มูมู่น้อย อ่าว ทำไมน่ารักไปหมดเลยหล่ะ เหลืออีกคนนะที่น่ารักกว่า แหะๆ ผมชอบคนนี้มากๆหง่ะ
หมูพูห์ คิกคิก สบายดีครับ แต่คงสู้คนที่โทรศัพท์หาแฟนทุกวันไม่ได้หรอก ช่ายม้า คิกคิก
FlukeHub เย้ๆๆ ในที่สุดก็มีเพื่อนเราอ่านตามทันอีกคน เอิ้กๆ เก่งมากๆ
ว้า goneon หนีไปแล้วหรือ
***************************************************************************
.
.
.
.
รอบๆตัวของผมมีแต่ความมืดที่โอบล้อมอยู่ ไม่ว่าจะหันไปทางไหนก็แล้วแต่
ทุกๆที่ล้วนมืดสนิท ไม่มีแม้แต่กระทั่งแสงไฟ ความรู้สึกที่อ้างว้างเปล่าเปลี่ยว
แล้วอยู่ๆก็มีเสียงที่คุ้นเคยเอ่ยขึ้นมา
- เป็นไงมึง ... ยังไม่เข็ดอีกเหรอไง - ร่างที่อยู่ด้านข้างเปล่งเสียงออกมา เมื่อ
หันไปมองก็ปรากฏว่าเป็นตัวผมอีกคนนึงนั่งกอดเข่าอยู่
- เข็ดเรื่องอะไรวะ - ผมถามตัวเอง
ตัวผมเองที่นั่งอยู่เงยหน้าขึ้นมามอง แล้วก็ยิ้มเป็นเชิงดูถูก
- อย่าคิดว่ากูไม่รู้นะ ... ว่าตอนนี้มึงคิดอะไรอยู่ -
- กูไม่ได้คิดอะไร - ผมเถียง
- มึงจะโกหกใครก็โกหกได้ - - แต่มึงอย่ามาโกหกตัวเอง - ร่างที่นั่งอยู่ตะโกนกลับมา
- แน่ใจแล้วเหรอ ? ว่าชอบไอ้โค้กจริงๆ - ร่างนั้นถามตรงประเด็น
- แต่มันชอบกู ! -
- มึงตอบไม่ตรงคำถาม - ร่างนั้นพูดแบบเบื่อหน่าย สองมือยังคงนั่งกอดเข่าอยู่เช่นเดิม
ผมสะบัดหน้าหันหลังให้กลับร่างตัวเอง
- มันจำเป็นด้วยเหรอไง ! ผิดด้วยเหรอ ที่จะเลือกคนที่เค้ารักกู - ผมตะโกนตอบร่างที่นั่ง
อยู่ด้านหลัง
- ปริ้น - - มึงไม่ได้รักไอ้โค้ก -
- กูรัก.. -
- มึงแค่อยากหาคนมาปลอบใจตัวเอง เพราะว่าโดนไอ้โอ้ตทิ้งก็แค่นั้น -
- หุบปาก !! มึงจะมารู้ดีกว่าได้ยังไง - ผมหมดความอดทนหันกลับไปทำท่าจะเตะร่างที่นั่ง
อยู่ แต่ก็พบแต่ความว่างเปล่า ผมหันรีหันขวางไปรอบตัว ก็ไม่พบร่างๆนั้น ได้ยินแต่
เสียงฝีเท้าที่ดังใกล้เข้ามา ใกล้เข้ามาจนมาหยุดยืนอยู่ที่ด้านหลัง
- ทำไมจะไม่รู้ - - เพราะว่ากูคือมึงไง ปริ้น - ผมได้ยินเสียงของตัวเองจากที่ด้านหลังจนต้องรีบ
หันกลับไปหา ก็พบว่าตัวผมอีกคนนึงยืนอยู่เบื้องหน้า น้ำตาที่ไหลอาบแก้มอยู่ไหลเป็นทางยาว
- มึงเจ็บ - - กูก็เจ็บ - ร่างที่กำลังร้องไห้อยู่พูด พร้อมกับค่อยๆก้าวเข้ามาใกล้ จนในที่สุด ก็เดินมา
โอบกอดตัวผมเองที่กำลังยืนนิ่งอึ้ง
- ปริ้น ... อย่าทำร้ายกูไปมากกว่านี้เลยนะ - - ฮ ฮึกก ...- - - ร่างนั้นกอดผมแน่นพลางสะอึกสะอื้น
- - - ห..ให้เวลา กูหน่อย ... ทั้งกู ทั้งมึงเองด้วย ..... -
.
ติ้ดดด ติ้ดดดดดด ติ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
ผมสะดุ้งลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยเสียงนาฬิกาปลุกของไอ้คิวที่อยู่บนหัวนอน กว่าจะควานหา
แล้วก็กดปิดสวิตซ์ได้ก็นานโขอยู่ เมื่อมองไปรอบๆห้องก็เห็นว่าไอ้โค้กนอนขดตัวเอง
อยู่อีกด้านนึงของเตียง ผ้าห่มทั้งผืนคลุมอยู่ที่ร่างของผมคนเดียว
ผมยันตัวลุกขึ้นมานั่งแบบง่วงๆอยู่บนเตียงนอน พลางนึกลำดับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น
เมื่อคืนวานแล้วก็รู้สึกสมเพชตัวเองที่ปล่อยให้เมาได้ขนาดนั้น พลอยทำให้คนอื่น
ต้องเดือดร้อนไปด้วย พอจะลุกขึ้นยืน ก็ทำให้รู้ว่าตัวเองยังคงแฮ้งๆอยู่ ทำให้นึก
ถึงวิธีแก้ที่ไอ้นิคเคยให้ผมกินกาแฟขมจัดเมื่อคราวก่อน
- เฮ้อ ... ทำไมกูนึกถึงมึงได้วะ สัด ... - ผมคิดแล้วก็สั่นหัวปัดเอาความฟุ้งซ่านออกไป
ให้หมด แล้วก็พยุงตัวเองค่อยๆเดินไปที่ประตูห้อง แต่ก็นึกอะไรขึ้นมาได้ก่อน จึง
เดินกลับไปที่เตียง แล้วก็ยกเอาผ้าห่มไปห่มที่ตัวไอ้โค้ก
“ขอบใจมากนะเว้ย ...” ผมกระซิบบอกแล้วก็ลูบหัวมันเบาๆ
.
.
< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.
.
“อ้าว ตื่นเร็วจริง ... ” ซังทักเมื่อเห็นผมเดินลงบันไดมา “- - นึกว่าจะตื่นซะเที่ยง เมื่อคืน
โคตรเมาเลยรู้ตัวเหรอเปล่าฟ่ะ”
“พอจะรู้อยู่บ้าง” ผมตอบ “- - ซังขอกาแฟแก้วดิ ยังแฮ้งๆอยู่เลยวะ”
“เออ รอแป็บ”
“แล้วไอ้คิวอ่ะ” ผมถาม
“นอนอยู่ห้องพ่อมันโน่น โชคดีนะเมื่อคืนพ่อมันไม่อยู่บ้าน ไม่งั้นมีคดีอีกยาว ” ซังว่า
แล้วก็เดินเข้าไปในครัว ครู่นึงมันก็เดินถือกาแฟมาสองแก้ว
“- - โค้กนี่มันก็ดีนะ” มันพูดแล้วก็ส่งแก้วกาแฟมาให้ผม
“อะไรดี ? ”
ซังเหลือบมามองผมนิดนึง
“มันอุตสาห์ดูแลปริ้นทั้งคืน ไม่รู้เหรอไง” ซังว่าพลางกระแทกสีข้างผมเบาๆ
“อือ มีน้องดีก็เงี้ย” ผมว่าพลางจิบกาแฟ
ผมได้ยินเสียงซังถอนหายใจ
“มึงนี่ก็ใจแข็งนะ - - ไอ้โค้กมันออกจะดีแสนดีขนาดนี้ ” มันว่าปลงๆ
“กูคงโง่มั่ง ผมบอกพลางก้มหน้า จนไอ้ซังเห็นท่าไม่ดีเลยเดินมาตบบ่า
“ไม่ได้หมายความว่างั้น - - ใจคนเราอ่ะ มันบังคับให้รักใครได้ซะที่ไหนล่ะ” ซังบอกผม
“- - แล้วถ้าคนเรามันรักกันได้ง่ายๆ โลกนี้ก็คงไม่มีคนอกหักดิวะ”
ผมได้แต่ยืนซดกาแฟอยู่เงียบๆ
“ซัง บอกกูหน่อยดิ - - ทำไงกูถึงจะรักไอ้โค้กได้”
“ตอนนี้มึงก็รักมันไม่ใช่เหรอ ? ”
“แต่กูไม่ได้รักมันแบบ บ..แบบ”
“แฟน ? ”
“เออ แฟน ” ผมพูดเขินๆ
ผมได้ยินเสียงมันถอนหายใจเฮือกใหญ่ๆอีกทีนึง
“ถามไรบ้าๆ ... ถ้าคนเรามันบังคับหัวใจให้รักกันได้ มันจะเรียกว่าความรักเหรอวะ - - รักมันต้องออกมาจาก
หัวใจซิ ปล่อยให้มันเป็นตามธรรมชาติเหอะปริ้น - - ถ้าไม่รัก ก็คือไม่รัก แต่ถ้าเกิดมาคู่กันจริงๆ จะหนีกัน
ยังไง มันก็ไม่พบหรอก”
“เชื่อเรื่องพรหมลิขิตว่างั้น ? ”
“ไม่รู้ซิ .. แต่ไม่แปลกใจเหรอไง ? - - บนโลกมีคนเป็นหมื่นล้านคน แล้วทำไมคนสองคนถึงมารักกันได้ล่ะ”
“เหรอ ... แล้วทำไมซังกะคิวถึงมารักกันได้ล่ะ” ผมแซวมัน
“จะรู้ไปทำแมวอะไรวะ วู้ กะลังซึ้งๆ มาทำตลกแดกซะงั้น” มันพูดแล้วก็เอามือจุ่มกาแฟดีดมาทางผมให้
เปื้อนเล่นๆซะงั้น
“เฮ้อ ... กูจะผิดมั้ย ถ้าจะไม่คบกับมันตอนนี้” ผมหันหน้าไปถามแบบไม่แน่ใจ
“ถ้าจะผิด ก็ผิดตั้งแต่ตอนที่แม่มึงให้เกิดมาแล้วล่ะ ” มันว่าอย่างเจ็บ จนผมต้องเอามือไปโบ้กบาลมันตอบแทน
แล้วก็เดินไปเก็บเสื้อผ้าตัวเองเมื่อคืน
“จะกลับแล้วเหรอ ? ”
“เออ เกรงใจเจ้าของบ้าน อ ผมบอกไปงั้นแหละ เพราะไอ้เจ้าของบ้านยังนอนแผ่อยู่ในห้องอยู่เลย
“ไม่รอไอ้โค้กตื่นก่อนล่ะ”
ผมสั่นหน้า
“บอกมันด้วยล่ะกัน ว่าขอบใจมากสำหรับเมื่อคืน”
“ว่าแต่ กลับบ้านไป ก็ใจเย็นๆหน่อยล่ะกัน - - ร เรื่องพี่โอ้ต กับเพื่อนเค้าน่ะ” ซังมันเลี่ยงที่จะ
เรียกพี่เตว่าแฟน
“อืม .. ไม่เป็นไรแล้วล่ะ อีกอย่างปริ้นก็ไม่อยากโดนต่อยอีก ดูเด๊ะ ยังช้ำอยู่เลย ”
.
.
< - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - >
.
.
ผมใช้เวลาสี่สิบห้านาทีในการขับรถกลับบ้านในเช้าวันนี้ ใจนึงก็อยากจะให้มันถึงช้าๆ
เหลือเกิน รู้สึกตัวอีกทีก็ขับมาถึงประตูบ้านตัวเองแล้ว (โชคดีไม่ขับตกถนน)
“เป็นไงยะ ไม่กลับบ้านกลับช่องเลยนะ งานโรงเรียนสนุกมากล่ะซิ” แม่ผมเหน็บทันที
เมื่อย่างเท้าเข้าบ้านไป
“นิดหน่อยเองอ่า นานๆที - - ก็โทรบอกแม่แล้วหนิ” ผมแก้ตัว
“ให้เพื่อนโทรมาให้เนี่ยนะ”
“ก็ยังดีกว่าไม่บอกเลยล่ะน่า ... จาปีใหม่อยู่แระ บ่นน้อยๆลงหน่อยดิ”
“นี่แม่แกนะ ”
“ก็รู้ว่าแม่ - - ม่ะใช่ป้าข้างบ้าน” พูดเสร็จผมก็รีบหลุบเข้าห้องไปอย่างรวดเร็ว พร้อมกับ
ได้ยินเสียงด่ามาอีกเป็นชุดๆ ตามหลังมา
“โอ้ตเค้าจะกลับวันนี้นะ จะไปส่งเค้าเหรอเปล่า” แม่ผมตะโกนผ่านประตูเข้ามา
“อ้าว ไหนว่าจะอยู่ถึงปีใหม่ไง” ผมตะโกนถาม
“ไม่รู้ซิ แต่เห็นเพื่อนเค้าไม่ค่อยสบายนี่นา เลยต้องรีบกลับ” แม่บอก
“เออแม่ ถามไรหน่อยดิ ” ผมตะโกนไปอีก
“แกจะโผล่หัวออกมาจากห้องได้มั้ย ชั้นขี้เกียจตะโกน ” แม่ว่า
“เออ แม่ ... มะเร็งอ่ะ - -” ผมตัดสินใจถามโดยลืมนึกไปว่า ป๊าก็เป็นมะเร็งตับตาย
“ว่าไง”
“มะเร็งนี่เค้ารักษาให้หายได้ป่ะ”
“อยู่ๆถามเรื่องนี้ มีอะไรเหรอ” แม่พูดเหมือนจะผิดสังเกต
“เพื่อนคนนึงเค้าเป็นอยู่อ่ะ - - แต่พึ่งเริ่มเป็น เห็นบอกว่าเป็นเกี่ยวกะเม็ดเลือดขาวนี่ล่ะ” ผมปด
“ถ้าเป็นเม็ดเลือดขาว ก็คงรักษาได้ล่ะมั้ง - - แต่คงต้องใช้เวลา แต่ถ้าเป็นมานานแล้วก็เรื้อรัง
ก็คงยากอยู่” แม่ตอบ
“เหรอ ? ”
“แล้วโอ้ตมันจะ เอ้ย แล้วพี่โอ้ตจะไปกี่โมงล่ะ”
“บ่ายๆล่ะ”
“ตอนนี้เค้าอยู่บนเรือนใหญ่กันใช่ม่ะ” ผมถาม แล้วก็เปิดประตูเดินออกไปจนถึงเรือนใหญ่ ชะเง้อ
คอไปมา ก็ไม่เห็นพี่เตอยู่ด้วยนี่หว่า เหรอว่ายังนอนอยู่ที่ห้องโอ้ตนะ คิดได้แบบนั้นก็เลยเดิน
ย้อนกลับไปดูที่บ้านโอ้ต ก็จริงอย่างที่คิด เมื่อเห็นพี่เตนอนแบ็บอยู่ สงสัยจะป่วยหนักแฮะ..
ผมตัดสินใจเดินเข้าบ้านโอ้ตไปอีกที
“อ้าวปริ้น” ป้าเล็กทักจนผมสะดุ้ง ตกใจหมดนึกว่าไอ้โอ้ต
“เจ้าโอ้ตเค้าอยู่บนเรือนใหญ่นะ” ป้าเล็กบอก
“อ่อ รู้แล้วคับ - - ค คือ ผมมาคุยกับพี่เตอ่ะ” ผมอ้อมแอ้มตอบ
“อื้อ .... ยังไงก็ดูก่อนนะว่าพี่เค้าหลับอยู่เหรอเปล่า ดูท่าทางจะป่วยหนักอยู่เหมือนกัน” ป้าเล็กบอก
ผมด้วยสีหน้าเป็นกังวล (แหม เป็นห่วงลูกสะใภ้เหรอป้า)
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
ผมทำใจ กลืนน้ำลายเอื๊อกใหญ่ก่อนจะเคาะประตู
“ไม่ได้ล็อกห้องคับ เข้ามาได้เลยครับ” เสียงพี่เตบอกเซือยๆ แต่ก็ดูเกรงใจอยู่ในที
ผมกลืนน้ำลายอีกเอื๊อกหนึง แล้วก็ค่อยๆเปิดประตูเข้าไปเบาๆ พอพี่เตเห็นว่าเป็นผม
เดินเข้าไป ถึงกะหน้าซีดเผือด ไม่ต้องห่วงหรอกคับ วันนี้ผมไม่ได้มาฆ่าพี่ -*-
(เน้นว่า วันนี้)
“หวัดดีคับพี่” ผมก้มหน้าทักทายพี่เค้าไป
“ครับ สวัสดีครับ น้อง ป ปริ้น...” พี่เตพูดตะกุกตะกักเล็กน้อย พลางกุลีกุจอจะลุกขึ้น
“เออ พี่นอนก็ได้ครับ ไม่ต้องลำบากลุกหรอก” ผมพูดเสียงอ่อน เพราะกลัวว่าพี่เค้าจะ
เข้าใจผิด
“ม.. ไม่เป็นไรครับ พี่พอลุกไหวอ่ะ ” พี่เตบอก แล้วก็ยิ้มแห้งๆให้ผม โห วันก่อนกูทำ
ลงไปได้ยังไงกันนะ ผมเปลี่ยนเดินมานั่งตรงปลายเตียงแทน พี่เค้าจะได้ไม่ต้องลำบาก
ลุกขึ้นมายืนคุย
“ร เรื่องเมื่อวาน ... ผมขอโทษจริงๆนะครับ” ผมยกมือไหว้ด้วยใจจริง เห็นพี่เตรับไหว้
แทบไม่ทัน
“ไม่เป็นไรครับ พ พี่พอจะเข้าใจ ” พี่เตว่า
“เข้าใจว่าอะไรเหรอครับ”
พี่เตดูจะอ้ำอึ้ง แล้วก็ลำบากใจที่จะตอบ แต่ดูเหมือนหน้าผมจะคาดคั้นมั้ง
“ก ... ก็เรื่องที่ เออ โอ้ตกับพี่เป็น เออ .... ”
“ครับ ... ” ผมพูดตัดบท
“พี่คิดว่า คนที่เป็นน้องก...ก็คงไม่พอใจที่เห็น พี่ตัวเองคบ เออ .. คบกับ กับ - - ”
“ผู้ชาย” ผมตอบแทน
“อือ ทำนองนั้นล่ะ”
พี่เตบอกผมเสียงไม่ค่อยดี แต่ดูเหมือนว่าโอ้ตจะไม่บอกว่าผมเคยเป็นแฟนกับมันมาก่อน
แล้วก็ไม่ได้บอกว่าที่ผมบุกมาเมื่อวานนั้นเป็นเพราะอะไร ซึ่งก็คงจะดีกว่าล่ะมั้ง
“ผมก็ตกใจนิดหน่อยครับ ก็เลยลืมตัวไป” ผมเสแสร้งพูดไปตามความเข้าใจของพี่เต
“..............................”
“..............................”
เงียบกันไปพักใหญ่
“เออ .. ผมขอถามอะไรหน่อยได้มั้ย”
“ครับ” พี่เตรับคำ
“ดูเหมือนพี่โอ้ตจะรักพี่เตมากเลยเนอะ ” หน้าตาผมตอนนี้คงจะเรียกได้ว่าเป็นนักแสดงตุ๊กตุ่นทองได้เลย
ล่ะมั้ง เพราะรู้สึกว่าถามได้เรียบเฉยมาก ต่างจากในใจนี่โคตรร้อนรุ่มเลย ผมเห็นพี่เตนั่งก้มหน้าไม่พูด
ไม่จา
แล้วก็หันมายิ้มน้อยๆให้ผมแทนคำตอบ
“พี่ขอไม่ตอบได้มั้ยครับ น้องปริ้น - - พี่รู้แต่ว่า ... พี่รักโอ้ตมากครับ”
ตึกตึก ตึกตึก ....
ผมรู้สึกว่าหัวใจเต้นถี่ระรัว รู้สึกเจ็บจี้ดๆ แต่ก็ไม่เท่ากับเมื่อวาน หมายความว่ายังไง ตัวเองรักโอ้ตมาก แต่
ไม่รู้เหรอว่าโอ้ตรักตัวเองแค่ไหน
“ขอโทษครับน้องปริ้น - - เพียงแต่พี่ไม่รู้ว่า โอ้ตเค้ารักพี่เหมือนกับที่พี่รักเค้าเหรอเปล่า..เท่านั้นเอง ”
อยู่ๆพี่เตก็บอกออกมา
“ม..หมายความว่าไงครับ - - ผมไม่เข้าใจ” แต่พี่เตก็สั่นหน้าเหมือนกัน เลยไม่อยากจะเซ้าซี้ต่อ เพราะ
ดูท่าทางพี่เค้าก็อัดอั้นเหมือนกัน ตอนนี้กลับกลายเป็นว่า ผมชักจะฉุนไอ้โอ้ตขึ้นมาแทนแล้ว
“ง..งั้นผมไม่กวนพี่แล้วล่ะครับ พักผ่อนล่ะกัน - - เออ ผมขอโทษนะครับ” ผมว่าพลางจะลุก
จากเตียง แต่พี่เตก็คว้าข้อมือผมไว้ก่อน
“น้องปริ้น ค คือ... ขอโทษนะครับ ที่ทำให้ต้องลำบากใจ ร เรื่อง.... - - ”พี่เตว่าไม่ทันจบ
ผมก็เอามืออีกข้างจับมือพี่เตไว้เบาๆ (นุ้มนุ่ม)
“ไม่เป็นไรครับพี่ .... ” ผมยิ้มให้พี่เต และพี่เตก็ส่งยิ้มให้เช่นกัน
พอคุยกับพี่เตเสร็จ พึ่งจะปิดประตูห้องคล้อยหลังไปได้ไม่ทันไร ไอ้โอ้ตก็เปิดประตูบ้านเข้ามา
ซะนี่ ประจวบเหมาะจริงๆ ดูมันตกตะลึงเหมือนกันที่เห็นผมพึ่งออกมาจากห้องนอนที่พี่เต
นอนอยู่
“ปริ้น ... ”
“..........”
“ข..เข้าไปที่ห้องโอ้ตได้ไง”
“ถามแปลก ก็เดินเข้าไปดิครับ จะให้เข้าไปยังไง” ผมกวนตีนกลับไป
“ปริ้น” มันเรียกผมแล้วก็ย่างเท้าเข้ามาหาอย่างรวดเร็ว มันจะต่อยผมทั้งๆที่จะไม่ถามซักคำเหรอว่า
เข้าไปทำอะไรในห้องอ่ะ ผมหลับตาปี๋เมื่อเห็นมือมันพุ่งเข้ามา
- เอ๊ะ ทำไมยังไม่ต่อยซะทีวะ - ผมค่อยๆแอบลืมตาทีละนิด ปรากฏว่ามันเอามือมาจับที่บริเวณปากที่เป็น
แผลอยู่ ทำเอาต้องรีบสะบัดหน้าหนีกันไม่ทันเลยทีเดียว
“ท..ทำอะไรอ่ะ ” ผมพูดเสียงตะกุกตะกัก
“ขอโทษนะ” มันว่าพลางจะเอามือมาจับอีก
“ไม่จำเป็น ... ” ผมสวมบทนางเอกสุดริดปัดมือมันไปอีกทีนึง นี่กูต้องลงไปนอนกลิ้งร้องไห้อยู่กับพื้น
ด้วยม่ะนี่
“ปริ้น ... ”โอ้ตเรียกชื่อเสียงอ่อย
“รู้แล้วๆ - - แค่เข้าไปขอโทษพี่เตเค้านิดหน่อย พอใจเหรอยัง” ผมตอบแบบกวนโอ้ย ขอไปที
ปั้งงงงงงงงง .....
ไอ้โอ้ตมันเอาสองมือตบไปที่ผนังเสียงดังลั่น โดยมีตัวผมยืนคั่นกลางระหว่างสองมือมัน โอ้ย กูตกใจ
หมดเลย
“เป็นเหี้ยอะไรขึ้นมาอีก ” ผมถามไปด้วยความตกใจปนโกรธ
มันจ้องตามาที่ผมเขม็ง ไม่ยอมพูดอะไร ผมอ่านสายตามันไม่ออกจริงว่ามันกำลังคิดอะไรอยู่
“โอ้ต - -” ผมพยายามข่มอารมณ์ให้เย็นลง
“โอ้ตรักพี่เตเหรอเปล่า .... ” ผมกลั้นใจถามคำถามเดียวกับที่ถามพี่เตเมื่อกี้ ผมกำลังพยายามตัดใจ
ถ้าโอ้ตบอกว่ารัก ผมก็พร้อมจะจบมันลงตรงนี้ พอกันทีกับสิ่งที่พันธนาการความรู้สึกของผม
อยู่ตอนนี้
“บอกมา ..... - -” ผมทวนคำถาม ความรู้สึกเหมือนมีก้อนอะไรบางอย่างขึ้นมาจุกอยู่ที่คอ
ไอ้โอ้ตยังคงยืนเอามือพิงผนังคล่อมตัวผมเงียบงัน มีแต่เพียงสายตาที่พยายามจะบอกอะไรบางอย่าง
ให้กับผมรู้เท่านั้น ....... แต่เข้าใจมั้ย กูไม่รู้ กูไม่รู้ ทำไมมึงมีอะไรไม่พูด ....
“บอกมา - - -” ผมเอามือไปคว้าคอเสื้อมัน
“บอกมา - - - บอกมา - - บอกมาเซ่ - - ฮืออ บอกมา มึงพูดอะไรออกมามั่ง ฮะ ฮึก บอกกูมา ไอ้โอ้ต - - ”
ผมกระชากคอเสื้อมันเหวี่ยงไปมาพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้มันไหลกับเรื่องนี้อีก แต่มันก็ทนไม่ได้
เจ็บใจมากกว่า ว่ามันจะทำอะไรของมัน .... ทั้งๆที่ผมกระชากคอเสื้อมัน แต่มันก็ปล่อยให้ผมทำอยู่นั่นแหละ
เอาแต่เงียบไม่พูดห่าอะไรออกมาซักนิด (มึงเป็นใบ้เหรองายยยยย) จนผมรู้สึกเหนื่อย
“แฮ่ก แฮก .... ”
มันได้แต่มองผมอยู่อย่างงั้น แล้วก็เงียบ เงียบ เงียบ
“มึงเห็นแก่ตัวมากนะ ไอ้โอ้ต” ผมด่ามัน แล้วก็เดินไปดึงคอเสื้อมันอีกรอบ ให้เข้ามาใกล้ตัวผมมากที่สุด
“- - ฟังนะ ..... ทำแบบนี้ คิดว่ามันจะมีอะไรดีขึ้นมาเหรอไง - - ทำแบบนี้ มึงมีความสุ - - ” ผมพูดไม่
ทันจบ ไอ้โอ้ตก็ดึงตัวผมไปกอดไว้
“ปล่อย - - ปล่อยยย ” ผมทั้งเหวี่ยงหมัด ทั้งเตะมันให้หลุดจากอ้อมกอดของมันให้ได้ แต่ก็เปล่า
ประโยชน์ ตัวมันใหญ่ขึ้นเยอะ แรงมันก็เยอะขึ้น แต่ผมก็ยังไม่ยอมแพ้...
“ปล่อยยย - - ปล่อยกูนะ มึงจะทำแบบนี้กะกูไม่ได้นะ - - ฮึก ฮึกก - - ม..มึงจะทำแบบนี้ ม..
ไม่ได้ ไม่ได้นะ ........ ” แล้วในที่สุดความพยายามของผมก็เป็นผลสำเร็จ เมื่อใช้แรงเฮือกสุดท้าย
ดันตัวมันออก แล้วก็ประเคนหมัดเข้าไปที่ท้องมันอย่างเต็มแรง
“อั๊ก ...... ” ได้ผลคับ มันทรุดลงไปกองกับพื้น
ผมเอามือปาดน้ำตาให้ออกไป แล้วก็ดึงไอ้โอ้ตขึ้นมาอีกทีนึง แล้วก็จ้องหน้ามันเขม็ง
“ต่อไปนี้ เรื่องของเรามันจบแล้ว มันจบแล้ว ได้ยินมั้ยยย - -
ดูแลคนที่มึงสัญญาว่าจะดูแลเค้าให้ดี เข้าใจมั้ยยยยยย ”
ผมตะโกนใส่หน้าไอ้โอ้ต แล้วก็ผลักมันล้มลงไปกองอยู่กับพื้นอย่างง่ายดาย(สงสัยยังจุกอยู่)
แล้วก็รีบก้าวเท้าออกไปจากบ้านทันที ในระหว่างนั้นภาพแต่ละภาพที่เคยคบกับไอ้โอ้ตมัน
ค่อยๆผุดขึ้นมาเรื่อยๆ
ภาพที่มันยื่นเสื้อนักเรียนที่พึ่งปักเสร็จสดๆร้อนๆให้กับมือ
ภาพที่มันงอนผมที่ไปนอนค้างบ้านไอ้คิวโดยที่ไม่บอก
ภาพที่มันติวเลขให้กับผม
ภาพจูบแรกของเราสองคนบนเตียงนอน
ภาพที่เล่นน้ำทะเลกันบนเกาะพะงัน
แล้วก็ภาพสุดท้าย ...............
ครึกกก โครมมมมม
ล้อรถที่หมุนคว้างบนถนนเมื่อสองสามปีที่แล้ว ที่โอ้ตมันขับรถไปคว่ำบนถนนเพชรเกษม
“โอ้ตนี่เป็นคนดีจังน้า”
“ฮื้มม ดียังไง ” โอ้ตถาม
“ โอ้ตมันคงจะหักหลบคนซินะ ทั้งๆที่สถานการณ์แบบนี้ คนบ้าวิ่งตัดหน้าแบบนี้ ….
มันยังยอมเลือกให้ตัวเองเจ็บ”
ทำไมมึงต้องยอมให้ตัวเองต้องเจ็บด้วยวะ ทำไมมึงต้องไปแคร์คนอื่นเค้ามากขนาดนี้ด้วย ไอ้โอ้ต
ผมปิดประตูบ้านเสียงดังสนั่น ยืนหอบแฮ่กๆ อยู่หน้าบ้าน พลางปาดน้ำตาออกให้ไม่เหลือคราบ
- พ..พอกันที - - ในเมื่อรักแล้วมันทำให้เจ็บปวดแบบนี้ กูก็จะไม่รักใครอีกแล้ว !! - ผมคิดกับตัวเอง
- เออก็ดี .. กูถึงได้บอกไง มึงเจ็บ - - กูก็เจ็บ - เสียงใครบางคนเปล่งออกมาจากจิตใต้สำนึกของผม
.
.
ติ้ดดด ติ้ดดดดดด ติ้ดดติ้ดดด ติ้ดดดดดด ติ้ดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดดด
- สัด ใครโทรมาตอนนี้วะ ไม่รู้จักเวล่ำเวลา -
“โหล”
“เป็นเหี้ยไร รับโทรสับช้าชิบหาย” เสียงไอ้นิคดังมาจากปลายทาง โอ้ย กูปวดหัว...
.
.
.
.
.
.