มีสติที่จะควบคุมตัวเองแล้วไม่ จึงโฉบฉวยโอกาสร้องขอสิ่งที่ปรารถนายิ่ง สิ่งที่จะผูกมัดรัดรึงสุดที่รักให้ชิดใกล้ ครอบครองเป็นเจ้าของทั้งใจ และกายอย่างสมบูรณ์

“อรุณจ๋า พี่รักอรุณนะคะ ให้พี่รักนะคะคนดี”


แสงวาบสว่างจ้าชั่ววินาที หากฉายชัดสองร่างที่พันผูกเกี่ยวกระหวัดหลอมรวมเป็นหนึ่งเดียว บทเพลงรักบรรเลงมิได้ต่างจากพายุที่โรมรันซัดสาดอยู่ภายนอก เสียงครางครืนของท้องฟ้าสอดประสานกับเสียงครวญครางแหบพร่า ครวญคร่ำหวานล้ำ


“พี่รักอรุณ......”

“..รัก..อรุณ...” ถ้อยคำที่เฝ้าตอกย้ำพร่ำบอกร่างน้อยตลอดบทเรียนแห่งความรัก


ณ ปลายทางแห่งพายุใหญ่โหมแรงสงบจบลง เมื่อปรับเปลี่ยนท่วงทำนองแห่งรักหวานละมุนเคล้าคลอปลุกปลอบคนรักให้หายหวาดหวั่นสั่นไหว

ด้วยถ้อยคำหวานซึ้งจากหัวใจ

“อรุณจ๋า พี่รักอรุณนะคะคนดี รักอรุณคนเดียว และตลอดไป”

หากมิคาดฝัน...เสียงครางหวานกระซิบตอบกลับแผ่วเบา

“พี่ชาย”

“รัก”

“อรุณ”

“รักนะครับ” หวานล้นจะแทบสำลักความสุขที่อิ่มเอมล้นปรี่


คำเดียวที่ต้องการ
คำเดียวที่ปรารถนา


‘รัก’ เพียงคำเดียวที่รอคอยมาตลอดชีวิต
ดวงใจสั่นไหว เต้นแรงดั่งจะหลุดออกจากอก ล่องลอยไปสุดขอบฟ้า


คำว่า ‘รัก’ จากคนคนเดียว
คำว่า ‘รัก’ จากเธอเพียงเท่านั้น


หัวใจดวงเดียว
ด้วยรักทั้งหมดที่มี


จากนี้จะมีเพียงเธอผู้เดียว
จากนี้จะขอรักเธอเพียงผู้เดียว


#JKLTHESERIES


https://www.youtube.com/watch?v=N7UTwfuUdKg

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: JKL THE SERIES: JUST; LOVE 25.01.2018
« ตอบ #39 เมื่อ: 25-01-2018 13:31:20 »
ประกาศที่สำคัญ


ตั้งบอร์ดเรื่องสั้น ขึ้นมาใครจะโพสเรื่องสั้นให้มาโพสที่บอร์ดนี้ ถ้าเรื่องไหนไม่จบนานเกิน 3 เดือน จะทำการลบทิ้งทันที
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=2160.msg2894432#msg2894432



รวบรวมปรับปรุงกฏของเล้าและการลงนิยาย กรุณาเข้ามาอ่านก่อนลงนิยายนะครับ
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=459.0



สิ่งที่ "นักเขียน" ควรตรวจสอบเมื่อรวมเล่มกับสำนักพิมพ์
https://thaiboyslove.com/webboard/index.php?topic=37631.0






ออฟไลน์ lonesomeness

  • เป็ดเด็กช่าง
  • *
  • กระทู้: 235
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +20/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; LOVE 25.01.2018
«ตอบ #40 เมื่อ25-01-2018 16:06:38 »

เขินนนนนนนนนนนน :-[

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; LOVE 25.01.2018
«ตอบ #41 เมื่อ25-01-2018 18:13:57 »

 :impress2: :impress2:คืนดีกันแล้ววววว...พี่ชายคงหายป่วยในเร็ววัน!!

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: JKL THE SERIES: JUST; LOVE 25.01.2018
«ตอบ #42 เมื่อ25-01-2018 18:34:45 »

หวานชื่นมากจ้า
 กรี๊ดเบาๆๆ

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; KNOW 26.01.2018
«ตอบ #43 เมื่อ26-01-2018 08:45:55 »

Just…Know;

๑๙. รู้


“นวลจ๋าขอของเช้าสองที่ ที่ห้องคุณได้ไหม” คนเพิ่งหายไข้ลงมาที่ห้องอาหารเป็นครั้งแรกในรอบหลายวัน

“ค่ะคุณชาย”

“อ้าวชาย หายดีแล้วหรือ เมื่อวันก่อนอามาเยี่ยมเห็นยังนอนซมอยู่” ท่านอาเดินสวนกับนวลเข้ามา เพื่อรับของเช้าที่ตึกใหญ่

“ครับดีขึ้นแล้ว ไข้หวัดหายเร็ว ถ้าได้แบ่งเชื้อโรคให้คนอื่นแล้ว” ท่านอาเลิกคิ้วเพียงเล็กน้อยก่อนจะอมยิ้ม

“คนรับเชื้อไปไม่โวยวายแย่แล้วรึ”

“ครับ ก็โยเยอยู่มากทีเดียว”

“เอาเถอะ ดูแลกันดี ๆ”

“อย่างไรก็อย่าเพิ่งออกไปไหน ให้คนรับงานมาทำที่ตึกใหญ่เหมือนเดิมก็แล้วกัน”

“อยากให้ปรับตัวปรับใจ เรียนรู้กันให้ลึกซึ้ง ชีวิตคู่ไม่ใช่ของง่าย” แล้วจึงยิ่งหลากใจ

“เด็กนั่นก็ร้ายไม่หยอก บางครั้งเหมือนโตเกินอายุ หากแต่หัวใจยังเด็กเล็กนัก”

“วันนี้อาคงต้องกลับก่อน เห็นทีคงต้องเปลี่ยนเป็นเราสองคนต้องกลับไปเยี่ยมอากระมัง”

“อย่างไรก็ให้คนมาบอกแล้วกัน จะเตรียมของไว้รับไหว้หลานสะใภ้”

“ครับ” ด้วยยังตระหนกอยู่จึงตอบได้เพียงเท่านั้น



แม้รู้มานานว่ามีสิ่งหนึ่งที่ทำให้ท่านอาที่เคยเปรยกับสหายในต่างแดนว่ากลับมาเมืองไทยเพียงชั่วคราวเพื่อเยี่ยมเยียนญาติเมื่อห้าปีก่อน กลับเปลี่ยนความตั้งใจไม่เดินทางกลับไปอีกเลย หากเพิ่งรู้ซึ้งแน่ชัดไม่นานว่าเป็นเพียงเพราะคนคนเดียวกันกับคนที่เขาปรารถนาหมายปอง

แม้มิเคยขุ่นข้องหมองใจกัน เพราะต่างฝ่ายต่างรู้ใจกันดี หากแต่ก็รู้สึกละอายแก่ใจมิได้ ยิ่งได้รับรู้ว่าสิ่งใดที่คนของตนได้ ‘สัญญา’ ไว้กับท่านยิ่งตระหนัก นอกจากท่านรักคนของตนมากมายลึกซึ้งนัก ท่านยังปรานีหลานชายคนเดียวอย่างที่สุด


“นวลเดี๋ยว วันนี้ฉันจะยกขึ้นไปเอง” จึงรับถาดอาหารเช้ามา

“ช่วงนี้ไม่รับแขก ไม่จำเป็นไม่ต้องให้ใครขึ้นไปยุ่มย่ามข้างบน”

“คุณไม่ค่อยสบาย เดี๋ยวติดหวัดกันไปหมด” ข้ออ้างที่ให้ได้ แม้คุณไม่สบายจริง หากแต่มิได้เป็นไข้แต่อย่างใด

“ต่อไปอาหารของฉันกับอรุณทุกมื้อให้ไปตั้งที่ห้องทำงานแทน และฝากบอกนายกรอบให้รับงานที่ห้างมาไว้ที่ห้องทำงานด้วยนะ”

“ค่ะ คุณชาย”

“ขอบใจมาก”



ฟ้าหลังฝนกระจ่างใส ดวงตะวันทอแสงอ่อนบางสาดส่องทั่วห้อง หยดหยาดน้ำฝนที่ตกค้างผสมรวมกับสายลมโชยอ่อนสร้างความเย็นชุ่มฉ่ำหอมกรุ่นกลิ่นต้นไม้ดอกไม้ที่บานสะพรั่งอวดโฉมเต็มสวน
 
เมื่อพายุใหญ่โหมกระหน่ำต้นไม้ใบหญ้าดูเหมือนจะอ่อนแรงแพ้พ่าย เหมือนจะเอนรากคลอนถอนไป หากแต่เมื่อสายฝนพัดผ่านกลับนำมาซึ่งความสุข และสดชื่น เหล่าพรรณไม้กลับผลิดอกออกผลงามงดยิ่งนัก
 
เมื่อวางถาดอาหารไว้ที่โต๊ะทานอาหารเล็ก ๆ ตรงกันข้ามกับตั่งไม้ตัวใหญ่ ริมทางเฉลียงระเบียง จึงเดินกลับไปปลุกร่างเล็กที่ยังคงจมหายอยู่ในกองหมอนนุ่มสีขาวหลายใบที่ได้บรรจงวางไว้รายล้อมแทนร่างของตนก่อนที่จะผละออกมา

เด็กน้อยยังคงนอนหลับสนิท เพราะตัวเองที่เป็นต้นเหตุ ทำให้น้องน้อยได้นอนจริง ๆ อย่างเต็มตา เมื่อใกล้รุ่งอรุณนี่เอง จึงได้แต่เฝ้าพินิจร่างเล็กที่นอนสบายผ่านมุ้งบางสีขาวบางโปร่ง หากแผ่นหลังเนียนขาวที่ทาบทับอยู่บนกองหมอน และผ้าห่ม แต่งแต้มไปด้วยร่องรอยสีกุหลาบเจือจางประปราย ทำให้อดใจเฝ้ามองเพียงห่างไกลมิได้ จึงแหวกมุ้งบางแทรกตัวลงนั่งข้าง ๆ

แม้จะถนอมยิ่งนัก หากร่องรอยแห่งรักยังคงเด่นชัด ผมสลวยอ่อนนุ่มยังยุ่งชี้ฟู หากมิได้ลดทอนความหวานแห่งใบหน้าของผู้เป็นเจ้าของ ดวงตาเล็กยังคงมีรอยชอกช้ำหากไร้ซึ่งร่อยรอยแห่งคราบน้ำตาอีกต่อไป ริมฝีปากสีหวานแดงระเรื่อ และทั้งหมดผสมผสานลงตัวสร้างความงดงามเย้ายวน

จำต้องฝืนใจ ฝืนความต้องการของตนอย่างยิ่ง ให้เพียงเฝ้านั่งมองเพ่งพิศความวิไลและสางผมเส้นบางนุ่มให้อย่างเบามือ

โชคดีเหลือเกินที่วันนั้น บังเอิญไปพบเด็กน้อยคนนี้
โชคดีเหลือเกิน ที่ได้รับความรักจากคนคนนี้
โชคดีที่ กลับตัวกลับใจได้ทันเวลา

มิใช่ท่านอาคนเดียวที่อยากใช้ชีวิตที่ต่างแดน อิสรเสรีสะดวกสบายแตกต่างกันยิ่งนักในโลกศิวิไลซ์ ความตั้งใจเดิม จึงไม่คิดจะเดินทางกลับบ้านเกิด เพราะไม่ว่าด้วยเรื่องของการเรียนรู้ การเปิดหูเปิดตา หรือเรื่องหน้าที่การงานที่นั่น น่าดึงดูดให้สนใจมากกว่ายิ่ง

แต่ทั้งชีวิตที่เหมือนสมบูรณ์ หากอ้างว้างโดดเดี่ยวยิ่ง
ทำไมมิเคยฝัน ทำไมจะไม่เคยตามหา คนที่มาเติมเต็มเสี้ยวหนึ่งในชีวิตที่ขาดหาย

หากรู้ซึ้งเมื่อได้พบ
จุดหมายของชีวิตเปลี่ยนไปเพียงเพราะเธอ ความฝันที่ก้าวเดินมาสู่ความจริง
 
ของคุณฟ้าที่ทำให้ได้พบคนคนนี้
ขอบคุณฟ้าที่ประทานคนที่มีความหมายยิ่งกับหัวใจ


“พี่ชาย” เสียงกระซิบแหบพร่า เรียกสติที่เหม่อลอยคืนกลับ ร่างบางกำลังพยายามจะขยับลุกขึ้น หากแต่กายเล็กยังคงทรุดลงสั่นไหว นิ่วหน้าขมวดคิ้ว หากยังเก็บกดความเจ็บปวดมิได้ร้องออกมาแต่อย่างใด

“อย่าเพิ่งลุกนะคะคนดี นอนก่อนค่ะ” ยิ่งเห็นอีกคนฝืนเข้มแข็ง ยิ่งทำเอาใจคนก่อเรื่องเริ่มฝ่อ

“เจ็บมากไหมคะ” คนปากแข็งยังคงส่ายหน้า หากร่างเล็กยังคงสั่น แถมตัวรุม ๆ เหมือนจะเป็นไข้เสียจริง ๆ

“แน่ใจนะคะ” เมื่อเชยคางขึ้นสบตา

“บอกพี่เถอะคนดี ระหว่างเราไม่มีสิ่งใดที่ต้องเขินอายกันแล้วนะคะ”

“ก็ เจ็บ นิดหน่อยครับ” ใบหน้าหวานจึงขึ้นสีจัดชัดเจนอีกครั้ง ก่อนจะก้มหน้าหลบหน้าอยู่ในอก ทำให้รู้ว่าสิ่งที่ตัวเองพูดไปคงจะเป็นตรงกันข้ามกับความเป็นจริงเป็นแน่

“อย่างนั้นเปลี่ยนใหม่ ถ้าจะเขิน จะอายก็ได้ แต่กับพี่คนเดียวนะคะ” อดไม่ไหวที่จะกดจมูกเก็บเกี่ยวความหอมที่หน้าผากมน ลากไล้ลงมาเรื่อยจนถึงนวลปราง

“หิวหรือยังคะ” ถามออกไปด้วยความหลากใจ หลากอารมณ์ยิ่งนัก ใจนั้นหิวกระหายคนตรงหน้านัก ด้วยลุ่มหลงลึกซึ้ง หากอีกใจก็ห่วงหวงเหลือประมาณ

“ครับ” คนตอบรวดเร็ว หากรู้แม้จะนำทางไปยังทิศทางใดร่างอ่อนระทวยในอ้อมแขนก็คงยินยอมเช่นเดิม หากด้วยรักจึงฝืนหักความต้องการทางกาย

“ทานข้าวกันนะคะ” คนเก่งรีบพยักหน้ารับ หากยังดูทรมานยิ่ง แม้จะขยับลุกขึ้นนั่งได้สำเร็จ

“คนดีทานที่เตียงดีไหมคะ เดี๋ยวพี่ยกอาหารมาให้ หรืออยากไปทานที่ริมระเบียงก็ได้ ให้พี่อุ้มไปนะคะ”

“ไม่เป็นไรครับ” เด็กดื้อยังคงฝืนก้าวลงเตียง เกือบทรุดอยู่ข้างเตียง หากรวบตัวไว้ไม่ทัน

“หลงรักคนดื้อ รู้สึกอย่างนี้เองสินะ” จึงแหย่กระเซ้า หากเกือบหยุดหายใจเมื่อมองตามสายตาของร่างบางที่กำลังจับจ้องกระจกบานยาวเต็มตัว สายตาที่ประสานกันในกระจกเพียงชั่ววินาที หากยาวนานนักในความรู้สึก ก่อนที่ใบหน้าหวานจะหันหลบสายตาที่ชื่นชมเงาสะท้อนของเรือนร่างบอบบางเปลือยเปล่าในอ้อมแขน

“และรู้แล้วว่าทำไม ถึงหลงยิ่งนัก”

“สวย สวยหวานจับตา งดงามจับใจจริง ๆ”

“ใจพี่จะขาดให้ได้แล้วนะคะคนดี”

แม้จะถูกทุบเบา ๆ สองสามทีก็คุ้ม หากยิ่งกว่าได้กำไรเมื่อใบหน้าหวานเงยขึ้นมาค้อน จูบรสหวานซึ้งจึงถูกโฉบฉวยอย่างรวดเร็ว ทำให้ร่างทั้งสองที่แนบชิดยิ่งกระชับ ความเมามัวไหลหลงจมลึกยิ่งขึ้น

“ไม่อยากทานข้าวแล้ว” เพ้อพร่ำเมื่อซุกไซร้ไล่เลียงมาถึงลำคอระหง หากแต่เจ้าของร่างน่าหลงใหลประท้วงเสียงเครือแผ่วเบา
“หิวแล้วครับ”

“หึหึ งั้นทานก่อนก็ได้” จึงดึงผ้าห่มสีขาวขึ้นห่อหุ้มร่างบางก่อนจะรวบตัวขึ้นสู่อ้อมอก เดินมุ่งหน้าไปยังโต๊ะอาหาร เป็นมื้ออาหารที่วิเศษที่สุดเมื่อมีคนรักนั่งอยู่บนตัก และคอยหยิบป้อน ลิ้มรสอาหารพร้อมกับชื่นชมความงามของวิวทิวทัศน์ที่ต่างกันออกไป




“มองอะไร”

“ทำไม" เจ้าเด็กน้อยยังแสดงอาการกล้า ๆ กลัว ๆ

“ทำไม อะไร”

“ทำไมไม่สบายแล้วสวยขึ้น”

“ต้องพูดว่าหล่อ”

“ไปดูตัวเองดี ๆ เถอะว่าสวย”

“หรือคุณชายเกิ้งว่าไม่จริง”



เรื่องถูกโบ้ยมาเพื่อหาพวก อุตส่าห์สู้เก็บเงียบนั่งอ่านหนังสือพิมพ์เสียตั้งนาน ไม่คิดว่าจะถูกลากเข้าสู่วงสนทนาเร็วถึงขั้นนี้ แม้ใจจะเห็นด้วยแต่แรก หากจะตอบอย่างไร เมื่อสายตาคมกริบนั้นจับจ้องอย่างเอาผิด



“นอนมากมั้ง เลยดูดีขึ้น” จึงตอบไปให้ดูเป็นกลางที่สุด

“อย่างนั้นหรือ งั้นจะนอนบ้าง นอนเยอะ ๆ ใช่ไหม”

“แต่ขอหล่อแบบคุณชายดีกว่า สวยแบบ...” แม้เจ้าตัวเล็กก็พูดไม่ออก เมื่อสบสายตานั่นเหมือนกัน



สวยขึ้น หวานขึ้น
แต่ก็ขรึมขึ้น และดุขึ้นด้วย

หากจะโทษใครได้นอกจากตัวเอง
ที่เป็นทั้งคนกระทำและเป็นคนยินยอม


“กินเสร็จหรือยังล่ะ เดี๋ยวก็ไปโรงเรียนสาย”

“ก็มองอยู่นั่นใครจะกินลง”

“ก็ไม่เห็นกันเกือบอาทิตย์ ใคร ๆ ก็บ่นคิดถึง”

“แล้วเราคิดถึงฉันไหม”

“คิดถึงสิ ก็มีแค่คุณคนเดียว” คงต้องระแวงคนใกล้ตัวเพิ่ม นับวันเด็กนี่ยิ่งโตยิ่งแก่แดดแก่ลม

“ไม่มีใครช่วยตรวจการบ้านน่ะสิ” หากประโยคต่อมาทำให้เบาใจ สุดที่รักเอ็นดูเพียงเด็กเล็กในปกครองเท่านั้น

“อิ่มแล้วก็ได้” คนที่ค่อย ๆ ละเลียดอาหารยอมวางช้อน เมื่อแพ้สายตาเจ้าเด็กร้าย และหันมาเปรยอย่างเกรงใจ

“แวะไปส่งจ้อยก่อนค่อยเลยไปที่ห้างได้ไหมครับ”

“ได้สิ แต่เย็นนี้ต้องกลับเองนะเรา ฉันกับอรุณต้องเลยไปบ้านเจ้าสัว” จึงพับหนังสือพิมพ์วาง ก่อนจะลุกไปเลื่อนเก้าอี้ให้คนข้างๆ และก้าวเดินไปเคียงคู่กัน ด้วยความเคยชิน ด้วยธรรมเนียมตามประเพณีตะวันตกในการดูแลคนรัก แม้จะทำได้เพียงเท่านี้ในสถานที่รโหฐาน หากรอยยิ้มบางที่คลี่ออกเพียงมุมปากก็ทำให้รับรู้ว่าคนรักพึงพอใจยิ่งต่อการกระทำเช่นนี้แล้ว

“คุณก๋งให้หาหรือครับ”

“ใช่ค่ะ เห็นว่ามีธุระสำคัญจะคุยด้วย ให้เข้าไปทานข้าวเย็นด้วยกัน” คนฟังยังคงขมวดคิ้วเป็นกังวล เมื่อขึ้นไปนั่งที่เบาะด้านหลังรถ จึงพาดแขนลงบนพนักพิง วางมือลงบนมือบางก่อนบีบให้กำลังใจ และโน้มตัวกระซิบแผ่วเบา

“ไม่มีอะไรหรอก อรุณ....”

“หรือถึงมีอะไร เราก็จะผ่านมันไปด้วยกัน”

“พี่ไม่มีวันปล่อยให้สุดที่รักของพี่ หลุดลอยห่างหายไปด้วยเพียงปัญหาจากคนอื่น ๆ อีกแล้ว เราจะก้าวข้ามผ่านพ้นทุก ๆ ปัญหา ทุก ๆ อุปสรรคไปด้วยกันนะคะ”

“อย่ากลัวเลยนะคนดี เราจะไปด้วยกัน เราจะอยู่ด้วยกันเสมอ”

“พี่ให้สัตย์สาบานไว้แล้ว พี่จะมีแค่อรุณ จะรักเพียงแค่น้องคนเดียวตลอดไปนะคะ”

“ครับ”


ทุกอย่างล่วงเลยมาถึงวันนี้ ถึงเวลานี้
ทุกอย่างที่กระทำไปไม่เคยเสียใจ

‘รู้’ หลายอย่างที่ทำผิด ‘รู้’ หลายสิ่งที่ทำพลาด
หากมั่นใจยิ่ง เพราะ ‘รู้’ หากจะมีสักครั้งที่ทำถูก

ก็คือครั้งเดียวครั้งนี้ที่รักเธอ ยิ่งกว่าเคยรักใคร



#JKLTHESERIES

https://www.youtube.com/watch?v=la2h5g5myBU

ออฟไลน์ Nankoong

  • เป็ดHestia
  • *
  • กระทู้: 754
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +124/-5
Re: JKL THE SERIES: JUST; KNOW 26.01.2018
«ตอบ #44 เมื่อ26-01-2018 10:10:47 »

หวานค่ะ!!!!

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: JUST; KNOW 26.01.2018
«ตอบ #45 เมื่อ26-01-2018 11:24:29 »

 :-[

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; CONDITION 27.01.2018
«ตอบ #46 เมื่อ27-01-2018 11:33:52 »

Just…Condition;

๒๐. เงื่อนไข



“ผู้ใหญ่เขาตกลงกันไว้แล้ว จะบอกปัดไปแค่นั้นคงไม่ได้”

“เรื่องรักเรื่องชอบอยู่ ๆ กันไปก็รักก็ชอบกันเอง หรือถ้าอยากทำความรู้จักกันให้มากกว่า นี้ก่อน ก็หมั้นไว้ก่อนก็ได้”


เมื่อเหตุผลที่ให้ไปถูกหักล้างโดยง่ายดาย ก็หามีสิ่งใดเหลือจะกล่าว ทำได้เพียงก้มหน้ารับฟัง ด้วยมิเคยคิดจะถกเถียงต่อความยาวบทสนทนา หากคุณก๋งยังคงปรานีเสมอเขารู้ ผู้มีบุญคุณที่เคยโอบอุ้มเลี้ยงดูอุ้มชูกันมาไฉนจะไม่ท่านก็รู้ใจ คุณก๋งถอนหายใจยาว ก่อนจะพูดสืบไป


“ถ้าจะยังพอบอกเลื่อนออกไปได้บ้างก็เพราะเหตุที่ชายเกิ้งเขายังไม่ได้แต่งงาน”

“ให้น้องแต่งก่อนพี่จะไม่งาม” เหมือนช่วยกันคิด ช่วยหาทางออก

“อรุณก็หมั้นกับคุณหญิงแพรไว้ รอชายเกิ้งแต่งก่อน แล้วค่อยแต่งก็ได้”

“ถ้าอย่างนี้ก๋งก็พอจะช่วยพูดช่วยผัดไปให้ได้ แต่จะให้ปฏิเสธไปเฉย ๆ เห็นจะไม่ได้”


แม้ ณ จุดหมายปลายทางก็ยังคงเป็นเฉกเช่นเดิมแต่เท่านี้ก็เห็นว่าท่านกรุณามากแล้ว แต่เมื่อได้ฟังเหตุผลทั้งหมด ก็ไม่สามารถโต้แย้งสิ่งใดได้

คุณก๋งท่านรักและปรารถนาดี


จึงได้แต่หลับตาลง ถอนหายใจ ถึงขั้นนี้แล้ว คงทำอะไรไม่ได้แล้วจริง ๆ

“ครับ แล้วแต่คุณก๋งจะเห็นสมควรเถิดครับ” จึงยอมจำนนตอบรับคำไป หากแต่มือใหญ่ของคนที่นั่งข้าง ๆ รีบมาเกาะกุมส่งผ่านกำลังใจ

“ไม่ได้ครับ เรื่องนี้ผมไม่ยอม” คนที่อยู่เคียงข้างเสมอ คนที่ก้าวเดินเคียงคู่กัน

“เรื่องนี้ มันไม่เกี่ยวอะไรกับชาย”

“ถึงอย่างไรผมก็ไม่ยอม จะมาบังคับใจกันอย่างนี้ ก็ไม่ถูกนะครับคุณก๋ง”

“ชายอยู่ต่างบ้านต่างเมืองมานาน ธรรมเนียมที่นี่วัฒนธรรมที่นี่เป็นอย่างนี้ ชายจะไปเปรียบกับที่อื่นไม่ได้”

“ปลูกเรือนต้องตามใจผู้อยู่ มิใช่หรือครับ ถ้าไม่ได้รักกันถึงจะแต่งกันไปก็ไม่มีความสุข”

“คุณก๋งไม่อยากเห็นหลานมีความสุขหรือครับ” พี่ชายยังคงฝืนสู้อย่างสุดแรง สุดกำลัง

เพื่อเส้นทาง ทางเดินแห่งรักของเราทั้งสอง


หากความเป็นจริง
เรา ‘รู้’ อยู่แก่ใจ
สักวัน


แค่เพียงสักวัน อย่างไรก็ต้องพราก
ถึงอย่างไรก็ต้องจากกัน เพียงแค่ใคร ก่อนใครก็เท่านั้น


“ท่านอา ท่านยังไม่เห็นต้องมีคู่ ไม่ต้องแต่งงานนี่ครับ” การให้เหตุและผล การปรึกษาที่มิใช่การถกเถียงยังคงดำเนินต่อ หัวใจนั้นเต็มตื้นนัก หากก็ยังหวิวปานจะขาดรอนเสียให้ได้


“ก็ท่านพ่อเรา เขามีเราแล้วไงชายเกิ้ง”

“ถ้าเราไม่แต่ง อรุณไม่แต่ง แล้ววังศศิธรใครจะรับช่วงดูแลต่อ ไหนจะงานที่ห้างอีก”

“เป็นผู้ใหญ่แล้วทั้งคู่ ถึงเวลาก็ต้องมีเหย้ามีเรือน”

“จะมาห่วงแค่เพียงเรื่องรัก หรือไม่รักได้หรือ”

“แต่คุณก๋ง”

“วันนี้กลับไปก่อน เราทั้งสองคนกลับไปคิดดูดี ๆ”

“ก๋งจะรอคำตอบ” เวลาแห่งการรอคอยอีกครั้ง

รอคอย ‘บทสรุป’ ที่มิแลเห็นทางออกอื่นใด
เวลาเป็นเครื่องรักษาจิตใจ

ปลายฝนต้นหนาว ลมข้าวเบาเริ่มพัดโบกหอบความหนาวเย็นฉ่ำมาจากทางเหนือ วันเวลาหมุนเวียนผ่านเลยอย่างรวดเร็ว จากวันที่กลับจากบ้านคุณก๋งครั้งนั้นก็ผ่านล่วงเลยมาเป็นเวลาเดือนเศษ


หลังจากวันนั้นเช่นกันที่เหมือนโดนกักตัวกลาย ๆ ประตูที่เคยถูกปิดทางเชื่อมระหว่างห้องนอนถูกคนเอาแต่ใจสั่งให้ถอดออก ทั้งสองห้องจึงมิได้ต่างกับห้องห้องเดียวกัน ที่ห้องนอนเล็ก กองหนังสือถูกเลือกหยิบมาอ่านจากห้องหนังสือ ถูกสะสมจนเป็นกองโตที่มุมข้างตั่งตัวยาวอีกครั้ง หากครั้งนี้ดูเหมือนจะทวีจำนวนด้วยมีอีกคนช่วยอ่าน

ในขณะที่ห้องนอนใหญ่นั้น มีอีกสิ่งที่เพิ่มเติมขึ้นอย่างถาวร คือกองหมอนใบใหญ่หลายใบ ข้างแกรนด์เปียโน ที่คนใช้ประจำยืนยันให้ไม่ต้องเก็บ เพราะใช้นอนฟังเสียงเปียโนที่ขับกล่อมทุกเย็นหลังจากที่กลับมาจากทำงาน

นอกจากนั้นทุกอย่างยังคงปกติเฉกเช่นเดิม ท่านอามารับของเช้าด้วยสม่ำเสมอ หากไม่ค่อยพบสถานการณ์เด็กตีกันมากครั้งเท่าเมื่อก่อน เมื่อคนพี่มักยอมง่ายจนเกินไป ไม่สนุก ช่วงกลางวันยังคงต้องไปนั่งเล่น เดินเล่นที่ห้างทุกวันที่คุณชายเธอไปทำงาน ถึงจะพอมีเวลาปลีกตัวหาของเล่นได้บ้างก็ตาม

กิจการร้านขนมถูกปัดฝุ่นขึ้นอีกครั้ง โดยเริ่มจากการสรรหาสูตรอร่อยด้วยการทดลองชิม หากเมื่อมีนายทุนใหญ่ออกโรงสนับสนุน หุ้นส่วนเก่าทั้งเจ้าจ้อย นายกรอบ และเจ้าเสือน้อยก็พร้อมใจกันน้ำหนักขึ้นทันตาเห็น และเมื่อจะลงมือทำจริงครัวฝรั่งก็ผุดขึ้นในห้องเล็กชั้นล่างของตึกใหญ่ดังเสกได้เหมือนกัน

วันสุดสัปดาห์จึงหมดไปกับการตระเวนหาของอร่อย และทดลองทำกัน โดยมีแม่นวลที่ขอซื้อตัวขาดมาจากโรงครัวมาเป็นแม่ครัวขนมหวานให้คนแรก

หากแม้เวลาผ่านเลย

แม้รู้พี่ชายทำเช่นนี้เพื่อดึงตัวและประวิงเวลา แต่จะปล่อยเลยผ่านได้นานเพียงใด เมื่อเงื่อนปมที่ต้องกระทำตามเหตุและผล ยังคงมิได้สะสาง เสียงโทรศัพท์ตามตัวเมื่อกลางวันยังดังก้องอยู่ในหู เสียงเปียโนที่บรรเลงจึงสะดุดลง ไม่สามารถบังคับสมาธิของตนให้ดำเนินต่อไปได้ คนที่คว่ำตัวหลับตานอนสบายที่กองหมอนนุ่มข้าง ๆ จึงตื่นขึ้นเงยหน้ามามอง ก่อนจะพลิกตัวตะแคง และกางแขนสองข้างออก จึงโผเข้าหาอ้อมกอดเดิมที่คุ้นเคย

“มีเรื่องอะไรคะ”

“ไม่สบายใจอะไรคะคนดี”

“.................................” ความรู้สึกจุกจนเจ็บร้าวเต็มอก เกินกว่าจะเอื้อนเอ่ย

“สุดที่รักของพี่ ลงไปเดินเล่นกันไหมคะ” แม้อยู่ด้วยกันไม่นาน หากตอนนี้พี่ชายเธอรู้ว่าสภาวะจิตใจคนข้าง ๆ ที่ไม่สู้จะดีเท่าที่ตาเห็น และเธอก็เริ่มรู้วิธีตะล่อมเอาความจริงจนได้

“ครับ”


ด้วยความคุ้นชินสองพี่น้องวิ่งเล่นหยอกล้อกันแต่เยาว์วัย แม้คุณชายเธอกลับมาได้เพียงไม่นาน หากเธอก็ดูแลน้องน้อยของเธอดุจดังเดิม จึงไม่มีคนใดในวังคนแปลกใจ ไม่มีใครเคลือบแคลงกริยาอ่อนโยนที่มีให้แก่กัน พี่ชายบังคับผูกผ้าพันคอให้น้องน้อยก่อนที่จะออกเดินจูงมือกันออกมาเดินเล่นในสวน


แสงไฟจากโคมไฟเรืองรองตามทางเดิน หากคนนำทางกลับนำทางหลีกหนีแสงสว่างตัดทางเดินใหม่ลัดสนามตรงสู่ร่มไม้ใหญ่ที่กรุ่นกลิ่นหอมอบอวลด้วยดอกไม้ดอกเล็กสีขาวที่ร่วงพราวเต็มพื้นสนามหญ้า หากเมื่อมาถึงจุดหมายคนนำทางก็ปล่อยมือคนเดินตามให้เป็นอิสระ และก้มตัวเก็บดอกไม้ดอกเล็กมือเป็นระวิง

ช่อดอกปีบช่อเล็กที่หัวนอนทุกค่ำคืน เป็นเครื่องย้ำเตือน หัวใจรักและภักดีของผู้ชายตรงหน้า สม่ำเสมอ เที่ยงตรง คงมั่นนัก เพียงไม่นานดอกไม้ดอกเล็กที่มีคนหยิบยื่นให้ก็เต็มกำมือ

“ดอกปีบหอมเย็นดี” คนพูดก้มลงดอมดมดอกไม้ที่มือคนอื่นหน้าตาเฉย

“แต่พี่ว่าอรุณคล้ายดอกไม้อย่างอื่นมากกว่า”


‘ดอกอะไร’ ถ้อยคำที่ถามในใจ หากคนตรงหน้าเดี๋ยวนี้ ‘เก่ง’จับความคิดจากแววตาได้เช่นกัน จึงตอบโดยมิต้องเอ่ยถาม


“ดอกสีขาวเหมือนกัน หากดอกใหญ่กว่ามาก ตอนเป็นดอกตูมคลับคล้ายกัน แต่จะออกรวมเป็นช่อ ค่อย ๆ ไล่บานช้า ๆ ทีละดอกอย่างอดทนแข็งแกร่ง หากเมื่อบานสะพรั่งกลีบดอกอ่อนบางน่าทะนุถนอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย้ายวนมีเสน่ห์กว่านี้มาก ถ้ามีโอกาสจะสั่งจากเมืองนอกมาให้นะคะ”

“ถ้าไม่มีในเมืองไทย ก็อย่ายากลำบากเลยครับ”

“ไม่เคยมีคำว่า ‘ยากลำบาก’ สำหรับสุดที่รักของพี่” คำเรียกคนรักที่เปลี่ยนแปลงไป เมื่ออยู่ด้วยกันตามลำพังเพียงสองคน แม้จะผ่านมาเนิ่นนานเพียงใด หากก็ทำให้คนฟังอดที่จะขัดเขินมิได้

“มีเรื่องไม่สบายใจหรือคะ”

“คุณก๋ง ให้คนโทรศัพท์มาตามให้ไปพบพรุ่งนี้ครับ”

“ก็เรียนเธอไปว่าไม่ว่าง” คนพูดเอาแต่ใจ

“พี่ชายคะ เราหนีความจริงไม่พ้นหรอกค่ะ อย่างไรสักวันก็ต้องมาถึง”

“ไม่”

“พี่ชาย”

“อย่างไร เราก็ยังคงอยู่เคียงข้างกันเหมือนเดิม เป็น ‘พี่น้อง’ กันเหมือนเดิมได้ มิใช่หรือครับ”

“ไม่ เราไม่ได้เป็นเพียง ‘พี่น้อง’ กันมานานแล้วอรุณ”

“ครับ หากแต่ ‘ต้อง’ กลับไปเป็นเช่นนั้น ถึงจะได้อยู่เคียงข้างกันดังเดิมหรือมิใช่”

 
เงื่อนไข...สถานะ ที่ทำให้เรายังคงสามารถอยู่ด้วยกันได้


“ไม่”


คนเอาแต่ใจกระชากแขนเดินนำกลับลิ่วกลับขึ้นตึก โดยไม่หันมามองคนตามที่วิ่งสับขาจนเหนื่อยหอบ


“เป็นอะไรคะ” ยังมีใจหันมาถาม เมื่อประตูห้องนอนใหญ่ถูกปิดลง

“.............................” หายใจหอบแรง เหนื่อยเกินจะกล่าวสิ่งใด หากดวงตาคมจับจ้องเลยจำฝืน

“ก็ไม่ดูขาตัวเอง”

“ทำไม”

“ก็ก้าวทียาวแค่ไหน จะให้วิ่งตามทัน”

“พี่ขอโทษ”

บทจะยอมก็ง่ายปานนี้ทุกที อย่างที่เคยกล่าวยอมง่ายก็แกล้งไม่สนุก หากเมื่อรู้ตัวอีกครั้งก็ลอยลิ่วปะทะอ้อมอกแข็งแกร่ง ถูกรวบตัวโอบอุ้มเดินผ่านทางเชื่อมที่แต่เดิมเคยมีประตู และถูกบังคับให้นั่งเอนกายซ้อนกันบนตั่งข้างระเบียงตัวเดิม

“เรากลับไปเป็น ‘พี่น้อง’ กันไม่ได้หรอกอรุณ” ความในใจของคนตัวโตเริ่มเอ่ยเฉลยความนัย

“จะกลับไปได้อย่างไร เมื่อดวงใจพี่ ดวงตาพี่ไม่มีใครอื่นได้แล้วนอกจากน้อง”

“แล้วจะให้พี่ยอมเสียน้องไปให้ใครอื่น ได้หรือ”

แม้จะปลื้มปิติเปี่ยมล้น แต่.....

“ไม่มีทางออกใดอื่นแล้วครับ หญิงแพรเธอก็เป็นคนดี พี่ชายก็รู้”

“แล้วอรุณรักเธอหรือไร”

“รักครับ แต่เพียงแบบน้องสาว”

“อย่างนั้นเราก็แต่งน้องสาวเข้าบ้านก็สิ้นเรื่อง ให้เธอครองปีกเหนือ ดูแลเหมือนน้องไป”

“ทำร้ายใครอื่นเช่นนั้นไม่ได้หรอกครับ เธอมิได้ผิดอะไร ทำเช่นนั้นก็เท่ากับทำร้ายเธอ”

“แล้วทีเธอทำร้ายพี่ แย่งดวงใจของพี่”

“พี่ชาย”

“....วันหนึ่ง พี่ชายก็ต้องมีครอบครัวเหมือนกัน ที่คุณก๋งท่านพูดถูกแล้ว ถ้าพี่ชายไม่แต่งงาน ไม่มีครอบครัว ใครเลยจะดูแลวังต่อ ใครเลยจะสานต่อกิจการห้างร้านสืบต่อ”

“วังนี้ยกให้ไอ้จ้อยมันไปก็ได้ ส่วนงานที่ห้าง ญาติคนอื่นทางคุณก๋งก็ออกจะเยอะแยะไป” คนตอบยังคงเอาแต่ใจเช่นเดิม

“ก็มิใช่ญาติมิตรสายตรงนี่ครับ คุณก๋งเธอคงไม่พอใจ หากทุกอย่างจะลงเอยเรียบร้อย”

“ถ้า เรากลับไปเป็นพี่น้องดังเดิม”

“ถามใจตัวเองเสียก่อนเถิดอรุณ ว่าทางที่เรามาย้อนกลับได้หรือไม่”

“เลิกรักพี่ เลิกรักผู้ชายคนนี้ได้จริงหรือ แต่ถึงอรุณทำได้พี่ก็ทำมิได้” ความน้อยใจเจือเต็มน้ำเสียง

“หรือต้องพิสูจน์” คนพูดไม่รอคำตอบหากฉกฉวยถ้อยคำที่จะเอื้อนเอ่ยกล่าวตอบไปหมดสิ้น บทรักเริ่มต้นนำทางหัวใจ ความคิดในสมองขาวโพลนล่องลอยอีกครั้ง


คำว่า ‘รัก’ ที่เพียรพร่ำเอ่ยกระซิบ
ฝังลึกลงในร่างกาย ในหัวใจ ในจิตวิญญาณ

แล้วจะทำเช่นไร ทางออกคือทางใด ใครจะเฝ้าเฉลย
ความรัก ที่นับวันยิ่งจมดิ่งลึกล้ำ
ความรัก ที่จะเป็นความลับตลอดกาล

ทุกอย่างต้องดำเนินไปตามครรลอง

หากแต่ปรารถนาอย่างยิ่ง แม้ชาตินี้มิอาจสมรัก
หากมีชาติหน้า ชาติไหน ชาติใดก็ตาม

ขอเพียงมีโอกาส ขออยู่เคียงชิดใกล้กันทุกชาติไป

วันเวลามิเคยหยุดหมุน อรุณรุ่งผันผ่านมาเยี่ยมเยือน แม้ดวงใจปรารถนาเพียงชื่นชมดวงเพ็ญเย็นกระจ่างสักปานใด หากมีใครหยุดยั้งความร้อนแรงแห่งดวงตะวันได้ คนเรียกร้องรุกเร้าตลอดค่ำคืนยังคงนอนหลับสนิทซุกซบอยู่ในอก หากคนที่โอบกอดกลับข่มตาลงมิได้
 
คงต้องจบเรื่องนี้เสียที
ยิ่งยึด ยิ่งยื้อ ยิ่งดึงดัน รังแต่จะเจ็บปวดกันทุกฝ่าย

จึงคลายอ้อมแขนและผละออกจาก ‘สุดที่รัก’

ถึงแม้ว่า ชาตินี้ ชาติหน้า หรือชาติไหน
ถึงแม้ว่า หน้าที่จะบังคับให้ต้องเป็นของใคร

หากแต่ดวงใจ ชีวิต และจิตวิญาณ ก็คงจงรักภักดีใน ‘สุดที่รัก’ เพียงคนเดียว

‘เพียง...รัก’
ขอเพียงได้รัก… ‘สุดที่รัก’ ทุกชาติไป



#JKLTHESERIES

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: JKL THE SERIES: JUST; CONDITION 27.01.2018
«ตอบ #47 เมื่อ27-01-2018 11:51:54 »

ขอบคุณค่ะ  ขอให้ผ่านอุปสรรคนี้ไปได้นะคะ

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: JUST; CONDITION 27.01.2018
«ตอบ #48 เมื่อ27-01-2018 11:58:51 »

นึกว่าเข้าใจกันกันแล้วจะหมดอุปสรรค ยังมีอีกจนได้ คุณอรุณจะทำอะไร

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST; GIVER 28.01.2018
«ตอบ #49 เมื่อ28-01-2018 09:27:48 »

Just…Giver;

๒๑. ผู้ให้

 

ดวงจันทร์อ่อนแสงเรืองรองเหลือเพียงเงาราง ๆ สีขาวจาง เมื่อดวงอาทิตย์เริ่มทอแสงประกายส้มเรืองรอง ณ ปลายขอบฟ้า

 

ตลอดสิบกว่าปี ที่เฝ้ารอคนไกล

ตลอดสิบกว่าปี ที่พระจันทร์ยามค่ำคืน คือเพื่อนเพียงคนเดียวตลอดมา

 

เพื่อนคนเดียวที่รับฟัง

เพื่อนคนเดียวที่รับฝากความคิดถึง

เพื่อนคนเดียวที่รับรู้ถึงความรัก ความผูกพัน ที่มีให้กับคนคนหนึ่ง ณ อีกฟากฝั่งท้องฟ้า

 

ดวงจันทร์ดวงเดียวกัน ฤามิใช่

 

หากไม่ได้พบเพื่อนมานาน เมื่อเขาคนนั้นกลับมาอยู่เคียงข้าง

ขอโทษที่ไม่ได้มาพบ ขอโทษที่ไม่ได้มาคุย ขอโทษที่มาส่งช้า

 

ได้โปรด อย่าโกรธ ได้โปรด อย่างอนกันเลย

เพราะต่อจากนี้ต่อไป คงต้องให้เพื่อนคนเดิมรับฝากความรัก ความลับ ความปรารถนาดีไปให้คนคนเดิมอีกครั้ง ภาพร่างศาลาไทยที่ถูกผ้าขาวคลุมไว้ ภาพที่เคยถูกทวงถามตั้งแต่คืนแรกที่กลับมา ‘บ้าน’

‘ภาพนี้ของพี่หรือ’

‘ไม่ค่อยมีเวลา ไม่แน่ใจว่าจะเสร็จเมื่อใด’

‘ไม่เป็นไร พี่เฝ้ารอได้ รอได้ตลอดชีวิต ขอเพียงเป็นของพี่ก็พอ’

‘ว่าอย่างไรคะ’

‘ครับ ‘ภาพนี้’ ของคุณชาย’

แม้จะเน้นสิ่งที่จะให้กลับไป แม้จะเปลี่ยนเรื่องพูดคุย หากคนถามกลับย้อนกลับมาถามคำถามที่ตั้งใจจะให้ครุมเครือนั่น

 

‘ว่า ยังเป็น 'ของของพี่' อยู่หรือเปล่า’

คำถามที่ไม่ได้ตอบในวันนั้นด้วย ไม่มั่นใจ

 

หากใครจะรู้ภาพร่างนั้น ตอนนี้เสร็จสิ้นสมบูรณ์แล้ว

รวมถึงคำตอบในวันนั้น ก็ได้ตอบออกไปหมดสิ้นแล้วด้วยกายและใจ และในตอนนี้ก็คงถึงเวลาที่ต้องมอบภาพสุดท้ายที่จะวาด ให้แก่เจ้าของแล้ว คงทำให้ได้เพียงเท่านั้น คงให้ได้เพียงแค่นี้

 

‘สิ่งสุดท้าย’ ที่จะมอบให้ได้

หากเพียง ‘สิ่งเดียว’ ที่ตัวเองจะ ‘เก็บ’ ไว้  สิ่งที่จะไม่เปลี่ยนแปลงตลอดกาล แม้ว่าคืนจะหมุนผ่าน วันจะหมุนเวียน นานเท่าใดก็ตาม



ภาพใครบางคนที่ดวงใจอ่อนล้านักในห้องรับแขก...

ภาพใครบางคนที่ตามมาทานอาหารว่างเป็นเพื่อน...

ภาพใครบางคนในค่ำคืนสุดท้ายก่อนจากไกลอีกครั้ง...

ภาพใครบางคนในคืนแรกที่เดินทางกลับมาบ้านของเรา...

ภาพใครบางคนใต้เงาร่มไม้ ที่หยิบยื่นดอกไม้สีขาวบริสุทธิ์ให้...

ภาพใครบางคนที่มานั่งอ่านหนังสือข้าง ๆ และคอยปลุกทุก ๆ เช้า...

ภาพใครบางคนที่ทานอาหารด้วยกันทุกมื้อ ไปทำงานด้วยกันทุก ๆ วัน...

ภาพใครบางคนที่ยืนเฝ้ามองจากหน้าต่างระเบียงชั้นที่สองของวังศศิธร...

ภาพใครบางคนที่นอนนิ่งคว่ำหน้าสลบไสลใต้ต้นไม้ใหญ่ที่ทำเอาใจแทบขาด...

ภาพใครบางคนที่สารภาพความในใจ และขอเป็นทางเลือกอีกทาง ทั้งที่ไม่เคยเป็น...

ภาพใครบางคนที่อยู่เคียงข้าง ยืนอยู่เคียงคู่ เป็นกำลังแรงใจในการก้าวเดินตลอดมา...



จะขอ ‘เก็บ’ เพียง ภาพความสุข ภาพความทรงจำ เรื่องราวต่าง ๆ ที่เกิดขึ้นมากมาย

จะขอเพียง ‘เก็บ’ ทุกอย่างไว้ในหัวใจ

 

ร่างสูงขาวจัด ผมหยักศกเป็นลอนสวย ยังคงนอนหลับสบายบนเตียง และภาพสุดท้ายที่จะ ‘เก็บ’ คือ ภาพภาพนี้ ภาพผู้ชายคนนี้ ผู้ชายอันเป็นที่รัก

 

‘เพราะ...ทั้งชีวิต...ผมมี...แค่เพียง...พี่ชาย’

‘มีเพียง...พี่ชาย...เพียงคนเดียวนะครับ’

 

หากต่อจากนี้ต่อไปเขาจะกลับมาเป็นเพียง ‘ครอบครัว’

หากต่อจากนี้ต่อไปเขาจะกลับมาเป็นเพียง ‘พี่ชาย’ ดังเดิม

 

จึงแหวกมุ้งบางเบาเข้าไปนั่ง ก่อนจะโน้มตัวเอนลงมอบจุมพิตสุดท้ายไว้ที่ปลายคางและกระซิบฝากรักไว้เพียงแผ่วเบา

“ล.ลาก่อนครับ...สุดที่รัก”

 

นานเท่าใดแล้วที่ไม่ได้มารับของเช้าที่นี่ เมื่อมาถึงเด็กที่บ้าน จึงจัดสำรับให้ทานพร้อมกับคุณก๋ง

“คุณก๋งให้หา เพราะต้องการคำตอบใช่ไหมครับ” ตะเกียบยังใช้คีบได้แต่เพียงอาหารตรงหน้า ที่ทานเข้าไปโดยไม่รู้รส และมิได้ใส่ใจว่าคืออะไร

 

หากรู้เพียงว่า...แม้ข้าวต้มขาวยังขมในคอ

 

“ถ้าเป็นเช่นนั้นเราจะว่าอย่างไรล่ะ” ท่านถามเหมือนเป็นเรื่องธรรมดาคุยเล่นกันทุกวันยามเช้า

“แล้วแต่ผู้ใหญ่เห็นสมควรเถิดครับ ผมไม่ขัดอะไร”

“พี่ชาย เราเขาไม่มาถอนหงอกฉันหรอกใช่ไหม ถ้าตอบทางโน้นเขาไปแบบนี้”

“.........................” หากแต่เรื่องนั้น ก็เชื่อว่าพี่ชายคงเคารพการตัดสินใจของตนเช่นกัน

“ยังไม่ได้คุยกัน”

“ครับ”

“แล้วเราแน่ใจแล้วแน่นะ ถ้าก๋งบอกทางโน้นเขาไปจะมาเปลี่ยนกลับไปกลับมาเป็นเด็กไม่ได้”

“ครับ ผมมั่นใจ”

“ไอ้เด็กดื้อ มันก็ยังเป็นเด็กดื้อวันยังค่ำ ส่วนเด็กดีให้ยังไงก็ยังเป็นเด็กดีจนแล้วจนรอดสินะ”

คุณก๋งเปรย สิ่งที่ตัวเองหาได้รู้ความนัยไม่

“ทางโน้น เขาบอกยกเลิกมาแล้ว”

“อะไรนะครับ” แม้ตกใจ หากหัวใจที่เคยปวดร้าวกลับมลายหายไปสิ้น

“เมื่อวันก่อนหม่อมพรรณราย มาแจ้งข่าว”

“เธอบอกว่าลูกสาวเธอปฏิเสธ ไม่ยอมแต่งงานกับเราแล้ว”

“ไปทำอะไรเขาไว้หรือเปล่า”

“เปล่านะครับ” แม้ตอบไปอย่างนั้น หากแต่ หรือเป็นเพราะว่าสิ่งที่คุยกันวันนั้น



‘หญิงรัก และเข้าใจพี่อรุณเสมอ ยอมรับในการตัดสินใจของพี่ทุกอย่าง แต่...’

‘ถ้าวันหนึ่ง ถ้าเพียงหากหญิงทราบว่าเธอเป็นใคร หญิงอยากบอกกับเธอเหลือเกินว่าเธอโชคดีเหลือเกินที่ได้หัวใจรักของพี่ชายของหญิงไป ชาตินี้หญิงยอมเธอ เพราะหญิงรู้ตัวเองดีว่าหญิงขี้ขลาดเกินไป อ่อนแอเกินไป หญิงคงไม่หาญกล้ามากไปกว่านี้’

‘แต่หากเพียงภายภาคหน้าต่อไปไม่ว่าอย่างไรหญิงจะเข้มแข็งค่ะพี่อรุณ และหญิงจะไม่มีวันยอมเธอง่าย ๆ ดังเช่นวันนี้ และหญิงขอภาวนาให้เธอคนนั้นไม่ได้โชคดีกับเรื่องของความรักง่ายดายดังเช่นนี้ตลอดไป’

“งั้น เห็นทีต้องไปขอบใจเธอแล้วกระมัง”

 

เมื่อมองตามหลานชายคนเล็กที่ขับรถออกจากบ้านไป เด็กดีเสมอมาเป็นดังเพชรแท้ที่ใคร ๆ ก็รักและชื่นชม

หากน้อยคนจะรู้....

 

‘ดวงคุณชายอีจะเดินทางไปไกล และอีก็จะไม่ยอมกลับบ้านเกิดเมืองนอน ดวงพลัดบ้านพลัดเมือง’

‘คุณเตี่ยคะ’ ลูกสาวคนเดียวตกใจ

‘ไม่มีทางแก้เลยหรือซินแส’ หากผู้มีญาณเห็นอนาคตส่ายหน้า จึงหวาดหวั่นเพราะสิ่งที่ท่านทำนายทุกอย่าง ถูกต้องเสมอมา ทั้งเรื่องกิจการ ทั้งเรื่องของครอบครัว

‘ส่วนนี่อะไร ลื้อเอาดวงสิ้นอายุขัยมาให้อั๊วดูทำไม’

‘ไม่นะคะ ลูกบุญธรรมของอิฉัน อรุณยังมีชีวิตอยู่’

‘เดี๋ยว ขอวันเดือนปีเกิดคุณชายใหม่ ขอของลื้อ ของของท่านชายด้วย’

‘..................................................................’ ซินแสดูตัวเลขวันเดือนปีเกิดของคนในครอบครัวทั้งสี่คนสลับกันไปมา ก่อนจะวางของท่านชายคนแรก และเงียบอยู่นาน ก่อนที่จะกล่าวต่อ

‘ดวงลื้ออุปถัมภ์อุ้มชูเด็กคนนี้ไว้ เพราะอีเคยเป็นลูกลื้อมาก่อน ในชาติภพที่แล้ว ตามกันมา เลี้ยงให้ดี เด็กคนนี้รักดี อีจะกตัญญูตอบแทนบุญคุณ’ ซินแสถอนหายใจเหมือนฝืนกล่าวต่อ

‘และ อีก็จะเป็นคนเดียวที่ทำให้ลูกชายคนเดียวของลื้อกลับมาบ้าน เพราะ สองดวงนี่ เขามาด้วยกัน เขาเป็นคู่กัน’

‘แต่’

‘อั๊วรู้ ถ้าไม่เชื่อลื้อก็คอยลองดู แต่......................’

 

แม้เห็นเพียงด้วยตา รับรู้จากประสบการณ์ ตอนนี้เขาก็เชื่อสิ่งที่ซินแสพูดเป็นจริง ‘เด็กทั้งสองคนรักกัน’ แม้ยากยิ่งที่จะยอมรับ

หากแต่สิ่งที่กลัวที่สุด คือสิ่งที่ซินแสท่านทำนายต่อไปต่างหาก

 

“อาไหมเตี่ยรู้ ลื้อรักเด็กคนนั้น” ท่านเปรยกับสายลมฝากถึงลูกสาว ลูกสาวคนเดียวที่ดูแลโอบอุ้มเด็กน้อยเพราะเชื่อเสมอว่า ถ้าดูแลอีกคนดี อีกคนก็จะมีความสุขด้วยเสมอ และเกี่ยวรั้งเด็กน้อยเก็บไว้ใกล้ชิดด้วยความรัก เพื่อให้อีกคนตาม อีกคนกลับมาบ้าน เพื่อให้ลูกชายคนเดียวไม่พลัดถิ่นฐานบ้านเกิด

 

ถึงขั้นยอมขอร้องอ้อนวอนทุกคนไม่ยอมให้อรุณไปเรียนต่อ หากคนที่ตัดสินใจไม่ไปเสียเอง ก็คือ ‘เด็กรักดี’ ที่รักแม่จ๋า มากมายนัก ผูกพันกันลึกซึ้งนัก

 

อย่าเลย... สวรรค์ได้โปรด...

“อาไหม อั๊วช่วยเต็มที่แล้ว ที่เหลือลื้อต้องช่วยลูกของลื้อเอง” อย่าให้เป็นดังที่ซินแสท่านกล่าวต่อไปเลย

 

“ทำอะไร” เจ้าจ้อยกำลังดันเจ้าเสือน้อยที่ตัวไม่น้อยขึ้นต้นไม้หน้าตึกใหญ่

“ฝึกให้เจ้าเสือน้อยปีนต้นไม้ เป็นแมวซะเปล่าปีนต้นไม้ไม่ได้ กิน ๆ นอน ๆ จนจะเดินไม่ไหวแล้ว” จึงหลุดขำ คนสอนแมวเพิ่งเคยเห็นเป็นครั้งแรก

“…เห็นพี่ชายฉันไหม”

“พี่ของใครทำไมไม่ดูกันเอง”

“อ้าว ก็ไปบ้านคุณก๋งมา ฝากบอกไว้แล้วไงเมื่อเช้า”

“ก็บอกไปแล้ว”

“บอกใคร”

“ก็บอกพี่ชายใครบางคน ยังไม่ทันจะพูดจบก็รีบขับรถฉิวตามออกไป” คงจะสวนกัน

“แล้วนั่นจะไปไหน”

“จะออกไปธุระที่วังคุณหญิงแพร ฝากบอกอีกที”

“แต่คราวนี้ฝากบอกให้รอที่นี่นะ ไม่ต้องให้ตามไป จะสวนกันไปสวนกันมา”

“จะอยู่คุย และรับอาหารเย็นที่นั่น กลับค่ำ ๆ”

“เป็นตู้จดหมายนี่... จะได้ค่าแสตมป์ไหม” จึงส่ายหน้าอ่อนใจกับเด็กเจ้าเล่ห์ที่อยากได้ค่าขนม

“ฝากบอกให้ครบแล้วกัน กลับมาจะคิดอีกที”

 

ท้องฟ้ามืดครึ้ม ลมแรงจัด คล้ายพายุใหญ่อำลาหน้าฝนกำลังจะมาเยือน

“น้องหญิงส่งพี่แค่นี้เถอะค่ะ ฝนจะลงเม็ดแล้ว”

“พี่ชายคะ ถึงอย่างไร... ก็อย่าทิ้งหญิงไปนะคะ อย่าหายไปเลยนะคะ”

“ไม่ว่าอย่างไร น้องหญิงก็จะเป็นน้องสาวของพี่เสมอค่ะ”

“ขอบคุณค่ะพี่อรุณ ฝากความคิดถึง ‘พี่ชาย’ ด้วยนะคะ” รอยยิ้มคืนกลับมาสู่หญิงสาวอีกครั้ง

“น้องหญิง” หากไม่เคยคิด ไม่เคยคาดฝัน

“หญิงคิดว่า หญิงทราบค่ะ ฝากบอกเธอด้วยว่า ชาติหน้าหญิงจะเข้มแข็ง หญิงจะไม่ยอมแพ้เธอง่าย ๆ อย่างนี้แน่นอน” สายตาที่เปล่งประกายเชื่อมั่น เธอเข้มแข็งขึ้นมากจริง ๆ

“พี่ขอบคุณหญิงมากจริง ๆ สำหรับทุกสิ่งทุกอย่าง ขอบคุณที่หญิงเข้าใจ”

“ขอบคุณจริง ๆ”

“ค่ะ” รอยยิ้มสวยหวาน นัยน์ตาประกายระยิบจริงใจยิ่ง

“งั้นพี่ลาก่อนนะคะ”

“ค่ะพี่อรุณ”

 

วันนี้เหนื่อยมากจริง ๆ คงเป็นด้วยเรื่องกังวลที่ค้างคาใจจึงทำเมื่อคืนนอนไม่หลับตลอดทั้งคืน และต้องขับรถไปมาเพื่อยุติปัญหาทุก ๆ อย่างทั้งวัน

ครบหมดแล้ว ครบถ้วนแล้ว สิ่งที่ต้องกระทำ

 

ร่างกายอ่อนเพลียนัก หากแต่หัวใจช่างปลอดโปร่ง ไม่ต้องฝืน ไม่ต้องทรมาน ไม่ต้องอึดอัด อย่างที่แล้วมา หากเหลือเพียง... คนคนเดียวที่อยากพบ…‘สุดที่รัก’

 

ท้องฟ้ามืดมิดด้วยเมฆฝนที่ปกคลุม ท้องนภาไร้ดาวและดวงเดือน ฝนตกหนักปานฟ้ากำลังร้องไห้ เสียงฟ้าร้องปานร้องไห้ครวญคร่ำ หนทางที่มุ่งตรงตัดสู่ดวงใจอันเป็นที่รัก เส้นทางถนนที่ทอดตัวสู่ ‘วังศศิธร’

 

ที่ที่ ‘สุดที่รัก’ ยังคงเฝ้าคอย

 

ทุก ๆ อย่าง ‘สิ้นสุด’

ทุก ๆ ‘หน้าที่’ ที่ติดค้าง ‘เสร็จสิ้น’

 

การเดินทาง ‘กลับบ้าน’ ครั้ง ‘สุดท้าย’





#JKLTHESERIES







TALK;

คือ... เราคงต้องเตือนคนอ่านไว้ก่อน ใน Prologue JUST

‘เพียง...รัก’ เท่านั้นที่ลิขิตเส้นทางชิวิตแห่งเราสอง
‘เพียง...รัก’ เท่านั้นที่เป็นเหตุและผลแห่งการกระทำในทุก ๆ สิ่ง

โศกนาฏกรรมแห่งความรัก ที่มี ‘เพียง...รัก’ เท่านั้นที่จะสัมผัสได้

ดังนั้นจริง ๆ แล้ว JUST ยังเหลืออีก 2 ตอนค่ะ แต่เราคงอัพตอนหน้าได้อีกแค่ตอนเดียว เพราะตอนสุดท้ายมันจะไปผูกกับ SERIES เรื่องอื่นที่ต่อจากเรื่องนี้ ดังนั้น ตอนจบ JUST จะเจ็บมากจริง ๆ เพื่อจะ PASS AWAY ไปยัง SERIES ต่อไป

เราจึงต้องมาบอกให้ทำใจก่อน ฮึบนะคะ แต่เราบอกไว้เลย ว่าตัวเราทำไม่ได้เลยสักเครั้งเดียว

ส่วน SERIES ต่อไปคือ KEEP จะถูกเปิดมาในปีปัจจุบันเลย ซึ่งอยากให้ลองหาตัวละครที่ผูกกันดูนะคะ ไม่ยากหรอกค่ะ แล้วถ้าต้องการความหวาน LOVE ในตอนสุดท้ายที่จะเฉลยปมใน JUST จะกลับมาชดเชยให้นะคะ
 
ขอบคุณที่ติดตามค่ะ

โศกซึ้งให้เต็มที่นะคะ

https://www.youtube.com/watch?v=NtuYhekqC1s

CoMMuNiTY Of ThAiBoYsLoVE

Re: JKL THE SERIES: JUST; GIVER 28.01.2018
« ตอบ #49 เมื่อ: 28-01-2018 09:27:48 »





ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: JKL THE SERIES: JUST; GIVER 28.01.2018
«ตอบ #50 เมื่อ28-01-2018 11:48:32 »

เตรียมใจรับความโศกเศร้า ค่ะ

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: JUST: DREAM (ENDING OF JUST: PART 1 of JKL) 29.01.2018
«ตอบ #51 เมื่อ29-01-2018 09:45:49 »

Just...Dream;

๒๒. สุดที่รัก

 

“ผมเพิ่งรู้ข่าว เกิดขึ้นได้อย่างไรครับ”

“ฝนตกหนัก ถนนลื่น อีกนิดเดียว เกือบจะถึงวังแล้วเชียว”

“คุณหมอว่าอย่างไรบ้างครับ”

“.........................................”

“คุณก๋ง!!!”

“หมอฝรั่งบอก แค่พรุ่งนี้เช้า”

“คุณก๋ง” เสียงร้องให้ปานขาดใจครั้งแรกที่เคยได้ยินของท่านชายศศธร

 

ถ้าร้องได้บ้างน่าจะดี หากตอนนี้....

ห้องทั้งห้องมืดมิด มีเพียงแสงสว่างจากห้องนอนที่เชื่อมต่อสาดส่องเป็นทางออกมาจากห้องนอนของตนที่ตอนนี้คุณก๋งกำลังปลอบท่านอาอยู่ น้องน้อยคล้ายนอนหลับสนิท รอยยิ้มบางยังคงฉาบฉายบนใบหน้าหวาน คนเป็นพี่จึงได้แต่เพียงนั่งเฝ้ากุมมือไว้ข้างเตียง และลูบผมอ่อนนุ่มอย่างเบามือ

‘ทุกอย่างจบลงแล้ว’

 

ข่าวดีที่รับรู้

ข่าวดีที่เจ้าตัวตั้งใจจะบอกให้ได้รู้

 

หากแต่...

“ไม่มีทางอื่น ไม่มีวิธีอื่น ทำอะไรไม่ได้แล้วหรือครับ” เสียงแว่วสะอื้นปานจะขาดใจจาก ห้องข้าง ๆ ถ่ายทอดมาเป็นระยะ

“ท่านชาย... ก็รู้ เรายื้อกันมานานมากแล้ว”

“คุณก๋งเชื่อ”

“อะไรบ้างที่ไม่จริง”

“ซินแสบอกไว้ไหมครับว่าแก้อย่างไร มีวิธีไหนบ้าง” เรื่องอะไรที่คุยกัน... ไม่เคยรู้ จึงละสายตาจากใบหน้าหวาน หากไม่ยอมปล่อยมือพรากจาก เพียงหันไปฟังอย่างตั้งใจ

“................................................................”

“ดวงเขาสิ้นอายุขัยมาตั้งแต่พ่อแม่เขาเสียแล้ว”

“จริง ๆ เขาต้องไปพร้อมกับครอบครัวของเขา หากแต่ดวงคนอุปถัมภ์ ดวงคู่ที่ยื้อไว้”

“ใจจริงผมกลัวตั้งแต่ลูกสาวผมเสียไป ไม่อยากให้ไปไหน ไม่อยากให้ไปคนเดียว หากนานจนลืมนึก คิดว่าคงจะไม่มีอะไรแล้ว”

“แต่คู่เขายังอยู่นี่ครับ” ท่านอาเอ่ยค้าน หาก... คู่อะไร

“เรื่องคู่ ซินแสเขาบอกเพียง... อรุณจะทำให้ชายเกิ้งกลับบ้าน ไม่พลัดพรากถิ่นฐานบ้านเกิด”

“หากอายุขัยที่ยืดยาวมาได้เพียงเพราะไหมรับเป็นลูก เลี้ยงดูอุ้มชู เคยเป็นแม่ลูกผูกพันกันมาแต่ชาติปางก่อน ตามกันมาและ จะตามกันไป”

“พี่ไหมถึงดูแลตัวเองอย่างดี เก็บอรุณไว้ข้างตัวตลอด”

“เห็นจะถูก รักกันมากมายลึกซึ้งเกินกว่าแม่ลูกแท้ ๆ จนใคร ๆ ก็รู้”

“ถ้าไหมไป อรุณจะไป ซินแสท่านบอกไว้”

“แต่ไม่เคยคิดว่าอรุณจะอยู่จนความตั้งใจของไหมเสร็จสิ้น คนเป็นแม่คงไม่อยาก คงไม่ต้องการให้ลูกชายตัวเองต้องอยู่ต่างบ้านต่างเมือง”

“เราไม่มีวิธีอื่น ช่วยอะไรไม่ได้แล้วหรือครับ ถ้าอรุณไป ชายเกิ้งจะอยู่อย่างไร”

“..........ผมก็หมดปัญญาจริง ๆ ท่านชาย ไม่เคยคิดว่าทุกอย่าง...จะเป็นเช่นนี้”

 

นี่หรือ... ทุกสิ่ง ทุกอย่างที่ดำเนินมา

นี่หรือ... ชะตาที่ฟ้าลิขิต

 

ท่านทั้งสองที่รัก และเคารพยิ่ง ท่านรู้มาก่อน

หากแต่เพียงถ้ารู้ก่อน จะแก้ได้จริงหรือ ยังสงสัย

 

“พ..พี่ชายครับ”

“อรุณ....”

“พี่ชาย...บางสิ่ง บางอย่าง เกินกว่าที่เรา....จะแก้ไขได้หรอกครับ”

“ตื่นนานแล้วหรือคะ”

“ก็ได้ทันฟังพร้อมกันค่ะ” รอยยิ้มที่คลี่แย้มฝืนเบิกบาน

“อรุณ.. เจ็บไหมคะ” แม้ใบหน้าหวานมิได้มีรอยขีดข่วน หากแต่ภายในเสื้อนอนสีขาวร่างเล็กมีผ้าพันแผลห่อหุ้มตลอดทั้งตัว อุบัติเหตุรถคว่ำ แรงกระแทกทำให้อวัยวะภายในฉีกขาด เลือกตกภายใน แม้ผ่าตัดแล้ว พยายามห้ามเลือดแล้ว

 

หากแต่...บอบช้ำเกินไป

ทำได้เพียงยื้อเวลา...

 

‘คนไข้จะฟื้น หากเพียงจะอยู่ได้ไม่เกินพรุ่งนี้เช้า เพราะเลือดที่ตกภายในยังไหลไม่หยุด’ เพียงสบสายตา น้ำตาที่เหือดแห้งไหลพรากอีกครั้ง ด้วยเกินกว่าจะฝืนทนได้อีกต่อไป เพียงรุ่งอรุณ จะเหลือเวลา... เพียงสักเท่าไหร่

 

“ไม่เจ็บแล้วครับ...พี่ชาย อย่าร้องเลยครับ”

“พี่.......................” แม้รู้ว่าเวลาที่มีนั้นน้อยนิดนัก หากแต่ไม่สามารถเอื้อนเอ่ยสิ่งใดได้ จึงกลายเป็นมือเล็กที่ยื่นมาช่วยซับน้ำตา และยิ้มปลอบโยนให้กำลังใจ

“พี่ชายครับ อยากพบ... คุณก๋ง ท่านอา และก็เจ้าจ้อย ช่วยตาม ให้ทีเถอะครับ”

“ได้สิ...รอพี่นิดนะคะคนดี”

 

บรรยากาศของการอำลาทำให้ทั้งห้องเต็มไปด้วยน้ำตา หากแต่คนที่สั่งเสียกลับแย้มเยือนรอยยิ้มอ่อนบางโดยตลอด คุณก๋งโอบกอดร่ำลาหลานคนเล็ก ท่านชายกลั้นสะอื้นไห้ และจุมพิตลงที่หน้าผากเนียน ก่อนที่ท่านทั้งสองจะเลี่ยงหลบไปนั่งที่โต๊ะอาหารเล็กริมระเบียง

“ฉันยัง ไม่ลืมค่าแสตมป์”

“ไม่เอาแล้ว ไม่ขออะไรแล้ว” เด็กน้อยปล่อยโฮ โถมเข้าไปกอด

“จ้อย ไม่เอานะ เป็นผู้ชาย ต้องเข้มแข็ง เป็นผู้ชาย เขาไม่ร้องไห้กันนะ” ร่างเล็กผ่อนลมหายใจ

“ดูฉันสิ ยอมให้ฉัน เก่งกว่าหรือ”คำพูดจึงออกมาเป็นช่วง ๆ เหมือนทรมานยิ่ง หากแต่ยังฝืนยิ้มแย้มพราย

“ยอมแล้วยอมทุกอย่าง ไม่อยากได้อะไรแล้ว จะไม่ดื้อไม่ซน”

“คุณ...คุณอย่าไปนะ คุณอย่า.....”

“ห้ามไม่ได้ หรอกจ้อย มันสายไปแล้ว...”

“ถึงฉันไป ก็ไม่ได้แปลว่า ฉันไม่รักเรา หรอกนะ”

“จะมาหา” คนขู่หัวเราะเสียงใส

“ไม่กลัว แต่อย่าไปเลย ไม่ไปได้ไหม”

“ไม่ได้ หรอกจ้อย แต่ถ้า ไม่กลัว จะกลับ กลับมาหา จริง ๆ สักวัน”

“สัญญาแล้วนะ”

“สัญญา วันนึงนะ แล้วอย่า อย่าลืมฉันนะ”

“จะไม่มีวันลืมคุณ”

“เป็นเด็กดีนะ ดูแลเสือน้อย ดูแล ‘พี่ชาย’ ให้ฉัน สัญญานะ”

“สัญญา”

“ฉันรักจ้อย แล้วจะกลับมา จะกลับมาหา” สองคนกอดกันกลม จนร่างบางเริ่มกระอักกระไอหนักขึ้นจนตัวโยน

“จ้อย ออกไปก่อน ไปกับฉันก่อน” ท่านอา และคุณก๋งจึงมาแยกเด็กน้อยออกไปจากห้อง

“ชายเกิ้งดูน้องต่อเถิด อากับเจ้าสัวจะรอห้องที่ห้องข้าง ๆ” ท่านต้องการให้สั่งเสีย ร่ำลาส่วนตัว

“ครับ”

“พี่ชายครับ อยากไป นอนที่ตั่ง อยากเห็น สวนฝรั่ง ได้ไหมครับ”

“ค่ะ” จึงอุ้มน้องน้อยไว้แนบอก ก้าวเดินมุ่งตรงสู่ตั่งไม้ริมระเบียง และนั่งเอนหลังนอนลงอยู่ด้วยกัน ร่างเล็กซุกตัว สองร่างกอดกระชับ ก่อนที่ร่างเล็กจะเอื้อนเอ่ย

“พี่ชายครับ” น้องน้อยเพิ่งหายจากอาการไอ ยังคงหายใจแรง หอบน้อย ๆ

“พักก่อน...อย่าเพิ่งพูดอะไรนะคะ”

“เหลือเวลา ไม่นานแล้ว ให้ผม ได้พูดเถอะครับ”

“อรุณ.............................” เจ้าตัวรู้ตัวเองดีที่สุด หากคนรับฟังใจจวนเจียนจะขาด

“พี่ชายคะ พี่ชายจำ คืนสุดท้าย ก่อนเดินทาง ไปอเมริกา ได้ไหมคะ”

“ค่ะ ทั้งสองครั้ง สองครั้งที่พี่ให้สัญญาพี่จะกลับ พี่จะรีบกลับมาหาอรุณ”

“มาหา‘สุดที่รัก’ของพี่”

“พี่ชาย ทราบแล้ว ใช่ไหม จดหมาย ทุกฉบับ ที่แม่จ๋าส่ง”

“อรุณเป็นคนเขียนพี่รู้” แน่แท้ประจักษ์ชัดในดวงใจ ความผูกพันที่ไม่เคยรู้

“ผมเป็นคนอ่าน ผมเป็นคนเขียน จดหมาย ทุกฉบับ ให้แม่จ๋า ตลอดสิบห้าปี”

“ผมรู้เรื่องราว ผมรักคนที่ เขียนตอบ จดหมาย คนนั้น มานาน” เสียงสะอื้นเล็ก ๆ หลุดออกมา ก่อนจะฝืนกล่าวต่อ

“แต่จดหมาย ทุกฉบับ เป็นเพียง ในนามแม่จ๋า”

“หากแต่เวลา ที่ผมคิดถึง ผมเฝ้ามอง เฝ้าฝาก ความคิดถึง ไปกับ พระจันทร์” คนกล่าวมองเหม่อออกไปยิ้มให้กับดวงจันทร์นอกระเบียงที่ทอแสงนวลจับต้องใบหน้าหวาน

“ฝากไว้ เพราะคิดว่า แม้จะอยู่ คนละฟากฟ้า คงยังเป็น พระจันทร์ ดวงเดียวกัน”

“หลังจาก ที่พี่ชาย กลับไปอีกครั้ง ผมดีใจ ที่พี่ชาย เขียนจดหมาย มาหา” รอยยิ้มอ่อนหวานพาดวงใจมลายสูญ

“ผมเก็บ ทุกฉบับ ทุก ๆ ฉบับ ไว้เป็นอย่างดี เก็บไว้ในลิ้นชัก โต๊ะเขียนหนังสือ นะครับ”

“ผมรัก จดหมายทุกฉบับ ทุก ๆ ฉบับ ของพี่ชาย พี่ชายเก็บไว้ นะครับ” คนฟังทำได้แต่เพียงพยักหน้าตอบ

 

ด้วยทุกสิ่ง ด้วยทุกอย่าง ที่ตื้นตันอยู่ในอก

ความรักบริสุทธิ์ มั่นคง หาใดเปรียบ

 

คนที่ครอบครอง คนที่ได้รับยิ่งละอาย ความรักที่ได้รับตลอดมามากมายล้นปรี่

หากวันเวลาที่จะทดแทนตอบกลับ ช่างสั้นดั่ง ‘ความฝัน’

 

“พี่ชายครับ”

“ครั้งนี้ เปลี่ยนกัน ได้ไหมครับ”

“ครั้งนี้..... ให้ผม ไปก่อน”

“ให้ผม ไปรอ พี่ชายก่อน”

“พี่จะรีบตามไป” ดวงใจขาดรอน ร่างกายจะทนอยู่ได้นานเท่าใด

“ไม่ ไม่ครับ” คนตอบ ร้องเสียงหลง

“ชาตินี้ ผมรอ และผม จะไปรอ”

“ขอเพียง พี่ชาย จะรอ ผมบ้าง รอที่นี่”

“พี่ชาย ต้องสัญญา ต้องให้สัญญา”

“ใช้ชีวิต ที่เหลืออยู่ ให้มีความสุข ให้คุ้มค่า”

“ไม่มีอรุณ พี่คงไม่มีวันมีความสุขได้อีก” ทุกสิ่งที่ตอบล้วนมาจากใจ

“ได้โปรดเถิด...พี่ชายครับ ดูแลคุณก๋ง ดูแลท่านอา ดูแลเจ้าจ้อย”

“ทำทุกอย่าง ให้สมบูรณ์ ตอบแทน ทำแทน ผมด้วย”

“ผมจะรอ ผมจะคอย ไม่ว่านาน แค่ไหน จะคอย เพียงพี่ชาย คนเดียว”

“สัญญา นะครับ ทำเพื่อผม ทำแทนผมด้วย”

“อรุณ......................” คำสัญญาที่ยากยิ่งที่สุดในชีวิต

 

‘รู้’ เจตนาคนร้องขอแท้จริงต้องการสิ่งใด

‘รู้’ แท้ที่จริงเป็นห่วงใคร ทำเพื่อใคร

 

ทุกอย่างที่ขอ ‘สัญญา’ ที่ต้องการคำมั่น

แท้ที่จริง...เพียงเพื่อ... ‘เขา’ เพื่อตัวเขาทุกสิ่ง

 

“พี่ชาย.. สัญญา สัญญานะครับ” หากเมื่อคนที่ร้องขอเป็นคนที่รักที่สุด

“..........พี่สัญญา จะทำทุกอย่างให้เสร็จให้เรียบร้อย แล้วพี่จะรีบตามไป จะตามไปนะคะคนดี”

“ครับ ผมจะรอ.....”

“อย่าร้อง อย่าร้องนะครับ” แม้จะพยายามฝืนกลั้นเท่าใดก็ไม่สามารถกระทำได้ มือเล็กจึงเอื้อมขึ้นมาเกลี่ยน้ำตาให้อีกครั้ง รอยยิ้ม และนัยน์ตายังคงเป็นประกายหยอกล้อ

“ชาตินี้ ผมเป็นฝ่าย รอพี่ชาย ตลอดเลย”

“ชาติหน้า จะให้ พี่ชาย รอบ้าง”

“พี่เต็มใจจะรออรุณ รออรุณคนเดียว จะรักเพียงน้องคนเดียว ทุก ๆ ชาติไป”

 

ดวงตาทั้งสองสบประสาน รอยยิ้มอ่อนหวานที่ส่งให้กันดังคำสัญญา

จะจดจำ ใจจะจำ คืนนี้ เก็บทุกวินาที ที่เหลืออยู่

 

“พี่ชาย... ภาพที่ขอไว้ ภาพวาด ที่สัญญา ว่าจะวาดให้ เสร็จแล้ว นะครับ” ใบหน้าเรียวหันไปมองรูปวาดที่ยังคลุมผ้าขาวไว้

“เป็นสิ่งสุดท้าย เป็นอย่างสุดท้าย เป็นภาพสุดท้าย ที่ผมจะให้ได้ พี่ชายเก็บไว้นะครับ” ใบหน้าหวานจึงหันกลับมาสบสายตาผู้รับ จึงเชยคงมนและจ้องลึกลงไปในดวงตา

“ค่ะพี่จะเก็บไว้ หากพี่จะเก็บจะจดจำทุกภาพ ทุกความทรงจำของเราทั้งสองคน” และกุมมือบางมาวางทับทาบที่ดวงใจ

“พี่จะเก็บความรักของเราไว้ในดวงใจดวงนี้ ไว้ในวิญญาณนี้”

“เพราะว่าวันหนึ่ง พี่จะตามไป จะตามหาน้องของพี่ สุดที่รักของพี่ให้พบ”

“และวันนั้นพี่สาบาน พี่จะไม่รั้งรอ จะไม่รอคอย จะไม่ปล่อยวันเวลาผ่านเลยไปดังเช่นชาตินี้”

“พี่จะตามไป จะทำทุกอย่างให้ดีที่สุด ทำทุกวินาทีให้มีค่าที่สุด สำหรับรักของเรา”

“พี่จะตามไปหาดวงใจของพี่ให้พบพี่สัญญา”

“ครับ... ผมจะรอ”

 

ร่างบางไอหนักจนร่างสะท้านไหว ผ้าเช็ดหน้าสีขาวสะอาดที่ใช้ปิดปากมีรอยเลือดแดงฉาน เสียงหอบหายใจดังค่อยแผ่วอ่อนบาง ลงทุกที ทุกที

“คงไม่ได้เห็น ดอกไม้ ที่พี่ชายบอก เมื่อคืนก่อน”

‘แต่พี่ว่าอรุณคล้ายดอกไม้อย่างอื่นมากกว่า’

‘ดอกสีขาวเหมือนกัน หากดอกใหญ่กว่ามาก ตอนเป็นดอกตูมคลับคล้ายกัน แต่จะออกรวมเป็นช่อ ค่อย ๆ ไล่บานช้า ๆ ทีละดอกอย่างอดทนแข็งแกร่ง หากเมื่อบานสะพรั่งกลีบดอกอ่อนบางน่าทะนุถนอมยิ่งนัก กลิ่นหอมเย้ายวนมีเสน่ห์กว่านี้มาก ถ้ามีโอกาสจะสั่งจากเมืองนอกมาให้’

“คงไม่ได้ เห็นแล้ว...”

“รอนะคะ คนดีรอพี่แล้วพี่จะตามไป แล้วอรุณจะได้เห็นทุก ๆ เช้า ที่เราอยู่ด้วยกัน”

“พี่สัญญา เชื่อพี่นะคะคนดี”

“ครับ” ร่างเล็กทิ้งตัวซุกซบลงในอ้อมอกอีกครั้ง หากครั้งนี้คนเคียงข้างรับรู้ เวลาที่มีคงใกล้หมดแล้ว

“พี่ชายครับ”

“ขอบคุณ นะครับ ขอบ คุณ มาก”

“อรุณ... ไม่ต้องพูดแล้ว.....”

“ขอผมได้พูด เถิดครับ ไม่เป็น ไร”

“ขอบคุณ ที่ให้ โอกาส ขอบคุณ ที่ให้ ชีวิต อีกครั้ง”

“ขอบคุณ ที่ให้ผม ได้รัก”

“ขอบคุณ ที่รักผม”

“ ‘เพียง…รัก’ ผม ก็ พอ แล้ว”

“ผม ไม่ ขอ ไม่ อยาก ได้ อะ ไร อีก แล้ว” “พี่รักอรุณ รักอรุณมาก และจะรักอรุณคนเดียว ‘สุดที่รัก’ ของพี่”

“ขอบ คุณ ครับ”

“ผม รัก...”

“พี่ ชาย...”

“รัก”

“อรุณ........................”

 

‘น้ำค้าง’ ยามเช้าเริ่มประพรม เกาะขอบระเบียงส่งประกายระยิบระยับเมื่อแสงอาทิตย์สาดส่อง ช่างงดงาม เย็นฉ่ำ และนุ่มนวล เหล่าสกุณาส่งเสียงร้องเจื้อยแจ้วเตรียมออกจากรัง

 

วันเวลามิอาจหยุดยั้ง ดวงตะวันมาเยือน

แสงรุ่งอรุโณทัยสาดทอขอบฟ้า วันใหม่ก้าวเดินดำเนินต่อไป....





#JKLTHESERIES

ENDING of JUST--> NEXT IS KEEP

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: JUST: DREAM (ENDING OF JUST: PART 1 of JKL) 29.01.2018
«ตอบ #52 เมื่อ29-01-2018 11:26:32 »

เศร้า.................

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: JUST: DREAM (ENDING OF JUST: PART 1 of JKL) 29.01.2018
«ตอบ #53 เมื่อ29-01-2018 12:48:04 »

 :hao5: แล้วเราจะได้พบกันใหม่

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: KEEP: ENDING 30.01.2018
«ตอบ #54 เมื่อ30-01-2018 14:09:47 »

Chapter I

Ending

 

บ่ายสามโมงยี่สิบสามนาที ท่ามกลางตึกระฟ้าใจกลางเมืองหลวง ออฟฟิศสูง สี่สิบเจ็ดชั้น ติดกับศูนย์การค้าชื่อดังตั้งตระหง่าน เมื่อรถสีขาวขับฝ่าการจราจรที่แน่นขนัดเข้ามาจอดที่ลานจอดรถชั้นใต้ดิน ชายหนุ่มรูปร่างสูงเปรียวก็หอบโน้ตบุ๊ก และม้วนเอกสารรีบเดินจ้ำผ่านประตูอัตโนมัติ เพื่อรอขึ้นลิฟต์ที่จะพาเขาไปสู่สถานที่ทำงานชั้นยี่สิบสาม

เมื่อคืนเขานั่งดูแบบตกแต่งภายในจากผู้รับเหมาทั้งคืน กว่าจะมีแรงลุกมาทำงานก็เกือบถึงเวลานัดประชุมติดตามความคืบหน้าโปรเจคศูนย์การค้าแห่งใหม่ที่จะเปิดขึ้นที่ภาคเหนือ ระหว่างยืนรอลิฟต์ก็อดใจไม่ได้ที่จะกวาดตามองบริเวณรอบ ๆ ด้วยความเคยชิน

 

เฮ้อ บ่ายสามกว่าแล้วใครจะมารอ

เขาถอนหายใจเบา ๆ ก่อนที่จะก้าวเข้าสู่ประตูลิฟต์ที่เปิดรออยู่แล้ว ขึ้นลิฟต์คนเดียวทีไรรู้สึกอึดอัดทุกครั้ง ผมไม่ได้กลัวที่แคบหรอกครับ แต่เป็นเพราะกลัวความสูงต่างหาก ถ้าเพียงแต่มาทำงานเวลาเดิมตอนเก้าโมงเช้าก็ไม่ต้องขึ้นลิฟต์คนเดียวแล้ว เพราะมันเป็นเรื่องบังเอิญบนความจงใจที่ทำให้ตลอดสามเดือนที่ผ่านมาผมจะเจอ ‘เขา’ คนนั้นเสมอ

ผมรีบสะบัดหัวเพื่อไล่ความคิดนั้นออกไปจากสมอง จะประชุมแล้วรุ่งเอ๊ย ทำงาน ทำงาน

บ่ายสามโมงสามสิบสามนาที สายไปเพียงสามนาที หากผู้รับเหมาทั้งสามรายมานั่งรอแน่นขนัดบริเวณหน้าห้องประชุม โชคดีที่เมื่อเปิดประตูเข้าไปภายในห้องมีเพียงพี่บลูคนเดียวที่นั่งรออยู่

“อ้าวรุ่ง มาแล้วเหรอ” พี่บลูวางแก้วกาแฟ แล้วหันมาทัก

“โทษทีครับพี่บลู พี่ได้ข้อความของผมเมื่อเช้าแล้วใช่ไหมครับ” ผมวางม้วนเอกสารแล้วรีบเปิดโน้ตบุ๊กเพื่อเตรียมประชุม

“เรื่องนอนตอนเก้าโมงเช้านั่นเหรอ อืม ได้รับแล้ว ไหวไหมเนี่ย กาแฟสักแก้วไหม”

“ครับ เดี๋ยวผมสั่งแม่บ้านเอง”

“งั้นสั่งเผื่ออีกสองแก้วด้วยรุ่ง เดี๋ยวฝ่ายก่อสร้างเขาจะเข้ามาด้วย” พี่บลูบอก ขณะที่ผมกำลังยกหูโทรศัพท์สั่งกาแฟจากแม่บ้าน หลังจากวางหูผมจึงรีบถามด้วยความสงสัย

“ฝ่ายก่อสร้างเขาเข้าประชุมครั้งนี้ด้วยเลยเหรอครับ ผมนึกว่าจะรอเข้ามาหลังจากเราเลือกผู้รับเหมาแล้ว”

“อืม เขาโทรมาบอกเมื่อเช้าว่าขอเข้าด้วยเลย เผื่อจะช่วยให้ความคิดเห็นเรื่องโครงสร้าง” พี่บลูดูรู้สึกกังวลจนผมจับสังเกตได้

“คราวนี้ทีมไหนเหรอครับพี่ ที่จะมาทำงานกับเรา” ปีนี้มีโปรเจคสร้างศูนย์การค้าถึงสี่ศูนย์ ทีมต่างฝ่ายที่มาทำงานด้วยกันจึงผลัดเปลี่ยนกันไป จนแทบไม่เคยซ้ำหน้าเดิม

“ทีมเชน” นั่นไงผมคิดแล้ว พี่บลูถึงทำหน้าแปลก ๆ ไม่ใช่อะไรหรอกครับพี่บลูกับพี่เชน มีความสัมพันธ์อย่างที่ทุก ๆ คนรู้ พี่บลูเคยบอกว่าทำงานกับทีมไหนก็ได้ ไม่ใช่ปัญหา แต่ถ้าเลือกได้ ก็ไม่อยากทำกับพี่เชน ไม่อยากทะเลาะกัน เพราะบางทีเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวมันก็แยกออกจากกันลำบาก ผมคิดในใจ งานนี้ท่าจะไม่ง่ายซะแล้ว

ประตูห้องประชุมถูกเปิดออกอีกครั้งเมื่อแม่บ้านก็เข้ามาเสิร์ฟกาแฟ และผู้เข้าร่วมประชุมอีก 2 คนก็เดินตามเข้ามา พร้อมกันพอดีกับที่ผมเตรียมห้องประชุมเสร็จ

‘โอ......’

ผมแอบร้องในใจ ไม่ใช่เพียงแต่พี่บลูแล้วที่ลำบากใจกับโปรเจคนี้

“ไงเชน อ้าวเขนมาดูโปรเจคนี้เหรอ” พี่บลูทัก ขณะใบหน้าเริ่มอมยิ้ม

“ครับ พี่บลู” คนร่างสูง ผิวขาวจัดกับหน้าตาที่คมคายได้แต่ยิ้มตอบ

“นี่ รุ่งรุ่นน้องพี่ที่คณะ คงรุ่นพี่เขนปีนึงได้ เคยคุ้นหน้ากันไหม มหาลัยเดียวกัน เขาเป็น Project Manager ฝ่ายพี่”

“สวัสดีครับ ผมเขนครับ” ร่างสูงยื่นมือออกมาพร้อมด้วยรอยยิ้มสว่างไสว ผมค่อย ๆ ผ่อนลมหายใจให้เป็นปกติ ก่อนที่จะกลั้นใจยื่นมือออกไป

“ผมรุ่ง ยินดีที่ได้ร่วมงานครับ” มือที่สัมผัสจับกันเพื่อทักทายเล็กน้อย แต่น่าแปลกที่มือใหญ่นั่นกลับเย็นเฉียบ สงสัยแอร์คงจะเย็นจัด

“งานนี้ฝั่งผม ให้เขนดูโปรเจคนี้ เจ้านายไม่ให้ผมไปไหนแล้ว ให้ส่งน้องออกต่างจังหวัดแทน แกกลัวผมมีปัญหาครอบครัว” พี่เชนพูดพร้อมส่งสายตาหวานไปทางไหน...ใครก็รู้

“รุ่ง เริ่มกันเลยตามผู้รับเหมาเจ้าแรกเข้ามา” พี่บลูตัดบท พร้อมเริ่มมีอาการเครียด ๆ อีกครั้ง

 

หลังจากผู้รับเหมาทั้งสามรายนำเสนองานเสร็จ เรื่องยุ่งยากก็เกิดขึ้นจริง ๆอย่างที่คิดแม้ไม่ใช่ทั้งหมด เพราะคู่ที่มีปัญหากันกลับไม่ใช่รุ่นพี่ อย่างพี่บลูกับพี่เชน แต่เป็นผมกับไอ้คุณชายที่กำลังยืนเถียงกันอยู่

“ผมไม่เห็นด้วย” เขาขึ้นเสียงด้วยความโมโห

“ถ้าทางคุณเลือกผู้รับเหมาเจ้านี้ เขาไม่ได้ให้ความสำคัญกับโครงสร้างการก่อสร้างเดิม ทางผมต้องปรับแก้งานใหม่อีกหลายส่วน” ไม่ทราบว่าจะตะโกนเสียงดังไปทำไมครับ ก็อยู่กันแค่นี้

“แต่คุณเขนต้องเข้าใจว่า ผู้รับเหมาเจ้านี้เขาสามารถตอบโจทย์การออกแบบได้ดีที่สุด ถ้าเขาเข้าใจโจทย์ที่เราให้ไป ก็จะสามารถสร้างผลงานที่มีเอกลักษณ์ให้กับโปรเจคนี้ได้นี่ครับ”

“แล้วนี่ก็ยังอยู่ในส่วนความรับผิดชอบของผม ถ้าจะต้องมีการเปลี่ยนแปลงโครงสร้างบ้างเพื่อให้รองรับการออกแบบก็ยังทำได้ ถ้าผมเข้าใจไม่ผิดช่วงออกแบบงานของคุณยังไม่จบ ก็ยังพอที่จะแก้ไขได้” ผมเริ่มเหวี่ยงกลับอย่างเริ่มมีอารมณ์ หากดูเหมือนว่าอีกฝ่ายก็ยังคงไม่เห็นด้วย และเตรียมตอบกลับ

“เขน ใจเย็น” จนพี่เชนต้องเป็นฝ่ายออกโรงมาห้ามทัพ

“พี่เข้าใจนะรุ่ง เราทั้งสองฝ่ายต่างอยากให้งานออกมาดีที่สุด แต่ทางพี่ก็ลำบากใจ เพราะอาทิตย์หน้าก็จะเริ่มลงโครงสร้างหลักแล้ว” พี่เชนอธิบายหาทางไกล่เกลี่ย ผมจึงเริ่มเย็นลง แต่อีกคนนั่นยังฮึดฮัด

“เขน นายแจ้งเดดไลน์มาว่าแก้ไขงานโครงสร้างได้ถึงเมื่อไหร่ ทางพี่จะรีบสรุปสิ่งที่ต้องการไปให้” พี่บลูรีบเข้ามาช่วยไกล่เกลี่ย

“ผมต้องไปลงพื้นที่อาทิตย์หน้าแล้วครับพี่บลู จะมาเปลี่ยนตอนนี้ทางผมเองก็ลำบาก” ร่างสูงเหลือบสายตามองผมด้วยความไม่พอใจ ผมจึงแกล้งไม่มองหน้าเขา

“พี่เข้าใจ ทางพี่จะให้รุ่งรีบส่งข้อมูลกลับไปให้เร็วที่สุด” พี่บลูช่วยอย่างเต็มที่ แต่เขนก็ยังคงไม่ตอบ

“ผมขอเป็นวันพุธแล้วกันพี่ ทางผมได้มีเวลาคุยกับทางที่ปรึกษาด้านโครงสร้างก่อนลงพื้นที่ด้วย” พี่เชนจึงเป็นฝ่ายตอบออกมาแทน

“โอเค งั้นตามนี้แล้วกันนะ รุ่ง เขน” พี่บลูรีบจบการประชุม ก็คนตัวโตยังจ้องผมด้วยความคับแค้น

“ครับพี่บลู” ผมรีบตอบ

“ครับ” เขาตอบแล้วเดินออกจากห้องไป

“ขอโทษทีรุ่ง เขนมันใจร้อน งานแรกของมันด้วย คงคาดหวังกับงานไว้สูงเหมือนกัน” พี่เชนยิ้มขำขำ และเดินตามออกไป

“เหนื่อยหน่อยนะรุ่ง เขนมันเด็กใหม่ ไฟแรง เห็นเชนว่าเป็นรุ่นน้องที่คณะ พึ่งย้ายมาทำงานที่นี่ได้ไม่นาน” พี่บลูตบบ่าผมเบา ๆ

“ตอนแรกผมคิดว่าทีมฝ่ายก่อสร้างที่เจอที่พิษณุโลกหนักแล้ว เจอรายนี้คงต้องเตรียม คลังแสงไว้รบเลยนะครับพี่”

เป็นเรื่องปกติที่งานฝ่ายออกแบบกับฝ่ายก่อสร้างต้องปะทะกันอยู่เสมอ ๆ นอกจากลักษณะงานที่ต้องทำร่วมกัน ตั้งแต่ฝ่ายออกแบบ หรือพวกสถาปนิกแบบผมกับพี่บลู ทำหน้าที่คิดคอนเซ็ปต์ภาพรวม ฝ่ายก่อสร้าง อย่างพี่เชนกับเขนไปสร้างโครงสร้างตัวตึก แล้วฝ่ายออกแบบก็เข้าไปควบคุมการตกแต่งในรายละเอียดอีกครั้ง ดังนั้นผลงานที่ออกมาก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน

หากสิ่งที่แตกต่างกันในลักษณะของคน 2 ฝ่ายที่เห็นได้ชัดคือ ฝ่ายออกแบบจะเป็นพวกมองภาพรวม ชอบศิลปะความสุนทรี ความสวยงาม ราวกับว่าสมองซีกขวาด้านความคิดสร้างสรรค์จะเข้าครอบงำ ส่วนฝ่ายก่อสร้างก็จะซ้ายจัด ไม่ถึงขนาดพวกหัวรุนแรง แต่ก็ต้องมีความเด็ดขาดเพราะคุมงานก่อสร้าง สมองซีกซ้ายจึงควบคุม เก่งเรื่องตัวเลข ความเป็นเหตุเป็นผล ตรงเป็นไม้บรรทัด

เมื่อคนสองแบบต้องทำงานด้วยกันความคิดเห็น ที่ไม่ตรงกันจึงเป็นเรื่องธรรมดา แต่ขึ้นอยู่กับว่าจะจัดการ และหาข้อสรุปแบบไหนถึงจะทำให้ผลงานออกมาดีที่สุด ผมคุยสรุปรายละเอียดกับพี่บลูในห้องประชุมต่ออีกพักใหญ่ พี่เชนก็ผลักประตูพร้อมยื่นหน้าเข้ามา

“เลิกงานยังครับพี่ ผมหิว” ผมคุยงานกับพี่บลูเพลินจนลืมเวลา กว่าจะเลิกประชุมก็เกือบทุ่มแล้ว นี่ก็ปาไปสามทุ่มกว่าเกรงใจพี่บลูกับพี่เชนจริง ๆ

“ขอโทษครับพี่เชน” ผมรู้สึกผิดที่พี่เชนต้องมาหิ้วท้องรอพี่ชายของผม

“ไปขอโทษมันทำไม เยอะไปเชน ถ้าหิวก็ลงไปหาอะไรกินก่อน” หากพี่เชนเริ่มทำหน้างอแง

“เดี๋ยวผมไปสรุปมาก่อนดีกว่าครับพี่บลู แล้วค่อยกลับมาคุยกันต่อพรุ่งนี้ ผมรีบกลับเหมือนกัน เมื่อคืนนอนน้อยโลว์แบตตารี่แล้ว” ผมรีบหาข้ออ้าง พี่บลูจึงยอมเลิกทำงานแล้วเดินตามพี่เชนออกไป

สามทุ่มยี่สิบสามนาที ผมสะพายกระเป๋าโน้ตบุ๊กเดินออกจากฝ่ายไปรอลงลิฟต์เพื่อกลับบ้าน งานในส่วนวางแผนของโปรเจคนี้กำลังจะเริ่ม อีกประมาณสามเดือน ผมก็คงต้องไปลงพื้นที่ ปกติผมจะตื่นเต้นทุกครั้งที่ได้ออกต่างจังหวัด แต่ครั้งนี้กลับรู้สึกอึดอัดอย่างบอกไม่ถูก เป็นเพราะอะไร

เพราะ ต้องรออีกสามเดือน ถึงได้ลงพื้นที่

หรือว่า...

เพราะ งานนี้น่าจะโหดแน่ ๆ แค่ประชุมนัดแรกยังหนักขนาดนี้

หรือว่า...

เพราะ ต้องทำงานกับ ‘เขา’ คนนั้น

หรือว่า...

เพราะ จะไม่มีเพื่อนขึ้นลิฟต์ตอนเช้า

ระหว่างคำถามต่าง ๆ กำลังเลื่อนไหลอยู่ในหัว ลิฟต์ตัวที่ผมรออยู่ก็เปิดออก และแล้วความบังเอิญก็เล่นงานผมอย่างจัง เมื่อ ‘เขา’ คนนั้นก้าวออกมาจากลิฟต์

“จะกลับแล้วเหรอครับ” เขายิ้มน้อย ๆ ให้ใคร? ผมหันซ้ายแลขวา หากพบว่ามีผมเพียงคนเดียว

“ครับ แล้วคุณยังไม่กลับเหรอ” น่าจะหายโกรธแล้ว ค่อยยังชั่ว

“อาทิตย์หน้าคงต้องไปที่ไซด์แล้ว คืนนี้ต้องเคลียร์งานคงนอนที่ออฟฟิศครับ” เขนตอบพร้อมทำหน้าเซ็ง ๆ ลิฟต์ที่รอผมกำลังจะปิด

“อ่ะ งั้นโชคดีนะครับ ผมขอตัวก่อน” ผมรีบเดินเข้าไปในลิฟต์ ก่อนที่ประตูกำลังจะปิด ‘เขา’ ก็ยื่นแขนเข้ามา เซ็นเซอร์ลิฟต์ทำงานทันท่วงที ประตูเปิดออกอีกครั้งก่อนที่ ‘เขา’ จะเดินเข้ามาในลิฟต์ ผมจึงแอบกลั้นหายใจ

“รุ่ง ทานอะไรหรือยังครัย ผมเพิ่งสวนกับพี่บลู พี่เชน เห็นว่าเพิ่งเลิกประชุม” สรรพนามที่เรียกชื่อผมเปลี่ยนไป

“ผมคงหาอะไรทานง่าย ๆ ใต้ตึกครับ”

“งั้นดีเลย ขอเขนไปด้วย หาเพื่อนทานข้าวอยู่พอดี” สรรพนามที่เรียกแทนตัวของเขา ก็เปลี่ยนไปเช่นกัน

ผมจึงพยักหน้า ทำตามใจตัวเองบ้างเถอะ นิดหน่อยเอง อย่างน้อยตอนนี้ก็มี ‘เขา’ ยืนอยู่ข้าง ๆ แม้เพียงสองสามนาทีก็ตาม

 

“รุ่ง กินน้อย ถึงว่าผอมจัง” เขาพูดระหว่างผมกำลังดื่มน้ำ ผมได้แต่ยิ้มตอบกลับไป

“ตอนไปลงพื้นที่รุ่งจะพักที่ไหนอ่ะ” สนิทกับคนง่าย เข้าถึงมวลชนไม่เคยเปลี่ยนเลยจริง ๆ

“คงให้แอดมินของบริษัท จองที่พักให้ครับ” ผมตอบ พร้อมมองเขาเคี้ยวข้าวตุ้ย ๆ ไปอดอยากที่ไหนมานะ ประชุมก็เสร็จตั้งนานแล้ว

“เขนก็ให้แอดมินจองเหมือนกัน แต่ให้จองไว้แค่อาทิตย์เดียว ว่าจะไปหาบ้านเช่า อยากได้บรรยากาศแบบล้านนา” มีอารมณ์แบบนี้กับเขาเหมือนกันนะคุณไม้บรรทัด

“ต้องไปอยู่เกือบครึ่งปี อยู่แต่โรงแรมน่าเบื่อ” เหมือนพูดให้ตัวเองฟัง ผมเลยได้แต่ยิ้ม ๆ

“งั้นเขนลองไปดูก่อน ถ้าหาบ้านที่โอเคได้ รุ่งขึ้นไปก็ไปอยู่กับเขนนะ” เอ่อถามผมบ้างเถอะครับ แล้วผมก็ฟังเขาเพ้อพร่ำต่อไปเรื่องแผนจะไปใช้ชีวิตชาวเหนือของเขา

ผมยอมรับว่าตอนแรกแอบกลัวว่าเขาจะโกรธเรื่องในห้องประชุมจนเข้าหน้ากันไม่ติด แต่เขาก็ยังคงเป็นเขาคนเดิมเสมอ ที่เวลาโกรธก็แทบเป็นฟืนเป็นไฟ พอหายก็เหมือนเด็กน้อย ช่างซัก ช่างถาม หาเรื่องชวนคุยได้ไม่หยุด

ก็ดี อย่างน้อยตอนไปลงพื้นที่ก็จะได้มี ‘เพื่อน’ คุย ผมคิดตามใจตัวเองอีกครั้ง ก่อนที่ไอโฟนกรอบสีแดงเข้มดังขึ้น

“ค่ะ วันนี้พี่เขนคงไม่ได้กลับนะคะ ต้องเคลียร์งานให้เสร็จก่อนลงพื้นที่ค่ะ”

“อย่างอนนะคะ พี่เขนสัญญาว่าเสาร์-อาทิตย์นี้ จะเป็นเวลาของน้องจอยคนเดียวเลยค่ะ”

“ฝันดีค่ะคนสวย”

ผมหายใจติดขัด ทั้ง ๆ ที่รู้ จึงฝืนมองออกไปให้ความสนใจกับแสงสีนอกร้าน เมื่อเขนกินข้าวเสร็จ ผมจึงรีบขอตัว

“เขนเดินไปส่งที่รถ” เขาบอกหลังจากที่จ่ายเงินค่าอาหารเสร็จ

“ไม่เป็นไรครับ” ผมรีบปฏิเสธ

“ไม่ได้ แค่นี้เอง” เขาเดินนำโดยไม่สนใจคำคัดค้านของผม น่าแปลกตรงที่เขาเดินนำมาถูกโซน และถูกคัน

“ขับรถดีดี นะรุ่ง แล้วเจอกัน” เขาปิดประตูรถให้ พร้อมทั้งยืนรอให้ผมขับรถออกไป ผมฝืนขับรถมาได้เพียงที่หน้าออฟฟิศ แล้วรีบหาที่จอด

มือสั่น...ขับต่อไปไม่ไหว

น้ำตาที่ปริ่มดวงตาทั้งสองข้างทำให้มองไม่เห็นทาง

 

เมื่อนำรถจอดเข้าข้างทางเรียบร้อย ความอดทนอดกลั้นที่มีก็สิ้นสุดลง ปลดปล่อยน้ำตาให้ล้นทะลักหลั่งไหลเป็นสายพร้อมทั้งเสียงสะอื้นของตัวเองที่ไม่ได้ยินมานาน

นี่ไง...ผลของการตามใจตัวเอง

นี่ไง...ที่คิดว่า นิดหน่อย ไม่เป็นไร

นี่ไง...ที่รู้ทั้งรู้ว่าทุกอย่างมันเปลี่ยนไปแล้ว

 

ทำไมทุกอย่างเปลี่ยน

แต่บาดแผลที่เคยคิดว่าหายดี กลับไม่เคยดีขึ้นมาได้เลย

ผมพบ ‘เขา’ คนนั้นที่ลิฟต์ตอนเช้าตลอดสามเดือนที่ผ่านมา ไม่ว่าผมจะมาสายแค่ไหน ‘เขา’ มารอผมเสมอ ไม่รู้ว่าเป็นเพียงความบังเอิญเล่นตลก หรือความจงใจที่ทำให้ผมขึ้นลิฟต์ตัวเดียวกับ ‘เขา’ ทุก ๆ เช้า

เราไม่เคยมองกันตรง ๆ ทั้งที่พบกันทุกวัน

เราไม่เคยคุยกันหรือทักทายกัน แต่รู้ว่าทำงานที่เดียวกัน

เราไม่เคยเริ่มรื้อฟื้นความสัมพันธ์ ‘ของเรา’

 

แต่ผมกลับรู้สึกดีกับระยะเวลาเพียงไม่กี่นาทีที่ได้ยืนเคียงข้างกัน

แต่

 

ต้อง ‘จบ’ ก่อนที่ทุก ๆ อย่างที่พยายามทำมาจะเป็นศูนย์

ต้อง ‘จบ’ ทั้งที่ยังไม่ได้เริ่ม

ต้อง ‘จบ’ ความสัมพันธ์ที่ไม่มีชื่อเรียกนี้



#JKLTHESERIES






ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: KEEP: ENDING 30.01.2018
«ตอบ #55 เมื่อ30-01-2018 14:37:26 »

????

ออฟไลน์ april

  • เป็ดHephaestus
  • *
  • กระทู้: 1219
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +239/-12
Re: JKL THE SERIES: KEEP: ENDING 30.01.2018
«ตอบ #56 เมื่อ30-01-2018 16:00:15 »

รุ่งคือคุณอรุณเหรอ

ออฟไลน์ warin

  • รถไฟขบวนนั้น ได้แล่นผ่านไปแล้ว
  • เป็ดแสนดี
  • เป็ดDemeter
  • *
  • กระทู้: 1937
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +60/-1
    • -
Re: JKL THE SERIES: KEEP: ENDING 30.01.2018
«ตอบ #57 เมื่อ30-01-2018 16:50:01 »

มาต่อนะ   งือ  งง

ออฟไลน์ justwind

  • เป็ดประถม
  • *
  • กระทู้: 81
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +56/-2
Re: JKL THE SERIES: KEEP: DELETE 31.01.2018
«ตอบ #58 เมื่อ31-01-2018 11:24:03 »

Chapter II

Delete

 

หลังจากวันนั้นผ่านมาสามเดือน ชีวิตของผมก็มีแต่งาน งาน งาน และงาน โปรเจคก่อสร้างก็อย่างนี้แหละครับ ต้องเตรียมวางแผนให้พร้อมก่อนเริ่มลงมือดำเนินการ

เมื่อถึงเวลาลงพื้นที่จริง จะไม่สามารถยอมให้งานไหนหยุดหรือผิดพลาดได้เลย เพราะจะส่งผลกระทบต่องานอื่น ๆ ทำให้ช้ากันไปทั้งโปรเจค จึงต้องท่องไว้เสมอว่าต้องคุ้มค่าที่สุด ทั้งงบประมาณ ระยะเวลา และบรรลุเป้าหมายที่วางเอาไว้

ผมยังคงมาทำงานสายเช่นเดิม ปกติเข้างานแปดโมงครึ่ง ผมมาถึงประมาณเก้าโมงเสมอ ๆ บางทีอะไรบางอย่างมันก็เป็นความเคยชิน เหมือนกับนาฬิกาชีวิตที่ทำให้ผมมาทำงานเวลานี้ จอดรถตรงที่เดิม ๆ ยืนเหม่อก่อนขึ้นลิฟต์ และอึดอัดเสมอเวลาอยู่ภายในลิฟต์ และก็เหมือนทุก ๆ ครั้ง ที่ผ่านมา

เมื่อเวลาผ่านไป อะไร ๆ ก็จะค่อย ๆ เลือนราง หายไป

สักวันความรู้สึกบางอย่างกับ ‘เขา’ คนนั้นก็คงจะค่อย ๆ เลือนราง หายไป

ผมยังคงต้องติดต่อ ‘เขา’ คนนั้นแค่เรื่องงาน งานเท่านั้นจริง ๆ นั่นไม่ใช่ปัญหา เพราะมันไม่ใช่ครั้งแรกที่ผมตั้งใจจะ ‘ลบ’ ใครสักคนออกจากความทรงจำ

ใช่ผมเคย ‘ลบ’ มันมาก่อน

แต่ปัญหาอยู่ที่ว่าจะ ‘ลบ’ ได้หรือไม่ก็เท่านั้น...กับความทรงจำของคน

ผมปฏิเสธทุกสายเรียกเข้าจาก ‘เขา’ อย่างจงใจ แต่ตอบกลับทุกข้อความที่ฝากไว้ในเฉพาะเรื่องงาน ช่องทางการติดต่อทางอีเมล ดูเหมือนจะเป็นช่องทางที่ดีที่สุด สำหรับการหลบเลี่ยง และเจือจางความทรงจำ

ตอนนี้นอกจากพี่บลูที่คอยให้คำปรึกษา ผมยังได้เจ้าเฟรมมาเป็นลูกมือในการจัดทำ โปรเจคนี้ เฟรมเข้ามาทำงานได้เดือนกว่าแล้ว เป็นเด็กหัวไวและขยันมาก ถ้าได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ แต่ถ้าไม่ชอบ ไม่ใช่ ก็ไม่ทำเลยซะอย่างนั้น คงเป็นคุณลักษณะของเด็กเจน-เนอเรชั่นใหม่

“พี่รุ่งคืนนี้ไปค้างด้วยนะพี่” เฟรมทำหน้าตาจริงจัง

“คิดถึงเมียใหม่ละสิ” ผมซื้อกีต้าร์ตัวใหม่มาเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว

“ผมเตรียมเสื้อผ้า ข้างของเครื่องใช้มาเรียบร้อยแล้ว ผมจะได้กลับไปช่วยพี่ดูรายละเอียดโปรเจคอีกรอบไง” มันยักคิ้ว เริ่มชักแม่น้ำทั้งห้า

“อาทิตย์หน้าเราต้องขึ้นลำปางกันแล้วนะพี่ ผมโคตรตื่นเต้น ไม่เคยไปอยู่เหนือนาน ๆ เลยอ่ะ อยู่แต่อีสาน”

“รุ่งเอากีต้าร์ไปลำปางด้วยสิ” พี่บลูเสริมพร้อมอมยิ้ม ถ้ารักงานเท่าดนตรีมันคงรุ่งกว่านี้แน่ ๆ เจ้าเฟรม

“จริงด้วยพี่รุ่ง เล่นกีต้าร์ในสายลมหนาว ผิงไฟอะพี่ ได้บรรยากาศ” เจ้าเฟรมยิ้มกว้าง

“เอ้า ทำงานที่บอกให้เสร็จก่อนแล้วจะลองคิดดู” สงสัยผมคงต้องหอบหิ้วเมียเจ้าเฟรม ขึ้นไปจูงใจให้มันทำงานให้จริง ๆ แล้วสิครับ

“บ่ายนี้มีประชุมสรุปแผนงานกับฝ่ายก่อสร้างนะ รุ่ง ข้อมูลพร้อมรึยัง” พี่บลูถาม

“ครับ เรียบร้อยแล้ว ต้องเตรียมเอกสารกี่ชุดครับ พี่เชนคนเดียวเหมือนเดิมใช่ไหมครับ” เขาคนนั้นลงพื้นที่ พี่เชนจึงเป็นตัวแทนมาประชุมตลอดสามเดือนที่ผ่านมา

“อืม คงงั้นแหละ เห็นเชนมันว่าเขนคงต้องเฝ้าไซด์งานเหมือนเดิม พายุเข้าน้ำท่วมรอบที่แล้ว เลยต้องเร่งงานให้ทัน”

พี่บลูดูจะสบายใจขึ้นหลังจากที่ทำงานร่วมกับพี่เชนมาสักพัก คงเริ่มปรับตัวได้ หมายถึงพี่เชนนะครับ เวลาทำงานก็เริ่มจริงจังกับงานมากขึ้น หลังจากโดนพี่บลูจัดไปหลายยก

จริง ๆ แล้วผมก็เห็นว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร ผิดกับที่คาดไว้ตั้งแต่แรกว่า ถ้าเรื่องงานมีข้อขัดแย้งกันแล้วพาลไปเรื่องส่วนตัว แต่กลับกลายเป็นว่าพี่เชนดูใจอ่อน ยอมง่ายกว่าทำงานกับคนอื่น ๆ จนพี่บลูต้องเตือนให้จริงจังมากกว่านี้

“เฟรมบ่ายนี้เข้าประชุมด้วยนะ จะได้เห็นภาพรวมก่อนไปลงพื้นที่” พี่บลูสั่ง ก่อนที่ทีมเราจะออกไปทานข้าวด้วยกัน

ผมส่งเจ้าเฟรมไปดูแลห้องประชุมก่อน พร้อมกับพี่บลู เพราะผมกำลังจัดเตรียมเอกสารให้พี่เชน จึงเดินตามมาที่ห้องประชุมทีหลัง เมื่อเปิดประตูจึงเห็นว่าเอกสารที่เตรียมมาไม่พอ

เมื่อคุณชายสุดหล่อขวัญใจสาว ๆ มาโผล่ที่ห้องประชุม ยิ่งไปได้อากาศทางเหนือ ยิ่งราศีจับ ถ้าอยู่อีกสักพักตัวก็คงโปร่งแสง ผมคิดในใจ

“หวัดดี รุ่ง” รอยยิ้มสว่าง ๆ กระจ่างใสทั่วห้อง

“สวัสดีครับ ผมไม่ทราบว่าคุณมา พี่บลูเริ่มคุยกันไปก่อนเลยนะครับ เดี๋ยวผมไปปริ๊นท์เอกสารมาเพิ่มอีกชุด”

“ไม่ต้องยุ่งยากหรอกรุ่ง เดี๋ยวดูด้วยกันก่อนก็ได้ เดี๋ยวเขนตามไปขอที่รุ่งทีหลัง” เขายิ้มกว้าง ทำให้ผมตั้งสติเบาๆ ก็แค่อีกครั้ง

การประชุมครั้งนี้ไม่ได้มีเรื่องเหมือนครั้งก่อน ทุกอย่างกำลังลงตัวด้วยดี เมื่อเสร็จการประชุมเขนก็เล่าให้เฟรมฟังถึงที่พักที่เขาอาศัยอยู่ที่ลำปาง เนียนเข้ากันได้ดีเป็นปี่เป็นขลุ่ย โดยเฉพาะหลังจากที่สืบสาวราวเรื่อง แล้วรู้ว่าเป็นคนบ้านเดียวกัน พี่บลูกับพี่เชนผสมโรงแชร์ประสบการณ์ที่เคยขึ้นไปทำงานที่ศูนย์เชียงใหม่ และเชียงราย ผมจึงได้แต่นั่งฟังเงียบ ๆ สักพัก ก่อนจะขอตัวออกมาจากห้องประชุม แล้วกลับมานั่งที่โต๊ะทำงาน นั่งเหม่อมองจอโน้ตบุ๊ก

ดีแล้ว ดีขึ้นแล้ว หมายถึงอาการของผมตอนนี้ ขั้นต่อไปก็ไปลำปางสามเดือน มีเฟรมไปด้วย ก็คงไม่มีอะไร ขณะตกอยู่ในภวังค์ความคิด ใบหน้าคมก็โผล่มาแทรกที่กลางหน้าจอโน้ตบุ๊ก

“อ่ะ!!! คุณ” ผมตกใจ เขาถือวิสาสะนั่งบนโต๊ะทำงานของผมข้าง ๆ โน้ตบุ๊ก

“โทษที เขนเห็นรุ่งเดินออกมาก่อน เป็นอะไรหรือเปล่า หน้าเครียด ๆ ” แววตาใสซื่อ สื่อความจริงใจที่ฉายชัด แสดงออกเก่งเหลือเกิน จนผมแอบอิจฉา

“เปล่า คิดเรื่องโปรเจคนิดหน่อย” ผมรีบตอบ เนียนไหมนะ ไม่เก่งด้วยเรื่องนี้

“คิดถึง... คิดถึงรุ่งมากเลย ทำไมตอนเขนโทรมา รุ่งไม่เคยรับสายเขนเลยอะ ยุ่งมากเหรอ” คนถามยังคงชวนคุยต่อไป ชะโงกหน้ามาเรียกร้องความสนใจคนที่ดูเหม่อๆ

“อืม อยากเตรียมการวางแผนไปให้ดีที่สุดก่อนเริ่มงานน่ะ” ซักก็เก่งเหมือนเดิม

“คุณมีอะไรเรื่องงานหรือเปล่า มาเอาเอกสารใช่ไหม ผมปริ๊นท์ไว้ให้แล้ว คุณเดินไปเอาที่ปริ๊นท์เตอร์ได้เลย” ผมใช้ความพยายามดึงกลับเข้าเรื่องงานอย่างถึงที่สุด แต่มันกลับไม่เป็นผล

“เดี๋ยวแวะไปเอาก่อนกลับ เขนซื้อสตรอเบอรี่มาฝากรุ่งด้วย แช่ไว้ในตู้เย็น เดี๋ยวแวะเอามาให้ก่อนเลิกงานนะ”

“รุ่งเตรียมเก็บของรึยัง อากาศเริ่มเย็นแล้วที่โน่น รุ่งเตรียมเสื้อกันหนาวไปเยอะ ๆ นะ กลับมานี่เขนว่าจะลงไปซื้อเพิ่มอีกสักตัวสองตัว”

ผมนั่งคุมสติฟังไปเรื่อย ๆ พร้อมพยักหน้าตอบเป็นระยะ ๆ

“เย็นนี้รุ่งว่างไหมไปกินข้าวกัน ได้แวะไปดูเสื้อกันหนาวด้วย”

“เอ่อ” เจ้าเฟรม พี่บลู เมื่อไหร่จะออกจากห้องประชุมซักที ผมปฏิเสธไม่เป็น

“รุ่ง ว่าไง ว่างไหม” อึกอัก ผมกำลังโดนไล่ต้อนจนมุม เอนตัวติดพนักเก้าอี้ เพราะเขาชะโงกหน้าลงมาใกล้ขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อคาดคั้นเอาคำตอบ ร่างสูงเอนมาจนแทบจะขึ้นมาคร่อมตัวผมไว้

“ว่าง ๆ แต่... (ใช่แล้ว) วันนี้เฟรมจะกลับไปค้างที่บ้านด้วย คงต้องชวนไปด้วย” ผมรีบตอบรัวเมื่อหาทางออกได้ ค่อยโล่งอกไปเปราะหนึ่ง

“อืม ไปสิ ไปด้วยกันหลาย ๆ คนสนุกดี เขนชอบเฟรม ซื่อ ๆ ดี” ก็เหมือนตัวเองนั่นแหละ สนิทกับคนง่ายเหมือนเดิมเลย แฟนคลับถึงเต็มบริษัท

“งั้นเลิกงานเขนเดินมาหาอีกที จะได้เอาสตรอเบอรี่ที่รุ่งชอบมาให้ด้วย” ผมพยักหน้า แล้วเขาก็ลุกเดินกลับไป

‘เป็นไปได้เหรอ’ ผมถามตัวเอง

ไม่จริงหรอกอาจแค่เดาถูก จะจำได้ยังไงว่าผมชอบสตรอเบอรี่

 

แล้วพี่บลูกับเฟรมก็เดินมาถึงที่โต๊ะพอดี

“เฟรมตกลงเย็นนี้ไปค้างบ้านพี่” ผมรีบบอก

“แต่ผมยังทำงานที่พี่ให้ไว้ไม่เสร็จเลยอะ” มันทำหน้าเศร้า

“ไม่เป็นไรเอาไปทำต่อที่บ้าน” เฟรมทำหน้างงซักพัก แล้วก็ยิ้มดีใจที่ได้ไปนอนกอดเมีย หากพี่บลูทำหน้าครุ่นคิดอะไรบางอย่างแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวเบา ๆ ให้กับความดีใจจนออกนอกหน้าของเฟรม

หลังจากจัดหนักอาหารเกาหลี ณ ศูนย์การค้าที่ติดกับออฟฟิศ สองหนุ่มลูกอีสานก็คุยกันอย่างออกรส ด้วยภาษาถิ่นที่ผมแกล้งประดิษฐ์ว่าไม่คุ้นเคยนัก จึงได้แต่นั่งฟังอย่างเงียบ ๆ

เฟรมช่วยผมได้มากจริง ๆ ในหน้าที่กันชน ซึ่งทำให้ผมสบายใจขึ้นมากที่ต้องไปลำปางอาทิตย์หน้า เราสามคนแวะดูร้านเสื้อผ้าแบรนด์ดังหลายร้านจากญี่ปุ่น โชคดีที่คอลเลคชั่นวินเทอร์อยู่ในช่วงลดราคาพอดี ต่างคนต่างเลือกตามความชอบของตัวเอง ซึ่งดูว่าสองคนนั้นจะมีสไตล์ที่คล้ายกัน จึงพากันไปดูเสื้อแจ็คเก็ต โซนยีนส์ ส่วนผมกำลังเลือกดูเสื้อโอเวอร์ไซซ์ และสเว็ทเตอร์ที่มีฮู้ด

หลังจากเลือกได้ ผมจึงเดินไปทางห้องลองเสื้อด้านในสุดของร้าน ซึ่งมีห้องลองเสื้อติดกันเรียงรายหลายสิบห้อง ผู้คนต่อคิวรอลองชุดค่อนข้างหนาตา เมื่อห้องริมผนังด้านในว่างลง จึงถึงคิวผม ขณะที่จะรูดม่านปิดห้องก็มีมือขาวมาดึงผ้าม่านไว้

“รุ่ง ขอลองด้วย จะได้ไม่ต้องต่อคิว” คนตัวโตหอบเสื้อ และกางเกงสี่ห้าชิ้นเข้ามาในห้องแต่งตัว ทำอย่างนี้ก็ได้เหรอ

“เฮ้ย คนรอเยอะ เดี๋ยวโดนว่า” ผมมองไปที่คนรอคิวต่อจากผม พี่เขาทำหน้าขำๆ แบบเข้าใจ

เอ่อ เข้าใจอะไรครับพี่ ไม่มีอะไร... ไม่ใช่อย่างนั้น...

“แป๊บเดียวไม่เป็นไร ก็ไม่ได้ลัดคิว แค่ใช้ห้องเดียวกันกับรุ่ง” เขนตอบ ผมหันกลับไปอีกที คนตัวโตก็กำลังถอดกางเกงลองชุดแล้ว ผมยืนอึ้ง กอดเสื้อที่จะลองไว้แน่น ไม่ได้ปิดม่านแต่ยืนบังรอยม่านที่เปิดอยู่หันหลังให้กับคนที่กำลังลองชุดอย่างสบายใจ

ผมไม่ได้ตกใจ แต่ทำยังไงดี ผมกำลังคิด... ประมวลผลไม่ทันกับเหตุการณ์ฉุกเฉินแบบนี้ สมองมันแฮงค์ไปเฉย ๆ และแล้วเครื่องช่วยชีวิตผมก็มา เฟรมวิ่งตามมาที่ห้องเดียวกันด้วยความเร็วแสง

“รอผมด้วยพี่”

“เฮ้ย” พระเอกขี่ม้าขาวของผมวิ่งผ่านผมเข้ามาในห้องลองเสื้ออีกคน สมองของผมจึงกลับมาทำงานปกติอีกครั้ง และปิดม่านห้องลองชุด ผู้ชายตัวไม่เล็กสามคน ยืนคนละมุม น่าอึดอัด แต่ผมกลับหายใจโล่งอย่างบอกไม่ถูก

“รุ่งเป็นไง” เขาถามถึงกางเกงที่ลอง

“อืมก็ดี” ผมเริ่มลองเสื้อตัวเองสีดำที่กอดไว้

“เขนว่าเสื้อตัวสีดำมันสั้นไปไม่เหมาะกับรุ่ง” เขาบอกผม ผมถามตอนไหน

“ตัวสีเบสกับสีขาวนั่นดูดีกว่า” เขาชี้เสื้ออีกตัวที่ผมเลือกมา จริงเหรอ

“พี่เขนแล้วตัวนี้ ผมใส่แล้วเท่ไหม อยากเท่” เฟรมถามบ้าง แล้วก็เหมือนเดิมเจ้าสองคนนั่นก็จ้อไม่หยุด ผมเลือกได้สองตัว ไม่เอาสีดำ ไม่ได้เชื่อใครนะ แต่มันสั้นไปจริง ๆ

พวกเราออกมาจ่ายเงิน ก่อนจะแยกย้ายกันกลับบ้าน และเขาก็เดินมาส่งผมที่รถอีกครั้ง

“รุ่งขับดี ๆ นะ ถึงแล้วโทรหาเขนด้วย” ผมกำลังจะพยักหน้ารับ แต่ผมไม่มีเบอร์เขานี่ มีแต่เบอร์ที่ทำงาน คิ้วผมคงชนกันเขาจึงรีบพูด

“เดี๋ยวเขนยิงไป เฟรมให้เบอร์รุ่งมาแล้วเมื่อกี๊” ผมหันไปมองหน้าต้นเรื่องที่ไม่เป็นเดือดเป็นร้อน

“โทรศัพท์ผมหายอะพี่ ยังไม่ได้ไปขอซิมใหม่ที่ศูนย์” มันตอบชิล ๆ

“เออ” ผมตอบได้แค่นั้น แล้วขับรถออกมา ตกลงมันเป็นพระเอกหรือผู้ร้ายไอ้เด็กนี่

เมื่อกลับมาถึงบ้าน ผมไม่ยอมให้เด็กร้ายนั่นกอดเมียมันจนกว่าจะทำงานเสร็จ ผมเข้าไปอาบน้ำก่อน และเมื่อออกมาก็พบว่ามันไม่ได้สะทกสะท้านแต่อย่างใด หยิบเบียร์กระป๋องในตู้เย็นของผมมากินไปทำงานไป สบายใจดีจริง ๆ

เฮ้อ... ไอ้เด็กร้าย

คืนนี้ผมจึงไม่ได้ทำงานต่อ เพราะให้เจ้าเฟรมยืมใช้โน้ตบุ๊ก ผมจึงนั่งเล่นไอโฟนที่เตียง แล้วข้อความก็ส่งเข้ามา

‘รุ่งถึงบ้านรึยัง’ ไม่เดาก็รู้ว่าใคร เบอร์ที่ไม่ขึ้นชื่อ ผมไม่ได้ให้เบอร์ใครไปง่าย ๆ ผมต้องตอบกลับไป

‘At…Home GN’ ก่อนที่จะเอาหูฟังมาครอบหูฟังเพลง

 

อย่าคิดมาก ผมบอกตัวเอง

ถ้าเพียงแค่นี้ ยังพอรับได้

ถ้าความสัมพันธ์ที่เพิ่มเติมเป็นเพียง ‘เพื่อน’ ร่วมงาน ในใจยังพอรับไหว

 

บางอย่างเวลาจะทำให้ ‘ลบเลือน’ ไปเอง

ทำไมเพลงที่ฟังสบาย ๆ มันดูเศร้าเล็กน้อย

 

“เฮ้ย” เฟรมอุทานตกใจ ผมรีบเดินไปที่โต๊ะทำงาน กระป๋องเบียร์คว่ำ เบียร์นองอยู่เต็มโน้ตบุ๊ก หน้าจอค่อย ๆ หรี่...ดับไป เฟรมหน้าเสียเหลือสองนิ้ว เรารีบช่วยกันซับน้ำทำทุกวิธี เพื่อโน้ตบุ๊กแห้ง พรุ่งนี้คงต้องเอาไปให้ฝ่ายไอทีดู ผมไม่อยากพูดอะไรให้น้องเสียใจ โน้ตบุ๊กมันเก่าควรจะเปลี่ยนได้แล้ว ผมปลอบมัน

แต่...

‘เมมโมรี่ ความทรงจำ’ ที่อยู่ในนั้นต่างหากที่สำคัญ ทั้งเรื่องงาน และเรื่องส่วนตัว ไม่รู้จะ ‘กู้’ คืนมาได้ไหม ต้องลองลุ้นดู

 

ก่อนนอนผมกำลังจะกลับมาฟังเพลงอีกครั้ง เมื่อเปิดไอโฟนขึ้นก็พบกับข้อความที่ถูกส่งเข้ามา

‘ฝันดีครับ รุ่ง พบกันที่ลำปางนะครับ เขนคงไม่ต้องทนเหงาอีกต่อไปแล้ว’

 

อะไร... หมายความว่ายังไง...

ไม่อยากคิด ไม่คิดได้ไหม...

 

ความทรงจำบางอย่างถ้า ‘ลบ’ ได้เหมือน ‘เมมโมรี่’ คอมพิวเตอร์ คงจะดี

จะได้ไม่ถูก ‘กู้’ คืนมาให้ ‘เจ็บปวด’ อยู่ทุกครั้งแบบนี้

ออฟไลน์ B52

  • เป็ดZeus
  • *
  • กระทู้: 13215
  • ให้คะแนนชื่นชมคนนี้: +420/-26
Re: JKL THE SERIES: KEEP: DELETE 31.01.2018
«ตอบ #59 เมื่อ31-01-2018 11:36:49 »

รออีก

 

สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด สนใจลงโฆษณา คลิกดูรายละเอียด


สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด
สนใจ คลิกดูรายละเอียด สนใจ คลิกดูรายละเอียด